ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - สิริ พร

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 ... 11
1
ซ่อมบำรุงอาคาร: โหมดทำงานของแอร์ เลือกใช้งานให้ถูก ประหยัดไฟได้เยอะ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ มีความจำเป็นอย่างมากในอากาศที่ร้อนอบอ้าว เชื่อว่า มีแทบทุกบ้าน เพราะมีความจำเป็นสำหรับใครหลายๆคน เนื่องจากอากาศในบ้านเราต้องบอกว่า มีอากาศที่ร้อนแทบจะตลอดทั้งปี ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อใช้ในการคลายร้อน ทำให้ความรู้สึกเย็นสบาย แต่เราก็ต้องแลกกับค่าไฟที่ต้องเพิ่มมากขึ้น แต่หากเราติดเครื่องปรับอากาศเพื่ออำนวยความสะดวกก็ต้องมั่นใจว่าเครื่องปรับอากาศของเรานั้น จะมีอายุการใช้งานที่นานและมีการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็มีหลายบ้านที่มักจะเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ได้พักแอร์เลย ก็ทำให้แอร์ต้องทำงานหนัก และสกปรกได้ง่าย เพราะยิ่งเราเปิดแอร์ ก็ยิ่งทำให้แอร์มีการสะสมของฝุ่นเป็นจำนวนมากนั่นเอง ซึ่งการใช้งานแอร์ที่หนักเกินไปนั้น ทำให้เราต้องทำความสะอาดแอร์บ่อยๆ แต่ยิ่งเราเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน ค่าไฟก็จะยิ่งพุ่งสูงเป็นธรรมดา เพราะแอร์ ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเปลืองไฟ แต่ก็มีเทคนิคที่จะช่วยให้เราประหยัดค่าไฟฟ้าไปได้เยอะ เพียงแค่เราใช้งานแอร์อย่างถูกต้อง คือ ใช้โหมดการทำงานของแอร์ที่เหมาะสม ก็จะช่วยทำให้เราประหยัดค่าไฟไปได้เยอะเลยทีเดียว ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาแนะนำโหมดการทำงานของแอร์ ที่ถ้าหากเราเลือกใช้อย่างถูกต้อง ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายภายในบ้านของเราได้เยอะ

ก่อนที่เราจะเลือกใช้โหมดแอร์นั้น เราต้องมาทำความรูจักกับโหมดแอร์ทั้ง 4 โหมดก่อนว่าคืออะไรบ้าง โหมดแรกคือ Cool Mode คือ โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยให้แอร์ทำความเย็น ตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ในแต่ละห้อง เมื่อแอร์ถึงอุณหภูมิที่ตั้งไว้ แอร์จะตัดการทำงานทันที จึงเหมาะสำหรับใช้งานในช่วงหน้าร้อนที่ต้องการความเย็นตามที่ต้องการ  ต่อมาคือ Auto Mode คือ โหมดการทำงานที่หลายๆ บ้านส่วนใหญ่นิยมใช้ เพราะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน และเป็นโหมดการทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งการทำงานของระบบนี้คือ การวัดค่าอุณหภูมิของแอร์ เพื่อปรับความเย็นด้วยระบบเซ็นเซอร์จากตัวแอร์ หลังจากเปิดแอร์หากอากาศภายในห้องร้อน แอร์จะปรับอัตโนมัติไปที่ โหมดการทำงานแบบ Cool Mode และหลังจากอุณหภูมิเย็นลงตามที่กำหนดไว้ จะถูกปรับเปลี่ยนไปยังโหมดการทำงานประเภท Dry Mode เพื่อป้องกันความชื้นภายในห้อง ซึ่งเหมาะสำหรับบ้านที่ชอบความสะดวกสบาย และห้องที่มีการใช้งานบ่อย ๆ และโหมดต่อมา คือ Dry Mode โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยควบคุมความชื้นในอากาศ จึงเหมาะกับห้องที่มีความชื้นในปริมาณที่มาก ซึ่งลมเย็นที่ออกมาอาจจะไม่เย็นฉ่ำเท่ากับ Cool Mode และบางช่วงอาจจะรู้สึกอึดอัด เพราะ แอร์ไม่สามารถกระจายความเย็นให้ทั่วถึงทั้งห้องได้

 และสุดท้ายคือ Fan Mode คือ โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยระบายความชื้น และกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ของแอร์ให้หมดไป ซึ่งหากใครเผลอไปกดเปลี่ยนเป็นโหมดการทำงานนี้ก็อาจจะส่งผลให้เกิดปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลมร้อนออกมาได้ เพราะ ลมที่ออกมาจะเป็นลมในอุณหภูมิห้อง ไม่มีความเย็นใด ๆ ซึ่งโหมดที่หลายคนเลือกใช้ส่วนใหญ่จะเป็นโหมด Cool และ โหมด Auto เพราะใช้งานง่ายโดยที่เราไม่ต้องปรับอะไรเลย ส่วนอีก 2 โหมด โหมดการทำงานของแอร์ที่จะช่วยควบคุมความชื้น อย่างไรก็ตาม ถ้าอยากให้ห้องมีอากาศเย็นมากขึ้น ไม่ควรปรับเครื่องปรับอากาศไปที่อุณหภูมิที่ต่ำมากๆ ควรปรับไว้ที่อุณหภูมิปกติ แต่เร่งความแรงของพัดลมจากเครื่องปรับอากาศให้แรงมากขึ้นแทน นอกจากนี้ ถ้าต้องการให้ห้องเย็นเร็วขึ้น ควรเปิดพัดลมไปพร้อมกับการเปิดแอร์ด้วย โดยทำการปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศไว้ที่ 25-27 องศา และเปิดพัดลมช่วย นอกจากทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้นแล้ว ยังช่วยประหยัดไฟได้มากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์ สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย เพราะฉะนั้น ให้ทางเราได้ดูแลในเรื่องของระบบปรับอากาศของคุณให้มีการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น


2
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม

– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”

สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


3
ขายรถราคาพิเศษ Toyota Yaris Cross HEV Smart 2024 (สีเทา) พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ

โตโยต้า Toyota Yaris Cross HEV Smart ปี 2023
TOYOTA YARIS CROSS HEV SMART ยนตรกรรม SUV ไฮบริดใหม่ล่าสุด ที่ผสมผสานการใช้งานแบบ “URBAN x ADVENTURE” ตอบสนองการขับขี่ในเมืองที่คล่องแคล่ว สนุกสนาน และสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดดเด่นด้วยฟังก์ชันอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์ความปลอดภัยระดับ Top Class ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 2NR-VEX ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i แบตเตอรี่แบบลิเธียมไอออน เกียร์อัตโนมัติ e-CVT ให้อัตราเร่งดี ห้องโดยสารเงียบ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อัตราการปล่อย CO2 ต่ำประหยัดน้ำมันที่สุดในคลาสถึง 26.3 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker)

(ภาพประกอบเป็นของรุ่น HEV Premium)

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 พ.ย. - 30 พ.ย. 2567
รับประกันเครื่องยนต์+เกียร์ 3 ปี 100,000 กิโลเมตร และ แบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี
รถชนหนักหรือน้ำท่วมยินดีรับซื้อคืน

ราคาพิเศษ 699,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์               Toyota
   รุ่น                    โตโยต้า Toyota Yaris Cross HEV Smart ปี 2023
   ประเภทรถ           รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว            2023


4
หมอประจำบ้าน: หน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน (Acute glomerulonephritis/AGN)

หน่วยไต (glomerulus) เป็นหน่วยเล็ก ๆ ที่กระจายอยู่ในเนื้อไต ทำหน้าที่กรองของเสียและน้ำออกมาเป็นปัสสาวะ เมื่อมีการอักเสบเกิดขึ้นที่หน่วยไต ทำให้ร่างกายขับปัสสาวะออกได้น้อย มีของเสียคั่งอยู่ในเลือดมากกว่าปกติ รวมทั้งมีเม็ดเลือดแดงและสารไข่ขาวรั่วออกมาในปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการบวม และปัสสาวะออกมาเป็นสีแดง

หน่วยไตอักเสบ เป็นโรคที่พบได้ไม่บ่อยนัก พบได้ในคนทุกวัย อาจเป็นเรื้อรังหรือมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้


สาเหตุ

โรคนี้มักเกิดตามหลังการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า บีตาฮีโมไลติกสเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ (beta-hemolytic streptococcus group A) เช่น ทอนซิลอักเสบ แผลพุพอง เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ ไฟลามทุ่ง โดยภูมิคุ้มกันโรคที่เกิดขึ้นไปมีปฏิกิริยาต่อหน่วยไต ทำให้หน่วยไตเกิดการอักเสบ จัดว่าเป็นโรคภูมิต้านตนเองชนิดหนึ่ง เรียกว่า หน่วยไตอักเสบเฉียบพลันหลังติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัส (poststreptococcal AGN) พบบ่อยในเด็กอายุ 5-10 ปี มักพบหลังติดเชื้อในคอ 1-2 สัปดาห์ และหลังติดเชื้อที่ผิวหนัง 3-4 สัปดาห์ อาจพบได้ประมาณร้อยละ 10-15 ของผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าวที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง

นอกจากนี้ยังอาจเกิดร่วมกับโรคเอสแอลอี ซิฟิลิส การแพ้สารเคมี (เช่น ตะกั่ว) การใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์มากเกิน เป็นต้น


อาการ

มีไข้ ปวดศีรษะ มีอาการบวมที่หน้า หนังตา เท้า และท้อง อาจมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย

ผู้ป่วยจะสังเกตเห็นปัสสาวะออกมาเป็นสีแดงเหมือนน้ำล้างเนื้อหรือน้ำหมาก และออกเป็นฟอง จำนวนปัสสาวะมักออกน้อยกว่าปกติ

ถ้าเป็นรุนแรง อาจมีอาการปัสสาวะออกน้อยมาก หอบเหนื่อย หรือชัก

ภาวะแทรกซ้อน

ที่อาจพบได้ ได้แก่

    มีความดันโลหิตสูงมาก ๆ จนเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว หรืออาการทางสมอง (เช่น ชัก ไม่ค่อยรู้สึกตัว)
    ภาวะปอดบวมน้ำ (pulmonary edema) ใช้เครื่องฟังปอดมีเสียงกรอบแกรบ (crepitation) มีอาการหอบเหนื่อย
    หน่วยไตอักเสบเรื้อรัง โรคไตเนโฟรติก ไตวายเรื้อรัง
    ภาวะไตวายเฉียบพลัน ซึ่งอาจร้ายแรงถึงเสียชีวิตได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

มักตรวจพบไข้ ความดันโลหิตสูง หน้าบวม หนังตาบวม เท้าบวมกดบุ๋ม ท้องบวม ปัสสาวะขุ่นแดง และตรวจพบสารไข่ขาว (albumin) ขนาด 1+ ถึง 3+

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจปัสสาวะซึ่งจะพบเม็ดเลือดแดงเกาะกันเป็นแพ (red blood cell cast) และพบเม็ดเลือดขาวอยู่กันเดี่ยว ๆ หรือเกาะกันเป็นแพ

การตรวจเลือดอาจพบความผิดปกติต่าง ๆ เช่น สารบียูเอ็น (BUN) และครีอะตินีน (creatinine) สูง ซึ่งแสดงว่าไตขับของเสียไม่ได้เต็มที่

บางกรณีแพทย์อาจต้องทำการตรวจชิ้นเนื้อไต (renal biopsy)


การรักษาโดยแพทย์

1. นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

    ให้ยาขับปัสสาวะ (เช่น ฟูโรซีไมด์) และยาลดความดัน
    ให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น ถ้าเป็นทอนซิลอักเสบ หรือการติดเชื้อที่ผิวหนัง ให้ยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน หรืออีริโทรไมซิน
    หลังจากรักษาจนอาการหายเป็นปกติแล้ว แพทย์จะนัดผู้ป่วยมาติดตามอาการและตรวจปัสสาวะเป็นระยะ เพื่อเฝ้าดูว่ามีหน่วยไตอักเสบเรื้อรังเกิดตามมาหรือไม่

2. ถ้ามีอาการชักหรือหอบ หรือสงสัยมีภาวะไตวาย (เช่น ปัสสาวะออกน้อย ระดับบียูเอ็นและครีอะตินีนในเลือดสูง) หรือมีความดันโลหิตสูงรุนแรง จำเป็นต้องรับไว้รักษาตัวในโรงพยาบาล ทำการตรวจและรักษาภาวะที่พบ เช่น ให้ยาแก้ชัก ยาขับปัสสาวะ ล้างไต เป็นต้น
 

ผลการรักษา ถ้าได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม ส่วนใหญ่จะหายได้เป็นปกติ โดยอาการบวม ปัสสาวะสีแดง และความดันโลหิตสูงจะหายเป็นปกติใน 2-3 สัปดาห์ ส่วนการตรวจปัสสาวะ (ที่นำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ) จะพบสารไข่ขาว และจำนวนเม็ดเลือดแดงมากกว่าปกติอยู่นาน 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะกลับมาเป็นปกติ

ส่วนน้อย (ราวร้อยละ 2 ของหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันหลังติดเชื้อสเตรปโตค็อกคัส) อาจกลายเป็นโรคหน่วยไตอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจกลายเป็นโรคไตเนโฟรติก และไตวายเรื้อรังตามมา

ส่วนผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาล่าช้าไป ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหรือเสียชีวิตได้

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการไข้ หน้าบวม หนังตาบวม เท้าบวม ปัสสาวะขุ่นแดง ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด แม้ว่าอาการต่าง ๆ จะหายดีแล้ว แพทย์จะทำการตรวจปัสสาวะเป็นระยะจนกว่าจะกลับมาเป็นปกติ ซึ่งอาจใช้เวลานานเป็นปี
    ควรพักผ่อนให้มาก ๆ
    งดอาหารเค็ม เพื่อลดอาการบวม
    ลดน้ำหนัก (ถ้าน้ำหนักเกิน) และงดบุหรี่
    ควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ (ถ้าเป็นเบาหวาน)


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลา 
    ขาดยาหรือยาหาย
    กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

1. ถ้าเป็นทอนซิลอักเสบ แผลพุพอง เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังชั้นลึกอักเสบ หรือไฟลามทุ่ง ควรกินยาปฏิชีวนะให้ครบตามที่แพทย์กำหนด

2. ป้องกันโรคติดเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ เช่น ฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน คางทูม และตับอักเสบจากไวรัสบี ป้องกันโรคเอดส์และตับอักเสบ (ด้วยการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการฉีดสารเสพติดเข้าหลอดเลือดดำ) เป็นต้น

ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว ควรไปติดตามตรวจกับแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง นอกจากเฝ้าระวังดูโรคหน่วยไตอักเสบเรื้อรังที่อาจเกิดตามมาแล้ว ยังต้องเฝ้าระวังดูโรคความดันโลหิตสูงและภาวะไตวายเรื้อรังที่อาจเกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

