ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - เด็กหญิงหัวโต

หน้า: [1]
1


บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 50 ปี
ในปี พ.ศ. 2555 ในโอกาสนี้ ได้จัดทำภาพยนต์โฆษณา ชุด “Generation of happiness” ภายใต้แนวคิด “50 ปี บนเส้นทางแห่งความผูกพันจากรุ่นสู่รุ่น ที่ทำให้ทุกช่วงเวลาเป็นช่วงเวลาแห่งรอยยิ้มและความสุขที่กาลเวลาไม่อาจลบ เลือนตลอด 50 ปี พร้อมเติมเต็มความสุขเคียงข้างกันนับจากนี้และตลอดไป” ซึ่งเนื้อหาของภาพยนต์โฆษณาได้สะท้อนเรื่องราวของการอยู่ร่วมกันของลูกค้า สังคมไทยและรถยนต์โตโยต้าที่อยู่เคียงข้างกันมาอย่างยาวนานตลอด 50 ปี ดังที่ว่า “จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่น ความผูกพันไม่เคยเปลี่ยนแปลง 50ปี โตโยต้า ร่วมทางตลอดมา เคียงข้างตลอดไป”

สามารถติดตามผลงานภาพยนต์โฆษณา 50 ปี โตโยต้าได้ที่ www.toyota.co.th/50th


2
โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบรอบ 50 ปี ในปี พ.ศ. 2555
โตโยต้ามุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการมอบความสุข และสร้างรอยยิ้มให้แก่คนไทยทุกคน เพื่อให้ปีนี้เป็น
“ปีแห่งความสุขของคนไทย” ผ่านกิจกรรมการตลาดและกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ รวมถึงการจัดทำเพลงพิเศษ ชื่อว่า  "ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ"  ขับร้องโดยศิลปิน "ดา-เอ็นโดฟิน" หรือ ธนิดา ธรรมวิมล ภายใต้แนวคิด  "ความผูกพันและห่วงใย คือความสุขและรอยยิ้มที่มีให้กันตลอดมาและตลอดไป" ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูง และได้รับการเข้าชมถึงกว่า 6 ล้านครั้ง ผ่านทางเว็บไซต์ยูทูป (www.youtube.com) ภายในระยะเวลาเพียง 4 เดือน  
หนึ่งในการส่งมอบความสุขและรอยยิ้มให้แก่คนไทย คือกิจกรรม “ร้องดีโดนใจ โตโยต้าพาไปญี่ปุ่น” ซึ่งเป็นการส่งความสุขผ่านเสียงเพลง “ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ” เพลงพิเศษในโอกาสครบรอบ 50 ปีโตโยต้า ด้วยการอัพโหลดคลิปวีดีโอผลงานการร้องเพลงในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าแบบเดี่ยว คู่ หรือ กลุ่ม (ไม่เกินทีมละ 4 คน) มาที่เว็บไซต์www.toyota.co.th/50th/karaoke โดยมีผู้สนใจลงทะเบียนกว่า 620 ทีม โดยในวันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ อาคาร The Style by TOYOTA  สยามสแควร์ ได้คัดเลือกเหลือ 5 ทีมสุดท้าย ได้แก่
1. Mint and Dad
2. Sleep all day
3. AM PM
4. iHear band
5. โบเอ๊อยากไปญี่ปุ่น
  ซึ่งทั้ง5 ทีมดังกล่าวได้รับรางวัลเงินสดมูลค่า 20,000 บาท ในการผลิตคลิปวีดีโอเพลง “ยิ่งรู้จัก ยิ่งรักเธอ” ในมุมมองของความผูกพันที่แตกต่างกัน และร่วมทำกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ อาทิเช่น สร้างเฟสบุ๊ค แฟนเพจ ภายใต้แนวคิด
“สร้างรอยยิ้ม ส่งความสุข ผ่านแฟนเพจ” เพื่อสร้างเครือข่ายความสุขในสังคมออนไลน์ภายใต้ เฟสบุ๊ค โตโยต้า ซีเอสอาร์
นอกจากนั้นทั้ง 5 ทีมได้ร่วมสร้างรอยยิ้มให้กับน้องๆผู้ขาดแคลนโอกาสผ่านทางเสียงดนตรี ณ สถานสงเคราะเด็กชายบ้านปากเกร็ด นนทบุรี ในวันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงการอยู่เคียงข้างกันระหว่างโตโยต้าและสังคมไทย รวมถึงการแสดงคอนเสิร์ตในรอบชิงชนะเลิศ ณ ศูนย์การค้าเมเจอร์ รัชโยธิน กรุงเทพมหานคร ในวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายนนี้โดยกิจกรรมส่งมอบความสุขเหล่านี้ถือเป็นหนี่งในการตัดสินในรอบชิงชนะเลิศโดยมีรายละเอียดเกณฑ์การตัดสินดังนี้ แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่ ส่วนที่ 1 คะแนนสะสมออนไลน์ (คิดเป็น 40%) และ ส่วนที่ 2 คะแนนจากการร่วมแสดงคอนเสิร์ต (คิดเป็น 60%) ซึ่งมีคณะกรรมการ ในการตัดสินรอบชิงชนะเลิศดังนี้
1. นายประกาศิต โบสุวรรณ    (ปั๋ง)        ให้คะแนนในส่วนความสร้างสรรค์ในการแสดงออกของผู้เข้าแข่งขัน
2. นายรุ่งโรจน์    ดุลลาพันธ์  (ครูโรจน์) ให้คะแนนในส่วนความไพเราะของเพลง จังหวะและทำนองเพลง
3. นายศรัทธา      ศรัทธาทิพย์ (ครูรักษ์)  ให้คะแนนในส่วนบุคลิกภาพ และลีลาการร้อง
4. นายบุญชวน    วิภูษณวนิช      ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
ให้คะแนนในส่วนภาพรวมของกิจกรรม

