ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - โทนี่ วู๊ดดี้

หน้า: 1 ... 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13
351


เชื่อว่าท่านใดที่กำลังจะซื้อทีวี หรือโทรทัศน์ใหม่สักเครื่องเมื่อไปที่ร้านแล้วจะมีคำแนะนำเรื่องหน้าจอที่หลากหลายมาก ชวนให้เราปวดหัวได้ง่าย ๆ ด้วยคำศัพท์ที่แสนยาก ทั้ง oled VS 4K VS LED ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทั้ง 3 สิ่งนี้มีความแตกต่างกันเช่นไร ขอรวบรวมความน่าสนใจมาให้ศึกษา เพื่อการเลือกใช้งานได้ตอบโจทย์ที่สุด

ความต่างของ oled VS 4K VS LED ควรซื้อชนิดใด
1. แบบ Organic light-emitting diode
ค่อนข้างน่าสนใจมาก ๆ กับ oled tv เทคโนโลยีที่ทันสมัย มีสารประกอบที่ช่วยให้พิกเซลหน้าจอมีความละเอียดอ่อนมากขึ้น มีความสว่างเพิ่มขึ้น และมีความเข้มข้นของแสงสีเพิ่มมากขึ้น ทำให้ดูสมจริงมาก ๆ เพิ่มอรรถรสในการดูได้อย่างดี โดยเฉพาะปัจจุบันที่มีภาพยนตร์ให้ดูผ่านแพลตฟอร์ม อย่าง NETFLIX หรืออื่น ๆ ก็ตาม ทำให้ดูมีความสวยงาม สมจริง โดดเด่นเรื่องระบบเสียงไดนามิกที่มีความบางเฉียบ มีเสียงเบสที่ฟังชัดหนักแน่นทรงพลัง สั่นสะเทือนน้อยมาก ทำให้รับชมได้ต่อเรื่องไม่มีสะดุด

2. ชนิด 4K หรือ high-definition
หรือที่เรียกกันอีกสั้น ๆ ตามที่เคยได้ยินคือ HD ที่มีจำนวนพิกเซล 1080 ซึ่งโดยทั่วไปทีวี หรือโทรทัศน์ปกติจะมีความละเอียดอย่างน้อย 3840 x 2160 พิกเซล ทำให้การแสดงภาพมีความคมชัดได้อย่างต่อเนื่อง และด้วยจำนวนพิกเซลที่มีมากก็เพิ่มขึ้นเป็น 8.3 ล้านพิกเซลโดยที่มากกว่าจำนวนพิกเซลของ HDTV ที่มีทั่วไป นอกเหนือไปจากความโดดเด่นเรื่องความละเอียดแล้ว แบบ 4K ก็ยังมอบช่วงสีที่กว้างมากขึ้น ทำให้ภาพมีความสมจริงได้ในระดับหนึ่งแต่ก็ไม่เท่าแบบแรก ทั้งนี้ สนนราคาก็จะถูกกว่า

3. แบบ LED หรือ Light-Emitting Diode
เป็นอีกหน้าจอสมาร์ททีวีที่มีความนิยมสูงอย่างมากเช่นกัน โดยที่มีการวางคริสตัลเหลวที่กระจกโพลาไรซ์สองชั้น ทำให้การเปิดรับแสงผ่านหรือปิดกั้นได้หมดเลย นอกจากหน้าจอทีวีจริง ๆ ชนิด LED ก็เป็นหน้าจอมือถือได้ด้วย เนื่องจากมีการใช้ไฟเป็นแบ็กไลด์ มีการควบคุมความสว่างของแสงได้ด้วยไฟแบ็กไลด์ที่ประมวลสัญญาณขึ้นหลายร้อยจุดในทีวี ทำให้ได้ภาพที่มีสีละเอียดสูง ลึกล้ำยอดเยี่ยม

จะเห็นได้เลยถึงความแตกต่างของทั้ง oled VS 4K VS LED ที่เราควรเลือกซื้อเลือกหาตามการใช้งาน ซึ่งเพื่อความใช้งานที่สร้างความบันเทิง ความเพลิดเพลิน คลายเหงาแล้ว เราจำเป็นต้องเรียนรู้ข้อควรระวังบางประการด้วย เพื่อให้การใช้งานผ่านไปได้ราบรื่นเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นห้ามจัดวางทีวีไว้ที่ที่มีความชื้นหรือฝุ่นหนา ไม่ควรติดตั้งในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป และสุดท้ายหากพบว่าสินค้าชำรุด หรืออยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์แล้วจะต้องหยุดใช้งานทันที พร้อมติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจเช็คเพื่อซ่อมแซม

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA0703

352


ในการใช้งานกล่องเก็บของพลาสติกนั้น หลายคนเลือกใช้งานกันขั้นสุด ด้วยความสะดวกสบาย พร้อมเก็บได้เป็นที่เป็นทาง กระนั้นเมื่อใช้ไปแล้วก็ควรต้องมีการล้างทำความสะอาดด้วย แต่หากท่านไหนเพิ่งเคยซื้อและยังไม่รู้ว่าจะล้างยังไงให้ดีที่สุด เราก็มีมาแนะนำกับทริคง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้ ให้กล่องเหมือนใหม่พร้อมใช้เสมอ

4 ทริคทำความสะอาดกล่องเก็บของพลาสติก
1. ใช้แล้วล้างน้ำเลยทันที
หากการใช้งานกล่องของคุณ ๆนั้นมีการเปื้อน หรือต้องเก็บของที่พาฝุ่นเกาะ เมื่อไม่ได้ใช้งานแล้วก็ให้ล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าได้เลย จะล้างแบบน้ำผ่าน ๆ หรือแช่น้ำทิ้งไว้ก็ได้ พร้อมช่วยให้กล่องของท่านสะอาดได้ไม่ยาก เนื่องจากการปล่อยไว้นานโอกาสที่จะคราบเกาะติดนานแล้วล้างยากก็จะมีตามไปด้วย

2. หากมีกลิ่นควรใช้น้ำส้มสายชูจัดการ
หากกล่องพลาสติกของคุณเกิดกลิ่นแปลก ๆ หรือมีปัญหาเรื่องกลิ่นขึ้นมา นำเสนอให้ใช้น้ำส้มสายชูจัดการเลยดีที่สุด โดยให้ใช้ 1 – 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำเปล่าแล้วเทไปที่กะละมังปริมาณที่เหมาะสมกับขนาดกล่องของเรา แล้วแช่ไปเลยนาน 1 คืน หลังจากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำเปล่าตามปกติ เช็ดให้แห้ง แค่นี้กลิ่นเหม็นที่มีก็จะจางหายไปได้แล้ว

3. ใช้ฟองน้ำล้างทำความสะอาด
ในการใช้งานกล่องอเนกประสงค์นั้นแน่นอนว่ามีคราบ มีสิ่งสกปรก ฝุ่นต่าง ๆ มาเกาะได้อยู่แล้ว สิ่งต่อมาที่สามารถนำมาใช้ล้างทำความสะอาดได้ดีกับพลาสติกก็คือฟองน้ำ และที่ไม่แนะนำให้ใช้เลยทั้งนี้เพราะจะสร้างรอยขีดข่วนต่าง ๆ ได้ก็คือสก็อตไบร์ท หรือฝอยขัดหม้อ ซึ่งฟองน้ำจะช่วยเช็ดล้างได้อย่างละเอียดอ่อน ไม่เกิดรอยเล็ก ๆ ในกล่องของเราที่เป็นพลาสติกได้

4. หากมีคราบให้ใช้มะนาวช่วย
สุดท้ายเผื่อว่าบางคนเก็บของในกล่องไปแล้วเกิดมีคราบเยอะ คราบติดแน่น ให้คุณ ๆเลือกเอามะนาวมาใช้ถูทำความสะอาดได้เลย แนะนำให้เน้นไปที่ที่มีคราบมันเยอะ อาจจะบีบน้ำมะนาวให้ออกมาด้วยนิดหน่อยก็ได้ เพื่อให้กรดของน้ำมะนาวได้ขจัดเอาคราบต่าง ๆ ออกไป พร้อมจัดการกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ที่มีอยู่ให้ออกไปง่าย ๆ ด้วย เมื่อเราใช้มะนาวในการขจัดคราบแล้วก็นำกล่องไปชำระล้างตามปกติได้เลย

กล่องเก็บของที่เป็นกล่องวัสดุพลาสติกนั้นมีโอกาสที่จะเกิดคราบ สิ่งสกปรกฝังแน่นได้ไม่ยาก และเราเองก็มีโอกาสที่จะได้เห็นง่ายมากตามไปด้วย หวังว่าเทคนิคที่เราแนะนำเหล่านี้จะมีส่วนช่วยให้คุณล้างทำความสะอาดได้กล่องเหมือนใหม่ ใช้งานเก็บของต่าง ๆ ได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ

คุณลูกค้าสามารถดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP1206

353


การทำความสะอาดพื้นที่ต่าง ๆ  สิ่งนึงที่จะขาดไม่ได้เลยนั้นก็คือแปรงทำความสะอาด ทว่าจะเลือกซื้อมาดื้อ ๆ โดยไม่ศึกษาลักษณะคุณสมบัติที่เหมาะสมเลยก็อาจจะใช้ได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นในครั้งนี้เราจึงอยากจะมานำเสนอลักษณะแปรงที่ควรค่าต่อการใช้งาน เพื่อให้การซื้อผ่านไปได้ราบรื่น ไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาไปซื้ออันใหม่บ่อย ๆ
ลักษณะแปรงทำความสะอาดที่เหมาะสมกับการซื้อใช้งาน
1. มีการเลือกใช้วัสดุที่ดีมีคุณภาพ
อันดับแรกที่เราต้องทราบมาก ๆ และต้องดูให้ดีเลยก็คือเรื่องของวัสดุในการทำแปรง ที่จำเป็นต้องเลือกเป็นพลาสติกหนามีคุณภาพดี มีความพร้อมที่จะให้เราได้จับใช้งานขัดถูก ทนทานต่อการใช้งานต่าง ๆ ได้ดี

2. ด้ามจับควรดีไซน์ให้จับง่าย ไม่ลื่น
แน่นอนว่าเรื่องของแปรงช่วยทำความสะอาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งแปรงขัดพื้นเราควรเลือกดูช่วงจับให้ดีด้วย ต้องเลือกด้ามที่จับสะดวก มีการดีไซน์ที่ดีจับแล้วไม่ไหลลื่น จับแล้วถนัดมือขั้นสุด ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าถึงการทำความสะอาดได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ ขัดตรงไหนก็พร้อมไปกับเราสม่ำเสมอ

3. น้ำหนักเบา
เรื่องน้ำหนักก็สำคัญกับการหยิบจับใช้งานไม่น้อย เหตุเพราะหากแปรงมีน้ำหนักมากก็จะทำให้เราต้องออกแรงเยอะ จะขยับไปเข้าซอกมุมไหนก็เป็นปัญหาได้ ตรงข้ามหากเป็นแปรงที่มีน้ำหนักเบาเราก็อยากจะหยิบจับใช้งาน เข้าถึงทุกซอกมุมได้อย่างดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก่อนซื้อก็ควรมีการหยิบจับดูความถนัด ดูน้ำหนักด้วย

4. ขนแปรงควรแข็งแรง
เรื่องของขนแปรงก็สำคัญที่ควรมีความแข็งแรงทนทาน อาจจะเป็นแปรงที่ส่วนปลายมีพลังในการขจัดคราบได้ดี ไม่ว่าจะแปรงใช้ขัดพื้น แปรงขัดห้องน้ำ รวมไปถึงถ้าเป็นไปได้เคลือบสารต่าง ๆ ที่ช่วยด้านสุขอนามัย จัดการกับแบคทีเรียได้ดีก็จะดีมากขึ้น ทนทานต่อสารเคมีไม่เป็นปัญหาเมื่อต้องใช้งานร่วมน้ำยาเช็ดล้างเป็นเวลานาน ๆ

5. หากเป็นแปรงใช้ซักผ้าควรขนนุ่ม ด้ามจับเกรดดี
สุดท้ายก็คือบางคนเลือกใช้แปรงซักผ้าที่ลักษณะเป็นด้ามจับไม้ก็ควรเป็นไม้พาราที่คัดเกรดมาอย่างดี มีการอบการกำจัดเสี้ยนแล้ว ทำให้จับถนัดมือมากขึ้น รวมถึงขนแปรงก็จะนุ่มว่าแปรงประเภทอื่น ๆ พร้อมขจัดคราบสิ่งสกปรกบนเสื้อผ้าได้ดี หรือจะขจัดเฉพาะจุดก็ทำได้ดี เช่น แขนเสื้อ ปกเสื้อ ฯลฯ

อย่างไรก็ดี ในการใช้งานแปรงทำความสะอาดไม่ว่าจะจำพวกใดก็ตามหลังใช้งานเสร็จควรมีการทำความสะอาด หากต้องใช้ร่วมน้ำยาก็ควรดูด้วยว่าแปรงที่ใช้เหมาะสมลักษณะน้ำยาแบบไหน รุนแรงมาก รุนแรงน้อย อีกทั้งห้ามจัดเก็บในพื้นที่ใกล้เปลวไฟ หรือมีความร้อนสูง เสี่ยงวัสดุได้รับความเสียหายได้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0204

354

เชื่อเหลือเกินว่าในปัจจุบันเมื่อจะไปเลือกซื้อม็อบถูกพื้นแล้วนั้นมักจะได้รับคำแนะนำให้เลือกใช้งานไม้ม็อบดันฝุ่นเยอะมาก กลับกลายเป็นความสงสัยว่าเพราะอะไรถึงได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นนี้ และเราไม่รอช้าที่จะไปสืบเสาะหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาให้ศึกษา ซึ่งเหตุผลที่แท้จริงจะเป็นเช่นใด ว่าแล้วก็ไปติดตามพร้อมกันได้เลยอย่ารอช้า

เหตุผลที่ไม้ม็อบดันฝุ่นได้รับความนิยมในปัจจุบัน
ต้องอธิบายก่อนว่าม็อบประเภทนี้เป็นม็อบที่มีขนาดผ้ากว้าง ส่วนมากจึงเอามาใช้กับพื้นที่ที่กว้าง โดยลักษณะพิเศษจะใช้เป็นผ้าคัตตอน (Cotton) ที่มีการผสมน้ำยาเพื่อการเก็บฝุ่นที่ดี ซึ่งเหตุผลที่ปัจจุบันม็อบประเภทนี้ได้รับความนิยมก็เพราะ
1. การใช้งานไม้ม็อบช่วยดันฝุ่น
การใช้งานโดยทั่วไปแล้วจะเป็นลักษณะหมุนเป็นเลข 8 เพื่อเก็บพื้นที่ในการถูกได้กว้างเพิ่มขึ้น และเหมาะสำหรับพื้นที่ที่เป็นทางยาว การใช้งานควรเอาปลายผ้าที่เป็นด้านหน้าใช้เช็ดเท่านั้น เนื่องจากส่วนด้านหน้าจะมีเส้นใยเก็บและดักฝุ่นได้มีประสิทธิภาพที่สุด ทำให้การทำความสะอาดไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเช็ดซ้ำหลายรอบ พื้นที่กว้างคือต้องใช้เลยจริง ๆ

2. สรรพคุณน่าสนใจ
ไม้ม็อบถูพื้นดันฝุ่นนั้นจะเป็นลักษณะของผ้าม็อบที่ถูแห้ง เช็ดพื้นทั่วไป ไม่เหมาะกับบริเวณที่เปียก หรือมีน้ำ ช่วยเก็บบังผงได้อย่างดี ทำให้พื้นมีความเงางามมากยิ่งขึ้น สถานที่ไหนรู้ตัวมีฝุ่นเยอะและเป็นพื้นที่แห้งซื้อมาใช้งานตอบโจทย์การทำความสะอาดฝุ่นขั้นสุด

3. การเก็บรักษาไม่ยุ่งยาก
อีกเรื่องที่ต้องพูดถึงก็คือการเก็บรักษาที่โดยปกติแล้วหลังจากใช้งานเสร็จก็จะสะบัดเอาฝุ่นที่เกาะติดอยู่ออกไป หรืออาจจะใช้แปรงมาถูกที่ผ้าม็อบที่มีฝุ่นติดออกให้หมด รวมทั้งใช้เครื่องดูดฝุ่นช่วยด้วยได้ แล้วจึงนำไปซักทำความสะอาดให้เรียบร้อย สุดท้ายล้างด้วยน้ำอุ่น และควรตากไว้ในที่ร่มและมีอากาศถ่ายเทได้ดี

แม้กระนั้น ไม้ถูพื้นดันฝุ่นนั้นมีใช้งานเป็นแบบไมโครไฟเบอร์ด้วย สามารถใช้ได้กับพื้นลามิเนต พื้นไม้ และพื้นกระเบื้อง โดยติดแผ่นรองเข้ากับหัวม็อบ ต่อจากนั้นจุ่มแผ่นลงในน้ำ หรือใช้น้ำยาทำความสะอาดลงไปเล็กน้อยหากต้องการถูพื้นเปียก ดันไม้ไปตามพื้นเพื่อจัดการสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้เลย แล้วล้างแผ่นไมโครไฟเบอร์ด้วยน้ำอุ่น หรือจะซักในเครื่องซักผ้าโดยใช้น้ำอุ่นก็ได้เช่นกัน

ทราบกันดีเลยว่าไม้ม็อบดันฝุ่นเป็นที่นิยมในการใช้งานแน่นอนว่าจึงมีหลากหลายยี่ห้อผลิตออกมาให้เราได้เลือกใช้งาน ปัจจัยสำคัญคือการไตร่ตรองถึงความสำคัญในการใช้งาน และเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพมากที่สุด แข็งแรง ทนทาน อาจจะดูจากรีวิวผู้เคยใช้งานมาก่อนก็ได้เช่นกัน

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0208

355


เชื่ออย่างยิ่งว่ามีคนอีกมากมายเมื่อคิดจะทำสนามหญ้าหน้าบ้านต้องมีการเลือกใช้งานหญ้าเทียม แต่กระนั้นก็กลายเป็นคำถามที่สงสัยขึ้นมาด้วยเช่นกัน ว่าหากเลือกหญ้าลักษณะนี้ใช้งานแล้วการดูแลรักษาจะยากกว่าหญ้าจริงหรือเปล่า?? หากไม่อยากให้ต้องเป็นคำถามสงสัยอีกต่อไป ก็มีรายละเอียดมาให้ศึกษาว่าแล้วก็ไปดูกันเลยดีกว่า

ไขข้อสงสัย.. หญ้าเทียมดูแลรักษายากกว่าหญ้าจริงหรือเปล่า?
ก่อนสิ่งอื่นใดอยากให้ได้ทำความเข้าใจเล็กน้อยถึงความสำคัญที่ทำให้หลายคนเลือกใช้งานหญ้าแบบนี้มากกว่าหญ้าจริง ก็เพราะมีส่วนช่วยในการเพิ่มความเขียวขจีให้กับพื้นที่ต่าง ๆ ที่เราต้องการปูพื้นหญ้าได้อย่างดี ทำให้ดูสดใสสวยงามสมใจ เป็นธรรมชาติมาก ๆ โดยเรานั้นไม่จำเป็นต้องดูแลรักษาอะไรมาก ไม่จำเป็นต้องรดน้ำ ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ย ไม่ต้องมาคอยตัดตกแต่งให้สั้น ๆ

ทั้งยังทนแสงแดด ทนฝนฟ้าคะนองได้อย่างดี ที่สำคัญคือไม่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์เลื้อยคลานด้วยเหตุเพราะไม่มีดิน ไม่มีหญ้ารกกวนใจ พร้อมช่วยป้องกันการกระแทกเมื่อหกล้ม ลื่นล้ม ฯลฯ แต่กระนั้นก็เกิดเป็นความสงสัยต่อไปอีกเรื่องการดูแลรักษา ว่าหากเราเลือกใช้งานหญ้าเทียมปูพื้นแบบนี้จะยากกว่าหญ้าจริงไหม?? เราไม่รอช้ามีคำตอบมาให้ค้นหา
- หญ้าชนิดนี้นั้นไม่มีปัญหาในการดูแลเลยแม้แต่นิดเดียว และอายุการใช้งานก็ยาวนานมากด้วย แค่เรื่องที่ต้องคำนึงก็คือการติดตั้ง
- กรณีที่โดนน้ำมันต่าง ๆ ที่หญ้านี้แล้วมีคุณสมบัติเป็นน้ำมันที่กัดกร่อน ให้คุณรีบแช่น้ำเปล่าได้เลยโดยแช่ไว้ราวครึ่งชั่วโมง แล้วจึงเอาแปรงซักผ้ามาถูเบา ๆ แล้วล้างให้สะอาด จากนั้นให้นำไปตากลมให้แห้ง แล้วจึงค่อยกลับมาติดตั้งใช้งานใหม่
- ถ้าเปื้อนเศษดิน โคลน หรือคราบมันเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้มีฤทธิ์กัดกร่อน ให้คุณเอาแปรงซักผ้ามาขัดออกเบา ๆ ได้เลย ต่อจากนั้นก็ใช้น้ำเปล่ามาฉีดล้างออกได้เลยง่าย ๆ
- หากต้องการซักล้างทำความสะอาดหญ้า ไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน หรือผงซักฟอกเหตุเพราะจะทำให้สีของหญ้าซีดได้ แม้จะซื้อหญ้าเทียม ราคาถูก หรือแพงก็มีความเสี่ยงได้ทั้งสิ้น

อย่างไรแล้วเรื่องของการเลือกหญ้าเทียมก็สำคัญไม่น้อย โดยเราต้องคำนึงถึงจากหลาย ๆ ปัจจัยเพื่อให้เลือกได้ใช้งานตอบโจทย์ ไม่ว่า เรื่องสถานที่ที่จะติดตั้ง ขั้นตอนการติดตั้ง การดูแลทำความสะอาดที่อาจเลือกใช้เครื่องดูดฝุ่นช่วยได้ด้วย สีของหญ้าที่ปัจจุบันมีให้เลือกเยอะ บางยี่ห้อก็มีสีน้ำตาลแซมมาให้ดูเป็นเหมือนหญ้าจริง ๆ เลยทีเดียว รวมทั้งความสูง ความหนาของหญ้าที่สนใจซื้อ และวัสดุในการผลิตที่ควรมีคุณภาพ ไม่ฉีกขาดง่าย

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/OUT0401

356


ผู้ขายโดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่จำหน่ายของออนไลน์ คงปฏิเสธการใช้งานกล่องกระดาษส่งพัสดุไปไม่ได้เลยจริง ๆ ซึ่งกล่องที่ว่านี้มีความสำคัญมาก ๆ เพราะนับว่าเป็นตัวช่วยในการป้องกันสิ่งของภายใน จัดส่งสะดวก ได้รับสินค้าที่ต้องการในสภาพดี แต่การเลือกใช้งานนับเป็นสิ่งที่เราควรให้ความเอาใจใส่ไม่น้อย แต่จะมีเรื่องใดบ้างไปติดตามค้นหาคำตอบกันดีกว่า

กล่องกระดาษส่งพัสดุกับเรื่องที่ควรให้ความเอาใจใส่ใช้งาน
1. เป็นกล่องที่มีให้เลือกหลากหลายขนาด
เป็นเรื่องที่ผู้ขายควรต้องให้ความเอาใจใส่มาก ๆ เลยทีเดียว กับการใช้งานส่งสินค้าที่ควรต้องเหมาะกับขนาดมากที่สุด อย่างกล่องไปรษณีย์ขนาดมีให้เลือกเยอะ ตั้งแต่ไซส์เล็กสุด ไปจนถึงไซส์ใหญ่สุดที่สามารถใส่สินค้าชิ้นใหญ่ได้ เราจำเป็นต้องเลือกใช้ให้ดี เพื่อการใส่สินค้าตอบโจทย์ที่สุด ไม่เกิดความเสียหายกับสินค้าได้ง่าย ๆ

2. เป็นกล่องที่มีความทนทานไม่น้อย
หลาย ๆ คนอาจจะคิดว่าเป็นกล่องพัสดุกระดาษก็คงจะไม่ค่อยคงทนมาก เหตุเพราะโดนน้ำก็คงเปื่อย แต่ที่จริงแล้วท่านสามารถเลือกซื้อกับร้านที่มีการผลิตกล่องแบบแข็งแรงทนทานได้ ช่วยในการจัดเก็บและขนส่งสินค้าได้ดีมาก ๆ ป้องกันการกระแทก ป้องกันปัญหาต่าง ๆ ไม่ให้เสียหาย ทั้งยังเป็นกล่องที่มีน้ำหนักเบามาก ๆ ด้วยหากสินค้าไม่ได้มีน้ำหนักมากก็ช่วยให้การเคลื่อนย้ายหยิบจับง่ายมากขึ้น

3. มีการผลิตที่ดีคุณภาพสูง ทันสมัย
ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีการผลิตกล่องพัสดุประเภทกระดาษนั้นพัฒนาไปอย่างก้าวไกลอย่าง กล่องไปรษณีย์ก็มีให้เราเลือกทั้งที่เป็นสีน้ำตาล เปิดปิดธรรมดา และกล่องสีขาวที่หนาและเป็นแบบพับลงปิดอีกที ทั้งยังสามารถเลือกกล่องที่พิมพ์ลายได้ด้วย ทำให้ได้รูปแบบที่สวยงาม บางกล่องพิมพ์เป็นคำว่า Thank you รอบกล่องเพื่อแสดงถึงการขอบคุณลูกค้าที่สั่งซื้อสินค้ากัน เสริมสร้างความเป็นเอกลักษณ์ไปในตัวได้เลยเชียว

4. เป็นกล่องที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ไม่ว่าจะเป็นกล่องบาง กล่องหนาใด ๆ แล้วก็คืองานกล่องที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ หรือนำไปรีไซเคิลได้ง่าย ๆ จัดเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์กับยุคสิ่งแวดล้อมที่ต้องให้ความสำคัญมาก ๆ ไม่ทำให้เกิดปัญหาทางระบบธรรมชาติ ซึ่งก็ทำให้เราใจชื้นขึ้นมาได้ไม่มากก็น้อย เพราะอย่างน้อย ๆ ก็ช่วยรักษ์โลก

ในการจะเลือกใช้งานกล่องกระดาษสักใบนั้น เป็นสิ่งที่ท่านต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน แนะนำว่าเลือกซื้อกับร้านที่มีมาตรฐาน อย่างที่ทำการไปรษณีย์ก็มีให้เราเลือกหลากหลายเพื่อให้การใช้สินค้าของคุณเหมาะสม ส่งถึงมือใช้งานโดยไม่มีปัญหาชำรุดเสียหาย ส่งเสริมต่อภาพลักษณ์ของร้านได้อย่างดีอีกด้วย

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0801

357


วิธีการซักผ้าให้สะอาดหมดจดนั้นมีให้ท่านได้นำไปปรับใช้มากมาย แต่รู้หรือไม่ว่า “ทิชชู่เปียก” ที่เราเห็นกันทั่วไป หรือบางท่านก็ใช้งานเช็ดมืออยู่นั้นสามารถเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้เสื้อผ้าสะอาดขึ้นได้ไปอีก สามารถนำเอาไปใส่ในเครื่องซักผ้าได้ทุกครั้งเลยด้วย ทว่าใครที่ไม่เคยทราบมาก่อน และอยากทำความเข้าใจมากขึ้น ไม่ต้องห่วงเลยเชียว เนื่องด้วยเรามีมาให้ศึกษาอย่างเจาะลึก