2. หน่วยไตอักเสบเรื้อรัง (chronic glomerulonephritis) นอกจากเป็นภาวะแทรกซ้อนของหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน และเกิดจากสาเหตุแบบเดียวกับหน่วยไตอักเสบเฉียบพลันแล้ว ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น ความดันโลหิตสูง และเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ มะเร็ง การสูบบุหรี่มาเป็นระยะยาวนาน การสัมผัสสารไฮโดรคาร์บอน(เช่น ยาฆ่าแมลง น้ำมันเบนซิน สี กาว) ความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นต้น บางรายอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้ป่วยจะมีอาการหน้าบวม เท้าบวม ปัสสาวะมาก ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ซีด เลือดกำเดาไหลบ่อย อาจถ่ายปัสสาวะออกเป็นเลือด มักมีความดันโลหิตสูง ตรวจพบสารไข่ขาวและเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ บางรายอาจไม่มีอาการ โรคนี้มักเป็นเรื้อรังและอาจมีภาวะแทรกซ้อน (เช่น ทางเดินปัสสาวะติดเชื้ออักเสบบ่อย เป็นโรคติดเชื้อง่าย ไตวายเรื้อรัง หัวใจล้มเหลว) ควรไปตรวจรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางรายอาจจำเป็นต้องทำการล้างไตหรือปลูกถ่ายไต

5
motor expo: เอ็มจี MG 4 Standard Range (D) ปี 2024
709,900 บาท 

เอ็มจี MG 4 Standard Range (D) ปี 2024
MG4 Standard Range (D) รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็นต้นแบบและมาตรฐานใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุก พัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมจุดเด่นอันหลากหลาย อาทิ การกระจายน้ำหนัก แบบสมมาตร 50:50 ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity) ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension ทำให้ NEW MG4 ELECTRIC มีสมรรถนะและการควบคุมที่ดีเยี่ยม พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 26 ระบบ โดย เอ็มจี ได้ต่อยอดความสำเร็จของยนตรกรรมรุ่นนี้

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์            MG
   รุ่น                 เอ็มจี MG 4 Standard Range (D) ปี 2024
   ประเภทรถ        รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว        2024
   ราคา              709,900 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (Adaptive Grille ที่สามารถปรับองศาให้สอดคล้องกับความเร็วได้)
สปอยเลอร์หลัง
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ไฟท้าย LED
ไฟหน้า LED
ขนาดยางหน้า-หลัง (215/50R17)
ไฟ Daytime Running Lights
ล้ออัลลอย (17 นิ้ว ฝาครอบล้อแบบ Aero Wheel Cover)
ระบบ VtoL (Vehicle to Load)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (ด้วยวัสดุ Soft Touch)
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้ (,เข้า-ออกได้)
ภายในโทนสีดำ
กระจกมองหลังตัดแสง
พวงมาลัยไฟฟ้า (Dual Pinion (DP-EPS))

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                 มอเตอร์ไฟฟ้า Permanent Magnet Synchronous Motor กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)   แรงม้า
   ระบบเกียร์                     เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS             มี
   ชนิดแบตเตอรี่               ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่            49 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง     423 กม.
   น้ำหนักตัวรถ                        -
   ประเภทยางรถยนต์                 -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                   ล้ออัลลอย (17 นิ้ว ฝาครอบล้อแบบ Aero Wheel Cover)
   ระบบขับเคลื่อน                  ขับเคลื่อนล้อหลัง

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (SCS,ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC,ป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
ไฟเบรกดวงที่ 3 (LED)
สัญญาณเตือนถอยหลัง
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (พร้อมระบบกเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรินิกส์ EBA)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS,ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ DMS,ช่วยเตือนการชน FCW และระบบช่วยเบรก AEB)
เข็มขัดนิรภัย (คู่หน้าแบบดึงกลับพร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ)
อื่นๆ (ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน)
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน
กล้อง (มองหลัง)
เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA
เบรกมือไฟฟ้า (พร้อมระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX)

6
สินค้าอื่นๆทั่วไป | General Product / ตรวจโรค: ช็อก (Shock)
« เมื่อ: พฤศจิกายน 03, 2024, 03:50:16 PM »
ตรวจโรค: ช็อก (Shock)

ช็อก ในทางการแพทย์ หมายถึง ภาวะที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกายได้รับเลือดซึ่งมีสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงไม่เพียงพอ อันสืบเนื่องมาจากระบบไหลเวียนของโลหิตล้มเหลวด้วยสาเหตุต่าง ๆ ทำให้อวัยวะสำคัญ ๆ ของร่างกาย เช่น หัวใจ สมอง ตับ ไต ลำไส้ เป็นต้น มีภาวะขาดเลือดและทำหน้าที่ไม่ได้ ซึ่งในที่สุดเกิดภาวะล้มเหลว (failure) ของอวัยวะเหล่านี้จนเป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

มักพบเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงของการเจ็บป่วยต่าง ๆ ที่มีอาการรุนแรงหรือขาดการดูแลรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่แรก

ผู้ป่วยมักมีประวัติได้รับบาดเจ็บ เป็นโรคติดเชื้อ มีการเจ็บป่วยอื่น ๆ หรือมีการใช้ยามาก่อน

สาเหตุ

สาเหตุมีหลากหลายประการ ขึ้นกับชนิดของช็อก ซึ่งแบ่งเป็น 4 ชนิดใหญ่ ๆ ได้แก่ ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง (hypovolemic/oligemic shock) ภาวะช็อกจากความผิดปกติของหัวใจ (cardiogenic shock) ภาวะช็อกจากภาวะอุดกั้นนอกหัวใจ (extracardiac obstructive shock) และภาวะช็อกจากปัจจัยที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว (distributive shock) แต่ละชนิดก็อาจมีสาเหตุได้ต่าง ๆ (ดู "ชนิดและสาเหตุของช็อก" ด้านล่าง) ภาวะเหล่านี้ทำให้ระบบการไหลเวียนของโลหิตล้มเหลว ความดันโลหิตต่ำ อวัยวะสำคัญขาดเลือดจนเซลล์ตาย เกิดอาการที่รุนแรงมากมาย

ชนิดและสาเหตุของช็อกที่พบบ่อย

1. ภาวะช็อกจากปริมาตรของเลือดลดลง อาจมีสาเหตุจาก

    การตกเลือด เช่น เลือดออกจากบาดแผลหรือกระดูกหัก ตกเลือดหลังคลอดหรือแท้งบุตร อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด ไข้เลือดออก เลือดออกในช่องปอดหรือช่องท้อง ครรภ์นอกมดลูก
    การสูญเสียน้ำออกภายนอก เช่น ท้องเดินรุนแรง อาเจียนรุนแรง การใช้ยาขับปัสสาวะมากเกิน ภาวะคีโตแอซิโดซิส หรือน้ำตาลในเลือดสูงรุนแรงในผู้ป่วยเบาหวาน เบาจืด บาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
    การสูญเสียน้ำอยู่ภายในร่างกาย เช่น ไข้เลือดออก กระเพาะหรือลำไส้อุดกั้น ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ภาวะท้องมาน (ascites)

2. ภาวะช็อกจากความผิดปกติของหัวใจ อาจมีสาเหตุจากกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน กล้ามเนื้อหัวใจพิการ (cardiomyopathy) ลิ้นหัวใจตีบ (valvular stenosis) หัวใจเต้นผิดจังหวะ

3. ภาวะช็อกจากภาวะอุดกั้นนอกหัวใจ อาจมีสาเหตุจากภาวะหัวใจถูกบีบรัด (cardiac tamponade) ภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอดอย่างรุนแรง ภาวะปอดทะลุชนิดรุนแรง

4. ภาวะช็อกจากปัจจัยที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว อาจมีสาเหตุจาก

    การแพ้ที่รุนแรง เรียกว่า ภาวะช็อกจากการแพ้ (anaphylactic shock) เช่น แพ้ยา (ที่พบบ่อย คือ เพนิซิลลิน ยาชา) เซรุ่มที่ผลิตจากสัตว์ พิษแมลง (ผึ้ง ต่อ มด) อาหาร (กุ้ง หอย ปู ไข่) เป็นต้น
    ความผิดปกติของระบบประสาท เรียกว่า ภาวะช็อกจากระบบประสาท (neurogenic shock) ที่สำคัญได้แก่ ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ
    โรคติดเชื้อ เรียกว่า ภาวะช็อกจากโรคติดเชื้อ (septic shock) เช่น โลหิตเป็นพิษ ปอดอักเสบ ไทฟอยด์ ถุงน้ำดีอักเสบ ท่อน้ำดีอักเสบ กรวยไตอักเสบ เยื่อบุมดลูกอักเสบจากการทำแท้ง เป็นต้น พิษของเชื้อโรคจะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเคมีหลายชนิด ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว นอกจากนี้ยังมีผลต่อการทำงานของหัวใจและเลือดออกง่าย (ร่างกายสูญเสียเลือด) ดังนั้น ภาวะช็อกจากโรคติดเชื้อจึงอาจเกิดจากกลไกหลายอย่างร่วมกัน

ผู้ที่มีความต้านทานโรคต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน มะเร็ง ตับแข็ง ขาดอาหาร หรือใช้ยาสเตียรอยด์หรือยากดภูมิคุ้มกัน เป็นต้น มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะช็อกชนิดนี้มากกว่าคนทั่วไป

    การใช้ยา ได้แก่ กลุ่มยาขยายหลอดเลือด เช่น ไอโซซอร์ไบด์ (isosorbide) ถ้าใช้เกินขนาดอาจทำให้เกิดภาวะช็อกได้
    ภาวะต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน (acute adrenal insufficiency) พบในผู้ป่วยโรคแอดดิสัน และผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์มาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดภาวะช็อก เรียกว่า ภาวะต่อมหมวกไตวิกฤติ (adrenal crisis)

อาการ

อาการขึ้นกับสาเหตุ ระยะ และความรุนแรงของโรค

ผู้ป่วยมักมีประวัติและอาการแสดงของภาวะการเจ็บป่วยที่เป็นสาเหตุนำมาก่อน เช่น การบาดเจ็บ เลือดออก อาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด (ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร) ท้องเดิน อาเจียน กระหายน้ำ และปัสสาวะบ่อยมาก (เบาหวาน เบาจืด) ปวดท้องรุนแรง (ครรภ์นอกมดลูก) เจ็บหน้าอก (กล้ามเนื้อหัวใจตาย) เป็นไข้จากโรคติดเชื้อ เป็นต้น

ผู้ป่วยที่เริ่มเข้าสู่ภาวะช็อกในระยะแรก ๆ อาจมีอาการไม่เด่นชัด จนกระทั่งระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวและอวัยวะต่าง ๆ ขาดเลือดไปเลี้ยง จึงจะปรากฏอาการเด่นชัด

อาการที่พบได้บ่อยก็คือ อ่อนเพลีย กระสับกระส่าย เวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม อาจรู้สึกใจหวิวใจสั่นร่วมด้วย อาการจะเป็นมากเวลาลุกนั่ง จนต้องล้มตัวลงนอนราบ ผู้ป่วยมักมีอาการกระหายน้ำ ปัสสาวะออกน้อย ตัวเย็นและมีเหงื่อออก ริมฝีปากและเล็บเริ่มเขียวคล้ำ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจตื้นและถี่

ต่อมาจะมีอาการซึม สับสน เพ้อ กระหายน้ำมาก ปัสสาวะไม่ออก ผิวหนังซีดคล้ำ ตัวเย็นจัด หายใจหอบ ค่อย ๆ ซึมลงจนหมดสติในที่สุด

ภาวะแทรกซ้อน

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูง ภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง เลือดเป็นกรดจากการคั่งของกรดแล็กติก กลุ่มอาการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน หัวใจวาย ตับวาย ไตวาย เซลล์สมองตาย

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ซึม กระสับกระส่าย สับสน หายใจตื้นและถี่ หายใจหอบ มือเท้าเย็นและชุ่มเหงื่อ (ยกเว้นผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกจากปัจจัยที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว เช่น โรคติดเชื้อในระยะแรกอาจมีตัวอุ่นและไม่มีเหงื่อชุ่ม)

ชีพจรมักเต้นเบาและเร็วมากกว่า 100 ครั้ง/นาที ยกเว้นบางกรณี เช่น ผู้ป่วยกินยากลุ่มปิดกั้นบีตา

อยู่ก่อน ก็อาจพบชีพจรช้าได้

มักพบไข้สูงในผู้ป่วยที่มีสาเหตุจากโรคติดเชื้อหรือภาวะต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน ส่วนผู้สูงอายุและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำที่ช็อกจากโรคติดเชื้ออาจไม่มีไข้ก็ได้

มักตรวจพบความดันโลหิตช่วงบนต่ำกว่า 90 มม.ปรอท และแรงดันชีพจร (ความแตกต่างระหว่างความดันช่วงบนกับช่วงล่าง) น้อยกว่า 30 มม.ปรอท เช่น 90/70 หรือ 80/60 มม.ปรอท ยกเว้นในระยะแรกของการเกิดภาวะช็อก หรือภาวะใกล้ช็อก (impending shock) ความดันวัดในท่านอนอาจมีค่าปกติ แต่ชีพจรอาจเร็วกว่าปกติ สามารถทดสอบโดยการวัดความดันและจับชีพจรในท่านั่งเปรียบเทียบกับท่านอน ถ้าความดันช่วงบนในท่านั่งต่ำกว่าท่านอนมากกว่า 10-20 มม.ปรอท และชีพจรในท่านั่งเร็วกว่าท่านอนมากกว่า 15 ครั้ง/นาที ก็แสดงว่าผู้ป่วยมีภาวะใกล้ช็อกเนื่องจากปริมาตรของเลือดลดลง

ผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูงอยู่ก่อน ขณะมีภาวะช็อก ความดันโลหิตอาจพบว่าไม่ต่ำมากนักก็ได้

นอกจากนี้ ยังอาจตรวจพบอาการของโรคที่เป็นสาเหตุ เช่น จุดแดงจ้ำเขียวในโรคไข้กาฬหลังแอ่น ภาวะซีดจากการตกเลือดหรือครรภ์นอกมดลูก หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือได้ยินเสียงฟู่ (murmur) ของหัวใจ อาการแสดงของโรคคุชชิง ในผู้ป่วยที่ช็อกจากภาวะต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

แพทย์จะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล ทำการค้นหาสาเหตุโดยการตรวจเลือด ปัสสาวะ เอกซเรย์คลื่นหัวใจ และตรวจพิเศษอื่น ๆ และให้การรักษาแบบประคับประคอง เช่น ให้น้ำเกลือนอร์มัลหรือริงเกอร์แล็กเทต ให้เลือด ใส่ท่อหายใจ ให้ออกซิเจน เป็นต้น