ผลการตัดสินกิจกรรม “ร้องดีโดนใจ โตโยต้าพาไปญี่ปุ่น” มีดังนี้
รางวัลชนะเลิศ  ได้แก่ ทีม “AM PM” โดยได้รับรางวัล  ทริปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น 5 วัน 4 คืน จำนวน 4 ท่าน
พร้อมเงินสด 20,000 บาท
รางวัลชมเชย ให้แก่ 4 ทีมที่เหลือ โดยได้รับรางวัล เงินสดทีมละ 20,000 บาท
รวมมูลค่าของรางวัลทั้งสิ้น  530,000 บาท
และนี่เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการตอบแทนสังคมไทยด้วยการส่งมอบความสุข สร้างรอยยิ้มให้แก่คนไทยทุกคนในโอกาสครบรอบ 50 ปี โตโยต้า และพร้อมที่จะร่วมสร้างสรรค์สังคมไทยให้เป็นสังคมที่น่าอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไปดังปณิธานที่ว่า
“50 ปี โตโยต้า ร่วมทางตลอดมา เคียงข้างตลอดไป”


นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เป็นประธานการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในกิจกรรม “ร้องดีโดนใจ โตโยต้าพาไปญี่ปุ่น” ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมครบรอบ 50 ปีโตโยต้าที่จะร่วมส่งความสุข สร้างรอยยิ้มให้แก่คนไทยทั้งประเทศผ่านเสียงเพลงในวันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การค้าเมเจอร์ รัชโยธิน กรุงเทพมหานคร
  หมายเหตุ - สามารถดาวน์โหลดรูปภาพกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่
http://www.toyota.co.th/prdatabase/01.asp?news_id=406  หรือที่
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.523846374308504.137686.132791763413969&type=1

3


ซูซูกิ เติมความเร้าใจทุกประสาทสัมผัสอีกครั้ง  เปิดตัว New Suzuki Swift รุ่นเกียร์ธรรมดา  
ชูสุดยอดดีไซน์สปอร์ตแฟชั่น ควบคู่สมรรถนะความปลอดภัย ความประหยัด และความมั่นใจทุกการขับขี่  เคาะราคาเริ่มต้น 429,000 บาท  

