ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - โทนี่ วู๊ดดี้

หน้า: 1 ... 6 7 8 9 10 [11] 12 13
501
รู้ใจคุณแม่บ้าน คุณแม่บ้านทั้งหลายอยากหาเครื่องให้ไฟฟ้ามาทุ่นแรงให้ทุกการทำงานบ้านเป็นเรื่องง่าย ๆ อยู่แล้ว ในครั้งนี้เราเลยจะมานำเสนออีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้คุณๆทำงานง่ายขึ้น นั่นก็คือการตามหาเครื่องดูดฝุ่น ถูกและดี ช่วยให้ทุกการทำงานบ้านของเหล่าคุณแม่บ้านเป็นเรื่องง่ายๆ แต่มีเครื่องดูดฝุ่น ถูกและดีเครื่องไหนที่เข้าตากรรมการบ้าง ไปตามหากันค่ะ

1. เครื่องดูดฝุ่น ELECTROLUX รุ่น EC31-2BB (ราคา 2,990 บาท)


เครื่องดูดฝุ่น ELECTROLUX รุ่น EC31-2BB เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบกล่อง ไร้ถุงเก็บฝุ่นมาพร้อมกับระบบกรองแบบ 4 ขั้นตอน จึงสามารถแยกอนุภาคของฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยทำให้บริเวณนั้นสะอาดมากกว่าเดิม โดยกดเพียงปุ่ม ๆ เดียวก็สามารถนำฝุ่นออกได้อย่างง่ายมาก สามารถจุสิ่งสกปรกได้เยอะ โดยสามารถเก็บฝุ่นได้ถึง 1.8 ลิตร จึงไม่เสียเวลาเปลี่ยนบ่อย ๆ รวมถึงมีล้อขนาดใหญ่ช่วยในการเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น โดยมีแผ่นกรอง EPA 12 มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริม เช่น หัวดูดเบาะ และหัวดูดปากแคบพร้อมขนแปรงเล็กจึงทำความสะอาดได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ด้ามจับยังออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยให้จับได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น

2.เครื่องดูดฝุ่น XIAOMI รุ่น XMI-SKV4093GL (ราคา 8,590 บาท)


เครื่องดูดฝุ่น XIAOMI เป็นเครื่องดูดฝุ่นในรูปแบบหุ่นยนต์ แบบ 2 in 1 ทำหน้าที่ทั้งดูดฝุ่นและถูพื้นที่ และยังทำให้ชีวิตเหล่าแม่บ้านง่ายขึ้นกว่าเดิมขึ้นไปอีก ด้วยระบบ Visual Dynamic Navigation System จึงช่วยให้เครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้สามารถวิเคราะห์โครงสร้างของห้องได้อย่างรวดเร็ว จึงสามารถดูดได้ทั่วถึง ครอบคลุมพื้นที่ 120 ตารางเมตร  ซึ่งหากแบตเตอร์รี่ต่ำกว่า 20% ในขณะที่เจ้าเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ยังคงทำงานอยู่ มันก็กลับมาชาร์ตก่อนจึงค่อยกลับไปทำงานต่อ โดยแบตเตอรี่นั้นเป็น Lithium ภายในความจุ 2600 mAh พลังแรงดูด 2500 Pa ขนาดถังเก็บฝุ่น 600 มิลลิลิตร และถังเก็บน้ำ 200 มล. สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home และรองรับคำสั่งเสียงผ่าน Google Assistant และ alexa

3.เครื่องดูดฝุ่น DYSON รุ่น SV10Kv8 SLIM FLUFFY+ (ราคา 14,900 บาท)


เครื่องดูดฝุ่น DYSON รุ่น SV10Kv8 SLIM FLUFFY+ เป็นเครื่องดูดฝุ่นระบบไซโคลน 2 ชั้น มีหัวดูดปากแคบจึงดูดได้ง่าย ไม่เสียแรงดูด ช่วยให้ดักจับฝุ่นได้ดี มาพร้อมหัวดูดพื้นลูกกลิ้งนุ่ม (Fluffy) แบบใหม่ ที่ทั้งเล็กและเบาจึงจับได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น มาพร้อมมอเตอร์ระบบดิจิตอล V8 พร้อมแรงดูด 19.5 แอร์วัตต์ มีแผ่นกรอง HEPA ฟิลเตอร์ด้านท้ายเครื่องช่วยกรองฝุ่นและดักจับสาร รวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ชาร์ตแบตเตอรี่ 5 ชม. และกล่องเก็บฝุ่นขนาด 0.54 ลิตร เเละมีความดังเสียงเพียง 82 เดซิเบลเท่านั้น

เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP12

502
สมัยนี้มีทั้งเชื้อโรค สิ่งสกปรก แบคทีเรีย อีกทั้งยังมีฝุ่น ควัน มลพิษเต็มไปหมด ด้วยเหตุนั้นการเลือกซื้อแอร์ให้พอเหมาะกับยุค 2022 นี้จำเป็นต้องมีอะไรที่มากกว่ามอบความเย็นให้ภายในห้อง ซึ่งปัจจุบันนวัตกรรมของเครื่องปรับอากาศในยุคนี้สามารถทั้งกรองอากาศ ยับยั้งเชื้อโรค แถมยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ เราจึงขอแนะนำแอร์ระบบอัจฉริยะ ที่เหมาะสมกับบ้านในยุค 2022 นี้ มียี่ห้อไหนบ้างมาติดตามกันเลยจ้า

1.แอร์ MITSUBISHI รุ่น MSY-GT18VF (ราคา 35,200 บาท)


แอร์ MITSUBISHI เป็นแอร์ติดผนังที่เน้นดีไซน์ความเรียบแต่โก้ มาพร้อมกับระบบ คอมเพรสเซอร์แบบ Inverter จึงให้ความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานไปพร้อม ๆ กัน อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Long Air Flow ที่ส่งลมไกลได้ถึง 12 เมตรจึงมอบความเย็นได้ทั่วทั้งพื้นที่ ช่วยให้ทุกมุมของห้องเย็นสบายหายห่วง นอกจากนี้ยังติดตั้ง แผ่นฟอกอากาศด้วยประจุไฟฟ้า PM2.5 Filter ที่ช่วยดักจับฝั่นละอองขนาดเล็ก และฟังก์ชัน Fast Cool ที่ช่วยให้ทั่วทั้งห้องเย็นเร็วขึ้นภายใน 15 นาที เพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยฟังก์ชัน wide mode ที่ทำหน้าที่กระจายความเย็นซ้ายขวาได้มากถึง 6 ทิศทาง พร้อมกับเทคโนโลยี sleep mode ที่ช่วยควบคุมความเย็นภายในห้องในขณะที่เรากำลังหลับ มอบความเย็นสบายไปตลอดทั้งค่ำคื่น เพิ่มความปลอดภัยด้วย Nano Platinum Filter ที่ช่วยกำจัดกลิ่น ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และจัดการเชื้อไวรัสได้อย่างอยู่หมัด มาพร้อมกับ Dual Barrier Coating หรือแผ่นเคลือบสารป้องกันการจับเกาะของฝุ่นละออง ฝั่นผ้า ละอองน้ำมัน รวมถึงควันบุหรี่

2.แอร์ SAMSUNG  รุ่น AR24AYAAAWKNST (ราคาจำหน่าย 46,190 บาท)


ประหยัดพลังงานพร้อมรักษาอุณหภูมิให้ห้องต้อง แอร์ SAMSUNG  รุ่น AR24AYAAAWKNST ที่ใช้เทคโนโลยี Inverter จึงสามารถส่งความเย็นได้กว้างและไกล เข้าถึงทุกพื้นที่ภายในห้อง อีกทั้งยังช่วยประหยัดไฟ และรักษาอุณหภูมิห้องให้คงที่ มาพร้อมกับแผ่นกรองอากาศ PM1.0 ที่สามารถดักจับสิ่งสกปรกที่มีอนุภาคเล็กได้จึงช่วยให้อากาศภายในห้องนั้นสะอาดและบริสุทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นแบบอัตโนมัติ และสามารถควบคุมอุณหภูมิผ่านแอปพลิเคชัน SmartThings ที่ทำให้คุณควบคุมความเย็นของแอร์ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม พร้อมทั้งมีฟังก์ชันทำความสะอาดอัตโนมัติจึงช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และกลิ่นต่าง ๆ โดยเพิ่มความสะอาดขึ้นอีกขั้นด้วย Easy Filter Plus เป็นไส้กรองต้านแบคทีเรียที่สามารถถอดล้างได้ และระบบ Triple Protector Plus ที่ช่วยป้องกันความเสียหายของตัวเครื่องที่เกิดจากไฟกระชาก รวมไปถึงมีระบบ ECO Mode ที่ช่วยมอบความเย็นแต่ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายของคุณ

3. แอร์ CARRIER รุ่น 42TVAB024-B/38TVAB024 (ราคา 35,000 บาท)


แอร์ CARRIER เป็นแอร์อีกเครื่องที่มีนวัตกรรมที่ค่อนข้างล้ำสมัย เพราะว่าด้วย ระบบฟอกอากาศแบบปะจุ X-Ionizer จึงช่วยดักจับฝุ่น PM 2.5 และกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมกับระบบส่งลม 4 ทิศทางจึงช่วยในการกระจ่ายความเย็นได้อย่างทั่วทึง แถมยังมี คอยล์เย็นเคลือบสารพิเศษ Aqua Resin จึงสามารถลดการสะสมของฝุ่นละออง และเชื้อแบคทีเรียบนแผงคอยล์ได้ มาพร้อมความปลอดภัยด้วยระบบกรองไฟ ที่ทำหน้าที่ป้องกันความเสียหายจากแรงดันไฟตก อีกทั้งสารทำความเย็น R32 REFRIGERANT ของแอร์เครื่องนี้ยังไม่ทำอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมรับประกัน คอมเพรสเซอร์ 10 ปี และประกันอะไหล่นาน 5 ปีด้วยค่ะ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP01

503
คอมพิวเตอร์ | Computer / เน็ตบ้านรายเดือน True Online
« เมื่อ: เมษายน 22, 2022, 04:06:22 AM »
แพ็กเกจโปรเน็ตบ้านรายเดือนจาก ทรู (True Online) เน็ตแรงคุ้มค่ากับราคาประหยัด เริ่มต้น 399 บาท/เดือน พร้อมสิทธิพิเศษเพียบ! สำหรับแพ็กเกจโปรเน็ตบ้านทรู หรือว่า True Online นั้นจะมีแพ็กเกจหลักๆ ที่ให้เลือกทั้งหมดอยู่ 3 แพ็กเกจ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปที่เน็ตความเร็วแรงจากไฟเบอร์ออปติค (Fiber Optic) เทคโนโลยีที่รองรับการดาวน์โหลดได้สูงสุดถึง 1Gbps สมัครได้ที่นี่ เน็ตบ้านรายเดือน



มีโหมดไลฟ์สไตล์อะไรให้เลือกปรับบ้าง

ทรูออนไลน์เข้าใจถึงไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย จึงดีไซน์บริการปรับสปีดเน็ตบ้านรายเดือนตามไลฟ์สไตล์ ให้คุณสามารถเลือกปรับได้ถึง 3 ไลฟ์สไตล์

1. Streaming Mode : เอาใจคนรักความบันเทิงโดยเฉพาะ ด้วยการขยายช่องแบนด์วิดท์ ให้คุณสตรีมมิ่งฟินไม่สะดุด ไม่ว่าจะชมหนัง ซีรีส์ หรือคอนเทนต์ออนไลน์ต่างๆ

2. Work & Learn Mode : สำหรับคนทำงานและนักเรียน ดาวน์โหลดหรืออัปโหลดไฟล์ก็รวดเร็ว จะประชุม หรือพรีเซนต์งานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ก็คล่อง ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ

3. Gaming Mode : เกมเมอร์และนักแคสเตอร์ อัปเวลไว กี่ด่านก็ผ่านฉลุยแบบไม่หัวร้อน ไม่แลค ด้วยการขยายช่องแบนด์วิดท์เพื่อเล่นเกมออนไลน์
<brพร้อมพบความบันเทิง และประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่รู้จบ ไปกับเราได้ที่ทรู ผ่าน ฮีโร่ทรู 5G ‘เฌอปราง อารีย์กุล’ และ ‘ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต’ ที่มาเชิญชวนหนุ่มฮอตที่กระแสแรงที่สุดนาทีนี้  ‘ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี’ เข้าสู่โลกทรู 5G เพื่อสัมผัสชีวิตอัจฉริยะที่ครบกว่า แรงกว่า ด้วยคอนเซ็ปท์ : THE INVITATION TO THE INTELLIGENT 5G WORLD สมกับ ‘ยุคนี้ต้อง True 5G’ อย่างแท้จริง ที่เร็วแรงกว่า เหนือกว่า ครอบคลุมกว่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

ยิ่งไปกว่านี้ True 5G ยังได้ติดอันดับ Top 30 ผู้นำ 5G โลก ในหมวด 5G Games Experience ซึ่งในหมวดนี้เป็นการวัดผลจากการวิเคราะห์ประสบการณ์ของผู้เล่นเกมแบบเรียลไทม์ที่ผู้เล่นได้รับบนคุณภาพของเครือข่าย รวมทั้งค่าความหน่วง (Latency) การสูญเสียแพ็กเก็จ (Packet Loss) และการดีเลย์ในการรับแพ็กเกจข้อมูล (Jitter) เพื่อชี้วัดถึงประสบการณ์ที่เหล่าเกมเมอร์ได้รับ ซึ่งสำหรับผู้ที่เล่นเกมจะรู้กันว่าการจะเล่นเกมให้สนุกนั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลมาก ๆ ในการเล่นเกมก็คือ ความเร็วของอินเทอร์เน็ต ซึ่งประสิทธิภาพของ True 5G ได้รับการยืนยันแล้วจากการจัดอันดับในครั้งนี้

การันตีจากรางวัลผู้นำ 5G บนเวทีโลกอย่าง Opensignal โดย True 5G นั้นเป็นโอเปอเรเตอร์เพียงรายเดียวของไทยที่ติด Top 20 ผู้นำ 5G ระดับโลก ด้วยด้านการใช้งาน 5G (5G Global Leaders in 5G Availability) ด้วยเปอร์เซ็นต์เวลาการเชื่อมต่อ 5G ที่ 22.1% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ราว 11.2% มากกว่าค่าเฉลี่ยโลกเท่าตัว

504
อีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกบ้านขาดไม่ได้เลยซึ่งก็คือตู้เย็น เพราะเราเชื่อว่ายุคนี้สมัยนี้ไม่มีบ้านไหนที่ไม่มีตู้เย็นใช้ แต่ว่าปัจจุบันตู้เย็นที่นอกจากแช่ความเย็น ยืดอายุให้อาหารคงความสดอยู่ได้นานยิ่งขึ้น ก็ยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามากมาย ซึ่งช่วยประสิทธิการคงความสดของอาหาร ปรับอุณหภูมิ และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำตู้เย็นอัจฉริยะ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่แสนล้ำสมัย สามารถจุของได้เยอะ และประหยัดพลังงาน หากใครที่กำลังอยากได้ตู้เย็นใหม่ มาติดตามกันได้เลยค่า

1.ตู้เย็น SAMSUNG SIDE BY SIDE SAMSUNG RS64T5F01B4/ST 21.8 คิว


ตู้เย็น SAMSUNG ตู้เย็นอัจฉริยะ สามารถเก็บความเย็นพร้อมกับสามารถเสพความบันเทิงผ่านหน้าจอจากฝาประตูตู้เย็น เนื่องจากช่วงนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรก็เชื่อมต่อ wifi ได้ตู้เย็นเครื่องนี้ก็เช่นกัน มาพูดถึงหน้าที่หลักของตู้เย็นเครื่องนี้ที่ซึ่งผลิตมาจาก Activated Carbon จึงสามารถกรองอากาศผ่านในตู้เย็น และความสามารถขจัดกลิ่นเหม็นและคืนอากาศอันแสนบริสุทธิ์ให้กับตู้เย็นของท่าน พร้อมเร่งความเย็นได้รวดเร็วขึ้น ผ่านปุ่ม Power Cool ทำให้ตู้เย็นเย็นฉ่ำและทำน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงสามารถปรับความเร็วได้ 7 ระดับ และเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น SmartView ทั้งดูมือถือหรือหรือดูทีวีไปด้วยขณะทำอาหาร แถมภายในยังกว้างขวาง เก็บของได้มาก และมีมาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ 5 อีกด้วย

2.ตู้เย็น MITSUBISHI รุ่น MR-LX60EP/GBK 19.6 คิว


ยกระดับการถนอมอาหาร คงความสดใหม่ของอาหารที่อยู่ภายในตู้เย็น ต้อง ตู้เย็น MITSUBISHI รุ่น MR-LX60EP/GBK ขนาด 19.6 คิว ซึ่งเป็นตู้เย็นแบบ Multidoor ซึ่งมีประโยชน์ในการกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง ทำให้อาหารสดใหม่ และคงวิตามินและรสชาติของอาหารเอาไว้ได้ อีกทั้งยังสามารถจัดเก็บอาหารได้อย่างเป็นระเบียบ สามารถแยกประเภทอาหารได้โดยสะดวก มาพร้อมกับระบบ  Neuro Inverter และ Neuro Fuzzy System ซึ่งเป็นไมโครชิพอัจฉริยะจึงช่วยควบคุมระบบการทำงานของตู้เย็น รวมถึงมีระบบ Supercool Chilling Case ซึ่งช่วยในการแช่เนื้อสัตว์ที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ ระบบ Easy Clean Auto Ice Maler ที่ช่วยทำน้ำแข็งแบบอัตโนมัติ มาพร้อมระบบ Touch Screen Control Panel ที่ใช้การสั่งงานผ่านการทัชสกรีน นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม Vitamin Factory หรือช่องแช่ผักที่ช่วยรักษาวิตามินของผัก พร้อมคงความสดใหม่ยาวนานมากขึ้น จึงเป็นตู้เย็นอีกตู้ที่ครบฟังก์ชันการดูแลอาหารมาก ๆ เลยทีเดียวค่ะ

3. ตู้เย็น HITACHI รุ่น R-M600VAG9THXMIR 20.1 คิว


ตู้เย็น HITACHI รุ่น R-M600VAG9THXMIR 20.1 คิว แบบ 3 ประตู เป็นตู้เย็นอีกรุ่นที่ค่อนข้างนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาคุณภาพของอาหารภายในตู้เย็น เพราะว่าด้วยระบบรักษาความดันบรรยากาศ 0.8 atm และช่องแช่อาหารระบบสูญญากาศ (Vacuum Compartment) มาพร้อมแผงฉนวนกักเก็บความเย็น จึงช่วยทำให้ความเย็นภายในตู้เย็นคงที่จึงช่วยประหยัดพลังงานได้ดีมาก ๆ  มาพร้อมระบบเปิดประตูอัตโนมัติ โดยใช้ปลายนิ้วสัมผัสก็สามารถเปิดประตูออกได้ ทั้งยังมี Eco Thermo Sensor ช่วยควบคุมอุณหภูมิและรักษาความเย็นให้คงที่ มีช่องแช่ผักอิสระ จึงสามารถกันกลิ่นอาหารและกักเก็บความชื้น พร้อมด้วยระบบ Tank Type Ice & Water Dispenser หรือระบบ ทำน้ำแข็งและน้ำเย็นอัตโนมัติ ซึ่งสามารถใส่น้ำได้ 3.2 ลิตร มาพร้อมกับ Nano Titanium ที่ช่วยกำจัดกลิ่นและแบคทีเรีย และตัวชั้นวางผลิตจากกระจกแก้วนิรภัย จึงแข็งแรงและสามารถรับน้ำหนักได้ 100 กก.

ถึงยุคที่เราต้องมีตู้เย็นที่แสนทันสมัยมาทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นไปอีก และทำให้อาหารภายในยังคงสดใหม่ เหมือนพึ่งออกมาจากฟาร์มเลยทีเดียว อยากได้อาหารดี อาหารสดลองซื้อตู้เย็นอัจฉริยะแล้วมาใช้ชีวิตให้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้นไปอีกกันค่ะ

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP09

505
เมื่อคุณสาไม่ช่วย แม่บ้านอย่างเราจำเป็นต้องมองหาเครื่องมือทุ่นแรง เมื่อเทคโนโลยีมันมีเราก็จำเป็นต้องใช้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนี้เรารับประกันความถูกใจเลยทีเดียว นั่นก็คือเครื่องล้างจานที่ทำให้จานสะอาดเนี๊ยบ แต่ทว่าใช้งานง่ายมาก มีรุ่นไหนแบรนด์อะไร ตามเรามาอัปเดตเลยค่ะ

1.เครื่องล้างจาน ELECTROLUX รุ่น ESF8730ROX (ราคา 45,990 บาท)


เครื่องล้างจาน ELECTROLUX เครื่องใหญ่สามารถบรรจุภาชนะได้เยอะเครื่องนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Comfort Lift  ซึ่งเป็นกลไกที่สามารถยกขอบตระกร้าด้านล่างและช่วยลดแรงกระแทกในขณะเคลื่อนไหว พร้อมทั้งมีโปรแกรมล้าง 7 โปรแกรม สามารถตั้งอุณหภูมิได้ 5 ระดับ และมีหัวฉีด FlexiSpray Arm ที่ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกได้อย่างทั่วถึง และยังสามารถบอกระดับความสกปรกของจานได้แบบอัตโนมัติ  ผ่านระบบ Sensor Control โดยตั้งเวลาทำงานล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 1 - 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งอบแห้งอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี AirDry Technology

2.เครื่องล้างจาน XIAOMI รุ่น DISHWASHER WHT (ราคาจำหน่าย 12,900 บาท)


เครื่องล้างจาน XIAOMI รุ่นนี้เป็นเครื่องล้างจานแบบตั้งโต๊ะ ดีไซน์ของตัวเครื่องเป็นทรงเหลี่ยมสุดแสนจะมินิมอล มาพร้อมกับหน้าจอแบบ LED ด้วยระบบแบบทัชสกรีนจึงสามารถสั่งงานได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี 6D double spray ที่สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้มากถึง 99.99% สามารถบรรจุภาชนะได้สูงสุด 32 ชิ้น และยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home โดยสามารถสั่งการด้วยเสียงได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมโปรแกรมทำความสะอาดถึง 6 โปรแกรม รวมถึงด้วยเครื่องที่มีขนาดกระทัดรัดจึงประหยัดพื้นที่ใช้สอยเหมาะสำหรับบ้านพื้นที่จำกัดและคอนโดมีเนียม

3.เครื่องล้างจาน FRANKE รุ่น FDWF814DA++XS (ราคา 24,900 บาท)


เครื่องล้างจาน FRANKE รุ่น FDWF814DA++XS เป็นเครื่องล้างจานแบบตั้งโต๊ะ ที่ผลิตจากแสตนเลสอย่างดี สีเงินเงางาม ดีไซน์สวยเหมาะสมกับห้องทุกดีไซน์ มาพร้อมกับระบบประหยัดพลังงานแบบ A++ มาตรฐาน EU พร้อมแสดงหน้าจอแบบดิจิทัล สามารถทำความสะอาดจานด้วยความร้อนสูงสุดถึง 60 องศาเซลเซียส โดยใช้เสียงเพียง 44 เดซิเบลเท่านั้นจึงเงียบมาก ๆ สามารถบรรจุภาชนะมากถึง 168 ชิ้น โดยใช้พลังงานเพียง 266 กิโลวัตต์

4. เครื่องล้างจาน BOSCH รุ่น SKS68BB008 (ราคา 24,900 บาท)


เครื่องล้างจาน BOSCH รุ่น SKS68BB008 เป็นเครื่องล้างจานแบบตั้งโต๊ะอีกเช่นกัน ซึ่งมาพร้อมนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยเทคโนโลยี ActiveWater จึงช่วยขจัดคราบสกปรกที่ติดอยู่บนจานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถบรรจุภาชนะได้สูงสุด 6 ชุดอาหาร ผ่านการสั่งงานด้วยระบบ Electronic มาพร้อมกับ 8 โปรแกรมการล้าง รวมไปถึงมี 5 ฟังก์ชันการใช้งานแบบพิเศษ สามารถตั้งเวลาล้างจานได้ตั้งแต่ 1-24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีระบบ Dosage Assist Basket ที่ช่วยเพิ่มการขจัดคราบให้สะอาดไม่เหลือแม้เศษซากน้ำยาล้างจาน และเทคโนโลยีสุดท้ายคือ Glass protection ควบคุมระดับความกระด้างของน้ำ สำหรับล้างเครื่องแก้วและเซรามิกต่าง ๆ นั่นเอง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/KIT0403

506
ปัญหาระดับชาติในการเลือกซื้อเลือกหาเครื่องซักผ้า คือ เราจะซื้อเครื่องซักผ้ายี่ห้อไหนดี ซึ่งในปัจจุบันหลาย ๆ ท่านก็จะเห็นเครื่องซักผ้ามากมายหลากหลายแบรนด์มีอยู่เต็มไปหมด จนเลือกไม่ถูกว่ายี่ห้อไหนควรซื้อกลับบ้านมาเพื่อใช้งาน แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ก็มีข้อสังเกตอีกข้อนึงก็คือเรามักจะเห็นร้านซักรีดหรือจุดบริการซักผ้าเลือกใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้ามากกว่า เนื่องจากซักได้สะอาดกว่า ช่วยถนอมผ้า ผ้าไม่ยับหลังตากเสร็จ

ดังนั้นเราขอรีวิวเครื่องซักผ้าฝาหน้า ที่มีราคาเบา ๆ แต่กลับมีประสิทธิภาพในการซักผ้าเริ่ด แถมถนอมเนื้อผ้าแบบสุด ๆ แต่มียี่ห้อไหนบ้างมาติดตามกันค่ะ

1.เครื่องซักผ้า HITACHI รุ่น BD-70CE 7 Kg. 1200 PRM


เครื่องซักผ้า HITACHI รุ่น BD-70CE 7 กก. 1200 PRM เป็นเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ที่ใช้เทคโนโลยีในการซักผ้า หรือ Washing Program มากสูงสุดถึง 16 โปรแกรม ทุกคนจึงสามารถเลือกโปรแกรมการซักผ้าให้ตรงตามชนิดของผ้าได้อย่างสะดวกมาก อีกทั้งยังมีโปรแกรมขจัดคราบสกปรกและรอยเปื้อนถึง 3 ระดับ จึงช่วยทำให้ผ้าสะอาดไร้คราบ ได้ผ้าสะอาดเหมือนใหม่ได้อย่างง่ายดาย  และโปรแกรมซักด่วนที่ช่วยประหยัดเวลาในการซักผ้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Door Clean จึงสามารถขจัดความสกปรกที่อยู่บนฝาหน้าได้อย่างอัตโนมัติ สามารถปั่นผ้าได้ 1,200 รอบ/นาที และยังจุผ้าได้มากถึง 7 กก. อีกทั้งยังเทคโนโลยีที่ช่วยลดแรงแม่บ้านได้ระบบคลายผ้าหลังซักจึงทำให้ผ้าไม่ยับมากหลังตากเสร็จ พร้อมกันนี้ยังรับประกันมอเตอร์สูงสุด 10 ปี จึงนับว่าคุ้มค่าทุกการใช้งานจริง ๆ ค่ะ

2. เครื่องซักผ้า SAMSUNG รุ่น WW90T504DAW/ST 9 กก.


เครื่องซักผ้า SAMSUNG  เพิ่มมาตรฐานการซักผ้าให้สะอาดขึ้นด้วยวิธีง่าย ด้วยเครื่องซักผ้าฝาหน้าของซัมซุงเครื่องนี้ พร้อมทำความสะอาดผ้า และขจัดกลิ่นอับ มีระบบ AI Control สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ Android และ iOS โดยการเชื่อมต่อ Wi-Fi  และโปรแกรมการซักผ้า 22 โปรแกรม จึงช่วยทำความสะอาดเสื้อผ้าได้เหมาะสมกับเนื้อผ้าแต่ละประเภท พร้อมขจัดคราบฝังแน่นได้อย่างหมดจด ลดสารก่อภูมิแพ้ และสามารถยับยั้งแบคทีเรียได้ถึง 99.99% แถมยังโดดเด่นในเรื่องการออกแบบของตัวถัง ซึ่งเป็นตัวถังทรงเพชร พร้อมเทคโนโลยี Eco Bubble™ จึงเพิ่มประสิทธิภาพในการซักผ้า ทั้งยังลดความเสียหายของเนื้อผ้า นอกจากนี้ยังสามารถปั่นหมาดได้สูงถึง 1,400 รอบต่อนาที จึงทำให้ผ้าแห้งเร็วมากขึ้น ซึ่งมาในรูปแบบมอเตอร์ขับตรงจึงลดเสียงและลดสั่น พร้อมทั้งประหยัดพลังงาน ด้วย Energy Efficiency Class ระดับ A

3.เครื่องซักผ้า ELECTROLUX รุ่น EWF9023BEWA 9 กก.


เครื่องซักผ้า ELECTROLUX เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ระบบ Eco Inverter จึงเป็นเครื่องซักผ้าที่ค่อนข้างประหยัดพลังงานเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับมีประสิทธิภาพในการซักสูงมากกว่าเครื่องซักผ้าทั่วไป อีกทั้งยังมีระบบ SensorWash ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยตรวจวัดความสะอาดของเนื้อผ้า ทั้งยังมีเทคโนโลยี UltraMix Technology ซึ่งช่วยถนอมเนื้อผ้าและปกป้องสีของผ้า ช่วยให้ผ้ายังคงมีสีสันสดใสเหมือนครั้งแรกที่สวมใส่ มาพร้อม Vapour Action ซึ่งช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้และทำให้ผ้านุ่มฟูมากยิ่งขึ้น แถมยังรองรับการซักผ้าวูลหรือผ้าขนสัตว์ที่รับรองโดยสถาบัน Woolmark และโปรแกรม Stain ที่ช่วยเคลียร์ทุกคราบสกปรกได้อย่างหมดจด และยังสามารถบันทึก Favorite Program สำหรับโปรแกรมการซักผ้าที่ใช้บ่อย ๆ ได้อีกด้วย

โดยเครื่องซักผ้าทั้ง 3 รุ่น 3 ยี่ห้อนี้เป็นเครื่องซักผ้าราคาไม่แพงมาก แต่ประสิทธิภาพทรงพลังมาก หากท่านใดที่ต้องการเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าแต่งบประมาณที่มีนั้นค่อนข้างจำกัดก็เลือกดูทั้งสามรุ่นนี้ได้เลยค่ะ ชอบเครื่องไหนเลือกได้เลยค่า

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP1303

507
หลาย ๆ ท่านกำลังค้นหาน้ำยาถูพื้นที่ใช่อยู่ใช่มั้ยเอ่ย เนื่องด้วยเวลาเลือกน้ำยาถูกพื้นด้วยตัวเองนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์ น้ำยาเหนอะเท้า เดินแล้วเป็นคราบ กลิ่นไม่หอม แถมสิ่งสกปรกออกไปไม่หมด ในวันนี้เราเลยขอแชร์ 4 น้ำยาถูพื้น ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2022 เอาไปใช้เลยจ้า มาดูกันว่าน้ำยาถูพื้นของเราจะมีคุณสัมบัติครบตามที่ทุกคนตามหาหรือไม่ ?