การใช้ทิชชู่เปียกใส่ในเครื่องซักผ้าช่วยเสื้อผ้าสะอาดหมดจด
เราอาจจะต้องทำความเข้าใจถึงกระดาษทิชชู่เปียกก่อน ซึ่งสิ่งนี้ทำมาจากผ้าชนิดที่ที่ชื่อ Spunlace non – woven ที่วัตถุดิบจะขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ ก็จะได้ลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ผิวสัมผัสก็จะมีไม่เหมือนกันด้วย เราสามารถเอามาใช้ได้ไม่ใช่แค่เด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่อย่างเราสามารถใช้เช็ดมือ เช็ดหน้าซับเครื่องสำอาง บางแบรนด์ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ ใยไผ่พลาสติก ที่มีผสมน้ำ 90 – 95% บางยี่ห้อก็มีน้ำหอมผสมอยู่ด้วย แต่ไม่ต้องกังวลใจทั้งนี้เพราะสามารถนำไปใช้ซับหน้าได้
โดยเรื่องการนำทิชชูลักษณะนี้เอาใส่เครื่องซักผ้าเพื่อให้การทำความสะอาดหมดจดมากขึ้นนั้น จะเป็นเครื่องแบบฝาหน้า หรือฝาบนก็ได้ แล้วใช้งานได้หมดทั้งสิ้น โดยแนะนำให้เอาใส่ไปราว 3 – 4 แผ่น แล้วเอาผ้าใส่ลงไปด้วย จากนั้นก็เปิดเครื่องซักตามปกติได้เลย ให้ตัวถังหมุนรอบทำความแรงตามปกติ  ซึ่งกระดาษทิชชูนี้ก็จะหมุนตามเครื่องไปด้วย และการหมุนไปพร้อม ๆ กับผ้านั้นจะสามารถช่วยดักจับสิ่งที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น ขนแมว ขนสุนัข เส้นขน ขนสัตว์เลี้ยง หรือเศษสิ่งสกปรก หรือเศษกระดาษชำระที่เราลืมเอาออกจากกระเป๋าเสื้อผ้า

คำแนะนำเพิ่มเติมในการใช้งานกระดาษทิชชู่ประเภทนี้
ก่อนที่เราจะใช้งานก็จำเป็นต้องรู้ถึงคำแนะนำเพิ่มเติมในการใช้งานเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการทำความสะอาดมากที่สุด โดยมีด้วยกันดังต่อไปนี้
- กระดาษทิชชูสามารถใส่ในเครื่องซักผ้าได้ แต่จะต้องไม่ใส่มากเกินไป เพราะว่าจะทำให้เกิดการอุดตันได้
- กระดาษทิชชูนี้ขาดง่าย ยุ่ยง่าย หากเสื้อผ้าเยอะเกินไปก็อาจจะทำให้ติดเสื้อผ้าได้
- ทิชชู่เปียกแอลกอฮอล์บางยี่ห้ออย่างที่บอกมีน้ำหอมผสม ช่วยให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอม แต่ก็ต้องระวังหากใช้กับเด็ก ก็เพราะว่าอาจเกิดการระคายเคืองได้
- เมื่อเราใช้กระดาษทิชชูชนิดนี้ซักแล้ว ไม่ควรนำมาใช้ซ้ำอีก เนื่องด้วยจะกลายเป็นไม่สะอาดแทนแล้ว

ทิชชู่เปียกเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถช่วยคุณจัดการสิ่งสกปรกของเสื้อผ้าได้อย่างดี แต่ก็ต้องใช้งานให้เหมาะสมตามคำแนะนำเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคุณสามารถนำวิธีการใช้งานกระดาษทิชชูนี้ไปปรับใช้ได้เลยทันที รับรองว่าผลลัพธ์ความสะอาดอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

คุณลูกค้าสามารถดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0215

358


ในการใช้งานกระดาษทิชชู่นั้นจัดว่าจะปลอดภัยได้ต่อเมื่อมีการตรวจสอบมาตรฐาน มอก. ด้วย แต่บางท่านอาจจะยังไม่เคยรู้จักมาก่อน และคงต้องการศึกษา เพื่อการนำไปเป็นแนวทางเลือกใช้งานได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งหากท่านใดที่พร้อมศึกษาข้อมูลแล้วอย่ารอช้ารีบตามเรามาทางนี้โดยด่วน

การทดสอบสอบมาตรฐาน มอก. ของกระดาษทิชชู่
1. ทิชชู่สำหรับเช็ดหน้า
มาเริ่มกันที่ทิชชู่เช็ดหน้าที่ควรต้องมีการตรวจสอบมาตรฐาน มอก. ด้วย โดยกระดาษชนิดนี้อธิบายให้เข้าใจมากขึ้น ก็คือกระดาษที่มีไว้เพื่อเช็ดหน้า เป็นลักษณะย่น ๆ สะอาด นุ่ม ดูดซับน้ำได้เป็นอย่างดี และเมื่อเปียกน้ำแล้วก็จะไม่ขาดง่าย ๆ ด้วย ซึ่งปกติแล้ว จะมีด้วยกัน 3 แบบ คือ ชนิดเนื้อกระดาษเยื่อผสม ประเภทเนื้อกระดาษบริสุทธิ์ ชนิดเนื้อเวียนใหม่ มีให้เลือกได้ทั้ง 2 ชั้น 3 ชั้น ถามว่าต้องมีการทดสอบด้านใดบ้าง??
- มาตรฐาน ISO 12625-6 ทดสอบเรื่องมวลมาตรฐาน (Grammage) หน่วย g/m2 
- มาตรฐาน ISO 15755 ทดสอบเรื่องความสะอาด จะวัด พื้นที่จุดสกปรก (Dirt Area) และจำนวนจุดสกปรกที่มีขนาด 0.03 mm2 ขึ้นไป
- มาตรฐาน ISO 12625-8 ทดสอบเรื่องการดูดซึมน้ำ
- มาตรฐาน ISO 1762 ทดสอบเรื่องปริมาณขี้เถ้า (Ash Content)
- มาตรฐาน ISO 6588-1 ทดสอบเรื่องความเป็น กรด – ด่าง
- มาตรฐาน ISO 12625-4 ทดสอบเรื่องความต้านทานแรงดึง (Tensile) ที่ต้องทำทั้งในแนว MD และ CD
- มาตรฐาน ISO 12625-4 ทดสอบเรื่องความยืด (Elongation) เป็นลักษณะในแนว MD
- มาตรฐาน ISO 12625-5 ทดสอบเรื่องความต้านทานแรงดึงขณะเปียกเป็นลักษณะในแนว MD

2. กระดาษสำหรับชำระ
อีกประเภทที่ไม่เอ่ยถึงไม่ได้สำหรับกระดาษชำระ โดยจะเป็นลักษณะการนำไปใช้เพื่อทำความสะอาดหลังการขับถ่าย มีความย่น ๆ นุ่ม เส้นใยละเอียดดูดซับน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อกระจายในน้ำสามารถแยกจากกันได้ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือชนิดเนื้อกระดาษเยื่อผสม ชนิดเนื้อกระดาษบริสุทธิ์ ชนิดเนื้อเวียนใหม่เหมือนกัน ใช้งานได้ในลักษณะแบบแผ่น หรือแบบม้วน ที่มีทั้งม้วนเล็ก ม้วนใหญ่ มีให้เลือกได้ทั้ง 1 ชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น
- มาตรฐาน ISO 12625-6 ทดสอบเรื่องมวลมาตรฐาน (Grammage) หน่วย g/m2
- มาตรฐาน ISO 15755 ทดสอบเรื่องความสะอาด จะวัดพื้นที่จุดสกปรก (Dirt Area) และจำนวนจุดสกปรกขนาด 0.03 mm2 ขึ้นไป
- มาตรฐาน ISO 12625-8 ทดสอบเรื่องการดูดซึมน้ำ
- มาตรฐาน ISO 1762 ทดสอบเรื่องปริมาณขี้เถ้า (Ash Content)
- มาตรฐาน ISO 6588-1 ทดสอบเรื่องความเป็น กรด – ด่าง
- มาตรฐาน ISO 12625-4 ทดสอบเรื่องความต้านทานแรงดึง (Tensile) ทั้งในลักษณะแนว MD และ CD
  - มาตรฐาน ISO 12625-4 ทดสอบเรื่องความยืด (Elongation) ในลักษณะแนว MD
ทั้งนี้ ลักษณะกระดาษทิชชูที่นำมาใช้ทดสอบจะเป็นแบบที่ไม่มีรอยพับ ยกเว้น 10 แผ่นแรกและ 10 แผ่นสุดท้ายที่จะเจอรอยพับได้ ไม่มีรอยขาด ไม่มีรอยฉีก และสีที่มีต้องสม่ำเสมอด้วย หวังว่าการเลือกใช้งานของคุณจะผ่านไปได้ดีที่สุด ปลอดภัยได้มาตรฐาน

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0213

359


ใครที่มีรองเท้ามาก มีหลายคู่ อีกสิ่งที่ช่วยให้รองเท้ามีระเบียบมากขึ้นก็คือ “กล่องรองเท้า” แต่การที่จะใช้งานได้ยาว ๆ นั้น การมองหากล่องที่มีมาตรฐานเป็นปัจจัยสำคัญ แต่เราจะเลือกได้อย่างไร แน่นอนว่าการศึกษาปัจจัยต่าง ๆ ที่มีเกี่ยวกับกล่องเป็นสิ่งที่ท่านต้องทราบ เพื่อให้การจัดเก็บรองเท้าเป็นระเบียบมากขึ้นด้วยคุณภาพกล่องที่ใช้ได้ยาว ๆ

กล่องรองเท้าที่มีมาตรฐานดูไม่ยาก ช่วยเก็บรองเท้าเป็นระเบียบ
เราสามารถเลือกกล่องเก็บรองเท้าที่ดีที่สุดได้เอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องวางรองเท้าให้เกะกะอีกต่อไป โดยที่กล่องนั้นเราเองนั้นควรต้องเลือกให้ตรงตามขนาดด้วย เพื่อให้การจัดเก็บเป็นเหมาะสมมากที่สุด อาทิเช่น รองเท้าเป็นขนาด 8 ก็ต้องเลือกกล่องที่สามารถใส่รองเท้าไซซ์ 8 ได้ด้วย เป็นขนาดที่ช่วยให้การเก็บรองเท้าง่ายมากขึ้น มีพื้นที่แบบที่ไม่ทำให้เสียทรง ใส่แล้วไม่เข้ารูป

นอกจากนี้ คุณ ๆยังสามารถสังเกตที่กล่องได้ว่าอาจจะมีรอยตำหนิ อย่างเช่น รอยยับ รอยฉีกขาด หรือฝาที่อาจจะมีบุบบ้าง แต่ก็ไม่ได้เสียหายเท่าไหร่ ทั้งอายุการใช้งานของตัวกล่องนั้นสามารถใช้ได้นาน 5 ปีขึ้นไป แต่ก็จะมีสภาพที่เปลี่ยนแปลงไปคือเปลี่ยนสี มีตำหนิบ้าง แนะนำว่าให้คุณเก็บในพื้นที่ที่ไม่ถูกแดด หรือถูกฝนมาก เพื่อลดความเสี่ยงอุณหภูมิมาทำให้เสียหายไว

เพิ่มเติมกล่องชนิดพลาสติก ความแข็งแรงที่น่าใช้งาน
แต่ถึงอย่างไรกล่องใส่รองเท้าไม่ได้มีเฉพาะกล่องกระดาษเท่านั้น ซึ่งสมัยนี้ก็มีเป็นกล่องที่ทำจากพลาสติกใสด้วย โดยที่เราสามารถเลือกซื้อกันได้ตามความต้องการ มีขายหลากหลายรูปทรง แต่ส่วนมากแล้วก็จะเอาใส่ไว้ได้ทั้ง 2 ข้าง โดยรอบปิดล้อมหมด เปิดแบบเลื่อนฝาหรือ หรือเปิดออกเป็นฝากล่องใสได้เลย

ที่น่าสนใจมากขึ้นไปอีก คือมีความแข็งแรงทนทานสามารถวางซ้อน ๆ กันได้ยิ่งถ้ามีจำนวนรองเท้าหลายคู่ด้วยแล้วไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน แต่การที่จะใช้งานได้นาน ๆ ก็ต้องอยู่ที่การดูแลด้วย และต้องบอกว่ากล่องมีลักษณะเป็นสีเหลือง ๆ หรือมีรอยร้าวได้ การดูแลกล่องรองเท้าใสจึงค่อนข้างสำคัญไม่น้อย แนะนำว่าให้หมั่นเช็ดทำความสะอาดทุกครั้งหลังจากเอารองเท้าไปใช้งาน เนื่องมาจากเราไม่รู้ว่าไปเหยียบอะไรมาบ้าง สิ่งสกปรกตกค้างเต็มไปหมดก็คงไม่ดีอย่างแน่นอน

เราสามารถหาซื้อกล่องรองเท้าที่เป็นมาตรฐานได้เลยตามต้องการ โดยที่กล่องอาจจะมีตำหนิบ้างไม่ใช่ปัญหา แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่ากล่องแบบกระดาษก็จะใช้งานได้ไม่ยืนยาวเท่ากล่องพลาสติกใสใส่รองเท้า แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคนด้วย สุดท้ายการมีกล่องไว้เก็บรองเท้าเป็นระเบียบ เป็นสัดส่วนยอมสร้างความสวยงามให้กับพื้นที่ที่จัดเก็บมากขึ้น และยังไม่ต้องรื้อมากมายด้วย สามารถหยิบมาสวมใส่ได้สะดวกสบายไปอีก

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP1205

360


เนื่องจากการใช้งานเก้าอี้ – โต๊ะพับปัจจุบันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ทำให้มีหลาย ๆ คนต้องการมีไว้ใช้งานเพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเอง แต่การจะใช้งานให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสม เราจำเป็นต้องพินิจพิจารณาปัจจัยหลายสิ่งเพื่อทำความเข้าใจและใช้งานอย่างดีที่สุด แต่จะต้องดูด้านไหนบ้าง อย่ารอช้ารีบไปกันเลยดีกว่า

ใช้งานเก้าอี้ – โต๊ะพับได้ประสิทธิภาพ ต้องพิจารณาสิ่งเหล่านี้
1. ขนาดของเก้าอี้ – โต๊ะ
เป็นสิ่งที่เราต้องนึกถึงก็คือเรื่องของขนาดในการใช้งาน โดยที่ต้องมีพื้นที่ให้เพียงพอ โดยที่เราต้องคำนึงถึงความต้องการใช้งานการใช้งานด้วย ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตออกมาหลายขนาด ซึ่งส่วนมากจะใช้เป็นหน่วยวัดเซนติเมตร ตั้งแต่ 50 x 50 เซ็นติเมตร ไปจนถึง 90 x 180 ซม. เลยทีเดียว

2. รูปแบบในการพับเก้าอี้ – โต๊ะ
ในเมื่อต้องการโต๊ะ – เก้าอี้พับ แน่นอนว่ารูปแบบการพับเป็นสิ่งสำคัญ โดยที่เราสามารถศึกษาการพับเก็บได้อย่างดีมีประสิทธิภาพ พับลงด้านซ้ายพับลงด้านขวา หรือพับตรงกลาง ซึ่งเราควรเลือกโต๊ะ – เก้าอี้ที่แข็งแรงด้วย และขนาดที่พับแล้วก็ต้องเล็ก เพื่อให้เกิดความสะดวกสบายในการจัดเก็บ การขนย้ายไปใช้งานตามพื้นที่ต่าง ๆ

3. รูปทรงที่มี
โต๊ะพับอเนกประสงค์มีให้เราได้ใช้งานหลากหลายรูปทรง ไม่ว่าจะ ทรงกลม ทรงสี่เหลี่ยม ทั้งสี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมจัตุรัส เราควรเลือกให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่จะวาง ขนาดพื้นที่ การใช้สอยต่าง ๆ อย่าง โต๊ะทรงกลมเหมาะกับการใช้งานเป็นโต๊ะอาหารเข้าถึงได้ทุก ๆ มุมเท่ากัน หรือโต๊ะเหลี่ยมเอาไว้นั่งประชุมมองเห็นหน้ากันได้ดี ฯลฯ

4. วัสดุที่ใช้ทำ
วัสดุในการทำเก้าอี้ หรือโต๊ะนั้นมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไม้อัด ลามิเนต ปาติเคิลบอร์ด หรือพลาสติกประเภทต่าง ๆ ที่ทุกอย่างมีส่วนช่วยให้แข็งแรงทนทาน ทนทุกสภาพอากาศทั้งแสงแดด และฝน สามารถใช้งานได้แบบยาว ๆ อายุการใช้งานยืนยาวมากขึ้น

5. ราคาที่เหมาะก็สำคัญ
ไม่ใช่เพียงเรื่องขนาด การพับ หรือรูปทรงที่มีเท่านั้น แต่สิ่งที่จะช่วยเราพิจารณาด้วยก็คือราคา ซึ่งเราควรเลือกตามราคาตลาดกลาง ที่มีราคาดีที่สุด มีคุณภาพมากที่สุด ไม่ควรเลือกราคาแพงเกินไปเนื่องด้วยคุณภาพวัสดุอาจจะไม่ได้ดีมากพอ หรือถูกเกินไปก็ทำให้ใช้งานระยะสั้นลงด้วยคุณภาพที่ไม่ได้ดีตามราคา เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุด

การเลือกใช้งานเก้าอี้ – โต๊ะพับนั้นเป็นสิ่งที่ต้องจำเป็นมาก ๆ เพื่อให้ได้ใช้งานสมปรารถนา แต่ก่อนที่จะตกลงใจซื้อยังมีอีกสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วย นั่นคือยี่ห้อ หรือแหล่งผลิตที่ดีมีคุณภาพ อาจจะชมจากรีวิวของผู้เคยใช้งานมาก่อนก็ได้ เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นอกมั่นใจในการซื้อใช้มากขึ้น

สั่งซื้อสินค้าได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/OUT0607

361


แน่นอนว่าบ้านไหน ๆ ก็จะต้องมีเครื่องใช้ในครัวเรือนอย่าง “หม้อหุงข้าว” และเมื่อใช้งานแล้วก็ต้องไม่ลืมที่จะทำความสะอาดให้ดีที่สุดด้วย เนื่องมาจากในการใช้งานมักจะมีเศษอาหารตกค้างอยู่ด้วยชนิดที่คาดไม่ถึงเลยจริง ๆ ในครั้งนี้เราจึงจะมาแนะนำเพื่อให้การดูแลรักษาผ่านไปได้อย่างดี ใช้งานต่อไปยาว ๆ ไม่ชำรุดเสียหาย

การทำความสะอาดของหม้อหุงข้าวที่ไม่อาจละเลย
เครื่องครัวประเภทนี้นั้นมีหลายตำแหน่งที่เราควรให้ความสำคัญ ไม่ว่าชั้นนอก รูระบายอากาศ ก้นหม้อ ฯลฯ แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้เพื่อยืดอายุการใช้งาน
1. การดูแลชั้นนอก : หากเป็นคราบน้ำมันที่ทำความสะอาดได้ยาก ให้เช็ดด้วยน้ำยาล้างจาน แต่ถ้าไม่สะอาดให้บีบยาสีฟังลงผ้าแล้วชุบน้ำหมาด ๆ มาเช็ดเบา ๆ ได้เลย คราบน้ำมันก็จะหลุดออกได้ง่ายมาก
2. การดูแลถังด้านใน : ชั้นนอกแล้วก็ต้องดูแลชั้นในด้วย เมื่อเราเอาหม้อออกไปแล้วไม่ควรใช้น้ำยาล้างจาน ให้ใช้ผงเบกกิ้งโซดา โดยวิธีการให้เทลงไปที่ฟองน้ำ แล้วเอาฟองน้ำไปจุ่มมาเช็ดล้าง แล้วเช็ดให้แห้งอีกทีด้วยผ้าปกติ
3. รูระบายอากาศ : ไม่ว่าจะเป็นหม้อหุงข้าวเล็กหรือขนาดใหญ่ ใด ๆ ก็ตามจะมีส่วนของรูระบายอากาศเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดแรงดันสูงที่มากเกินไป โดยที่ความร้อนจะออกมาตรงจุดนี้ และเกิดเป็นเศษข้าวหลงเหลืออยู่ เราก็ต้องถอดออกเพื่อเอาไปล้างด้วย หลังจากนั้นก็เช็ดขอบให้สะอาด เช็ดที่ช่องว่าง หากหม้อหุงข้าวของใครเกิดมีคราบน้ำมันติดอยู่ก็เอาน้ำยาล้างจานมาใช้เช็ดได้เช่นกัน แต่ก็ต้องล้างหลายรอบหน่อย จากนั้นก็เอาไปใช้ได้ปกติ
4. ก้นหม้อ : สุดท้ายคือการทำความสะอาดที่ก้นหม้อหุงข้าว ยิ่งเป็นหม้อหุงข้าวไฟฟ้าไม่แนะนำให้เอาแปรงเหล็ก หรือสก๊อตไบร์ซมาขัด เนื่องมาจากจะทำให้ก้นหม้อเสียหายได้ หลังจากนั้นก็เอาผ้ามาชุบน้ำแล้วบิดให้หมาด ๆ พร้อมเช็ดหลายครั้ง เมื่อเช็ดแล้วก็เอาผ้าสะอาดมาเช็ดซ้ำอีกครั้งด้วย

กระนั้นหม้อหุงข้าวก็มีสิ่งที่ควรรู้ด้วย คือการใช้ความร้อนเมื่อหม้อเดือดก็ให้ปิดสวิตช์เป็นเวลา 8 – 10 นาที ให้ความร้อนที่เหมาะบนแผ่นความร้อนมีได้เต็มที่ และเมื่อไฟสีแดงดับเป็นไฟสีเหลืองติดเท่ากับว่าข้าวสุกแล้วก็ปิดไฟ และใช้ความร้อนที่มีอุ่นข้าวต่ออีก 10 นาทีด้วย อย่าเอาหม้อประเภทนี้ไปใช้ต้มน้ำเนื่องจากการใช้งานจะยาวนานมากกว่า อาจทำให้ก้นหม้อเสียหายได้ และอยากย้ำอีกครั้งว่าหากใช้งานแล้วก็ต้องดูแลทำความสะอาดให้ดีด้วย เพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ อายุการใช้งานยืนยาว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0810

362


การใช้งานเครื่องฟอกอากาศพกพาในปัจจุบันนั้นกำลังเป็นที่นิยมเหลือเกินเหตุเพราะเราสามารถใช้งานเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างสบายใจ พร้อมลดอาการภูมิแพ้ สามารถพกพาไปได้ทุกที่ไม่มีปัญหา แต่หากท่านไหนที่ยังไม่มั่นใจ อยากได้รายละเอียดประกอบการตกลงใจซื้อ เราไม่พลาดที่จะรวบรวมมาให้คุณ ๆอย่างเจาะลึก

เครื่องฟอกอากาศพกพาช่วยให้อากาศรอบตัวบริสุทธิ์
คงต้องบอกเลยว่าเครื่องฟอกอากาศแบบพกพานั้นมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะว่าสามารถนำไปใช้ได้กับทุกพื้นที่ที่พร้อมช่วยให้เกิดประสิทธิภาพการกรองอากาศอย่างดีที่สุด แต่ถ้าขนาดพื้นที่เล็กก็จะช่วยกรองอากาศได้ดี โดยที่สามารถกรอกอากาศได้สูง 5 ขั้นตอน สามารถกรองฝุ่นละอองใหญ่ ๆ ได้ ไรฝุ่น รวมไปถึงสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ขนาดเล็ก ชนิดที่กรองอากาศครบจบในเครื่องเดียวเลย ช่วยให้การนอนหลับของเราก็จะสบายใจได้ตลอดคืน

ซึ่งบรรดาไรฝุ่น หรือละอองฝุ่นเรียกได้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ง่ายมาก เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเครื่องช่วยฟอกอากาศนี้สามารถดักจับ และช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้หมดจด ทำให้เราสามารถรับสูดอากาศที่ดีได้ ไม่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงในระบบทางเดินอาหาร

ซึ่งโดยทั่วไปนั้นนอกจากเครื่องช่วยฟอกอากาศจะเป็นเครื่องปกติแล้ว ก็ยังมีการพัฒนาเป็นเครื่องฟอกอากาศห้อยคอด้วย แบบนี้คือนอกจากจะช่วยฟอกอากาศได้ดีแล้ว ก็ยังเป็นอีกเครื่องประดับให้เราด้วยโดยที่พกติดตัวไปได้ตามสบาย ห้องนอนขนาดเล็ก รถยนต์ หรือแม้แต่เดินทางไปไหนเอาใส่กระเป๋าเดินทางได้เลยทันที สะดวกสบาย สามารถชาร์จไฟได้แบบไร้กังวลด้วยสายต่อ USB ที่มีให้ใช้งาน

มีส่วนสำคัญในการกรองฝุ่นและลดภูมิแพ้ได้ดี
และการได้ใช้งานเครื่องช่วยฟอกอากาศนี้ไม่ได้มีดีแค่กรองฝุ่น สารก่อภูมิแพ้เท่านั้น แต่ยังมีส่วนในการช่วยลดกลิ่นต่าง ๆ ได้ดี สามารถพกติดตัวไปเพื่อนำไปใช้กรองกลิ่นอับ กลิ่นบุหรี่ได้ด้วยทุกที่ ยิ่งถ้าใครที่มีสมาชิกสูบบุหรี่ด้วยจะที่บ้าน ที่ทำงาน หรือที่รถก็สามารถพกพาไปใช้งานได้เลย

รับประกันว่าเครื่องนี้จะช่วยให้เกิดอากาศบริสุทธิ์อย่างแน่นอน โดยที่เราสามารถใช้ได้จนกว่าแบตเตอรี่จะหมด และถ้าหมดก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้เลยทันที ไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถนำกลับเอามาใช้ใหม่ได้เลยทันที

ถึงกระนั้นก็ตาม ก่อนที่จะเลือกซื้อเลือกหาเครื่องฟอกอากาศพกพาควรพิจารณาหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบการใช้งาน ฟังก์ชันต่าง ๆ ขนาดและความง่ายต่อการพกพา ระยะเวลาในการใช้งานของแบตเตอรี่ไปจนถึงการดูแลรักษาที่สามารถทำได้ง่ายมาก การชาร์จไฟสามารถเสียบปลั๊ก หรือใช้สาย USB ได้เลย จะชาร์จที่ยานพาหนะ หรือที่ Power Bank ได้หมด ช่วยลดความกังวลระหว่างใช้งานแล้วแบตเตอรี่จะหมดไม่มีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0203

363


เก้าอี้สนาม” หรืออีกชื่อที่หลาย ๆ ท่านตั้งฉายาให้ว่าเป็นเก้าอี้สารพัดประโยชน์ เนื่องด้วยเราสามารถนำมาใช้งานได้หลากหลายมาก แม้กระนั้นสิ่งที่เราไม่อาจละเลยไปได้ก็คือการเลือกใช้เหมาะตอบโจทย์รอบด้าน และต้องเลือกอย่างชาญฉลาดเป็นมืออาชีพด้วย เพื่อการเอาไปใช้งานได้ทุกสถานที่ที่ต้องการ แต่จะเลือกอย่างไร เอาไปใช้ที่ไหนได้บ้างไปติดตามกันดีกว่า

การเลือกเก้าอี้สนามใช้งานกับสถานที่ต่าง ๆ
1. เลือกโดยดูจากวัสดุที่ทำ
สิ่งแรกที่เราต้องนึกถึงมาก ๆ ก่อนที่จะเลือกมาใช้งานสักตัวก็คือวัสดุที่จัดทำ ซึ่งต้องตรงกับเป้าประสงค์การใช้งานด้วย โดยมีให้เลือกหลากหลายทั้ง อะลูมิเนียม สเตนเลสกับนำไปใช้วางปาร์ตี้นอกบ้าน กลางแจ้งที่ทำให้การเคลื่อนที่ง่ายมากขึ้น ทนทานแข็งแรง รับน้ำหนักได้ดี หรือถ้าอยากเน้นตกแต่งสวน นั่งเล่นที่สวนเลือกเป็นเก้าอี้หวายก็สวยงามตัดกับสีหญ้าไปอีกแบบ ช่วยเพิ่มความสวยงามดูมีสไตล์อย่างคาดไม่ถึง

2. เลือกที่มีน้ำหนักเบาเพื่อการเคลื่อนย้าย
ท่านใดที่ให้ความสนใจจะมีเก้าอี้เพื่อใช้ในการเดินป่า ตั้งแคมป์ อยากบอกว่าให้เลือกเป็นเก้าอี้ที่เหมาะสมกับการเคลื่อนย้ายไปตามจุดต่าง ๆ คือดีที่สุดแล้ว อย่างเก้าอี้ที่มีน้ำหนักเบาสุด ๆ เพื่อให้ไม่เป็นภาระในการถือแบกไปไหนมาไหนนั่นเอง