ในรายที่ให้สารน้ำแล้วความดันโลหิตยังต่ำ แพทย์จะให้สารกระตุ้นการหดตัวของกล้ามเนื้อหลอดเลือด เช่น โดบูทามีน (dobutamine) โดพามีน (dopamine) หรือ นอร์เอพิเนฟรีน (norepinephrine)นอกจากนี้จะให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น

    ให้ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ
    ผ่าตัดผู้ป่วยที่เป็นครรภ์นอกมดลูก
    ให้การรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายแบบฉุกเฉิน เช่น การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบัลลูน
    ภาวะช็อกจากต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน ฉีดไฮโดรคอร์ติโซน เข้าหลอดเลือดดำ
    ภาวะช็อกจากอาการแพ้ ฉีดอะดรีนาลิน ไดเฟนไฮดรามีน รานิทิดีน และเมทิลเพร็ดนิโซโลน เข้าหลอดเลือดดำ

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค และระยะของโรคที่เริ่มให้การรักษา ถ้าสามารถให้การรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่มในขณะที่มีอาการรุนแรงไม่มาก ก็มักจะได้ผลดีหรือหายเป็นปกติ แต่ถ้าปล่อยให้อวัยวะสำคัญขาดเลือดจนเกิดภาวะล้มเหลว ก็มักจะเสียชีวิต โดยทั่วไปภาวะช็อกที่มีสาเหตุจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะโลหิตเป็นพิษ มักมีอัตราตายค่อนข้างสูง


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น  มีอาการอ่อนเพลีย กระสับกระส่าย เวียนศีรษะ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม ใจหวิวใจสั่น ตัวเย็นและมีเหงื่อออก ริมฝีปากและเล็บเริ่มเขียวคล้ำ เจ็บแน่นหน้าอก หายใจตื้นและถี่  ควรทำการปฐมพยาบาล และรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นภาวะช็อก ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน  ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน  หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด

การปฐมพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะช็อก

1. ให้ผู้ป่วยนอนราบ ควรยกขาผู้ป่วยขึ้นสูง (ยกเว้นในรายที่หายใจหอบ) ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายโดยการห่มผ้า ให้ออกซิเจน

2. ถ้าผู้ป่วยมีสติอยู่ ควรพูดให้กำลังใจ อาจให้ดมยาดมด้วยก็ได้ 

3. อย่าให้คนมามุงล้อมผู้ป่วย 

4. ถ้าผู้ป่วยหมดสติ ให้ทำการปฐมพยาบาลเช่นเดียวกับอาการหมดสติ 

5. ถ้าพบสาเหตุของภาวะช็อก ให้การช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้ เช่น

    ถ้ามีเลือดออก รีบห้ามเลือดให้หยุด
    ถ้ามีไข้สูง ให้เช็ดตัวด้วยน้ำเย็น
    ถ้ามีรอยฟกช้ำที่สงสัยกระดูกหัก ให้ตรึงส่วนนั้นไว้ไม่ให้เคลื่อนไหว


การป้องกัน

การป้องกันภาวะช็อก สามารถทำได้โดย

1. การรักษาอาการเจ็บป่วย (เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ท้องเดิน ไข้เลือดออก การบาดเจ็บ) ให้ถูกต้องตั้งแต่แรก

2. มีพฤติกรรมสุขภาพในการป้องกันโรคที่เป็นสาเหตุของภาวะช็อก เช่น โรคหัวใจขาดเลือด การหลีกเลี่ยงการใช้สเตียรอยด์อย่างไม่เหมาะสม หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจทำให้มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร ระวังการแพ้ยา เป็นต้น

ข้อแนะนำ

ผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกโดยตรวจหาสาเหตุไม่ได้ชัดเจน (เช่น ตกเลือด โรคหัวใจ) หรือพบว่ามีไข้สูงร่วมด้วย ควรนึกถึงภาวะติดเชื้อและต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน

สำหรับต่อมหมวกไตบกพร่องเฉียบพลัน (ภาวะต่อมหมวกไตวิกฤติ) เป็นภาวะที่พบได้เป็นครั้งคราว ส่วนน้อยที่เกิดจากโรคแอดดิสัน ส่วนใหญ่เกิดจากการใช้สเตียรอยด์ รักษาโรคในขนาดสูงนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือใช้ในขนาดต่ำติดต่อกันเป็นแรมเดือนแรมปี ที่พบบ่อยก็คือ การใช้ยาชุด ยาลูกกลอนที่มีสเตียรอยด์ผสมรักษาตัวเองเมื่อเป็นโรคปวดข้อ (เช่น ข้อเข่าเสื่อม) โรคภูมิแพ้หรือโรคหืด จนเกิดโรคคุชชิง และต่อมหมวกไตฝ่อหรือบกพร่องเรื้อรัง

ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะช็อกเมื่อมีการหยุด (ถอน) ยาทันที หรือมีภาวะเครียด เช่น ติดเชื้อ ท้องเดิน อุบัติเหตุ ผ่าตัด อดอาหารเป็นเวลานาน เป็นต้น ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ มีไข้สูง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเดิน สับสน หมดสติ ความดันโลหิตต่ำ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็อาจเสียชีวิตในเวลารวดเร็ว หากได้รับสเตียรอยด์ฉีดเข้าร่างกายก็จะฟื้นตัวและหายเป็นปกติได้

ดังนั้น เมื่อพบผู้ป่วยที่มีภาวะช็อกโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน หรือให้การรักษาแล้วไม่ดีขึ้น ควรคิดถึงโรคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีประวัติว่ากินยาสเตียรอยด์ ยาชุด หรือยาลูกกลอนอยู่เป็นประจำ หรือตรวจพบลักษณะอาการของโรคคุชชิง เช่น อ้วนฉุ หน้าอูม แขนขาลีบ มีไขมัน (หนอกควาย) ที่หลังคอ เป็นต้น

7
มอเตอร์ไซด์ใหม่: ฮอนด้า Honda Lead 125 Ohlins Special Edition ปี 2024
72,200 บาท

ฮอนด้า Honda Lead 125 Ohlins Special Edition ปี 2024
Honda Lead125 Ohlins Special Edition ยกระดับความเท่ด้วยโช้คอัพที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี STX 46 สุดล้ำจาก Ohlins โช้คแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ขับขี่มั่นใจเหนือระดับเสริมความพรีเมียมในทุกรายละเอียดด้วยสติกเกอร์ Ohlins รอบคัน โดดเด่นด้วย Emblem สีทองและสติกเกอร์วงล้อสะท้อนความสปอร์ตล้ำเหนือใคร ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น ในราคาแนะนำ 72,200 บาท พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์           Honda
   รุ่น                ฮอนด้า Honda Lead 125 Ohlins Special Edition ปี 2024
   ประเภทรถ        รถครอบครัวกึ่งสปอร์ต
   ปีที่เปิดตัว        2024
   ราคา             72,200 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์     เกียร์ออโต้
   ระบบเกียร์       V-Matic แบบสายพาน (V-Belt)
   รายละเอียดเครื่องยนต์    eSP+ แบบซิงเกิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์
   ระบบระบายความร้อน     น้ำ
   ระบบสตาร์ท               สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)   124.77 CC
   แบบเครื่องยนต์           4 จังหวะ (esp+)
   ระบบจุดระเบิด            Full Transistorized
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง  เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, แก๊สโซฮอล์ E20, เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน           หัวฉีด (PGM-Fi)
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)   6 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน         ล้อหน้า เทเลสโคปิค, ล้อหลัง ยูนิตสวิง พร้อมโช้คหลัง OHLINS
   ระบบเบรค                ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ไฮดดรอลิก คาลิปเปอร์สีแดง), ล้อหลัง ดรัมเบรก ()
   แบบวงล้อ                แมกซ์
   ขนาดยาง                ล้อหน้า 90/90-12 44J, ล้อหลัง 100/90-10 56J
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.) 1,844 x 698 x 1,132
   น้ำหนักตัวรถ                   114.00 กก.

8
เด็กควรงดรับประทานลูกอม ขณะเข้ารับการจัดฟันเด็ก

หากพูดถึงเรื่องปัญหาฟันผุ บางคนอาจนึกถึงความเจ็บปวดที่รุนแรงมากที่ตัวเองมีประสบการณ์มาในอดีต หรือบางคนอาจนึกถึงภาพฟันเป็นรูบิ่นแตก และมีสีดำสกปรก ไม่น่าดู และทำให้เสียบุคลิกภาพมาจนถึงตอนโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งทำให้เสียบุคลิกภาพ มีสุขภาพฟันที่ไม่ดี โดยปัจจัยของการเกิดฟันผุนั้น หลายคนทราบดีอยู่แล้วว่า การรับประทานลูกอมหรือขนมหวานอาจจะทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะปลูกฝังให้เด็ก งดการรับประทานลูกอม แต่สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ ได้แก่ เชื้อโรคหรือเชื้อจุลินทรีย์ ถึงแม้ว่าจะมีเชื้อในปากอยู่มากมายหลายชนิด แต่มีเชื้อเฉพาะที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุ และพบมีเชื้อชนิดนี้มากในปากของคนที่ฟันผุมาก รวมไปถึงน้ำตาล ซึ่งเป็นอาหารเฉพาะสำหรับเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุ จำเป็นสำหรับการดำรงชีพและการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ดังกล่าว ซึ่งเมื่อเชื้อใช้น้ำตาลแล้วจะเปลี่ยนแปลงทางเคมีให้สารสุดท้ายเป็นกรดอินทรีย์ และสามารถทำลายหรือสลายแร่ธาตุของฟันต่อไป ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะต้องใช้เวลานานพอที่การสลายแร่ธาตุของฟันมีการสูญเสียมาก จนเกิดเป็นรูฟันขึ้นอย่างถาวรในที่สุด


ดังนั้น การรับประทานลูกอมในเด็กนั้น จึงเป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุได้ง่าย ยิ่งถ้าเด็กได้รับประทานในปริมาณที่มาก และไม่ทำความสะอาดช่องปากและฟันที่ไม่ดีเท่าที่ควรด้วย ก็จะยิ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดฟันผุและปัญหาอื่นๆตามมาได้ในอนาคต ซึ่งโรคฟันผุ พบมากในเด็ก ซึ่งเป้นวัยที่อาจจะยังแปรงฟันได้ไม่ถูกวิธี หรือละเลยการทำความสะอาดช่องปากและฟัน จึงทำให้เกิดฟันผุจนถึงขั้นสูญเสียฟันไปในที่สุด ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึง การปลูกฝังให้เด็กงดรับประทานลูกอม ในขณะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ซึ่งข้อนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดูแลไม่ให้เด็กรับประทานลูกอม

การจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะเด็กในสมัยนี้มีฟันผุมาก เนื่องจากยังไม่เข้าใจวิธีการทำความสะอาดช่องปากและฟันที่ถูกต้อง ประกอบกับพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะละเลยในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน จนทำให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดี พ่อแม่หลายคนคิดว่า ฟันน้ำนมของเด็กไม่มีความสำคัญ เพราะคิดว่า ยังไงก็จะมีฟันแท้ขึ้นมาแทนที่อยู่แล้ว แต่ความคิดดังกล่าวถือว่าเป้นความคิดที่ผิดอย่างมาก เพราะฟันน้ำนมของเด็ก มีผลต่อการขึ้นขอองฟันแท้


ถ้าหากฟันน้ำนมหลุดออกก่อนวัยอันควร จะส่งผลให้ฟันแท้ที่กำลังสร้างฐานฟันแท้ไม่สมบูรณ์ จนอาจจะเกิดภาวะฟันแท้หายได้ เนื่องจากฟันแท้ไม่สามารถงอกขึ้นมาได้ตามธรรมชาติ ดังนั้น การดูแลเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กให้สะอาด ควรเป้นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรที่จะมองข้าม และยิ่งเด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วยแล้ว การรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน จึงเป้นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งต้องทำความสะอาดให้ดีทุกซอกทุกมุม และในเรื่องของการรับประทานอาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญมากเช่นเดียว 

นอกจากนี้ การรับประทานลูกอม ขนมหวาน หรือแม้กระทั่งน้ำอัดลม เพราะน้ำตาลที่เด้กรับประทานเข้าไป นอกจากจะใช้เป็นพลังงานในการเจริญเติบโตของเชื้อ และทำปฏิกิริยาทางเคมีให้สารสุดท้ายเป็นกรดอินทรีย์ปล่อยออกมานอกเซลล์ของเชื้อจุลินทรีย์ ไปสลายแร่ธาตุของฟันแล้ว เชื้อจุลินทรีย์จะใช้อีกส่วนหนึ่งของน้ำตาลสร้างเป็นชั้นเมือกเหนียวติดบนตัวฟัน เพื่อให้เป็นที่ยึดเกาะทับถมเพิ่มจำนวนเชื้อบนฟันในรูปของคราบจุลินทรีย์ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการทำปฏิกิริยาในการทำลายฟันมากขึ้นไปอีก

ดังนั้น พ่อแม่ควรให้เด็กที่เข้ารับการจัดฟันในเด็ก งดรับประทานไปเลย เพื่อที่จะเซฟในเรื่องของเครื่องมือ และทำให้สามารถความสะอาดได้อย่างเต็มที่ และให้เด็กงดการรับประทานอาหารที่มีความหวาน ลูกอม หรือน้ำอัดลม ควรให้เด้กรับประทานอาหารว่าง จำพวกผลไม้ดีกว่ารับประทานอาหารที่เป้นโทษต่อฟันของเด็ก เพื่อให้เด็กได้มีสุขภาพฟันและสุขภาพร่างกายที่ดี ให้สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเต็มที่ มีรอยยยิ้มที่สดใสสมวัยได้

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และยังมีระสบการณ์ด้านทันตกรรมเด็กมาอย่างยาวนาน พร้อมที่จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาสำหรับเด็กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะเราอยากเด็กมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีฟันที่เรีงตัวกันอย่างสวยงามเป้นธรรมชาติ มีบุคลิกภาพที่สดใสมั่นใจ และมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น

9
มอเตอร์เอ็กซ์โปร์: บีวายดี BYD Sealion6 DM-i Premium ปี 2024
1,039,000 บาท

บีวายดี BYD Sealion6 DM-i Premium ปี 2024
BYD SEALION 6 DM-i Super Hybrid Premium ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังของเครื่องยนต์ "Xiao Yun" เบนซิน 1.5 ลิตร ไม่มีระบบอัดอากาศ ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 96.5 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 122 นิวตันเมตร ผสานผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) พร้อมแบตเตอรี่ขับเคลื่อนขนาด 18.3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง กำลังสูงสุด 194.4 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร เมื่อรวมทั้ง 2 ระบบะกำลังสูงสุด 214.5 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร รองรับการชาร์จแบบ AC Type 2 (กําลังสูงสุด 6.6 kW) รองรับหัวชาร์จแบบ DC CCS 2 (กําลังสูงสุด 18 kW) ระบบ VtoL (Vehicle to Load) ความจุถังนํ้ามัน 45 ลิตร โหมดการขับขี่ ECO/Normal/Sport  มาพร้อมสีภายนอกทั้งหมด 2 สี Quantum Black และ Horizon White พร้อมส่งล็อตแรก 20 ตุลาคม 2567