กรุงเทพฯ – 6 สิงหาคม 2555 – บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เติมความเร้าใจทุกประสาทสัมผัสอีกครั้ง หลังจากที่ได้แนะนำ All New Suzuki Swift 1.25 ลิตร รุ่นเกียร์อัตโนมัติ CVT ตั้งแต่ช่วงต้นปี และได้รับการตอบรับที่ดีอย่างท่วมท้นเกินความคาดหมาย ด้วยยอดขายไปแล้วกว่า 5,000 คันจนถึงปัจจุบัน  และวันนี้ ซูซูกิพร้อมตอบความต้องการของตลาดด้วย New Suzuki Swift รุ่นเกียร์ธรรมดา ที่มาพร้อมกับสุดยอดดีไซน์สไตล์สปอร์ตแฟชั่น ควบคู่กับสมรรถนะความปลอดภัย ให้ความมั่นใจทุกการขับขี่ และให้ความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม  โดยเคาะราคาเริ่มต้นที่ 429,000 บาท  เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่แบบเข้าถึงทุกสัมผัส ด้วยอำนาจการควบคุมรถที่มากกว่า ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว 91 แรงม้า พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย เทคโนโลยีและวิศวกรรมล่าสุดจากซูซูกิ ชูความเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมการออกแบบ รูปโฉมโฉบเฉี่ยวปราดเปรียว โครงสร้างและตัวถังใหม่เน้นความปลอดภัย ประหยัดน้ำมันกว่า 20 กม./ลิตร เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สุดแห่งการสร้างสรรค์คอมแพ็คคาร์ของโลก พร้อมลุยตลาดอีโคคาร์ที่กำลังร้อนแรง ตั้งเป้ายอดขาย 2,000 คันในสิ้นปี





นายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไป บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เรากำลังก้าวเข้าสู่สนามแข่งขันตลาดอีโคคาร์อย่างเต็มตัว และได้รับการตอบรับอย่างดี ซึ่งการลงสนามครั้งนี้ เรามีหัวหอกอย่าง All New Suzuki Swift ที่มาแนะนำตัวเป็นน้องใหม่ของตลาด ด้วยความมั่นใจว่าจะสามารถเติมเต็มความต้องการสำหรับลูกค้าคนไทย และจะช่วยผลักดันให้ซูซูกิมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศไทยที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง และคาดว่ารายได้ของประชากรจะมีเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นแล้วนโยบายรถคันแรกของรัฐบาลก็จะเป็นแรงสนับสนุนทำให้ความต้องการซื้อรถมีเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดอีโคคาร์ ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายรวมกว่า 100,000 คันในปีนี้

All New Suzuki Swift ได้รับการพัฒนาให้เป็นสุดยอดคอมแพ็คคาร์สำหรับยุคนี้ โดยวิศวกรได้ผสานการออกแบบสุดโฉบเฉี่ยวทันสมัยเข้ากับสมรรถนะการขับขี่ ความปลอดภัย และให้ความประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม  ด้วยเครื่องยนต์ใหม่ 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว 91 แรงม้า พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งไอดีและไอเสีย เทคโนโลยีและวิศวกรรมล่าสุดจากซูซูกิ ที่ผสานประสิทธิภาพและสมรรถนะการขับขี่เข้ากับประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างลงตัว ให้ความสนุกตื่นเต้น คล่องตัวเต็มสมรรถนะ ฐานล้อกว้างทรงตัวดีเยี่ยม ช่วงล่างเกาะถนนเป็นเยี่ยม โครงสร้างและตัวถังใหม่ออกแบบพิเศษให้มีความแข็งแกร่ง ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย พร้อมถุงลมนิรภัย SRS Airbag เสริมด้วย Keyless Start & Keyless Push Entry แอร์ดิจิตอล พวงมาลัยปรับได้ถึง 4 ทิศทาง ช่อง USB เบาะหลังแบบ 60:40 ปรับพับได้หลากหลาย





สำหรับ New Suzuki Swift รุ่นเกียร์ธรรมดา มีให้เลือก 2 รุ่น คือ รุ่น GL 467,000 บาท และรุ่น GA 429,000 บาท (อุปกรณ์มาตรฐานต่างกันในแต่ละรุ่น) และมีให้เลือกถึง 7 สี คือ สีขาว (Snow White Pearl)  สีแดง (Ablaze Red Pearl)  สีฟ้า (Boost Blue Pearl Metallic)  สีส้ม (Sunlight Copper Pearl Metallic)  สีดำ (Super Black Pearl)  สีเทา (Mineral Gray Metallic)  และ สีเงิน (Star Silver Metallic)