3. ขาตั้งเป็นสิ่งสำคัญด้วย
ในการใช้งานเก้าอี้เดินป่านั้นความแข็งแรงทนทานเป็นสิ่งสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขาตั้งที่จะมีรอยต่ออยู่ด้วย ไม่ควรให้เกิดปัญหาชำรุดเสียหาย และต้องสามารถรับน้ำหนักได้ดีด้วย ถ้าเป็นรูปแบบที่พับเก็บได้ก็จะดีมาก ๆ และเวลากางออกก็ควรนั่งได้แบบสบายตัว มั่นคง หากต้องนั่งเกร็ง เป็นความกังวลคงไม่ดีแน่นอน

4. เลือกมีที่ฟังก์ชันเสริมได้ด้วย
เราสามารถเลือกใช้ฟังก์ชันให้ได้ดีมาก ๆ โดยที่สามารถเลือกให้สบายต่อเรามากที่สุดก็ได้ อาทิเช่น ที่พักแขน มีครบชุดทั้งโต๊ะ ทั้งเก้าอี้ ช่วยเพิ่มความสบายกับเราได้ด้วย อย่างม้านั่งสนามก็เป็นอีกประเภทเก้าอี้ที่มีฟังก์ชันเสริมดี ๆ ให้เราได้สัมผัสได้เลย นั่งเล่นได้อย่างสบายใจ

5. เลือกที่มีพนักพิง หรือมีเบาะ
เป็นอีกการเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน โดยที่เราควรเลือกให้ที่มีพนักพิง หรือมีเบาะให้เราได้ใช้งาน โดยที่จะช่วยให้เราเกิดความผ่อนคลายมากที่สุด พร้อมกับสถานที่ที่เหมือนได้พักผ่อนกันแบบเต็มที่ สามารถเอาไปใช้ได้ที่ภูเขา เดินป่า ทะเล ฯลฯ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับแนวทางการเลือกเก้าอี้สนาม หวังว่าคุณ ๆจะสามารถเลือกซื้อเลือกหาได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เลือกได้แข็งแรง ใช้งานได้ดีก็ทำให้เรานั่งเล่นสบายใจ หวังว่าการเดินป่า ไปทะเล หรืออยู่แคมป์นอกสถานที่ ฯลฯ จะผ่านไปได้ราบรื่น สนุกสนาน

สามารถดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/OUT060503

364


หากว่าคุณเป็นคนที่มีความตั้งอกตั้งใจต้องการปลูกผัก ปลูกต้นไม้ในโรงเรือนเพาะปลูก ที่ก็มีความกังวล กลัวว่าจะได้ผลผลิตที่ไม่งอกเงยนัก แล้วกำลังค้นหาข้อมูลช่วยเหลืออยู่ เราไม่อยากให้คุณต้องผิดหวังกับผลผลิตจึงจะมาแนะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์รับรองว่าจะช่วยให้การปลูกมีผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น ทำได้ไม่ยากเลยจริง ๆ

สิ่งที่ท่านต้องให้ความสำคัญเมื่อปลูกผัก - ปลูกต้นไม้ที่โรงเรือนเพาะปลูก
1. เลือกชนิดให้เหมาะสม
อย่างแรกที่เราต้องแนะนำก่อนเลยก็คือการเลือกใช้งานประเภทโรงเรือนให้เหมาะสม โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 5 ลักษณะด้วยกัน ซึ่งต้องอาศัยความร้อน แสง อุณหภูมิต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังเช่น มะเขือ พริก แตงกวา ถั่ว แคนตาลูป หรือพันธุ์พืชเล็ก ๆ หรือจะเลือกกำหนดพรรณพืชที่จะปลูกให้เหมาะสมกับโรงเรือนก็ได้ ช่วยให้ได้ผลผลิตที่น่าพอใจ

2. คัดเลือกพันธุ์ที่ดี
เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามคือการคัดเลือกพันธุ์พืชผัก ต้นไม้ต่าง ๆ ให้ดีที่สุด และพร้อมอำนวยความสะดวกให้พืชได้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเช่น การวางโรงเรือนให้เหมาะสมอยู่ในด้านที่แสงส่องถึง หรือมีอุณหภูมิเพียงพอ ซึ่งการเลือกสรรพันธุ์ที่ดีและมีการดูแลอย่างดี จะช่วยเพิ่มผลผลิตได้ 10 - 20% ผลประโยชน์ก็จะเพิ่มมากขึ้นกว่า 10% เลยทีเดียว

3. การกำจัดแมลงในโรงเรือน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโรงเรือนปลูกต้นไม้ หรือผักใด ๆ แล้วก็จะมีแมลงอยู่ด้วย สิ่งที่เราจะช่วยให้ผลิตยังคงเติบโตต่อไปได้ดี ก็คือเรื่องของการกำจัดแมลงโดยที่ต้องใช้วิธีที่ถูกต้องตามการเกษตรได้เลย หากท่านไหนจะใช้สารกำจัดศัตรูพืชแนะนำว่าให้เป็นสารพิษต่ำ และกำจัดได้โดยมีสารตกค้างต่ำในเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อไม่ทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพในการนำไปประกอบอาหารกินกันต่อไป

4. สูตรการใส่ปุ๋ย
เมื่อเราใช้งานโรงเรือนปลูกผัก - ต้นไม้ใด ๆ ก็ตาม ท่านสามารถใส่ปุ๋ยขั้นพื้นฐานได้เลย เพื่อเป็นหลักประกันสำคัญในการเพิ่มผลผลิตที่ดีมากว่าถึง 1 - 2 หมื่น และเบสที่ถือว่าเป็นปุ๋ยอินทรีย์ได้ถึง 1 - 2 หมื่นเช่นกัน ยิ่งไปกว่านี้ ยังต้องมีการจับคู่ปุ๋ยเคมีที่ออกฤทธิ์ได้เร็วเพื่อผลผลิตในระยะยาวด้วย โดยถามว่าปุ๋ยที่ออกฤทธิ์เร็วมีอะไรบ้าง?? ส่วนมากก็จะเป็นสารประกอบไดแอมโมเนียมฟอสเฟต และเทอร์นารี รวมถึงธาตุโมลิบดีนัม เหล็กโบรอน แคลเซียมกำมะถัน และธาตุอื่น ๆ ทั้งนี้ หากท่านใดใช้ปุ๋ยในช่วงติดผล จำเป็นต้องล้างปุ๋ยด้วยน้ำอีกจำนวนหนึ่งก่อนเสมอ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการใช้งานโรงเรือนเพาะปลูกเพื่อพืชผัก หรือต้นไม้ใด ๆ แล้ว อาจจะมีการใช้งานฟิล์มครอบคลุมโรงเรือน เพื่อช่วยลดแสงแดดให้มาถึงพืชพรรณน้อยลง ช่วยลดความชื้น และสภาวะที่เกิดขึ้นของโรคในเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพขั้นสุด ช่วยให้ดินมีอุณหภูมิที่ดีขึ้น ผลผลิตที่ได้ก็จะเป็นไปในทางที่คุณต้องการ

สั่งซื้อสินค้าได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/OUT0209

365


หากท่านเป็นคนที่โปรดปรานการดื่มกาแฟเอามาก ๆ แต่ก็แอบมีความขี้เกียจเมื่อต้องไปต่อคิวซื้อจากร้านกาแฟ ทั้งที่จริงท่านสามารถเลือกใช้อีกหนึ่งตัวช่วย อย่าง “แคปซูลกาแฟ” ได้แล้ว ขอบอกเลยว่าพร้อมช่วยให้การดื่มกาแฟของท่านง่ายดายมากขึ้น คุ้มมากขึ้น ได้รสชาติหอมอร่อย ราวกับเข้าร้านมือชงอันดับ 1 เลยทีเดียว

ความน่าสนใจของการใช้งานแคปซูลกาแฟ
บางท่านมีความสนใจดื่มกาแฟสดกันมากมาย แต่ก็แอบมีข้อเสียอยู่ตรงที่ราคาค่อนข้างแพง หากจะนำมาดื่มกินในทุก ๆ คนก็คงเป็นอีกค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง และยังต้องมาเสียเวลารอกาแฟจากร้านชงไปอีก กระนั้นหากคุณตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แคปซูลชนิดกาแฟแล้วบอกได้เลยว่าไม่ผิดหวัง ด้วยเหตุว่าด้วยเวลาที่เร่งรีบเราไม่ต้องมารอกาแฟแต่อย่างใด เราสามารถนำเอาแคปซูลใส่เข้าเครื่องแล้วรอให้เครื่องจัดการเป็นกาแฟไหลลงมาในแก้วได้เลย

ทั้งนี้ยังสามารถทำกิจกรรมอย่างอื่นได้ด้วย เรื่องรสชาติก็คงไม่ต้องพูดถึง เหตุเพราะเป็นการดื่มที่แสนอร่อยมาก ๆ เพียงเลือกรสชาติที่ถูกปาก ไม่จำเป็นต้องมาชั่ง ตวง วัดใด ๆ ให้ยุ่งยากวุ่นวายใจ ด้วยความที่ถูกดีไซน์มาเป็นลักษณะแคปซูล มีการชั่ง ตวง วัดใส่มาให้เป็นที่เรียบร้อย ครบสูตรมาก ๆ หยิบเอาเข้าเครื่องลงแล้วกดปุ่มการทำงานได้เลย

สะดวกสบาย ใช้งานง่าย เลือกแบรนด์และสูตรได้ตามชอบ
นอกจากนี้ อีกสิ่งที่เราไม่อาจมองข้ามไปได้ก็คือเครื่องชงกาแฟแคปซูล แนะนำเลยว่าท่านใดที่ต้องการใช้งานก็แค่กดปุ่มการทำงานแค่นั้น ก็ทำให้เครื่องสามารถเติมกาแฟได้ตลอดแล้วตามที่เราต้องการ สิ่งสำคัญสามารถกำหนดปริมาณน้ำให้เราได้ไปอีก ได้รับความเข้มข้นสมใจเข้ากับแต่ละสูตรที่มี ในขณะที่บางท่านชงเองบางครั้งก็ใส่น้ำเยอะมากเกินไปเสียรสชาติกาแฟไปได้ง่าย ๆ

ถ้าใครที่ไม่รู้ว่าจะเลือกแคปซูลแบรนด์ไหน เครื่องทำกาแฟแบรนด์ไหน จริง ๆ แล้วกาแฟแคปซูล nespresso ถือเป็นความคุ้มค่าคุ้มราคาที่เราควรต้องสัมผัสด้วยตนเองเลยจริง ๆ เนื่องจากจะมีความกลมกล่อมในเรื่องรสชาติ กลิ่นหอมกรุ่นยวนใจ มีหลายสูตร หลากหลายรสชาติให้เราได้สัมผัสในราคาที่ถูกมาก ส่วนเครื่องของยี่ห้อนี้ก็ออกมาให้ทำงานได้หลากหลาย ใช้เวลาเพียง 1 นาทีก็ได้กาแฟดื่มกินกันแล้ว ราคาเครื่องเริ่มต้นที่หลักพันบาทเท่านั้นด้วย

ต้องบอกเลยว่าการใช้งาน แคปซูลกาแฟเป็นหนึ่งในความคุ้มค่าที่เราสามารถสัมผัสได้ด้วยตัวเองง่าย ๆ เพียงเลือกรสชาติ เลือกสูตร เลือกแบรนด์ อย่างของ nespresso รับรองว่าการดื่มกาแฟในช่วงเวลาก่อนไปทำงาน หรือระหว่างวันจะเป็นเรื่องสะดวก และช่วยให้การทำงานของคุณราบรื่นมากขึ้น เพราะว่าเมื่อสมองปลอดโปร่งคิดอะไรก็ดีไปหมด

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP080202

366


ตู้เย็น Mitsubishi เป็นอีกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลายคนตกลงใจเลือกใช้งาน ด้วยประสิทธิภาพความเย็น ช่วยทำให้ของสดยังคงความสดใหม่อยู่เสมอ ทว่าอีกประการที่เราต้องทำกันเป็นประจำก็คือการล้างทำความสะอาดดูแลอย่างเต็มที่ ซึ่งท่านใดที่กังวลจริง ๆ อยากบอกว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยกับการดูแลทำความสะอาดตู้เย็น รับประกันว่าไร้คราบ ไม่มีกลิ่น แต่จะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามรายละเอียดกันได้

แนะนำการดูแลตู้เย็น Mitsubishi แบบ 2 ประตู
1. ขั้นตอนการทำความสะอาดภายในตู้เย็น
- เตรียมความพร้อม : ให้เตรียมความพร้อมก่อนทำความสะอาดโดยให้ลงมือเช็ดตู้เย็นทุกซอกมุม จัดการกับสารพัดสิ่งของที่มีในตู้เย็น ซึ่งหลัก ๆ คือต้องแยกของกินได้  และของแช่ปกติ ไม่ควรลืมดูวัน/เดือน/ปีที่หมดอายุด้วย พร้อมจัดการลำดับสิ่งที่ควรใช้ไว้หน้า ๆ ถ้าหมดอายุก็ให้นำไปทิ้งได้เลย เมื่อจัดการเรียบร้อยก็ถอดปลั๊กตู้เย็น แล้วทำการกดปุ่มเพื่อละลายน้ำแข็ง
- จัดการทำความสะอาด : ต่อมาก็ให้คุณลงมือทำความสะอาดได้เลย โดยให้เช็ดให้ครบด้านนอก ด้านใน รวมถึงขอบยางที่ประตูด้วย วิธีการใช้เจือจางน้ำสบู่อ่อน ๆ มาเช็ดที่ผิวตู้เย็น และจัดการคราบเลอะ สิ่งสกปรกได้ดี พร้อมมีกลิ่นอ่อน ๆ หอม ๆ ด้วย ไม่ทำลายพื้นผิว และยังใช้ได้ทั้งด้านนอกด้านในตู้ได้ด้วย ส่วนชั้นด้านในให้ถอดเอาออกมาทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจานก่อนจากนั้นให้นำไปผึ่งแห้ง
- ประกอบชิ้นส่วนพร้อมใช้งาน : และสุดท้ายคือการจัดการ ตู้เย็น mitsubishi 2 ประตู ให้พร้อมใช้งานได้เลยโดยการประกอบชั้นเข้าไปด้านใน แล้วเสียบปลั๊กให้พร้อมใช้งานได้เลย อย่างที่บอกคัดแยกจัดหมวดหมู่ด้วย เพื่อการหยิบจับที่ง่ายมากขึ้น และระบายของออกได้ทันใช้วัน/เดือน/ปีที่หมดอายุ

2. จัดการตู้เย็นให้สะอาด ไร้คราบ ปราศจากกลิ่น
- ทำความสะอาดด้านในไร้สารเคมี ไร้สารตกค้าง : การทำความสะอาดจริง ๆ แล้วนอกจากสบู่อ่อน หรือน้ำยาล้างจาน อีกสิ่งที่ช่วยได้คือน้ำส้มสายชู ทำให้ตู้เย็นสะอาดมากขึ้น ไร้กลิ่นอับ และไม่เป็นอันตรายจากสารเคมีที่อาจตกค้าง
- จัดการกลิ่นอับ : ด้วยความที่อาหารมีสารพัดกลิ่น เอามาไว้ในตู้เย็น 2 ประตู Mitsubishi ก็มีเยอะแยะไปหมด แนะนำว่าให้เอาถ่านไม้ เบกกิ้งโซดา หรือผงกาแฟ มาวางไว้ แล้วเปลี่ยนทุก 3 เดือน หรือถ้าจะใช้เป็นมะนาว ส้ม มะกรูดก็เปลี่ยนทุก 1 – 2 สัปดาห์
- จัดการเชื้อรา : ใช้น้ำส้มสายชู หรือเบกกิ้งโซดาผสมกับน้ำเปล่าช่วยเช็ดทำความสะอาดได้ดี ลดปัญหากวนใจ ใครเพิ่งซื้อตู้เย็นมาใหม่รีบเอามาเช็ดด่วน ๆ
เมื่อทราบอย่างนี้แล้วใครที่มีตู้เย็น Mitsubishi ใช้งานกันมาแล้วก็อย่าพลาดทำความสะอาดกันโดยสามารถนำเอาวิธีการเหล่านี้ไปปรับใช้ได้เลย ได้ตู้เย็นสะอาดเหมือนใหม่ ความเย็นใช้งานเพิ่มอุณหภูมิกับของแช่ต่อได้ไม่ติดขัด

คลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP09?b=mitsubishi

367


เชื่อว่ามีหลายบ้ายคงจะมีกระทะปิ้งย่างไว้ใช้งานกันอยู่ เสมอเหมือนมีร้านหมูกระทะอยู่ในบ้าน แต่คุณรู้หรือไม่ว่ากระทะประเภทนี้มีการเคลือบด้วยเทปล่อน ซึ่งถือเป็นสารเคลือบที่ช่วยให้การปิ้งย่างของเราสะดวกมากขึ้น ไม่ติดกระทะ และการใช้งานให้ถูกหลักก็จะช่วยให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น แต่จะต้องใช้เช่นใดให้เหมาะ เรามีมาบอกอีกเช่นเคย
กระทะปิ้งย่างเคลือบเทปล่อนใช้ให้ถูกหลัก อายุการใช้งานยาวนาน
ก่อนอื่นต้องขอชี้แจงถึงสารเคลือบเทปล่อนที่มีโดยเฉพาะที่ใช้เป็นเตาปิ้งย่างไฟฟ้า โดยมีสารเคลือบหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- FEP ที่เป็นสารเคลือบผิวลื่นที่สามารถหลอมตัวและไหลเทจัดเรียงตัวในระหว่างการอบเตา เพื่อเอาไว้สร้างเป็นฟิล์มกันน้ำ โดยที่ทนทานต่อสารเคมี มีการขัดสีต่ำ มีคุณสมบัติการเกาะติดได้สูงสุด 205 องศาเซลเซียส
- PTFE เป็นสารที่เคลือบผิวลื่นแบบระบบสองชั้น และสามชั้น โดยที่มีความสามารถในการทนทานต่อความร้อนสูงสุดถึง 260 องศาเซลเซียส โดยที่มีความทนทานต่อการกัด
- ETFE สารที่ผสมระหว่าง PTFE กับเอทิลีน ที่จะมีความทนทานต่อสารเคมี มีความสามารถทนทานต่อความร้อนได้ 150 องศาเซลเซียส โดยที่มีความเหนียว ทนทานมาก
- PFA เป็นสารเคลือบที่จะละลาย และจัดเรียงสารฟลูออโรโพลิเมอร์ที่อยู่ระหว่างการอบเตา โดยที่สามารถทนทานต่อความร้อนได้ 260 องศาเซลเซียส มีความทนทาน เคลือบให้เกิดความหนาของฟิล์มถึง 1,000 Micrometers

วิธีใช้งานเตาเคลือบสารเทปล่อนให้ดีต่อสุขภาพ
ส่วนวิธีการใช้งานเตาหมูกระทะไฟฟ้าแบบเคลือบสารเทปล่อนนั้นจริง ๆ ควรมีการอ่านคู่มือที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานก่อน เพื่อให้ทราบถึงวิธีการใช้ และรู้ถึงอุณหภูมิที่เหมาะ ปลอดภัย โดยแนะนำว่าในการปรุง หรือใช้งานปิ้งย่างควรใช้ไฟสูง 204 – 243 องศาฟาเรนไฮต์ (หากเป็นการใช้งานปรุงอาหารควรใช้ไฟระดับปานกลาง – ต่ำ ความร้อนไม่เกิน 500 องศาฟาเรนไฮต์)

ทั้งนี้ หากเป็นการปรุงอาหารที่ต้องใช้อุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียส ขึ้นไปไม่ควรใช้สารเคลือบเทปล่อน ให้ใช้เป็นแก้วทนความร้อนหรือกระเบื้องแทน และหากใช้งานกระทะสารเคลือบเทปล่อน ควรเปิดหน้าต่างและใช้พัดลมดูดอากาศเพื่อช่วยป้องกันการหายใจเอาก๊าซที่เป็นสารพิษเข้าสู่ร่างกาย เป็นการระบายสารออก

การใช้งานกระทะปิ้งย่างนอกจากจะช่วยไม่ให้อาหารติดกระทะแล้ว ยังทนต่อแสงยูวี ทนทานต่ออุณหภูมิต่าง ๆ เหมาะสำหรับการปิ้งย่างด้วย และเอามาใช้ปรุงอาหารได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันได้ ทำความสะอาดง่ายดาย ใครที่จะซื้อไว้ใช้งานอย่ารอช้าที่จะเลือกกระทะประเภทนี้เลยจริง ๆ ยิ่งใช้ถูกวิธีก็ช่วยยืดอายุการใช้งานไปอีกยาวนาน

สามารถดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0807

368


ยุคปัจจุบันการดูหนังที่บ้านไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เนื่องมาจากเราสามารถหาจอมอนิเตอร์เพื่อมาเปิดใช้งานได้เลยตามต้องการ กระนั้นการที่จะได้จอที่เหมาะ ตอบโจทย์ก็อาจจะยากสำหรับบางท่านที่เพิ่งจะซื้อเป็นครั้งแรก และเราไม่อยากให้ท่านต้องเป็นกังวล มีวิธีการเลือกเพื่อการรับชมความบันเทิงครบรสมาบอกต่อ การันตีว่าการดูจอเงินที่บ้านของคุณ ๆจะดีเยี่ยมมาก

วิธีการเลือกจอมอนิเตอร์ดูหนัง เพื่อความบันเทิงครบรส
1. ตรวจสอบคอนทราสต์ที่ลุ่มลึก
อย่างแรกในการเลือกซื้อเลือกหาจอมาใช้เพื่อดูหนังสักเครื่องนั้นเราจำเป็นต้องเลือกหน้าจอที่มีความบันเทิงแบบเต็มที่ได้จากคอนทราสต์ที่มี ก็คือความมืดความสว่างที่เกิดขึ้นทางหน้าจอ โดยที่อัตราส่วนจะมีการแสดงผลที่ต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่คอนทราสต์สูงจะมีหน้าจอไล่สีในมิติที่เห็นพื้นผิวต่าง ๆ ชัดเจน และรักษาความต่างของรายละเอียดในพื้นที่มืดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยป้องกันฉากสว่างจะถูกกลืนหายไปหมดด้วย

2. สีสันที่ช่วยสร้างอรรถรสการรับชม
เรื่องของสีสันจอ monitor ก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้เลยจริง ๆ ไม่ว่าการเปิดหนังผ่านทาง ยูทูป, ช่องสตรีมมิ่งบน NETFLIX หรือบน Blu-Ray ก็ตาม จำเป็นที่จะต้องมีสีสันที่สดใส เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนั้น ๆ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม โดยที่จอที่ดีมีคุณภาพจะแสดงผลของสีออกมาเพื่อให้การมองเห็นเป็นไปอย่างดีที่สุด โดยมีการวัดระดับสีสากลด้วย อย่าง sRGB, DCI-P3 และ Rec. 709 โดยที่จะมีการแสดงจำนวนรวมสีทั้งหมดที่เกิดขึ้นมา ผลแสดงสีกว้างก็ทำให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนเพิ่มมากขึ้น เพิ่มอรรถรสการดูได้เยอะขึ้น ซึ่งสีหนังจะปรับให้ต่างจากสีในโทรทัศน์ การเลือกจอจึงค่อนข้างสำคัญมาก

3. การตัดขอบ HDR
จุดท้ายหากเป็นการเลือกจอเพื่อดูภาพยนตร์ หรือแม้แต่เลือกจอคอมพิวเตอร์ดูภาพยนตร์ก็ตาม เรื่องการตัดขอบ HDR สำคัญมาก ๆ ด้วยเหตุว่าจะช่วยให้เราได้จอที่มีความละเอียดสูง ส่งผ่านช่วงสีทั้งหมดได้อย่างดี รวมไปถึงระดับของการรับรู้เรื่องราวก็เข้าใจมากขึ้น หากใครที่เลือก HDR ที่ขยายสเปกตรัมของสีสัน เพิ่มความสว่างมากขึ้นก็จะได้ความใกล้เคียงกับชีวิตจริงมาก ๆ และยังทำให้องค์ประกอบของวิดีโอดูคมชัดเสมือนดูจากต้นฉบับที่ถูกรักษาภาพเอาไว้อย่างดีแม่นยำ

การรับชมหนังนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เราผ่อนคลายความเครียดมากขึ้นหลังจากทำงานมาเหนื่อย ๆ ยิ่งเราได้เลือกจอมอนิเตอร์ที่เหมาะ ตอบโจทย์ ก็จะยิ่งเพิ่มอรรถรสในการรับชมได้เพิ่มมากขึ้น ยืนยันเลยว่าไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอย่างแน่นอน ได้ดูกันเพลิน ๆ ลืมความทุกข์ใจที่เคยมีไปได้ไม่มากก็น้อย

คลิกเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA1101

369


จัดเป็นอีกเครื่องครัวที่หลาย ๆ ครอบครัวมีใช้งานเลยก็ว่าได้กับ “หม้อทอด” ที่สามารถสร้างสรรค์ให้เราได้หลากเมนูตามที่ต้องการ อุ่นอาหารก็ง่ายไปอีก แต่การที่หลายท่านมีใช้งานอยู่นี้บางคนที่ยังไม่มีอาจเกิดความสงสัยได้ว่าทำไมถึงต้องมีใช้งาน หนึ่งในนั้นก็คือพฤติกรรมผู้บริโภคที่บอกเลยว่าท่านเป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้หรือไม่!!