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์              BYD
   รุ่น                   บีวายดี BYD Sealion6 DM-i Premium ปี 2024
   ประเภทรถ          รถอเนกประสงค์ SUV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว           2024
   ราคา                1,039,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (บันได)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ไฟท้าย LED
หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ
ล้ออัลลอย (19 นิ้ว ยาง 235/50 R19)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (ดำสลับน้ำตาลขอบส้ม)
พวงมาลัยหุ้มหนัง
ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (ECO/Normal/Sport)

สเปค
   เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ "Xiao Yun" เบนซิน 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนล้อหน้า กำลังสูงสุด 96.5 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 122 นิวตันเมตร ผสานผสานพลังมอเตอร์ไฟฟ้าแบบซิงโครนัสชนิดแม่เหล็กถาวร (Permanent Magnet Synchronous Motor) พร้อมแบตเตอรี่ขับเคลื่อนขนาด 18.3 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง กำลังสูงสุด 194.4 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร เมื่อรวมทั้ง 2 ระบบะกำลังสูงสุด 214.5 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร รองรับการชาร์จแบบ AC Type 2 (กําลังสูงสุด 6.6 kW) รองรับหัวชาร์จแบบ DC CCS 2 (กําลังสูงสุด 18 kW) ระบบ VtoL (Vehicle to Load) ความจุถังนํ้ามัน 45 ลิตร โหมดการขับขี่ ECO/Normal/Sport

   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)       1,499 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    214 แรงม้า
   ระบบเกียร์                      1 จังหวะ
   รูปแบบเกียร์                    ไม่ระบุ
   ระบบเบรค ABS
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง         เบนซิน 95, เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, ไฮบริด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)        45 ลิตร
   ระบบจ่ายน้ำมัน
   น้ำหนักตัวรถ                  1,850 กก.
   ประเภทยางรถยนต์            -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                 ล้ออัลลอย (19 นิ้ว ยาง 235/50 R19)
   ระบบขับเคลื่อน                ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
กุญแจรีโมท (BYD Digital Key/NFC (NFC Card))
ไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (,ระบบเบรกอัตโนมัติ AEB)
หลอดไฟพิเศษระบบ Daytime Running Lights(DRL)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบควบคุมการทรงตัวบนทางลาดชัน (HHC),ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW,ระบบแจ้งเตือนคาดการณ์การชนล่วงหน้า PCW,ระบบช่วยเตือนการชนด้านท้าย RCW,ระบบจดจำป้ายจราจร TSR,ระบบเตือนเปลี่ยนเลน LDW)
เข็มขัดนิรภัย (ดึงกลับอัตโนมัติ)
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
อื่นๆ (ระบบป้องกันรถออกนอกเลน LDP,ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร LKA,ระบบแจ้งเตือนจำกัดความเร็วอัจฉริยะ ISLC,ระบบช่วยเตือนรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า FCTA,ระบบช่วยเบรกเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านด้านหน้า FCTB)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST) (DAW)
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning - BSW) (และระบบช่วยเตือนเมื่อเปิดประตูรถ DOW)
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert - RCTA) (และระบบเบรกอัตโนมัติเมื่อมีรถผ่านในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง RCTB)
เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor - IAVM)
เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA
เบรกมือไฟฟ้า
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก
ระบบเตือนแรงดันลมยาง
ระบบจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ภายนอก (V2L)

10
เที่ยววัดแม่นางปลื้ม วัดดัง อยุธยา เที่ยวใกล้กรุงเทพ เก่าแก่กว่าร้อยปี

ถ้าทัวร์เที่ยว วัดดัง มานับไม่ถ้วนแล้ว น่าจะไม่พลาด วัดแม่นางปลื้ม วัดเก่าแก่ของ อยุธยา นี้กันนะคะ แต่ถ้าใครยังไม่เคยไปมาก่อน ตามเรามาที่นี่กันได้เลยค่ะ วัดนี้มีเรื่องราวความเป็นมาที่เรียกว่าเป็นตำนาน และยังเป็นหนึ่งในวัดโบราณเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย ว่าแล้ว ตามกันมาเที่ยววัดแม่นางปลื้มพร้อมๆ กันได้เลยค่ะ


ที่เที่ยวอยุธยา วัดแม่นางปลื้ม เที่ยววัดดัง เก่าแก่ ดั่งตำนานเล่าว่า...

วัดแม่นางปลื้ม ตั้งอยู่ในบริเวณของคลองเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา สันนิษฐานกันว่าน่าจะสร้างขึ้นเมื่อราวๆ ปี พ.ศ. 1920 โดยบริเวณที่ตั้งของวัดนั้น เคยเป็นที่ตั้งค่ายของพม่ามาก่อน นอกจากนั้น วัดแม่นางปลื้ม ยังมีตำนาน รวมไปถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาอีกด้วย รวมทั้งโบราณสถานของที่นี่ ก็มีสภาพค่อนข้างจะสมบูรณ์อยู่มากด้วยเช่นกัน

 
ประวัติ วัดแม่นางปลื้ม

ในตำนานนั้นเล่าว่า บริเวณนี้เคยเป็นเรือนของ แม่ปลื้ม ซึ่งแม่ปลื้มอาศัยอยู่คนเดียวไม่มีลูกหรือหลานใดๆ วันหนึ่งพระนเรศวรพายเรือมาพระองค์เดียว แต่แล้วก็เจอพายุฝนซัดกระหน่ำเข้า เมื่อทอดพระเนตรเห็นเรือนหลังนี้ยังสว่างด้วยแสงไฟ จึงเสด็จขึ้นท่ามา ขอเสวยน้ำจันทน์และพักค้างแรม โดยที่แม่ปลื้มไม่รู้ว่าพระองค์เป็นใคร แต่ก็ต้อนรับอย่างดี

และยังมีการกล่าวถึงพระเจ้าแผ่นดินด้วยความจงรักภักดี ทำให้พระนเรศวรทรงพอพระทัยอย่างมาก พอเสด็จกลับพระราชวังหลวง หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้มีการจัดขบวนมารับแม่นางปลื้มไปเลี้ยงอาหารในวัง เพื่อตอบแทนความเมตตาและความภักดีนี้ เมื่อแม่ปลื้มเสียชีวิตลง สมเด็จพระนเรศวรก็จัดพิธีศพให้อย่างสมเกียรติ และพร้อมสร้างวัดพระราชทาน ที่ชื่อว่า วัดแม่นางปลื้ม นี้ขึ้นมาค่ะ

 
มาถึงในช่วงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยากันบ้าง ที่ วัดแม่นางปลื้ม นั้น เคยเป็นฐานที่พม่าใช้ยิงปืนใหญ่เข้าไปในกำแพงพระนครด้วยค่ะ เลยทำให้วัดนี้มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์มาก ไม่ถูกเผาทำลายเหมือนวัดอื่นๆ โดยความสวยงามของสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาภายในวัดนี้ ก็จะมีทั้ง พระวิหารเก่าแก่ ที่มี หลวงพ่อขาว ประดิษฐานอยู่ เป็นองค์สีขาวบริสุทธิ์ และมี เจดีย์ทรงกลมฐานสิงห์ล้อม ที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะเขมรในสมัยนั้น

 
ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะยังมี พระอุโบสถหลังใหม่ ที่บริเวณหน้าบันนั้น จะประดับด้วยปูนปั้นลวดลายสวยงามอย่างมากอีกด้วยค่ะ รวมถึง ซุ้มประตู วัดแม่นางปลื้ม ที่จะเป็นซุ้มประตูวัดแบบโบราณ ให้ความรู้สึกขลังและศักดิ์สิทธิ์มากๆ เหมือนกำลังผ่านประตูทะลุมิติเข้าไปแบบนั้นเลย เป็นอีกวัดเก่าแก่ของ อยุธยา ที่ควรค่ามาเยือนอย่างมากจริงๆ ค่ะ


ข้อมูล วัดแม่นางปลื้ม อยุธยา

    ที่อยู่ : ตำบลคลองสระบัว อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    เปิดให้เข้าชม : 06.00-18.30 น.



11
รีวิวบ้านใหม่ 2024: บ้านพฤกษา รังสิต - คลอง 7 (Baan Pruksa Rangsit - Klong 7)

โครงการของ พฤกษา เรียลเอสเตท ซึ่งเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร สไตล์ Scandinavia กับโครงการ บ้านพฤกษา รังสิต - คลอง 7 (Baan Pruksa Rangsit - Klong 7) ทาวน์โฮมที่ให้ความเรียบหรู บนทำเลสะดวกสบาย ใกล้ถนนกาญจนาภิเษก อีกทั้งยังมาพร้อมกับนวัตกรรมบ้านหายใจได้ ทำให้คุณรู้สึกเย็นสบายด้วย Fresh Air System ระบบหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน ช่วยลดอุณหภูมิ กลิ่น ความชื้น และยังประหยัดไฟอีกด้วย มาพร้อมกับฟังก์ชันบ้าน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ จอดรถได้ 1 คัน ในราคาเริ่มต้น 1.54 ล้านบาท จะน่าสนใจแค่ไหน ตามมาชมรายละเอียดโครงการกันเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ
เจ้าของโครงการ : บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ : ถนนรังสิต-นครนายก ตำบลลำผักกูด อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12110
ขนาดพื้นที่โครงการ : 3-3-23.20 ไร่
จำนวนบ้าน : 348 หลัง
ขนาดที่ดิน : ตั้งแต่ 17.4 ตร.ว.
ขนาดพื้นที่ใช้สอย : 95 ตร.ม.
ปัจจุบันมีทาวน์โฮม 1 แบบ หน้ากว้าง 5.7 เมตร
สิ่งอำนวยความสะดวก : สวนส่วนกลาง, นิติบุคคล, ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และ CCTV
ราคาเริ่มต้น 1.54 ล้านบาท

ทำเลที่ตั้ง และการเดินทาง
โครงการตั้งอยู่บนถนนรังสิต-นครนายก ตำบลลำผักกูด อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12110

ภาพแผนที่โครงการแจกแจงให้เห็นสถานที่
หรือ Landmark รอบๆ โครงการที่น่าสนใจ (คลิกดูภาพใหญ่)

พิกัดโครงการ 14.035742, 100.781283
1. การเดินทางโดยรถยนต์
ขาเข้าโครงการเส้นทางที่ 1 - จากฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต
เริ่มจาก ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ให้วิ่งตรงไปตามถนนรังสิตนครนายก ผ่านเส้นวงแหวนกาญจนาภิเษก จากถนนวงแหวนฯ ให้ขับตรงไปอีกประมาณ 9.5 กม. ให้เลี้ยวขวาตรงที่กลับรถเพื่อขึ้นสะพานข้ามคลอง เมื่อลงสะพานแล้วขับตรงไป 140 ม. เจอสี่แยกให้เลี้ยวขวา จากนั้นตรงไปตามถนนประมาณ 800 ม. จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือ

ขาเข้าโครงการเส้นทางที่ 2 - จากทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก
จากทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก ให้ลงรังสิต-นครนายก (ฝั่งที่เขียนว่านครนายก) ลงมาที่ถนนรังสิตนครนายกแล้วให้ขับตรงไปอีกประมาณ 9.5 กม. เพื่อกลับรถ แล้วขับตรงไปอีก 950 ม. ให้เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานที่เขียนว่าชุมชนพฤกษา 1 ข้ามสะพานแล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นจึงเลี้ยวขวา ขับตรงไปอีก 140 ม. จะเห็นหมู่บ้านพฤกษา 1 ให้เลี้ยวซ้ายที่แยกนี้ จากนั้นขับตรงไปอีก 100 เมตร โครงการอยู่ฝั่งขวามือ

ขาออกโครงการเส้นทางที่ 1 - ไปขึ้นทางด่วนวงแหวนกาญจนาภิเษก

ขาออกโครงการเส้นทางที่ 2 - ไปถนนลำลูกกา

สถานที่สำคัญ และสภาพแวดล้อมใกล้เคียง
โครงการตั้งอยู่ในซอยช่วงคลอง 8 ห่างจากถนนรังสิต-นครนายก เพียง 350 ม. โดยในซอยที่โครงการตั้งอยู่ เป็นซอยที่มีหมู่บ้านจัดสรรอยู่หลายโครงการ และเป็นแหล่งที่มีผู้คนอาศัยอยู่มากพอสมควร ทำให้ซอยนี้มีทั้งตลาด ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ ตั้งอยู่ใกล้โครงการ และตรงถนนรังสิต-นครนายกยังเป็นที่ตั้งของ Hypermarket ขนาดใหญ่ อาทิ Tesco Lotus และ Big C ที่ถือว่าสะดวกสบายทีเดียวค่ะ โครงการเดินทางสะดวกด้วย ถนนรังสิต-นครนายก หรือสามารถไปถนนลำลูกกาได้ไม่ยาก โดยตลอดเส้นถนนรังสิต-นครนายกนั้น อุดมสมบูรณ์ไปด้วยร้านอาหาร และ Community Mall มากมายเลยทีเดียว

ถนนทางเข้าโครงการฝั่งขวามือ

มีร้านอาหารใกล้โครงการเพียง 50 เมตร

เดินมาอีกหน่อยจะมี 7-11 อยู่ตรงทางแยก ระยะทางแค่ 100 เมตรเท่านั้นเอง

มีบ้านพฤกษา 1 ซึ่งเป็นโครงการเพื่อนบ้านอยู่แยกนี้ด้วยค่ะ

มาดูฝั่งซ้ายมือบ้าง ข้างโครงการจะเป็นวินมอเตอร์ไซค์ และมีตู้ ATM

ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านขายยา และร้านชา

ติดกันเลยมี Tesco Lotus Express สะดวกมากเลยค่ะ

มีร้านอาหารแผงลอย และร้านผลไม้หลายร้าน

ถัดจาก Lotus ก็มี 7-11 อีกหนึ่งที่ค่ะ

ถัดไปไม่ไกลมีร้านแว่น ท็อปเจริญ

ส่วน Tesco Lotus คลอง 7 ห่างจากโครงการประมาณ 3.4 กม.

Big C รังสิต คลอง 6 ห่างจากโครงการประมาณ 6.1 กม.

รพ.ธัญบุรี ห่างจากโครงการประมาณ 7.7 กม.