All New Suzuki Swift ทุกรุ่น ผ่านคุณสมบัติตามมาตรฐานอีโคคาร์  ด้านการประหยัดพลังงาน มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยน้อยกว่า 5 ลิตร/100 กม. (หรือประหยัดน้ำมันเฉลี่ยมากกว่า 20 กม./ลิตร) ตามมาตรฐานทางเทคนิค UNECE Reg. 101  Rev.1 Combine Mode  ด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานมลพิษระดับยูโร 4 ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg. 83, Rev.2 (2005) และมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยจากท่อไอเสียไม่เกิน 120 กรัม/กม. ตามมาตรฐานทางเทคนิค UNECE Reg. 101 Rev.1  ด้านมาตรฐานความปลอดภัยการชนด้านหน้า มีคุณสมบัติตามมาตรฐานการทดสอบแรงกระแทกด้านหน้า ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg. 94 Rev.0 และมีคุณสมบัติตามมาตรฐานการทดสอบแรงกระแทกด้านข้าง ตามข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg. 95 Rev.0





“สำหรับในปีนี้ ซูซูกิวางเป้าหมายที่จะจำหน่าย  All New Suzuki Swift  ให้ได้ 17,000 คัน และรถยนต์ซูซูกิรุ่นอื่นๆ อีก 7,000 คัน คิดเป็นยอดจำหน่ายรวมที่ 24,000 คัน ซึ่งสามารถครองส่วนแบ่งตลาดรวมที่ 2% ได้สำเร็จ  และล่าสุด ซูซูกิได้เพิ่มกำลังการผลิต พร้อมยืนยันส่งมอบรถคุณภาพตามมาตรฐานระดับโลกของซูซูกิ เพื่อให้ทางลูกค้าที่ได้จองรถเอาไว้ได้รับรถเร็วขึ้น  ด้านโชว์รูมศูนย์บริการ ซูซูกิได้เพิ่มจำนวนโชว์รูมเป็น 55 แห่งทั่วประเทศแล้ว และยังคงเดินหน้าขยายศูนย์บริการให้เพิ่มขึ้นเป็น 70 แห่งภายในสิ้นปีนี้ เพื่อขยายระบบการให้บริการแก่ลูกค้าทั่วประเทศ  สำหรับเราคุณภาพของสินค้าและบริการ ความพึงพอใจของลูกค้า ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” นายวัลลภ กล่าว      

เชิญเร้าทุกประสาทสัมผัสและทดลองขับ All New Suzuki Swift และรถยนต์คุณภาพของซูซูกิทุกรุ่นได้ที่โชว์รูมซูซูกิทั่วประเทศ  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โทรศัพท์จากโทรศัพท์ทั่วไป โทรฟรี 1800-600-900 และโทรจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ โทร 1401-600-900 หรือ www.suzuki.co.th และ  www.facebook.com/NewSuzukiSwift





4


แคนนอน เลอเกรียชวนประกวดคลิปวิดีโอ “หนังดี พล๊อตเรื่องโดน? คุณเองก็ทำได้”
ชิงรางวัลระดับประเทศและภูมิภาคทั้งเงินสด กล้องวิดีโอ และแพคเกจที่พักยายย่า รีสอร์ท หัวหิน
รวมมูลค่ากว่า 300,000 บาท

เพียงส่งคลิปวิดีโอแชร์เรื่องราวของคุณที่ดราม่าเข้าขั้นโดนใจ ไม่ว่าจะเป็นแนวอินรักอินเลิฟ เศร้าปนซึ้ง ซ่อนเงื่อนหักมุม ตื่นเต้นเอ็กซ์ไซต์ หรือจะแนวไหนๆที่คิดว่าไม่ธรรมดา ก็ส่งไอเดียแชร์วิดีโอมาโชว์เราให้เต็มที่
เรื่องไหนโดน คนโหวตเยอะ มีสิทธิ์รับรางวัลถึง 300,000 บาทและมีโอกาสเป็นตัวแทนประเทศไทยแข่งกับอีก
4 ประเทศเพื่อได้ทำเรื่องที่ชนะของคุณในแบบมืออาชีพร่วมกับผู้กำกับภาพยนตร์และเงินสดอีกด้วย