เปิดพฤติกรรมของผู้บริโภคกับการมีหม้อทอดใช้งาน
ต้องพูกเลยว่าพฤติกรรมผู้บริโภคนั้นเป็นอีกสิ่งที่สามารถบอกเราได้ถึงความสนใจในการเลือกใช้งานหม้อชนิดนี้ ซึ่งคำว่าพฤติกรรมผู้บริโภคความจริงแล้ว สามารถขยายตัวออกเป็นวงกว้างได้ และอาจแยกออกเป็นหลาย ๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็น
1. ความสะดวกสบายในการใช้งาน
แน่นอนว่านี่นับว่าเป็นอีกนวัตกรรมที่มากกว่าส่วนบุคคลไปแล้ว เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นใคร เพศไหน ช่วงวัยเท่าไหร่ก็สามารถหยิบจับใช้งานได้ ด้วยขั้นตอนการใช้งานที่ง่ายๆ สะดวกรวดเร็ว ได้อาหารที่ต้องการกินกันอร่อย ซึ่งก็สอดคล้องกับตัวผลิตภัณฑ์ที่แค่ใส่ลงไปในหม้อก็สามารถทำอาหารได้หลายเมนูแล้ว ไม่ใช่ต้องมาติดเตา ตั้งกระทะ แล้วจึงค่อยลงทอด ฯลฯ

2. กระแสที่ดีต่อคนรักสุขภาพ
สำหรับหม้อทอดไฟฟ้านี้นั้นเป็นปัจจัยที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้หลากหลาย และหนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่เราสามารถทอด อุ่นอาหารได้โดยที่ไม่ทิ้งน้ำมันตกค้างอีกต่อไป โดยที่จะช่วยลดความมันโดยเฉพาะอย่างยิ่งไขมันเลวได้อย่างดี แล้วยิ่งมีวิธีการใช้งานที่สะดวกแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งเข้าถึงได้เต็มประสิทธิภาพขั้นสุด

3. ภาพพจน์บางอย่าง
หม้อทอดไร้น้ำมันก็เป็นอีกเครื่องครัวที่ทำให้คนใช้งานเกิดภาพพจน์ได้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพราะด้วยการบ่งบอกว่าเป็นการใช้งานเพื่อสุขภาพ หรือความสะดวกสบายในการใช้งาน ด้วยเหตุนั้น จึงไม่แปลกหากการมีใช้งานจะเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เป็นความภาคภูมิใจที่สามารถทำอาหารทานเองได้ง่าย ๆ ดูอาหารน่ารับประทานมากขึ้น

แม้กระนั้น การใช้งานหม้อชนิดนี้ครั้งแรกก็จำเป็นที่เราต้องทราบหลักการใช้ที่เหมาะด้วย ไม่ว่าจะการตรวจเช็กอุปกรณ์ก่อนใช้ การแกะสติ๊กเกอร์ออกให้หมด โดยที่ก่อนใช้ต้องวอร์มเครื่องก่อนด้วยเพื่อเป็นการกำจัดสิ่งปนเปื้อนที่มาจากพลาสติกสารเคมี อย่าลืมวอร์มหม้อด้วยการอบหม้อเปล่า โดยให้ใช้อุณหภูมิความร้อน 200 องศาเซลเซียส และให้อยู่ในเวลา 10 - 15 นาที จะมีกลิ่นเผาไหม้กลิ่นใหม่ออกมาเป็นการใช้งานแบบปกติ

และเมื่อเราใช้งานหม้อทอดเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่สำคัญมาก คือการทำความสะอาดที่เหมาะสม ห้ามลืมล้างด้วยน้ำยาล้างจานและฟองน้ำโดยห้ามใช้ฝอย หรือฟองน้ำแข็ง ๆ ขัดเหตุเพราะจะทำให้วัสดุเทปล่อนหลุดออกมาได้ อายุการใช้งานก็จะสั้นลง ต่อไปล้างให้หมดจด เอาไปผึ่งในที่ร่มลมพัดถ่ายเทสะดวก

กดเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP080503

370


สมัยนี้การใช้งานกล้องวงจรปิดชนิดไร้สาย หรือ Wi – Fi กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากที่สุด ด้วยความที่ใช้งานไม่ยาก สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินสายไฟให้ทั่ว ทั้งยังสามารถชมผ่านมือถือได้ไปอีก แต่กระนั้นก็มีความเสี่ยงที่จะถูกแฮกเกอร์แอบส่องดูภาพจากกล้องของเราได้ด้วย แล้วจะป้องกันยังไง? มีรายละเอียดมาบอกต่อ

การป้องกันแฮกเกอร์ดูภาพจากกล้องวงจรปิดชนิดไร้สาย
1. เลือกใช้ยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือ มีความปลอดภัยสูง
สิ่งแรกที่เราอยากแนะนำเลยก็คือเรื่องของการซื้อกับยี่ห้อ หรือผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือ มีความปลอดภัยสูง เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดกับตัวเอง ซึ่งปรกติแล้ว สามารถแบ่งแยกกลุ่มสินค้าเป็นกลุ่มยุโรป เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ได้เลย ควรเป็นแบรนด์ที่เคยได้ยินชื่อมาบ้าง มีบริการหลังการขาย สามารถติดต่อสอบถาม ส่งซ่อมศูนย์ได้ เคลมสินค้าได้ นอกจากนี้ ควรมีเรื่องอื่น ๆ มาช่วยในการตัดสินใจ อย่างเช่น เทคโนโลยีที่มี ระบบสัญญาณกันขโมย การป้องกันแฮกเกอร์ แนะนำให้ดูรีวิวจากผู้เคยใช้งานมาก่อนก็ได้ เพิ่มความมั่นอกมั่นใจในการใช้งาน
2. ระบบ Cloud ที่ใช้งานต้องเชื่อถือได้
กล้องวงจรปิดไร้สายนั้นจะมีบริการเก็บข้อมูลผ่าน Cloud โดยที่มีค่าใช้จ่ายในการใช้งานด้วย แต่หากไม่ใช่รูปแบบนี้ก็จะอยู่ในลักษณะจำกัดขนาดไฟล์อาจจะเป็นวิดีโอ หรือภาพนิ่งขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ แนะนำว่าถ้าไม่ได้จะใช้ Cloud ให้เลือกเป็นแบบภาพนิ่งก็ได้ ไม่เปลืองพื้นที่ ไม่เสียค่าใช้จ่ายมาก ส่วนถ้าระบบ Cloud ก็ต้องเลือกที่น่าเชื่อถือ ดูมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ เปรียบเทียบหาความคุ้มมากที่สุด
3. มีการอัปเดตซอฟต์แวร์เสมอ
ปรกติแล้วจะเป็นระบบดิจิทัล หรืออนาล็อกใด ๆ แล้วก็จะมีการผลิตที่ลงซอฟต์แวร์มาด้วย โดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลย ด้วยเหตุว่ามีการตั้งค่ามาให้หมดแล้ว แต่หากใช้งานไปได้สักระยะก็จะมีการพัฒนาระบบใหม่เสมอ มีลูกเล่น การป้องกันใหม่ โดยที่จะต้องอัปเกรดเสมอ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเราได้ และยังช่วยป้องกันระบบรักษาความปลอดภัย หรือพวกนักแฮกทั้งหลาย
4. เปลี่ยนรหัสบ่อย ๆ ใช้รหัสที่เดายาก
สุดท้ายเพื่อให้ป้องกันแฮกเกอร์ส่องภาพจากกล้องวงจรปิด wifi ของเรา ก็ให้ตั้งรหัสผ่านที่เดาได้ยาก มีทั้งตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ไปเลยและมีตัวเลขที่เราจำได้ร่วมด้วย ทั้งนี้ ควรมีการเปลี่ยนรหัสอยู่บ่อย ๆ และห้ามบอกใครนอกจากคนใกล้ตัว หรือหากคนที่ดูแลลาออกจากบริษัทไปแล้วก็ต้องรีบเปลี่ยนรหัสใหม่ทันทีด้วย และทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวช่วยง่าย ๆ ที่รับประกันว่าหากใครได้นำวิธีการป้องกันกล้องวงจรปิดถูกแฮกเกอร์เล่นงานแอบส่องดูภาพเหล่านี้ไปปรับใช้ โอกาสที่จะถูกกระทำ กลายเป็นปัญหาบานปลายไม่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TOO020302

371


ปัจจุบันนี้การใช้งานแอลกอฮอล์เพื่อทำความสะอาดมือเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะรูปแบบสเปรย์ หรือเจลก็ตาม กระนั้นท่านรู้หรือไม่ว่ามีข้อควรระวังบางอย่างที่ต้องตระหนักให้มากเมื่อใช้งานเสมออยู่ด้วย เหตุเพราะหากไม่รอบคอบมีโอกาสที่จะส่งผลเสียต่อร่างกาย ไปจนถึงทรัพย์สินด้วย ซึ่งเรื่องนี้บางท่านอาจไม่เคยทราบมาก่อน เราไม่รอช้าที่จะพาไปเรียนรู้ข้อมูลอย่างเจาะลึก เพื่อการใช้งานที่ตอบสนองความต้องการได้อย่างตรงจุด

4 ข้อควรระวังเมื่อต้องใช้งานแอลกอฮอล์เพื่อล้างมือ
1. สามารถติดไฟได้ง่าย
ต้องบอกเลยว่าเจลล้างมือ Alcohol นั้นมีโอกาสที่จะติดไฟได้ง่ายมาก ๆ ด้วยส่วนประกอบที่ทำขึ้น จึงไม่แนะนำให้วางไว้ใกล้กับเปลวไฟ หรือในพื้นที่ที่มีความร้อนสูง อย่างเช่น ในรถยนต์ที่จอดตากแดด หรือในห้องครัวที่ต้องทำอาหารเป็นประจำ เป็นต้น หรือแม้แต่ในพื้นที่ต่าง ๆ ที่เจอแสงแดดส่องถึง หรือบริเวณที่มีอากาศร้อนจัด ๆ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่จะระเบิด หรือเกิดไฟง่าย ๆ ทั้งนี้ ต้องเก็บให้พ้นมือเด็ก และสัตว์เลี้ยงภายในบ้านด้วย
2. ส่วนใหญ่มีอายุการใช้งาน 2 – 3 ปี
เจลแอลกอฮอล์ หรือสเปรย์ก็ตามโดยทั่วไปแล้วนั้นส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งาน หรือสามารถเก็บได้นานราวๆ 2 – 3 ปี และแม้จะหมดอายุแล้วก็จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ก็ไม่แนะนำให้เอามาใช้ในการฆ่าเชื้อ ทั้งนี้เพราะประสิทธิภาพการทำความสะอาดจะลดลง ก่อนซื้อใช้งานควรตรวจสอบวันผลิต และวันหมดอายุก่อนทุกครั้ง
3. เด็ก ๆ จะใช้ควรมีผู้ปกครองดูแล
ไม่ว่าจะเป็นช่วงวัยไหนคุณสามารถใช้งาน Alcohol ล้างมือได้เลยตามต้องการ แต่หากเป็นเด็ก ๆ ที่มีอายุยังน้อย ยังไม่ค่อยรู้ประสีประสา อยากแนะนำให้ทุกการใช้งานอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองด้วย อย่าให้เด็กกลืนเข้าปากไปในปริมาณมาก ๆ เนื่องด้วยจะเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
4. ใช้ล้างมือบ่อยโอกาสเกิดปัญหาผิวสูง
สเปรย์แอลกอฮอล์ หรือเจลหากมีการใช้งานล้างมือบ่อย ๆ มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาผิวได้ อย่างเช่น ผิวแห้ง แตก ขาดความชุ่มชื้น ระคายเคือง เป็นต้น และทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้ง่ายมากขึ้นไปอีกโดยเฉพาะโควิด – 19 ที่ระวังกันอยู่ ควรมีการใช้งานโลชั่นบำรุงผิวที่ฝ่ามือด้วย
ถึงกระนั้นก็ตาม โดยปกตินั้นเอทานอลมีความปลอดภัยต่อร่างกายมนุษย์ แต่หากมีการกลืนเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากมีโอกาสที่จะเกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษได้ ซึ่งยังมีส่วนผสมของไอโซโพพานอลด้วยซึ่งอาจส่งผลต่อระบบไหลเวียนของเลือด ระบบการหายใจ ระบบประสาทส่วนกลาง อาจเกิดภาวะช็อกได้ ทั้งยังมีส่วนผสมอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อร่างกายกลายเป็นอันตรายร้ายแรงได้ จึงไม่ใช่แค่เด็ก ๆ แต่ผู้ใหญ่อย่างเราก็จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วย

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0613

372


 เชื่อว่าหลาย ๆ คนมีความต้องการที่จะใช้งานถังพ่นยาประเภทไฟฟ้ากันไปแบบยาว ๆ สร้างความคุ้มค่าคุ้มราคาให้ได้มากที่สุด สิ่งที่จะทำให้ความต้องการนี้เป็นจริงได้ แน่นอนว่าคงหนีไม่พ้นเรื่องของการดูแลรักษา แต่ถ้าว่าจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นบางคนอาจไม่เคยทราบและต้องการข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่รอช้าที่จะพาไปเรียนรู้ด้วยกันเลย

 การใช้งาน – ดูแลถังพ่นยาประเภทไฟฟ้าที่ถูกต้อง
 1. การดูแลเรื่องแบตเตอรี่
 ท่านใดที่ได้เริ่มต้นใช้งานถังพ่นประเภทไฟฟ้าเมื่อแกะกล่องครั้งแรก แนะนำว่าให้ชาร์จแบตเตอรี่ก่อนใช้งานราว 6 – 8 ชม. และเมื่อต้องชาร์จครั้งต่อไปให้ชาร์จแค่ 3 – 4 ชั่วโมง พอ ไม่ต้องชาร์จปล่อยไว้จนข้ามวันข้ามคืน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแบตเตอรี่ที่ใช้งานจะเป็นแบบแห้งเหมือนที่ใช้กับรถ อายุการใช้งานก็จะราว ๆ 2 – 3 ปี ไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมดเกลี้ยง แต่ต้องมีการชาร์จไฟเป็นประจำแม้จะยังไม่หมดก็ตาม ไม่งั้นจะทำแบตเตอรี่เสื่อมสภาพไว
 2. ห้ามลืมปิดสวิตช์ขณะชาร์จแบตเตอรี่
 เป็นอีกเรื่องที่ต้องพูดถึงเลยก็คือในการชาร์จแบตเตอรี่นั้นระหว่างที่กำลังจัดการอยู่ให้ปิดสวิตช์ไปเลย โดยที่สังเกตได้จากไฟสีเขียวที่เกิดขึ้นขณะชาร์จ และถ้าท่านใดที่นาน ๆ ใช้ครั้ง ก็ต้องมีการชาร์จ เดือนละ 1 ครั้ง
 3. เทน้ำยาผ่านฝากรองเท่านั้น
 ตอนที่จะเทน้ำยาให้เทผ่านฝากรองเท่านั้น และควรเติมน้ำสะอาดเข้าไปด้วย เนื่องมาจากเครื่องพ่นยาแบตเตอรี่ต้องใช้ปั๊มผ่านมอเตอร์ ขนาดเล็ก หากเป็นน้ำที่ไม่สะอาดก็จะทำให้เศษผง เศษดินเข้าไปสะสมในตัวปั๊มได้ง่ายมาก ๆ ทำให้แรงดันน้ำลดลง หรือสร้างความเสียหายในที่สุดได้
 4. ห้ามลืมสวมอุปกรณ์ป้องกันด้วย
 ในทุกครั้งที่มีการใช้งานควรมีการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอาทิ ถุงมือ หน้ากาก หรือเสื้อผ้าที่ปิดร่างกายมิดชิด เรียบร้อย เพื่อไม่ทำให้ฝุ่นละออง หรือสารเคมีถูกร่างกายได้ และทุก ๆ ครั้งหลังจากที่ทำการใช้งานถังฉีดพ่นยาประเภทไฟฟ้าเสร็จสิ้นแล้วควรเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายโดยด่วน ทั้งนี้ เวลาที่ได้ใช้ยาหรือปุ๋ยในถังพ่นยาประเภทไฟฟ้าแล้วหลังจากใช้งานควรมีการทำความสะอาดล้างถังก่อนทุกครั้ง เพราะว่ายาหรือปุ๋ยบางชนิดละลายน้ำได้ไม่หมด และผงเหล่านี้จะกลายเป็นตะกอนติดค้างปั๊มสูบได้ เป็นสาเหตุที่ทำให้มอเตอร์พัง แนะนำว่าให้ล้างถังให้สะอาดเสมอ และฉีดพ่นออกมาด้วยน้ำสะอาดทุกครั้ง หากทำความสะอาดเสร็จสิ้นแล้ว ให้เก็บถังไว้ในที่ร่ม มีลมมีอากาศถ่ายเทสะดวก เพราะว่าด้วยความที่ถังเป็นพลาสติกโอกาสเกิดสีซีด และกรอบแตกเกิดขึ้นได้ง่าย

 ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
 เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/OUT0208

373


เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่เกิดปัญหาผิวหน้าเมื่อต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยที่ถือว่าเป็นไอเท็มสำคัญที่ต้องพกติดตัวเสมอเมื่อต้องออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิว หน้าลอก คันหน้า มีผื่นขึ้น เป็นต้น คงทำเอากังวลใจกันได้ กระนั้นไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไปแล้ว เนื่องด้วยเรามีแนวทางการรักษาใบหน้าหากเกิดปัญหาแพ้หน้ากากที่ใส่กันอยู่ แต่จะรักษาอย่างไรได้บ้าง ไปติดตามพร้อมกันได้เลย

5 แนวทางรักษาใบหน้าเมื่อเกิดปัญหาแพ้หน้ากากอนามัย
1. ให้เปลี่ยนหน้ากากทุกวัน
ที่จริงแล้วเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำกันอยู่แล้ว คือการที่สวมใส่หน้ากากเสร็จก็ต้องเปลี่ยนใหม่เลยทันที เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด – 19 ได้ กระนั้นหากท่านไหนที่ไม่ค่อยได้ทำแบบนี้ แล้วเกิดปัญหาผิวหน้าอันเป็นผลมาจากแพ้หน้ากากที่สวมใส่ก็ให้เปลี่ยนได้เลย ทั้งนี้เพราะการสะสมของจุลินทรีย์ที่หน้ากากอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาได้
2. ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสหน้ากาก
หน้ากาก หรือแมสนั้นเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญในการสวมใส่โดยเฉพาะอย่างยิ่งขั้นตอนเริ่มต้นอย่างการสัมผัสหน้ากาก แนะนำว่าก่อนที่จะจับควรล้างมือด้วยสบู่หรือเจล/สเปรย์แอลกอฮอล์เลย เพื่อช่วยลดการสะสมแบคทีเรียที่มือ และพยายามไม่ใช้มือสัมผัสหน้ากากขณะที่กำลังสวมใส่
3. เก็บหน้ากากให้เหมาะสม
บางท่านที่อาจจะต้องถอดระหว่างวันเพื่อรับประทานขนมต่าง ๆ กินข้าว ดื่มน้ำ ดื่มกาแฟ ฯลฯ แน่นอนว่าการถอดแล้ววางไว้เลยก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดแบคทีเรียมาเกาะได้ รวมถึงเกิดความอับชื้นได้ง่ายอีกหากเก็บในกล่อง หรือซองที่ไม่มีช่องระบายอากาศ
4. เลือกใช้หน้ากากที่มีมาตรฐานครบครัน
แมสปิดปากนั้นเป็นสิ่งที่ผลิตได้จากวัสดุที่หลากหลาย เช่น ผ้า เยื่อกระดาษ หรือวัสดุสังเคราะห์ ทั้งนี้ ถ้าจะต้องเลือกจริง ๆ ก็อยากให้เลือกแบบที่ทราบที่มาในการผลิตไปเลย เพื่อการตรวจสอบความปลอดภัย สถานที่การผลิตได้ดี เพื่อเพิ่มความแน่ใจในการใช้งานมากขึ้น
5. ซักหน้ากากให้ถูกวิธี
เผื่อว่าท่านไหนที่ใช้เป็นหน้ากากผ้า แนะนำว่าเวลาที่ซักให้ใช้น้ำอุ่นเนื่องด้วยมีส่วนในการช่วยถนอมผ้าได้ดีที่สุด และไม่ควรซักพร้อมกับเสื้อผ้า บางท่านก็แพ้หน้ากากมีปัญหาหน้าลอก เป็นสิวก็เพราะว่ามาจากสารที่ใช้ซัก ลองเปลี่ยนวิธีการซักใหม่ ดังเช่น ซักด้วยน้ำสบู่ที่อ่อนโยน ซักน้ำเปล่าแล้วเอาขึ้นตากแดดเลย หรือใช้น้ำยาซักผ้าเด็กก็ได้
ทั้งนี้ หากลองทำตามแล้วยังมีปัญหาที่ผิวหน้าอยู่อาจจะไม่สามารถแก้ได้จากหน้ากากอนามัยแล้ว คงต้องมีวิธีอื่น ๆ เข้าช่วยด้วย เช่น เปลี่ยนเครื่องสำอาง ล้างเครื่องสำอางให้สะอาด ใช้แผ่นปิดสิว ใช้ครีมบำรุงผิวเพิ่มความชุ่มชื้น เป็นต้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าปัญหาผิวที่เป็นอยู่จะหมดไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/TOO020106

374


เมื่อกล่าวถึงผลิตภัณฑ์สำหรับการทำความสะอาดแล้วนั้นมีให้เราเลือกใช้งานมากมาย แต่ที่ดูจะทำความสะอาดได้หลากหลายประเภทนั้นมีอยู่ยี่ห้อหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้แต่ถ้านึกไม่ออกเราจะบอกให้ว่าก็คือ “เดทตอล” พอได้ยินแล้วคุ้นเคยกันขึ้นมาเลยใช่ไหม?? แต่จะมีผลิตภัณฑ์อะไรให้เราเลือกใช้งานบ้าง เชื่ออย่างยิ่งว่ามีคนอีกมากที่ยังไม่ทราบ เราไม่พลาดมีมาแนะนำอีกเช่นเคย
ผลิตภัณฑ์จากเดทตอลใช้ทำความสะอาดทั้งหลายที่น่าสนใจ
1. ผลิตภัณฑ์สบู่
เป็นผลิตภัณฑ์แรกที่ไม่อาจละเลยพูดถึงไปได้เลยจริง ๆ เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ Dettol แล้วก็คือ สบู่นั่นเอง ซึ่งมีให้เราเลือกใช้หลายสูตรมาก ไม่ว่า สูตรคูล สูตรสกินแคร์ สูตรออริจินัล สูตรเรเดียนซ์ สูตรแอคทีฟ และอื่น ๆ ซึ่งในแต่ละสูตรก็จะมีความแตกต่างกันออกไป แต่ที่เหมือนกันคือพร้อมช่วยชำระล้างทำความสะอาดร่างกายให้หมดจด ให้ผิวดูมีอนามัยมากขึ้น แลดูสะอาดชุ่มชื้น ทั้งยังหาซื้อสะดวกและมีราคาถูกด้วย
2. ผลิตภัณฑ์น้ำยาใช้ทำความสะอาด
เป็นอีกผลิตภัณฑ์จาก Dettol ที่ได้รับความนิยมเช่นกันก็คือบรรดาน้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ ที่มีให้ โดยที่จะเป็นในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาด โดยที่ไม่สามารถนำมาใช้สัมผัสกับผิวได้ เป็นการฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ที่ฆ่าได้ทั้งเชื้อโรค เชื้อรา และเชื้อแบคทีเรียมากถึง 99.9% เลยเชียว โดยที่จะมีสารคลอโรเมธิลฟีนอลที่ใช้เพื่อฆ่าเชื้อรุนแรง ให้เกิดความสะอาดมากที่สุด ท่านสามารถหาซื้อได้ตามห้างชั้นนำทั่วไป สามารถใช้ฆ่าเชื้อได้ทั้งเช็ดพื้น ลูกบิด หรือผสมซักผ้า ฯลฯ มีชื่อเรียกว่า “Dettol Hygiene Multi-Use Disinfectant”
3. ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อผิวหนัง
ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อที่นำมาใช้กับผิวหนังได้ก็จะเป็นสูตรที่มีมงกุฎสีฟ้า โดยที่มีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อโรคบนผิวหนังของเราได้ ฆ่าเชื้อแผลที่เกิดจากแมลงสัตว์กัดต่อย ล้างบาดแผล ใช้ขจัดรังแค ใช้ผสมสำหรับการอาบน้ำ หรืออุปกรณ์ เครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ผิวเราต้องสัมผัส เช่น อุปกรณ์ผ่าตัด อุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อการทำความสะอาดที่ปลอดภัยต่อเราเองด้วย โดยสูตรนี้จะเป็นส่วนประกอบของ Chloroxylenol โดยที่ช่วยฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้สูงสุด 99.9% เช่นกัน
คุณ ๆสามารถเลือกซื้อเลือกหาผลิตภัณฑ์จากเดทตอลได้เลยตามต้องการ เพียงดูความเหมาะสมในการใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพที่ตอบโจทย์มากที่สุด โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำความสะอาด ฆ่าเชื้อที่ต้องตรวจดูให้ดี ย้ำอีกครั้งว่าหากมีมงกุฎสีฟ้าสามารถใช้สัมผัสผิวพรรณเราได้ หากไม่มีมงกุฎก็เอาไว้ใช้ทำความสะอาดทั่วไป ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ไหน ท่านสามารถเลือกซื้อได้ไม่ยาก หรือซื้อออนไลน์ก็ราคาไม่แพง

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0609

375


การมีหญ้าหน้าบ้าน หรือมีสนามใด ๆ ก็ตามปัจจุบันไม่ต้องปลูกหญ้าจริง ๆ กันแล้วเนื่องมาจากมีรูปแบบหญ้าเทียมให้เราเลือกใช้งาน กระนั้นเชื่อว่านี่อาจจะเป็นเรื่องแปลกใหม่ของใครหลายคนที่อยากใช้แต่ก็แอบไม่แน่ใจ เกิดสงสัยถึงการดูแลรักษาว่าหญ้าชนิดนี้ดูแลยากกว่าหญ้าจริงหรือเปล่า แน่นอนว่าเรื่องนี้มีคำตอบมาให้ค้นหา

หญ้าเทียมมีการดูแลรักษายุ่งยากกว่าหญ้าจริง จริงหรือเปล่า??
ต้องบอกตรงนี้ให้เข้าใจกันชัด ๆ เลยว่าหญ้าเทียมปูพื้นนั้นมีการดูแลรักษาที่ “ง่าย” มากกว่าหญ้าจริง ๆ ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย แค่มีกวาด หรือดูดฝุ่นที่หญ้าในวันหยุดสุดสัปดาห์เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น หรือถ้าไม่มีเวลาก็ข้ามไปก่อนได้ไม่มีปัญหา ไม่ต้องคอยรดน้ำเป็นประจำ ไม่ต้องตัดแต่งหญ้าเมื่อปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ไม่ต้องพรวนดิน ไม่ต้องใส่ปุ๋ย

โดยที่ระยะเวลาในการใช้งานก็ทนทานมากกว่าด้วย สิ่งสำคัญในการใช้งานก็คือสถานที่ติดตั้ง ขนาดพื้นที่เพื่อให้การซื้อเป็นไปอย่างราบรื่นมากที่สุด แล้วถ้าเกิดมีสิ่งสกปรกลักษณะต่าง ๆ จะจัดการเช่นใด? เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเรามีมาบอกต่อเช่นกัน
- กรณีที่หญ้าเกิดไปโดนน้ำมันต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติกัดกร่อนหนักมาก ให้รีบถอดออกไปแช่น้ำเปล่าโดยด่วน จะแช่ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ได้หมดเลย ต่อมาก็เอาแปรงซักผ้ามาถูเบา ๆ แล้วใช้น้ำสะอาดล้างออก ก่อนจะนำไปตากแห้งแล้วติดตั้งที่เดิมได้เลย
- กรณีที่หญ้าเปื้อนเศษดิน โคลนให้เอาแปรงซักผ้าเช่นเคยมาขัด ๆ ถูก ๆ แบบเบามือที่สุด แล้วใช้น้ำเปล่าฉีดล้างทำความสะอาดได้เลยง่ายมาก
- กรณีที่หญ้าเกิดหลุดออกมาซึ่งกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นหญ้าเทียม ราคาถูก หรือราคาแพงใด ๆ ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น และถ้าเกิดขึ้นก็อย่าตกใจ ให้คุณ ๆใช้กาวร้อนมาติดไว้ได้เลย

อย่างไรก็ตาม หากคุณ ๆมีความต้องการอยากซักล้างทำความสะอาดไม่แนะนำให้เอาผงซักฟอก หรือน้ำยาที่ออกฤทธิ์กัดกร่อนมาใช้เด็ดขาด เพราะว่าจะมีส่วนทำให้หญ้ามีสีที่ซีดลงได้ ซึ่งหากเป็นแบบนั้นคงต้องซื้อใหม่แล้วจริง ๆ

หญ้าเทียมเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราได้รับความเป็นธรรมชาติ ดูเขียวชอุ่มได้อย่างดี สามารถใช้งานได้ยาว ๆ ไม่จำเป็นต้องดูแลตัดแต่ง ใส่ปุ๋ย พรวนดินใด ๆ เลยด้วย ยามที่ฝนตกหนัก ๆ ก็ไม่ทำให้เกิดน้ำท่วมลุยโคลน หากล้ม กระแทกก็ช่วยลดอาการบาดเจ็บได้ดี และเมื่อหญ้าเกิดความเสียหายเราก็สามารถถอนการติดตั้งแล้วซื้ออันใหม่มาเปลี่ยนได้เลยไม่มีปัญหา และยังมีการดูแลรักษาที่ง่ายดายอีกด้วย

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/OUT0401

376


ใครจะรู้ว่าการเลือกใช้งานกระดาษทิชชูนั้นนอกจากแบบธรรมดาทั่วไปแล้วก็ยังมีแบบทิชชู่เปียกไปอีก และแน่นอนว่ากระดาษชนิดนี้ไม่ธรรมดา ซื้อไว้บอกเลยว่าเอามาใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทว่าท่านใดไม่เคยทราบมาก่อนเราไม่พลาดที่จะเอาความลับมาบอกต่อ จะใช้งานแบบไหนได้บ้างนั้นไปติดตามกันเลยอย่ารอช้า