1.น้ำยาทำความสะอาดพื้นผิวทั่วไป MAGICLEAN (ราคาจำหน่าย 69 บาท)


น้ำยาถูพื้น MAGICLEAN ขวดสีม่วงจับถนัดมือขวดนี้ มีปริมาณ 900 มิลลิลิตร มอบความหอมสดชื่นให้บ้านด้วยกลิ่นหอมจากดอกลาเวนเดอร์ ที่เพิ่มน้ำหอมมากขึ้น 20% สูตรใหม่ที่ช่วยให้พื้นแห้งเร็วขึ้น 2 เท่าจึงทุ่นเวลาในการถูพื้น รวมทั้งไม่ทำให้เกิดรอยเท้าเหนียวเหนอะหนะหลังถูเสร็จ จึงมอบความรู้สึกสบายเท้า พร้อมช่วยขจัดคราบสกปรก ฝุ่นละออง หรือคราบไขมันที่เช็ดถูออกยากก็ถูกขจัดออกไปหมดจด จึงทำให้บ้านสะอาด มีอนามัย และหอมสดชื่นทั่วทั้งบ้าน

2.น้ำยาขจัดกลิ่นฆ่าเชื้อพื้นผิวทั่วไป SPACLEAN


น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และดับกลิ่น ที่ใช้ทำความสะอาดพื้นผิวภายในบ้านทั้งพื้นผิวเรียบ และพื้นผิวทั่วไป มาพร้อมกลิ่นไฮจีนิกซอฟท์ จึงทำหน้าที่กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นภายในบ้าน ทั้งกลิ่นอับ กลิ่นชื้น อีกทั้งยังสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจเกาะติดอยู่ภายในบ้านได้อย่างสะอาดสะอ้าน เพียงผสมผลิตภัณฑ์1ส่วนต่อน้ำ5ส่วน เทราด หรือฉีดให้ทั่วบริเวณ 10นาที แล้วเช็ด หรือล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็จะทำให้บ้านสะอาด ไร้กลิ่นอับ ดับกลิ่นชื้นหมดแล้วค่ะทุกคน

3.น้ำยาทำความสะอาดพื้น MR.MUSCLE (ราคาจำหน่าย 41 บาท)


น้ำยาทำความสะอาดพื้น MR.MUSCL ถุงสีส้มมีปริมาณทั้งหมด 800 มิลลิลิตร มาพร้อมกลิ่นฟลอรัลเพอร์เฟ็คชั่นส์จึงทำให้บ้านสะอาดหอมด้วยกลิ่นดอกไม้ทั่วบริเวณบ้าน พร้อมมีประสิทธิภาพช่วยจัดการกับคราบสกปรกต่าง ๆ ที่อาจฝังแน่น รวมไปถึงสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพราะด้วยประสิทธิภาพของสารเจิร์มเอ๊กซ์จึงสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99.9 % โดยไม่ทำลายพื้นผิว สามารถใช้ได้กับพื้นผิวทุกชนิด โดยมอบกลิ่นหอมยาวนาน และไม่เหนียวเหนอะหนะภายหลังการเช็ดถูเสร็จ

4.น้ำยาดันฝุ่นพื้น DOO CLEAN (ราคาจำหน่าย 299 บาท)


น้ำยาดันฝุ่น พื้น DOO CLEAN มีปริมาณถึง 1000 มิลลิลิตร มีประสิทธิภาพทำให้พื้นสะอาดหมดจด พร้อมช่วยเก็บเศษฝุ่นละอองไม่ให้ฟุ้งกระจายในขณะที่กำลังเก็บกวาดเช็ดถู พร้อมทำให้พื้นบ้านสะอาดเงางาม และกำจัดคราบสกปรกที่สะสมให้หายไป และยังมีกลิ่นหอมที่ได้จากดอกลีลาวดี จึงมอบความหอมสดชื่นไปทั่วทั้งบ้าน สามารถใช้ได้กับทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ปาร์เก้ พื้นกระเบื้อง พื้นหินอ่อน หรือจะเป็นพื้นหินขัด หรือหินแกรนิต รวมถึงพื้นเซรามิกก็ตาม ก็สามารถนำมาใช้ได้ตามความเหมาะสม

เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0605

508
เครื่องทำน้ำอุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่ใครต่อใครต้องมีกันในห้องน้ำ หากท่านใดยังไม่มีและกำลังมองหาเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีดีไซน์สวยงาม ราคาถูก ๆ มีความปลอดภัย และได้มาตรฐานที่ดี เนื่องด้วยความจริงแล้วน้ำอุ่น ๆ เนี่ยแหล่ะช่วยทำหลับสบาย ผ่อนคลาย และยังสามารถบรรเทาความเครียดได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น ใครกำลังตามหาเครื่องทำน้ำอุ่นดี ๆ สักเครื่อง ต้องตามมาเลือกกันค่ะ  เนื่องด้วยทั้ง 3 เครื่องที่เราเลือกมา เราจะแนะนำให้ละเอียดยิบ เพื่อให้ทุกท่านสามารถเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นให้เหมาะกับครอบครัว และการใช้งานภายในบ้านของท่านจริง ๆ

1.เครื่องทําน้ำอุ่น PANASONIC รุ่น DH-4NS1TW 4500 วัตต์ (ราคา 4,800 บาท)


เครื่องทําน้ำอุ่น PANASONIC รุ่น DH-4NS1TW เป็นเครื่องทำน้ำอุ่นคุณภาพ มาตรฐานในระดับสากลเลยทีเดียว โดยมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบถ้วน อาทิเช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิด้วยเทอร์โมสตัทอัตโนมัติ รวมถึงมีระบบ IP25 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยป้องกันน้ำเข้าเครื่อง พร้อมฉนวนกันไฟฟ้ารั่วอย่างหนา หุ้มด้วยพลาสติก ABS ซึ่งไม่ลามไฟ จึงมีความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง พร้อมฮีตเตอร์ขดลวดทองแดงจึงสามารถทำความร้อนได้อย่างรวดเร็ว ไม่นับรวมหัวฝักบัวแบบผสมซึ่งมีสารยับยั้งแบคทีเรียได้มากถึง 99.99% รวม นอกจากนี้ดีไซน์ของเครื่องทำน้ำอุ่นเครื่องนี้ค่อนข้างหรูหรา  ขนาดกะทัดรัด มีลักษณะโค้งมน และสามารถติดตั้งเข้ามุมได้

2.เครื่องทําน้ำอุ่น STIEBEL รุ่น DS45EC 4500 วัตต์ (5,140 บาท)


เครื่องทำน้ำอุ่นดีไซน์สไตล์ยุโรป กับเครื่องทําน้ำอุ่น STIEBEL ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจระหว่างดีไซน์ที่มีกลิ่นอายยุโรปและกลิ่นอายของความเป็นเยอรมัน มาพร้อมกับระบบความปลอดภัย ELCB ซึ่งสามารถตัดไฟทันทีเมื่อมีไฟฟ้ารั่วออกมา อีกทั้งหัวฝักบัวชุบโครเมียม และสามารถปรับระดับสายน้ำได้มากถึง 5 แบบ รวมถึงมีสไลด์บาร์ที่สามารถปรับระดับได้ พร้อมระบบความปลอดภัยสูงสุด้วย Double Auto Reset Thermostat  จึงสามารถตัดการทำงานได้แบบอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิของน้ำสูงเกินกว่าที่กำหนดไว้ แถมยังมีระบบ IP25 ช่วยป้องกันฝุ่นผงและน้ำเข้าเครื่องตามมาตรฐานที่ถูกกำหนดเอาไว้ระดับสากล มาพร้อมหม้อต้มทองแดง จึงป้องกันการรั่วซึม และให้ความร้อนที่ค่อนข้างเสถียรให้อุณหภูมิที่ค่อนข้างคงที่ และมีระบบ low water pressure ที่ทำให้เครื่องทำน้ำอุ่นสามารถทำงานได้แม้มีแรงดันน้ำที่ต่ำ

3.เครื่องทําน้ำอุ่น SHARP รุ่น WH-246E 4500 วัตต์ (ราคา 4,800 บาท)


เครื่องทำน้ำอุ่น SHARP มาพร้อมดีไซน์ทรงเหลี่ยมสวยงาม ทันสมัย ที่สามารถเข้าได้ทุกสไตล์ของห้องน้ำที่บ้านของทุก ๆ คน มาพร้อมกับระบบ HEATER TANK ในการทำความร้อนจึงสามารถคงความร้อนได้เป็นอย่างดี สามารถควบคุมอุณหภูมิให้สม่ำเสมอ ด้วยระบบ ETC จึงทำคงความร้อนแม้ว่าแรงดันน้ำจะไม่สม่ำเสมอก็ตามค่ะ สามารถควบคุมอุณหภูมิอย่างง่ายดายด้วยการหมุนปรับองศา แถมยังมีระบบนิรภัย ELCB ที่สามารถตัดไฟได้แบบอัตโนมัติแม้จะระบบไฟฟ้ารั่ว วัสดุทั้งหมดที่ใช้ผลิตมีความคงทนจึงค่อนข้างคงทนและทนทาน สามารถป้องกันน้ำเข้าเครื่องได้อีกด้วย

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/PLU0501

509
เริ่มต้นปี 2022 อะไรภายในบ้านที่เก่าแสนเก่าก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนได้แล้วค่ะ โดยเฉพาะอะไร ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของตนเองอย่างเช่นเครื่องกรองน้ำ ที่เครื่องเก่าใช้มานานหลายปีเพราะฉะนั้นก็ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนมันสักทีแล้วค่ะ ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องกรองน้ำหลากหลายยี่ห้อเลยค่ะที่มีระบบการกรองที่มีประสิทธิภาพสูง มีระบบและเทคโนโลยีที่เพิ่มคุณภาพของน้ำที่เราดื่ม ฉะนั้นมาดูกันเลยค่ะว่าเครื่องกรองน้ำยี่ห้อไหนบ้างที่เหมาะสมกับบ้านของท่านเรามาติดตามกันเลยค่ะ

1.เครื่องกรองน้ำ PURE รุ่น CPR-02 UV (ราคาจำหน่าย 13,950)
 

 เครื่องกรองน้ำ PURE รุ่น CPR-02 UV เป็นเครื่องกรองน้ำที่มีระบบการกรองแบบ 5 ขั้นตอน สามารถฆ่าเชื้อโรคในน้ำได้อีกด้วย เพราะมีคลื่น Ultra Violet จึงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้ดื่มน้ำที่สะอาด บริสุทธิ์ และปลอดภัย มาพร้อมไส้กรองหยาบเซดิเมนท์ (PP) ซึ่งสามารถดักจับกรวด ทราย หิน โคลน รวมทั้งสารแขวนลอยขนาดใหญ่ที่มักจะปนเปื้อนมากับน้ำ พร้อมกรองด้วยไส้กรองเรซิ่น (RE) ช่วยปรับสภาพน้ำที่กระด้างให้มีรสชาติที่อ่อนลง ช่วยดักจับสารตะกั่ว แคมเมี่ยม และปรอทที่ปนเปื้อนในชั้นดิน และไส้กรอง UF ซึ่งช่วยกรองแบคทีเรียและจุลินทรีย์ในน้ำที่มีอนุภาคขนาดเล็กที่ละเอียดมาก ๆ ถึง 0.01 ไมครอน นอกจากนี้ไส้กรองชั้นที่ 4 คือ ไส้กรองแอ็คติเวทคาร์บอน (AC) ทำหน้าที่ดูดจับสารเคมี กลิ่น สี คลอรีน ทองแดง รวมถึงยาฆ่าแมลง และผงซักฟอก อีทั้งยังมีหลอดฆ่าเชื้อ UV-C ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อราด้วยลำแสง UV ทำงานร่วมกับ เทคโนโลยี Microban ที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ไวรัส และเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 2.เครื่องกรองน้ำ STIEBEL รุ่น FOUNTAIN 7S ANTHRACITE (ราคาจำหน่าย 15,400 บาท)
 

 เครื่องกรองน้ำ STIEBEL เป็นเครื่องกรองน้ำสำหรับติดตั้งบนเคาน์เตอร์ ที่มีระบบการกรองมากถึง 7 ขั้นตอน ใน 1 ขั้นตอนจึงทำให้ทุกคนได้ดื่มน้ำสะอาดปลอดภัย มาพร้อมไส้กรองแบบ Ultrafiltration ซึ่งสามารถกรองสิ่งสกปรกที่มีอนุภาคเล็กเพียง 0.01 ไมครอน รวมทั้งสามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียในน้ำดื่มได้ในทันที โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า วัสดุทำมาจาก ABS ซึ่งค่อนข้างทนทาน คงทน รวมถึงทนต่อแรงกระแทก มาพร้อมหน้าจออัจฉริยะที่สามารถตั้งเวลาและแสดงมิเตอร์วัดการไหลของน้ำ พร้อมต่อท่อสแตนเลสที่สามารถปรับหมุนได้ 360 องศา สามารถใช้ดื่ม รวมถึงล้างผักผลไม้ได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังผ่านมาตรฐาน NSF มีชั้นหิน Silverlite ช่วยประกอบด้วยไอออนเงิน แร่ธาตุจึงสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้

 3.เครื่องกรองน้ำ PHILIPS รุ่น ADD6910 (ราคา 16,900)
 

 เครื่องกรองน้ำ PHILIPS เครื่องนี้ เป็นเครื่องกรองน้ำระบบ RO ที่สามารถขจัดสิ่งปนเปื้อนภายในน้ำได้ถึง 99% จึงมอบน้ำที่สามารถและบริสุทธิ์ให้ท่าน สามารถใช้ได้ทั้งอุปโภคและบริโภค อีกทั้งยังสามารถปรับอุณหภูมิน้ำได้มากถึง 4 ระดับ ได้แก่ น้ำในระดับอุณหภูมิห้อง อุณหภูมิ 45 องศา น้ำอุณหภูมิ 85 องศา และน้ำในอุณหภูมิ 95 องศา อีกทั้งมีโปรแกรมเลือกปริมาณของน้ำดื่ม 4 ระดับ ได้แก่ 150 มล.  210 มล. 300 มล.  500 มล. และเลือกแบบน้ำไหลแบบต่อเนื่อง มาพร้อมกับระบบล็อกนิรภัยป้องกันเด็กเล็กสัมผัส เพื่อป้องกันอันตรายหรืออุบัติเหตุ พร้อมทั้งมีหน้าจอ LED ที่แสดงอุณหภูมิของน้ำ และระบบ ClearSmart ซึ่งทำหน้าที่แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรองอัตโนมัติ

 ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
 Official Website : https://www.homepro.co.th/c/KIT0901

510
เสื้อผ้าที่ซักยากที่สุดคงไม่พ้นเสื้อผ้าที่มีสีขาวนั่นเองที่แสนจะซักยากเป็นพิเศษ เนื่องจากเวลาผ้าขาวเปื้อนทีนึง หากปล่อยให้คราบฝังแน่น บอกได้เลยว่าเอาไม่ออก บางครั้งบางคราวอาจจะต้องเสียเสื้อตัวนั้นไปเลยก็ได้ เราเลยต้องหาตัวช่วยอย่างผลิตภัณฑ์ซักผ้ามากมายที่มีประสิทธิภาพในการซักผ้า โดยเราขอนำเสนอผลิตภัณฑ์ซักผ้า 4 แบบ 4 ยี่ห้อที่จะมาช่วยให้การซักผ้าขาวของทุกคนเป็นเรื่องที่แสนสะดวก ตามกันมาเลยค่ะ
1.น้ำยาซักผ้า HYGIENE (ราคา 70 บาท)


น้ำยาซักผ้า HYGIENE เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดคราบทั้งผ้าสีและผ้าขาว โดยมีสาร Brightener จึงคืนความสดใสให้กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ ช่วยให้ผ้าขาวกลับมาขาวสะอาดอีกครั้ง อีกทั้งยังไม่มีคลอรีน ไร้กลิ่นฉุน พร้อมช่วยในการขจัดคราบที่ฝังแน่นซึ่งเกาะติดลึกถึงเส้นใยของผ้าให้หลุดออกไปอย่างง่ายดาย เช่น คราบเหงื่อไคล คราบซอส คราบชา กาแฟ คราบน้ำผลไม้ ที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าก็กำจัดออกได้หมด และยังมอบกลิ่นหอมด้วยกลิ่นดอกไม้จึงทำให้ผ้าขาวของคุณหอมสะอาดเหมือนเสื้อตัวใหม่ได้นั่นเอง

2.น้ำยาซักผ้าขาว HAITER (ราคาจำหน่าย 82 บาท)


น้ำยาซักผ้าขาวไฮเตอร์เป็นน้ำยาซักผ้าขาวที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน  โดยสูตรสีชมพูเป็นสูตรช่วยขจัดคราบฝังแน่นและขจัดกลิ่นเหม็นอับบนเสื้อผ้า พร้อมความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในเส้นใยของผ้าออกได้อย่างหมดจด โดยสามารถขจัดเชื้อแบคทีเรียได้มากถึง 99.9% โดยหากใครที่ไม่ชอบกลิ่นฉุน ๆ ของไฮเตอร์สูตรเดิม สามารถใช้ขวดสีชมพู เพราะมีการเพิ่มน้ำหอม จึงมอบกลิ่นหอมสดชื่นให้กับเสื้อผ้า โดยซักร่วมกับผงซักฟอก หรือผสมกับน้ำสะอาดก็ได้ เพื่อให้ผ้าขาวของคุณ ๆสะอาดสดใสมากยิ่งขึ้น

3.ผงซักฟอก ATTACK 3D CLEAN ACTION (ราคาจำหน่าย 85 บาท)


ผงซักฟอก แอทแทค ทรีดี คลีน แอ็คชั่น เป็นสูตรที่เพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบฝังลึกได้ถึงเส้นใยของเนื้อผ้า พร้อมทั้งขจัดคราบเหงื่อไคล ไขมันต่าง ๆ คราบสกปรกบนคอเสื้อ หรือคราบดินโคลน จึงลดกลิ่นเหม็นที่มักติดบนเสื้อ สามารถใช้ได้ทั้งผ้าสีและผ้าขาว รวมไปถึงสามารถใช้ได้ทั้งซักมือและซักเครื่อง เพียงใช้ผลิตภัณฑ์ 1ช้อน สำหรับผ้า 20 - 25 ชิ้น แล้วซัก ก็จะทำให้ผ้าขาวของท่านสะอาดเหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่แล้วค่ะ

4.เจลบอลซักผ้า DOWNY (ราคาจำหน่าย 149 บาท)


มาถึงผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มาอยู่ในรูปแบบของเจลบอลกันบ้างค่ะทุกคน ซึ่งทำให้การซักผ้าของท่านเป็นเรื่องสะดวกมากขึ้นอีกขั้น ซึ่งมาพร้อมกับกลิ่น ซันไรท์ เฟรช พลัส จึงมอบความหอมสดชื่นติดทน และกระจายตัวตลอดการซัก รวมไปถึงยังทำให้การซักของท่านสะดวกขึ้นด้วย 4in1 ด้วยเหตุว่าทั้งซักผ้าได้สะอาด ขจัดคราบฝังแน่น มอบกลิ่นสะอาดสดชื่น และช่วยลดกลิ่นอับได้อย่างดีเยี่ยม โดยใส่ลงไปถังซักผ้าคุณ ๆก็จะได้ผ้าทั้งหอมและสะอาด สามารถใช้ได้ทั้งผ้าขาวและผ้าสี จึงมอบความสดใสและถนอมเนื้อผ้าให้เสื้อตัวโปรดของท่าน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0701

511


จัดเป็นอุปกรณ์จำเป็นอย่างที่สุดสำหรับผู้ชาย นั่นคือ การใช้งานมีดโกนหนวด ทว่าบางคนอาจไม่รู้จริง ๆ ว่าควรเลือกลักษณะมีดชนิดไหน อย่างไร และเพื่อให้การใช้งานเป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงอยากบอกต่อความรู้นี้ให้กับคุณผู้ชายอย่างละเอียด และถ้าอยากรู้กันแล้วก็ตามมาได้เลย
ขั้นตอนการเลือกมีดโกนหนวดที่คุณผู้ชายควรรู้
1. เพื่อความประหยัดให้เลือกแบบใช้แล้วทิ้ง
การเลือกใช้แบบใช้แล้วทิ้งนั้นมีราคาถูก และช่วยให้การใช้งานปลอดภัยจากสิ่งสกปรกสะสม แนะนำใช้ได้ใบละไม่เกิน 5 ครั้ง มากกว่า 5 ครั้งใบมีดจะทื่อได้ และถ้าทื่อขึ้นมาใช้งานซ้ำ ๆ โอกาสเกิดแผลได้ กรณีเลือกซื้อเลือกหาแบบนี้มาใช้ควรเป็นแบบแพ็กหลายชิ้นไปเลย จะได้ไม่ต้องซื้อบ่อย ๆ

2. อยากได้ความเกลี้ยงเกลาเลือกใบมีดสองคม
เผื่อบางคนอยากจะได้ความเกลี้ยงเหลาของหนวด แนะนำว่าให้เลือกใช้แบบใบมีด 2 คมไปเลย โดยสามารถใช้งานได้ 5 ครั้ง แล้วเปลี่ยนใบใหม่ดีที่สุด โดยที่มีดสองคมจะคมมากให้โกนตามแนวขนไปเลยหลาย ๆ รอบ แต่ถ้าไม่ถนัดแนะนำซื้อด้ามจับแยกต่างหาก

  3. เลือกแบบซ้อนใบมีดโกนหนวดสะดวกขึ้น
หรือถ้าท่านใดจะเลือกแบบที่เป็นใบซ้อนก็น่าสนใจ เนื่องจากจะมีที่จับมาให้ด้วย โดยจะเป็นการใช้แล้วทิ้ง มีราคาถูกและคงทนมากกว่า สามารถใช้งานได้ประมาณ 50 วัน หรือ 1 เดือนครึ่งต่อหนึ่งชิ้น (หรือส่วนใหญ่ใช้ 2 อาทิตย์เปลี่ยนก็ได้)

แต่กระนั้นบางคนอาจจะไม่ถนัดการใช้มีด จริง ๆ แล้วก็ยังมีเป็น
แบบที่โกนหนวดไฟฟ้าอยู่ด้วย ซึ่งค่อนข้างใช้งานง่าย เพราะแค่เปิดเครื่องก็สามารถไถบนหนวดให้ใบมีดด้านในจัดการโกนจนเรียบร้อย บางเครื่องก็ปรับความแรงของการโกน ไม่ต้องซื้อใหม่บ่อย เพราะสามารถชาร์ตแบตเตอรี่ได้ การชาร์ตก็ไม่เกิน 1 ชม. สามารถนำมาใช้ต่อได้ทันที

โดยปัจจุบันเครื่องโกนหนวดไฟฟ้ามีให้เลือกหลากหลายยี่ห้ออย่าง FLYCO รุ่น FS0002, ENCHEN BLACKSTONE 3D, REMINGTON รุ่น MB-4200 เป็นต้น กระนั้นแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นก็จะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ควรเรียนรู้วิธีการใช้งานก่อนเสมอ

มีดโกนหนวดสามารถจัดการหนวดที่อยู่บนใบหน้าได้เต็มที่ ประหยัด และลดความเสี่ยงสะสมสิ่งสกปรก แต่ถ้าจะให้สะดวกสบายขึ้นอยากแนะนำเป็นเครื่องโกนแบบไฟฟ้าไปเลย มีใบมีดอยู่ด้านในแต่ไม่ต้องมาจับโกนเอง หวังว่าจะช่วยให้คุณผู้ชายเลือกกำจัดหนวดได้ตอบโจทย์มากขึ้น แต่ถ้าเลือกแบบเครื่องโกนไฟฟ้าอย่าลืมศึกษาร้านที่เลือกซื้อก่อนด้วย เอาที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ อาจดูรีวิวจากผู้เคยใช้งานมาก่อนก็ได้อีกเช่นกันเพิ่มความมั่นอกมั่นใจ

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP160201

512


ในยุคที่หลายท่านอยากอยู่กับตัวเองและมีมือถือ 1 เครื่อง Smalltalk 1 ชุดก็พร้อมเข้าสู่ห้วงอารมณ์โลกส่วนตัวแล้ว แต่การเลือกใช้ต้องยกให้กับประเภทหูฟังไร้สายกำลังเป็นที่นิยมอย่างที่สุด ทว่าการใช้งานก็ควรต้องอยู่บนพื้นฐานความพอดีด้วย เพื่อความปลอดภัยทางการได้ยิน ไม่เกิดปัญหารุนแรงตามมาภายหลัง ซึ่งบทความนี้ก็จะมานำเสนอการใช้งานที่เหมาะสม

ข้อดี – จุดด้อยของอุปกรณ์แต่ละประเภท
- แบบไร้สาย ก็จะเป็นตัวอุปกรณ์เสีบกับรูหูได้เลย ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้งานมาก เหตุเพราะไม่ต้องมีสายห้อยเกะกะ แต่กระนั้นก็อาจจะมีปัญหาร่วงหลุดออกจากหูได้ง่าย เผลอ ๆ โดนทับ โดนเหยียบ หรือพอกระแทกพื้นก็อาจเสียหายได้
- หูฟังเกมมิ่ง จะเป็นลักษณะของที่ครอบหูทั้งสองข้าง โดยมีไมโครโฟนให้เราสามารถสื่อสารได้ แต่ก็จะต้องต่อสายเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊กด้วย และบางคนก็อาจไม่ชอบความหนักที่มี
- แบบมีสายก็คงจะคุ้นเคยกันดี เพราะเราสามารถเสียบใส่รูหูของเรา รวมถึงใส่อุปกรณ์ที่จะฟังเสียง แต่ชนิดนี้จะไม่สามารถป้องกันเสียงจากภายนอกได้ ก็อาจต้องเปิดเสียงดังกลบ

หูฟังทุกประเภท มีผลต่อการได้ยินอย่างไร?
ปกติแล้วคนเราจะสามารถฟังเสียงดังได้ราวๆ 85 เดซิเบลเท่านั้น ซึ่งหากการฟังเสียงที่ดังเกิน 90 เดซิเบล แบบนี้ไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน เพราะจะส่งผลกระทบต่อการได้ยิน โดยทั่วไปควรปรับระดับเสียงให้อยู่ที่ 70% ของการเปิดระดับเสียงได้เท่านั้น หากเปิดเกินไปจนถึง 104 เดซิเบล เมื่อได้ฟังติดต่อกันนาน ๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะส่งผลถึงประสาทหูเสื่อมจากเสียง และสูญเสียการได้ยินหรือหูหนวกในที่สุด ซึ่งหากพบว่าตัวเองมีความผิดปกติ อย่างได้ยืนเสียงหวีด หรือหึ่ง ๆ ดังก้อง มีอาการหูอื้อ เสียงที่ได้ยืนเบาผิดเพี้ยนไปควรรีบพบคุณหมอ

แล้ววิธีการใช้งานที่ถูกต้องล่ะ?
การใช้งานหูฟังให้ปลอดภัยนั้นควรปรับระดับเสียงได้ไม่เกิน 60% ของระดับการได้ยินที่ปรับได้ดังที่สุด และไม่ควรเสียบ 2 หูพร้อมกันนานเกินกว่า 1 ชม. ควรหยุดใช้งาน 5 นาที แล้วเริ่มใช้งานใหม่ ทั้งนี้ อยากแนะนำให้เลือกหูฟังที่สามารถช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกด้วย ทั้งนี้เพราะผู้ใช้งานจะได้ไม่จำเป็นต้องปรับระดับเพิ่มให้ดังเพื่อกลบนั่นเอง

หลังจากนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะให้ความสำคัญกับการใช้หูฟังทุกประเภทอย่างดี พยายามปรับระดับเสียงให้อยู่บนมาตรฐานความปลอดภัย นอกจากนี้ หลังการใช้งานควรทำความสะอาดสม่ำเสมอด้วย ทั้งนี้เพราะอย่างน้อย ๆ อุปกรณ์ที่สะอาดก็ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อตนเองในอนาคต

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA10

513


ด้วยความที่ปัจจุบันมีทั้งเรื่องฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งโรคระบาดโควิด - 19 ทำให้ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต จะไปไหนมาไหนก็ต้องพึ่งพาหน้ากากอนามัยเสมอ กระนั้นหากลองพิจารณาให้ดีก็จะพบกับนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นอย่าง หน้ากากฟอกอากาศ แต่นั่นก็กลายเป็นความสนใจของคนจำนวนมากว่าแท้จริงจะช่วยป้องกันฝุ่น + เชื้อโควิด - 19 จริงหรือ? มาศึกษารายละเอียดกันได้เลย

ฝุ่น PM 2.5 + เชื้อโควิด - 19 มีการทำปฏิกิริยาต่อร่างกายเราอย่างไร
ก่อนที่จะไปกล่าวถึงรายละเอียดของการป้องกันฝุ่น PM 2.5 + เชื้อโควิด - 19 ของหน้ากากที่ช่วยฟอกอากาศ ก็ขออธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับการทำปฏิกิริยาต่อร่างกายเรา โดยที่ถ้าเป็นฝุ่น PM 2.5 ก็จะสามารถเข้าสู่ร่างกายก่อให้เกิดปัญหาการหายใจได้ด้วยการหายใจเข้าไป ซึ่งฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมาก หน้ากากผ้าคือป้องกันไม่ได้แน่นอน หรือถ้าเป็นหน้ากากทางการแพทย์ก็ป้องกันได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น