ม.ราชมงคลธัญบุรี ห่างจากโครงการประมาณ 9.5 กม.

ม.อีสเทิร์นเอเชีย ห่างจากโครงการประมาณ 7.2 กม.

ดรีมเวิลด์ ห่างจากโครงการประมาณ 13 กม.
แบบบ้าน และตัวโครงการโดยรวม
โครงการ บ้านพฤกษา รังสิต - คลอง 7 (Baan Pruksa Rangsit - Klong 7) เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนรังสิต-นครนายก บนพื้นที่โครงการ 31-3-23.20 ไร่ มีบ้านทั้งหมด 348 หลัง ภายในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวก คือ ซุ้มประตูทางเข้าแยกระหว่างลูกบ้านกับคนภายนอกที่มาติดต่อ และสวนส่วนกลาง ตั้งอยู่ช่วงกลางของโครงการ (สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดนี้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว) ถนนหน้าโครงการเป็นถนนที่สวนกันสองเลนได้ ถนนตรงซุ้มประตูทางเข้ากว้าง 20 เมตร ถนนหลักกว้าง 16 เมตร และจากสวนส่วนกลางไปกว้าง 12 เมตร ถนนภายในซอยกว้าง 8 เมตร มีรั้วรอบโครงการสูง 2.4 เมตร

ภาพจากมุมสูงของ บ้านพฤกษา รังสิต-คลอง 7 แสดงให้เห็นขอบเขตของโครงการ
ทางเข้าโครงการ สวนส่วนกลาง บ้านตัวอย่าง และ Sales Gallery

ด้านหน้าทางเข้าปูหญ้าสวยงาม และตกแต่งด้วยรูปปั้นกวาง ดูหรูหราทีเดียว

มีป้ายชื่อโครงการ บ้านพฤกษา รังสิต - คลอง 7 อยู่ด้านซ้ายมือ

ซุ้มประตูทางเข้า-ออกโครงการมีขนาดใหญ่ สไตล์ Modern เน้นสีดำ มีหลังคาบังแดดและกันฝน

ประตูทางเข้า แยกระหว่างลูกบ้าน กับคนภายนอกที่มาติดต่อ สแกนบัตรแล้วไม้กั้นก็จะเปิดอัตโนมัติเลย นอกจากนี้ยังมีทางเดินเข้าสำหรับคนเดินเท้าอยู่ฝั่งซ้ายมือ มีไม้กั้นกระดก การ์ดสแกน CCTV และมีห้องสำหรับ รปภ. กั้นตรงกลางระหว่างทางเข้าและทางออก

ถนนหลักช่วงแรกกว้าง 16 เมตร
ผ่านซุ้มประตูเข้ามา ฝั่งขวามือจะเป็นที่ตั้ง Sales Gallery และบ้านตัวอย่าง อยู่บล็อกแรก
ถนนหลัก ช่วงหลังจากสวนกว้าง 12 เมตร

ถนนภายในซอยกว้าง 8 เมตร
แบบบ้านพร้อม Floor Plan ของทางโครงการ ปัจจุบันมี 1 แบบ คือ
Scandia - ทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 17.4 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 95 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ส่วนรับแขก 1 ส่วนรับประทานอาหาร จอดรถ 1 คัน

แบบบ้าน Scandia

Floor Plan Scandia
ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก
สวนสาธารณะ
CCTV
รปภ.
Keycard Access

ภาพจากมุมสูงแสดงให้เห็นตำแหน่งของสวนสาธารณะของโครงการ

สวนที่นี่ตั้งอยู่ช่วงกลางของโครงการเลย

บริเวณสวนสาธารณะของโครงการ ปูหญ้า ลงไม้ใหญ่ไม้พุ่มไว้ให้

มีลานไว้สำหรับเด็กเล่นด้วยค่ะ

ปูพื้นทำทางเดินให้โดยรอบ สะดวกทีเดียว
ภาพบ้านตัวอย่าง และ Layout
แบบบ้านที่เราจะพาทุกท่านมาเยี่ยมชม-รีวิว ในวันนี้ คือ แบบบ้าน Scandia ซึ่งเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น หน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่ดินเริ่มต้น 17.4 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยประมาณ 95 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ จอดรถ 1 คัน เราจึงขอพาท่านไปเยี่ยมชมบ้านตัวอย่างพร้อมตกแต่ง และบ้านเปล่ามาตรฐานที่ใช้ส่งมอบลูกค้ามาให้ชมกันค่ะ

เรามาดูแปลนบ้านทั้งสองชั้นกันก่อนค่ะ

แบบบ้านที่เห็นนี้คือ สำนักงานขายนะคะ ส่วนบ้านตัวอย่างเป็นทาวน์โฮมบล็อกเดียวกัน แบบเดียวกัน ออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวีย สีโทนเข้ม ตัดกับสีครีมและน้ำตาล บ้านที่ส่งมอบให้กับลูกค้าของที่นี่ จะเป็นบ้านเปล่าไม่ได้ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์

บ้านที่ส่งมอบให้กับลูกค้าของที่นี่ จะเป็นบ้านเปล่าไม่ได้ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ และไม่ได้จัดสวนให้ บ้านแต่ละหลังจะมีรั้วกั้นสูง 1.20 เมตร ประตูหน้าบ้านเป็นประตูเหล็กบานพับ หน้ากว้าง 5.7 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน ส่วนพื้นจอดรถจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กขัดหยาบฉาบเรียบลาดยาวจนถึงประตูรั้วบ้าน

ช่องลมที่เห็นนี้อยู่ด้านข้างบ้าน ช่วยรับอากาศจากภายนอกเข้ามาในตัวบ้าน

เฉลียงหน้าบ้านยกสเต็ปให้ 1 ขั้น สูงขึ้นมาจากพื้นที่จอดรถเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้อง ขนาด 12" x 12" ส่วนประตูทางเข้าหลักเป็นประตูบานเลื่อน กรอบ/วงกบอลูมิเนียมสีธรรมชาติ

ตัวล็อคประตู 2 ชั้น

ผนังด้านข้างประตูทางเข้าจะติดตั้ง สวิทซ์ไฟระบบสัมผัสมาให้

พื้นชั้นล่างปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 60 ซม. ไฟด้านล่างเป็น LED Downlight ฝ้าที่ให้เป็นฝ้าเรียบ
มีความสูงจากพื้นถึงเพดาน 2.70 เมตร

แผนภาพที่ติดอยู่ชั้น 1 อธิบายการทำงานของระบบ Fresh Air
1. เริ่มจากช่องลมที่ติดตั้งอยู่ตรงผนังทุกห้องรับอากาศจากภายนอกเข้ามาสู่ภายในตัวบ้าน
2. อากาศใหม่ก็จะถ่ายเทภายในบ้าน แล้วอากาศที่ร้อนก็จะลอยตัวสูงขึ้น
3. พัดลมดูดอากาศที่อยู่ชั้น 2 ก็จะดูดเอาอากาศร้อนขึ้นไปบนฝ้า เพื่อระบายออกไปที่ชายคาด้านนอกบ้าน
4. จากนั้นอากาศจากด้านนอก จะรับเข้ามาผ่านช่องลมอีกครั้ง ทำให้บ้านสดชื่น ลดอุณหภูมิ ลดกลิ่นอับ และช่วยประหยัดไฟฟ้าได้อีกด้วย

สติ๊กเกอร์ที่เห็นนี้เป็นคำอธิบายบ้านพฤกษา Fresh Air System เกี่ยวกับข้อดี และการทำงานของระบบที่นำมาใช้ในบ้านโครงการนี้ และโครงการอื่นๆ ของพฤกษาด้วยค่ะ

สามารถปรับห้องนี้เป็นห้องพักผ่อนชั้นบน ห้องอ่านหนังสือได้ ถ้าจำนวนสมาชิกในบ้านมีไม่มาก

บ้านที่นี่ใช้สวิทซ์ไฟของ Bticino หลอดไฟ LED Downlight
ราคาและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยประมาณ ณ วันที่ 31 พ.ค. 2562
ตัวอย่างค่าใช้จ่ายของทาวน์โฮม 2 ชั้น
แบบบ้าน 1 ที่จอดรถ (Scandia) แปลงมาตรฐาน ขนาดที่ดิน 18.20 ตร.ว.
ราคา 1,720,000 บาท ส่วนลด ณ วันโอน 172,000 บาท เหลือ 1,545,000 บาท
- เงินดาวน์ งวดที่ 1 (10%) 172,000 บาท
- เงินจอง 0 บาท
- ทำสัญญา 3,000 บาท (7 วัน นับจากวันจอง)
- ชำระเงินดาวน์ เทดาวน์ งวดที่ 1  172,000 บาท
- กู้ธนาคาร 100% 1,545,000 บาท
- ยอด ณ วันโอนกรรมสิทธิ์ 1,545,000
ผ่อนชำระธนาคาร อัตราดอกเบี้ย 7%
วงเงินกู้ 15 ปี ผ่อนเดือนละ 13,887 บาท
วงเงินกู้ 20 ปี ผ่อนเดือนละ 11,978 บาท
วงเงินกู้ 25 ปี ผ่อนเดือนละ 10,920 บาท
วงเงินกู้ 30 ปี ผ่อนเดือนละ 10,279 บาท
อัตราการผ่อนและ Rate ดอกเบี้ย ขึ้นอยู่กับธนาคารกำหนด ทั้งนี้ Rate ดังกล่าวเป็น Rate ประมาณการ
Promotion
1. ค่าบริการสาธารณะ 31 บาท/ตารางวา/เดือน เก็บล่วงหน้า 36 เดือน  ฟรี
2. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า ฟรี
3. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินติดตั้งมิเตอร์น้ำ ฟรี
4. ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ 2% ของราคาขาย (ชำระฝ่ายละครึ่งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย) ฟรี
5. ค่าจดจำนอง 1% ของยอดกู้ 90% (กรณีขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน) ฟรี
หมายเหตุ
- ที่ดินเพิ่ม-ลด ตารางวาละ 43,000 บาท
- กรณีซื้อสด กำหนดเงินดาวน์ 10% ของราคาซื้อขาย
- ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ 2% ผู้จะซื้อและผู้จะขายออกเท่ากันทั้งสองฝ่าย (ฝ่ายละ 1%)
- ค่าธรรมเนียมจดจำนอง 1% และค่าอากรแสตมป์ ผู้จะซื้อเป็นผู้ชำระ
- การขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน ทางสถาบันการเงินเป็นผู้พิจารณาอนุมัติหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถาบันการเงินและคุณสมบัติของตัวผู้กู้เป็นสำคัญ
- บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในรายการส่งเสริมการขาย ไม่สามารถใช้ร่วมกับรายการอื่น และโครงการอื่นๆ ในเครือบริษัทพฤกษา
- ในกรณีลูกค้ายื่นกู้กับธนาคารได้รับการพิจารณาอนุมัติวงเงินผ่านแล้ว หรือซื้อสด บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินจองทุกกรณี โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
- เงื่อนไขรายการส่งเสริมการขายตามที่ระบุข้างต้น จะได้รับหลังโอนกรรมสิทธิ์ภายใน 60 วัน
โปรโมชั่น
1. ฟรี ค่าใช้จ่ายในการขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า
2. ฟรี ค่าใช้จ่ายในการขอติดตั้งมิเตอร์น้ำ
3. ฟรี ค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์
4. ฟรี ค่าธรรมเนียมจดจำนอง
5. ฟรี ค่าบริการสาธารณะ
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
(โปรดสอบถามราคาและโปรโมชั่นอัปเดตได้ที่สำนักงานขายของโครงการ)
สถานะปัจจุบันของโครงการ ณ วันที่ 31 พ.ค. 2562
โครงการ "บ้านพฤกษา รังสิต - คลอง 7 (Baan Pruksa Rangsit - Klong 7)" ทาวน์โฮม 2 ชั้น เปิดพรีเซลไปเมื่อกลางปี 2561 ปัจจุบันการก่อสร้างบ้านและการเปิดขาย จะเป็นลักษณะการสร้างบ้านเริ่มจากตอนต้นโครงการ มีทั้งส่วนที่สร้างเสร็จพร้อมโอน และยังสร้างไม่เสร็จ ส่วนการเปิดขายนั้นเปิดขายทีละบล็อก เปิดช่วงต้นโครงการโซนทางเข้าก่อน ซึ่งในปัจจุบันเปิด-ขายเลยโซนสวนสาธารณะไปแล้ว มีลูกค้าสนใจจองบ้านไปประมาณ 65 หลัง จากจำนวนบ้านทั้งหมด 348 หลัง คิดเป็นประมาณ 16% สำหรับบ้านที่เปิดขายเป็นบ้านเปล่า ไม่รวมตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ หากใครที่กำลังสนใจและมองหาบ้านในทำเลนี้อยู่ ลองแวะไปชมบ้านจริงได้ที่สำนักงานขายได้เลยค่ะ เปิดทุกวัน 9.00-18.00 น. ค่ะ


12
สุขภาพดี: การบำบัดด้วยการจับนิวตรอนโบรอน เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ปฏิวัติวงการ

โบรอนนิวตรอนจับภาพบำบัดเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ที่นำเสนอความก้าวหน้าที่น่าหวังในการรักษาโรคมะเร็ง การบำบัดที่ล้ำสมัยนี้ผสมผสานหลักการของฟิสิกส์นิวเคลียร์และเคมีเพื่อกำหนดเป้าหมายและทำลายเซลล์มะเร็งด้วยความแม่นยำ ช่วยลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อที่มีสุขภาพดีโดยรอบให้เหลือน้อยที่สุด BNCT เดิมมีแนวคิดในช่วงทศวรรษ 1930 การพัฒนาเพิ่มมากขึ้น

โดยนำความหวังใหม่มาสู่ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยโรคมะเร็งที่ท้าทาย

BNCT ทำงานอย่างไร

BNCT เกี่ยวข้องกับสองขั้นตอนหลัก: การส่งสารประกอบที่มีโบรอนไปยังเซลล์มะเร็ง และการนำเซลล์เหล่านี้ไปสัมผัสกับรังสีนิวตรอน ต่อไปนี้เป็นรายละเอียดโดยละเอียดของกระบวนการ:

การนำส่งโบรอน : ผู้ป่วยจะได้รับยาที่มีโบรอน ซึ่งจะสะสมในเซลล์มะเร็งเป็นพิเศษ สารประกอบโบรอนที่ใช้กันมากที่สุดคือโบโรโนฟีนิลอะลานีน (BPA) ซึ่งถูกคัดเลือกโดยเซลล์มะเร็ง

การฉายรังสีนิวตรอน : เมื่อความเข้มข้นของโบรอนในเนื้องอกเพียงพอ ผู้ป่วยจะได้รับการฉายรังสีนิวตรอน เมื่ออะตอมโบรอนจับนิวตรอน จะเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ ทำให้เกิดอนุภาคแอลฟาพลังงานสูงและนิวเคลียสลิเธียม อนุภาคเหล่านี้มีพิสัยที่สั้นมาก โดยสามารถทำลายเซลล์มะเร็งจากภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดเนื้อเยื่อที่แข็งแรงในบริเวณใกล้เคียง