บอกต่อความลับทิชชู่เปียก ใช้งานได้หลากหลาย
1. ออกกำลังกายมากต้องมีติดตัว
ท่านใดที่เข้าฟิตเนส ออกกำลังกายมาก ขอบอกว่าต้องมีทิชชูเปียกนี้ไว้ใช้งานหลังจากออกกำลังกายเสร็จใหม่ ๆ เป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าจะเช็ดใบหน้า ใบหู ลำคอ แขนได้หมดเลย นับเป็นการทำความสะอาดคราบเหงื่อไคลเบื้องต้น ก่อนที่จะกลับบ้านไปอาบน้ำทำความสะอาดตัวจริง ๆ

2. ช่วยลบเครื่องสำอาง
วันไหนที่มีฝนตก แล้วเกิดหน้าเปียกมาสคาร่าเอย อายไลเนอร์เอยเลอะไปหมด เราก็สามารถใช้กระดาษทิชชู่เปียกช่วยเช็ดคราบต่าง ๆ เหล่านั้นออกไปได้อย่างเร็ว ใบหน้าสะอาด นอกจากนี้ด้วยเนื้อกระดาษที่นุ่มและมีน้ำหล่อลื่นก็ไม่เกิดการระคายเคืองใด ๆ ขึ้น ปลอดภัยหายห่วง

3. เอามาเช็ดทำความสะอาดรองเท้าหนัง
อย่ารอช้าที่จะมีทิชชูแบบเปียกเอาไว้ติดตัว เพื่อที่จะเช็ดรองเท้าหนังที่มีเลอะเปื้อนให้สะอาดได้อย่างหมดจด ไม่ต้องเปลืองเวลาวุ่นวายหาผ้าชุบน้ำมาเช็ด ยิ่งต้องออกจากบ้านไวมีไว้เผื่อลืมเช็ดที่บ้านก็ยังเช็ดบนรถได้ ช่วยให้กลับมาเป็นรองเท้าคู่โปรดที่แสนสะอาดอย่างเคย

4. เช็ดอุปกรณ์มือถือ
เนื่องจากในยุคที่โควิด – 19 ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง มือที่สัมผัสสิ่งต่าง ๆ แล้วก็เอามาสัมผัสที่อุปกรณ์มือถือก็ทำให้เกิดความเสี่ยงได้ กระนั้นทิชชูแบบเปียกก็มีพัฒนาเป็นทิชชู่เปียกแอลกอฮอล์ด้วย ซึ่งเราสามารถเอามาเช็ดทำความสะอาดโทรศัพท์ของเราได้เลย ช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด – 19 ได้ไม่มากก็น้อย

5. เอาไว้เช็ดเวลาเข้าห้องน้ำสาธารณะ
สุดท้ายขาดไม่ได้จริง ๆ เมื่อเราได้เข้าใช้งานห้องน้ำสาธารณะแบบเร่งด่วน ฉุกเฉิน โดยที่ไม่สามารถเลือกได้ เข้าไปไม่มีน้ำล้างอีก ก็สามารถเอามาเช็ดทำความสะอาดได้อย่างหมดจดหลังทำธุระเสร็จ เพิ่มความมั่นใจไปอีกขั้น

ทิชชู่เปียกมีวัตถุดิบแต่ละแบรนด์ต่างกันบางแบรนด์ทำจากเส้นใยธรรมชาติ บางรุ่นทำมาจากเยื่อกระดาษ ซึ่งเป็นการผสมผสานของน้ำเป็นส่วนประกอบ 95% โดยเป็นน้ำที่ผ่านการบำบัดมาอย่างแน่ชัดแล้วว่าปลอดเชื้อโรค กระนั้นโอกาสที่เมื่อใช้งานไปแล้วจะเกิดปัญหาแพ้ระคายเคืองก็มีอยู่เหมือนกัน ดังนั้น แนะนำว่าหากมีผื่นขึ้น คัน หรือเป็นสิว ให้หยุดใช้ที่ใบหน้าไปเลย เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0215

377


ในการใช้งานกระดาษทิชชู่ ใช่ว่าจะมีคุณสมบัติที่เหมือนกันไปหมด เพราะว่าขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วย ถามว่าความสามารถที่แท้จริงนั้นควรมีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างดีที่สุด เลือกซื้อยี่ห้อที่มีแต่คุณภาพจัดเต็ม เราไม่พลาดรวบรวมข้อมูลมาให้ศึกษา ว่าแล้วก็ไปติดตามพร้อม ๆ กันได้
ความสามารถของกระดาษทิชชู่ที่ทุกท่านควรทราบ
ทิชชูมีให้เลือกใช้ได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะ กระดาษใช้ทั่วไป กระดาษไว้เช็ดหน้า กระดาษอเนกประสงค์ กระดาษเช็ดมือ กระดาษเช็ดปาก ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะประเภทไหนก็ควรมีความสามารถที่มีคุณภาพ คือ
1. ต้องมีความสามารถในการซับที่ยอดเยี่ยม
สิ่งแรกที่ไม่อาจละเลยไปได้ก็คือความสามารถในการซับสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม กล่าวคือเมื่อเราเอาไปเช็ดสิ่งใดแล้วต้องรับเอาสิ่งสกปรกนั้น ๆ ออกไปโดยง่าย หมดจด ไม่มีสารตกค้าง ไม่ใช่เช็ดแล้วเช็ดอีก แบบนั้นจะยิ่งทำให้เราใช้งานกระดาษสิ้นเปลืองได้ หรือเนื้อกระดาษยุ่ยติดอาหารก็เกิดความเสียหายไปได้อีก

2. กระดาษต้องมีความหนา + ความนุ่ม
อีกเรื่องที่เราต้องสนใจมาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภททิชชู่เช็ดหน้าที่ความหนาของกระดาษควรต้องมีสูง และที่สำคัญต้องมีความนุ่มคู่กันด้วย เพื่อให้การใช้งานนั้นผ่านไปได้อย่างราบรื่น เช็ดได้สบายใจ ไม่ใช่เช็ดแล้วขาด หรือแค่ดึงออกจากมวนก็ขาดง่ายแล้ว ไม่ประทับใจในการใช้งานไปอีก

3. ต้องมีปริมาณที่เหมาะสมกับราคา
แน่นอนว่าการจะใช้งานกระดาษเช็ดทำความสะอาดนี้ก็ต้องเลือกที่ให้ปริมาณความหนาแน่นอน หรือความยาวที่คุ้มค่าด้วย เพื่อให้การใช้งานของเราตอบสนองความต้องการมากขึ้น ทั้งนี้ อย่ามองแค่ใช้ราคาถูก ๆ ทั้งนี้เพราะบางครั้งทิชชูราคาถูกก็ส่งผลต่อคุณภาพที่แย่ตามไปด้วย บางเกินไป ขาดง่าย เปื่อยยุ่ยง่าย หรือซึมซับได้ไม่ดีเท่าที่ควร ก่อให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาไปอีก

4. เป็นไปได้ควรมีให้เลือกทั้งชนิดม้วน หรือชนิดแผ่น
สุดท้ายความสามารถของกระดาษชำระก็ควรมีให้เราเลือกได้ในแต่ละยี่ห้อที่สนใจทั้งแบบม้วน หรือแบบแผ่น เพื่อให้ให้ตอบสนองความต้องการในการใช้งานของเรามากที่สุด โดยที่แบบม้วนก็จะดึงตามความยาวได้เอง หรือแบบแผ่นก็จะต้องมีขนาดที่พอเหมาะ ไม่ใช่เล็กเกิน ทั้งนี้ คุณภาพด้านอื่น ๆ ก็ต้องมีอยู่ด้วย อาทิ การซึมซับ ความหนาบาง ปริมาณที่ให้มา ฯลฯ

กระดาษทิชชู่ถือเป็นสิ่งจำเป็นที่เราใช้งานกันในชีวิตประจำวัน ซึ่งการที่มองหาถึงความสามารถ คุณสมบัติในการใช้งานอย่างละเอียดจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการเลือกซื้อมากขึ้น ได้ใช้ของดี ดูดซึมไว ง่าย ไม่บาง นุ่มนิ่ม ปริมาณดีเหมาะกับราคา การใช้งานก็จะมีความสุขตามไปด้วย หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะช่วยท่านได้ไม่มากก็น้อย

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0213

378


คงกลายเป็นปมปัญหาที่หลาย ๆ คนต้องการวิธีการแก้ไขอย่างที่สุด เมื่อกล่องรองเท้าแบบพลาสติกที่เราซื้อมาเพื่อไว้จัดเก็บรองเท้าอย่างเป็นระเบียบ จากที่ใส ๆ กลับเหลืองขึ้นมาได้ คิดว่าแบบนี้ทำให้ได้แค่รอซื้อใหม่ ทั้งที่จริงแล้วเราสามารถจัดการให้กลับมาขาวเหมือนเพิ่งซื้อใหม่ได้ง่าย ๆ แต่จะทำอย่างไรใครอยากรู้ไปติดตามกันดีกว่า

จัดการคราบเหลืองบนกล่องรองเท้าแบบพลาสติกไม่ยาก
1. ใช้เม็ดฟู่ที่ทำความสะอาดฟันปลอมจัดการ
อย่างแรกเลยก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์เม็ดฟู่ที่เอาไว้ใช้ทำความสะอาดฟันปลอมมาจัดการละลายในน้ำร้อน 2 เม็ด แล้วเทน้ำยาที่ได้ลงไปบนกล่องไว้ใส่รองเท้าปล่อยทิ้งไว้จนกว่าคราบจะหายไป แล้วล้างด้วยน้ำยาล้างจาน ก่อนล้างน้ำเปล่าให้สะอาด

2. ใช้น้ำยาฟอกขาว
ต่อมาก็คือการใช้น้ำยาฟอกขาวในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 ถ้วย จากนั้นก็เอาไปเทที่กล่องใส่รองเท้าที่มีคราบเหลืองติดอยู่ โดยปล่อยทิ้งไว้ 1 – 2 ชม. จากนั้นก็ล้างทำความสะอาดกล่องโดยใช้น้ำยาล้างจาน + น้ำเปล่า

3. ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จัดการ
ต่อมาคือการใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่จะช่วยให้คราบเหลืองออกได้เร็วไว โดยที่เทไปในถุงพลาสติก หลังจากนั้นก็เอากล่องใส่ไว้ หรือจะเทใส่กะละมังแล้วแช่กล่องลงไปก็ได้ โดยให้รอราวๆ 3 – 4 ชม. ต่อจากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาดได้เลย อาจจะใช้แปรงสีฟันเก่า ๆ มาขัดคราบช่วยให้ออกรวดเร็วขึ้นก็ได้

4. ใช้เบกกิ้งโซดาจัดการ
ให้เทเบกกิ้งโซดาในถ้วย แล้วเติมน้ำลงไปจนเนื้อมีความเหนียวข้น ต่อจากนั้นก็เอามาป้ายตามกล่องจากนั้นทิ้งไว้ 2 – 3 ชั่วโมง ใช้ฟองน้ำ หรือกระดาษทิชชูมาขัดถูกแล้วล้างออก เท่านี้ก็ได้กล่องรองเท้าใสเหมือนใหม่

5. โรยเกลือแล้วเอาผ้ามาขัดถู
ให้เลือกใช้เป็นผ้า หรือผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นมาเช็ด ๆ ที่ตัวกล่องหลังจากที่ทาเกลือจนทั่วแล้วได้เลย เพื่อให้เกลือซึมผ้าอีกทีช่วยให้คราบหลุดออกง่าย ขัดถูไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้กล่องใหม่ใส แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าจนสะอาด

6. ใช้น้ำมะนาวช่วยจัดการ
สุดท้ายก็คือการนำมะนาวมาผ่าเป็น 2 ซีกแล้วก็เอามาถู ๆ ขัด ๆ ที่กล่องให้ทั่ว เอาให้น้ำมะนาวกระจายทั่ว ต่อไปก็นำไปตากแดดนอกบ้านประมาณ 3 ชั่วโมง หรือจะตากทั้งวันเลยก็ได้ ต่อจากนั้นก็เอามาล้างน้ำเปล่าอีกครั้ง

กล่องรองเท้ามีส่วนช่วยให้รองเท้าคงสภาพ ไม่มีฝุ่นมาเกาะ และยังเพิ่มความเป็นระเบียบของคนที่มีหลายคู่ กระนั้นกล่องที่เป็นแบบพลาสติกเมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็มีโอกาสที่จะกลายเป็นสีเหลืองได้ แต่ก็คงไม่กลายเป็นปัญหาอีกต่อไป เหตุเพราะเราแนะนำวิธีช่วยเหล่านี้ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความถนัด รับรองว่าได้กล่องรองเท้าใช้งานที่เหมือนของใหม่อย่างแน่นอน

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP1205

379


เมื่อต้องออกงานอีเว้นท์ งานแสดงสินค้า ออกบูธ หรืองานโปรโมทสินค้าในพื้นที่ต่าง ๆ แล้ว หลาย ๆ คนเลือกโต๊ะพับที่มีความแข็งแรงทนทาน หรือไม่ก็ขนย้ายสะดวกสบาย เพื่อให้การใช้งานเหมาะสมมากที่สุดจำเป็นต้องศึกษาถึงจุดแข็งจุดบกพร่องแต่ละประเภทโต๊ะที่นิยมนำมาใช้งาน และเพื่อให้ได้โต๊ะที่ตอบสนองความต้องการมากที่สุดก็มีมาแนะนำ

เลือกโต๊ะพับออกงานอีเว้นท์ให้เหมาะสม ตอบโจทย์การใช้งาน
1. โต๊ะจากวัสดุ HDPE
เป็นโต๊ะพับอเนกประสงค์ที่ทำมาจากวัสดุพิเศษ อย่าง HDPE โดยที่เป็นส่วนใหญ่ก็จะมีสารป้องกัน UV มาด้วย โดยที่จะค่อนข้างทนทานต่อแดด ความร้อน และทนฝนอย่างดี จะใช้งานนอกสถานที่หรือในร่มได้หมดเลย สามารถพับเก็บได้ ทำให้การเคลื่อนย้ายสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ขาของโต๊ะจะเป็นเหล็กท่อกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 4 ซม. รับน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
จุดเด่น : พับเก็บได้ ขนย้ายได้สะดวก ขาโต๊ะทนทาน เหมาะกับการออกงานอีเว้นท์ ทนความร้อน น้ำ และแสงแดดได้อย่างดี รอยขีดข่วนไม่มีกวนใจ
ข้อด้อย โต๊ะมีน้ำหนักมากเกิน

2. โต๊ะ – เก้าอี้แบบพับขาโครเมียม
โต๊ะและเก้าอี้พับแบบโฟเมก้า + ชาโครเมียมจะมีสีโต๊ะเป็นสีขาว และมีขอบกั้น ใช้แผ่นลามิเนต ค่อนข้างแข็งแรง ทนได้ทั้งความร้อน และอากาศ ด้านนอกมีการเคลือบผิวที่ด้านบน เป็นการป้องกันรอยขีดข่วน มีการปิดขอบด้านข้าง โดยที่ตัวขาเป็นแบบโครเมี่ยมทำให้ยิ่งแข็งแรงทนทานมาก ป้องกันสนิม พร้อมให้คุณได้ทำความสะอาดง่ายมากขึ้น เคลื่อนย้ายไม่ได้ ทั้งนี้เพราะน้ำหนักเยอะ และไม่ป้องกันน้ำ
จุดแข็ง : มีความแข็งแรงทนทาน รับน้ำหนักได้ดีมาก ยิ่งได้ขาที่แข็งแรง รับน้ำหนักได้มาก กันสนิม
จุดด้อย : ขนย้ายไม่สะดวก ทั้งนี้เพราะน้ำหนักเยอะ ไปไหนมาไหนไม่ค่อยสะดวก หลีกเลี่ยงการวางของที่มีน้ำหนักเยอะ ๆ

3. โต๊ะแบบอะลูมิเนียม
ปิดท้ายกันที่โต๊ะ MDF ที่ออกแบบมา 15 มิลลิเมตร พื้นผิวบนโต๊ะทนทานมากไม่เกิดรอยชีดช่วน และกันน้ำได้ด้วย รองรับน้ำหนักแบบกระจาย ๆ ได้ 50 กก. ขาโต๊ะบางรุ่นสามารถรปรับระดับขาขึ้นลงได้ 3 ระดับเลยทีเดียวขึ้นอยู่กับความพึงใจผู้ใช้งาน
ข้อดี : น้ำหนักเบา กันได้ทั้งน้ำและรอยขีดข่วน รองรับน้ำหนักได้ดี โต๊ะมีน้ำหนักเบา
  ข้อเสีย : พับเก็บแล้วยังคงใหญ่ อาจจะเปลืองพื้นที่บ้านได้ สิ่งของที่หนักกว่า 50 กิโลกรัม ไม่สามารถวางไว้วางได้เท่าใดนัก กันน้ำได้แต่ก็ในระดับหนึ่ง เนื่องจากวัสดุที่ทำอาจบวมน้ำดี

เท่านี้การมีโต๊ะพับเพื่อนำไปใช้ในงานเอเว้นท์ หรือแม้แต่งานอื่น ๆ อย่าง ออกบูธ โปรโมทสินค้า หรือแม้แต่เป็นโต๊ะกินข้าวร้านอาหารต่าง ๆ ก็จะผ่านไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งหากใครศึกษาทั้งจุดเด่นจุดด้อยแบบนี้กันไปแล้ว เลือกซื้อมาใช้งานแล้วเกิดผลลัพธ์เช่นใดก็มาเล่าให้ทุกคนได้รู้กันไปด้วยได้เลย
ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/OUT0607

380


เมื่อเราซื้อ “หม้อหุงข้าว” มาสำหรับใช้งานแล้ว ก็คงไม่มีใครต้องการให้เสีย หรือชำรุดต้องมาซ่อม ต้องมาหาซื้อใหม่ง่าย ๆ สิ่งสำคัญที่ไม่อาจไม่เอาใจใส่ไปได้ก็คือการบำรุงดูแล และเพื่อให้ยังคงมีอยู่ใช้งานกับเราไปนาน ๆ คราวนี้เราไม่รอช้าที่จะพาไปศึกษา ว่าแล้วก็ตามมาทางนี้ด่วน ๆ เลย

ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการบำรุงดูแล “หม้อหุงข้าว”
ท่านไหนที่ซื้อหม้อใช้หุงข้าวมาแล้ว และไม่อยากให้เสื่อมสภาพไปอย่างรวดเร็ว ก็ต้องดูแลบำรุงรักษากันหน่อย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลยด้วย โดยวิธีการนั้น
1. อย่าใช้เป็นกาต้มน้ำ
อันดับแรกบางคนคิดว่าเอาหม้อที่ล้างแล้วมาใส่น้ำแล้วหุงต้มให้น้ำเดือด ซึ่งเป็นสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้เครื่องเสื่อมสภาพเร็ว เนื่องจากว่ามีการใช้กำลังไฟที่นานมากกว่าจะได้น้ำเดือด
2. จะหุงต้องล้างแล้วแช่น้ำ 15 นาที
สิ่งต่อมาที่จะช่วยให้การใช้หม้อผ่านไปอย่างมีประสิทธิภาพ ราบรื่นที่สุด ก็คือการหุงโดยที่ต้องล้างหม้อหุงข้าวไปก่อน จากนั้นก็แช่น้ำได้ 15 นาที แล้วจึงค่อยใส่ข้าวลงในหม้อ การทำเช่นนี้จะช่วยประหยัดเวลาในการหุงได้มากขึ้น ข้าวสุกก็จะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ
3. การใช้กำลังไฟ
ไม่ว่าจะเป็นหม้อหุงข้าวเล็ก หรือหม้อใหญ่ใด ๆ ก็ตาม เพื่อหลีกเลี่ยงจุดสูงสุดแล้วก็ต้องใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหม้อที่มีกำลังไฟเท่ากัน เพราะเมื่อไฟฟ้าต่ำกว่า 10% ของแรงดันต่อค่าพิกัดเวลาไฟฟ้า จะต้องขยายออกไป 12% ที่ควรใช้ให้น้อยหรือไม่ใช้ในช่วงที่ไฟฟ้าสูงสุด
4. ดูแลให้สะอาดทั้งภายนอกและภายใน
เป็นข้อสำคัญมากกับการดูแลหม้อให้ทั้งชั้นใน และชั้นนอกสะอาดอยู่เสมอ หากเราใช้หม้อไปนาน ๆ แล้วไม่มีการทำความสะอาด จะมีออกไซด์ที่เป็นชั้นขึ้นด้านล่าง และผิวนอกหม้อด้วย แนะนำว่าให้จุ่มหม้อชั้นในลงไปให้โดนน้ำแล้วเช็ดด้วยผ้าอย่างละเอียดจนสะอาด
5. กำลังไฟหม้อสูงอย่าใช้เต้าร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น
สุดท้ายก็คือเรื่องของการใช้งานหม้อหุงข้าวไฟฟ้าที่มีกำลังไฟสูง ต้องใช้เต้าของตัวเองโดยเฉพาะเลย อย่าไปใช้เต้ารับร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นเด็ดขาด เนื่องจากจะทำให้ความจุของเต้ารับมีไม่เพียงพอ และทำให้ไฟหม้อร้อนเกินไป ส่งผลให้สายรั่ว หรือเป็นอันตรายได้

นอกจากนี้ การใช้หม้อหุงข้าวที่ดีต้องเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยด้วย แนะนำว่าให้วางไว้บนโต๊ะ เพื่อไม่ให้ฝุ่นที่พื้นเข้าไปด้านล่างเครื่องง่าย ๆ และอย่าเอาไปวางไว้ในที่ที่น้ำฉีดพ่นได้ง่ายด้วย เพราะไม่อย่างนั้นน้ำอาจจะเข้าไปกระทบระบบวงจรไฟฟ้าได้ ทั้งนี้ ต้องรักษาความสะอาดส่วนของแผ่นความร้อน และหม้อชั้นในให้ดีที่สุด ไม่ทำให้น้ำซึมส่งผลต่อการหุงข้าวได้

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0810

381


เป็นอีกสิ่งที่ช่วยเรื่องสุขภาพได้ดีในยุคที่อากาศเป็นปัญหาอย่างที่สุด กับ “เครื่องฟอกอากาศพกพา” ช่วยให้การอยู่นอกบ้านเป็นไปได้อย่างสบายใจ กระนั้นหากใครยังไม่เคยรู้จักมาก่อน อยากได้ข้อมูลความน่าสนใจมากขึ้น เราไม่รอช้ามีมาแนะนำอย่างเจาะลึก เพื่อการใช้งานราบรื่น ไม่มีความลังเลอีกต่อไป

สุขภาพดีแม้อยู่นอกบ้าน แค่เลือกใช้เครื่องฟอกอากาศพกพา
เครื่องฟอกอากาศแบบพกพาเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยปรับสภาพอากาศรอบตัวของเราให้มีความบริสุทธิ์มากขึ้น โดยกลไกการทำงานนั้นจะเป็นการดูดซึมซับจับตัว ที่มาจากประจุลบซึ่งเอามลภาวะ ฝุ่น ควัน เข้าไปในเครื่องเพื่อเป็นการลดประมาณในอากาศ เป็นการรวมตัวสะสม ที่จะจับเป็นฝุ่นก้อนขนาดใหญ่ แล้วตกตะกอนออกมาแล้วก็ไปติดพื้นผิวอื่น ๆ จากนั้นจึงค่อยสลายตัว

ไม่ว่าจะไวรัส แบคทีเรียใด ๆ ก็ตามที่ถูกจับกับประจุลบ ก็จะย่อยสลายตัวไปทางกายภาพ พร้อมตกหล่นจากอากาศเราก็จะสูดอากาศที่บริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกาย และยิ่งเป็นแบบพกพาได้อีก ก็ทำให้เราเอาไปไหนมาไหนได้สะดวกสบายมากขึ้น ไม่เหมือนกับแบบตั้งพื้นที่จะต้องเคลื่อนไปไหนมาไหนก็ลำบากหน่อย

ปัจจุบันมีการผลิตออกมาเป็นแบบห้อยคอก็แค่ห้อยไว้เดินทางไปไหนมาไหนสบายสุด ๆ ช่วยจัดการมลภาวะ แบคทีเรีย ไวรัส เกสรดอกไม้ สิ่งแปลกปลอมในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพทุกที่ทุกเวลา แถมยังเป็นอีกไอเท็มที่ช่วยเพิ่มความสวยงาม เป็นเครื่องประดับที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ใครที่เดินทางบ่อย ๆ แนะนำเลยว่าต้องมีติดตัวไว้

นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศห้อยคอยังสามารถช่วยให้เรามั่นใจในการเดินทางไปที่ต่าง ๆ แม้จะเป็นพื้นที่แออัดได้ด้วย ที่สำคัญบางยี่ห้อมีการรพัฒนาให้เข้ากับสถานการณ์ในยุคการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ทำให้สุขภาพร่างกายของเราที่ต้องเดินทางออกนอกบ้านแข็งแรงมากขึ้นไปอีก ใครที่ลังเลอยู่อยากบอกว่าตัดสินใจซื้อใช้งานเลยจะดีกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าการเดินทางไปไหนมาไหนของเราจะมีอันตรายที่อยู่ในอากาศอะไรบ้าง เราตรวจจับเองไม่ได้แต่เครื่องดูดจับและจัดการให้เป็นอากาศที่ดีได้ เมื่อรอบตัวมีแต่อากาศดี อากาศสะอาดความมั่นใจในการใช้ชีวิตก็จะสมบูรณ์แบบมากขึ้น

ด้วยจุดเด่นของเครื่องฟอกอากาศพกพาที่มีให้มากมายขนาดนี้ บางคนอาจจะคิดว่าราคาต้องแพงมากแน่เลย ซึ่งเราอยากบอกตรงนี้ให้ชัด ๆ เลยว่าราคาไม่ได้แพงอย่างที่คิด ถ้าเทียบกับการซื้อแบบตั้งพื้นมาใช้งานแล้วราคาของแบบพกพานั้นถูกกว่ามาก เหมาะกับการใช้งานคนเดียวที่สบายกาย สบายกระเป๋าแบบขั้นสุด ว่าแล้วก็ลองไปซื้อมาใช้งานดูสักเครื่องเพื่ออากาศรอบตัวที่สะอาดปลอดภัย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0203

382


หลายคนปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีสวนสนามหน้าบ้านเป็นของตัวเอง และก็คิดอยากตกแต่งให้ออกมาสวยและดูดีที่สุด กระนั้นจะมองข้ามเก้าอี้ไว้นั่งเล่นคงไม่ได้ และหนึ่งในประเภทเก้าอี้ที่น่าสนใจที่ปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมก็คงหนีไม่พ้นเก้าอี้สนาม ซึ่งการเลือกเก้าอี้นี้มาใช้งาน เป็นอีกความคิดเพิ่มความสวยงามอย่างคาดไม่ถึง แถมเอาไว้นั่งเล่นพักผ่อนได้ด้วย

เก้าอี้สนามตกแต่งสวนหน้าบ้าน ความสวยงามที่เลือกเอง
พื้นที่สวนหน้าบ้านหลายท่านมีความกว้างใหญ่ จะให้มีแค่สวน มีแค่ต้นไม้ ต้นหญ้าเพียงเท่านั้นก็คงไม่ได้สวยงามสมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก แต่พอมีเก้าอี้วางนั่งด้วยก็จะช่วยเพิ่มความสวยงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบรูปทรงที่หลากหลาย การเลือกสีสัน หรือเลือกลวดลายก็มี ซึ่งจะช่วยให้เกิดความแปลกใหม่ ดูดีในแบบฉบับของตัวเอง