ส่วนเชื้อโควิด - 19 เรามีจะเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่ามาจากการอยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อในระยะประชิด การสัมผัสบนพื้นผิว แล้วมาแตะหน้า ปาก จมูก ก่อนจะแพร่เข้าสู่ร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัว รวมถึงการที่ออกมาจากพฤติกรรมไอ จาม ตะโกน พูดคุย หรือร้องเพลง

“หน้ากากฟอกอากาศ” ช่วยป้องกันฝุ่น + เชื้อโควิด - 19 จริงหรือ?
ความจริงแล้วไม่ว่าจะเครื่องฟอกอากาศพกพา หรือหน้ากากที่ช่วยฟอกอากาศใด ๆ ก็ตาม จะมีระบบแผ่นกรอง อย่าง HEPA ที่โดยมากจะผลิตมาจากใยสังเคราะห์ ที่ช่วยเพิ่มประจุไฟฟ้าสถิตไว้บนเส้นใยด้วย เพื่อให้สามารถดักจับอนุภาคได้ดี มีความสามารถในการตรวจจับเชื้อไวรัสมากแม้จะมีขนาดเล็กแค่ไหนก็ตาม ซึ่งพร้อมช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสโควิด - 19 ได้ เพราะขนาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 นั้น จะมีขนาดเล็ก 0.06 - 0.14 ไมครอน หรือแม้แต่ไวรัสที่เล็กที่สุดก็มีขนาด 0.02 ไมครอนแต่ก็ยังสามารถป้องกันไว้ได้ ยกตัวอย่าง หน้ากาก LG ที่ก็มีระบบกรอง HEPA ที่พร้อมช่วยป้องกันได้ดี

ถึงอย่างไร แม้จะพูดว่าหน้ากากฟอกอากาศสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 รวมถึงเชื้อโควิด - 19 ได้ก็ตาม แต่เราก็ควรต้องป้องกันตัวเอง และใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ นอกจากหน้ากากที่ต้องสวมใส่กันแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะพกเจล / สเปรย์แอลกอฮอล์ไว้ด้วย หลังจากจับ หรือสัมผัสไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามจะต้องล้างมือในทันที ทั้งนี้ ไม่ควรอยู่ในพื้นที่แออัด คนเยอะ ควรอยู่ห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1 - 2 เมตร แล้วถ้าใครกลับมาจากนอกบ้านก็ต้องรีบอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และคนในบ้าน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0203

514


กระติกน้ำแข็งยังคงเป็นที่ต้องการใช้งานของบุคคลทั่วไปก็เพื่อเก็บกักความเย็นให้กับเครื่องดื่ม หรืออาหารทั้งของแห้งและของสด แต่กระนั้นปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย รวมถึงวัสดุที่ใช้ทำก็เยอะมากเช่นกัน การทำความสะอาดที่เหมาะสมจึงควรต้องศึกษาอย่างที่สุด เพื่อให้เกิดความสะอาด สามารถใช้งานสบายใจ และยาวนาน

ประเภทของกระติกน้ำแข็งที่ควรรู้จัก
ปกติแล้วกระติก หรือถังไว้ใส่น้ำแข็งนั้นจะมีการผลิตด้วยกันหลากหลายวัสดุ ไม่ว่าการทำจากพลาสติกที่มีความหนา สามารถกักเก็บความเย็นได้ในระดับหนึ่ง หรือเป็นแบบตู้แช่พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ทำจากพลาสติก Polyethylene (PE) สามารถเก็บความเย็นได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมงเลยก็มี
บางรุ่นผลิตด้วยฉนวนความร้อน และมียางซีลป้องกันความเย็นรั่วไหล หรือถ้าท่านไหนไม่ชอบรอยต่อบางรุ่นก็ผลิตแบบไร้รอบต่อไปอีก ซึ่งจำเป็นต้องล้างทำความสะอาดด้วย เพื่อจุลินทรีย์ที่อาจปนเปื้อนอยู่จางหาย ไม่ทำให้ป่วย

การล้างทำความสะอาดกระติก หรือถังใส่น้ำแข็งที่ถูกวิธี
1. เตรียมฟองน้ำ และน้ำยาทำความสะอาดให้พร้อม จากนั้นนำกระติก หรือถังน้ำดื่มของเราไปล้างด้วยน้ำเปล่าก่อน 1 ครั้ง เพื่อเอาสิ่งสกปรกเป็นชิ้นที่เห็นได้ชัดออกไปจากถัง
2. บีบน้ำยาทำความสะอาด ลงบนฟองน้ำ แล้วนำไปถูด้านในตัวถัง โดยการถูควรต้องไล่จากด้านในมุมทั้ง 4 โดยใช้นิ้วสอดเข้าไป ล้างรอบตัวถัง ไม่ควรลืมล้างที่ด้านในฝาถังด้วยเพราะด้านในฝาก็เป็นตัวปิดที่อาจเปื้อนได้
3. เสร็จแล้วก็มาล้างที่นอกถังต่อ ซึ่งถังเก็บความเย็นโดยทั่วไปแล้วจะมีลักษณะเป็นได้ทั้งพลาสติกหนา หรือบางปกติ การล้างข้างนอกก็ควรทำอย่างระมัดระวัง ไม่แนะนำให้ใช้ฝอยขัด เพราะว่าจะทำให้เกิดรอยได้
4. เมื่อล้างจนทั่วทั้งข้างนอกและข้างใน สุดท้ายก็ล้างเอาน้ำยาต่าง ๆ ออกจากตัวถัง โดยฉีดน้ำสะอาดให้ทั่วจนหมดฟอง ไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว สุดท้ายก็นำไปจากแดดให้แห้งได้เลย แต่ถ้าเป็นถังพลาสติกธรรมดา แนะนำว่าให้ตากไว้ที่พื้นที่ถ่ายเทพอ เพราะถ้าเอาไปตากแดดจัด ๆ มีโอกาสที่ถังจะเสื่อมสภาพไว

เป็นอย่างไรกันบ้าง? กับรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับถังหรือกระติกใส่น้ำแข็งขั้นตอนการล้างไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่าใครที่อยากซื้อก็ลองเปรียบเทียบดูรุ่น ดูขนาด และลักษณะถังให้รอบคอบ และเมื่อนำมาใช้งานแล้วก็ต้องล้างทำความสะอาดทุกครั้ง ย้ำว่าทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยทางสุขลักษณะร่างกาย ได้แช่เครื่องดื่ม อาหารเย็น ๆ คงความสดใหม่ สดชื่นให้ได้ตลอดวัน ไม่เป็นอันตรายตามมาภายหลัง

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/KIT030501

515


สมัยนี้เชื่อว่าคุณ ๆ หลายคนต้องมีที่ม้วนผมติดบ้านและมักจะเอามาใช้งานกันแทบทุกวัน แต่กับบางท่านอาจเพิ่งเคยซื้อมาใช้งาน และพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุด ทว่าของบางอย่างจำเป็นต้องศึกษาเกี่ยวกับข้อควรระวังก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเพื่อความปลอดภัย และตอบสนองความต้องการอย่างที่สุด ซึ่งการเลือกซื้อที่ม้วนเส้นผมนี้ก็เช่นกัน

ข้อควรระวังเมื่อต้องซื้อใช้งานที่ม้วนผม
1. ตัวแผ่นทำความร้อนเครื่องเป็นอย่างไร?
ในเครื่องสำหรับม้วนผมจะมีแผ่นทำความร้อนที่ทำจากเซรามิค หรือทัวร์มาลีน ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เส้นผมได้รับการป้องกันความร้อน ไม่ทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย ๆ จึงควรต้องพิจารณาตัวแผ่นที่มีของเครื่องว่าเป็นอย่างไร ไม่ทำให้ผมมีปัญหาเมื่อต้องใช้บ่อย ๆ

2. ตัวสายไฟปลายขั้วสามารถหมุนได้หรือไม่?
จำเป็นต้องสังเกตตัวสายไฟตรงปลายขั้วด้วยว่าสามารถหมุนได้หรือไม่ ถ้าเลือกซื้อแบบที่สามารถจัดการหมุนได้ 360 องศา ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้เพราะจะมีความคล่องตัวในการใช้งานมากกว่าแบบที่หมุนให้ไม่ได้นั่นเอง

3. ปรับอุณหภูมิได้หรือเปล่า มากน้อยเพียงใด?
ผู้ใช้ควรเลือกเครื่องม้วนผมที่สามารถปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ เพื่อให้ผมของตนเองสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งการที่ไม่สามารถปรับระดับได้ ถ้าแรงเกินไปก็จะทำให้ผมเสีย แต่ถ้าความร้อนช้าก็จะทำให้เสียเวลาไปอีก

4. ดูที่แผ่น Floating Plate เป็นอย่างไร?
แผ่นที่เป็น Floating plate ช่วยลดการดึงของเส้นผมเมื่อต้องใช้ไฟฟ้า ส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงออกมาได้ โดยที่คุณต้องพิจารณาให้ดีว่ามีมากน้อยขนาดไหน หรือบางเครื่องก็อาจไม่มีเลย และยังช่วยให้มีทรงผมสวยตามความต้องการอีกด้วย

5. มีระบบไอออนิคอยู่ด้วยหรือไม่?
การที่เครื่องม้วน เครื่องหนีบ หรือแม้แต่โรลม้วนผมมีระบบไอออนิคก็เพื่อช่วยให้เส้นผมได้รับการดูแล และถูกถนอมให้คงอยู่อย่างสวยงาม รักษาระดับความชุ่มชื้นของเส้นผมได้ดี ไม่ทำให้ผมแห้งเกิน หรือเกิดเป็นไฟฟ้าสถิต

อีกเรื่องที่สำคัญเช่นกันและควรต้องพิจารณาหากตกลงใจจะเลือกซื้ออุปกรณ์ชนิดนี้ก็คืออาการโดยรวม ไม่ควรมีรอยแตก หัก หรือรอยรั่วใด ๆ เกิดขึ้น เพื่อให้การใช้งานของเครื่องเป็นไปอย่างปลอดภัย การเลือกซื้อจึงควรเป็นร้านที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ มี มอก. ที่ผ่านการตรวจสอบมาแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ใครที่จะใช้งานเครื่องเหล่านี้กับเส้นผมก็คงจะเลือกได้ตอบโจทย์ และไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเส้นผมของตนเอง แอบบอกว่าเส้นผมก็ควรได้รับการบำรุงดูแลต่างหากด้วยนะ

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP160104

516


หากลองสังเกตให้ดีจะพบว่าหลายท่านเลือกใช้งานไฟกระพริบ หรือไฟเส้นแบบ LED มากขึ้น แต่กระนั้นหากท่านก็เป็นอีกคนที่มีความสนใจอยากใช้แล้วเกิดสงสัยในหลาย ๆ เรื่องต้องการคำอธิบายที่เป็นประโยชน์ ข้อมูลที่ได้รวบรวมเพื่อมามากบอกต่อทั้งหมดนี้จะช่วยให้การตกลงใจใช้งานเป็นไปอย่างตอบโจทย์ และได้ประโยชน์มากที่สุด ว่าแล้วก็ไปติดตามกันเลย

ไฟกระพริบคืออะไร แล้วดียังไง?
ก่อนอื่นเรามาเรียนรู้กันเล็กน้อย ว่าไฟที่กระพริบเป็นเส้น LED นั้นปัจจุบันนิยมอย่างมาก โดยที่จะมีค่า IP หลากหลาย ไม่ว่าจะ IP20 – IP68 โดยเฉพาะในงานที่ต้องตกแต่งประดับประดาไฟให้มีสีสวยงามทั้งภายในและภายนอกอาคาร หรือแม้แต่การติดตั้งใต้น้ำที่ค่อนข้างนิยมไม่แพ้กัน โดยที่มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายทั้งแบบกระพริบเป็นจังหวะ หรือเปิดสว่างตลอดเวลาไม่กระพริบ โดยสามารถซ่อนสายตาจากผู้คนได้อย่างดีหากเป็นการซ่อนใต้ฝ้า เพดาน หรือขอบหน้าต่าง ประตู
ถามว่าดีอย่างไร? ก็ต้องบอกว่าไฟประเภทนี้จะเป็นเส้นยาวขึ้นอยู่กับร้านกำหนดขาย โดยไฟกระพริบ LED สามารถบิดงอองศาได้ตามความต้องการอย่างอิสระไปตามส่วนต่าง ๆ ที่อยากติดตั้ง จะบิดงอขนาดไหนได้เลยไม่มีปัญหา สามารถติดตั้งได้แม้ในพื้นที่แคบ แถมยังทำให้สว่างแบบไม่เกิดเงาต่อเนื่องอีกด้วย ซึ่งนี่ทำให้ไฟแบบเส้น LED มีความน่าสนใจมากกว่าเดิม และถูกเลือกใช้งานในทุก ๆ พื้นที่โดยเฉพาะตามเทศกาลต่าง ๆ ที่ศูนย์การค้า หรือสถานบริการต่าง ๆ จะประดับให้สวยงาม คุณสมบัติการป้องกันน้ำและฝุ่นของไฟแบบเส้น LED

อย่างที่ได้บอกกันไปว่าค่า IP ของไฟเส้น LED นี้มีอยู่เยอะพอควร โดยนั่นถือเป็นการบอกค่าคุณสมบัติและการป้องกันฝุ่นและน้ำได้ดีอย่าง IP20 จะเหมาะกับการใช้งานภายในที่ไม่มีคุณสมบัติกันน้ำ ต้องปิดไฟ IP65 สามารถโดนน้ำฝนได้ แต่ไม่สามารถเอาไปแช่ไว้ในน้ำได้ตลอด ส่วน IP67 / IP68 สามารถแช่น้ำได้ แต่ต้องไม่ให้น้ำเข้าจุดเชื่อมต่อ ไม่อย่างนั้นความเสียหายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ถึงอย่างไร ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเลือกซื้อเลือกหาไฟกระพริบแบบ LED นี้ให้เหมาะสมด้วย โดยคำนึงถึงพื้นที่การใข้งานมาเป็นอันดับแรกว่าจะเอาไปใช้ที่ไหนบ้าง อย่างเช่น พื้นที่แห้งในอาคาร พื้นที่ชื้นจากเครื่องปรับอากาศ พื้นที่นอกอาคารโดนแดด โดนฝน หรือพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดน้ำขังได้ เป็นต้น จะช่วยให้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม เพิ่มอายุการใช้งานไปยาว ๆ ไม่ต้องมาเสียเงินเสียทองซื้อใหม่บ่อย ๆ หวังว่าการเลือกใช้งานของทุก ๆ คนจะเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น และใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีค่ำคืนอันแสนสวยงามได้ทุกวัน

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/LIG0407

517


หากท่านเป็นคนหนึ่งที่มีความสนอกสนใจอยากทำเบเกอรี่แล้วกำลังคิดซื้อเครื่องตีแป้ง แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่เพิ่งเลือกครั้งแรกก็อาจไม่ทราบว่าเลือกอย่างไรดี เอาเป็นว่าใครสายหวาน อยากได้อุปกรณ์ดี ๆ แบบนี้เอาไว้ใช้งาน ขอจัดเต็มคุณสมบัติของเครื่องช่วยตีแป้งที่ควรทราบมานำเสนอ รับรองว่าการใช้งานทำเบเกอรี่ได้อย่างใจปรารถนา ออกมาน่ากินสุด ๆ

5 คุณสมบัติเครื่องตีแป้ง ที่คนอยากทำเบเกอรี่ให้ปังควรรู้
1. สามารถปรับระดับความเร็วได้
เป็นสรรพคุณแรกที่ต้องรู้ หากท่านเคยใช้เครื่องตีแป้งมือถือมาก่อนจะเข้าใจเลยว่าแรงมือ แรงแขนของเราเป็นตัวกำกับ และต้องใช้เวลานานกว่าแป้งจะเข้าที่ตามต้องการ ซึ่งเครื่องใช้ตีแป้งที่มาบรรเทาแรงคนก็ต้องมีความสามารถในการปรับระดับได้อย่างน้อย 3 - 4 ระดับ เพื่อให้แป้งเข้าที่เร็วขึ้น สะดวกขึ้น ไม่ต้องเมื่อยมือ เมื่อยแขนอีกต่อไป

2. ควรมีหัวตีเปลี่ยนให้
ทั้งนี้เพราะหัวตีเป็นสิ่งที่จะช่วยให้จัดการผสมแป้งได้อย่างลงตัวมากขึ้น บางครั้งหัวตีอาจทำให้แป้งแตกตัวละเอียด หรือหยาบได้ เป็นปัจจัยสำคัญต่อเนื้อแป้งที่จะไปกลายเป็นเบเกอรี่ต่อไป อย่างนั้น ยิ่งเครื่องที่มีหัวเปลี่ยนให้มากก็เท่ากับเราได้ความคุ้มค่านั่นเอง

3. วัสดุเครื่องต้องแข็งแรง ทนทาน
ใครว่าวัสดุตัวเครื่องไม่สำคัญ เราจำเป็นต้องเลือกเครื่องที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรง และทนทานด้วย อาจเป็นวัสดุที่ทำจากพลาสติกพิเศษ BPA Free หรืออื่น ๆ ที่จะทำให้เราใช้งานกันได้ยาวนาน ไม่ใช่ใช้ตีไป 3 - 4 ครั้งเครื่องร้าว แตก แบบนี้ไม่ไหวแน่นอน ซื้อใหม่ไม่รู้จบสิ้น

4. ต้องมีฟังก์ชันหลากหลาย
เครื่องใช้ตีแป้งบางรุ่นผลิตออกมาเป็นเครื่องผสมอาหารด้วย โดยการตีแบบนี้จะมีความคุ้มค่ามากกว่า แต่แลกราคาที่สูงกว่าเช่นกัน แนะนำว่าสรรพคุณที่เป็นฟังก์ชันพิเศษต้องมีให้หลากหลาย อย่างเช่น การนวดแป้งชิลล์ ๆ หรือการสับ ซอย หั่น บดก็ต้องมีด้วย เพื่อการประกอบอาหารที่หลากหลาย และคล่องตัวมากกว่าเดิม

เครื่องใช้ตีแป้งมีให้เลือกหลากหลายทั้งที่เป็นแก้วรองในตัว เคลื่อนย้ายตัวจับไม่ได้ หรือเป็นแบบมือถือแล้วกดปุ่มมอเตอร์ทำงานแยกจากถ้วยเคลื่อนย้ายได้สบาย ควรเลือกดูความเหมาะสม ตอบสนองกับตนเองมากที่สุด รวมทั้งดูในเรื่องงบประมาณที่มีด้วย งบพอแบบไหนก็ควรเลือกแบบนั้น ไม่ควรลืมศึกษาคู่มือการใช้งานก่อนใช้เสมอ และห้ามใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากมอเตอร์จะร้อน และชำรุดเสียหายได้ง่าย ๆ กรณีที่สายไฟถลอก หรือตัวเครื่องเสียหายขณะใช้งาน ให้รีบปิดเครื่องหยุดใช้งานทันที ถ้าทำที่เครื่องไม่ได้ ให้รีบไปดึงคัตเอาท์ลงหยุดการจ่ายไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัย

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP080604

518


บทความนี้มีเหตุผลดี ๆ ที่พร้อมช่วยให้ท่านที่ต้องการแอร์สักเครื่องแล้วกำลังลังเลเรื่องการเลือกใช้แอร์พกพาให้มั่นใจพร้อมตัดสินใจได้ทันที ด้วยเหตุว่าความเย็นจะช่วยสร้างความสดชื่นในการใช้ชีวิตได้ไม่น้อย ยิ่งในช่วงหน้าร้อนของเมืองไทยที่เอาเรื่องแบบนี้ รับรองว่าคุณ ๆจะไม่ต้องหงุดหงิดกับเรื่องรอบตัวอีกต่อไป ว่าแล้วก็ไปติดตามกันเลยดีกว่า
4 เหตุผลที่บอกว่าท่านควรเลือกใช้แอร์พกพาช่วยดับความร้อน
1. มีหลายรุ่นให้เลือก
เหตุผลแรกเลยก็คือเรื่องของจำนวนรุ่น หรือแบรนด์ที่จะเลือกใช้ ไม่ต้องเป็นกังวลว่ามีให้เลือกน้อย เพราะแอร์ประเภทนี้มีรุ่นชนิดจัดเต็ม ๆ ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ ผ่านการตรวจสอบด้านการใช้งานมาแล้ว อาทิ
- TCL TAC-12CPA/KV 12,000 บีทียู ที่มีมอเตอร์พัดลมคู่ ทำงานเงียบ มีโหมดทำความเย็นทั้งแบบ Fan, Dry หรือ Sleep ตามความเหมาะสม
- MIDEA MPPFA-09CRN1 9,000 บีทียู มีไออนประจุลบ กำจัดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสในอากาศ ความเย็นทั่วถึงติดตามได้ทุกที่ พร้อมดักจับฝุ่น สิ่งสกปรกขนาดเล็ก
-ASTINA AS122APB 12,000 บีทียู มีกำลังไฟ 1060 วัตต์ ปรับบานสวิงได้ ขึ้น – ลงอัตโนมัติ

2. สามารถย้ายได้ตามต้องการ
ประเด็นต่อมาที่ควรเลือกใช้แอร์เคลื่อนที่ จริง ๆ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเคลื่อนที่ ดังนั้น จุดดีจึงสามารถเคลื่อนย้ายได้ตามความต้องการ วันนี้อยากลมเย็น ๆ หน้าทีวี ก็เคลื่อนย้ายมา อีกวันอยากลมเย็น ๆ ที่โต๊ะกินข้าว ก็ย้ายตามสะดวก ซึ่งปกติแล้วจะมีล้อติดตั้งให้ด้วยช่วยให้เลื่อนได้สะดวกสบาย

3. มีความเย็นให้ไม่ต่างจากแอร์บ้าน
เรื่องความเย็นเป็นอีกเหตุผลที่ตอบโจทย์ เหตุเพราะแอร์ประเภทนี้ก็มีความเย็นให้เลือกได้ ซึ่งขนาดบีทียูนั้นจะมากน้อยขึ้นอยู่กับการใช้งานของห้องด้วย ห้องเล็กก็ควรใช้น้อย ห้องใหญ่ก็ต้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าไม่ต้องกังวลใจ เพราะมีให้เลือกสูงสุด 18,000 บีทียูเลยเชียว (หรือบางรุ่นก็อาจมากกว่านี้)

4. ราคาถูกกว่าแอร์บ้าน
สุดท้ายแอร์เคลื่อนที่ราคาถูกมากกว่าแอร์บ้าน จะอยู่ที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งช่วยให้เข้าถึงกับทุกกลุ่มคนที่อยากดับร้อนแต่ก็มีงบประมาณไม่มากพอที่จะซื้อแอร์บ้าน แถมแอร์บ้านก็ต้องมีการจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยติดตั้ง ส่วนแอร์ชนิดนี้แค่ซื้อมาวางไว้ในบ้าน เสียบปลั๊กก็ใช้งานได้เลยทันที

และทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดเหตุผลที่ควรเลือกแอร์ประเภทพกพาใช้งาน ใครที่ลังเลก็คงจะตัดสินใจได้แล้ว อย่าลืมพิจารณา BTU เครื่องก่อนตัดสินใจด้วย ขนาดเครื่องเล็ก ใหญ่ วางแล้วเกะกะไหม ที่สำคัญต้องได้มาตรฐานความปลอดภัย มี มอก. ตรวจสอบได้

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0104

519


ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภายในบ้านของทุกคนสามารถอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมง่าย ๆ แม้ช่วงเวลานั้นจะมีกลิ่นอาหาร กลิ่นเหม็นอับลอยคลุ้ง แค่เพียงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความหอม ซึ่งหากลองดูแล้วก็มีให้ทั้ง “สเปรย์ – น้ำหอม – เจลปรับอากาศ” จะเลือกยี่ห้อไหน อย่างไร? นี่อาจเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ และก็พร้อมแนะนำอย่างละเอียดผ่านบทความนี้
แนะนำผลิตภัณฑ์ปรับอากาศเพิ่มความหอมในบ้านได้ง่าย ๆ
1. ผลิตภัณฑ์ประเภทเจล
ประเภทแรกขอแนะนำนั้นเป็นแบบเจลที่สามารถนำมาวางตั้งไว้เพื่อช่วยปรับอากาศภายในห้องนั้น ๆ แนะนำเป็น
- แบรนด์ GLADE รุ่น 170g ANGEL WHISPERS ที่พร้อมเพิ่มความหอมดูดีในทุก ๆ มุมบ้าน กลิ่นหอมเป็นแบบพิเศษ รูปทรงผลิตภัณฑ์สวยงาม สามารถกระจายความหอมได้ต่อเนื่อง
- แบรนด์ AMBIPUR รุ่น 180g LEMONGRASS เป็นวัสดุนำเข้าเกรดพรีเมี่ยม ความหอมมอบให้คุณ ๆแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะกับการนำไปใช้ในพื้นที่ขนาดกลาง จนถึงขนาดเล็ก
- ยี่ห้อ OASIS รุ่น 180g FRESH ORANGE & MINT เป็นเจลน้ำหอมที่สกัดจากธรรมชาติ เสมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้หอมเบิกบาน ใช้ได้ต่อเนื่องได้ถึง 45 วัน พร้อมดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างยาวนาน

2. ผลิตภัณฑ์สเปรย์สำหรับปรับอากาศ
- ยี่ห้อ GLADE รุ่น 175 g. WHITE LILAC มีละอองสเปรย์ขนาดเล็ก สามารถกระจายตัวได้ดีมาก ๆ แม้อยู่ในพื้นที่กว้าง ช่วยขจัดกลิ่นอับ คงความหอมยาวนาน
- ยี่ห้อ POLAR รุ่น 280 มิลลิลิตร EUCALYPTUS สเปรย์ปรับอากาศที่กระจายความหอมแบบเย็นสดชื่น โล่งจมูกเบา ๆ พร้อมลดกลิ่นอับชื้นได้อย่างตรงจุด 
- ยี่ห้อ FARCENT รุ่น 320 ml. LAVENDER เป็นสเปรย์ที่พร้อมพ่นความหอมได้อย่างเต็มที่ ผ่านการรองรับมาตรฐานแล้ว สร้างบรรยากาศความหอมลงตัว หัวฉีดกระจายความหอมทั่วห้อง ตรงกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างดี

3. ผลิตภัณฑ์น้ำหอมสำหรับปรับอากาศ
- แบรนด์ FARCENT LES PARFUMS DE FARCENT รุ่น 120ml FLORAL BREEZE พร้อมสร้างความหอมอย่างลงตัว ที่ช่วยให้ทุกคนผ่อนคลาย ดีไซน์หรู สวยงาม ประดดับตกแต่งบ้านได้
- แบรนด์ SHALDAN รุ่น 400 มิลลิลิตร GRACE BEAUTE น้ำหอมปรับอากาศมาพร้อมเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น ที่สามารถใช้ได้ยาว ๆ 2 – 3 เดือน เพิ่มความหอมได้ตามต้องการ ช่วยจัดการกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี
- ยี่ห้อ AMBIPUR CAR รุ่น MINI 2.2 ml. SKY BREEZE น้ำหอมช่วยปรับอากาศในรถยนต์ สร้างความสดชื่นผ่อนคลายได้ดี สามารถขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ นานถึง 30 วัน แค่เสียบคลิปไว้กับช่องแอร์ ช่วยให้ทุกการเดินทางหอมสดชื่น

สิ่งเหล่านี้พร้อมช่วยให้เรารับความหอมสดชื่นแบบเต็ม ๆ แต่กระนั้นก็ต้องเลือกให้เหมาะสมตรงตามการใช้งานด้วย อย่างถ้าเป็นแบบเจล หรือน้ำหอมสามารถวางตั้งไว้ได้เลยอยู่กับที่ โดยกลิ่นจะอยู่สม่ำเสมอ แต่สเปรย์ฉีดพ่นระงับกลิ่นสามารถเลือกฉีดกี่ครั้งก็ได้ตามความต้องการ แต่กลิ่นอยู่ไม่นานมาก สะดวกใช้งานแบบไหนก็ซื้อแบบนั้นเลย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0101

520


อลิสา จณิน [ Alissa Janine ] หลังจากห่างหายจากเมืองไทย ไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนี ได้เดินทางกลับมาเมืองไทย เมื่อ2-3วันนี่เอง ได้ไปออกอากาศ ไลฟ์สด พบปะแฟนๆชาวไทย ผ่านคลื่น  MET 107 FM ณ อาคารปฏิบัติการวิทยุและโทรทัศน์ ช่อง9 อสมท. พร้อมกับการไลฟ์สด ผ่านเพจfacebook MET 107 FM โดยมี ดีเจ เต๋อ ดีเจบาส และทีมงานให้การต้อนรับอย่างดี บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ตามสไตล์2ดีเจอารมณ์ดี บวกกับความน่ารักอารมณ์ดีของน้อง จณิน