ข้อดีของ BNCT
BNCT มีข้อได้เปรียบที่สำคัญกว่าการรักษามะเร็งแบบดั้งเดิมหลายประการ เช่น เคมีบำบัดและการฉายรังสีแบบเดิม:

การกำหนดเป้าหมายแบบเลือก : ความสามารถของ BNCT ในการเลือกกำหนดเป้าหมายเซลล์มะเร็งช่วยลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อที่มีสุขภาพดี ลดผลข้างเคียง และปรับปรุงผลลัพธ์ของผู้ป่วย
ประสิทธิผลในการต่อต้านเนื้องอกที่ดื้อยา : BNCT แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีในการรักษาเนื้องอกที่ดื้อต่อรังสีและเคมี ซึ่งมักมีความท้าทายในการจัดการด้วยการรักษามาตรฐาน
ศักยภาพการรักษาเดี่ยว : ในบางกรณี BNCT อาจต้องการการรักษาเพียงครั้งเดียวหรือสองสามครั้ง เมื่อเทียบกับตารางการรักษาที่ยืดเยื้อของการรักษาแบบดั้งเดิม


การใช้งานทางคลินิก

BNCT มีศักยภาพในการรักษาโรคมะเร็งได้หลายประเภท ได้แก่

เนื้องอกในสมอง : โดยเฉพาะ glioblastoma multiforme (GBM) ซึ่งเป็นมะเร็งสมองที่มีความรุนแรงสูงและรักษายาก
มะเร็งศีรษะและคอ : BNCT มีประสิทธิภาพในการจัดการมะเร็งศีรษะและคอที่เกิดซ้ำและรุนแรง
เมลาโนมา : มะเร็งผิวหนังชนิดนี้ซึ่งทราบกันดีว่ามีแนวโน้มที่จะแพร่กระจาย อาจได้รับประโยชน์จากแนวทางที่กำหนดเป้าหมายของ BNCT เช่นกัน
สถานะปัจจุบันและอนาคตในอนาคต
ปัจจุบัน BNCT มีให้บริการในศูนย์วิจัยและคลินิกบางแห่งทั่วโลก โดยมีการทดลองทางคลินิกที่กำลังดำเนินอยู่เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ความก้าวหน้าในเทคโนโลยีแหล่งกำเนิดนิวตรอนและสารประกอบการนำโบรอนยังคงเพิ่มศักยภาพของ BNCT ต่อไป และปูทางไปสู่การนำไปใช้ในวงกว้างมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

หลายประเทศ รวมถึงญี่ปุ่น ฟินแลนด์ และสหรัฐอเมริกา อยู่ในระดับแนวหน้าของการวิจัยและการนำไปปฏิบัติของ BNCT เมื่อเทคโนโลยีเติบโตขึ้น ก็ถือเป็นคำมั่นสัญญาว่าจะเป็นทางเลือกในการรักษากระแสหลัก โดยมอบความหวังใหม่ให้กับผู้ป่วยมะเร็งที่รักษายาก

การบำบัดด้วยการจับนิวตรอนโบรอนแสดงให้เห็นถึงแนวทางการปฏิวัติในการรักษาโรคมะเร็ง โดยใช้ประโยชน์จากพลังของปฏิกิริยานิวเคลียร์ในการเลือกทำลายเซลล์มะเร็ง ในขณะเดียวกันก็รักษาเนื้อเยื่อที่ดีเอาไว้ ด้วยการวิจัยและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง BNCT จึงมีศักยภาพมหาศาลในการปรับปรุงการรักษาโรคมะเร็งและผลลัพธ์ของผู้ป่วย เนื่องจากการบำบัดที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงอาจกลายเป็นรากฐานสำคัญในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยมอบความหวังใหม่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแก่ผู้ป่วยทั่วโลก

13
ขายรถราคาพิเศษ Mitsubishi All New Triton Double Cab รถทดลองขับ ไมล์น้อย โปรโมชั่นพิเศษ

มิตซูบิชิ Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 ULTRA AT ปี 2023
MITSUBISHI TRITON DOUBLE Plus 2.4 ULTRA AT ตัวถังดีไซน์ใหม่!เมกาเฟรม (Mega Frame) ใหญ่ขึ้น และแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เครื่องยนต์ใหม่ ไฮเปอร์เพาเวอร์ กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ (184 PS) แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร เทอร์โบแปรผัน VG Turbo ช่วงล่างใหม่ พร้อม Active Yaw Control: AYC ความปลอดภัยขั้นสุด Diamond Sense เตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA) เตือนด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert: RCTA) กล้องมองรอบคัน 360 องศา ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM) ตรวจจับคนเดินถนน

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 15 ก.ย. - 30 ธ.ค. 2567
ส่วนลด 150,000 สามารถนำมาเป็นเงินดาวน์เพื่อทำโปรฟรีดาวน์ได้
ราคาพิเศษ 899,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
  แบรนด์            Mitsubishi
  รุ่น                 มิตซูบิชิ Mitsubishi Triton Double Cab Plus 2.4 ULTRA AT ปี 2023
  ประเภทรถ        รถกระบะ 4 ประตู
  ปีที่เปิดตัว        2023

สเปค
  เครื่องยนต์
เครื่องยนต์คลีนดีเซลไฮเปอร์เพาเวอร์ (Hyper Power Engine) เทอร์โบแปรผัน VG Turbo กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ หรือ 184 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร

  ขนาดเครื่องยนต์ (CC)      2,442 CC
  กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)   184 แรงม้า
  ระบบเกียร์                     เกียร์ออโต้ 6AT
  รูปแบบเกียร์
  ระบบเบรค ABS              มี (EBD/BA)
  ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง      ดีเซล, B7
  ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)       75 ลิตร
  ระบบจ่ายน้ำมัน               คอมมอนแรล
  น้ำหนักตัวรถ                   -
  ประเภทยางรถยนต์            -
  ขนาดล้อ (นิ้ว)
  ระบบขับเคลื่อน             ขับเคลื่อนล้อหลัง

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ASC/TCL)
ตัวถังนิรภัย
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
คานเหล็กเสริมนิรภัย
อื่นๆ (ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว (Forward Collision Mitigation system: FCM), เตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning: BSW) พร้อมระบบสัญญาณเตือนขณะเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist: LCA))
กล้อง (มองรอบคัน)
เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert - RCTA)
เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก


14
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



15
หลายคนสงสัยการจัดฟันเด็ก EF Line คืออะไร

การจัดฟันในปัจจุบันนั้น มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ซึ่งในสมัยนี้การจัดฟันในเด็กนั้น ก็ถือว่าได้รับความสนใจจากพ่อแม่ผู้ปกครองเป็นจำนวนมาก ที่อยากจะให้บุตรหลานของท่านมีฟันที่สวยงาม มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 4-15 ปี เพราะในวัยนี้เด็กยังมีกระดูกขากรรไกรที่ยังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงเหมาะสมที่จะเข้ารับการจัดฟัน เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น ก็มีการนำนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่เข้ามาช่วยในการรักษา ทำให้ฟันของเด็กเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสมและสวยงาม ซึ่งเครื่องมือที่ว่านั้นก็คือ EF Line ที่จะช่วยในเรื่องของการปรับโครงสร้างของใบหน้าให้อยู่ในรูปร่างที่เหมาะสม ถือว่าเครื่องมือ EF Line เป็นเครื่องมือการรักษาทางทันตกรรมในรูปแบบใหม่ โดยอาศัยแรงที่ได้จากกล้ามเนื้อให้เกิดการปรับโครงสร้างกระดูกใบหน้าและให้มีการเรียงตัวของฟันที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ ส่งผลให้บุตรหลานของท่านมีรอยยิ้มที่สดใส สมวัยด้วย


ถ้าหากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจที่จะให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วยเครื่องมือ EF Line ก็ควรที่จะศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับการจัดฟันในเด็กก่อนได้ หรือปรึกษาทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญที่จะให้ความรู้ในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก ให้กับบุตรหลานของท่าน เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง ซึ่งทางคลินิกของเราก็มีทันตแพทย์ที่จะช่วยให้คำแนะนำในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก หากสนใจสามารถเข้ารับคำแนะนำได้ แต่ในวันนี้ทางคลินิกของเรา จะมาพูดเครื่องมือ EF Line เพื่อเป็นความรู้ให้กับท่านที่สนใจที่จะนำบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก

สำหรับเครื่องมือ EF Line นั้น เป็นชุดเครื่องมือการจัดฟันในเด็กที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติได้และยังช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูก เพราะกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างของเด็กในวัยนี้ ยังมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็มีมากน้อยตามแต่ช่วงอายุของเด็ก นอกจากนี้เครื่องมือ EF Line ยังถูกออกแบบมาเพื่อทำการปรับเปลี่ยนการหายใจให้ถูกวิธี รวมถึงการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยปรับการกลืนให้ถูกต้องอีกด้วย เรียกได้ว่า เครื่องมือ EF Line นั้น แทบจะแก้ปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างล้ำลึก ตั้งแต่กล้ามเนื้อไปจนถึงฟันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของพฤติกรรมในเด็กที่มักจะพบเจอได้บ่อย นั่นก็คือ ปัญหาในเรื่องของการดูดนิ้ว กัดเล็บ กัดริมฝีปาก หายใจทางปากเป็นประจำ หรือมีการกลืนที่ผิดปกติ พฤติกรรมเหล่านี้ก็มีผลต่อการเรียงตัวของฟันของเด็กด้วย หรืออาจมีผลต่อการเจริญเติบโตของใบหน้าและขากรรไกรที่ผิดปกติ ทำให้ต้องมารับการจัดฟันเร็วขึ้น เพื่อป้องกันหรือแก้ไขความผิดปกติเหล่านั้น ซึ่งเครื่องมือการจัดฟันในเด็ก EF Line ก็สามารถแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ก็ถือว่าจัดเป็นงานการประยุกต์และปรับปรุงการเจริญเติบโต ซึ่งจะได้ผลดีเมื่อเริ่มในเด็กที่มีการสบฟันที่ผิดปกติ ฟันยื่น โดยสามารถแก้ไขฟันได้ภายใน 6-9 เดือน หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อแก้ไขปัญหาฟันได้ในระยะยาว สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาสุขภาพฟันของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ทันตแพทย์จะแนะนำในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันที่ถูกต้อง เพื่อให้เด็กได้ตระหนักและเอาใจใส่ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่จะได้ปลูกฝังให้เด็กมีความรับผิดชอบในเรื่องของการรักษาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี รวมไปถึงมีรอยยิ้มที่มั่นใจ สดใส เสริมสร้างบุคลิกภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีความสุข

16
ลองขับ Mercedes-EQS 500 รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมี่ยม 7 ล้านบาทน่าใช้ไหม?

ทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหญ่ไซซ์ยักษ์ Mercedes-EQS 500 4MATIC AMG Premium ราคา 6.2 ล้านบาท (มีส่วนลดจาก 7,200,000 บาท) มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสุดทั้งระบบขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ขับเคลื่อน 4 ล้อ พลัง 449 แรงม้า แรงบิด 828 นิวตันเมตร ระบบคับขับเลี้ยว 4 ล้อ ที่ความเร็วต่ำ หลังคาพาโนรามิครูฟเปิดส่วนหน้าได้ พร้อมแผ่นบังแดดบาง ๆ ส่วนภายในล้ำมาก ๆ ด้วยจอคนขับ จอกลาง จอฝั่งข้างคนขับ และมีจอสำหรับผู้โดยสารอีก 2 ฝั่ง รวบ 5 จอที่สั่งการแบบแยกอิสระได้ด้วย เบาะคู่หน้าไฟฟ้าพร้อมระบบนวดและหน่วยความจำ, ระบบเป่าลมร้อน ระบบปรับอากาศที่แยก 4 โซน หน้า-ซ้าย/ขวา และด้านหลัง นี่แค่อุปกรณ์ล้ำคร่าว ๆ ใน EQS 500 คันนี้เท่านั้น
 
 
ออกแบบเพื่อเป็น S-Class EV Primium
 
ภายนอกไฟหน้าแบบ Digital Light ที่สามารถหลบหลีกเมื่อเปิดไฟสูงในที่มืดและมีรถหรือแสงสว่างสวนทางมา ระบบไฟจะเว้าหลบตามแสงนั้น ๆ หรือเวลาเปิดไฟเลี้ยวจะมีไฟส่องด้านข้าง ไฟท้ายขนาดใหญ่และยาวลากผ่านส่วนท้ายโดเด่นชัดเจนด้วยลวดลาย ส่วนของหลังคากระจกที่ลาดเอียงและต่ำลงมาในสไตล์แบบคูเป้และฝากระโปรงท้ายที่เปิดแบบยกทั้งกระจก "LiftBack" ทำให้พื้นที่ใหญ่ ๆ อยู่แล้วยิ่งโปร่งโล่งกว้างขวางสะดวกในการเก็บสัมภาระมากขึ้น ส่วนล้ออัลลอยลาย AMG เรียบหรูสีเงินสลับดำขนาด 21 ลาย multi-spoke


ภายในต้องบอกว่าอาวกาศสุด ๆ เทคโนโลยีรอบตัวจนงงไปหมด เริ่มที่เปิดประตูเป็นมือจับแบบซ่อน ประตูไร้ขอบและจะลดกระจกลงครึ่งหนึ่งแบบเดียวกับในรถสปอร์ต เมื่อปิดประตูระบบก็จะปรับเบาะ พวงมาลัยและกระจกมองข้างที่เคยตั้งค่าเอาไว้ก่อนหน้าหรือปรับไว้ล่าสุด อัตโนมัติ สวิตช์ Start อยู่ที่ชุดควบคุมเล็กบนที่เท้าแขน เมื่อกดสตาร์ท หน้าจอคนขับและจอกลางจะเปิดขึ้นแสดงข้อมูลต่าง ๆ โดยจอคนขับจะเลือกรูปแบบใด 4 แบบ ตามชอบ ซึ่งทุกแบบจะมีข้อมูลการขับขี่แสดงไว้ครบถ้วน โดยเฉพาะระบบนำทางที่เมื่อใช้งานระบบที่ติดมากับรถยิ่งแสดงรายละเอียดได้ครบถ้วน ทั้งลูกศร ป้ายจราจร ระยะในการถึงจุดเลี้ยวหรือจุดหมาย
 