อย่างเก้าอี้หวายก็จะเป็นการออกแบบหวายเส้นสานต่อ ๆ เป็นเก้าอี้ มีหลายรูปทรง มีหลายสีสัน โดยหลายท่านอาจจะมองว่าเก้าอี้ประเภทนี้วางตกแต่งไม่ได้ จริง ๆ แล้วถ้าชอบก็เลือกซื้อมาวางตกแต่งได้ และหากมีเวลาสังเกตให้ว่าฝนจะตกแล้วก็ยกเข้าบ้านได้ เหตุเพราะเก้าอี้ประเภทนี้จะมีน้ำหนักที่เหมาะสม เคลื่อนย้ายได้อยู่ แล้วเราจะเลือกยังไงให้ได้ความสวยงามตกแต่งสวนไม่พลาด?? เรื่องนี้ก็มีมาแนะนำอย่างละเอียดเผื่อจะเป็นแนวทางให้ใครปรับใช้เวลาซื้อเก้าอี้ ซื้อม้านั่งสนาม
- ขนาด : เพื่อเอาไว้ใช้งานนั่งพักผ่อนสบายใจ ก็ควรมีขนาดที่สามารถนั่งได้หลายคน หรือถ้าจะนั่งคนเดียวก็ควรนั่งได้พอดี ไม่อึดอัด และควรมีวางไว้หลาย ๆ ตัวเผื่อแขกไปใครมาเยี่ยมบ้านจะได้นั่งพอและนั่งแบบสบาย
- วัสดุที่ทำ : ควรต้องมีความคงทนแข็งแรง ถ้าจะวางในร่มเลือกเป็นแบบหวายอย่างที่เราบอกก็ได้ ถ้าไม่อยากยกเก็บบ่อย ๆ วางใต้ชายคาก็น่าสนใจ หรือถ้าจะวางแบบตากแดด ตากลม ในจริง ๆ ก็ควรเลือกที่ทำจากเหล็กไปเลย
- การออกแบบ : หลาย ๆ เก้าอี้มีการดีไซน์ในลักษณะที่ต่างกัน มีความโค้งมันรูปร่างแปลกตา ลายเหมาะสม บางอันก็มีเป็นเก้าอี้เปล่า ๆ บางอันก็เพิ่มชิงช้าเข้าไปด้วย
- กันสนิมได้ : เป็นอีกปัจจัยที่ควรให้ความสำคัญ ด้วยเหตุว่าเก้าอี้ประเภทนี้จะทำมาจากเหล็กเป็นโครงสร้าง ก็ควรมีการเคลือบสารกันสนิมเพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานมากขึ้น

ทั้งหมดนี้ก็เป็นการเลือกเก้าอี้สนามเพื่อนำมาใช้ตกแต่งสวนของเราให้มีความสวยงามโดดเด่นมากยิ่งขึ้น มีสไตล์เป็นของตัวเองแบบสุด ๆ กระนั้นก็ต้องไม่ลืมที่จะดูแลรักษาให้เหมาะสม และสม่ำเสมอด้วย ยิ่งเป็นการวางตั้งนอกบ้าน โดนแดดโดนลมโดนน้ำฝนด้วยแล้วยิ่งต้องหมั่นทำให้เป็นนิสัย

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/OUT060503

383


เชื่ออย่างยิ่งว่าหลาย ๆ ท่านติดใจการดื่มกาแฟกันสุด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเช้าดื่มก่อนไปทำงานคือช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดี กระนั้นบางคนอาจจะอยากกินกาแฟสดที่บ้านแบบทันใจ ไม่ต้องไปซื้อที่ร้านให้เปลืองเวลา อยากบอกว่ามีตัวช่วยดี ๆ อย่าง “แคปซูลกาแฟ” ช่วยได้อย่างดี แค่เลือกใช้บอกเลยว่าตอบโจทย์
แคปซูลกาแฟ ตัวช่วยดี ๆ ชงกาแฟดื่มตอนเช้าที่บ้านได้สะดวกมาก
หลายท่านอาจจะคิดว่าการจะดื่มกาแฟสักแก้วคงต้องมีทักษะการชง หรือต้องมีความชำนาญรูปแบบมืออาชีพ เพื่อให้ได้รสชาติอันแสนอร่อย เลยเลือกที่จะไปร้านเพื่อความสะดวกสบายและตอบโจทย์ได้ดีมากกว่า ทว่าหากเลือกใช้งานกาแฟแคปซูลจะช่วยให้ท่านได้ดื่มกาแฟที่มีรสชาติหอมอร่อยได้ เสมือนมีบาริสต้ามืออาชีพอยู่บ้านคอยชงกาแฟไปกับเรา โดยที่ไม่ต้องลงคอร์สชงกาแฟก่อนเลยด้วย สิ่งสำคัญที่จะได้จากการเลือกดื่มกาแฟในลักษณะนี้ก็คือแค่เรามีเครื่องชงกาแฟอยู่ใช้งานซึ่งการใช้งานก็ง่ายมาก ๆ คือ
- เอาแคปซูลใส่ลงไปในเครื่องชงกาแฟ โดยใส่ให้ตรงกับช่องใส่แคปซูล
- ต่อจากนั้นก็กดปุ่มให้เครื่องได้ทำงาน ซึ่งหากไม่มีปัญหา เครื่องก็จะกดบดแคปซูลลงไปแล้วออกมาเป็นกาแฟเลย
- เท่านี้ท่านก็จะมีกาแฟสดในรสชาติที่ถูกใจได้ดื่มกินกันแบบฟินๆ
ซึ่งเครื่องชงจะมีรูปแบบการใช้งานหลักการเดียวกับเครื่องเอสเปรสโซ โดยที่จะเป็นแรงดันไอน้ำผ่านไปยังกาแฟคั่วบด แล้วสกัดกลายเป็นน้ำกาแฟออกมา ซึ่งในแคปซูลก็จะมีลักษณะเป็นเมล็ดกาแฟบดผงที่มีรสชาติสุดยอดอยู่แล้ว

หลายท่านอยากรู้ถึงเหตุผลที่ทำให้กาแฟบดแคปซูลมีรสชาติที่ดีเหมือนกาแฟสดแม้ว่าจะเป็นในรูปแบบสำเร็จรูปแล้วนั้น มาจากการที่ได้เมล็ดพันธุ์กาแฟที่นำมาทำแคปซูลผ่านการคัดเลือกมาแล้วอย่างละเอียดประณีต และมีการถูกบรรจุลงแคปซูลที่ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีมาก ๆ ไม่มีอากาศเข้าไปด้วยได้

นอกจากนี้ยังเป็นการบดที่เหมาะสม พร้อมชงให้รสชาติที่มีประสิทธิภาพ มีความหอมอร่อย นอกจากนี้ ยังเก็บไว้ได้นานกว่า 1 ปีด้วย อยากเปลี่ยนรสชาติไหนก็ไปซื้อมาได้ มีหลายระดับความเข้มข้นไปอีก อย่างกาแฟแคปซูล nespresso บอกเลยว่าปังมาก มีให้เลือกชิมกว่า 24 สูตรเลยทีเดียว

การมีแคปซูลกาแฟติดบ้านไว้ย่อมช่วยให้เกิดความสะดวกสบาย ผ่อนคลายในการดื่มกาแฟมากขึ้น ไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองแก้วละ 40 – 50 บาททุกวัน รวมทั้งไม่ต้องไปหาร้านไหนเลย ทั้งนี้เพราะเลือกซื้อเลือกหาแบบนี้จะได้รสชาติหอมอร่อยขั้นสุด เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หวังว่าจะลองตกลงใจใช้งานกัน

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP080202

384


การใช้งานตู้เย็น Mitsubishi ในปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างสูง กระนั้นโอกาสที่ตู้เย็นจะเกิดปัญหาพังเร็วก็มีได้ด้วยพฤติกรรมบางอย่างของเรา ทว่าใครไม่ปรารถนาให้ตู้เย็นที่มีพังเร็วอย่าทำสิ่งเหล่านี้เด็ดขาด แต่จะเป็นอะไรบ้าง ใครใคร่อยากรู้ไปติดตามพร้อม ๆ กันกับเราเลยดีกว่า

ไม่อยากให้ตู้เย็น Mitsubishi พังเร็วอย่าทำสิ่งเหล่านี้
ไม่ว่าท่านจะใช้งานตู้เย็น mitsubishi 2 ประตู หรือประตูเดียวใด ๆ ก็ตาม อยากให้ท่านลองสังเกตพฤติกรรมการใช้งานของตัวเองให้ดี ๆ ทั้งนี้เพราะมีส่วนทำให้เกิดปัญหาชำรุด หรือพังได้ง่าย ซึ่งหากรู้ตัวว่าทำอยู่เลี่ยงได้เลี่ยงโดยด่วน
- นำของร้อนเข้าไปแช่ในตู้เย็นทันที โดยที่จะทำให้การระเหยของน้ำยาแอร์ไปเข้าที่คอมเพรสเซอร์ร้อน การหล่อเย็นระบบก็จะไม่ดี ทำให้การทำงานได้สั้นลง ภาชนะในตู้เย็นก็เสื่อมสภาพเร็วด้วย
- ตั้งตู้เย็นที่ชิดผนังมากเกินไป ซึ่งปกติแล้วคอมเพรสเซอร์ระบายความร้อนออกจากตู้เย็นอยู่ด้านหลังแทบทุกรุ่น เมื่อเราตั้งตู้เย็นชิดผนังมากเกินไปก็จะระบายความร้อนได้ไม่ดี ตู้เย็นก็จะเสียง่าย แนะนำว่าให้ตั้งห่างผนังอย่างน้อย 15 ซม.
- น้ำแข็งเกาะตู้นานเกินไป ซึ่งหากเป็นตู้ที่ต้องกดเองเราก็ต้องสังเกตให้ดีว่าถ้ามีเกาะเยอะมากเกินไปก็ต้องกดทิ้ง เพื่อไม่ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป 
- ตั้งอุณหภูมิที่สูงเกินไป ที่ปกติแล้วควรตั้งให้อยู่แค่ 0 – 4 องศา หากเป็นช่องแช่แข็งควรอยู่ -18 องศา ซึ่งหากเราตั้งสูงมากกว่านี้ก็จะทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียเติบโตเร็ว กลายเป็นเชื้อราที่ตู้เย็นได้ง่ายมาก
- ใช้ปลั๊กร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่หากท่านใดทำอยู่ควรที่จะปรับเปลี่ยนโดยทันที เพราะว่าการเสียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นจะทำให้ไฟตกง่ายมาก เนื่องจากโดนแย่งกำลังไฟ นอกจากนี้ยังควรต้องเสียบปลั๊กให้มิดอย่าหลวมเด็ดขาด
- ตั้งตู้เย็น 2 ประตู Mitsubishi ใกล้ความร้อนเกินไป อย่างเช่นวางใกล้เตาแก๊ส วางที่จุดโดนแสงแดดโดยตรง หรือเกิดแหล่งความร้อนอื่น ๆ จะมีโอกาสที่ทำให้ตู้เย็นทำงานหนักจากสภาพอากาศข้างนอก แถมยังสิ้นเปลืองพลังไฟฟ้าอีกด้วย
- ขนย้ายโดยยกแนวนอน การที่เราขนย้ายตู้เย็นในลักษณะแนวนอนอยากบอกว่าทำไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้เพราะจะทำให้น้ำยาคอมเพรสเซอร์ไหลออกมา และเกิดความเสียหายได้ ควรขนย้ายโดยยกเอียง 40 องศา

ทั้งนี้ หากท่านไหนที่เพิ่งซื้อตู้เย็น Mitsubishi มาใหม่ ๆ มีการขนย้ายเข้ามาในบ้าน เมื่อขนย้ายเสร็จแล้วอย่าเพิ่งใช้งานทันที ด้วยเหตุว่าไม่อย่างนั้นน้ำยาคอมเพรสเซอร์จะไหลออกมาทำลายระบบทำให้เกิดความเสียหายได้ด้วยเช่นกัน แนะนำว่าก่อนใช้งานให้ปล่อยทิ้งไว้ 4 – 5 ชม. และที่สำคัญหลังจากใช้งานกันไปแล้วก็ต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอด้วย อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ก็ยังดี

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP09?b=mitsubishi

385


ปัจจุบันการใช้งานกระทะปิ้งย่างเป็นอีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยเพิ่มความสะดวกมากยิ่งขึ้น แต่หากเราใช้งานไปโดยไม่รู้เรื่องแล้วพลาดไปทำบางสิ่งบางอย่างโอกาสที่เครื่องจะชำรุด เสียหายมีขึ้นได้ง่าย อย่างนั้นการศึกษาถึงข้อควรระวังต่าง ๆ จะช่วยให้การใช้งานยาวนานมากขึ้น ซึ่งต้องระวังสิ่งใดบ้างนั้นไปติดตามกันดีกว่า

ข้อควรระวังการใช้งานกระทะปิ้งย่าง รู้ไว้ใช้ได้ยาว ๆ
1. ไม่วางเตาไว้แบบตากแดดตากฝน
เมื่อใช้งานแล้ว เวลาเก็บเตาหรือใด ๆ ก็ตาม จำเป็นต้องเก็บไว้ในที่ที่ดีที่สุด อย่าเผลอเอาไปวางไว้ตากแดด ตากฝน หรืออยู่นอกบ้าน โดยเฉพาะใครที่ชอบล้างแล้วเอาไปตากนอกบ้าน ลืมเก็บ อย่าทำโดยสิ้นเชิง เนื่องด้วยจะทำให้เครื่องเสื่อมสภาพ และเสียหายได้ อย่างโดดแดดก็จะทำให้เครื่องเกิดการสะสมความร้อน ตากฝนก็ทำให้วงจรไฟฟ้าเสียหายได้

2. ไม่วางของแข็งเอาไว้บนเตา
ต่อมาก็คือเรื่องของการวางของต่าง ๆ โดยเฉพาะที่เป็นของแข็งและมีน้ำหนักมากไว้บนเตา เพราะถ้าวางเอาไว้นาน ๆ ก็จะทำให้เครื่องถูกทับมากเกินไป และจะทำให้เครื่องเตาปิ้งย่างไฟฟ้าพังง่ายมากขึ้นด้วย ใช้เสร็จเก็บลงกล่องเหมือนเดิมเลยดีกว่า

3. ใช้ไปแล้วไม่ปล่อยทิ้งไว้นาน
ภายหลังที่เราได้ใช้งานปิ้งย่างกันแล้ว กินกันเสร็จแล้วก็ต้องล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วย ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ เหตุเพราะยิ่งทำแบบนั้นจะทำให้เตาเป็นคราบเปื้อนติดนาน และเกิดสิ่งสกปรกอื่น ๆ มาติดพันไปด้วย ถ้าไม่อยากให้เตาเสื่อมสภาพเร็วก็ต้องรับประทานเสร็จล้างเลยจะเป็นเรื่องที่ดีที่สุด

4. ใช้กำลังไฟให้พอดี
สุดท้ายก็คือการเลือกใช้กำลังไฟฟ้าให้พอดี อย่าไปใช้ไฟสูงร้อน ๆ อยู่ตลอดเวลา ให้มีการสลับไปใช้ไฟอ่อน ๆ ด้วย เนื่องจากการใช้ไฟสูงอยู่ตลอดเวลาจะทำให้เครื่องมีความร้อนสูง และก็จะพังได้รวดเร็วมากขึ้น แนะนำว่าถ้าจะเลือกเป็นเตาหมูกระทะไฟฟ้าให้เลือกแบบแยกเตากับหม้อต้มไปเลย ทั้งนี้เพราะจะทำให้เราลดปริมาณไฟแยกส่วนกัน ความร้อนก็จะไม่เกินมาตรฐาน ใช้ต่อกันได้ยาวนาน

กระทะปิ้งย่างเหมาะกับทุก ๆ ท่านที่ชอบการทำอาหาร หรือชอบการปิ้งย่าง หรือผู้ประกอบการร้านอาหารที่ต้องการวางเตาดี ๆ ไว้ให้ลูกค้าได้เลย ซึ่งค่อนข้างง่ายต่อการเคลื่อนย้าย ก็เพราะว่ามีน้ำหนักเบา ใช้งานง่าย แค่หมุนปุ่ม หรือกดปุ่มก็มีปริมาณไฟขึ้นมาให้เราแล้ว และยิ่งปัจจุบันมีฟังก์ชันอื่น ๆ เพิ่มมามากขึ้น อย่างที่บอกการแยกเตาระหว่างหม้อ และที่ปิ้งย่าง แล้วแยกการใช้ไฟฟ้าได้ด้วย สามารถทำได้หลากหลายเมนูตามต้องการ

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0807

386


ปัจจุบันนี้การใช้งานหม้อทอดเป็นที่นิยมอย่างมากที่สุด ด้วยเหตุว่าเป็นสิ่งที่ทำให้หลาย ๆ คนสบายมากขึ้น ไม่ว่าจะทำอาหารหรืออุ่นอาหารก็สำเร็จได้โดยง่าย ๆ กระนั้นหากต้องการนำมาใช้ทำอาหารให้ปลอดภัยจริง ๆ ก็ควรต้องศึกษาอย่างละเอียด และเพื่อให้ผู้ใช้เข้าใจอย่างที่สุดก็มีมาอธิบายเช่นเคย

ให้อาหารจานโปรดปลอดภัยต่อสุขภาพเมื่อใช้หม้อทอด
หม้อทอดไฟฟ้าเป็นอีกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ดีมาก ๆ ก็เพราะว่ามีส่วนช่วยให้อาหารสุกไวภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง โดยที่ใช้มีจุดเด่นต้องที่ช่วยลดปริมาณแคลอรีลงกว่า 70 – 80% โดยที่เมื่อเทียบกับการทอดใส่น้ำมันท่วม ๆ แล้ว ที่ต่อครั้งใช้น้ำมัน 750 มิลลิลิตรเลยทีเดียว ซึ่งการใช้หม้อช่วยทอดนี้ให้น้ำมันเพียง 15 มิลลิลิตร หรือ 1 ช้อนโต๊ะเท่านั้น การทำให้อาหารจานโปรดปลอดภัยต่อสุขภาพเมื่อใช้งานเราไม่รีรอที่จะพาไปเรียนรู้นั่นคือ
1. ใช้น้ำมันที่ไขมันอิ่มตัวน้อยช่วย
อย่างแรกที่แนะนำเลยก็คือการเลือกใช้น้ำมัน ที่ควรต้องเป็นน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวน้อยประกอบอาหาร อย่างเช่น
- น้ำมันคาโนล่า
- น้ำมันมะกอก
- น้ำมันดอกทานตะวัน
- น้ำมันถั่วเหลือง
เหตุเพราะการที่เราเลือกทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูงก็จะทำให้เกิดระดับคอเลสเตอรอลสูงเพิ่มตามไปด้วย รวมทั้งยังเสี่ยงต่อโรคภัยอื่น ๆ อาทิ หลอดเลือดในสมอง หรือโรคหัวใจ

2. เลือกวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพมาทำกิน
และข้อสำคัญอีกอย่างเมื่ออยากใช้หม้อทอดไร้น้ำมันทำอาหารให้ปลอดภัย ก็คือการเลือกอาหาร หรือวัตถุดิบที่ดีต่อสุขภาพมากิน ได้แก่ ดอกกะหล่ำ ดอกบล็อกโคลี่ มะเขือเทศสด โดยให้หั่นเป็นชิ้น ๆ และนำไปย่างให้สุกก่อนโดยใส่ในหม้อช่วยทอด หรือถ้าใครอยากรับประทานมันฝรั่งทอด ก็ควรเลือกเป็นมันฝรั่งดิบที่หั่นเป็นเส้น ๆ แทนใช้เฟรนช์ฟรายด์สำเร็จรูปแช่แข็งไปเลย ส่วนถ้าเป็นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ก็อยากให้เลือกเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพดีกว่า อาทิ อกไก่ เนื้อไม่ติดมัน หรือปลาแซลมอน ฯลฯ

3. เลือกใช้ไฟให้เหมาะกับการทำอาหาร
สุดท้ายก็คือการเลือกใช้ไฟของหม้อช่วยทอดให้เหมาะกับแต่ละเมนูอาหาร โดยอาจจะพิจารณาจากคู่มือดูเลยก็ได้ว่าอาหารชนิดไหนควรใช้ไฟอย่างไร น้อย ปานกลาง หรือมาก แล้วแต่ละเมนูจะใช้เวลาทำนานแค่ไหน รับรองว่าแบบนี้จะช่วยให้อาหารของเราสุกพอดี และไม่เกิดปัญหาไหม้เกรียม หรือเพิ่มปริมาณสารต่าง ๆ ที่ส่งผลเสียต่อร่างกายมาได้

หม้อทอดเป็นการทำงานโดยเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าให้เป็นพลังงานความร้อน โดยจะใช้ลมร้อนทำให้อาหารสุกจากผิวด้านนอกก่อนแล้วลมก็จะหมุนเวียนเอาน้ำมันส่วนเกินออกจากอาหาร แล้วตกลงด้านล่างตะแกรงวางอาหาร ซึ่งหากเรายึดวิธีความปลอดภัยข้างต้นช่วยด้วย เชื่อว่าการใช้งานจะราบรื่นมากขึ้น

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP080503

387


หากคุณ ๆกำลังเจอปัญหากล้องวงจรปิดในลักษณะต่าง ๆ ภาพเป็นคลื่น เป็นเส้น ภาพเบลอ บางกล้องติดบางกล้องดับ หรือเป็นภาพลาง ๆ สีดำ ฯลฯ อย่าเพิ่งด่วนซื้อใหม่ ให้ลองแก้ไขด้วยตัวเองก่อนได้เลย แต่จะทำเช่นไรก็ตามเชื่อเหลือเกินว่าเรื่องนี้มีหลาย ๆ ท่านอยากทราบมาก จึงไม่พลาดไปสืบเสาะหาวิธีช่วยเหลือมาบอกต่อผ่านบทความนี้อย่างละเอียด พร้อมแล้วก็ไปติดตามศึกษากันเลยดีกว่า

นำเสนอวิธีแก้ไขปัญหากล้องวงจรปิดที่ทำได้เอง ลองดูก่อนเลย
1. ปัญหาภาพเป็นลาง มีสีดำ
ปัญหาที่พบได้นี้อาจจะมีสาเหตุมาจากจุดเชื่อมต่อต่าง ๆ ของระบบกล้อง ที่อาจจะหลวม ไม่แน่น อาทิ หัวแลนที่มาเสียบกับบาลัน หรือหัว BNC ที่ต่อกับเครื่องบันทึกภาพ หรือต่อกับตัวกล้อง ฯลฯ จึงควรต้องมีการตรวจเช็กทั้ง 2 ด้านที่เชื่อมต่อกันก่อน แต่หากเป็นกล้องวงจรปิด wifi ก็จะอาจจะต้องไปดูที่ตัว Wi-Fi แทนว่าเชื่อมต่อกันดีแล้วหรือเปล่า

2. บางกล้องภาพดับ หรือไม่ขึ้นมาเลยทุกช่วงเวลา
เผื่อว่าสำนักงาน หน่วยงาน หรือบริษัทไหนที่มีกล้องหลายตัว แล้วบางกล้องเกิดภาพดับ หรือไม่ขึ้นมาเลยทุกช่วงเวลา สิ่งแรกให้ลองไปสำรวจหัวเชื่อมต่อสัญญาณเหมือนข้อแรกที่เราแนะนำก่อนเลย ดูว่ามีหลวมหรือหลุดไหม รวมทั้งตรวจอุปกรณ์เพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต่อตัวกล้อง ให้ลองสลับอุปกรณ์กับกล้องดู อาทิ
- ย้ายช่องต่อด้านหลังโดยย้ายไปพร้อมกับบาลันชุดเดิม หากสลับช่องแล้วยังมีปัญหาก็อาจจะมาจากเครื่องบันทึกภาพเสียบางช่องก็เป็นได้ ก็ลองย้ายไปช่องที่ภาพติดปกติดู
- อาจจะสลับสายแลนหลังเครื่องโดยนำไปเสียบกับบาลันตัวอื่นที่ภาพปกติดูว่าติดไหม

3. ภาพเป็นคลื่น หรือสั่นสะเทือน
อาการภาพเป็นคลื่น หรือสั่นสะเทือนอาจเกิดจากตัวอะแดปเตอร์ หรือ Power Supply ที่จ่ายไฟไปตัวกล้องมีปัญหา ไฟที่ควรไปเลี้ยงก็ไปไม่เต็มที่ ลดน้อยลง ซึ่งตัวอุปกรณ์ภายในอะแดปเตอร์ หรือ Power Supply อาจเสื่อมสภาพแล้วก็เป็นได้

4. ภาพเบลอ
สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะกล้องวงจรปิดไร้สาย หรือไม่ ก็มีโอกาสเกิดปัญหาภาพเบลอได้ ซึ่งอาจเกิดจากเลนส์ไม่ได้ล็อก ไม่แน่น หรือโฟกัสเคลื่อน ให้ปรับโฟกัสหน้ากล้อง หาดูจุดที่ชัดมากที่สุดแล้วหมุนนอตให้แน่น ถ้าเป็นกล้องที่ระบบอินฟราเรดก็ถอดฝากระจกหน้าออกเพื่อปรับโฟกัสของเลนส์ได้เลย หากกล้องเป็นคราบฝ้าขาว ๆ ให้เช็ดทั้ง 2 ด้าน หรือใช้มือปิดเซนเซอร์ไว้ดูว่าหลอดอินฟราเรดทำงานหรือไม่ เพราะถ้าทำงานปกติก็จะเห็นเป็นไฟแดง ๆ ขึ้นมาเลยนั่นเอง

กระนั้นหากลองแก้ไขปัญหากล้องวงจรปิดต่าง ๆ แล้วแต่ก็ไม่เป็นผล แนะนำว่าให้ซื้อใหม่ไปเลยดีที่สุด โดยเลือกยี่ห้อที่วางใจได้ ได้มาตรฐานความปลอดภัย ราคาเหมาะสม หาซื้อง่าย เพื่อให้การเปลี่ยนใช้งานทันใช้จริง ๆ และมีประสิทธิภาพที่สุด

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/TOO020302

388


เมื่อกล่าวถึงกล่องกระดาษแล้วต้องยอมรับว่าปัจจุบันถูกนำมาใช้งานเยอะมากเพราะหลายคนก็ประกอบธุรกิจขายของออนไลน์ หนึ่งในนั้นก็คือกล่องแบบลูกฟูก กระนั้นก่อนที่จะตกลงใจใช้งานควรต้องศึกษารายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เพื่อการซื้อที่มั่นใจไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมา

พิจารณาทำความรู้จักให้รอบด้านก่อนซื้อ “กล่องกระดาษลูกฟูก”
กล่องประเภทนี้นั้นจะมีให้เราแบ่งออกเป็นชั้น ๆ ตามลอน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความหนาขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็จะมีเป็นกระดาษลูกฟูกแบบ 3 ชั้น ซึ่งจะเหมาะกับสินค้าที่มีน้ำหนักปานกลาง หรือไม่ได้เน้นความแข็งแรงของกล่องพัสดุมาก โดยจะทำลอนเป็นแบบ 3 ชั้น คือลอยกระดาษลูกฟูก 1 ชั้น กระดาษปะหน้าทำผิวกล่องอีก 2 ชั้นด้านใน – ด้านนอก ก็เลยกลายเป็นแบบ 3 ชั้น
นอกจากนี้ ยังมีแบบ 5 ชั้นด้วย ซึ่งก็จะเหมาะสำหรับสินค้าที่น้ำหนักมีมาก และเป็นตัวการในการป้องกันสูง มีส่วนประกอบเป็นกระดาษลูกฟูก 2 ชั้น และแปะกระดาษทั้งหน้า หลัง และขั้นตรงกลาง 3 ชั้น รวมเป็น 5 ชั้น