น้อง จณิน ได้กล่าวว่า " วันนี้มาสัมภาษณ์ met radio 107 fm  วันนี้คุยกันสนุกมากเลยค่ะ เป็นกันเองมากมากคะ กับดีเจพี่เต๋อแล้วก็ดีเจพี่บาส สัมภาษณ์แบบเป็นกันเองมากเลยค่ะ   สถานการณ์โควิดตอนนี้นะคะ ที่เบอร์ลินก็ไม่ค่อยดีเท่าไรคะ ก็ยังมีศิลปินหลายคนที่งานก็ต้องหยุดไปคะ แล้วก็การแสดงสดต่างๆก็งดไปก่อน  เพื่อความปลอดภัยของทุกๆคน ณินก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีนะคะ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น อะไรอะไรดีขึ้นมา เราก็จะกลับมาเหมือนเดิมค่ะ
ช่วงไปอยู่เมืองนอกก็คิดถึงแฟนแฟนชาวไทยมากๆเลยนะคะ คุยผ่านแฟนเพจfacebook ได้ ณินก็อ่านแล้วก็ตอบตลอดค่ะ ผลงานเพลงล่าสุดของจณินนะคะ เพลง press play ค่ะ เป็นเพลงสากลคะ เป็นเพลงป๊อปฟังง่ายแล้วก็เป็นแนว hyper pop คะ เป็นแนวป๊อปผสมอิเล็กทรอนิกส์ผสมฮิปฮอป เป็นเพลงใหม่สามารถรับชมรับฟังได้ผ่านทุกทุกช่องทาง  แล้วก็รับชม เอ็มวี ได้ผ่าน youtube ค่ะ
เพลงนี้แต่งเองนะคะ แล้วก็ทุกทุกเพลงที่ผ่านมาก็แต่งเองเช่นกันนะคะ ทั้งเนื้อเพลงแล้วก็ทํานองค่ะ ก็ฝากผลงานนินด้วยนะคะ ผ่าน เอ็มวี ต่างๆสามารถรับชมได้ทาง youtube นะคะ AlissaJanineVEVO ค่ะ แล้วก็ทาง spotify apple music ทุกทุก นะคะ joox ด้วยเช่นกันนะคะ สามารถรับชมเพลงMVของณินได้เช่นกันนะคะ ภายใต้ Alissa Janine ค่ะ"











อลิสา จณิน [ Alissa Janine ]นักร้องนักแสดงที่เป็นที่รู้จักจากเวทีไทยแลนด์ก็อททาเลนส์ หลังจากได้มีผลงานการแสดงรับบทนำในละครโทรทัศน์ค่ายทรูเรื่อง รักนิรมิต กำกับโดยพี่ต้อ มารุต วาโรวาทแสดงคู่กับพระเอกหนุ่ม ณัฎฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และเพชร โบรานินทร์  อลิสา จณิน ก็ไปเรียนต่อต่างประเทศจนจบปริญญาตรีเกียรตินิยม สาขาการผลิตดนตรีและการแสดงจากUniversity of Saint Mark & Saint John (Marjon University) ประเทศอังกฤษ เมื่อปลายปีที่แล้ว พร้อมกับศึกษาระดับปริญญาโทต่อทันที เข้าเป็นนักศึกษาUniversity of Sussex, London, UK  สาขา Popular Music Practice   โดยคาดว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทปีหน้า พร้อมกันนั้นก็ทำเพลงและรับงานในวงการบันเทิงและนางแบบหน้าปกนิตยสารแฟชั่นไปด้วยในหลายประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา รัสเซีย ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์

อลิสา จณิน เซ็นต์สัญญาเข้าสังกัดค่าย Riverman Records & Management, London ซึ่งเป็นค่ายเก่าแก่ของประเทศอังกฤษ มีศิลปินที่โด่งดังระดับโลกอยู่ในสังกัดเช่น Nirvana, Kurt Coban, Smashing Pumkin, Green Day และ Placebo โดยเจ้าตัวเป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดของค่ายและเป็นศิลปินชาวไทยเพียงคนเดียวที่เซ็นต์กับริเวอร์แมน โดยขณะนี้ก็ได้ออกซิงเกิ้ลที่ 4 แล้ว เป็นเพลงภาษาอังกฤษที่เจ้าตัวแต่งเนื้อร้องและทำนองเอง มีชื่อว่า "Press Play" หรือคำว่า ‘กดเล่น’ เสมือนในวีดีโอเกม เป็นผลงานเพลงประเภทใหม่เเนว Hyper Pop เป็นเเนวเพลงที่มีส่วนผสมของดนตรีเเร็พเเละ อิเล็กทรอนิกส์ ป๊อปที่เข้ากันอย่างลงตัว

นอกจากนี้เเล้ว ‘Press Play’ ยังประสานแนวคิดเรื่องการเสริมพลังความ มั่นใจในปี 2022 ตัวเนื้อเพลงส่งเสริมให้ทุกๆคนได้ก้าวไปข้างหน้าเเละเดินต่อไป คล้ายกับการกลับมาเล่น เกมต่อหลังจากหยุดไปนาน ซึ่งสำหรับหลายๆคนในช่วงเวลาการระบาดของโควิด หลายสิ่งหลายอย่างก็ต้องหยุดชะงักลง แต่เพลง ‘Press Play‘ ก็อยากสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟัง ให้มีพลังใจพลังกายที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง





ส่วนงานผลิตดนตรีนั้น เจ้าตัวบอกว่า กลับมาอยู่ไทยหนึ่งเดือนในครั้งนี้ จะมาถ่ายทำเอ็มวีซิงเกิ้ลใหม่ ที่จะออกในเดือนเมษายนและมาอัดเพลงใหม่ด้วยอีกหนี่งเพลง ในเดือนเมษา ก็มีงานผลิตเพลงร่วมกับ Stefan Olsdal ศิลปินชื่อดังระดับโลก หัวหน้าวง Placebo โดยเป็นการเขียนเพลงร่วมกัน ร้อง และอัดเสียงในสตูดิโอที่กรุงลอนดอน และในเดือนตุลาคมจะมีงานถ่ายทำภาพยนตร์อังกฤษที่ลอนดอนอีกเช่นกัน ตอนนี้ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ รอให้เปิดกล้องก่อนจึงจะเปิดแถลงข่าว



ติดตามผลงาน อลิสา จณิน [ Alissa Janine ] ได้ทาง
Facebook : aliissajanine
Instagram : alissajanine
MV เพลง   ‘Press Play‘ ได้ที่ https://m.youtube.com/watch?v=WKMP_vvgSOA
คลิปสัมภาษณ์  อลิสา จณิน
https://www.youtube.com/watch?v=5DRq-m_Op5U

521
สำหรับท่านไหนที่ยังตกลงใจไม่ถูกว่าจะเลือกซื้อพัดลมไอเย็นหรือพัดลมไอน้ำมาใช้งานกันดี ในวันนี้เราก็จะพาคุณมาทำความรู้จักกับพัดลมไอเย็นและพัดลมไอน้ำพร้อมทั้งข้อดีข้อเสียของพัดลมแต่ละแบบ รวมไปถึงแนะนำพัดลมไอเย็น Hatari รุ่นที่น่าสนใจในราคาไม่เกิน 5000 บาทมาฝากกัน

พัดลมไอเย็นคืออะไร
พัดลมไอเย็นจะเป็นพัดลมที่มีระบบการทำงานแบบ Evaporative Cooling Systems เป็นการดึงเอาความร้อนจากอากาศด้านนอกเข้ามาสู่แผ่นความเย็นภายในตัวเครื่อง เมื่อความร้อนและความเย็นมาเจอกันก็ทำให้เกิดการระเหยเป็นไอเย็นออกมาจากตัวพัดลม จุดแข็งของพัดลมไอเย็นก็คือช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องแบบปิดที่มีขนาดไม่ใหญ่ได้ดี เคลื่อนย้ายง่าย ใช้งานสะดวก ประหยัดพลังงาน แต่จุดด้อยก็คือจะต้องนำแผ่นความเย็นไปแช่แข็งก่อนนำมาใช้งาน รวมไปถึงจะต้องเช็คระดับน้ำภายในเครื่องและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้น

พัดลมไอน้ำคืออะไร
พัดลมไอน้ำจะมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Mist Fan หลักการทำงานก็จะเป็นการพ่นเอาไอน้ำออกมาคล้ายกับหมอก สามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคารเพื่อช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในอากาศ เพิ่มความเย็นสบาย เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่เปิดและห้องที่มีขนาดใหญ่ ข้อเสียของพัดลมประเภทนี้ก็คือจำเป็นจะต้องเติมน้ำอยู่บ่อย ๆ นอกจากนี้การใช้งานในห้องปิดไม่มีอากาศถ่ายเทก็จะทำให้เกิดความอับชื้นจนทำให้หายใจไม่สะดวกและเป็นอันตรายกับสัตว์เลี้ยงได้

พัดลมไอเย็น Hatari  ราคาไม่เกิน 5,000 บาทรุ่นที่น่าสนใจ
1. พัดลมไอเย็น HATARI AC Pro สีขาว (ราคาจำหน่าย 3,998 บาท)

พัดลมไอเย็นที่มาพร้อมคุณสมบัติปรับแรงลมได้ถึง 5 ระดับ เพิ่มพลังลมเย็นด้วยระบบ COOL  และยังสามารถตั้งเวลาเปิด ปิดอัตโนมัติได้นานสูงสุดถึง 8 ชั่วโมง ความจุถังน้ำ 12 ลิตร มีระบบไฟเตือนให้เติมน้ำเมื่อระดับน้ำในถังต่ำกว่ากำหนด มั่นใจได้ถึงคุณภาพด้วยมาตรฐาน ISO 9001 และมาตรฐาน มอก.934-2558 พร้อมระบบ ELCB และระบบตัดไฟอัตโนมัติ THERMAL FUSE และมอบการใช้งานที่ทนทานยิ่งกว่าด้วยระบบรองลื่นบอล แบริง มอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง

2. พัดลมไอเย็น HATARI AC Classic1 8 ลิตร สีขาว (2,998 บาท)

พัดลมไอเย็นที่สามารถเพิ่มพลังลมเย็นยิ่งกว่าด้วยระบบ COOL สามารถปรับระดับความแรงลมได้ถึง 4 ระดับ มีระบบลดความชื้นสะสมที่ตัวเครื่อง มาพร้อมกับระบบตัดการทำงาน Cooling อัตโนมัติ ตั้งเวลาเปิดและปิดได้นานสูงสุดถึง 8 ช.ม. ถังน้ำสามารถจุน้ำได้ 8 ลิตร ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย มอก.934-2558 และผ่านกระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001

ติดต่อสอบถามได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0507

522
สำหรับท่านไหนที่เพิ่งซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน tefal หรือหม้อทอดไร้น้ำมัน philips มาใช้งานกัน ก็อาจจะกำลังคิดไม่ออกว่าจะลองทำเมนูไหนดีที่อร่อยและไม่ซับซ้อนจนเกินไปเพื่อลองประเดิมเจิมหม้อทอดครั้งแรกเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อน ครั้งนี้เราจึงมี 2 เมนูคาวหวานยอดฮิตสำหรับประเดิมหม้อทอดไร้น้ำมันมาฝากกัน



1. หมูกรอบจากหม้อทอดไร้น้ำมัน

พูดเลยว่าเป็นเมนูที่ใครมีหม้อทอดไร้น้ำมันต้องได้ทำกันสักครั้ง และยังเป็นเมนูที่ทำให้หลาย ๆ คนตกลงใจซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันมาใช้งานกันเลยทีเดียว โดยหนึ่งในสูตรที่บอกได้เลยว่าง่ายมาก ๆ ก็คือ ให้นำเนื้อหมูสามชั้นไปต้มให้พอสุก ใส่เกลือเล็กน้อย โดยให้ฝั่งที่เป็นหนังหมูอยู่ด้านล่าง จากนั้นให้ทำการจิ้มหนังหมูให้ทั่ว ซึ่งอาจจะใช้ส้อม ไม้เสียบลูกชิ้น หรือส้อมสำหรับจิ้มเนื้อโดยเฉพาะก็ได้ เมื่อจิ้มหนังหมูทั่วแล้วก็ให้นำไปแช่ลงในน้ำส้มสายชูโดยคว่ำเอาด้านที่เป็นหนังไว้ด้านล่างราวๆ 15 นาที จากนั้นนำมาทาเกลือบาง ๆ ให้ทั่ว แล้วนำไปเข้าหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส โดยให้ทำการคว่ำด้านที่เป็นหนังหมูลงไปด้านล่างก่อน 20 นาที ต่อจากนั้นจึงกลับพลิกด้านอีก 20 นาที ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ทำน้ำจิ้มรอได้เลย

2. ชีสเค้กหน้าไหม้ (Burnt Basque cheesecake) จากหม้อทอดไร้น้ำมัน
สำหรับสูตรนี้ก็ถูกแบ่งปันโดย Kamerr inter แขมร อินเตอร์ เริมแรกก็ให้เตรียมส่วนผสม ได้แก่
● ครีมชีส 200 กรัม
● น้ำตาลทราย 70 g.
● ไข่แดง 1 ฟอง
● ไข่ไก่ 100 g.
● วิปปิ้งครีม 115 มิลลิลิตร
● แป้งข้าวโพด 5 กรัม

วิธีทำก็ให้เทน้ำตาลทรายป่นใส่ลงในครีมชีสแล้วตีให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายหมด ตามด้วยไข่แดง 1 ฟองผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นตอกไข่ใส่ถ้วยตีให้เข้ากันแล้วชั่งให้ได้น้ำหนัก 100 g. ค่อย ๆ เติมลงในส่วนผสมของครีมชีส ตามด้วยวิปปิ้งครีม คนให้เข้ากันดี แล้วจึงร่อนแป้งข้าวโพดใส่ลงไป ผสมให้เนื้อเนียนจนไม่เป็นเม็ดแป้ง นำไปเทใส่พิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข สูตรนี้จะได้ขนาดพิมพ์ประมาณ 1 ปอนด์ หลังจากนั้นก็ให้นำเข้าไปอบด้วยหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 190-200 องศา ราวๆ 20-25 นาที สังเกตดูว่าหน้าขนมสีเข้มเกรียมสวยตามที่ต้องการแล้วหรือยัง ถ้าได้สีเข้มเป็นที่พอใจแล้วก็ให้นำออกมาพักไว้ให้เย็นสนิทแล้วคลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็สามารถนำออกมารับประทานได้

จัดว่าเป็นเมนูที่ทำได้ง่ายไม่ซับซ้อนและใช้อุปกรณ์ไม่มากเพียงแค่มีหม้อทอดไร้น้ำมันก็สามารถอิ่มอร่อยได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวานกันแล้ว แต่แนะนำว่าอย่าทำบ่อยจนเกินไป เพราะว่าทั้งสองเมนูนี้เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP080503  

523
ปัจจุบันนี้ปัญหามลพิษในอากาศเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและมีผลกระทบต่อสุขภาพของเราพอประมาณเลยทีเดียว โดยเฉพาะในเรื่องของฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ เพราะฉะนั้นการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องกรองอากาศจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ครั้งนี้เราก็ได้นำเอาเครื่องฟอกอากาศ Sharp ที่เหมาะกับการติดตั้งในห้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 50 ตร.มขึ้นไปมาแนะนำกันถึง 3 รุ่นด้วยกัน

1. เครื่องฟอกอากาศ SHARP FU- A80TA-W 62 ตารางเมตร (9,990 บาท)



เครื่องฟอกอากาศ Sharp สำหรับพื้นที่ห้องขนาด 62 ตารางเมตร มาพร้อมระบบพลาสม่าคลัสเตอร์เข้มข้น ที่สามารถฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยแผ่นกรอง HEPA ที่คอยดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ โดยสามารถดักจับฝุ่นได้ถึง 99.97% และสลายฤทธิ์สารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่น มีแผ่นกรองกลิ่นที่สามารถดักจับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และยังช่วยสลายกลิ่นอับชื้น จึงทำให้ให้อากาศภายในห้องบริสุทธิ์ และสดชื่น โดยสามารถเลือกปรับความแรงของพัดลมในการทำงานได้ถึง 4 ระดับ (อัตโนมัติ, แรงสุด, ปานกลาง, เบา) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็วพร้อมระบบทำงานแบบ Clean ion shower ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้ห้องสะอาดปราศจาก เชื้อโรคได้มากยิ่งขึ้น

2. เครื่องฟอกอากาศ SHARP FP-J80TA-H 62 ตารางเมตร (20,690 บาท)


เครื่องฟอกอากาศ Sharp ที่เหมาะกับพื้นที่ห้องขนาด 62 ตารางเมตร มาพร้อมระบบพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น พร้อมแผ่นกรองฝุ่น HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.97% และสามารถตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กได้มากถึง 2.5 ไมครอน (PM 2.5) พร้อมแผ่นกรองกลิ่น มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น กลิ่นไม่ถึงประสงค์ และแสงสว่างภายในห้อง พร้อมไฟแสดงสภาวะความสะอาดของอากาศ ในขณะที่ระบบทำงานแบบ ION SHOWER ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ โดยสามารถปล่อยประจุบวก และลบสูงสุดถึง 25,000 ไอออน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยสลายกลิ่นอับชื้น ตลอดจนสลายฤทธิ์สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นที่ติดแน่นในห้อง ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยโปรแกรมป้องกันเด็กเล่นเครื่อง (Child lock) และฟังก์ชั่นตั้งเวลาการทำงานทุกชั่วโมง ได้สูงสุด 12 ชั่วโมง

3. เครื่องฟอกอากาศ SHARP KI-J101B-W 76 ตารางเมตร (ราคา45,990 บาท)



เครื่องฟอกอากาศ Sharp ที่เหมาะสำหรับพื้นที่ห้องขนาด 76 ตารางเมตร มาพร้อมระบบความพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น พ่นอนุภาคบวกและลบ สามารถฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอากาศ สามารถวัดฝุ่นละออง PM2.5 และตรวจวัดกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบทำความสะอาดของแผ่นกรองชั้นแรกโดยอัตโนมัติ พร้อมด้วยหน้าจอแสดงผลที่แสดง ระดับ PM2.5 ความชื้น อุณหภูมิ ตัวจับเวลาในการทำงาน มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ โดยแผ่นกรองฝุ่น HEPA สามารถดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.97% ในขณะที่แผ่นกรองกลิ่นก็สามารถกรองกลิ่นต่าง ๆ รวมไปถึงกลิ่นบุหรี่ได้อย่างสะอาดหมดจดด้วยการปล่อยประจุบวกและลบสูงสุดถึง 50,000 ไอออน เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น รองรับระบบ AIOT ที่สามารถควบควมการทำงานผ่าน Smart Phon ได้อย่างง่ายดาย พร้อมติดตั้งล้อหมุนเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายตัวเครื่องได้อย่างสะดวก

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP02

524
ถ้าหากเลือกได้หลายท่านก็อยากจะได้ทีวีที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ให้ภาพคมชัดกันอยู่แล้ว แต่ก็ต้องบอกว่าราคา ทีวี จอใหญ่ ภาพชัด ฟังก์ชั่นจัดเต็มนั้นก็ค่อนข้างสูงพอสมควรเลยทีเดียว และที่สำคัญก็คือสำหรับห้องที่มีขนาดเล็ก การติดตั้ง tv ที่มีขนาดใหญ่เกินไปก็ทำให้กินพื้นที่ในการจัดวางมากจนทำให้ห้องคับแคบลงได้  ในวันนี้เราจึงมีรีวิวทีวีขนาดกำลังดีราคากำลังเหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กมาฝากถึง 4 รุ่นด้วยกัน

1. คิวแอลอีดี ทีวี 32" SAMSUNG (Full HD, QLED, Smart, The Frame) QA32LS03TBKXXT (ราคา13,990 บาท)



ทีวีรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับดีไซน์แบบ Frame Design ที่มีทั้งความบางและสามารถเป็นมากกว่าแค่ทีวี โดยให้ท่านได้สนุกไปกับการเปลี่ยนกรอบทีวีให้เหมือนกรอบรูป โดยมีในส่วนของ Art Mode ซึ่งเป็นภาพงานศิลปะระดับโลกมาไว้ให้ในเครื่องเพื่อตกแต่งบ้านของคุณ เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นทีวีแล้วก็ยังสามารถเป็นของแต่งบ้านภายในตัวได้อย่างกลมกลืน นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับ Multi-position stand ที่ให้คุณสามารถวางทีวีได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน พร้อมรับชมทั้งภาพและเสียงที่เต็มอิ่มด้วยเทคโนโลยี Quantum Dot Display ที่ให้สีสัน 1 พันล้านเฉดสี ที่ให้ภาพสีสวยเสมือนภาพจริงถึง 100% (Color volume) เทคโนโลยี HDR ช่วยปรับความชัดและแสงของภาพในสภาพแวดล้อมที่มีแสงแตกต่างกันให้ออกมามีมิติเสมือนจริงที่สุด และลำโพงพลังเสียงรวมถึง 20 วัตต์ ที่ให้เสียงกระหึ่มยิ่งขึ้นด้วยลำโพง 2 ช่องสัญญาณ

2. แอลอีดีทีวี 43" PHILIPS (Full HD) 43PFT5505 (ราคา10,490 บาท)



สำหรับทีวีรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับหลอดภาพ LED Full HD ขนาด 43 นิ้ว ที่มีความละเอียด 1920x1080 พิกเซล พร้อมเทคโนโลยี Pixel Plus HD ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพ ให้ภาพที่คมชัดและมีความเข้มของแสงที่สวยงามเสมือนจริง มีพอร์ต USB สำหรับการเล่นมัลติมีเดีย เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับภาพถ่าย วิดีโอ และดนตรีได้ภายในเครื่องเดียว พร้อมเสียง กำลังขับ 12 วัตต์ เสียงคมฟังชัด เติมเต็มทุกความสุนทรีย์ได้อย่างลงตัว

3. แอลอีดี ทีวี 32" HISENSE (HD, Android) 32A4200G (ราคา8,190 บาท)



แอลอีดีทีวีสุดยอดหน้าจอบนความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ในระดับ HD Ready (1366 x 768) เก็บทุกรายละเอียดให้ภาพสวยสมจริง ให้เสียงที่คมชัดด้วยเทคโนโลยี Motion Picture Enhancer รองรับ Digital TV ระบบดิจิทัล DVB-T2 พร้อมด้วยเทคโนโลยีไร้สาย Support casting based on Miracast, DLNA and Chrome Cast protocols และเอาใจคอเกมรวมไปถึงคอกีฬาด้วยฟังก์ชัน Game Mode/ Sport Mode ที่ให้ภาพที่เคลื่อนไหวที่สมจริงเต็มอิ่มทุกความบันเทิง โดยมาพร้อมรีโมท Voice Control Remote ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย รองรับการเชื่อมต่อได้หลายช่องทางไม่ว่าจะเป็น Bluetooth 5.0, Wi-Fi 2.4GHz, HDMI x 2 ช่อง และ USB x 2 ช่อง

4. แอลอีดี ทีวี 42" SHARP (Full HD, Android) 2T-C42BG1X (11,490 บาท)



สำหรับรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับหลอดภาพ LED Backlight ขนาด 42 นิ้ว ที่ให้ความละเอียดระดับ FHD (1,920 X 1,080 พิกเซล) พร้อมด้วย Android TV เวอร์ชั่น 9.0 ที่ออกแบบเพื่อใช้กับ TV โดยเฉพาะ รองรับการใช้งานไม่ว่าจะเป็น Netflix, Google Play, Youtube รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 และรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่าน USBx1 ช่องต่อ และ HDMIx2 เพื่อตอบโจทย์ได้ทั้งการรับชมไฟล์ภาพยนตร์ เพลง และภาพได้อย่างครอบคลุม มี Wi-Fi Built-in เพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายและตัวรับสัญญาณ Digital ในตัว และให้คุณได้มั่นใจได้ถึงคุณภาพด้วย 7 Shields มาตฐานรับรองคุณภาพสินค้าของชาร์ป 7 ประการ

ติดต่อสอบถามได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA07

525
สำหรับประเทศในเขตร้อนอย่างบ้านเมืองเรานั้น การติดตั้งแอร์หรือเครื่องปรับอากาศก็นับว่าเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการคลายร้อนได้เป็นอย่างดี ซึ่งราคา แอร์ ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามขนาด BTU รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้องนั้นก็จะช่วยทำให้ห้องมีความเย็นที่พอดีและช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี ในคราวนี้เราจึงมีวิธีการดี ๆ สำหรับเลือกเครื่องปรับอากาศมาฝากกัน



วิธีการเลือกซื้อเลือกหาเครื่องปรับอากาศ
ในการเลือกเครื่องปรับอากาศก็มีข้อที่ควรจะพินิจพิจารณาหลัก ๆ ดังนี้ก็คือ
1. ขนาดของห้อง
ขนาดของห้องมีผลโดยตรงต่อการเลือกเครื่องปรับอากาศ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ของห้องด้วย ไม่ว่าจะเป็น ห้องมีแสงแดดส่อง มีการเข้าออกห้องเป็นประจำ ห้องมีการติดตั้งกระจกเป็นส่วนใหญ่ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งถ้าหากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกิน หรือถ้าหากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี  BTU มากเกินไป ก็จะทำให้เป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุและยังส่งผลให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานน้อยเกินไปจนทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานต่ำได้ ทางที่ดีควรปรึกษาผู้ที่มีความรู้หรือผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยคำนวณและประเมินห้องที่จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมจะเป็นการดีที่สุด

2. ความประหยัดไฟ
ต้องบอกว่าเครื่องปรับอากาศนั้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเปลืองพลังงานไฟฟ้าพอสมควรเลยทีเดียว  ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และอีกจุดหนึ่งที่ควรสังเกตในฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็คือรายละเอียดอื่น ๆ ได้แก่ หน่วยพลังงานที่ใช้ต่อปี และค่าประสิทธิภาพ (ยิ่งมากยิ่งดี)

3. โปรโมชั่น บริการหลังการขาย และการรับประกัน
ในการซื้อเครื่องปรับอากาศมือ 1 ควรเลือกซื้อเลือกหาจากร้านที่เชื่อถือได้ มีบริการหลังการขายรวมไปถึงการรับประกัน นอกจากนี้ก็ควรดูโปรโมชั่นของทางร้านว่าน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน เพื่อประกอบการพิจารณาในการซื้อเครื่องปรับอากาศ

4. เปรียบเทียบราคาและฟังก์ชั่นการใช้งาน
ในบางครั้งแอร์ที่มี BTU เท่ากันก็มีราคาที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นจึงควรพิจารณาราคาแอร์เทียบกับฟังก์ชันที่ได้รับ เหตุเพราะหลายยี่ห้อต่างก็มีการนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ ใส่เข้ามาเพื่อเป็นจุดขาย อย่างเช่นการทำงานที่เงียบ มีระบบฟอกอากาศในตัว รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน รวมไปถึงดีไซน์ที่สวยงาม เป็นต้น

5. เลือกแบรนด์ที่ไว้ใจได้
ในท้องตลาดปัจจุบันนี้ก็มีเครื่องปรับอากาศออกมาให้เราได้เลือกซื้อกันหลากหลายยี่ห้อเลยทีเดียว แต่เพื่อความมั่นใจทั้งในเรื่องของคุณภาพและบริการหลังการขายรวมไปถึงการซ่อมแซม ก็แนะนำให้เลือกยี่ห้อของเครื่องปรับอากาศที่มีชื่อเสียงและใช้กันอย่างแพร่หลายจะดีกว่า

และทั้งหมดนี้ก็คือข้อควรรู้ก่อนตกลงใจเลือกซื้อเลือกหาเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมสำหรับบ้านของท่าน เพื่อให้แอร์นั้นสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้ความเย็นที่เหมาะสมและประหยัดพลังงานได้มากกว่านั่นเอง

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP01

526
เวลานี้หลายท่านก็หันมาใช้เครื่องอบผ้ากันมากขึ้น ซึ่งในคราวนี้เราก็จะพามาดูจุดเด่นของเครื่องอบผ้าว่ามีแล้วดียังไง พร้อมแนะนำเครื่องอบผ้า electrolux เครื่องอบผ้า ราคาดีมีโปรโมชั่นผ่อนชำระที่ท่านสามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยากมาฝากกัน

จุดเด่นของเครื่องอบผ้า
● ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน การใช้เครื่องอบผ้านั้นสามารถทำให้ผ้าแห้งได้เร็วไวภายในเวลาแค่เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และยังประหยัดเวลารวมไปถึงแรงงานในการตากผ้าอีกด้วย
● ผ้าที่ได้มีความหอมและนุ่มฟู เครื่องอบผ้าสามารถทำให้ผ้าแห้งได้ในเวลาเพียง 1 ช.ม.เท่านั้น จึงยังคงความหอมและคุณสมบัติของน้ำยาปรับผ้านุ่มเอาไว้ที่เนื้อผ้าได้เป็นอย่างดี
● ช่วยลดฝุ่น สิ่งสกปรกขนาดเล็ก และขุยที่ติดอยู่บนผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเครื่องอบผ้าจะมีแผ่นกรองขุยผ้าที่ช่วยดูดกรองฝุ่นออกจากเนื้อผ้าจึงทำให้ผ้าที่ได้นั้นสะอาดและไม่มีฝุ่นติดอยู่ รวมไปถึงช่วยกำจัดขนสัตว์ที่ติดตามเนื้อผ้าได้เป็นอย่างดี
● ผ้าสะอาดปราศจากเชื้อโรค เครื่องอบผ้านั้นจะใช้ความร้อนในการอบผ้าแห้ง จึงช่วยลดการเกิดเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดภูมิแพ้รวมไปถึงกลิ่นอับ แต่ถ้ามีเครื่องอบผ้าก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้อีกต่อไป
● ต้องการซักผ้าเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหากคุณมีเครื่องอบผ้า เมื่อซักผ้าแล้วเพียงแค่นำผ้าเข้ามาอบก็เป็นอันเสร็จ ไม่จำเป็นต้องสนใจสภาพอากาศเมื่อต้องทำการซักผ้าอีกต่อไป
● เพิ่มพื้นที่การใช้สอย ถ้าหากมีเครื่องอบผ้าก็ทำให้คุณไม่ต้องเว้นพื้นที่สำหรับการตากผ้าให้แห้งอีกต่อไป สามารถนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้

แนะนำเครื่องอบผ้า electrolux ลดราคา
1. เครื่องอบผ้า ELECTROLUX EDC804CEWA 8 Kg.



เครื่องอบผ้าแห้ง electrolux ขนาด 8 กิโลกรัม จากราคา 31,990 บาท เหลือเพียง29,990 บาท พร้อมโปรโมชั่นผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน มาพร้อมระบบ SensiCare ให้เสื้อผ้าคงความสวยงามเหมือนใหม่ พร้อมระบบอินเวอร์เตอร์เทคโนโลยี ลดการสั่นสะเทือน เพื่อการอบผ้าที่เงียบ และประหยัดพลังงานมากขึ้น แต่ไม่ลดประสิทธิภาพการทำงาน และ Delicate Drying โปรแกรมอบแห้งผ้าเนื้อบาง เพื่อตอบโจทย์การอบผ้าในทุกรูปแบบ

2. เครื่องอบผ้าฝาหน้า ELECTROLUX EDH903BEWA 9 กก.