นอกจากนี้บนจอกลางยังแสดงภาพไฟจราจรเมื่อจอดแยกสัญญาณไฟได้ชัดเจนอีกด้วย บนคอนโซลกลางมีมาตรวัดระบบสะท้อนกระจก Head-up Display ที่แสดงข้อมูลการขับขี่รวมถึงการนำทางได้อย่างครบถ้วน แต่ระบบนำทางนี้มีข้อจำกัดคือ จะต้องเป็นระบบแสดงผลด้วยภาพเสมือนจริง MBUX ของ Mercedes หรือ Apple Map เท่านั้น หากใช้งาน Google Map จะโชว์เฉพาะบนจอกลาง เนื่องจากโปรแกรมยังไม่รองรับครับ
 
มาถึงเรื่องของท่านั่งขับขี่หากปรับเบาะและระดับของพวงมาลัยแล้ว หากระดับสายตาผู้ขับถูกก้านพวงมาลัยบัง "อินฟาเรดเซ็นเซอร์" ที่ซ่อนในมาตรวัด ระบบจะแจ้งเตือนว่า "ตรวจสอบระดับพวงมาลัยให้มองเห็นทั้ง 6 จุดที่อยู่รอบ ๆ ขอบส่วนบนของมาตรวัด เพื่อให้ตรวจจับ "อาการ" ผู้ขับขี่ที่เป็นส่วนหนึ่งในระบบป้องกันผู้ขับขี่ "หลับใน" หรือ "มีอาการผิดปกติ" จนอาจเกิดอันตรายได้ เป็นไงล่ะครับ ฉลาดสุด ๆ

 
5 จออลังการ ความบันเทิงทุกตำแหน่ง

ขยับมากลางคอนโซลหน้าที่มีจอสัมผัส MBUX แสดงรายละเอียดทุกอย่างของ EQS คันนี้ ทั้งฟังก์ชั่น EQ ใช้ดุเรื่องระบบการใช้พลังงาน การชาร์จ ฯลฯ หรือตั้งค่า (รูปรถ) สามารถปรับตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ ความปลอดภัย (ADAS) ได้ในเมนูนี้ การตั้งระบบไฟฟ้ารถยนต์ทั้งภายนอกภายใน ฯลฯ ส่วนเมนูรูป "ดอกไม้" หรือ "Comfort" เป็นการตั้งเกี่ยวกับระบบเบาะนั่ง การนวด ดันหลัง ปรับเลื่อนเบาะข้างคนขับ เป็นต้น และยังมีอีกหลายเมนูให้ใช้มากมายเช่น วิทยุ, สื่อบันเทิง, ข้อมูล และยังมี "ข้อมูล" เกี่ยวกับการใช้คันเร่งหรือเบรกพร้อมกราฟวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดอีกด้วย (เอาไว้ทำไมน้า)

ตัวจอสัมผัสตรงกลางนั้นยังมาพร้อมระบบนำทางระบบบริการสตรีมเพลง เช่น Spotify, Amazon Music, Apple Music หรือ TIDAL (ต้องมีบัญชีผู้ใช้) โดยระบบนำทางของตัวรถเองนั้นเป็นแบบ 3 มิติ สเหมือนจริงมาก โดยเฉพาะเวลาดูแม่น้ำ จะเห็นเป็นคลื่น ๆ และมีเรื่อกำลังเคลื่อนที่อยู่อีกด้วย และเมื่อลากไปในจุดที่มีรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ก็จะเห็นตัวหนอนเล็ก ๆ กำลังเคลื่อนที่อยู่มันช่างเหมือนจริงอะไรขนาดนั้น แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นแบบ Realtime หรือไม่ ส่วนการเชื่อมต่อรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย พร้อมช่อง USB-C บนคอนโซลกลาง 2 ช่อง ชั้นเก็บของใต้คอนโซลกลาง 2 ช่อง ในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง 2 ช่อง และ ด้านหลังบริการใต้ช่องชุดควบคุมแอร์อีก 2 ช่อง กับ HDMI อีก 2 ช่องอีกด้วยครับ พร้อมระบบเสียง Burmester® 3D ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® พร้อม Dolby Atmos®
 
ถัดมาที่จอซ้ายสุดของผู้โดยสารหน้าหรือเรียกว่า "Co-driving Monitor" ที่สามารถสั่งการแยกอิสระและควบคุมระบบต่าง ๆ ในรถได้เหมือนจอกลางเลย สามารถค้นหาจุดหมายและนำทางได้ เชื่อมต่อระบบสมาร์ทโฟนดูหนังฟังเพลงแยกเป็นส่วนตัวได้ แต่จะต้องมีคนนั่งบนเบาะเท่านั้นจึงจะใช้งานได้ (คงจะป้องกันอันตรายจากคนขับไปกดเล่น) และยังไม่พอครับ!ที่นั่งตอนหลังก็ยังมีจอแยกอิสระอีกฝั่งซ้ายและขวา รวมทั้งหมดใน EQS คันนี้ก็ 5 จอเลยทีเดียวครับ
 
ระบบปรับอากาศที่ต้องกด "ปิดระบบดูดอากาศภายนอก" ทุกครั้งที่สตาร์ทและทุก ๆ 30 นาที เหตุเพราะทางเบนซ์เยอรมันกลัวอากาศหายใจจะเบาบางลงจึงช่วยเติมออกซิเจนเข้ารถ (แต่ในไทยคงเจอควันพิษไม่ไหว) แม้จะมีระบบกรองไอเสีย PM2.5 แล้วก็ตาม โดยชุดควบคุมระบบแอร์อยู่ขอบด้านล้างของจอกลาง ใช้งานง่ายกดเล่น 2-3 ครั้งก็คุ้นเคยแล้ว และสามารถแยกปรับโซนด้านหน้า แบบอิสระซ้าย-ขวา และแยกปรับโซนหลังได้ รวมเป็น 4 โซน กลับมาที่คอนโซลกลางมีที่วางโทรศัพท์และแท่นชาร์จไร้สาย ที่เท้าแขนพร้อมกล่องเก็บของและมีชั้นวางของด้านล่างอีกด้วย แต่ที่วางแก้วน้ำด้านหน้ามีเพียง 2 ตำแหน่งและเมื่อวางแก้วใหญ่กลับใช้งานหน้าจอลำบากไปสักหน่อย
 
ระบบหลังคาแก้ว 2 ตอนแยกหน้า-หลัง ด้านหน้าเปิดได้ พร้อมกับแผ่นกรองแสงบาง ๆ ซึ่งสั่งงานเปิด-ปิดได้ด้วยการใช้ "มือปัดไปด้านหลังเพื่อเปิดหรือปัดมาด้านหน้าเพื่อปิดได้ ด้านบนที่สวิตช์ไฟส่องแผ่นที่ต้องบอกว่าหากไม่มีคนนั่ง เมื่อเอามือไปหยิบสิ่งของบริเวณที่นั่ง ไฟจะติดขึ้นเองแบบระบบจับการเคลื่อนไหว! ช่วยให้มองเห็นง่ายขึ้นในเวลากลางคืนไม่ต้องควานหาปุ่มเปิดไฟเองนับว่าสะดวกสบายมากขึ้น เบาะคู่หน้าที่ปรับได้หลายรูปแบบ โดยส่วนตัวแล้วแอบไม่ค่อยชอบเพราะนั่งไม่สบายตัวเท่าไหร่ อาจเพราะความตึงหรือแข็งของผิวหนังที่กระชับและแน่นกับลำตัวเกินไป ท่านั่งที่ถูกดันหลังจนหลังแอ่นแม้ปรับตัวดันหลังให้เรียบสุดแล้วก็ตาม
 
ที่นั่งตอนหลังใหญ่มีพื้นที่กว้างขวางสมตัวกับ S-Class แต่ที่พิงหลังตั้งชันมากไป หากเอนหรือปรับองศาไปอีกนิดน่าจะนั่งสบายมากขึ้น ส่วนตัวมองว่า EQS คันนี้ อาจจะเน้นให้เป็นผู้ขับขี่เองหรือนั่งตอนหน้าเป็นหลัก เนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ส่วนตอนหลังเน้นมีคนร่วมเดินทางมากกว่าเน้นนั่งสบาย ๆ ซึ่งจะแตกต่างกับใน S-Class รุ่นปกติที่ด้านหลังจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่าและนั่งเหมือนคฤหาสน์เคลื่อนที่เลยครับ
 

ตัวใหญ่แต่แรงคล่องตัวและเลี้ยว 4 ล้อ
 
สมรรถนะของพละงมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 449 แรงม้า แรงบิดระดับ 828 นิวตันเมตร มาแบบไม่รอรอบไม่ต้องลุ้น คตอบสนองได้ทันใจและแรงเอาเรื่อง แม้จะคันใหญ่โตระดับนี้แต่ก็สามารถเร่งออกตัว แซงหรือจะเข้าโค้งยาว ๆ ได้อย่างมั่นใจ ระบบช่วงล่างแบบถุงลมหากปรับโหมด Comfort ก็จะเน้นความนุ่มนวลดั่งพรม แต่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเพราะนุ่มเกินไป จึงปรับไปที่ Sport หรือ individual ที่สามารถตั้งค่าช่วงล่าง Sort และปรับน้ำหนักพวงมาลัยเป็น Comfort ยิ่งทำให้ขับขี่สบายในทุกสภาพถนน ไม่ต้องกลัวใต้ท้องจะกระแทรกจากโช้คยวบเวลาขึ้น-ลงเนินสูง ๆ
 
ในความเร็วต่ำเมื่อต้องการจอด เลี้ยวทางแคบ ๆ สามารถทำได้สบายแม้ตัวรถจะยาวกว่า 5 เมตรด้วยระบบบังขับเลี้ยว 4 ล้อ ทำให้มีวงเลี้ยวที่แคบมาก ๆ เรียกว่าใช้พื้นที่ 3 เลนก็กลับรถได้ หรือการเลี้ยวเข้าทางแคบ ๆ เล็ก ก็คล่องตัวมากอย่างไม่น่าเชื่อ ส่วนที่ความเร็วสูง ๆ ก็จะปรับองศาการเลี้ยวในทิศทางเดียวกับล้อหน้าเมื่อเปลี่ยนช่องทาง ทำให้มั่นใจในการขับขี่ และระบบช่วงล่างยังปรับสูง-ต่ำได้อีกกว่า 10 ซม. ด้วยระบบกันสะเทือนด้วยถุงลม AIRMATIC ให้ความสบายในการขับขี่ที่โดดเด่นแม้บนพื้นผิวที่ไม่ราบเรียบ ระดับของรถจะแตกต่างกันไปตามความเร็ว ระบบดังกล่าวสามารถเพิ่มระยะทางที่ขับต่อได้เมื่อขับรถด้วยความเร็ว ใช้งานสะดวก ระบบควบคุมระดับตัวถังรถแบบอัตโนมัติขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุก แม้จะเป็นรถคันใหญ่ และยาว และก็ไม่ลำบากนักเวลาขับขี่ในตัวเมือง เว้นแต่เจอทางแคบ ๆ มาก ๆ อาจจะต้องระวังสักหน่อยเพราะตัวรถมีความกว้างพอสมควรหรืออาจจะกว้างพอ ๆ กับรุ่น GLE 
 
อัตราเร่งออกตัวและเร่งแซงนับว่าแรงสะใจ แต่การควบคันเร่งอาจจะต้องปรับตัวระยะนึงเพราะมีความแข็ง ต้องใช้แรงในการกดคันเร่งลงครั้งแรก หากกะน้ำหนักไม่ดี อาจจะพุ่งพรวดไปเลย ส่วนแป้นเบรกจะแข็ง ๆ ตึง ๆ เท้า ต้องใช้น้ำหนักมากพอสมควรในการเหยียบและช่วงกดลงไปช่วงตื้น ๆ จะยังไม่อยู่นักต้องเพิ่มน้ำหนักอีกนิด แต่ว่าระบบการหน่วยความเร็วนั้นก็ยังพอมีช่วยลดความเร็วตามระยะห่างคันหน้า นับว่าปรับตัวไปนานก็เข้าที่เข้าทางและเมื่อคุ้มเคยการขับ EQS คันนี้ก็จะง่ายและคล่องตัวไม่ต่างจากขับรถซีดานระดับกลางเลยครับ
 
วิสันทัศน์ในการมองเห็นอาจเป็นธรรมดาของรถซีดานขนาดใหญ่หลังคาต่ำสไตล์คู้เป้ ด้านหน้านั้นแม้กระจกบานใหญ่แต่มีความเอียงมากทำให้เหลือช่องในการมองแคบลง เมื่อนั่งสูง ๆ และเปิดบังแดดอาจจะมองถนนได้ไม่เต็มพื้นที่ ส่วนมุมมองด้านหลังก็จะแคบ ๆ และมีมุมเสา "C" ที่บดบังมุมมองด้านหลังไปบ้าง แต่กระจกมองข้างก็พอที่จะมองได้ระยะกว้าง แม้ตัวกระจกเล็แคบก็ตาม ประกอบกับมีระบบช่วยเหลือและเตื่อนมุมอับก็ทำให้ไม่เป็นปัญหาในการขับขี่ด้วยครับ
 

ความปลอดภัยครบทุกระบบ
 
ความปลอดภัย EQS 500 4MATIC AMG Premium โดดเด่นด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่าง ๆ มากมาย เช่น Driving Assistance package Plus, Parking Package 360, ระบบควบคุมระยะห่างของรถยนต์ขณะขับขี่แบบแอ็คทีฟ DISTRONIC ระบบควบคุมระยะห่างของรถยนต์ขณะขับขี่ และ ระบบเตือนออกนอกเลนพร้อมดึงกลับ, เตือนก่อนการชนด้านหน้า, เซ็นเซฮร์เตือนรอบคัน, เตือนผู้ขับขี่เมื่อยล้าหรือมีความเป็นไปได้ว่าจะหมดสติ, ระบบควบคุมความเร็วตามคันหน้าพร้อมรักาาระยะห่างและความเร็ว พร้อมควบคุมรถให้อยู่ในเลนและเลี้ยวตามโค้งได้ด้วยและแสดงภาพด้านหน้าและสัญญาณไฟจราจรเมื่อจอดติดแยกไฟแดง นับว่าเป็นระบบที่ได้งานได้ในทุกวันและช่วยเหลือการขับขราได้อย่างดีเลยครับ
 
ระบบช่วยนำรถเข้าจอดแบบแอ็คทีฟพร้อม PARKTRONIC ระบบสามารถตรวจจับที่จอดรถที่เหมาะสมและช่วยเหลือระหว่างการจอดรถแบบเดินหน้าและถอยหลังเข้าในช่องจอดรถ ด้วยการบังคับพวงมาลัยให้คุณ ระบบช่วยนำรถเข้าจอด PARKTRONICยังตรวจสอบสภาพแวดล้อมในขณะบังคับเลี้ยว เช่น ในอาคารจอดรถ ระบบจะแจ้งเตือนคุณทั้งทางภาพและเสียงให้ทราบถึงสิ่งกีดขวางที่ตรวจพบ
 

สรุปความคุ้มค่า 7 ล้าน!
 