นอกจากเรื่องของความหนาที่กล่องไปรษณีย์ลูกฟูกมีให้บริการแล้ว จริง ๆ ก็ต้องยอมรับว่ากล่องประเภทนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
- มีความทนทานมาก ใช้งานแล้วจะช่วยปกป้องไม่ให้สิ่งของ หรือสินค้าของท่านเกิดความเสียหายได้แม้ตกจากที่สูงก็ไม่ใช่ปัญหา
- ช่วยประหยัดพื้นที่อย่างดี เมื่อเราใส่สินค้าลงกล่องแล้วก็เอามาซ้อนต่อ ๆ กันได้ไม่เกิดความเสียหาย
- เมื่อไม่ใช้กล่องแล้วเราสามารถพับเก็บได้เลยง่าย ๆ พับวางซ้อนกันได้หนัก ๆ ไม่เกิดปัญหาเสียทรง
- ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้กับองค์กร หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นตัวส่งเสริมการขายให้สินค้าออกมาดูดี ดึงดูดความสนใจได้ในระดับหนึ่ง
- กระดาษลูกฟูกสามารถทำเป็นกล่องไปรษณีย์ขนาดหลากหลาย ซึ่งเราสามารถเลือกออกแบบให้มีขนาดที่พอดีกับสินค้าของเราได้ 
- เมื่อใช้งานแล้วสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ซ้ำ ๆ ได้เลย ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอย่างสิ้นเชิง
- สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย ทั้งนี้เมื่อใส่สินค้าแล้วก็ยังสามารถยกจัดส่งได้ง่ายด้วย ไม่ลื่นหลุดมือ
- สามารถเป็นช่องทางการสื่อสารไปในตัวได้ เพราะว่าเราสามารถพิมพ์ออกแบบข้างกล่องได้ตามต้องการ

กล่องกระดาษแบบลูกฟูกค่อนข้างน่าสนใจนำมาใส่สินค้า หรือเก็บของอย่างมาก ด้วยเหตุว่ามีความหนาบางให้เราเลือกได้เลย ทั้งยังช่วยปกป้องสินค้าไม่ให้พังเสียหาย กระนั้นสิ่งสำคัญที่ไม่อาจละเลยคือต้องเลือกขนาดกล่องให้เหมาะกับสินค้าของเราด้วย เพื่อการจัดส่งที่ราบรื่น ซึ่งหากท่านใดที่กำลังมองหากล่องพัสดุ หรือกล่องเก็บสินค้าใด ๆ แล้วลองซื้อมาใช้งานดู รับรองว่าจะติดใจจนไม่อยากเปลี่ยนไปไหน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0801

389


การเลือกใช้งานโรงเรือนเพาะปลูกนั้นเราต่างนิยมกันอย่างมาก เพราะถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยเหลือพืชพรรณให้เจริญเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้ ซึ่งหากคุณเป็นอีกคนที่ต้องการใช้งานปลูกผัก – ต้นไม้ แล้วต้องการใช้สิ่งนี้ด้วยเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือการเลือกอย่างเหมาะสม ว่าแต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไร เรารวบรวมมาให้เรียนรู้อย่างหมดเปลือก

การเลือกโรงเรือนเพาะปลูกผัก – ต้นไม้ ให้ตอบโจทย์การเจริญเติบโต
ใครที่ต้องการบริหารจัดการฟาร์มของตัวเองอยากบอกว่าการเลือกใช้โรงเรือนใช้เพาะปลูกเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้าม ทั้งนี้เพราะโรงเรือนมีหน้าที่ต่าง ๆ ที่สำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่สนใจทำเกษตรอินทรีย์ หรือเกษตรปลอดสาร เพื่อเป็นการป้องกันแมลงศัตรูพืชในระดับหนึ่ง รวมทั้งยังสามารถควบคุมอุณหภูมิต่าง ๆ ที่มีภายในโรงเรือน ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้มีการแบ่งประเภทของโรงเรือนด้วย หลัก ๆ คือ 2 ประเภท ได้แก่
- โรงเรือนไม้ ที่จะใช้ไม้เป็นโครงสร้าง แล้วเอาพลาสติกมาคลุมทั้งโครงสร้างไว้เลย สร้างง่าย รวดเร็ว ไม่นานก็มีใช้งานแล้ว ต้นทุนไม่มาก แต่อายุการใช้งานก็จะสั้น ๆ
  - โรงเรือนเหล็ก ที่จะใช้เหล็กเป็นโครงสร้างทั้งหมด มีความแข็งแรง ทนทาน ทนทั้งแสงแดดและลมพัด แต่ก็ต้องใช้ต้นทุนในการสร้างที่แพงกว่าโรงเรือนไม้

เลือกโรงเรือนต้องพิจารณาถึงเรื่องอะไรเป็นสำคัญ
ซึ่งในการเลือกโรงเรือนปลูกผัก – ต้นไม้ ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตามจะต้องคำนึงถึงต้นทุนการสร้างและดูที่ราคาผัก - ต้นไม้ที่จะปลูกด้วย ซึ่งเราก็ต้องให้การปลูกสร้างสอดคล้องกัน ได้แก่ ผักหาซื้อยาก ผักต่างประเทศ ก็ควรต้องเลือกโรงเรือนที่ต้นทุนสูงเพื่อให้ได้ผลผลิตที่น่าพึงพอใจ และได้กำไรกลับมาในระยะเวลาอันสั้น

แต่หากใครที่ปลูกพืชราคาเบา ๆ ก็ใช้เป็นโรงเรือนไม้ก็ได้ ต้นทุนไม่สูงนัก เพื่อเป็นแค่แหล่งเพาะพันธุ์ที่ดูแลต้นอ่อนพืช ใส่ใจในช่วงแรก ๆ ช่วยพืชในการควบคุมอุณหภูมิต่าง ๆ ได้อย่างดี รวมถึงบรรดาแมลงต่าง ๆ ไม่ว่าจะ ไม้ประดับต่าง ๆ อย่างเช่น แคคตัส เฟิร์น หรือ กล้วยไม้ เป็นต้น

นอกจากนี้ โรงเรือนปลูกต้นไม้ – พืชผักต่าง ๆ ต้องพิจารณาตามอุณหภูมิที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตด้วย และตัวโรงเรือนที่เลือกก็ต้องรับแรงลมได้อย่างดี เผื่อว่าวันไหนฝนตกลมแรงก็ยังป้องกันพืชผักต้นไม้ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นส่วนใหญ่จะสร้างไว้ทางทิศเหนือ หรือทิศใต้ดีที่สุด

เรื่องแสงแดดก็สำคัญ เราต้องคำนึงถึงการได้รับของแต่ละพืชพรรณด้วย ด้วยเหตุว่าบางชนิดได้รับมากเกินไปก็ทำให้แห้งตายได้ รวมไปถึงเรื่องความชื้นที่ต้องดูทั้งกลางวันกลางคืน พืชที่ชอบแดดรำไรเราควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก ส่วนพืชที่ชอบแดดจัด ๆ ก็ควรตั้งไว้ทางทิศใต้ หรือทิศตะวันตก

ไม่เพียงแต่การเลือกโรงเรือนเพาะปลูกที่ควรต้องเป็นไปอย่างเหมาะสม เพื่อพืชผัก หรือต้นไม้ที่เจริญเติบโตได้ผลผลิตดีเท่านั้น เรื่องของการเก็บเกี่ยวผลผลิตก็เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเราควรพิจารณาถึงความสะดวกสบาย และไม่ทำให้เกิดความเสียหายของพืชผักต่าง ๆ นำไปสู่การส่งออกที่ได้ผลกำไรอย่างมาก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/OUT0209

390


ถือว่าเป็นเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญมาก ๆ ก่อนที่จะใช้งานถังพ่นยาสะพายหลังได้ อย่างการศึกษาถึงวิธีการทำงานที่ถูกต้อง เหมาะสม รวมถึงสิ่งที่ต้องพิจารณาเกี่ยวกับปัจจัยภายนอกก่อนใช้งาน เพื่อให้เข้าใจและใช้งานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งรายละเอียดจะเป็นเช่นไร ท่านไหนอยากรู้ก็ตามเรามาทางนี้ด่วน

การใช้งานถังพ่นยาสะพายหลังอย่างถูกต้องและเหมาะสม
ก่อนอื่นเลยอยากให้รู้จักถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่มีของถังพ่นนี้ ซึ่งปกติแล้วได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายมาก ๆ โดยจะมีเป็นความดัน, วาล์วทางออก, กระบอกลม, วาล์วทางเข้า, วาล์วระบายความดัน, ก้านปั๊ม รวมถึงรูปแบบหัวฉีดที่มีให้เราเลือกหลากหลาย แต่ละรูปแบบก็จะพ่นออกมาแตกต่างกัน

แนะนำว่าให้อ่านรหัสเครื่องก่อนว่าใช้กับหัวฉีดไหน เพื่อสร้างความมั่นใจในการใช้งานได้เหมาะสม ทั้งนี้ การใช้คันโยกจะเหมาะกับถังที่มีขนาด 15 – 20 ลิตร และต้องตั้งตรงบนพื้น และทุกอย่างก็ต้องพอดีกับหลังของผู้ใช้งานด้วย ปัจจุบันก็มีเป็นเครื่องพ่นยาแบตเตอรี่สะพายหลังให้ใช้งานด้วยก็ไม่ต้องมาโยกคันเอง
แต่ถ้าใครถนัดแบบพ่นเอง โยกคันโยกเอง ก็สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสม โดยการทำงานนั้นเมื่อของเหลวผ่านวาล์วทางเข้าก็จะเข้าไปที่ห้องปั๊มในจังหวะที่ถูกยกขึ้น และในจังหวะที่ยกลงของเหลวก็จะปั๊มโดยบังคับผ่านวาล์วทางออกไปในห้องแรงดัน

ปัจจัยภายนอกที่เราต้องพิจารณาก่อนใช้งาน
ปัจจัยภายนอกที่สัมพันธ์กับการใช้งานถังฉีดพ่นยาก็คือเรื่องของสภาพอากาศ อุณหภูมิ และพื้นที่ในการใช้งาน โดยแบ่งออกเป็น
- อุณหภูมิของวัน ที่ไม่ควรฉีดพ่นในช่วงที่ร้อนที่สุด ทั้งนี้เพราะละอองเล็กจะระเหยไปเร็วมาก และพ่นไปไม่ถึงเป้าหมายที่ต้องการ เสียเงินและเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
- แรงลม ที่ไม่ควรฉีดพ่นในวันที่มีลมแรงมาก เหตุเพราะละอองจะลอยไปในทิศทางต่าง ๆ ไปไม่ถึงเป้าหมาย หากใช้เป็นหัวพ่นใหญ่ก็จะทนลมได้ แต่ก็ไม่แนะนำให้ในช่วงที่ลมเร็วมากกว่า 6 กม. / ชั่วโมง
- พื้นที่ในการฉีดพ่น ที่หากเป็นระยะการเพาะปลูก ความหนาแน่นของพืช ก็จะมีผลต่อการเลือกอัตราปริมาตรที่ใช้ด้วย โดยถ้าเป็นพืชใหญ่เท่าไหร่อัตราหน่วยปริมาณสเปรย์โดยมีค่าเทียบเท่าหน่วยลิตร / เฮกแตร์ก็จะสูงมากเท่านั้น เป็นการฉีดให้ครอบคลุมพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ (ปริมาณสเปรย์ที่ควรใช้จะถูกระบุบนภาชนะของสารเคมี)

รู้ทั้งการใช้งาน และปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนใช้งานถังพ่นยาแบบสะพายหลังกันไปแล้ว ก็หวังว่าทุกคนจะใช้งานฉีดพ่นน้ำยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จัดการศัตรูพืชวายร้ายทำลายผลผลิตได้แบบถูกใจ ไม่เสียสตางค์ เสียแรงเปล่า

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/OUT0208

391


หากท่านเป็นคนหนึ่งที่มีความสนใจอยากเลือกซื้อจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ไว้ใช้งาน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเลือกชนิดไหน อย่างไรดี พาให้เกิดความลังเลไปได้ ทว่าต่อจากนี้ไปจะไม่มีคำว่าลังเลอีก เพราะว่าเราได้รวบรวมวิธีการเลือกที่เหมาะสมมากที่สุดมาบอกต่อ การันตีว่าช่วยให้การเลือกซื้อรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพการใช้งานดีสุด ๆ

5 การเลือกซื้อเลือกหาจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม
1. การใช้งานได้ทุกสภาพแสง
ปัจจุบันจอประเภทนี้จะมีให้เราเลือกใช้งานหลัก ๆ 3 ประเภท คือ IPS มีมุมมองปานกลาง ได้สีปานกลาง, TN มีมุมที่ไม่ค่อยมาก และ VA เป็นมุมที่กว้าง เม็ดสีใช้งานได้คุณภาพดี ซึ่งเราจำเป็นต้องเลือกหน้าจอให้ตอบสนองกับสถานที่ใช้งาน ซึ่งหน้าจอที่คุณภาพต่ำทำไห้มองเห็นภาพได้ไม่ชัด

2. จำนวนเม็ดสี – พิกเซล 
เลือกจอคอมพิวเตอร์ใช้งานทั้งทีก็ต้องใส่ใจกับจำนวนเม็ดสีที่ติดมากับเครื่องด้วย หากทำงานเอกสารทั่วไปไม่ต้องใช้เม็ดสีมากก็ได้ แต่แม่สีควรอยู่ที่ 28 บิต หรือผสมผสานระหว่างสีแดง 8 บิต สีน้ำเงิน 8 บิต และสีเหลือง 8 บิต แต่ถ้ามือโปรต้องทำภาพกราฟิกใช้ในราคาที่แพงขึ้นหน่อยก็จะได้เม็ดสีเพิ่มขึ้น ภาพคมชัดสวยงามมากยิ่งขึ้น

3. อุปกรณ์เสริมคู่จอควร Support ผู้ใช้งาน
อุปกรณ์ที่มีให้คู่จอ อาทิเช่น ขาตั้ง หรือคอของจอ ควรมีการปรับระดับได้อย่างดี ในองศาที่ตอบโจทย์ เมื่อเราใช้งานก็จะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น หรือช่องเสียบต่าง ๆ ก็ควรมีให้เสียบสายครบครัน บางเครื่องมีแค่สายแลนเชื่อมต่อจอไปยังตัวคอมพิวเตอร์เท่านั้นเอง ซึ่งไม่พอใช้งานแน่นอน

4. หน้าจอต้องมีค่ารีเฟรชเรทลื่นไหลดี
การแสดงผลจอ monitor คอมพิวเตอร์จะต้องมีการแสดงผลภาพนิ่งที่ผ่านหน้าจอ 1 วินาทีได้หลายเฟรมภาพด้วย เพื่อให้การส่งภาพของเราไม่สะดุด ไหลลื่น เสถียรไปได้เรื่อย ๆ เช่น 60 Hz, 120 Hz และ 144 Hz เป็นต้น ซึ่งตัวเลขที่มีให้กับเครื่องเหล่านี้จะแสดงผลหน้าจอ 1 วินาที ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงคุณภาพความลื่นไหลที่หน้าจอมีให้กับเราตามลำดับค่าตัวเลขนั้น ๆ

ถึงกระนั้นก็ตาม ไม่ใช่แค่การเลือกซื้อเลือกหาจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์เท่านั้นที่เราต้องเอาใจใส่ ยังมีในเรื่องของการวางจอคอมฯ ให้พอเหมาะกับการใช้งานด้วย เพื่อให้ไม่เสี่ยงปัญหาสุขภาพ และใช้งานผ่านไปได้อย่างราบรื่น ไม่ว่าจะ วางให้ต่ำกว่าระดับสายตา 15 – 30 องศา, วางให้ห่างจากสายตา 1 ช่วงแขน, วางไว้ด้านหน้าผู้ใช้งานโดยตรง, วางให้ห่างจากหลอดไฟ หรือหน้าต่างที่แสงสว่างส่องถึงมากเกินไป รวมถึงวางในตำแหน่งที่ลดแสงสะท้อนได้ดีด้วย หวังว่าต่อจากนี้จะไม่มีความลังเลหลงเหลือกันอีกแล้ว

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/TVA1101

392


เมื่อเอ่ยถึงการฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์แล้วนั้นเชื่อเหลือเกินว่ายังมีหลายท่านเข้าใจผิดคิดว่าเลือกที่มีความเข้มข้นสูง ๆ เลยจะช่วยฆ่าเชื้อโรค หรือเชื้อโควิด - 19 ได้อย่างดี ทั้งที่จริงแล้วเป็นความเข้าใจที่ผิด กระนั้นก็ทำเอาเกิดคำถามทันทีว่าทำไมใช้แบบความเข้มข้นสูงจึงฆ่าเชื้อได้ไม่ดี?? แน่นอนว่าไม่รอช้ารวบรวมข้อมูลมาให้ศึกษาอย่างหมดเปลือก

ทำไมการใช้แอลกอฮอล์ที่ทมีความเข้มข้นสูงถึงฆ่าเชื้อได้ไม่ดี??
หากพบว่าเจล หรือสเปรย์แอลกอฮอล์มีความเข้มข้นที่มากกว่า 91% ขึ้นไป จะถือว่าความเข้มข้นในการใช้งานมากเกินไป และจะส่งผลต่อโปรตีนด้านนอกของเยื่อหุ้มเซลล์ที่เสียสภาพไปอย่างเดียวเฉย ๆ ด้วยเหตุว่าเกิดการระเหยที่รวดเร็วเกินไป ทำให้ความสามารถในการฆ่าเชื้อทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือไม่ทำงานเลย จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ควรเลือกค่าความเข้มข้นสูงมาใช้งานนั่นเอง

แล้วค่าความเข้มข้นเท่าไหนถึงจะสามารถช่วยฆ่าเชื้อได้ดีที่สุด??
โดยทั่วไปแล้ว Alcohol ล้างมือ หรือที่ใช้ทำความสะอาดพื้นผิวก็ตามส่วนใหญ่จะมีปริมาณความเข้มข้นที่ 70 - 90% โดยที่มีความสามารถในการฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้ด้วย รวมถึงเชื้อรา เชื้อวัณโรค เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสบางชนิดได้ดี ดังนั้นจึงเป็นคำตอบให้ทุก ๆ คนแล้วว่าควรเลือกใช้ไม่ว่าจะสเปรย์ หรือเจลแอลกอฮอล์ควรมีความเข้มข้น 70 - 90% โดยปริมาตรเท่านั้น เนื่องจากเมื่อละลายกับน้ำก็จะช่วยให้การแพร่กระจายไปผ่านเยื่อหุ้มเซลล์เชื้อโรคดีมาก ๆ โปรตีนที่มีก็เสื่อมสภาพ ทำให้เยื่อหุ้มเซลล์แตกจนเข้าไปรบกวนระบบของเชื้อโรคทำให้เชื้อโรคตายลงในที่สุด
ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่การเลือกความเข้มข้นใน Alcohol เท่านั้นที่สำคัญ แต่การใช้งานก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะหากใช้งานอย่างถูกต้อง และเหมาะสมก็จะช่วยให้การฆ่าเชื้อโรค รวมถึงเชื้อโควิด - 19 ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างเช่น
- การใช้งานควรฉีดให้ครอบคลุมทั้งมือ และไม่ควรใช้กับพื้นผิวที่มีคราบมัน หรือสิ่งสกปรกมัน ๆ มากเกินไป
- เมื่อฉีดสัมผัสมือทั้งหมดแล้วก็ควรปล่อยให้ระเหยแห้งเอง ไม่ควรเช็ดออกทันทีเพราะแบบนั้นจะเท่ากับว่ายังไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคใด ๆ
- ในการถูมือด้วยเจล หรือสเปรย์ Alcohol ควรถูกให้ทั่วทั้งฝ่ามือ หน้ามือ หลังมือ และซอกนิ้วทุกนิ้ว

แอลกอฮอล์ยังคงเป็นไอเท็มที่สำคัญต่อการดำเนินชีวิตในทุก ๆ วันของเราทุกคนอย่างที่สุด เพราะว่าเชื้อโรค รวมถึงเชื้อโควิด - 19 ก็ยังคงวนเวียนกับเรารอบตัวไม่หายไปไหนง่าย ๆ การป้องกันดูแลตัวเองด้วยวิธีที่ถูกต้อง เหมาะสม อย่างการเลือกความเข้มข้น 70 - 90% ของปริมาตร รวมถึงการใช้งานเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0613

393


ปัญหาแพ้หน้ากากอนามัยเชื่ออย่างยิ่งว่าหลายท่านกำลังพบเจอกันอยู่ ก็เพราะเราจำเป็นต้องสวมอยู่แทบจะทั้งวันกว่าจะกลับบ้านอาบน้ำ แล้วปัญหาแบบไหนควรแก้ไขเช่นใด เชื่ออย่างยิ่งว่ามีหลายท่านอยากรู้อย่างมาก เพื่อนำไปปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ว่าแล้วก็ไปติดตามกันดีกว่า
5 ปัญหาแพ้หน้ากากอนามัยแก้ไขได้ไม่ยาก
1. แพ้แล้วคันหู คันจมูก
ท่านใดที่กำลังเจอปัญหาแพ้หน้ากากแล้วกำลังกันหู คันจมูกอยู่ หายใจได้ไม่สะดวก สายคล้องหูชอบหลุด หรือบางอันก็แน่นเกินไปจนเป็นรอย ดึงขึ้นดึงลงให้พอดีเท่าไหร่ก็ไม่พอดี แปลว่าหน้ากากของคุณไม่พอดีกับรูปหน้าแล้ว เกิดคันจมูก กลายเป็นแผลได้ วิธีการแก้ไขนั้นก็จำเป็นต้องเลือกขนาดของหน้ากากให้พอดีกับหน้ามากที่สุด

2. แพ้แล้วเกิดผื่นขึ้น
เมื่อก่อนไม่เคยใช้แมส ก็ไม่มีปัญหาผิว แต่พอใส่ไปใส่มาทุกวันนี้คันหน้า เกิดผื่นขึ้น เป็นผดเล็ก ๆ ไม่พอบางคนลุกลามกลายเป็นสิวไปอีก ซึ่งก็เกิดได้ทั้งจากการแพ้ต่าง ๆ อย่าง แพ้เครื่องสำอางเมื่ออับชื้น แพ้จากการอับชื้นทั่วไป แพ้จากวัสดุที่ใช้ทำหน้ากาก ฯลฯ วิธีการแก้ไขนั้นให้ท่านเปลี่ยนไปใช้แบบผ้าสวมก่อนแล้วเอาหน้ากากทางการแพทย์สวมทับอีกชั้น หรือจะเปลี่ยนหน้ากากทุกวัน ล้างมือก่อนสัมผัสหน้ากากก็ช่วยได้

3. แพ้แล้วเป็นสิว
เป็นปัญหาคลาสสิคแบบสุด ๆ ก็คือเป็นสิวเห่อขึ้นมาเลย ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากผ้าที่ทำจากผ้าสาลู ผ้าฝ้าย หรือผ้ามัสลิน หรือหน้ากากทางการแพทย์บางคนก็แพ้ วิธีการแก้ไขปัญหานี้ก็คือต้องใช้เป็นหน้ากากผ้านาโน หรือวัสดุที่ช่วยระบายอากาศภายในได้ดี ไม่ก่อให้เกิดความอับชื้น

4. แพ้แล้วหน้าลอก
สุดท้ายคือปัญหาการใช้แมสปิดปากแล้วเกิดหน้าลอกโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ต้องสัมผัสกับหน้ากาก ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากความอับชื้น มีสิ่งสกปรกที่เกิดขึ้นจากเชื้อโรค เกิดอาการคัน เมื่อปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ก็เผลอไปเกากลายเป็นแผลไปได้ บางท่านทิ้งไว้นานเป็นเชื้อรา กลาก เกลื้อนได้ด้วย วิธีการแก้ไขปัญหาก็คือใช้ทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว นอกจากนี้ต้องทำความสะอาดใบหน้าอย่างหมดจดด้วยโฟมล้างหน้าเป็นประจำ และใช้หน้ากากเสร็จต่อวันก็ทิ้งเลย เป็นการเช็กความสะอาดของหน้ากากได้ดี

แค่นี้การใช้หน้ากากอนามัยของท่านก็จะเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ ที่มากวนใจ และบางคนก็อาจจะต้องไปเสียเงินเพื่อรักษาผิวหน้าไปอีก ใครที่รู้ตัวว่ากำลังประสบปัญหาไหนสุด ๆ ก็ลองนำวิธีแก้ไขนี้ไปปรับใช้ได้เลย ทางที่ดีในการเลือกซื้อเลือกหาหน้ากากทางการแพทย์ หรือหน้ากากผ้าก็ตามจำเป็นต้องดูที่วัสดุที่ใช้ทำ รวมไปถึงความปลอดภัยที่ต้องได้รับการรับรองจากหน่วยงานในประเทศไทยแล้วเท่านั้น

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/TOO020106

394


เดทตอล” เป็นอีกตัวช่วยทำความสะอาด ฆ่าเชื้อต่าง ๆ หนึ่งในนั้นคือฆ่าเชื้อโควิด - 19 ซึ่งก็มีประเภทที่สามารถนำมาใช้งานกับผิวหนังได้ด้วย ทำให้หลาย ๆ คนอาจเกิดความสงสัยและอยากรู้ว่าถ้าเราจะเอามาผสมกับน้ำเปล่าใช้ฉีดฆ่าเชื้อทดแทนสเปรย์แอลกอฮอล์เลยได้ไหม?? แน่นอนว่าไม่รอช้าไปหาคำตอบมาให้ค้นหาความจริง

ทำความรู้จักประเภทของ “เดทตอล” กันก่อนดีกว่า..
โดยปกตินั้นผลิตภัณฑ์ที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้จะแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ
1. ประเภท Dettol Antiseptic Disinfectant
จะมีจุดสังเกตคือมีรูปมงกุฎสีฟ้าซึ่งจะสามารถนำมาใช้สัมผัสที่ผิวหนังได้ โดยใช้ฆ่าเชื้อแผลแมลงสัตว์กัดต่อย บาดแผลต่าง ๆ ขจัดรังแค หรือผสมอาบน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังสามารถเอามาผสมเช็ดล้างเครื่องมือ ของใช้อุปกรณ์ส่วนตัวต่าง ๆ ได้ด้วย ในทางการแพทย์ก็สามารถนำมาใช้ล้างเครื่องมือแพทย์ การผ่าตัดต่าง ๆ ใครจะเอามาฆ่าเชื้อเสื้อผ้าซักล้างทำความสะอาดก็ได้ด้วย คุณสมบัติคือฆ่าเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัสที่เป็นสาเหตุทำให้เราติดเชื้อได้ 99.9%

2. ประเภท Dettol Hygiene Multi-Use Disinfectant
อีกประเภทคือจะใช้ฆ่าเชื้อโรคอเนกประสงค์ โดยที่สูตรนี้จะไม่มีรูปมงกุฎสีฟ้าที่ขวด สามารถฆ่าเชื้อโรค หรือเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียได้ 99.9% แต่จะไม่สามารถนำมาใช้กับผิวหนังของเราได้โดยตรง ก็เพราะว่ามีส่วนผสมที่ใช้ฆ่าเชื้อโรคในกลุ่ม “สารประกอบคลอโรเมธิลฟีนอล” ที่ค่อนข้างรุนแรง สังเกตใน
การนำน้ำยาทำความสะอาดนี้มาใช้ด้วยมงกุฎสีฟ้าให้ดี

แล้วจะผสมน้ำเปล่าใช้แทนสเปรย์แอลกอฮอล์ได้ไหม??
หลายท่านพอรู้แล้วว่า Dettol สามารถผสมน้ำใช้ฆ่าเชื้อโรคจากเสื้อผ้า จากเครื่องมือ เครื่องใช้ต่าง ๆ ได้ และยังใช้กับผิวหนังโดยตรงได้อีกก็เลยอยากเอามาผสมน้ำแล้วใช้ฆ่าเชื้อทดแทนสเปรย์แอลกอฮอล์ ซึ่งอยากบอกว่า “ไม่แนะนำ” โดยสิ้นเชิง เพราะว่าการนำมาทำเป็นสเปรย์ฆ่าเชื้อแบบผสมน้ำเปล่าเตรียมไว้ล่วงหน้าจะทำให้น้ำยามีความเข้มข้นที่คาดการณ์ไม่ได้ ไม่แน่นอน และก็จะส่งผลให้ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้นั่นเอง ยังไงการพกสเปรย์แอลกอฮอล์ไว้ย่อมดีกว่าเสมอเนื่องจากมีส่วนฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้มากถึง 97% เลยทีเดียว หรือถ้าจะเอา Dettol มาล้างมือก็ “ไม่แนะนำ” อีกเช่นกัน เอาเป็นสบู่ล้างมือจะดีกว่า