เครื่องอบผ้าฝาหน้าขนาด 9 กิโลกรัม จากจากเดิม 47,990 บาท ลดเหลือ 45,990 บาทเท่านั้น พร้อมโปร ผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน มาพร้อมระบบ DelicateCare System ทำให้ผ้าไม่เสียรูปทรงโดย รักษาคุณภาพของเนื้อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ ระบบ Heat Pump System ช่วยประหยัดพลังงานและทำให้ผ้าสดใสเหมือนใหม่อยู่เสมอ พร้อมด้วยอินเวอร์เตอร์เทคโนโลยี ลดการสั่นสะเทือน เพื่อการอบผ้าที่เงียบ และประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP1302

527
สำหรับท่านใดที่กำลังอยากได้เครื่องซักผ้าก็อาจจะลังเลระหว่างเครื่องซักผ้าฝาบนและเครื่องซักผ้าฝาหน้าว่าจะเลือกแบบไหนดี ทั้งนี้เพราะถ้าหากให้พูดถึงเรื่องราคาก็ต้องบอกว่าเครื่องซักผ้าฝาหน้านั้นค่อนข้างมีราคาสูงพอสมควรเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเครื่องซักผ้าแบบฝาบน ในคราวนี้เราจึงมีข้อดีของเครื่องซักผ้าฝาหน้าเอามาฝากกัน พร้อมทั้งแนะนำเครื่องซักผ้าฝาหน้า electrolux และเครื่องซักผ้าฝาหน้า lg ที่น่าสนใจมาให้คุณได้ลองพิจารณาเลือกซื้อกันดู

ข้อดีของเครื่องซักผ้าฝาหน้า
1. ประหยัดน้ำ เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้านั้นจะทำงานในแนวดิ่งและหมุนในแนวตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้ไม่ต้องรอจนน้ำเต็มถังท่วมผ้า จึงสามารถประหยัดน้ำได้มากกว่าเครื่องซักผ้าฝาบนในการซักแต่ละครั้ง

2. ถนอมเนื้อผ้า ในการหมุนปั่นผ้าเนื่องจากเป็นการหมุนตามแรงโน้มถ่วงของโลกจึงทำให้แรงกระทบของผ้านั้นมีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการหมุนของเครื่องซักผ้าฝาบน จึงช่วยถนอมเนื้อผ้าได้มากกว่า

3. ซักได้สะอาด ข้อนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของเครื่องซักผ้าฝาหน้ากันเลยทีเดียว เพราะด้วยการหมุนในแนวดิ่งและไม่รุนแรงจนเกินไป เมื่อผ้าถูกหมุนขึ้นไปด้านบนตะแกรงก็จะตกลงมาด้านล่างใหม่ทำให้คล้ายกับการขยี้ด้วยมือ จึงทำให้สามารถซักให้สะอาดกว่าและถนอมเนื้อผ้าได้ดีกว่า

4. เสื้อผ้าไม่พันกัน เนื่องจากลักษณะการหมุนในแนวดิ่งก็คือเมื่อหมุนขึ้นไปด้านบนสุดของตะแกรงก็จะตกลงมาที่ด้านล่าง ไม่ได้เป็นการหมุนวนแบบเครื่องซักผ้าฝาบน จึงทำให้เสื้อผ้าไม่พันกันนั่นเอง

5. มีระบบซักด้วยน้ำร้อน ถึงแม้ในเวลานี้เครื่องซักผ้าฝาบนบางรุ่นก็มีระบบซักด้วยน้ำร้อนกันแล้ว แต่เครื่องซักผ้าฝาหน้าทุกรุ่นสามารถซักด้วยน้ำร้อนได้ และยังถนอมเนื้อผ้ามากกว่าอีกด้วย

6. มีฟังก์ชั่นอบผ้าแห้ง เครื่องซักผ้าฝาหน้าหลายรุ่นนอกจากมีฟังก์ชันในการปั่นแห้งแล้วก็ยังมีโปรแกรมสำหรับอบผ้าแห้งด้วยไอร้อนอีกด้วย จึงสามารถซักผ้าได้แบบไม่ง้อแดดและไม่ต้องเสียเวลาตากผ้า สามารถนำออกมารีดเข้าตู้ได้ทันที

เครื่องซักผ้าฝาหน้าลดราคาที่น่าสนใจ
1. เครื่องซักผ้าฝาหน้า LG FV1450S4W 10.5 Kg. 1400RPM อินเวอร์เตอร์



สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า LG  รุ่นนี้ก็ลดราคาลงถึง 23% จากราคาขาย 34,900 บาท ลดเหลือเพียง 26,800 บาท โดยเป็นเครื่องซักผ้าขนาด 10.5 กิโลกรัม รอบปั่น 1400 รอบ/นาที มาพร้อมเทคโนโลยี AI DD ระบบถนอมเนื้อผ้าอัจฉริยะ ระบบ 6 Motion Direct Drive ซักสะอาดยิ่งกว่า พร้อมด้วยระบบซักด้วยน้ำร้อน ระบบตรวจสอบปัญหาอัจฉริยะ ออกแบบตัวเครื่องให้มีดีไซน์สวยงามแข็งแรงทนทาน ด้วยถังซักแบบสแตนเลสทั้งถังและประตูเครื่องเป็นกระจกนิรภัย  และรองรับการควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Smart ThinQ

    2. เครื่องซักผ้าฝาหน้า ELECTROLUX EWF1141AEWA 11 กก. อินเวอร์เตอร์ พร้อมขาตั้ง



สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า Electrolux รุ่นนี้ก็ลดราคาลงมาถึง 16 %  36,990 บาท ลดเหลือ 30,990 บาทเท่านั้น มาพร้อมกับคุณสมบัติ Eco Inverter ที่เพิ่มประสิทธิภาพการซักพร้อมทั้งประหยัดพลังงานได้ดีกว่า มีเซ็นเซอร์ตรวจจับความสะอาดของเสื้อผ้า SensorWash และ Load Sensor ระบบซักด้วยน้ำร้อน  โปรแกรม Stain สำหรับซักคราบสกปรกมาก นอกจากนี้ก็ยังมีระบบ Add Clothes ที่สามารถเพิ่มผ้าในระหว่างการซัก และสามารถซักผ้าขนสัตว์ได้โดยผ่านการรับรองจากสถาบัน Woolmark

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP130301

528
หากท่านใดกำลังมองหาเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแรงทนทาน บอกได้เลยว่าเครื่องซักผ้า lg ต้องอยู่ในอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่นิยมนำไปใช้เป็นเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญกันตามหอพักต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย เชื่อมั่นได้ถึงความทนทานใช้งานสะดวก และที่สำคัญก็คือมีราคาไม่แพงจนเกินไปอีกด้วย ในครั้งนี้เราจึงมีเครื่องซักผ้า lg ขนาดใหญ่ พร้อมราคา เครื่องซักผ้า มารีวิวให้เลือกกันถึง 3 รุ่นเลยทีเดียว

1. เครื่องซักผ้าฝาบน LG TH2723SSAV 23 กก. อินเวอร์เตอร์



เครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ 23 Kg. Inverter Direct Drive ลดราคาลงมาถึง 23% จากราคา 33,900 บาท เหลือเพียงแค่ 25,900 บาท มาพร้อมระบบ TurboWash 3DTM ผสานเทคโนโลยีการซักผ้าเพื่อความสะอาดล้ำลึก ระบบการซัก 6 Motion Hand Wash ถังซักเคลื่อนที่ 6 ทิศทาง สะอาดเหมือนซักมือ มี Heater ในตัว พร้อมโปรแกรม Allergy Care ซักผ้าด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส และโปรแกรม Auto Pre Wash เพื่อช่วยขจัดคราบฝังลึก ยิ่งไปกว่านี้ก็ยังมีระบบ Auto Restart ตัวช่วยเมื่อเครื่องซักผ้าหยุดทำงานเนื่องจากไฟดับ และให้คุณ ๆสั่งงานได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นด้วยการสั่งงานผ่านแอพพลิเคชัน LG ThinQ บนสมาร์ทโฟน

2. เครื่องซักผ้าฝาบน LG TH2725SSAK 25 กก. อินเวอร์เตอร์



เครื่องซักผ้าฝาบนขนาด 25 กก. ระบบอินเวอร์เตอร์ ที่ลดราคาลงมา 13% จากราคาขายปกติ 36,900 บาท เหลือเพียง 31,900 บาท มาพร้อมกับเทคโนโลยีการซักแบบสเปรย์น้ำ (Turbo Short) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการล้างผงซักฟอกได้สะอาดหมดจดมากยิ่งขึ้น ซักสะอาดโดยที่ไม่ทำร้ายเนื้อผ้าด้วยเทคโนโลยี 6 Motion Direct Drive ทำงานเงียบนิ่งไม่ส่งเสียงรบกวนและทนทานมากยิ่งขึ้นด้วยมอเตอร์ต่อตรง Hight Efficiency Direct Drive มีโปรแกรมการซักด้วยน้ำอุ่น และสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องซักผ้าผ่าน Smart ThinQTM บนสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายทุกที่ทุกเวลา

3. เครื่องซักผ้าฝาบน LG T2518VSAS 18 กก. อินเวอร์เตอร์



เครื่องซักผ้าฝาบนขนาดใหญ่กำลังดีที่ 18 กิโลกรัม ลดราคาลงมาถึง 17% จากปกติราคา 19,990 บาท เหลือเพียงแค่ 16,490 บาท ช่วยยกระดับการซักผ้า พร้อมถนอมเนื้อผ้าได้อย่างเหนือชั้น ด้วยระบบมอเตอร์ Smart Inverter ทำให้ประหยัดพลังงาน และทนทานมากขึ้น Smart Motion ออกแบบการหมุนของถังซักไปในหลายทิศทาง เพื่อประสิทธิภาพการซักและการถนอมผ้าได้ดียิ่งกว่า พร้อม TurboDrum ที่ช่วยซักและขจัดคราบฝังลึกด้วยน้ำวนอันทรงพลัง และซักผ้าได้อย่างสะอาดล้ำลึกแม้คราบฝังแน่นด้วย Auto Pre Wash และระบบ Side Waterfall ช่วยให้ผงซักฟอกกระจายเข้าสู่เนื้อผ้าได้เร็ว และทั่วถึงกว่าเดิม มีระบบตรวจสอบปัญหาอัจฉริยะ Smart Diag nosis ที่ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบปัญหาของเครื่องได้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง และสะดวกมากยิ่งขึ้นด้วยแผงควบคุมระบบสัมผัสและจอแสดงผล LED เพิ่มความสะดวกต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP1303

529
ท่านใดที่กำลังมองหาตู้เย็น 2 ประตูมาไว้ใช้งานในบ้าน แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะใช้ตู้เย็น 2 ประตูยี่ห้อไหนดี ในครั้งนี้เรามีวิธีเลือกตู้เย็น 2 ประตูให้เหมาะสมสำหรับครอบครัว พร้อมราคาตู้เย็น 2 ประตูที่น่าสนใจมาแนะนำกัน

การเลือกตู้เย็น 2 ประตูให้เหมาะสำหรับบ้านของท่าน
ต้องบอกว่าตู้เย็น 2 ประตูนั้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักค่อนข้างมาก รวมไปถึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อใช้งานอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน ไม่ใช่ของที่จะทำการเปลี่ยนหรือหาซื้อใหม่ได้บ่อย ๆ ด้วยเหตุนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อเลือกหาตู้เย็น 2 ประตูก็ควรพินิจพิจารณาดังต่อไปนี้
ขนาดของตู้เย็น 2 ประตู
ในการเลือกซื้อตู้เย็น 2 ประตูก็ควรดูที่จำนวนคิวว่ามากน้อยขนาดไหน ถ้าหากมีสมาชิกในบ้านไม่เกิน 3 คน ก็อาจจะใช้ตู้เย็น 2 ประตูอยู่ที่ประมาณ 7-13 คิวก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากมีสมาชิกในบ้านอยู่กันเยอะ ก็ควรที่จะเลือกตู้เย็น 2 ประตูที่มีขนาดใหญ่เพื่อให้สามารถเก็บวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารให้เพียงพอสำหรับทุกคนในครอบครัว
พื้นที่การจัดวาง
   แน่นอนว่าตู้เย็น 2 ประตูที่มีจำนวนคิวมากก็จะมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะซื้อตู้เย็น 2 ประตูขนาดกี่คิว ก็ควรที่จะทำการวัดพื้นที่สำหรับการจัดวางเสียก่อนว่าสามารถวางตู้เย็น 2 ประตูที่เลือกเอาไว้ได้หรือไม่
ฟังก์ชั่นการใช้งาน
ตู้เย็น 2 ประตูบางรุ่นก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานพิเศษที่เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่นฟังก์ชันการทำน้ำแข็งอัตโนมัติเพียงแค่เติมน้ำใส่เอาไว้ในช่อง ที่กดน้ำด้านนอกประตูตู้เย็น  หรือสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Smart Home ได้ เป็นต้น
พื้นที่การจัดเก็บภายใน
ต้องดูว่าภายในตู้เย็นนั้นเน้นพื้นที่ในส่วนไหนเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นในช่องฟรีซ ช่องธรรมดารวมไปถึงช่องแช่ผัก และดูว่าเราต้องการจะใช้ตู้เย็นในการแช่วัตถุดิบอะไรเป็นหลัก เพื่อที่จะได้พินิจพิจารณาได้ถูกว่าควรเลือกตู้เย็น 2 ประตูที่มีชั้นวางภายในแบบไหนถึงจะเหมาะ
ความประหยัดไฟ
เพราะตู้เย็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะต้องมีการเสียบปลั๊กเอาไว้ใช้งานอยู่ตลอด 24 ช.ม. ด้วยเหตุนั้นจึงควรเลือกตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 รวมไปถึงใช้คอมเพรสเซอร์เป็นระบบ Inverter  เพราะว่าสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า

รีวิวตู้เย็น 2 ประตูลดราคาที่น่าสนใจ
1. ตู้เย็น 2 ประตู SAMSUNG RT43K6230S8/ST 15.6 คิว สีเงิน



ตู้เย็นสำหรับครอบครัวขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ลดราคาลงมาให้ถึง  30% จากราคาปกติ 22,990 บาท เหลือเพียง 15,990 บาทเท่านั้น มาพร้อมระบบทำความเย็นแยกอิสระ Twin Cooling 442 L ที่สามารถแปลงโฉม 5 แบบได้ตามต้องการ ระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ No Frost ชั้นวางของแบบ easy Slide ที่สามารถเลื่อนเข้า-ออกได้ สะดวก และยังช่วยรักษาอาหารให้สดใหม่ได้เพิ่มมากถึง 70%

2. ตู้เย็น 2ประตู SHARP SJ-X330TC-SL 11.6คิว สีเงิน



ตู้เย็น 2ประตู SHARP ตู้เย็น 2ประตู SHARP SJ-X330TC-SL 11.6 คิว สีเงิน ลดราคาลงมาให้ถึง 20% จากราคาเดิม 14,990 บาท เหลือเพียง 11,990 บาทเท่านั้น มาพร้อมระบบ J-TECH INVERTER ส่งความเย็นได้อย่างทั่วถึง EXTRA ECO MODE ช่วยประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ และ 2Ways Frest Room ออกแบบใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถเก็บอาหารสดได้หลากหลายช่วยมอบความสดใหม่ ไร้กลิ่นตกค้างด้วยระบบกำจัดกลิ่น AG CU Nano Deodorizer พร้อมช่องจัดเก็บที่เป็นสัดส่วน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์เพื่อคงคุณค่ารักษาสารอาหารต่าง ๆ ให้ได้นานยิ่งขึ่น

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0905

530
สำหรับคนโสดหรือใครที่พักอาศัยอยู่ตามลำพัง ส่วนมากแล้วพื้นที่ของห้องหรือที่พักก็มักจะมีขนาดที่ค่อนข้างกระทัดรัดเหมาะกับการอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ตู้เย็นสำหรับเก็บเสบียงก็ไม่ควรที่จะเลือกซื้อตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่มากจนเกินไปก็เพราะว่าจะทำให้ห้องของคุณนั้นดูแคบลงมาอีก แล้วจะเลือกตู้เย็นยี่ห้อไหนดี ในวันนี้เราจึงมีตู้เย็นสำหรับที่พักอาศัยขนาดเล็ก พร้อมราคาตู้เย็นมาแนะนำกันถึง 4 รุ่นเลยทีเดียว

1. ตู้เย็น 2 ประตูSHARP SJ-X230TC-SL 7.9 คิว สีเงิน (8,890 บาท)



ตู้เย็นขนาดกำลังดีที่ 7.9 คิว มาพร้อมระบบ J-TECH INVERTER สามารถส่งความเย็นได้อย่างทั่วถึง ได้รับฉลากประหยัดไปเบอร์ 5 จาก กฟผ. ประหยัดไฟยิ่งขึ้นด้วยโหมดประหยัดพลังงานพิเศษ EXTRA ECO MODE พร้อมช่อง 2Ways Frest Room ที่ถูกออกแบบใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จึงสามารถเก็บอากหารสดได้อย่างหลากหลาย มีระบบกำจัดกลิ่น AG CU Nano Deodorizer ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรีย มีการออกแบบที่สวยหรู แข็งแรงด้วยชั้นกระจกใสนิรภัย สามารถรองรับน้ำหนัดได้มากถึง 100 Kg.

2. ตู้เย็น 2 ประตู SAMSUNG RT22FGRADB1/ST 8.4 คิว (8,990 บาท ซื้อออนไลน์ รับส่วนลดเพิ่ม 400 บาท)



ตู้เย็น 2 ประตู ขนาด 8.4 คิว ดีไซน์เรียบหรูตามแบบฉบับของ Samsung มาพร้อมระบบความเย็นแบบแยกส่วน มีระบบอินเวอร์เตอร์คอมเพรสเซอร์แบบดิจิตอลที่ช่วยรักษาอุณหภูมิให้คงที่พร้อมระบบมัลติโฟลว์ (Multi Flow) ช่วยกระจายลมเย็นได้อย่างทั่วถึง สม่ำเสมอในทุกชั้นวาง มีชั้นวาง Easy Slide ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บ และชั้นวางของแบบ Big Guard บริเวณประตูสำหรับการจัดเก็บเครื่องดื่มชนิดต่างๆ พร้อมรักษาความสดใหม่ของอาหารให้ยาวนานขึ้นด้วยช่อง Moist Fresh Zone ยิ่งไปกว่านี้ก็ยังมี Cool Pack ที่จะช่วยทำให้ช่องแช่แข็งสามารถอยู่ได้นานถึง 8 ชั่วโมงแม้ไฟดับ พร้อมแผ่นกรองขจัดกลิ่นทำจาก Activated Carbon ที่ช่วยลดกลิ่นเหม็นและรักษารสชาติของอาหารให้คงอยู่ได้อย่างยาวนาน

   3. ตู้เย็น 2 ประตู TOSHIBA GR-A28KU (UK) 8.3 คิว สีดำ (ราคา8,490 บาท)



ตู้เย็น 2 ประตู 8.3 คิว สีดำ ดีไซน์เรียบหรูแบบ Luxury Inspire Design ไม่เหมือนใครด้วยวัสดุ Uni-Glass (High Gloss) พร้อมด้วยระบบ Inverter Compressor ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยน้ำยาทำความเย็น R600a มีระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ Bio Deodorizer ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติมโตของแบคทีเรียจึงช่วยให้อาหารของคุณคงความสดได้นานยิ่งขึ้น มีกล่องใส่ผักและผลไม้เอนกประสงค์ ขนาดความจุ 13 ลิตร พร้อม Multi-Shelf Slots ชั้นวางแบบกระจกนิรภัยที่สามารถปรับความสูงได้อย่างหลากหลาย ตอบสนองการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น

4. ตู้เย็น 2 ประตู MITSUBISHI MR-FC23EP/SSL 7.7 คิว (ราคา8,290 บาท ซื้อออนไลน์ ลดเพิ่ม 400 บาท)



ตู้เย็นขนาดกำลังดี 7.7 คิวที่นำคุณสู่อีกระดับของตู้เย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานด้วยระบบโนฟรอสต์ ไร้สาร CFC ไม่ทำลายชั้นโอโซนและไม่มีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน มาพร้อมไมโครชิพอัจฉริยะที่ช่วยควบคุมการทำงานและกระจายความเย็นของตู้เย็นให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มีการเรียนรู้และจดจำลักษณะการใช้งานของผู้ใช้แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลผลรายการสั่งควบคุมระบบการทำงานของตู้เย็นให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้อย่างตรงจุด มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัยแบบ FLAT DESIGN ที่มีความดันเรียบแสงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งหรูหรา พร้อมฟังก์ชันและช่องจัดเก็บที่ตอบสนองสำหรับทุกการใช้งาน

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP09

531
งานล้างห้องน้ำ คืองานบ้านที่ต้องใส่ใจ เพราะว่าไม่ว่าห้องน้ำท่านจะสวยแค่ไหน ถ้าเลือกใช้น้ำยาล้างห้องน้ำให้เหมาะกับการใช้งาน ห้องน้ำสวยปังก็อาจพังได้ในพริบตา ซึ่ง น้ำยาล้างห้องน้ำ ที่จริงแล้วมีหลายแบบถูกแยกย่อยออกตามการใช้งานและวัสดุที่ใช้ในห้องน้ำ ในวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกน้ำยาล้างห้องน้ำให้เหมาะกับการใช้งานกันค่ะ



น้ำยาล้างห้องน้ำมีกี่แบบ
น้ำยาล้างห้องน้ำแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
1. น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรด จะเป็นน้ำยาที่ผลิตจากสารเคมีประเภทกรด ที่มีกลิ่นสารเคมีค่อนข้างฉุน เมื่อเทลงบนพื้นจะมีลักษณะฟู มีคุณสมบัติในการขจัดคราบสกปรกได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคราบสนิมที่เกิดจากน้ำ
2. น้ำยาล้างห้องน้ำแบบแชมพู เป็นน้ำยาล้างห้องน้ำที่ไม่มีส่วนผสมของกรด สามารถใช้ได้ทุกวัน แต่ไม่เป็นที่นิยมนักเพราะว่าไม่สามารถขจัดคราบได้ดีพอ

โถสุขภัณฑ์ พื้นกระเบื้อง
สามารถใช้กับน้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง  เพราะว่าเป็นจุดที่มักจะเกิดคราบฝังแน่น คราบเชื้อราต่างๆ ได้ง่าย  รวมถึงราดำที่เกิดตามยาแนวต่างๆ สามารถใช้น้ำยาล้างห้องน้ำสูตรขจัดคราบฝังแน่นที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง แต่มีข้อควรระวัง คือ ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์เป็นกรดกับอ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ พื้นผิวที่เป็นหินอ่อน หินขัด และพื้นผิวโลหะ โดยเด็ดขาดเพราะกรดในน้ำยาล้างห้องน้ำเหล่านี้จะทำให้พื้นผิวเสียหาย

อ่างล้างหน้า และอ่างอาบน้ำ
เป็นบริเวณที่มีอุปกรณ์เป็นโครเมียมหรือโลหะ และยังเป็นพื้นที่ที่ต้องสัมผัสกับร่างกายของเราโดยตรง จึงไม่ควรใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง ก็เพราะว่าจะทำให้พื้นผิวเสื่อมสภาพหรือเกิดรอยด่างได้ ควรใช้น้ำยาล้างห้องน้ำแบบแชมพู หรือน้ำยาล้างจาน เพื่อทำความสะอาดล้างคราบสบู่ คราบยาสีฟัน หรือคราบมันต่างๆ ก็เพียงพอแล้ว



กระจกในห้องน้ำ
กระจกในห้องน้ำ หรือ กระจกกั้นห้องอาบน้ำ เป็นอีกจุดที่ไม่ควรมองข้าม เพราะว่าพื้นผิวของกระจกต้องเจอกับคราบน้ำ คราบสบู่ คราบไขมัน ฝุ่นละออง รวมถึงแร่ธาตุในน้ำที่รวมกันจนเกิดเป็นสารที่มีความเป็นด่างสูง ทำให้เกิดเป็นคราบสีขาวที่เช็ดยังไงก็เช็ดไม่ออก หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ เข้าพื้นผิวกระจกจะถูกัดกร่อนควรหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ แต่ถ้าหากเกิดคราบขาวที่ไม่สามารถเช็ดออกไปได้ แนะนำให้เลือกใช้น้ำยาขจัดคราบน้ำบนกระจก จะช่วยทำให้กระจกกลับมาใสเหมือนใหม่ได้อีกครั้ง

ห้ามใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ +น้ำยาซักผ้าขาว
เนื่องด้วยในน้ำยาซักผ้าขาวมักจะมีสารเคมีที่ชื่อว่า “โซเดียมไฮโปคลอไรต์” เป็นส่วนผสม เมื่อมาเจอกับ กรดไฮโดรคลอริก ที่อยู่ในน้ำยาล้างห้องน้ำ จะเกิดก๊าซคลอรีน ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย หากสูดดมเข้าไปมากๆ อาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากต้องการฆ่าเชื้อโรคไปพร้อมๆ กับการทำความสะอาด แนะนำให้ใช้ น้ำยาล้างห้องน้ำเป็ด ที่นอกจากจะสามารถขจัดคราบสกปรกฝังแน่น อาทิ คราบสนิม คราบหินปูน ตะกรัน คราบสบู่ ของเสีย สารซักล้าง แชมพู ได้แล้ว ยังสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไวรัสหวัดH1N1ได้อีกด้วย

การเลือกใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราต้องคำนึงถึงพื้นผิวของวัสดุที่เราจะทำความสะอาด เหตุเพราะมีวัสดุหลายๆ ประเภทที่ไม่สามารถใช้น้ำยาล้างห้องน้ำทั่วไปเพื่อทำความสะอาดได้ แนะนำให้อ่านฉลากหลังขวดก่อนเลือกซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำนะคะ

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0610

532
จากรายงานของ Rocket Media Lab ในปี 2021 คนกรุงเทพฯ สูดเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าไป เท่ากับปริมาณการสูบบุหรี่ถึง 1,261 มวนต่อคน เป็นที่ทราบกันดีว่า ฝุ่น PM 2.5 คือ ฝุ่นพิษที่มีลักษณะเป็นฝุ่นละอองเล็กๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน

ซึ่งความอันตรายของ PM 2.5 ที่นอกจากจะมีขนาดเล็กจนสามารถผ่านการกรองของขนจมูกผ่านหลอดลมไปจนถึงถุงลมปอด แล้ว PM 2.5 ยังสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือด และสร้างผลร้ายให้กับร่างกายมาก ไม่ว่าจะเป็นอาการระคายเคืองเยื่อบุต่างๆ ทำให้เรามีอาการแสบจมูก แสบตา เจ็บคอแล้ว ในผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจเจ้า PM 2.5 จะเป็นตัวกระตุ้นให้อาการของโรคกำเริบได้ง่าย และนอกจากนี้ PM 2.5 ยังก่อให้เกิดอาหารระคายเคืองบนผิวหนัง เป็นผื่น คัน รวมถึงทำให้เกิดสิว และยังมีผลเสียอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเจ้าฝุ่นพิษ PM 2.5 ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา แต่เราสามารถกำจัดเจ้าฝุ่นตัวร้ายได้ชั่วคราวด้วยการใช้เครื่องฟอกอากาศ แต่เครื่องฟอกอาการแบบไหนที่สามารถจัดการกับ PM 2.5 ได้บ้าง มาดูกันค่ะ



1. เครื่องกรองอากาศที่มีแผ่นกรองอากาศ HEPA
แผ่นกรองอากาศ HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) เป็นแผ่นกรองอากาศที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพสูง ผลิตจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส มีคุณสมบัติในการดักจับฝุ่นละออง หรืออนุภาคที่มีใหญ่กว่า 0.3 ไมครอน ขึ้นไป และแน่นอนว่าสามารถดักจับฝุ่น PM 2.5 ที่มีขนาด 2.5 ไมครอนได้ อย่างเช่นใน เครื่องฟอกอากาศ philips ที่มีแผ่นกรอง HEPA สามารถดักจับฝุ่น PM 2.5 เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ แบคทีเรีย และไวรัส ได้สูงถึง 99.9%  พร้อมโหมดฟอกอากาศอัตโนมัติแบบอัจฉริยะ ที่ฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

2. ค่า CADR ยิ่งสูงยิ่งดี
CADR (Clean Air Delivery Rate) หรือ ค่าตัวเลขที่ได้จากการวัดปริมาณอากาศดี ที่ระบบฟอกอากาศสามารถฟอกเอาสิ่งปนเปื้อน อย่าง PM 2.5 ควันบุหรี่ เกสรดอกไม้ ฯลฯ ออกไปได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ยิ่งค่า CADR สูงเท่าไหร่ ก็หมายความว่าประสิทธิภาพในการฟอกอากาศของเครื่องฟอกอากาศยิ่งดีขึ้นเท่าไหร่นั้น

3. ระดับเสียง ไม่ควรเกิน 30-35 เดซิเบล
ยิ่งทำงานเงียบ ยิ่งดี เนื่องจากเสียงเครื่องฟอกอากาศที่ดังเวลาใช้งาน ก็เป็นสิ่งกวนใจ และรบกวนการนอนหลับอยู่ไม่น้อย



4. มีระบบฆ่าเชื้อช่วยเพิ่มความปลอดภัย
เป็นอีกฟังก์ชั่นที่ไม่ควรมองข้ามในยุคโควิด-19 เนื่องมาจากนอกจากจะช่วยให้เราปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 แล้ว ระบบฆ่าเชื้อจะช่วยให้เราห่างไกลจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียต่างๆ อย่าง เครื่องฟอกอากาศ sharp ที่นอกจากจะสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้แล้ว ยังมีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ เอกสิทธิ์แบบเฉพาะของ Sharp ปล่อยประจุบวกและลบ เพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนในอากาศ เชื้อรา แบคทีเรีย และเชื้อไวรัส รวมถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย



5. ระบบเซ็นเซอร์ช่วยตรวจจับอนุภาคในอากาศ
เป็นอีกระบบที่เครื่องฟอกอากาศหลายแบรนด์เลือกที่จะใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อตรวจจับฝุ่นละออง และอนุภาคแปลกปลอมที่ลอยอยู่ในอากาศเพื่อให้ทั้งห้องของเรามีอากาศที่สะอาดและมีสิ่งปนเปื้อนให้น้อยที่สุด ซึ่ง เครื่องฟอกอากาศ xiaomi มี PM Laser เป็นเซ็นเซอร์ที่ดักจับอนุภาคของฝุ่นขนาดเล็กได้แม่นยำสูงช่วยแจ้งค่า PM แสดงผลมาที่หน้าจอเพื่อให้ทราบว่าอากาศสะอาดเพียงพอหรือไม่ และยังสามารถควบคุมการใช้งานเครื่องฟอกอาการผ่านแอพพลิเคชั่น Mi Home บนสมาร์ทโฟนได้ด้วย

แม้ว่าเราจะควบคุมปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ลอยอยู่ทั่วไปไม่ได้ แต่ภายในบ้านของเรา เราสามารถเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศเป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพของเราและคนที่เรารัก เพียงมีเครื่องฟอกอากาศดีๆ สักเครื่อง เพื่อให้เราได้สูดอากาศที่สะอาด ก็ถือว่าเป็นความคุ้มค่าที่น่าลงทุนไม่น้อยเลยนะคะ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP02

533
วิถี  New Normal ที่บังคับให้พวกเราอยู่บ้านกันมากขึ้น การเข้าถึงสื่อบันเทิงต่างๆ เปลี่ยนไปจากที่เดิมทุกคนต้องไปโรงภาพยนตร์ แต่ทุกวันนี้เราสามารถอยู่บ้านเปิดทีวีแล้วชมภาพยนตร์เรื่องดัง ซีรี่ส์ยอดฮิต ได้จากมินิโฮมเธียร์เตอร์ภายในบ้านของเรา ด้วยแอลอีดี ทีวีที่มาพร้อมภาพที่คมชัดและระบบเสียงชั้นเยี่ยม และแอลอีดี ทีวี ยังมีขนาดที่บางสวย ทำให้ดูกลมกลืนกับบ้านได้ไม่ยาก



ทำความรู้จักกับ แอลอีดี ทีวี
แอลอีดี ทีวี - LED TV (Light Emitting Diode) คือ เทคโนโลยีที่ต่อยอดมาจาก LCD TV (Liquid Crystal Display) โดยเปลี่ยนจากหลอดไฟ CCFL เป็นหลอดไฟ LED 3 สี (แดง,น้ำเงิน และเขียว) เป็นตัวให้กำเนิดแสงแทน ซึ่งหลอดไฟ LED 3 สี กินไฟน้อยกว่า แต่สามารถให้แสงสว่างได้มากกว่าหลอดไฟ CCFL และยังมีขนาดที่เล็กกว่า จึงทำให้จอทีวี LED มีขนาดบางกว่าจอทีวี LCD ค่อนข้างมาก

วิธีการเลือกซื้อเลือกหา แอลอีดี ทีวี
ถ้าท่านไหนอยู่บ้านอยากได้แอลอีดี ทีวีดีๆ ซักเครื่องเอาไว้ เล่นเกม ดูซีรี่ส์ ดูหนัง เปิดข่าวฟังเพลินๆ หรืออยากทำเป็นมินิโฮมเธียร์เตอร์ภายในบ้าน เรามีวิธีเลือกซื้อเลือกหามาแนะนำค่ะ

1. เลือกขนาดหน้าจอ ให้พอดีกับจุดที่วาง
เพราะบ้านหรือคอนโดมีเนียมของแต่ละคนมีพื้นที่ที่จะตั้งหรือติดตั้งไม่เท่ากัน ด้วยเหตุนั้นประการแรกที่เราต้องคำนึงถึงคือ พื้นที่ที่เราจะติดตั้งรองรับจอได้สูงสุดที่ขนาดเท่าไหร่  นอกจากนี้ระยะห่างในการรับชมก็มีผล เนื่องมาจากยิ่งนั่งห่างมากยิ่งต้องใช้จอที่ใหญ่มากขึ้น

2. เลือกความละเอียดของหน้าจอ
แอลอีดี ทีวี เป็นจอทีวีที่ให้สีสันสดใส สมจริง แต่ความละเอียดของหน้าจอทีวีก็เป็นอีกส่วนที่ช่วยให้ภาพคมชัดมากขึ้น ถ้าเราต้องการแค่ดูข่าวดูรายการทั่วไป ความละเอียดแบบ HD 1366 x 768 ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากต้องการดูหนัง เล่นเกม ดู Netflix ที่ต้องการความสมจริงมากๆ แนะนำให้เลือก ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 อย่างเช่น ทีวี LG เทคโนโลยีภาพแบบ Full HD พร้อมการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทผ่าน Smart TV การดู Youtube, Netflix หรือท่องเว็บได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว

3. เลือกระบบเสียง
ระบบเสียงจัดเป็นอรรถรสที่ขาดไม่ได้ในการดูหนัง ฟังเพลง และการเล่นเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่อยากจะทำมินิโฮมเธียร์เตอร์ไว้ในบ้าน ไม่ควรมองข้ามระบบเสียงที่ติดมากับทีวี ซึ่งแต่ละแบรนด์ได้ให้ความใส่ใจกับระบบเสี่ยงเป็นอย่างมาก เช่น ทีวี Samsung ที่นอกจากจะโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีด้านภาพแล้ว เทคโนโลยีด้านระบบเสียง Object Tracking Sound Lite (OTS Lite) ที่สามารถจำลองเสียงจากทิศทางด้านบนได้สมจริงยิ่งขึ้นพร้อมเพิ่มความชัดเจนด้วยทิศทางเสียง 2.0 CH ให้เสียงที่ได้มีมิติ สมจริงไม่แพ้งานภาพ

4. เลือกวิธีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย
เพราะในปัจจุบันทีวีรุ่นใหม่ๆ เกือบทุกรุ่นได้กลายเป็น Smart TV ที่ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งดูหนังฟังเพลง ดูซีรี่ส์ เล่นเกม และท่องโลกอินเตอร์เน็ต ดังนั้นพอร์ตต่างๆ ที่มีให้มาควรรองรับการเชื่อมที่เราต้องการ เช่นว่าการเชื่อมต่อผ่าน USB, HDMI, AV ที่ต้องมีเป็นช่องพื้นฐาน แต่สิ่งที่ควรมองหาเพิ่ม คือการเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเกมต่างๆ เช่น Playstation ในกรณีที่เราเป็นเกมเมอร์ การเชื่อมต่อด้วย WiFi ที่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อการใช้งานอื่นได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ทีวี sharp สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับทีวี ผ่าน WiFi Router เพื่อฉายภาพในโทรศัพท์บนจอทีวีได้ เป็นต้น

5. เลือกการรับประกันและบริการหลังการขาย

ควรตรวจสอบเงื่อนไข ศูนย์บริการ และการให้คำแนะนำช่วยเหลือในกรณีที่พบปัญหาระหว่างการใช้งาน การรับประสินค้าและการเปลี่ยน หรือคืน เป็นสิ่งที่ควรตรวจสอบให้มั่นใจก่อนซื้อ

การอยู่บ้านในยุค New Normal จะไม่เหงาอีกต่อไป แค่เรามี แอลอีดี ทีวี ดีๆ ซักเครื่อง เอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง ดูซีรี่ส์ หรือเล่นเกมโปรด ก็ช่วยให้เราเพลินลืมความเบื่อไปได้ไม่มากก็น้อยนะคะ

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/TVA07

534
เครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้าม หรือที่หลาย ๆ ท่านแอบเรียกว่า ไม้กวาดไฟฟ้า เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่เราเคยเห็นกันมานาน แต่เริ่มมาเป็นที่นิยมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่เราทุกคนต้องกักตัว Work From Home จนกำเนิดคุณพ่อบ้านแม่บ้านมือหนึ่งขึ้นเป็นแถว ซึ่งอุปกรณ์เก็บกวาดอันดับหนึ่งที่โดนใจคุณพ่อบ้านแม่บ้านในช่วงกักตัวก็คือเจ้าเครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับที่มีข้อดีมากมาย ทั้งในด้านการใช้งานและราคา ซึ่งถ้าท่านอยากจะเป็นเจ้าของเครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับกับเขาบ้างวิธีการเลือกซื้อก็ไม่ยากแค่เลือกตามนี้



1. เลือกแบบที่น้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดวก
เหตุเพราะเครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับจะใช้มือของเรารับน้ำหนักระหว่างการใช้งาน แนะนำให้เน้นไปที่เครื่องน้ำหนักเบา ใช้งานนานๆ ได้โดยไม่เมื่อยมือ

2. เลือกแบบไร้สายหรือมีสายต่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน
เครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับแบบมีสายไฟ
จุดแข็ง - สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสายไฟค่อนข้างยาวติดมากับตัวเครื่อง จุดด้อย - สายค่อนข้างเกะกะ และบางทีพื้นที่ที่เรานำไปใช้งานอาจไม่สามารถเสียบปลั๊กไฟได้

เครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับแบบไร้สาย
จุดดี - สามารถใช้งานได้ทุกที่แม้กระทั่งจุดที่เข้าถึงยาก หรือไม่มีปลั๊กไฟให้เสียบ  จุดอ่อน - ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้านานหลายชั่วโมง แต่กลับใช้งานได้ไม่นานหรือมีกำลังดูดต่ำ ทำให้ เครื่องดูดฝุ่น electrolux ได้พัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประสิทธิภาพเยี่ยม ให้กำลังดูดสูง สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 35 นาที ซึ่งเพียงพอที่จะทำความสะอาดในแต่ละครั้ง

3. เลือกที่มีถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่
ถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่มีข้อดีตรงที่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องคอยเคาะเอาเศษฝุ่นออกบ่อยๆ แต่ข้อเสียคือจะทำให้น้ำหนักของตัวเครื่องเพิ่มขึ้น



4. เลือกเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้งานได้หลากหลาย
เครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับ จะสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น เครื่องดูดฝุ่น dyson มีหัวดูด Hair Screw ด้วยแกนขนแปรงทรงกรวยป้องกันการพันกัน ทำให้ดูดผมเส้นยาวและขนสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถดูดฝุ่นบนที่นอนหรือภายในตัวรถยนต์ได้อีกด้วย



5. เลือกที่ดีไซน์ที่ชอบ
การออกแบบเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญเนื่องจากหลายคนมักวางหรือแขวนเครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับไว้ในจุดที่หยิบใช้สะดวก การเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีการออกแบบสวยกลมกลืนกับการตกแต่งบ้านได้ทุกสไตล์ จะกลายเป็นของแต่งบ้านที่โชว์ความชิค ความเก๋ และความเป็นคนรักความสะอาดของคุณ ซึ่งเราของแนะนำ เครื่องดูดฝุ่น xiaomi เครื่องดูดฝุ่นไร้สายสไตล์มินิมอล ยอดนิยม ที่มีน้ำหนักเบา ใช้งานง่าย ราคาไม่แพง แต่มีดีไซน์มินิมอลสุดเก๋ที่วางไว้ตรงไหนก็ดูดีไปหมด

เครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้าม เป็นอีกเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้งานเก็บกวาดกลายเป็นเรื่องง่ายๆ และยังสามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นห้อง ผ้าม่าน โซฟา เตียงนอน และยังสามารถนำไปใช้ดูดฝุ่นภายในรถยนต์ เรียกว่าเป็นอุปกรณ์เอนกประสงค์ที่คุณแม่บ้านควรมีไว้ติดบ้าน

สั่งซื้อสินค้าได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP12

535
การล้างจานอาจไม่ใช่เรื่องลำบากลำบนสำหรับใครหลาย ๆ ท่าน แต่ในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบของใครหลาย ๆ คนการล้างจานเป็นอีกหนึ่งงานบ้านที่หลายคนเหนื่อยที่จะต้องทำ บางคนทำงานมาเหนื่อยๆ กินข้าวเสร็จก็เผลอหลับไป ลืมล้างจาน ตื่นเช้ามาก็ต้องรีบออกจากบ้านไปทำงาน การแช่จานทิ้งไว้ในอ่างล้างจานนอกจากจะทำให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้วยังเป็นการเรียกแมลงต่างๆ ให้บุกขึ้นมาอีกต่างหาก และแน่นอนว่าในโลกเทคโนโลยีเมื่อมีปัญหาย่อมมีการประดิษฐ์คิดค้นเพื่อช่วยแก้ปัญหา “เครื่องล้างจาน” อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กลายมาเป็นไอเท็มคู่ใจของพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่ ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องการล้างจาน ด้วย 3 ข้อดี ที่ช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น



1. ล้างจานได้สะอาดหมดจด
ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องล้างจานจะล้างไม่สะอาด เหตุเพราะเครื่องล้างจานจะใช้น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิประมาณ 60 องศา เพื่อช่วยขจัดคราบสกปรกที่ติดแน่น และยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่ติดอยู่บนภาชนะ เรียกได้ว่าล้างได้สะอาดล้ำลึกกว่าการล้างจานด้วยมือ ซึ่งในเครื่องล้านจานแต่ละยี่ห้อจะมีการออกแบบก้านสเปรย์ฉีดน้ำที่ช่วยในการทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เช่นว่า เครื่องล้างจาน electrolux  ที่มีเทคโนโลยี ก้านฉีดน้ำ SatelliteClean สเปรย์ฉีดน้ำที่ช่วยกระจายน้ำให้ทั่วถึงทุกมุมภายในเครื่องล้างจาน

2. ลดภาระ ประหยัดเวลา
แม้ว่าเครื่องล้างจานจะต้องใช้ระยะเวลาในการล้างจานอยู่พอสมควร แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ทั้งนี้เพราะเราสามารถปล่อยให้เครื่องล้างจานทำงานอัตโนมัติ และเอาเวลาไปทำงานอย่างอื่น หรือนั่งพักผ่อนได้อย่างสบายใจ ยิ่งไปกว่านี้ในบางรุ่นยังสามารถตั้งเวลา หรือ สั่งงานผ่านแอปพลิเคชั่นได้อีกด้วย



3. ปลอดภัยจากเชื้อโรค
การแช่จานไว้ในอ่างล้างจานเป็นสิ่งที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เพราะว่ายิ่งวางทิ้งไว้นานเท่าไหร่เชื้อโรค แบคทีเรียต่างๆ ก็ยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้น ทำให้เกิดทั้งกลิ่นรบกวน และเป็นตัวล่อแมลงชั้นเยี่ยม ซึ่งเครื่องล้างจานนอกจากจะช่วยลดภาระเรื่องเวลาและการล้านจานแล้ว ยังช่วยฆ่าเชื้อโรคให้จานชามของเราสะอาดปลอดภัย ซึ่งเครื่องล้างจาน xiaomi มีโหมดการล้างแบบทำความสะอาดล้ำลึกด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิสูงสุดถึง 75 องศาเซลเซียส สามารถกำจัดแบคทีเรียได้ถึง 99.9% พร้อมหน้าจอทัชสกรีนใช้งานได้ง่าย

เครื่องล้างจานยังมีความสามารถต่างๆ อีกมากมายที่แต่ละแบรนด์ได้เพิ่มฟังก์ชั่นเพื่อตอบสนองความต้องการและช่วยแก้ปัญหาให้กับพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่ ช่วยลดภาระงานบ้าน เพื่อให้ท่านได้มีเวลาพักผ่อนและจัดการงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น จึงไม่แปลกใจที่ไม่ว่าใครได้ลองใช้เครื่องล้างจานต่างก็ต้องยกให้เป็นไอเท็มคู่ใจของพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่กันเลยทีเดียว

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/KIT0403

536
แอร์ผนังเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมสูงในประเทศเขตร้อนอย่างบ้านเรา  สาเหตุที่แอร์ผนังเป็นแอร์ที่ได้รับความนิยมสูงเนื่องมาจากเป็นเครื่องปรับอากาศที่เหมาะกับห้องขนาดไม่ใหญ่นัก สามารถติดตั้งในจุดที่สูงกระจายความเย็นได้ไกล ทั้งยังดูแลรักษาง่าย ถ้าท่านใดกำลังมองหาเครื่องปรับอากาศมาใช้ดับร้อนในห้อง เรามีวิธีเลือกแอร์ผนังแบบไหนที่ทั้งประหยัดไฟและเย็นเร็วมาให้คุณใช้เป็นเกณฑ์การเลือกแบบง่ายๆ กันค่ะ



1. เลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง
ข้อแรกนี้เป็นหลักการเลือกแอร์ที่สำคัญที่สุด เราสามารถคำนวณได้ง่ายๆ ด้วยสูตรคำนวณ  ขนาดห้อง (ตารางเมตร) x 650-800 BTU = ขนาด BTU ที่เหมาะกับขนาดห้องโดยประมาณ  ซึ่งสามารถเพิ่มหรือลดได้อีกประมาณ 5% ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อาทิเช่น ทิศทางที่แสดงแดดกระทบผนังในช่วงเวลาต่างๆ

BTU    ห้องแอร์ปกติ    ห้องแอร์ที่โดดแดด
ขนาด 9,000 BTU    พื้นที่ 12-15 ตารางเมตร    พื้นที่ 11-14 ตารางเมตร
ขนาด 12,000 BTU    พื้นที่ 16-20 ตารางเมตร    พื้นที่ 14-18 ตารางเมตร
ขนาด 18,000 BTU    พื้นที่ 24-30 ตารางเมตร    พื้นที่ 21-27 ตารางเมตร
ขนาด 21,000 BTU    พื้นที่ 28-35 ตารางเมตร    พื้นที่ 25-32 ตารางเมตร
ขนาด 24,000 BTU    พื้นที่ 32-40 ตารางเมตร    พื้นที่ 28-36 ตารางเมตร
ขนาด 25,000 BTU    พื้นที่ 35-44 ตารางเมตร    พื้นที่ 30-39 ตารางเมตร
ขนาด 30,000 BTU    พื้นที่ 40-50 ตารางเมตร    พื้นที่ 35-45 ตารางเมตร
ขนาด 35,000 BTU    พื้นที่ 48-60 ตารางเมตร    พื้นที่ 42-54 ตารางเมตร
ขนาด 48,000 BTU    พื้นที่ 64-80 ตารางเมตร    พื้นที่ 56-72 ตารางเมตร
ขนาด 80,000 BTU    พื้นที่ 80-200 ตารางเมตร    พื้นที่ 70-90 ตารางเมตร

นอกจากนี้ต้องเลือกฟังก์ชั่นของแอร์ผนังให้เหมาะกับรูปทรงของห้อง ได้แก่ ห้องที่เป็นแนวยาว ควรเลือกใช้แอร์ผนังที่สามารถส่งความเย็นไปได้ไกลอย่างเช่น แอร์ mitsubishi ที่มีระบบ Jet Flow สามารถส่งความเย็นไปได้ไกลถึง 11 เมตร ช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วถึงทั้งห้องได้อย่างรวดเร็วแม้ในจุดที่อยู่ไกล

2. เลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ เพื่อช่วยให้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น โดยปรับให้เป็น “ฉลาก ประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5 ติดดาว” ที่มีดาวตั้งแต่ 0-3 ดาว โดยยิ่งมีจำนวนดาวมาก ยิ่งหมายถึงประสิทธิภาพการประหยัดไฟฟ้าที่มากขึ้น

3. เลือกแอร์ผนังที่มีระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter)
ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) เป็นระบบควบคุการทำงานของแอร์ด้วยไมโครคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการทำงานอัตโนมัติต่างๆ เช่นการปรับอุณหภูมิ ความเย็น ควบคุมรอบมอเตอร์ให้เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้โดยไม่ต้องหยุดการทำงาน เพื่อรักษาอุณหภูมิไม่ว่าห้องจะร้อนขึ้นหรือเย็นลง ซึ่งช่วยให้ประหยัดไฟฟ้าได้มากขึ้น อย่างเช่น แอร์ carrier ระบบอินเวอร์เตอร์ ช่วยประหยัดไฟได้มากกว่าอินเวอร์เตอร์ทั่วไป 33% ในขณะที่ แอร์ Samsung  ที่นอกจากจะมีระบบอินเวอร์เตอร์ ทำความเย็นอัตโนมัติ ยังมีเทคโนโลยี Digital Inverter Boost ช่วยให้ความเย็นเร็วขึ้นถึง 43% ได้ทั้งเย็นเร็วทั้งประหยัดไปพร้อมกัน

ท่านใดที่กำลังมองหาแอร์ผนังดีๆ ลองใช้ 3 ข้อนี้เป็นตัวช่วยในการเลือกซื้อแอร์ผนังกันดู การันตีได้ว่านอกจากจะได้แอร์ที่ประหยัดไฟฟ้าแล้ว ยังเย็นไว เย็นเร็ว และเหมาะสมกับห้องของเราอย่างแน่นอนค่ะ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP01

537
ในหนึ่งวันเราทุกคนต้องดื่มน้ำอย่างน้อย วันละ 8 แก้ว หรือ 1.5 ลิตรต่อวัน เพื่อสุขภาพที่ดี เพราะว่าร่างกายของมีส่วนประกอบถึง 70% เป็นน้ำ หากร่างกายขาดน้ำเพียงไม่กี่วันเราจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ การดื่มน้ำช่วยอะไรเราได้บ้าง มาดูกันค่ะ



1. ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึงไม่เหี่ยวย่น เพราะว่าน้ำเข้าไปเติมเต็มเนื้อเยื่อต่างๆ และเซลล์ต่างๆ จะลอยอยู่บนน้ำ น้ำจึงเข้าไปทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น เรียบเนียน  เป็นที่มาของคำว่า “ผิวอิ่มน้ำ” นั่นเอง
2. ช่วยป้องกันอาการเลือดข้น ที่เป็นสาเหตุหลักของโรคหลอดเลือด เพราะน้ำเขาไปช่วยให้เลือดไหลเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ช่วยในเรื่องระบบขับถ่ายและลำไส้ เนื่องจากลำไส้ใหญ่จะดึงต้องใช้ในน้ำการรักษาความชุ่มชื้น หากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอลำไส้ใหญ่จะต้องไปดึงน้ำจากอุจจาระเพื่อมาใช้ ทำให้เกิดอาการท้องผูกขับถ่ายยากตามมา
4. ช่วยส่งเสริมการทำงานของไต โดยน้ำจะเข้าไปเจือจางเกลือและแร่ธาตุ ลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคนิ่งและโรคไตลง
5. ช่วยควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ ร่างกายของเราใช้น้ำในการะบายความร้อนส่วนเกินออกมาในรูปของเหงื่อ ซึ่งน้ำจะนำพาเอาสารพิษและของเสียออกมาด้วย

แม้ว่าการดื่มน้ำยังมีข้อดีอีกมากมาย แต่....น้ำที่เราดื่มเราจะมั่นอกมั่นใจได้แค่ไหนว่าน้ำนั้นสะอาดไม่มีสิ่งเจือปน เนื่องจากการดื่มน้ำไม่สะอาดแทนที่จะประโยชน์ต่อร่างกาย กลับกลายเป็นผลเสียจากการรับเอาสารพิษ หรือเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย หลายท่านยอมเสียเงินเสียทองซื้อน้ำขวดลิตรแบรนด์ดังมาดื่มเวลาที่ออกไปนอกบ้าน เพื่อที่จะสามารถมั่นอกมั่นใจได้ในคุณภาพความสะอาด แต่เมื่ออยู่ที่บ้านน้ำกินน้ำใช้ทำอาหารที่เราต้องรับเข้าไปทุกวัน สะอาดเพียงพอแล้วหรือยัง?



ทั้งนี้เพราะน้ำประปาภายในบ้านของเราแม้สามารถดื่มได้ก็จริง แต่หลาย ๆ ท่านไม่สามารถทนกลิ่นและรสชาติของคลอรีนได้ จึงหันในใช้เครื่องกรองน้ำที่สามารถขจัดคลอรีน อย่าง เครื่องกรองน้ำ stiebel  ไส้กรองเมมเบรม ที่มีความละเอียดขนาด 0.01 ไมครอน ช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และสามารถขจัดคลอรีน เพิ่มแร่ธาตุและไอออนประจุลบลงในน้ำเพื่อเพิ่มรสชาติให้ดีขึ้น ดื่มได้ง่ายขึ้น หรือเลือกใช้เครื่องกรองน้ำ ที่มีไส้กรองชาร์โคล อย่าง เครื่องกรองน้ำ philips ที่สามารถกรองละเอียดขนาด 0.1 ไมครอน และกำจัดสิ่งสกปรกได้สูงสุดถึง 99% โดยสามารถกำจัดได้ทั้ง สารเคมีตกค้าง แบคทีเรีย เชื้อโรค หรือคราบหินปูน ฯลฯ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมสำหรับเครื่องกรองน้ำภายในบ้าน

แต่ถ้าหากท่านใดที่อยู่ในพื้นที่ที่น้ำมีการปนเปื้อนสูง อาทิเช่น น้ำบาดาล น้ำประปา ท้องถิ่น สนิมจากท่อประปาเก่า ควรเลือกเครื่องกรองน้ำที่เหมาะกับงานกรองน้ำหนักๆ อย่าง เครื่องกรองน้ำ pure  ไส้กรองได้รับมาตรฐาน NSF จากสหรัฐอเมริกา มี Ion Exchange Resin Filter ช่วยลดหินปูนและตะกรัน และลิขสิทธิ์เฉพาะ PURE กับสาร Microban ที่ทำหน้ายับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค และเชื้อรา ทำให้ไส้กรองน้ำมีอายุยาวนาน

น้ำที่เราควรใส่ใจไม่ควรจำกัดอยู่แค่น้ำดื่ม แต่ควรใส่ใจน้ำที่เราใช้ในการบริโภคในชีวิตประจำวันเพราะน้ำคือชีวิตและเป็นสิ่งที่เรารับเข้าสู่ร่างกายโดยตรง หากเราได้ดื่มน้ำที่สะอาด ปลอดภัย นั่นก็หมายถึงความปลอดภัยของร่างกายและสุขภาพที่ดีของเราด้วยนะคะ

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/KIT0901

538
การอาบน้ำอุ่นทุกวัน สามารถช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้นได้จริงหรือไม่ เป็นคำถามที่หลายท่านสงสัย เพราะบางท่านก็บอกว่า อาบน้ำอุ่นมากๆ ผิวจะแห้ง และทำให้ผิวเสีย ซึ่งที่จริงแล้วการอาบน้ำอุ่นทำให้ผิวดีขึ้นได้จริง ...เพียงแต่ต้องอาบให้ถูกวิธี ในวันนี้เราจะมาบอกว่าการอาบน้ำอุ่นทุกวันให้ผิวพรรณดีขึ้นต้องทำเช่นไรกันค่ะ



1. การอาบน้ำอุ่นช่วยทำความสะอาดผิว
ความอุ่นของน้ำที่อาบจะช่วยให้สิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ตามผิวหนังหลุดออกได้ง่ายขึ้น รูขุมขนสะอาดขึ้น แต่ควรใช้อุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมคงที่ ไม่ร้อนจนเกินไป ด้วยเหตุว่าถ้าน้ำอุ่นที่มีอุณหภูมิสูงเกินไป นอกจากจะชำระล้างสิ่งสกปรกแล้ว น้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไป จะไปชะล้างไขมันที่คอยให้ความชุ่มชื้นบนผิวของเราออกไปด้วย ทำให้ผิวแห้งแตก เกิดการระคายเคือง และกลายเป็นสิวอุดตันเนื่องมาจากผิวหนังเร่งสร้างไขมันขึ้นมาทดแทนส่วนที่ถูกน้ำอุ่นอุณหภูมิสูงชะล้างไป อย่างนั้นการเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นที่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้แม่นยำจึงเป็นเรื่องสำคัญ อย่างเช่น เครื่องทําน้ำอุ่น stiebel ที่สามารถปรับอุณหภูมิได้แม่นยำ ควบคุมทุกอุณหภูมิเพียงปุ่มเดียว ปลอดภัยด้วยระบบ Double Action Thermostat - ระบบตัดการทำงานเครื่อง 2 ขั้นตอน ที่จะทำการตัดไฟเมื่อเกิดอุณหภูมิน้ำสูงกว่าปกติ



2. น้ำอุ่นช่วยกระตุ้นให้เลือดลมไหวเวียนดี
การอาบน้ำอุ่นในอุณหภูมิที่พอดีจะสังเกตได้ว่า  เราจะรู้สึกผ่อนคลายและผิวหน้าและผิวกายของเรามีเลือดฝาด ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งขึ้น เพราะความร้อนจากน้ำอุ่นช่วยให้เส้นเลือดขยายตัวขึ้น เลือดของเราจึงไหลเวียนได้ดีขึ้นทันที แต่ถ้าเราอาบหรือแช่น้ำอุ่นนานเกินไป อาจทำให้เลือดไหลเวียนไปบริเวณผิวหนังมากเกินความจำเป็น ส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลงจนเกิดเป็นลมได้ ซึ่งอันตรายมาก อย่างนั้นการอาบหรือแช่น้ำอุ่นควรใช้เวลาที่พอสมควร หากต้องการนอนแช่น้ำอุ่น ก็ควรทำไมเกิน 30 นาที หรือแช่น้ำอุ่น 10 นาทีแล้วลุกขึ้นมานั่งขัดผิว แช่น้ำเย็นสลับกันไป ซึ่ง เครื่องทําน้ำอุ่น panasonic มีเทคโนโลยี E-Cycle หรือ เทคโนโลยีการสลับน้ำเย็นน้ำอุ่น ช่วยให้คุณ ๆสามารถเปลี่ยนมาอาบน้ำเย็นสลับน้ำอุ่นได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว



3. การอาบน้ำอุ่นให้ผิวนุ่มน่าสัมผัส
หลายที่อาบน้ำอุ่นแล้วรู้สึกว่าผิวแห้ง ด้วยเหตุว่าการอาบน้ำอุ่นที่ร้อนหรือนานเกินไป ย่อมทำให้ผิวถูกชะล้างไขมันที่เคลือบอยู่ ซึ่งคนที่มีผิวแห้งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะยิ่งพบว่าผิวแห้งมากขึ้น ซึ่งเราสมารถแก้ไขได้ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ประเภท Shower Oil หรือ Bath Oil ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อบำรุงผิวระหว่างอาบน้ำโดยเฉพาะการอาบหรือแช่น้ำอุ่น ซึ่งหลังการใช้ Shower Oil หรือ Bath Oil ผิวของเราจะเนียนนุ่ม ไม่แห้ง ไม่เหนียวเหนอะหนะ น่าสัมผัสอย่างเห็นได้ชัด ซึ่ง เครื่องทําน้ำอุ่น sharp ที่มีหัวฝักบัวสามารถปรับได้ 3 ระดับ แบบ COMFORT,SPRAY และ JET ให้เราปรับใช้งานล้าง Shower Oil หรือ Bath Oil ได้สะอาดหมดจด และแม้แต่ตอนที่ไฟฟ้าดับ ก็ยังใช้งาน ให้เราสามารถอาบน้ำอุณหภูมิปกติได้ ไม่ต้องกลัวว่าไฟดับกลางทางแล้วตัวเรายังคงมี Oil ของ Shower Oil ตกค้างให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ

การอาบน้ำอุ่นให้ผิวพรรณมีสุขภาพดีขึ้น นอกจากจะต้องอาบด้วยอุณหภูมิที่ไม่ร้อนจนเกินไป ใช้เวลาในการอาบที่เหมาะสมแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในการอาบน้ำที่เหมาะกับผิว และการทาโลชั่นหลังการอาบน้ำทุกครั้งค่ะ

เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/PLU0501

539


ในยุคที่ครอบครัวมีขนาดเล็กลง ทำให้การทำอาหารทานในบ้านเป็นเรื่องสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้น เพราะว่าเนื้อสัตว์และผักที่ซื้อมาไม่สามารถใช้หมดได้ในทีเดียว ตู้เย็นจึงเป็นที่ที่จัดเก็บอาหารสดไว้ได้ดีที่สุด แม้บางครั้งจะต้องสูญเสียความสดใหม่หรือรสชาติไปบ้างก็ตาม ซึ่งวิธีเก็บรักษามีหลากหลายวิธี ซึ่งในวันนี้เรานำเสนอวิธีจัดเก็บ 3 วิธีจัดเก็บอาหารในตู้เย็นให้สดและคงรสชาติได้นานที่สุด ให้คุณได้ลองนำไปใช้กัน

แนวทางเก็บรักษาเนื้อสัตว์ให้คงความสด
ในการเก็บรักษาเนื้อสัตว์ให้คงความสดได้นาน วิธีเดียวที่จะสามารถทำได้คือการ Freeze หรือแช่แข็ง แต่เมื่อเวลาที่เราจะนำออกมาทำอาหาร ก็จะต้องละลายน้ำแข็งออกเสียก่อน ควรใช้ให้หมดเนื่องจากการนำไปแช่แข็งใหม่เพื่อเก็บไว้ใช้ในครั้งต่อไป ตัวเนื้อสัตว์จะยิ่งเสียคุณภาพและรสชาติมากขึ้น

การเก็บรักษาเนื้อสัตว์สิ่งแรกที่ควรคิดถึงคือ ระยะเวลาที่จะใช้ประกอบอาหาร ในกรณีที่ต้องเก็บไว้เป็นเวลานานกว่า 3-5 วัน ควรจัดเก็บด้วยการแบ่งเนื้อสัตว์ตามขนาดที่จะใช้ประกอบอาหาร ใส่ภาชนะหรือถุงที่ปิดสนิทแล้วนำไปแช่แข็งเอาไว้ เมื่อจะใช้ประกอบอาหารก็เพียงแค่หยิบตามจำนวนที่ต้องการมาละลายน้ำแข็ง ไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาละลายเนื้อหมูทั้งก้อน หรือเนื้อปลาทั้งตัว

แต่ในกรณีที่เราจะใช้เร็วๆ นี้ เราสามารถเก็บเนื้อสัตว์ใส่ภาชนะที่ปิดสนิทแล้วแช่งไว้ในช่องสำหรับถนอมอาหารประเภทเนื้อสัตว์โดยเฉพาะ จะสามารถเก็บรักษาความสดและรสชาติได้ประมาณ 3-5 วันเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น วันนี้เราสามารถเก็บรักษาเนื้อสัตว์โดยไม่ต้องแช่แข็งได้นานขึ้นกว่าเดิม ด้วยเทคโนโลยี Optimal Fresh Zone ใน ตู้เย็น Samsung แช่แข็งขนาดใหญ่ที่สามารถแช่ไก่ได้ทั้งตัวที่อุณหภูมิ -1 องศาเซลเซียส ทำให้สามารถเก็บรักษาความสดได้นานขึ้น 2 เท่า โดยเนื้อสัตว์จะไม่แข็งเป็นน้ำแข็ง ยังคงความสด นุ่ม เหมือนเพิ่งซื้อมา นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนการใช้งานให้กลายเป็นช่องแช่เย็นเพื่อใช้แช่ผักผลไม้ให้คงความสดใหม่ได้ยาวนานอีกด้วย



วิธีจัดเก็บผักให้สดกรอบเหมือนเพิ่งซื้อมา
ผักสดเป็นอาหารอีกประเภทที่เรามักจะต้องซื้อมาในปริมาณมากแต่มักใช้ไม่หมด วิธีการเก็บรักษาที่ส่วนมากนิยมทำคือเก็บใส่ถุงหรือกล่องที่ปิดสนิท แต่มักจะพบปัญหาผักเน่าเสียไว เนื่องมาจากไอน้ำที่ผักปล่อยออกมา ซึ่งเราสามารถแก้ไขได้สะดวกๆ ด้วยการล้างผักให้สะอาด แล้วนำไปผึ่งให้สะเด็ดน้ำก่อนเก็บใส่ถุงหรือกล่องปิดสนิท โดยแนะนำให้ใส่ทิชชู่อเนกประสงค์รองไว้ด้านล่างก่อนใส่ผัก แล้วนำทิชชู่เอนกประสงค์ปิดไว้ด้านบนเพื่อช่วยดูดซับไอน้ำที่ผักคายออก ทำให้ผักไม่เน่าเสียง่าย คงคุณภาพความสดไว้ได้นานขึ้น

นอกจากนี้เราสามารถยืดอายุผักได้นานขึ้นไปอีกด้วยการจัดเก็บผักไว้ในช่องแช่สำหรับแช่เย็นผักโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีระบบไหลเวียนของความเย็นและอุณหภูมิที่แตกต่างเพื่อการเก็บรักษาผักผลไม้โดยเฉพาะ เช่น เทคโนโลยี HUMIDITY CONTROL ระบบควบคุมความชื้นในช่องแช่ผักของ ตู้เย็น Mitsubishi ที่ช่วยให้ผักและผลไม้สามารถคงความชุ่มชื้นและสดใหม่อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่น VITAMIN FACTORY เทคโนโลยีคงความสดจากอนุภาพแสงสีส้มช่วยถนอมผักใบเขียวให้คงความสดใหม่ได้ยาวนานขึ้น

แนวทางเก็บรักษาเนื้อสัตว์และผักด้วยระบบสุญญากาศ
เป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะว่าการเก็บรักษาเนื้อสัตว์และผักด้วยระบบสุญญากาศจะช่วยรักษาความคุณภาพและรสชาติของอาหารไว้ได้ยาวนาน ยังช่วยป้องกันเรื่องของกลิ่นอาหาร และการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรีย ลดการปนเปื้อนจากากรสัมผัสหรือเชื้อในอากาศ แต่มีข้อด้อยเรื่องความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายที่จะต้องซื้อเครื่องและถุงสุญญากาศ ซึ่งเครื่องขนาดยิ่งใหญ่ ก็จะยิ่งมีราคาแพง

ตู้เย็น Hitachi ได้ออกแบบ "ช่องแช่อาหารระบบสุญญากาศ" โดยระบบสุญญากาศรูปแบบเฉพาะของฮิตาชิจะควบคุมความดันบรรยากาศให้คงที่ ประมาณ 0.8 atm เกิดเป็นสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนต่ำ ช่วยคงไว้ซึ่งสารอาหารประเภท วิตามิน และ กรดอะมิโน ที่มักเกิดกระบวนการออกซิเดชั่นได้ง่าย จึงช่วยให้ เนื้อสัตว์ ปลา และผลิตภัณฑ์จากนม สามารถรักษาคุณภาพความสดและรสชาติไว้ได้นาน

3 วิธีด้านบนเป็นวิธีการจัดเก็บอาหารสดไว้ในตู้เย็นที่ได้ผลมากที่สุด แต่ยังไงก็อย่าลืม แปะวันที่เริ่มจัดเก็บ เพื่อช่วยในการบริหารจัดการอาหารสดที่เก็บไว้ในตู้เย็น ให้มีปริมาณที่เหมาะสม อันไหนที่เก็บไว้นานจนเกินไป ก็ควรทิ้งหรือนำออกไป เพื่อให้คุณได้กินอาหารที่คุณภาพและตู้เย็นสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพนะคะ

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP09

540


ในบรรดางานบ้านทั้งหมดการ “ซักผ้า” นัยว่าเป็นงานบ้านที่สาหัส ใช้แรงและเวลาในการจัดการมากที่สุดสำหรับพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลาย ที่หลังจากออกไปผจญงานหนักนอกบ้านแล้ว ยังต้องกลับมาทำซักเสื้อผ้าด้วยมือ “ เครื่องซักผ้า” เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เข้ามาช่วยให้ชีวิตประจำวันของเราให้ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องเสียแรงเสียเวลาไปกับการซักผ้าเป็นชั่วโมง ยิ่งในปัจจุบันเครื่องซักผ้ายี่ห้อต่างๆ พากันออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่ช่วยขจัดปัญหาจุกจิกกวนใจ เช่นว่า ระบบจ่ายน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มอัตโนมัติ Auto Dosing System (ADS) ของ เครื่องซักผ้า hitachi ที่ช่วยจ่ายน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ผ้าสะอาด หอมนุ่ม และลดปัญหาสารตกค้างและการอุดตันของท่อ เป็นต้น

แต่แม้ว่าเครื่องซักผ้าจะเป็นตัวช่วยที่มีประโยชน์มากเท่าใด คุณพ่อบ้านและคุณแม่บ้านหลายท่านก็ยังคงไม่แน่ใจที่จะเลือกซื้อเลือกหาเครื่องซักผ้าไว้ที่บ้าน ทั้งนี้เพราะยังมีความเข้าใจว่า เครื่องซักผ้าจะกินน้ำกินไฟทำให้ค่าใช้จ่ายภายในบ้านสูงขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว มีวิธีที่จะเลือกเครื่องซักผ้าให้ตอบสนองการใช้งาน แล้วยังช่วยประหยัดไฟ ประหยัดน้ำได้อีกด้วย

วิธีเลือกซื้อเครื่องซักผ้าแบบประหยัดไฟ ประหยัดน้ำ
เลือกขนาดของเครื่องซักผ้าให้เหมาะสมกับผ้าที่ต้องซัก
การเลือกขนาดของเครื่องซักผ้าให้เหมาะกับจำนวนของเสื้อผ้าที่ต้องซักในแต่ละครั้ง จะช่วยให้ประหยัดไฟ ประหยัดน้ำได้ดี ซึ่งขนาดของเครื่องซักผ้าที่เราพูดถึง คือ ความจุของตัวถังเครื่องซักผ้า (มีหน่วยเป็นกิโลกรัม) โดยแบ่งตามปริมาณได้ดังนี้
- ความจุ 5-7 กก. ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 25-30 ชิ้น
- ความจุ 7-9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 36-45 ชิ้น
- ความจุ 9-11 กก. ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 46-65 ชิ้น
- ความจุ 11 กก. ขึ้นไป ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 56 ชิ้น ขึ้นไป

เลือกที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 การันตีว่าประหยัดไฟแน่นอน
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่ติดไว้บนเครื่องซักผ้าเป็นเครื่องหมายแจ้งว่า เครื่องซักผ้าเครื่องนั้นได้ผ่านการทดสอบจาก สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (สฟอ.) เรียบแล้ว และในปัจจุบันบนฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็มีการเพิ่มดาวขึ้นมาบนฉลาก ตั้งแต่ 1 ดาว ไปจนถึง 4 ดาว แสดงถึงประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานที่มากขึ้นตามจำนวนดาวที่ได้รับนั่นเอง

เลือกมอเตอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) ทั้งเงียบ ทั้งประหยัดไฟ
มอเตอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ (Inverter) เป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาทำหน้าที่ควบคุมระบบมอเตอร์ ซึ่งจะต่อตรงกับตัวเครื่องซักผ้าโดยไม่มีสายพานอีกต่อไป ทำให้เครื่องซักผ้าสามารถหมุนได้หลายทิศทางมากขึ้น ทำความสะอาดได้ดีขึ้น ประหยัดพลังงานเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง เครื่องซักผ้า samsung ที่มีเทคโนโลยีดิจิทัลอินเวอร์เตอร์ สามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 40% เลยทีเดียว



เครื่องซักผ้าฝาหน้าใช้น้ำในการซักผ้าน้อยกว่ารุ่นฝาบน

เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าส่วนใหญ่ได้รับการออกแบบให้สามารถควบคุมปริมาณน้ำให้พอดีกับปริมาณของเสื้อผ้า จึงสามารถประหยัดน้ำได้มากกว่าเครื่องซักผ้าแบบฝาบน ยกตัวอย่างเช่น เครื่องซักผ้า electrolux ที่มีเทคโนโลยีที่ช่วยให้สามารถประหยัดน้ำได้มากถึง 2 ใน 3 หากเทียบกับเครื่องซักผ้าฝาบนเลยทีเดียว

เครื่องซักผ้าอาจดูเหมือนเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น แต่ถ้าเทียบกับการที่เครื่องซักผ้าเข้ามาช่วยลดภาระเรื่องงานบ้าน ให้เรามีเวลาพักผ่อน หรือเอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น ก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา และยิ่งได้เครื่องซักผ้าที่ประหยัดไฟฟ้า ประหยัดน้ำด้วยแล้ว ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแน่ๆ

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP1303

541


เวลานี้ คนหันมาให้ความสำคัญกับสกินแคร์กันเยอะขึ้น ด้วยเหตุว่าไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือออกไปข้างนอก เราก็ยังต้องพบเจอกับมลภาวะและแสงแดดกันอยู่ทุกวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สกินแคร์จึงเข้ามาทำหน้าที่ในการฟื้นบำรุงผิวหน้าของเราที่ถูกทำร้ายให้กลับมาสดใสเปล่งปลั่งสุขภาพดีอีกครั้ง และนอกจากเซรั่มหรือโลชั่นบำรุงผิวหน้าแล้ว “เอสเซ้นส์” ก็เป็นหนึ่งในสกินแคร์สุดฮิตที่คนหันมาให้ความสนใจ โดยเฉพาะในหมู่คนผิวมันและผิวบอบบาง หากพูดว่าเอสเซ้นส์เฉย ๆ บางคนอาจยังไม่รู้จักดี แต่ถ้าบอกว่า “น้ำตบ” ล่ะก็ คงจะอ๋อกันใช่ไหมล่ะคะ ในครั้งนี้เราจะพาไปดูว่าเอสเซ้นส์บำรุงผิวหน้านั้นมหัศจรรย์อย่างไรบ้าง

1. เนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว
โดยรวม เอสเซ้นส์จะมีเนื้อสัมผัสเป็นน้ำคล้ายเจล อนุภาคเล็ก และด้วยเนื้อสัมผัสที่บางเบา ทาง่าย สามารถซึมเข้าผิวได้อย่างรวดเร็ว หลาย ๆ คนพอใจเพราะว่าไม่จำเป็นต้องเกลี่ยนานมาก แค่ถูเข้ากับมือตัวเองแล้วนวดลงบนผิวหน้าเบา ๆ เท่านี้ก็เสร็จแล้ว ถือว่าเป็นขั้นตอนการดูแลผิวหน้าที่ใช้เวลาน้อย แต่ได้ประโยชน์มากเลย

2. เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า
ผิวหน้าของคนเราสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้อย่างจำกัด แต่เอสเซ้นส์จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถนั้น เอสเซ้นส์จะทำให้ผิวหน้าของเราสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้มากขึ้น เมื่อใช้แล้วผิวหน้าของเราจึงดูอิ่มน้ำ เนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้าน ทำให้ผิวหน้าของเราดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีได้ในทันที

3. เพิ่มประสิทธิภาพให้ผิวดูดซึมมอยส์เจอไรเซอร์ได้ดียิ่งขึ้น
เพราะว่าเอสเซ้นส์นั้นอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และคุณสมบัติที่ใช้น้ำเป็นส่วนผสมหลัก ไม่ว่าจะครีมหรือมอยส์เจอไรเซอร์ตัวไหน หากทาเอสเซ้นส์ลงไปก่อน ผิวหน้าของเราก็จะซึมซับสารบำรุงจากเซรั่มและมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ต่าง ๆ ให้ซึมซาบลงสู่ผิวได้สะดวกยิ่งขึ้น ดังนั้นหลังการล้างหน้าทุกครั้ง ไม่ควรลืมซับผิวหน้าให้แห้ง เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ ทาเอสเซ้นส์ และปิดท้ายด้วยครีมหรือมอยส์เจอไรเซอร์ตามต้องการได้เลย

4. ลดอาการระคายเคืองจากการเผชิญกับมลภาวะ
เอสเซ้นส์มีความสามารถในการลดอาการระคายเคืองที่อาจเกิดจากมลภาวะ ฝุ่น ควัน และสภาพอากาศ รวมถึงสามารถลดการอักเสบของสิวอุดตันได้ และช่วยเสริมเกราะป้องกันให้ผิวด้วย เหมาะสมกับทุกสภาพผิวเนื่องจากเนื้อที่บางเบาจะไม่ก่อให้เกิดการอุดตันและไม่ทำให้เกิดสิวนั่นเอง

และทั้งหมดนี้คือประโยชน์แน่น ๆ ที่เราได้จากเอสเซ้นส์หรือน้ำตบ ท่านใดที่กำลังมองหาสกินแคร์ให้ครบเซตทุกขั้นตอน อย่าลืมบวกเจ้าน้ำตบลังโคม Clarifique Dual Essence เข้ากระบวนการดูแลผิวหน้าในทุก ๆ วันด้วยนะ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.lancome.co.th/th_TH/best-sellers/clarifique-dual-essence/00369-LAC.html

542

หนึ่งในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่เราใช้กันบ่อยที่สุดก็คือเซรั่ม เซรั่มก็คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีโมเลกุลขนาดเล็กมาก  เนื้อสัมผัสจะมีความเหลวและเบาบางกว่าเนื้อครีมทั่ว ๆ ไป สีอาจเป็นสีใส ๆ หรือขุ่น ขึ้นอยู่กับส่วนผสม เซรั่มจะเข้ามาช่วยฟื้นบำรุงผิวอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผิวแข็งแรงขึ้น ถึงจะใช้แค่เพียงไม่กี่หยดแต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่ดี และสามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วและล้ำลึกถึงระดับโครงสร้างผิวเลยทีเดียว แต่นอกจากยี่ห้อและสรรพคุณของเซรั่มบำรุงผิวหน้าที่เราต้องรู้แล้ว รู้กันมั้ยว่าในเซรั่มมีอะไรผสมอยู่บ้าง? คราวนี้เราจะมาแกะส่วนผสมของเซรั่มบำรุงผิวหน้าให้ดูกันว่าในเซรั่มมีส่วนประกอบอะไร และทำหน้าที่อะไรบ้าง

1. HYALURONIC ACID
ชื่อส่วนผสมนี้ทุกท่านคงจะคุ้นหูกันเป็นอย่างดีและมีอยู่ในเซรั่มลังโคม Advanced Génifique Serum นั่นคือกรดไฮยาลูรอนิก ที่มีคุณสมบัติหลักในการอุ้มน้ำและกักเก็บน้ำให้ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู ล็อกความชุ่มชื้นไว้ใต้ชั้นผิวได้นาน ตัวกรดไฮยาลูรอนิกมีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างบางเบา จึงสามารถเกลี่ยให้ซึมเข้าผิวได้ง่ายดาย หากท่านใดมีผิวแห้งหรือผิวขาดน้ำควรมองหาส่วนผสมนี้ในเซรั่มบำรุงผิวหน้าเป็นอันดับแรกเลย

2.VITAMIN C
ถัดมาคือวิตามินซีที่เจอได้มากในผักใบเขียวและผลไม้รสเปรี้ยว ซึ่งวิตามินซีเป็นสารสกัดที่ใช้เป็นส่วนผสมหลักในเซรั่ม รวมทั้งผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามต่าง ๆ มากมายหลายแบรนด์ เนื่องด้วยวิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลาย ปกป้องอันตรายจากแสงยูวี ช่วยลดริ้วรอยแห่งวัย ทำให้ผิวดูเด็กอยู่เสมอ ยิ่งไปกว่านี้วิตามินซีในเซรั่มยังมีคุณสมบัติช่วยลดจุดด่างดำบนใบหน้า ลดความหมองคล้ำ และช่วยปรับให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอีกด้วย

3. Retinol
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวเกี่ยวกับเรื่องริ้วรอยแห่งวัยและใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย เรตินอลในเซรั่มช่วยได้ เรตินอลคืออนุพันธ์วิตามินเอ (Vitamin A) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า อีกทั้งยังสามารถช่วยรักษาสิว ลดการเกิดสิวใหม่ ช่วยเร่งกระบวนการสร้างเซลล์ให้รวดเร็วขึ้น พร้อมฟื้นฟูเส้นริ้วรอยหรือรอยย่นต่าง ๆ ให้ดูตื้นขึ้นได้ เรตินอลจะทำหน้าที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าเพื่อเผยชั้นผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน แถมยังช่วยลดเลือนจุดด่างดำที่เกิดจากการโดนแสงแดดทำร้ายอีกด้วย
แต่เรตินอลเป็นส่วนผสมที่มีความเข้มข้นและมีฤทธิ์ช่วยผลัดเซลล์ผิว จึงทำให้เหมาะจะใช้ในเวลากลางคืน เหตุเพราะแสงแดดอาจทำให้ผิวแดงหรือระคายเคืองได้ง่าย ทางที่ดีควรปรึกษาผู้ชำนาญก่อนใช้จะดีที่สุด

4. AHA
AHA คือกรดจากผลไม้ มีคุณสมบัติช่วยเร่งการผลิตเซลล์ผิวใหม่และจัดการกับสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอให้ดูสดใสมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการช่วยแก้ปัญหาจุดด่างดำและความหมองคล้ำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น

พอรู้ว่าในเซรั่มมีส่วนประกอบอะไรผสมอยู่ข้างในบ้าง ทีนี้เรานั้นก็จะใช้เซรั่มได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและตอบโจทย์ปัญหาผิวของเราเอง รวมถึงสามารถมองหาผลิตภัณฑ์อื่น ๆ มาเสริมความแข็งแรงให้ใบหน้าของเราเพิ่มเติมได้อย่างถูกจุดอีกด้วย ดังนั้นทุกท่านไม่ควรลืมที่จะบำรุงผิวหน้าด้วยเซรั่มกันอย่างสม่ำเสมอนะ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.lancome.co.th/th_TH/serums/advanced-genifique-serum/00001-LAC.html

543

มนุษย์เราในแต่ละช่วงอายุ ก็มีวิธีการดูแลผิวต่างกันไปตามสภาพผิว เมื่อเราอยู่ในช่วงวัยรุ่น ผิวหน้าของเราย่อมกระชับ ไร้ร่องรอย และเต่งตึงกว่าตอนอายุ 30 อยู่แล้ว เมื่ออายุมากขึ้น ผิวก็เริ่มเสื่อมโทรมกันไปตามธรรมชาติ แต่ถึงแม้ว่าเราจะเริ่มมีริ้วรอยตามวัย เราก็ยังสามารถชะลอให้ริ้วรอยเหล่านั้นเกิดช้าลงได้ เพียงแค่เราใช้ ครีมลดริ้วรอย ซึ่งมีประสิทธิภาพในการช่วยลดริ้วรอยแห่งวัยหรือริ้วรอยที่เกิดจากความเครียดและมลภาวะต่าง ๆ ช่วยให้ผิวหน้าของเรากลับมาดูเด็กและดูสดใสได้อีกครั้ง ในครั้งนี้เรามาดูวิธีเลือกใช้ครีมกระชับผิวให้เหมาะสมกับผิวและช่วงวัยกันดีกว่า

1. ต้องทราบปัญหาของผิวหน้าตนเองก่อน
หลายคนก็มีปัญหาผิวหน้าที่ต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นที่มีเรื่องปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ผิวหน้าแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น ผิวหน้าถูกทำลายโดยแสงแดด หรือจะเป็นวัยผู้ใหญ่ ที่มีปัญหาเรื่องผิวหน้าหย่อนคล้อย มีริ้วรอยแห่งวัย ซึ่งเราจำเป็นต้องสำรวจตัวเองและระบุให้ได้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นบนผิวหน้าเรามีอะไรบ้าง ต่อไปจึงเข้าสู่กระบวนการถัดไปค่ะ

2. ค้นหาครีมบำรุงผิวหน้าที่ตอบโจทย์ปัญหาผิว
ครีมบำรุงผิวหน้ามีมากมายหลากหลายยี่ห้อจนบางทีเราก็เลือกใช้ไม่ถูกว่าควรใช้ตัวไหน แต่มันจะง่ายดายขึ้นกว่าเดิมมากเมื่อเราทราบแล้วว่าเรากำลังมองหาครีมบำรุงผิวหน้าที่มีคุณสมบัติในการแก้ไขปัญหาผิวหน้าอะไรบ้าง เหตุเพราะทุกวันนี้ครีมบำรุงผิวหน้าได้พัฒนาไปสู่จุดที่สามารถแก้ไขปัญหาผิวหน้าได้หลายปัจจัยภายในครีมกระปุกเดียว เช่นว่า LANCÔME RÉNERGIE MULTI-LIFT ULTRA CREAM ครีมลังโคมลดริ้วรอยตัวนี้ ที่มีคุณสมบัติ ฟื้นฟูความหย่อนคล้อย เป็นทั้งครีมลดริ้วรอยและครีมลดจุดด่างดำในหนึ่งเดียว เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่กังวลกับปัญหาริ้วรอยร่องลึกและมีปัญหาจุดด่างดำบนใบหน้า เพราะว่าครีมลดจุดด่างดำตัวนี้จะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

3. พิจารณาส่วนผสมในครีมบำรุงผิวหน้า
ส่วนผสมในครีมบำรุงผิวหน้าก็เป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญที่ต้องนำมาพินิจพิจารณาว่าครีมบำรุงผิวหน้าที่เราเลือก มีสรรพคุณตามที่โฆษณาไว้หรือไม่ อย่างเช่นหากมีส่วนผสมของเรตินอลหรือคอลลาเจน ก็แสดงว่าสามารถช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่นและเพิ่มความกระชับกลับสู่ผิวได้นั่นเอง หรือหากรู้ว่าตัวเองแพ้สารประเภทใด จะได้หลีกเลี่ยงไม่ซื้อมาใช้

4. ใช้เทสเตอร์หรือซื้อขนาดเล็กมาลองใช้ก่อน
หากเรามีครีมบำรุงผิวหน้าในใจแล้ว อย่าลังเลที่จะเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์เพื่อขอเทสเตอร์มาทดลองใช้ หรือซื้อขนาดที่เล็กที่สุดมาลองก่อน เพราะว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆที่เราจะต้องรู้ก่อนว่าเราสามารถใช้ครีมดังกล่าวได้โดยที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองใด ๆกับใบหน้าของเรา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.lancome.co.th/th_TH/best-sellers/lancome-renergie-multi-lift-ultra-cream/TH-LAN-FG-0018.html

544


ขึ้นชื่อว่าอยู่ประเทศไทย ไม่ว่าจะฤดูไหนก็ร้อนชวนอ่อนใจไปทุกวัน สิ่งที่เกิดกับเราตามมาหลังจากปะทะกับมวลความร้อนในอากาศนั่นก็คือเหงื่อออก เหนอะหนะ และที่ฝันร้ายที่สุดคือหน้ามัน! ซึ่งหน้าของเราจะเยิ้มเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าให้มานั่งซับหน้าทั้งวันคงหมดกระดาษซับมันไปสามห่อได้ เพราะฉะนั้นแทนที่จะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ให้รองพื้นบางเบาและคุมมันช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้กับคุณ ๆดีกว่า ในวันนี้เราจะพาไปดูประโยชน์ของรองพื้นคุมมัน ว่าทำไมเรานั้นถึงควรใช้มันในทุกวันที่ออกจากบ้าน

1. ช่วยปกปิดรูขุมขน
รองพื้นคุมมันคือรองพื้นปกปิดรูขุมขนบนใบหน้า ถ้าเราเลือกรองพื้นที่คุณภาพดีอย่างรองพื้นลังโคม Teint Idole Ultra Wear Foundation แค่เพียงเกลี่ยลงไปบนผิวหน้าแบบบาง ๆ คุณก็จะพบว่ารองพื้นนี้ช่วยเสกให้รูขุมขนบนใบหน้าของคุณหายไปเหมือนไม่เคยมีมาก่อน ถือว่าช่วยปกปิดปัญหาบนใบหน้าของเราได้เรียบเนียนเลยทีเดียว

2. ช่วยให้หน้าใส ดูเรียบเนียน
แน่นอนว่าถ้าทารองพื้นปกปิดลงไปให้ทั่วใบหน้าแล้ว ทุกร่องรอยอันไม่พึงประสงค์ที่เราเห็นในกระจกก็จะถูกซ่อนไว้เบื้องหลังรองพื้นได้ในทันที ดังนั้นถึงใบหน้าเราจะมีสิว ใต้ตาหมองคล้ำ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ ให้รองพื้นปกปิดดีช่วยชีวิต แล้วใบหน้าของคุณจะเปล่งประกายได้เช้าจรดเย็น

3. ช่วยดูดซับความมัน
และประโยชน์หลักของรองพื้นคุมมัน ก็คือความสามารถในการดูดซับความมันนั่นเอง ทุกวันนี้รองพื้นถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า จึงมีส่วนช่วยในการยับยั้งการเกิดน้ำมันบนผิวได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้ผิวของเรามีความมันที่ลดน้อยลงเมื่อใช้รองพื้นคุมมันนั่นเอง

4. ป้องกันผิวจากแสงแดด
นอกจากจะช่วยปกปิดสิว ทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน และควบคุมความมันให้ใบหน้าเราด้วยแล้ว รองพื้นดี ๆ หลายตัวยังผสมสารกันแดดมาให้เราด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราประหยัดเวลาและลดขั้นตอนในการแต่งหน้าไปอีกเยอะเลยล่ะ

5. เพิ่มความมั่นอกมั่นใจให้กับเรา
สุดท้ายนี้ ประโยชน์ที่รองพื้นคุมมันให้กับเราคือความมั่นใจที่จะออกไปใช้ชีวิตข้างนอกในทุก ๆ วันโดยไม่ต้องกังวลกับปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้า และไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะเยิ้มระหว่างวัน เพราะว่าแค่ทารองพื้นลงไป บวกกับแต่งเติมเครื่องสำอางอีกไม่กี่อย่าง ก็สวยได้ในทันที

เบาใจเรื่องหน้าเยิ้มระหว่างวัน สู้แสงอาทิตย์ได้อย่างมั่นใจ ให้รองพื้นคุมมันเป็นตัวช่วยในทุก ๆ วัน ทีนี้หน้าร้อนจะไปท่องเที่ยวที่ไหนก็สู้แสงอาทิตย์สู้กล้องได้ทุกเมื่อ ไม่ต้องหวาดกลัวหน้าเยิ้มแล้ว

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.lancome.co.th/th_TH/best-sellers/teint-idole-ultra-wear-foundation/00005-LAC.html

545


ทดลองใช้อายครีมมาก็นานแล้ว นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอก็แล้ว แต่ทำไมรู้สึกว่าไม่ค่อยได้ผลเลยนะ ใต้ตายังเป็นแพนด้า ถุงใต้ตาก็เริ่มหย่อนคล้อยไปอีก จนหลาย ๆ ท่านยอมแพ้จะไปฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากันแล้ว แต่ก่อนที่จะไปถึงขั้นจิ้มเข็มให้เจ็บตัวกัน ลองกลับมาดูวิธีใช้ครีมลดริ้วรอยใต้ตาของเรากันก่อนดีกว่า ว่าเราใช้มันอย่างเต็มประสิทธิภาพกันแล้วหรือยัง? ในคราวนี้เรามี 5 วิธีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของอายครีมมาฝาก รับรองว่าถ้าทำตามนี้ ใต้ตาของคุณจะดีขึ้นอย่างแน่นอน!