หมดเขตส่งคลิปวิดีโอ 3 กันยายน 2555
หมดเขตการโหวต 10 กันยายน2555

รายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.canon.co.th/legriacan

5


เพียงคุณคลิก Like แฟนเพจ KOHLER Thailand https://www.facebook.com/kohlerthailand
แล้ว Comment ข้อความที่อยากบอกรักคุณแม่
ที่ช่อง Comment ด้านล่างรูป Cover กิจกรรมบอกรักแม่หน้า Fan page "
แล้วลอง Share ภาพนี้ไปชวนเพื่อนๆ ให้มาช่วยกด Like ที่ Comment ของคุณ
Comment ไหนมีจำนวนคนกด Like เทใจให้มากที่สุด (นับจากจำนวนกด "Like" ที่มากที่สุด)
ก็รับของรางวัลฝักบัว Flipside มูลค่า 9,084 บาท จาก KOHLER ไปเลย !

ด่วน !! หมดเขต 13 สิงหาคม ศกนี้

* หมายเหตุ
- การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นอันสิ้นสุด
- ประกาศผลการตัดสินวันที่ 15 สิงหาคม ศกนี้ ทาง Kohler Thailand Facebook Fan Page
- ของรางวัลไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้

6
รถยนต์ | Car / TOYOTA HYBRID EXPO 2012
« เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2012, 01:17:32 AM »


บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด จะจัดงานแสดงยนตกรรม ไฮบริดเต็มรูปแบบ“Toyota Hybrid Expo: The Intelligent drive tomorrow ยนตรกรรมอัจฉริยะขับเคลื่อนเพื่ออนาคต”

นับเป็นครั้งแรกกับการแสดงเทคโนโลยีไฮบริด เทคโนโลยีอัจฉริยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายในงานจะได้พบกับรถยนต์โตโยต้าไฮบริดครบทุกรุ่น อาทิ พริอุส ใหม่, พริอุส ซี, คัมรี่ ไฮบริด, อัลฟาร์ด ไฮบริด รวมทั้งครั้งแรกในเมืองไทยกับป่าแห่งอนาคต Future Forest ที่จะมาอยู่ใจกลางเมืองครั้งแรก และ Interactive ใหม่ๆ เกมส์มากมายที่จะทำให้คุณได้สัมผัสเรียนรู้กับเทคโนโลยีไฮบริดอย่างลึกซึ้งและสนุกสนาน พร้อมการแสดง การต่อสู้แห่งโลกอนาคต ระหว่างคนกับหุ่นยนต์จากประเทศญี่ปุ่น ที่ได้ออนทัวร์แสดงมาแล้วรอบโลกกับ Projection Live Performance ครั้งแรกในเมืองไทย และศิลปินนักร้องมากมายในงาน อาทิ  ป๊อด โมเดิร์นด๊อก, แพรว คณิตกุล, ลุลา, สครับ, แสตมป์  นอกจากนี้ยังจะได้พบเหล่าคนดังผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ไฮบริดอย่าง น็อต วรฤทธิ์ , แพง พรรณชนิดา, โบ เบญจวรรณ อาร์ตเนอร์,  ท๊อป ณัฐเศรษฐ์ พูนทรัพย์มณี ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์จริงที่มีต่อเทคโนโลยี ไฮบริด  สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมฟรี พร้อมร่วมสนุกไปกับกิจกรรม Walk Rally ลุ้นรับของรางวัลพิเศษมากมายภายในงาน โดยมีรางวัลใหญ่เป็น ฟรี รถยนต์ โตโยต้า พริอุส 1คัน ตั้งแต่วันที่13-15 กรกฎาคม นี้ ที่ Sky Hall ชั้น 3 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว

7

    1.เป็นแฟรนไชซอร์ที่ดี เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต้องสอนทุกสิ่งที่คุณต้องทำ เพื่อให้ประสบความสำเร็จและคุณจะไปตามทิศทางนั้นที่เขาได้ลองผิดลองถูกมาแล้ว ประเมินได้จาก 3 สิ่งคือ
     