เมื่อทราบอย่างนี้แล้วก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุก ๆ คนจะเข้าใจมากขึ้น ซึ่งเดทตอลช่วยฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้จริง แต่ก็ยังไม่เหมาะที่จะผสมน้ำเตรียมไว้ล่วงหน้าเพื่อฉีดล้างมือ เพราะแบบนั้นน้ำจะไปเจือจางสารช่วยให้ลดลงมากกว่า ทางที่ดียังคงต้องพกสเปรย์แอลกอฮอล์ไว้ หรือถ้าจะล้างมือก็ใช้สบู่เลยดีที่สุด ทั้งนี้ หากจะซื้อ Dettol มาใช้ก็ต้องดูวัตถุประสงค์ด้วย เนื่องมาจากถ้าใช้กับผิวหนังต้องมีมงกุฎสีฟ้าเท่านั้น

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0609

395


การปูพื้นด้วยหญ้าเทียมได้รับความนิยมสูงมาก ด้วยความสวยงาม มองไปแล้วดูสบายตาอย่างเป็นธรรมชาติ ทว่าก่อนจะเลือกซื้ออยากให้หลาย ๆ คนได้เรียนรู้เกี่ยวกับส่วนประกอบที่มี เพื่อสร้างความเข้าใจในการนำไปใช้ ซึ่งจะมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ไปติดตามพร้อม ๆ กันได้เลย แล้วการเลือกซื้อเลือกหาจะผ่านไปได้ราบรื่นมากขึ้น ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อบ่อย

ส่วนประกอบของหญ้าเทียมมีอะไรบ้าง?
ปกติหญ้านี้จะมีความยาวอยู่ประมาณ 5 – 60 มิลลิเมตร และมีความหนาอยู่ประมาณ 1 – 5 มิลลิเมตร มีทั้งแบบม้วนเป็นเมตรกว้าง 2 – 4 ม. และเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสซึ่งเมื่อคิดติดตั้งก็ต้องให้หญ้ามีขนาดที่พอดีกัน แต่ยิ่งพื้นที่มากหญ้าเทียมราคาก็จะสูงตามลำดับ ถามว่าหญ้าดังกล่าวจะมีส่วนประกอบอะไรบ้าง?
1. ฐานหญ้า หรือ Backing
จะเป็นส่วนของฐานหญ้าที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์โพลีเอทิลีน ใช้เส้นใยในลักษณะแบบสานติดกันเป็นแผ่น ๆ เปรียบเสมือนเป็นดินให้กับหญ้า มีส่วนช่วยระบายน้ำออกได้ดีเมื่อเจอน้ำฝนตกใส่ จึงไม่ทำให้เกิดการอบ กักเก็บน้ำไว้ใด ๆ
2. ตัวหญ้า หรือ Artificial Turf
สำหรับตัวหญ้าเทียมปูพื้นนั้นก็จะใช้เป็นเส้นใยสังเคราะห์โพลีเอทิลีนอีกเช่นกัน ซึ่งคุณสมบัติจะมีความทนทานสูงมาก ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอากาศแบบไหนก็ไม่เสียหายง่าย มีสารเคลือบป้องกันรังสี UV ใข้งานต่อไปได้แบบยาว ๆ ไม่เสื่อมสภาพไวอย่างที่คิด
3. ทรายที่แทรกตามตัวหญ้า และยาง หรือ Infill
เป็นอีกส่วนประกอบที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ กับทรายที่แทรกตามหญ้าจะใช้เป็นซิลิกา ไม่กลมมน ไม่มีเหลี่ยมหรือมุมใด ๆ ความยืดหยุ่นสูงมาก เป็นการลดความเสี่ยงบาดเจ็บ หรือเกิดอุบัติเหตุที่มาจากทรายในหญ้า พร้อมช่วยป้องกันไม่ให้เส้นใยของหญ้าที่มีฉีกขาดง่าย หรือลดความเสียหายที่เกิดจากนักกีฬา หรือตัวคนเมื่อเหยียบย่ำได้ดี ส่วนตัวยางนั้นก็จะทำหน้าที่ให้ใยหญ้าคืนกลับสู่สภาพเดิมได้ไวหลังถูกหยียบไปแล้ว และช่วยให้การสัมผัสของนักกีฬากับเส้นใยคล้ายเหยียบหญ้าจริง เพิ่มความรู้สึกร่วมในการใช้งาน

หญ้าเทียมจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ใช้งานในสนามฟุตบอลเท่านั้น หากท่านอยากปูพื้นหญ้าหน้าบ้านเพิ่มความสดใสอย่างเป็นธรรมชาติก็ทำได้ด้วย การปูมีทั้งแบบทับพื้นดิน และพื้นปูนซีเมนต์ โดยลักษณะการติดตั้งจะแตกต่างกันไป ท่านใดอยากติดตั้งบนพื้นแบบไหนก็อยากแนะนำให้เรียนรู้วิธีการปูอย่างละเอียด หรือถ้าจะให้ดีที่สุดเรียกผู้เชี่ยวชาญมาช่วยปูเลยสบายใจ ใช้งานได้เต็มที่ ไม่เปลืองเงินเงินอย่างที่คิด ได้ในสิ่งที่ตนเองคาดหวังเอาไว้แน่

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/OUT0401

396


ร้านค้าออนไลน์เปิดให้บริการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่ากล่องกระดาษไปรษณีย์นั้นมีความสำคัญ และจำเป็นอย่างมาก แต่ด้วยขนาดที่มีให้เลือกหลากหลาย จึงอาจกลายเป็นปัญหาให้กับหลาย ๆ คน ทั้งนี้เพราะไม่ทราบว่าสินค้าประเภทไหนจะเลือกใช้กล่องขนาดใดได้บ้าง จึงไม่พลาดรวบรวมข้อมูลมาให้พิจารณา เพื่อการใช้งานที่ตอบโจทย์ขั้นสุด

สินค้าจำพวกไหนควรเลือกกล่องกระดาษยังไง?
1. สินค้าแบบขายปลีก
เผื่อว่าร้านใดเป็นแบบขายปลีกที่ขนาดสินค้าไม่ได้ใหญ่มาก ประมาณ 1 – 10 ชิ้นแบบไม่เกิน 5 เซนติเมตร แนะนำว่าให้เลือกเป็นกล่องขนาด 00 หรือ A ได้เลย เพราะว่าจะกะทัดรัด แพ็คง่าย และส่งสินค้าไปยังลูกค้าได้แบบปลอดภัยหายห่วง โดยส่วนใหญ่ก็จะเขียนจ่าหน้าที่อยู่ของผู้ส่ง - ผู้รับได้เลยด้วย เพิ่มความน่าเชื่อถือให้ร้าน แต่ตอนห่อแนะนำว่าให้ใช้บับเบิ้ลช่วยในกรณีที่ของแตกหักง่ายถ้าโยนหรือโดนทับ

2. สินค้าแบบขายยกโหล
สำหรับท่านใดที่ขายแบบสินค้ายกโหล สินค้าจำนวนมาก หรือสินค้ามีขนาดใหญ่ต้องการพื้นที่เมื่อวางสินค้าไปแล้วมีเหลือเพียงพอต่อการกันกระแทก (ห่อบับเบิ้ล) แนะนำว่าให้เลือกเป็นกล่องไปรษณีย์ขนาดใหญ่ตั้งแต่ B, C หรือ D ไปเลย (จริง ๆ มีขนาดใหญ่กว่านี้สอบถามร้านขายกล่องก่อนได้) เพื่อให้การจัดส่งถึงปลายทางอย่างปลอดภัยและถึงทีเดียวพร้อมกัน ไม่ต้องมาแยกกล่องเล็กให้เสียเวล่ำเวลา และสิ้นเปลืองค่าขนส่ง รวมถึงเกิดกล่องหนึ่งหายไปเป็นเรื่องใหญ่ไปอีก

3. สินค้าประเภทรองเท้า หรือกระเป๋า
หากเป็นสินค้าประเภทรองเท้า หรือกระเป๋าแล้ว เราจำเป็นต้องเลือกใช้กล่องไปรษณีย์ขนาดใหญ่อย่างเบอร์ D ไปเลย ทั้งนี้เพราะอย่างที่รู้ถ้ากล่องขนาดใหญ่พื้นที่ภายในก็จะกว้าง ด้วยรูปทรงของรองเท้า หรือกระเป๋าบรรจุแล้วจะไม่เสียทรง กระนั้นหากเป็นกระเป๋าใบเล็ก ๆ ก็ใช้เป็นกล่องขนาด B, C ก็ไม่มีปัญหา แต่อยากให้วัดขนาดเซนติเมตรก่อนแล้วเลือกกล่องดีที่สุด

ขนาดกล่องไปรษณีย์ที่มีในปัจจุบัน
เผื่อว่าใครที่อยากทราบขนาดกล่องให้มากขึ้นเราก็มีมาแนะนำพอสังเขปเพื่อช่วยตัดสินใจการสั่งมาใช้งาน ได้แก่ ขนาดกล่อง เบอร์ A ที่ 14 X 20 X 6 ซม., ขนาดกล่องเบอร์ B ที่ 17 X 25 X 9 เซนติเมตร, ขนาดกล่องเบอร์ C ที่ 20 X 30 X 11 เซนติเมตร, ขนาดกล่องเบอร์ D ที่ 22 X 35 X 14 ซม., ขนาดกล่องเบอร์ E ที่ 24 X 40 X 17 เซนติเมตร, ขนาดกล่องเบอร์ F ที่ 30 X 45 X 20 เซนติเมตรเป็นต้น

กล่องกระดาษเพื่อการนำไปใช้ส่งพัสดุมีให้เลือกหลากหลาย แนะนำว่าการพิจารณาจากขนาดของสินค้าที่ขายแล้วค่อยซื้อย่อมดีกว่า เพื่อให้ไม่ผิดพลาดเสียเงินเสียทองไปโดยใช่เหตุ แล้วการส่งพัสดุถึงมือลูกค้าของคุณจะสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า จนกลับมาซื้อซ้ำอีกหลายรอบแน่นอน

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0801

397


สถานการณ์โควิด - 19 ในปัจจุบันก็ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง การลดความเสี่ยงรับเชื้อต้องอาศัยการดูแลตนเองเป็นพิเศษ หนึ่งในนั้นคือการเลือกใช้เจลหรือสเปรย์แอลกอฮอล์ ทว่าปัจจุบันทิชชูก็ได้พัฒนานวัตกรรมมากขึ้นด้วยการมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์มาด้วย ทำให้หลาย ๆ คนลังเลและสงสัยว่าจะเลือกใช้งานทิชชู่เปียกแบบผสมแอลกอฮอล์เพื่อฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้จริงหรือ? บทความนี้มีคำตอบมาบอกต่อ

ทิชชู่เปียกชนิดผสมแอลกอฮอล์ช่วยฆ่าโควิด - 19 ได้?
กลายเป็นความอยากรู้ขึ้นมาเลยจริง ๆ กับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอย่างทิชชูที่ปัจจุบันมีแบบทิชชู่เปียกแอลกอฮอล์ให้เลือกใช้งานแล้ว ทว่าการผสมแอลกอฮอล์นั้นสามารถฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้จริงหรือไม่ เรื่องนี้ก็ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับจำนวนปริมาณแอลกอฮอล์ที่ผสมอยู่ โดยทั่วไปหากมีไม่ต่ำกว่า 70% และมีปริมาณแอลกอฮอล์ไม่สูงเกิน 90% ก็สามารถฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้สบายมาก นำมาเช็ดมือ หรือสิ่งของได้เลย

มากไปกว่านั้นก็จะมีให้เลือกใช้งานหลายแบรนด์อีกต่างหาก แนะนำว่าให้อ่านส่วนผสม และคุณสมบัติก่อนเลย อย่างเช่น ถ้าบอกว่าช่วยฆ่าเชื้อได้มากกว่า 99.9% ถือว่าเป็นสินค้าน่าสนใจช่วยฆ่าเชื้อได้ดี อย่างไรก็ตาม ด้วยแอลกอฮอล์มีส่วนทำให้ผิวสัมผัสของเราแห้งกร้านเมื่อใช้งานบ่อย อาจจะต้องดูที่ส่วนผสมอื่น ๆ อย่าง อะโลเวร่า แตงกวา น้ำแร่ หรืออะไรก็ตามที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น รวมทั้งต้องไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อผิวบอบบางแพ้ง่าย อย่างเช่น พาราเบน ปรอท สีสังเคราะห์ ฯลฯ เพื่อให้การใช้งานตอบโจทย์มากขึ้น

แล้วถ้านำทิชชูไปผสมเองเพื่อหวังฆ่าเชื้อโควิด - 19 ทำได้ไหม?
เผื่อท่านใดที่คิดจะทำกระดาษทิชชู่เปียกแล้วเพิ่มส่วนผสมอื่น ๆ ที่มีโอกาสฆ่าเชื้อโควิด - 19 ด้วยตัวเอง ขอบอกว่าไม่แนะนำเด็ดขาด
- น้ำยาล้างจาน หรือผงซักฟอก ที่มีส่วนช่วยลดเชื้อ ความเสี่ยงการกระจายเชื้อ แต่ไม่ออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อโควิด - 19
- น้ำส้มสายชูผสมน้ำอุ่นแล้วนำทิชชูไปซับมาใช้งานก็ไม่ได้อีก เพราะน้ำส้มสายชูที่คิดว่ามีฤทธิ์กรดอ่อนจะช่วยซึ่งอันที่จริงไม่ได้ช่วยโดยตรง เชื้อโควิด - 19 ไม่ตาย

ย้ำอีกครั้งทิชชู่เปียกแบบผสมแอลกอฮอล์นั้นช่วยฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ต้องอ่านรายละเอียดให้ดีด้วยว่ามีส่วนผสมอื่นอะไรอีกบ้าง ยิ่งมีส่วนผสมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้เยอะยิ่งดี กระนั้นหากมีส่วนผสมที่ทำร้ายผิวก็ให้เลี่ยงไปได้เลย เพื่อผิวที่แข็งแรงไม่เป็นอันตรายในอนาคต นอกจากไอเทมฆ่าเชื้อด้วยแอลกอฮอล์แล้ว ก็ยังมีอื่น ๆ ที่ป้องกันความเสี่ยงติดเชื้อ ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัย การยืนห่างอย่างน้อย 1 - 2 เมตร เข้าบ้านแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ สระผมให้เรียบร้อย ฯลฯ

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0215

398


เมื่อกล่าวถึงกระดาษทิชชู่ขึ้นมาแล้ว แน่นอนว่าในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลาย ทั้งชนิด สี เนื้อสัมผัส ฯลฯ ถึงกระนั้นก็ตามสิ่งที่หลาย ๆ ท่านอาจสงสัยกันอยู่คือประเภทการใช้แบบชำระทั่วไป และแบบเช็ดหน้า ซึ่งเรื่องนี้ควรให้ความสำคัญกันอย่างที่สุด เพราะหากเลือกใช้ได้เหมาะสมก็จะไม่เป็นอันตรายต่อผิวสัมผัสร่างกาย ซึ่งแต่ละประเภทจะเป็นอย่างไรนั้นเราไปติดตามกันเลยดีกว่า

ลักษณะของกระดาษทิชชู่แบบทั่วไป VS เช็ดหน้า
ทิชชู่แบบทั่วไป หรือที่เรียกกันติดปากว่า “กระดาษชำระ” เป็นกระดาษที่พบได้ในห้องน้ำสาธารณะ หรือตามร้านอาหารที่วางไว้บนโต๊ะอาหารให้หยิบใข้งาน ส่วนมากผลิตจากต้นไม้ รวมถึงเยื่อหมุนเวียนใหม่ที่มาจากกระดาษรีไซเคิล โดยเรื่องของขนาดนั้นจะมีได้ทั้งเล็กและใหญ่ต่างกันไปตามแบรนด์ที่ผลิต มีทั้งแบบสีขาว หรือลวดลาย สีสันต่าง ๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วปัจจุบันจะผลิตให้มีความหนามากกว่า 2 ชั้น โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ
1. ทิชชูแบบม้วนใหญ่ หรือแบบ Jumbo Roll Tissue มีให้เห็นตามห้องน้ำศูนย์การค้า หรือตามองค์กรต่าง ๆ ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ ราคาไม่แพง มีความบางของกระดาษเพื่อให้ความยาวในการดึงใช้งานเพิ่มมากขึ้น ซึมซับของเหลวได้น้อย สะดวกต่อการใช้ ไม่ต้องเปลี่ยนม้วนใหม่บ่อย ผลิตจากกระดาษธรรมชาตินำเนื้อเยื่อมาทำ จึงไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

2. ทิชชูแบบม้วนเล็ก หรือแบบ Bathroom Tissue มีให้เห็นได้ตามร้านอาหาร ในบ้าน ครัวเรือนต่าง ๆ เนื้อสัมผัสจะเป็นได้หลากหลาย นำไปประยุกต์ใช้ตามต้องการไม่ใช่แค่ในห้องน้ำเท่านั้น ใช้เช็ดสิ่งต่าง ๆ ก็ไม่มีปัญหา

วิธีใช้กระดาษทิชชูอย่างเหมาะสม
แน่นอนว่าการนำไปใช้นั้นมีหลากหลาย แต่ที่ไม่เหมาะสมเลยคือการเช็ดตามผิวโดยเฉพาะผิวหน้า เนื่องจากโอกาสที่จะเกิดการระคายเคืองมีสูง บางแบรนด์ถูกเกินไปผลิตแบบไม่ได้มาตรฐาน เอามาเช็ดก็เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียได้ด้วย ไม่ว่าจะนำไปเช็ดก้น หรือแม้แต่เช็ดผิวที่มีบาดแผลก็ตาม

กลับกันหากเป็นทิชชู่เช็ดหน้าจะอยู่ในลักษณะเป็นแผ่น ๆ ดึงใช้งานได้ตามสบาย จะซับเหงื่อ หรือเช็ดเครื่องสำอางได้หมด มีทั้งแบบขาวสะอาด และมีลวดลาย ถูกบรรจุในกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า เนื้อกระดาษจะเรียบหนา มีอย่างน้อย 2 ชั้น นุ่ม สะอาด และมีค่า pH ที่ 5.5 – 8.5 เหนียวมากกว่าชนิดอื่น และใช้ได้แม้ผิวสัมผัสจะบอบบางแพ้ง่ายแค่ไหนก็ตาม

สำหรับท่านใดที่คิดจะซื้อใช้ทั้งกระดาษทิชชู่แบบชำระทั่วไป และแบบเช็ดหน้า มีวิธีการเลือกที่ต่างกัน คือ หากเป็นแบบชำระทั่วไปเลือกความนุ่มที่พอดี เพราะบางอย่างก็ต้องสัมผัสผิว และต้องเลือกแบบย่อยสลายในน้ำได้ดีด้วย ส่วนแบบเช็ดหน้าแนะนำให้เลือกแบรนด์ที่เนื้อกระดาษบริสุทธิ์ ไม่มีสารเคมี หรือสารเรืองแสงต่าง ๆ ซึบซับน้ำได้ดี และเนื้อสัมผัสนุ่มอ่อนโยนต่อผิวของเรา

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0213

399


ใครที่มีรองเท้ามากมั่นใจเลยว่าหลาย ๆ ท่านต้องเลือกใช้กล่องรองเท้ากันเหตุเพราะความสะดวกสบายในการจัดเก็บ ทำให้บ้านดูมีระเบียบมากขึ้น ทว่าเมื่อใช้ไปแล้วเป็นเวลานานก็อาจเกิดความชำรุดเสียหายได้ แต่เราจะรู้ได้ยังไง?? บทความนี้มีวิธีสังเกตมาบอกต่อ กล่องไหนควรซื้อใหม่ได้แล้วดีกว่าใช้งานไปเรื่อย ๆ เกิดซ้อนหลายกล่องแตกร่วงเก็บกันวุ่นไปอีก

วิธีการสังเกตกล่องรองเท้าชำรุด เห็นแล้วต้องซื้อใหม่ทันที
1. กล่องจากสีขาวเปลี่ยนสีชัดเจน
สภาพกล่องจากเดิมที่เป็นกล่องรองเท้าใสขาวสวย หรือขุ่นก็ดี กลับกลายเป็นสีเหลือง หรือจากขาวใสก็ขุ่นหมองแล้ว แนะนำว่าซื้อเปลี่ยนได้เลย เนื่องด้วยเริ่มเสื่อมสภาพ เกิดใช้ไปนานมากขึ้นอาจชำรุดมากกว่าเดิมก็เป็นได้ ไม่คุ้มค่าที่ต้องมานั่งเก็บรองเท้าและเศษกล่องพังเสียหาย

2. มีรอยชำรุด ฉีกขาด
ต่อมานอกจากตัวกล่องที่เปลี่ยนสีไปแล้ว ตัวกล่องมีรอยฉีกขาด รอยชำรุด เกิดรูรั่ว ถ้าปล่อยเอาไว้นานมากกว่าเดิม รอยฉีกขาดชำรุดจะเพิ่มมากขึ้นสุดท้ายก็ทำให้กล่องพังเสียหายได้ โดยเฉพาะกับคนที่ตั้งไว้สูง ๆ หรือดีไม่ดีมีฝุ่นเข้าไป มีสิ่งสกปรกเข้าไปได้ รวมทั้งสัตว์อื่น ๆ อย่างแมลงสาบ ที่อาจทำลายรองเท้าของคุณ ๆแบบไม่รู้ตัว

3. กล่องบุบ ยุบตัว
ไม่ใช่แค่กล่องเปลี่ยนสี หรือมีรอยฉีกขาดชำรุดแล้ว ยังมีเรื่องของตัวกล่องที่ยุบหรือบุบด้วย จะทำให้กล่องเสียทรงพับลงมา เมื่อเป็นแบบนั้นหากใส่รองเท้าไว้นาน ๆ ไม่ได้หยิบออกมาใช้ก็มีโอกาสรองเท้ายุบเสียทรงด้วยเช่นกัน หากพบว่ากล่องใส่รองเท้าเป็นแบบนี้เปลี่ยนไปเลยดีที่สุด

4. มีคราบ รอยเปื้อน กลิ่นเหม็นอับเกินไป
ปิดท้ายก็อาจขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานด้วย หากกล่องมีคราบ รอยเปื้อน หรือกลิ่นเหม็นอับมากเกิน ชนิดที่ลองเอาไปทำความสะอาดแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น วัสดุที่ใช้อาจเสื่อมสภาพมาก ๆ แล้ว ก็ซื้อใหม่ไปเลยดีกว่า เหตุเพราะไม่อย่างนั้นรองเท้าอาจเกิดกลิ่นเหม็นอับสะสม และกลายเป็นแบคทีเรีย เชื้อโรคได้ ยิ่งตัวเองมีกลิ่นเท้าด้วยจะยิ่งเป็นเรื่องใหญ่

กล่องรองเท้าคือสิ่งจำเป็นมาก ๆ สำหรับท่านใดที่มีรองเท้าใช้งานเยอะ และปัจจุบันก็มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ หลายประเภทด้วย กระนั้นหากท่านใดลองใช้งานแล้วและเกิดปัญหาในลักษณะข้างต้น อยากแนะนำให้ซื้อเปลี่ยนใหม่เลยดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านใดที่ซ้อนกล่องไว้สูง ทั้งนี้ การทำความสะอาดก็สำคัญมาก ๆ แนะนำว่าให้ทำความสะอาดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ 3 ครั้งเลยก็ดี หรือกล่องไหนที่รองเท้าออกไปใช้งานบ่อยก็ยิ่งต้องทำความสะอาด อย่าลืมหมั่นตรวจสอบดูความเปลี่ยนแปลงบ่อย ๆ ด้วย

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP1205

400


ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจเลือกซื้อโต๊ะพับ หรือเก้าอี้ใด ๆ แล้วจำเป็นต้องพิจารณาถึงปัจจัยรอบด้านอย่างรอบคอบ เพื่อให้การใช้งานตอบสนองความต้องการได้มากที่สุด ทว่าบางท่านอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่าจะต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง เราไม่ปล่อยให้ท่านต้องสงสัยอีกต่อไปและได้รวบรวมปัจจัยสำคัญมาให้ทำความเข้าใจกัน รับรองว่าได้ของดีที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพดีเหมาะกับการใช้งานตามต้องการแน่นอน

4 สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อเลือกหาโต๊ะพับ
1. ขนาดของโต๊ะ
ถือว่ามีความสำคัญอย่างมากกับการนำมาใช้งาน เนื่องจากจะต้องให้อยู่ในพื้นที่ที่ใช้งานแล้วสะดวก ไม่แคบมากเกินไป ปัจจุบันต้องมีหลายขนาด หลายไซซ์ให้เลือก แนะนำว่าควรวัดพื้นที่ใช้งานให้ดีก่อน โดยขนาดจะอยู่ที่ 50 x 50 ซม. ไปจนถึง 90 x 180 เซนติเมตร หรือบางยี่ห้อก็มากกว่านี้ก็เป็นได้

2. รูปทรงของโต๊ะที่จะนำมาใช้
รูปทรงของโต๊ะก็ต้องพิจารณาอย่างดีในการนำมาใช้งานเช่นกัน โดยทั่วไปแล้วจะมีทั้งเป็นโต๊ะธรรมดา หรือรวมกับเก้าอี้พับด้วย ซึ่งก็จะมีให้เลือกดังนี้
- รูปทรงกลม เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อทานอาหารร่วมกันเข้าถึงได้ทุกมุม ทุกคน จัดวางอาหารได้อย่างมีระเบียบ
- รูปทรงแบบสี่เหลี่ยมมีทั้งสี่เหลี่ยมผืนผ้า และสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหมาะสำหรับการใช้วางสิ่งของต่าง ๆ หยิบใช้งานง่าย เข้ามุมตามกำแพงไม่เกะกะ และเมื่อไม่ใช้ก็พับเก็บได้

3. รูปแบบในการพับโต๊ะ
มาต่อกันที่อีกสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อให้ดี ก็คือรูปแบบของการพับที่จะช่วยให้การใช้งานและจัดเก็บไม่เกะกะ ยิ่งเป็นการใช้งานโต๊ะพับอเนกประสงค์ที่มีหลายตัวก็จะจัดการรวดเร็ว การพับมีทั้งพับลงทั้งหมด หรือพับแยกกลาง ฯลฯ แต่ปัจจัยสำคัญคือต้องมีความแข็งแรง เคลื่อนย้ายได้สะดวกตามพื้นที่ที่แตกต่าง

4. วัสดุของโต๊ะที่ใช้ผลิต
สุดท้ายเป็นเรื่องของวัสดุของโต๊ะที่มีให้เลือกแตกต่างกันออกไป ทั้งเมลามีน พลาสติก ลามิเนต หรือไม้ประเภทต่าง ๆ ซึ่งแต่ละลักษณะก็จะมีความแตกต่าง จำเป็นต้องดูการใช้งานของเราด้วย ทั้งนี้เพราะถ้าตั้งนอกอาคารมีการเปียกน้ำมาก หรือต้องโดนฝนก็อาจต้องเลือกเป็นโต๊ะพลาสติกมากกว่าโต๊ะไม้ หรือถ้าต้องการความแข็งแรง วางของหนักประจำก็เลือกเป็นวัสดุไม้จริงได้ อย่าใช้ลามิเนตเพราะว่าจะไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร เป็นต้น

ทั้งนี้ อย่าพลาดเรื่องของราคาด้วยเพราะต้องขึ้นอยู่กับวัสดุที่ทำ ขนาด รวมถึงรูปแบบการพับต้องสอดคล้องกัน เพื่อความคุ้มค่า และใช้งานเสร็จทุกครั้งจำเป็นต้องทำความสะอาดตามโต๊ะให้เรียบร้อย เป็นวิธียืดอายุการใช้งาน หวังว่าการมีโต๊ะพับ เก้าอี้ใด ๆ ของคุณจะใช้งานอย่างราบรื่น ไม่ต้องเปลืองงบประมาณในการซื้อใหม่บ่อย ๆ

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/OUT0607

หน้า: 1 ... 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13