1. ทาอายครีมก่อนเป็นสิ่งแรก
นี่คือวิธีที่ง่ายดายที่สุดที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้อายครีมของคุณ ๆ ซึ่งเป็นข้อที่หลายคนมองข้ามไป ที่เราควรทาครีมบำรุงใต้ตาก่อนจะทาครีมตัวอื่นนั่นก็เพราะถ้าทาอย่างอื่นรองไว้ก่อน อายครีมจะซึมลงไปไม่ถึงบริเวณใต้ดวงตา ซึ่งทำให้ครีมลดริ้วรอยใต้ตาของคุณแสดงประสิทธิภาพได้ไม่ดีเท่าที่ควรนั่นเอง

2. บีบใช้เท่าเมล็ดถั่วเขียวก็เพียงพอ
ข้อนี้หลาย ๆ ท่านอาจทำพลาดบ่อย เนื่องด้วยทาอายครีมไปแล้วไม่เห็นผล ก็เลยโบกลงไปหนักมาก แต่ที่จริงแล้วโบกหนาไปก็เปลืองเปล่า ๆ ก็เพราะว่าบริเวณใต้ดวงตาจะรับสารได้จำกัด ดังนั้นบีบเท่าเมล็ดถั่วเขียวก็เพียงพอแล้วจ้า

3. ทา 3 จุดใต้ดวงตา
การป้ายครีมจุดเดียวแล้วเกลี่ยไปให้ทั่ว จริง ๆ แล้วอาจทำให้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตากระจายลงไปไม่ทั่วบริเวณ ให้ลองทา 3 จุดใต้ดวงตา ไล่มาตั้งแต่หัวตา กึ่งกลางตา และหางตา เพื่อให้ครีมบำรุงผิวรอบดวงตาซึมลงไปได้ทั่วถึงนั่นเอง

4. ใช้นิ้วนางข้างที่ไม่ถนัดในการเกลี่ยอายครีม
เนื่องจากจะได้แรงกดที่เบาที่สุด เหมาะสมกับพื้นผิวบริเวณที่บอบบางอย่างบริเวณใต้ดวงตา เกลี่ยเบา ๆ จากหัวตาไปยังหางตา แตะถี่ ๆ ให้อายครีมซึมลงไป เท่านี้อายครีมก็จะซึมลงไปง่ายขึ้น และแสดงประสิทธิภาพได้ดีกว่าเดิมแล้วล่ะ

5. ไม่ทาชิดขอบตามากเกินไป
ด้วยเหตุว่าหากทาอายครีมก่อนนอนแล้วทาชิดขอบตาจนเกินไป อาจทำให้ครีมซึมเข้าไปบริเวณดวงตา เกิดอาการแสบ หรืออาจทำให้ถุงใต้ตาบวมได้ แทนที่จะเกิดประโยชน์กลับเป็นโทษซะอย่างนั้น ฉะนั้นให้ทาอายครีมแบบเว้นระยะจากดวงตาสักหน่อยเพื่อความปลอดภัยจ้า

เนื่องจากบริเวณใต้ดวงตาเป็นพื้นที่ที่บอบบางมาก ทำให้การทาครีมลดริ้วรอยใต้ตาต้องทำอย่างเบามือที่สุด และถนอมเป็นพิเศษ และต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพอย่างอายครีมลังโคม เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการบำรุงผิวรอบดวงตา หากทำตามวิธีเหล่านี้และใช้ครีมที่มีประสิทธิภาพแล้วรับรองได้เลยว่าดวงตาของท่านจะกลับมาใสปิ๊ง ลดเลือนริ้วรอยและความหมองคล้ำได้ดีขึ้นกว่าที่เคยแน่นอนค่ะ

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.lancome.co.th/th_TH/skincare-special-offers/genifique-eye-cream/00372-LAC.html  

546


เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าครีมบำรุงผิวหน้าถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ใบหน้าของเราเป็นหลัก และเรานั้นมักจะมองหาคุณสมบัติเสริมอื่น ๆ ตามความต้องการของเรา ได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ช่วยเรื่องความกระจ่างใส หรือช่วยเรื่องปกป้องหน้าเราจากแสงอาทิตย์ แท้จริงแล้ว พื้นฐานของครีมบำรุงผิวหน้ายังมีประโยชน์อื่น ๆ ที่ซ่อนอยู่อีกมาก จะมีประโยชน์อะไรบ้าง ในครั้งนี้เราจะยกตัวอย่างมาให้อ่านกันค่ะ

1. ช่วยผลัดเซลล์ผิว
การผลัดเซลล์ผิว คือการที่เซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้วจะถูกผลัดออกไป และผิวใหม่จะเผยขึ้นมาทดแทน ซึ่งปกติในช่วงอายุตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยรุ่น ผิวหนังของคนเราจะมีการผลัดเซลล์ผิวอยู่แล้ว การผลัดเซลล์ผิวจะทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส และช่วยชะลอไม่ให้ผิวหน้าของเราเกิดริ้วรอยก่อนวัย แต่เมื่ออายุของคนเรามากขึ้น ความสามารถและประสิทธิภาพการแบ่งตัวของเซลล์จะลดน้อยลงไปด้วย เซลล์เก่าที่ตายแล้วจึงไม่หลุดลอกออกไปง่าย ๆ ซึ่งมันจะเกาะรวมกันและไม่ยอมให้เซลล์ใหม่ขึ้นมาทดแทน เป็นเหตุให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ เกิดเป็นสิวอุดตันและปัญหาผิวต่าง ๆ ที่ตามมา โลชั่นบำรุงผิวหน้าหรือครีมลดริ้วรอยต่าง ๆ จึงผลิตมาเพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวให้กับเรานั่นเอง

2. ปกป้องใบหน้าจากสิ่งสกปรก
แน่นอนว่าเราไม่ควรปล่อยให้ใบหน้าของเราเผชิญกับมลภาวะและแสงแดดโดยตรง ทุกวันนี้เราต้องเจอะเจอกับสิ่งสกปรกเยอะแยะ แถมยังไม่สามารถล้างหน้าได้บ่อยตลอดทั้งวัน ครีมบำรุงผิวหน้าจึงเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะเคลือบผิวเราไม่ให้สัมผัสกับสิ่งสกปรกจากภายนอกได้โดยตรง

3. บำบัดผิว
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่ดีส่วนใหญ่จะช่วยบำบัดผิวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ทั้งอาจช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้น บำรุงให้ผิวหน้าเรียบเนียน แข็งแรง หรือจะเป็นครีมลดริ้วรอยที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยก่อนวัย ครีมที่ช่วยควบคุมความมัน สามารถป้องกันสิวได้ หรือช่วยกระชับรูขมขนให้ดูเล็กลง เหล่านี้คือสรรพคุณที่ช่วยบำบัดผิวหน้าให้เราไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีการถนอมผิวหน้าที่เห็นผลได้ง่าย รวดเร็ว และปลอดภัย แต่ต้องเลือกโลชั่นบำรุงผิวหน้าที่มีคุณภาพดีและเชื่อถือได้ด้วยนะ

4. ลดปัญหาผิวหน้า
สุดท้าย ครีมบำรุงผิวหน้า เกิดมาเพื่อลดปัญหาบนใบหน้าที่กวนใจเรา เรียกได้ว่าช่วยแบ่งเบาภาระให้ผิวเราเลยทีเดียว เพียงแค่เราเลือกใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่ตอบโจทย์ปัญหาผิวของเรา และใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น การใช้ครีมลดริ้วรอยเมื่ออายุมากขึ้น และถ้าบำรุงผิวหน้าด้วยโลชั่นเป็นประจำก็ไม่ต้องกังวลกับปัญหาผิวหน้าแล้วล่ะ

ทั้งนี้หากยังไม่มีครีมบำรุงผิวที่ขาดไม่ได้ อย่าลืมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Lancome Absolue ครีมลังโคมลดริ้วรอย ที่มีส่วนผสมล้ำค่าอย่าง Grand Rose Extract มาพร้อมกับประสบการณ์การดูแลผิวขั้นสูงสุด ช่วยฟื้นฟูบำรุงผิวให้ดูอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอยลึก พร้อมเผยผิวดูเปล่งปลั่งกระจ่างใสดูสุขภาพดี

รู้อย่างนี้แล้ว หลังตื่นนอนตอนเช้าและก่อนนอนในตอนกลางคืน ห้ามลืมทาครีมบำรุงผิวหน้ากันนะ เพื่อที่ใบหน้าของเราจะได้แข็งแรง ลดริ้วรอยแห่งวัย และกระจ่างใสไปอีกนาน ๆ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.lancome.co.th/th_TH/skincare/by-range/absolue/

547


เป็นกันไหม ในเวลานอนดึกตื่นเช้าทีไร ใต้ตาต้องเป็นหมีแพนด้า แถมหน้าก็ดูโทรมมากเลย จะเอาเครื่องสำอางกลบเช่นไรก็เอาไม่อยู่แล้ว ถ้าอยากตื่นนอนมาแบบหน้าปังล่ะก็ ลองมาโกงเวลานอนกันด้วยเซรั่มกลางคืนกันดีกว่า และยิ่งถ้าทาอย่างถูกวิธีก็ยิ่งดูเหมือนคนนอนครบ 8 ช.ม.ทุกวันเลยนะ ในคราวนี้เราจะพามาดูเคล็ดลับการใช้เซรั่มกลางคืนอย่างไรให้ปังสุด ๆ กัน!

1. พยายามล้างหน้าให้สะอาดที่สุดก่อนลงเซรั่มบูสต์ผิว
เพราะว่าหากล้างหน้าไม่สะอาด สิ่งสกปรกที่หลบซ่อนอยู่ตามรูขุมขนจะเป็นตัวสกัดกั้นไม่ให้เซรั่มที่เรานั้นเพิ่งทาลงไปนั้นซึมซาบสู่ผิวได้โดยสวัสดิภาพ มีผลกระทบให้เซรั่มแสดงประสิทธิภาพบนผิวหน้าของเราได้ไม่เต็มที่ ด้วยเหตุนั้นเพื่อเปิดทางให้เซรั่มได้ทำหน้าที่ปรนนิบัติผิวหน้าของเราได้เต็มที่ ก็ต้องเริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาดทุกที่ก่อน จากนั้นเราจะพบว่าเซรั่มบูสต์ผิวของเราทำหน้าที่ได้ดีขึ้นมากเลยทีเดียว

2. ทาเซรั่มบูสต์ผิวในขณะที่ผิวหน้ายังชุ่มชื้น
เนื่องด้วยผิวที่ชุ่มชื้นจะทำให้เซรั่มนั้นซึมผ่านได้ง่ายกว่าผิวแห้งเป็น 10 เท่า สาเหตุก็คือเซรั่มนั้นมีส่วนผสมหลักคือน้ำ เมื่อน้ำเจอผิวหน้าที่ชื้นก็ย่อมกระจายตัวได้ดีกว่าบนผิวหน้าที่แห้งอยู่แล้ว ดังนั้นช่วงเวลาที่เหมาะจะลงเซรั่มกลางคืนก็คือหลังจากล้างหน้าให้สะอาด หรือหลังเช็ดผิวหน้าด้วยโทนเนอร์นั่นเอง

3. ใช้น้อย เห็นผลมาก
โยนความคิดที่ว่าใช้เซรั่มกลางคืนมาก ๆก็จะเห็นผลมากออกไปก่อน เพราะว่าเซรั่มบูสต์ผิวทุกหยดมีสารบำรุงผิวในระดับเข้มข้นอยู่แล้ว เราจึงควรใช้เพียงแค่ 2-3 หยดก็เพียงพอ ยิ่งทาเยอะไปนอกจากผลดีจะไม่เป็นที่ปรากฏแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอนคือการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุและเซรั่มก็จะหมดอย่างรวดเร็ว ต้องหาซื้อใหม่วนไป

4. หลีกเลี่ยงเซรั่มที่มีส่วนผสมของสีสังเคราะห์และน้ำหอม
ข้อนี้คือสิ่งที่ต้องจดไว้ก่อนซื้อเซรั่มกลางคืนมาใช้ ก็เพราะว่าในเมื่อเป็นสิ่งที่ผิวหน้าเราจะต้องสัมผัสกับมันโดยตรงแล้ว เราจึงควรเลือกเซรั่มที่อุดมไปด้วยสารบำรุงผิว มากกว่าจะอุดมไปด้วยสีสันหรือกลิ่นหอม ๆ ที่ไม่ได้ส่งผลประโยชน์ใด ๆ ต่อหน้าเราเลย

5. ทาเซรั่มแล้วทิ้งไว้สักพัก หลังจากนั้นจึงค่อยทาครีมอื่นทับลงไป เปรียบเสมือนการต่อคิว เมื่อเซรั่มกลางคืนถึงคิวที่จะถูกทาลงบนผิวหน้าของเราแล้ว เราก็ควรรอให้เค้าซึมซาบและแสดงประสิทธิภาพสูงสุดให้เสร็จก่อนสัก 5 นาที ต่อจากนั้นจึงค่อยทาครีมตัวถัดไปจ้า

เชื่อได้เลยว่าแค่เพียงเพิ่มเทคนิคการทาเซรั่มกลางคืนสักนิด เซรั่มบูสต์ผิวก็จะสามารถเข้าไปปรนนิบัติผิวของเราในยามค่ำคืนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ใบหน้าในยามตื่นนอนตอนเช้าของเราก็จะดูสุขภาพดีและสดใสขึ้นอีกเป็นกองอย่างแน่นอนค่ะ

ติดต่อสอบถามได้ที่
Website : https://www.lancome.co.th/th_TH/serums/advanced-genifique-sensitive/00003-LAC.html

548


ใคร ๆ ก็คงปรารถนาให้ห้องน้ำของตัวเองสะอาดสะอ้านกันอยู่แล้ว แต่ถึงจะต้องการอย่างนั้นบางบ้านก็อาจมีคราบ มีร่องรอยสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ แบบนี้ก็คงแอบกังวลใจไม่น้อย จึงไม่อยากให้คุณ ๆต้องทนอยู่แบบนั้นอีกต่อไป ขอเผยวิธีล้างห้องน้ำด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำและน้ำยาช่วยขจัดคราบ การันตีความสะอาดเอี่ยม ถูกอกถูกใจทุกคน ปลอดภัย ไร้กังวลกับสิ่งสกปรกแน่นอน

น้ำยาล้างห้องน้ำกับวิธีการทำความสะอาดที่ถูกต้อง
1. ต้องเลือกน้ำยาช่วยล้างห้องน้ำให้เหมาะสม
วัสดุหลักที่หลายบ้านต้องใช้ปูพื้นห้องน้ำก็คือกระเบื้อง เมื่อเวลาผ่านไปการใช้งานมากขึ้น โดนน้ำบ่อย ๆ เกิดร่องรอยความสกปรก ก็ต้องมีร่องรอยคราบฝังลึกต่าง ๆ จากยาสระผม คราบสบู่ หรือคราบตะกรัน เชื้อรา ปัจจุบันมียี่ห้อน้ำยาที่ช่วยล้างมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือน้ำยาล้างห้องน้ำเป็ด ที่พร้อมขจัดคราบ ขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ ให้หลุดออกไปเพราะว่ามีส่วนผสมของกรดเกลือ หรือ hydrochloric acid แถมช่วยฆ่าเชื้อโรค และป้องกันพื้นลื่นอีกด้วย

2. อ่างล้างหน้าก็ต้องล้างนะ
นอกเหนือไปจากพื้นห้องน้ำแล้ว ก็ไม่ควรลืมเรื่องของอ่างล้างหน้าด้วย เพราะถือเป็นแหล่งที่ต้องโดนน้ำมาก ผ่านการชำระล้างสิ่งต่าง ๆ บ่อยครั้ง การปล่อยทิ้งไว้จะยิ่งทำให้เกิดคราบมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นคราบหมองมองเห็นได้ไม่ชัดเจน จึงต้องไม่ลืมทำความสะอาด

3. ผนังห้องน้ำก็ต้องทำความสะอาดเช่นกัน
ในส่วนของห้องน้ำที่เป็นกระเบื้อง จำเป็นต้องล้างด้วยน้ำยาช่วยล้างห้องน้ำ รวมถึงน้ำยาขจัดคราบ เพื่อลดปัญหาคราบฝังลึกที่เกิดจากคราบไขมันผม สบู่ ยาสระผม ฯลฯ แม้ไม่มากเท่ากับพื้นแต่ก็มักจะเกิดคราบเชื้อราสะสมจากการโดนน้ำได้เช่นกัน โดยการเช็ดอาจต้องใช้อุปกรณ์เสริมอย่าง ฟองน้ำ ผ้า หรือแปรงแบบแข็งที่จะช่วยรักษาพื้นผิวไว้คงอยู่

4. ตัวช่วยล้างชักโครก หรือส้วม
ชักโครก หรือโถส้วมค่อนข้างสำคัญมาก ต้องล้างทำความสะอาดภายในให้ดีที่สุด เนื่องจากมีคราบสกปรกที่มาจากสิ่งปฏิกูล เชื้อโรค แร่ธาตุ และกลิ่น ควรใช้น้ำยาของโถสุขภัณฑ์โดยตรง หรือถ้าคราบเยอะ ๆ ก็ควรใช้น้ำยาช่วยขจัดคราบด้วย เพื่อการออกฤทธิ์ที่มีประสิทธิภาพ ไม่ทำร้ายผิวสุขภัณฑ์มากเกินไป

น้ำยาสำหรับล้างห้องน้ำนับเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยขจัดสิ่งสกปรก คราบฝังลึกต่าง ๆ ที่มีตามห้องน้ำให้ออกไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ หลายท่านอาจเลือกใช้ผงซักฟอกมาล้าง แต่จริงแล้วการเลือกใช้ผงซักฟอกค่อนข้างล้างเอาออกยากมาก ล้างพื้นกระเบื้องก็ยิ่งทำให้ลื่น กรณีที่ผนังเป็นปูนก็ทำให้เกิดคราบแป้ง หรือฟอสเฟตที่ตกค้างอยู่ก็เป็นได้ จึงอยากแนะนำให้ใช้สิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ด้านนี้โดยเฉพาะจะเป็นการดีที่สุด

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0610

549


ด้วยสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 หรือโควิด – 19 ทำให้หลาย ๆ คนต้องการใช้ตัวช่วยปรับบรรยากาศด้วยเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง ลดความเสี่ยงต่อการเกิดความเจ็บป่วย และหากท่านใดที่มีแผนจะเลือกซื้ออยู่อยากให้ลองมาเรียนรู้รายละเอียดต่อไปนี้ดู ต่อจากนั้นค่อยเปรียบเทียบกันชัด ๆ ว่าจะเลือกแบรนด์ไหนใช้งานที่ดีที่สุด เพื่อให้การเลือกซื้อเลือกหาตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศง่ายมากขึ้น ได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพตามคาดหวัง
พาไปชมเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหน โดนใจใช่เลย
1. Sharp FP-J30TA-B
ต้องบอกคุณสมบัติของเครื่องฟอกอากาศ Sharp รุ่น FP-J30TA-B 23 ตารางเมตร ,uเทคโนโลยีทรงพลัง Plasma Cluster Ion ปล่อยพลังบวกและลบได้อย่างดีที่สุด สามารถจัดการกับเชื้อไข้หวัดนก H5N1 เชื้อแบคทีเรีย และฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ การทำงานเงียบมาก ตั้งเวลาไว้ได้ 4 ชม. หรือ 8 ชั่วโมง มี HEPA Filter แบบกรองฝุ่นได้ อายุการใช้งานประมาณ 2 ปี สามารถเก็บฝุ่นละอองต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วทันใจ มีไฟสัญลักษณ์แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยนไส้กรอง

2. Philips AC0820/20
มาต่อกันที่เครื่องฟอกอากาศ Philips รุ่น AC0820/20 49 ตารางเมตร กันบ้าง โดยจะมีความสามารถในการดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไปจนถึงฝุ่นละอองขนาดใหญ่ ทั้งแบบที่มองเห็นและมองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็หายห่วง สามารถดักจับฝุ่นละอองขนาด 0.003 ไมครอนได้ ซึ่งเล็กยิ่งกว่าฝุ่น PM 2.5 เสียอีก มีหน้าจอแสดงผลเพื่อบอกสภาพอากาศ หรือสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ เหมาะกับการวางไว้ในพื้นที่ 532 ตารางฟุต มีระบบหมุนเวียนอากาศแบบ 3 มิติ ใช้เวลาแค่ 16 นาทีก็ฟอกอากาศให้ห้องที่มีขนาดพื้นที่ 20 ตารางเมตร ได้แล้ว

3. Xiaomi XMI-FJY4031GL(3H)
ตบท้ายกันที่เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi รุ่น XMI-FJY4031GL(3H) 45 ตารางเมตร ด้วยความสามารถในการฟอกอากาศที่บริสุทธิ์ได้ 400 ลูกบาศก์เมตร / ชั่วโมง มีความแม่นยำสูงแบบเซนเซอร์ Micro-scale Particle Laser มีแรงดันไฟฟ้า 100 – 240 โวลต์ พื้นที่ใช้งาน 45 ตร.ม. สามารถเชื่อมต่อด้วยแอพ Mi Home ได้ พร้อมระบบเสียงควบคุมอัจฉริยะ AI จอสัมผัสเป็นแบบ OLED Touch Display ที่สำคัญเซนเซอร์เป็นแบบ Micro-scale Particle Laser ที่มีความแม่นยำสูงมาก ไวต่อคุณภาพอากาศชนิดที่เป็นแบบ Real-time กันเลยทีเดียว

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันเครื่องฟอกอากาศค่อนข้างได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างมากมาย แต่ละรุ่น แต่ละแบรนด์ที่รีวิวมานี้ก็มีความน่าสนใจแตกต่างกันออกไป เอาเป็นว่าเลือกในแบบที่เหมาะตอบสนองการใช้งานของตนเองมากที่สุดจะดีกว่า สิ่งสำคัญต้องทำความเข้าใจคู่มือการใช้งานก่อนด้วย และระวังวิธีใช้แบบผิด ๆ อาทิเช่น ไม่ควรดึงหรือบิดสายไฟ ไม่ควรวางใกล้พื้นที่ที่อับชื้น อาทิเช่น ในห้องน้ำ หรือหน้าห้องน้ำ ไม่ควรวางใกล้กับวัตถุไวไฟต่าง ๆ ไม่ควรวางเครื่องลักษณะเอียง หรือทางลาดชันทั้งนี้เพราะจะเสี่ยงร่วงตกลงมาได้ เพียงเท่านี้รับรองอากาศในบ้านจะดีขึ้นอีกเยอะ

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP02

550


ใครที่อยากซื้อทีวีไปดูเพลิน ๆ สร้างความบันเทิงชนิดที่สีสวย ภาพคมชัด แต่ยังคิดไม่ออกว่าจะเลือกซื้อเลือกหาแบรนด์ไหน อันที่จริงทุกวันนี้ต้องยอมรับว่ามีผู้ผลิตที่พยายามพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ควรค่าต่อการซื้อติดบ้านไว้ไม่แพ้กัน ในบทความนี้จะขอรีวิวให้เห็นกันชัด ๆ 4 แบรนด์ไปเลย ซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง เรียนเชิญทุกท่านตามไปดูพร้อม ๆ กันดีกว่า ห้ามพลาดเด็ดขาด

รีวิว 4 ทีวี ยี่ห้อไหนดี ควรค่ากับการใช้งาน
1. Samsung (4K, QLED, Smart TV, 2021) QA55Q65AA ABKXXT

พูดเลยว่าทีวี Samsung รุ่น (4K, QLED, Smart TV, 2021) QA55Q65AA ABKXXT หน้าจอ 55 นิ้ว ภาพมีความคมชัดระดับ 4K กำหนดความละเอียดที่ 3,840 x 2,160 พิกเซล ผ่านชิพประมวลผลแบบ Quantum Processor Lite 4K ออกแบบมาได้ค่อนข้างบางเฉียบ สามารถจัดวางหรือนำไปตกแต่งไว้หลายพื้นที่ สีสดสวยงาม เสมือนอยู่ตรงหน้าจริง ๆ ด้วยเทคโนโลยี Quantum Dot ร่วมด้วยเทคโนโลยี Dual LED ปรับโทนสีเข้ากับอารมณ์ของคอนเทนต์ นอกจากนี้ยัง สามารถสั่งการด้วยเสียงเป็นภาษาไทยผ่านรีโมตบนแพลตฟอร์ม YouTube ได้ มี Solar Cell Remote ช่วยให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น

2. LG (4K, Smart, Magic Remote) 43UP7750PTB
มาต่อกันที่ทีวี LG รุ่น (4K, Smart, Magic Remote) 43UP7750PTB หน้าจอขนาด 43 นิ้ว ที่มีความละเอียดภาพสวยคมชัดระดับ 4K แบบ Real 4K มี Active HDR มีทั้งชนิด HLG และ HDR 10 Pro รองรับการทำงานด้วยเสียง ด้วย AI สมาร์ททีวี ใช้ Apple Airplay 2 ที่สามารถแชร์คอนเทนต์จากระบบ IOS เข้าจอทีวีได้ไม่ยาก ระบบแบบ Magic Remote ใช้งานได้เสมือนเม้าส์ไร้สาย สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พลังเสียง 20 วัตต์ พร้อมระบบเสียง 2.0 Ch

3. Sharp (4K, Android) 4T-C60CK1X
มาต่อกันที่ทีวี Sharp รุ่น  (4K, Android) 4T-C60CK1X หน้าจอขนาด 60 นิ้ว ที่มีหลอดภาพการทำงานแบบ LED Blacklight หน้าจอกว้าง 60 นิ้ว กับความละเอียดระดับ 4K Ultra HD รับชมความสนุกสนานได้ด้วย Smart TV ที่รองรับการใช้งานของ YouTube, Netflix และ Google Play เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่าน Bluetooth มีช่อง USB ให้ รับชมไฟล์ภาพยนตร์ ภาพต่าง ๆ หรือเพลงได้ด้วย ตัวรับสัญญาณแบบดิจิตอลในตัว ช่องต่อ HDMI รับการเชื่อมต่อภาพและเสียงให้บันเทิงยิ่งกว่าเดิม

4. TCL (Full HD) 40D3000
ปิดท้ายกันที่ TCL รุ่น (Full HD) 40D3000 หน้าจอขนาด 40 นิ้ว ที่มีภาพระดับ FHD ความละเอียด 1,920 x 1,080p เป็นแบบ USB 2.0 ที่พร้อมเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการส่งภาพสูงด้วยระบบ  HDMI 1.4 พร้อมสนุกไปกับเครื่องข่าย Wi-Fi 2.4 G สามารถร่วมพักผ่อนกันได้ทั้งบ้านแบบเพลิน ๆ

อย่างไรก็ดี หากท่านสามารถเลือกทีวีได้แล้ว ต้องระมัดระวังการเคลื่อนย้ายให้มาก และเพื่อป้องกันความเสียหาย ไม่ควรวางในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง มีฝุ่นหนา เมื่อพบว่ามีปัญหา ชำรุด ควรรีบหยุดการใช้งาน และติดต่อช่างผู้ชำนาญมาตรวจสอบทันที

สั่งซื้อสินค้าได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA07

หน้า: 1 ... 6 7 8 9 10 [11] 12 13