      1.1 โครงการฝึกอบรมให้แน่ใจว่าทุกพื้นที่การทำงานของธุรกิจจะครอบคลุมครบถ้วนและระบบที่อยู่ในสถานที่ให้ความช่วยเหลือคุณเมื่อคุณเรียนรู้วิธีการดำเนินธุรกิจ
     
      1.2 ระบบสนับสนุน เพื่อให้ความช่วยเหลือทั้งหมดที่คุณต้องการกับด้านการเปิดร้านใหม่ ตั้งแต่การเลือกอสังหาริมทรัพย์ เจรจาเช่า จัดหาวัสดุก่อสร้างและสินค้าคงคลังและการค้นหาและการฝึกอบรมพนักงาน
     
      1.3 คุณจะต้องประเมินสายงานแฟรนไชส์หน่วยสนับสนุน ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคนเหล่านี้รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการดำเนินงานของหน่วยใหม่และว่าพวกเขาจะมีให้คุณเมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือ ว่าแฟรนไชส์ที่ดีคุณอยู่ในธุรกิจได้ด้วยตัวเอง แต่ไม่ได้ด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าเป็นกรณีนี้
     
    2. ความแข็งแกร่งในการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่คุณได้รับการสนับสนุนจากหน่วยแรก ในการปฏิบัติการคุณยังต้องการความช่วยเหลือในการจัดการกับปัญหา ดังนั้นต้องรู้ว่าแฟรนไชซอร์จะให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในการให้ความช่วยเหลือและการฝึกอบรมเพื่อช่วยให้คุณรับมือกับความท้าทาย

    คุณควรประเมินความพยายามของแฟรนไชซอร์ที่จะทำให้แฟรนไชส์ประสบความสำเร็จ โดยการชดเชยบางสิ่งบางอย่างไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือสินค้าคงคลัง แทนการเพิ่มกำลังซื้อโดยรวมของโปรแกรมที่ประสบความสำเร็จ เพื่อให้คุณออมเงินไม่ใช่ใช้ทั้งหมดไปกับค่าแฟรนไชส์นี้เป็นปัจจัยสำคัญในการพิจารณา
     
    3. วิธีที่ดีคือโปรแกรมการตลาดหรือไม่ เพื่อที่จะประสบความสำเร็จคุณจะต้องดึงดูดลูกค้ามากพอที่จะสนับสนุนแฟรนไชส์ของคุณ โอกาสแฟรนไชส์ที่ดีจะให้การสนับสนุนทั้งเริ่มต้นและดำเนินโปรแกรมการตลาด
     
    โปรแกรมการตลาดครั้งแรก เช่น ธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ ต้องให้ลูกค้าทดลองขับ เพราะเป็นฐานลูกค้าหลัก ให้แน่นใจว่าบริษัทได้กำหนดกลยุทธ์และยุทธวิธีความสำเร็จนี้และเป็นโปรแกรมที่ทำงานอย่างต่อเนื่องในตลาดต่างๆทั่วประเทศ
     
    โปรแกรมการตลาดอย่างต่อเนื่องจำเป็นต้องไดรฟ์ลูกค้าใหม่ ฐานลูกค้าเดิมชดเชยด้วยการขัดสีและบรรลุเป้าหมายการเจริญเติบโต ตรวจสอบว่ามีแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งและเติบโตส่ำเสมอ และสามารถทำได้โดยการเพิ่มจำนวนลูกค้าไม่ใช่กลยุทธ์ด้านราคา
     
    4. ควรใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ ให้เปรียบเทียบความคาดหวังรายได้ ขนาดการลงทุน และวิเคราะห์จำนวนแฟรนไชส์ที่มีอยู่ ดูการเพิ่มขึ้นของรายได้ อย่างแรกพุดคุยกับบริษัท คุยกับแฟรนไชซีที่ลงทุนไปแล้ว และคุยกับแฟรนไซอร์อีกครั้งถึงข้อมูลที่ได้มาเพื่อให้เกิดความมั่นใจกับคำตอบที่ได้มา
     
    เมื่อเป็นคำตอบที่ดีคุณจะรู้ว่าคุณพบโอกาสที่ดีของแฟรนไชส์ แต่ถ้าพบจุดอ่อนก็ควรหาแฟรนไชส์ที่แตกต่างกัน และคุณควรพิจารณาทีมงานแฟรนไชซอร์ที่ต้องทำงานด้วย หากคุณเป็นแฟรนไชส์ใหม่คุณจะต้องมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน

8
“แฟรนไชส์ที่ดีไม่เน้นขาย...แต่มุ่งขยายธุรกิจ” ผู้ขายแฟรนไชส์ไม่ควรหลงไปกับการขาย  ซึ่งเน้นไปที่ตัวเงิน หรือความสำเร็จระยะสั้น แทนที่จะให้ความสำคัญกับรายละเอียดธุรกิจเพื่อผลสำเร็จในระยะยาว ผู้ขายแฟรนไชส์ ที่ดีควรคิดว่า เราไม่ขายแฟรนไชส์ แต่เราต้องขยายแฟรนไชส์ต่างหาก
   
ด้วยเหตุที่แฟรนไชส์เองก็เป็นธุรกิจ และธุรกิจก็ล้วนต้องการการเติบโต ที่เรามักเรียกว่า “ขยายธุรกิจ” ดังนั้นการจะทำให้ธุรกิจเติบโตและประสบความสำเร็จได้นั้น  ผู้ประกอบการจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีอยู่มากมาย ทั้งด้านกำลังทรัพย์ และกำลังความสามารถ รวมถึงจังหวะ และ สถานการณ์ที่เหมาะสมในการขยายธุรกิจ ขณะที่การขาย ผู้ประกอบการจะ คิดแต่เพียงว่า ให้ขายได้ เท่านั้น
   
ลองคิดดู หากแฟรนไชส์ซอร์ต้องขยาย ธุรกิจด้วยเงินของตนเองแล้วล่ะก็ จะขยายมากกว่า 1 สาขา ในเวลาเดียวกันหรือไม่ แต่ถ้าเป็นการขายแฟรนไชส์ ที่ขายได้มากกว่า 1 สาขา ในเวลาเดียวกันล่ะ จะขายเพื่อให้เปิดพร้อมกันไหม เรื่องแบบนี้ผู้ที่มีประสบการณ์ หรือผู้ที่ประสบความสำเร็จ ล้วนแต่ทราบดีว่า ยิ่งเปิดมากก็ยิ่งเสี่ยง ฉะนั้น การจะทำให้ธุรกิจยั่งยืน ผู้ประกอบการต้องเน้นที่คุณภาพของงาน ไม่ใช่เน้นที่ปริมาณงาน ถ้าเน้นไปกับการขายแฟรนไชส์ มาก กว่าการพัฒนาธุรกิจให้มีคุณภาพ ทำให้รู้สึกเป็นห่วงว่า แฟรนไชส์
หากมุ่งเน้นเอาแต่ขาย ผลลัพธ์แม้อาจจะดูดีในตอนแรก แต่ท้ายที่สุดแล้วธุรกิจอาจขยายไปได้ไม่นาน หรือไม่ยั่งยืนนั่นเอง
   
แฟรนไชส์ต่างประเทศที่มีชื่อเสียงและเข้ามาเปิดสาขาในบ้านเรานั้น กลับไม่ขายแฟรนไชส์ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ทำแฟรนไชส์ แสดงว่าการทำแฟรนไชส์นั้นควรต้องพิจารณาให้ดีก่อนว่า เหมาะกับธุรกิจและสภาพการณ์หรือไม่ ทั้งนี้ก็เพราะแฟรนไชส์มีข้อเสียค่อนข้างมากเมื่อต้องประสบกับทัศนคติที่ผิด ๆ ของผู้ประกอบการ ทั้งฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขาย  ด้านผู้ซื้อซึ่งเป็นผู้ประกอบการยุคใหม่ ส่วนใหญ่จะหวังรวยเร็ว ไม่อดทน ทำงานฉาบฉวย ต่างกับเถ้าแก่ในอดีตที่ต้องบากบั่น ต่อสู้ เอาการเอางาน กว่าจะประสบความสำเร็จ ส่วนด้านผู้ขายเองก็มักหลงติดกับการขายแฟรนไชส์ เพราะหวังรวยเร็ว จนขยายเกินกำลัง เมื่อทั้งสองฝ่ายมาพบกัน ปัญหาที่ตามมาจึงมากมาย
   
   
   

หน้า: [1]