Mercedes-EQS 500 4MATIC AMG Premium รถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะกับกลุ่มครอบครัวที่ต้องการซื้อ "เทคโนโลยี" ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้ขับเองเดินทางพร้อมครอบครัวและต้องการรถขนาดใหญ่ทันสมัยเทคโนโลยีครบ แต่ไม่ทิ้งความหรูหราในระดับเทียบเท่า S-Class พร้อมสมรรถนะและระบบการขับขี่ที่สนุกสนาน ด้วยความแรงและเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระยะทางที่วิ่งได้มากที่สุดในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน ทำให้ EQS คันนี้นับเป็นตัวเลือกที่ได้ทั้งหรูหราพรีเมี่ยม ขับสนุก วิ่งได้ไกลหมดกังวลอีกด้วย แม้ช่วงระยะแรกจะเปิดตัวที่ราคาสูงจนอาจดึงดูดใจนัก แต่ปัจจุบันมีการปรับลดลงมาทำให้กลายเป็นรถอีกรุ่นในค่ายดาวที่ควรมีไว้ครอบครอบสักครั้งหนึ่งเลยครับ


EQS 500 4MATIC AMG Premium ราคาพิเศษ 6,200,000 บาท (จากราคาแนะนำ 7,200,000 บาท) หรือเริ่มต้นเพียง 77,000 บาท/เดือน ระยะเวลา 3 ปี พร้อมเอกสิทธิ์ข้อเสนอขยายระยะเวลาเช่าชำระนานอีก 2 ปี หรือค่างวดเพียง 60,000 บาท/เดือน เมื่อทำสัญญามายสตาร์(1)
ฟรี! โปรแกรมครอบคลุมการบำรุงรักษา MBSP Easy Care นาน 5 ปี ‘ไม่จำกัดระยะทาง’(2)
ฟรี! โปรแกรมขยายเวลาการรับประกันคุณภาพรถยนต์ (MBSP Extra Guarantee) นาน 5 ปี ‘ไม่จำกัดระยะทาง’(2)
ฟรี! ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection นานสูงสุด 2 ปี(3)

เงื่อนไข
ข้อเสนอพิเศษนี้เฉพาะลูกค้าที่รับมอบรถยนต์ระหว่างวันที่ 7 สิงหาคม 2567 – 31 สิงหาคม 2567
(1)เมื่อทำสัญญามายสตาร์กับบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด โดยค่าเช่ามายสตาร์ข้างต้นอ้างอิงจากค่าเช่าชำระครั้งแรก 20% คำนวณจากราคารถยนต์หลังหักส่วนลด โดยเงื่อนไขการใช้สิทธิ์เลือกทางเลือก 3R เมื่อครบกำหนดสิ้นสุดสัญญามายสตาร์ เป็นไปตามที่บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ โมลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดในสัญญาเท่านั้น
(2)เงื่อนไขโปรแกรมครอบคลุมการบำรุงรักษา MBSP Easy Care และโปรแกรมขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ (MBSP Extra Guarantee) เป็นไปตามที่บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กำหนด
(3)ประกันภัยชั้นหนึ่ง Mercedes-Benz Protection – Standard Plus เริ่มต้น 1 ปี มูลค่า 127,600 บาท รับประกันภัยโดยบริษัท เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน)
 

17
โรคมะเร็งไต (Kidney cancer)

มะเร็งไต พบได้ประมาณร้อยละ 2 ของมะเร็งทั้งหมด ส่วนใหญ่ (ราวร้อยละ 90 ของมะเร็งไตทั้งหมด) เป็นมะเร็งไตชนิดเซลล์เนื้อเยื่อไต (renal cell carcinoma/RCC) ซึ่งพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 2 เท่า พบมากในช่วงอายุ 50-70 ปี พบได้น้อยในคนอายุต่ำกว่า 45 ปี ส่วนใหญ่เป็นเพียงข้างเดียว พบเป็นทั้ง 2 ข้างประมาณร้อยละ 2-5

ในเด็กเล็กก็อาจเป็นมะเร็งไตที่มีชื่อว่า เนื้องอกวิล์มส์ (Wilms’ tumor) มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่ามะเร็งไตชนิด renal cell carcinoma มีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งชนิดนี้ ได้แก่

    การสูบบุหรี่
    ภาวะอ้วน
    ความดันโลหิตสูง
    การล้างไตโดยการฟอกเลือด (hemodialysis) ในผู้ป่วยไตวายเป็นระยะยาวนาน
    การสัมผัสสารเคมี (เช่น แคดเมียม ใยหิน ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปิโตรเลียม สารเคมีกำจัดวัชพืช ไตรคลอโรเอทิลีน เป็นต้น)
    การมีประวัติมะเร็งไตในครอบครัว
    การมีประวัติเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์บางชนิด เช่น Birt-Hogg-Dube syndrome, von Hippel-Lindau disease, tuberous sclerosis complex, familial renal cancer หรือ hereditary papillary renal cell carcinoma

ส่วนมะเร็งไตเด็ก (เนื้องอกวิล์มส์) เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางกรรมพันธุ์


อาการ

ในผู้ใหญ่ ระยะแรกมักไม่มีอาการแสดง อาจตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจปัสสาวะทางห้องปฏิบัติการ พบมีเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก

ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการปัสสาวะเป็นเลือด ปวดเอวหรือสีข้างข้างหนึ่งอย่างเรื้อรัง คลำได้ก้อนในบริเวณสีข้าง อาจมีอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลด ซีด มีไข้เป็นพัก ๆ ร่วมด้วย มะเร็งอาจแพร่กระจายไปที่ตับ ปอด สมอง กระดูก

ส่วนมะเร็งไตเด็ก เด็กจะมีอาการท้องโต และคลำได้ก้อนในท้อง


ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้มีภาวะซีด (โลหิตจาง) จากการปัสสาวะเป็นเลือดรุนแรงหรือเรื้อรัง ความดันโลหิตสูงที่อาจควบคุมได้ยาก

เกิดภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะต่าง ๆ ที่มะเร็งแพร่กระจายไป เช่น ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ), สมอง (ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ แขนขาชา และเป็นอัมพาต ชัก)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยโดยการตรวจพบเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ ตรวจอัลตราซาวนด์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ถ่ายภาพรังสีกรวยไตโดยการฉีดสารทึบรังสี (intravenous pyelogram/IVP) และทำการตัดชิ้นเนื้อนำไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า-MRI, การตรวจเพทสแกน-PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับรังสีบำบัด เคมีบำบัด และ/หรืออิมมูนบำบัด

ผลการรักษาขึ้นกับชนิดและระยะของโรค

สำหรับมะเร็งไตที่พบในผู้ใหญ่ มักจะตรวจพบในระยะลุกลามหรือแพร่กระจายแล้ว การรักษาจึงไม่สู้จะได้ผลดี

ถ้าเป็นระยะที่ลุกลามไปบริเวณข้างเคียง มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 50-75

ถ้าเป็นระยะแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีต่ำกว่าร้อยละ 10

แต่ถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปีประมาณร้อยละ 80

สำหรับเนื้องอกวิล์มส์ (Wilms’ tumor) ที่พบในเด็ก หากเป็นชนิดที่ไม่รุนแรง (ลุกลามช้า) มักจะรักษาให้หายได้ถึงร้อยละ 85-90 แต่ถ้าเป็นชนิดที่รุนแรง (ลุกลามเร็ว) ก็จะได้ผลต่ำกว่าชนิดที่ไม่รุนแรง

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด, ปวดเอวหรือสีข้างข้างหนึ่งอย่างเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ, น้ำหนักลด, คลำได้ก้อนในบริเวณสีข้าง เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งไต ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเซลล์เนื้อเยื่อไตด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
    ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยการออกกำลังกาย ลดอาหารที่มีแคลอรี่สูง และกินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    ควบคุมโรคความดันโลหิตสูงให้ได้ผล
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมี (เช่น แคดเมียม สารเคมีกำจัดวัชพืช ไตรคลอโรเอทิลีน เป็นต้น)

ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีอาการถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด หรือปวดเอว (สีข้าง) ข้างหนึ่งเรื้อรัง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด

2. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

18
ต้องแปรงฟันหรือดูแลช่องปากอย่างไร เมื่อเด็กต้องเข้ารับการจัดฟันเด็ก

การดูแลรักษาความสะอาดของช่องปกและฟัน ถือว่าเปานกิจวัตรประวันที่เราต้องทำทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นวัยไหน การมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี ก็ถือว่าช่วยทำให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมั่นใจมากขึ้น เพราะฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ก็ควรที่จะดูแลสุขภาพปากและฟันของตัวคุณเองที่ดี เพื่อแสดงให้เด็กเห็นว่าสุขภาพปากและฟันเป็นสิ่งที่มีค่า และดียิ่งขึ้นถ้าคุณช่วยสร้างบรรยากาศให้กับการดูแลสุขภาพปากและฟันเป็นเรื่องสนุก เช่น การแปรงฟันไปกับลูกของคุณ การให้เด็กเลือกแปรงสีฟันด้วยตนเอง ก็เป็นการช่วยสนับสนุนการดูแลสุขภาพปากและฟันอย่างเหมาะสมกับเด็กได้


การปลูกฝังทัศนคติที่ดีในการดูแลรักษาฟัน จะช่วยให้เด็กได้เข้าใจว่า การที่เรามีฟันที่แข็งแรงนั้น ก็จะช่วยทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้น การปลูกฝังหรือสร้างทัศนคติที่ดี จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ยิ่งในวัยเด็ก เมื่อเราปลูกฝังอะไรเข้าไป เด็กก็จะรับรู้และเอาไปเป็นตัวอย่าง โดยพ่อแม่ผู้ปกครอง อาจจะเริ่มต้นด้วยการแปรงฟันให้ลูกดูอย่างถูกวิธี สอนให้ลูกแปรงฟันอย่างถูกต้อง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยสร้างทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันในเด็กได้แล้ว

นอกจากนี้ หากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการแก้ไขทันทีไม่ควรปล่อยไว้ให้ปัญหาฟันลุกลามจนอาจจะทำให้เกิดผลเสียได้ หากลูกมีความผิดปกติเกี่ยวกับรูปร่างฟัน การขึ้นของฟัน ก็สามารถพาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ แต่หลายคนอาจจะยังมีความกังวลที่ว่า เมื่อเด็กจะต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็กแล้ว ในเรื่องของของการแปรงฟัน หรือการทำความสะอาดช่องปากและฟัน ควรจะดูแลอย่าไร เพื่อไม่ให้เด็กมีฟันผุ เพราะหลายคนอาจจะคิดว่า การเข้ารับการจัดฟันนั้น ดุแลรักษาความสะอาดยาก ทั้งเรื่องของการรับประทานอาหารและการแปรงฟัน อาจจะทำให้เด็กไม่สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างทั่วถึง ดังนั้น วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการทำความสะอาดและการดูลสุขภาพช่องปากและฟัน เมื่อเด็กต้องเข้ารับการจัดฟันในเด็ก


สำหรับเรื่องของการแปรงฟันในเด็กที่เข้ารับการจัดฟันนั้น เด็กสามารถการแปรงฟันได้เช่นเดิม แต่ต้องมีการแปรงที่ตัวฟันเพิ่มมากขึ้น เช่น ควรที่จะใช้ไหมขัดฟันร้อยไปตามตัวลวดแล้วขัดฟัน ต่อมาจากนั้น แปรงซอกฟันเพื่อทำความสะอาดขอบข้างของเครื่องมือจัดฟัน การแปรงลิ้น และทำความสะอาดกระพุ้งแก้ม ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้น พ่อแม่อาจจะคอยให้คำแนะนำระหว่างที่เด็กกำลังแปรงฟันได้ เพื่อสอนให้เด็กแปงฟันได้อย่างทั่วถึงและสะอาด เพราะเครื่องมือการจัดฟัน อาจจะทำให้เด็กแปรงฟันได้ยากกว่าเดิม หรือควรใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟัน เพื่อเป็นการขจัดเชื้อโรคไปด้วย แล้วจึงแปรงฟันด้วยแปรงขนนุ่ม โดยเลือกขนาดของแปรงให้เหมาะกับช่องปากและฟัน สำหรับยาสีฟัน ควรใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ และแนะนำให้แปรงแห้งคือ บ้วนปาก บีบยาสีฟันแล้วแปรง บ้วนยาสีฟันส่วนเกินออก หลังแปรงไม่บ้วนปาก เพราะจะทำให้ฟลูออไรด์ส่วนที่มากับยาสีฟันจะได้จับกับตัวฟันได้ดีนั่นเอง


อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกคองที่ควรเอาใจใส่ในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟันของเด็กให้มากเป็นพิเศษ เพื่อที่เด็กจะได้มีสุขภาพฟันที่แข็งแรง หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมัทนตแพทย์ที่มีคงวามเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก จึงคอยให้คำแนะนำในเรื่องของการแปรงฟัน การดูแลรักษาฟันได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ทันตแแพทย์ของเรายังมีประสบการณ์ด้านทันตกรรมครบจรมาอย่างยาวนาน จึงทำให้สามารถรักษาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมั่นจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่าแน่นอน เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป้นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี

19
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







20
ขายรถราคาพิเศษ Mitsubishi Pajero Sport GT-Plus ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

Mitsubishi Pajero Sport GT-Plus รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 15 ก.ย. - 30 ธ.ค. 2567
ส่วนลด 210,000 สามารถนำมาเป็นเงินดาวน์เพื่อทำโปรฟรีดาวน์ได้

ราคาพิเศษ 1,189,000 บาท

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

Mitsubishi Pajero Sport 2.4D GT Plus

2.4L ดีเซล
 2WD เกียร์อัตโนมัติ
 ระบบเกียร์อัจฉริยะ 8 จังหวะ พร้อม Sport Mode และระบบ INC
 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน, เทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์

คุณสมบัติเด่น
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
ระบบเบรกแบบ ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD
ชุดตกแต่งใต้กันชนหน้า สีเงิน
ชุดตกแต่งใต้กันชนหลัง สีเงิน
สปอยเลอร์หลังสีเดียวกับตัวรถ
ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบแฮนด์ฟรี และปุ่มปิดฝาท้ายพร้อมล็อกรถ
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า พร้อมสวิตช์เปิด-ปิด และไฟแสดงผล สำหรับด้านผู้โดยสาร
ระบบลดกำลังเครื่องยนต์ เพื่อช่วยเบรก
ระบบ Brake Auto Hold
ระบบเบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ
ระบบเสริมแรงเบรก BA
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
สวิตช์ควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ที่พวงมาลัย
จอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมเมนูภาษาไทย แบบความชัดเจนสูงขนาด 4.2 นิ้ว
จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX ที่เบาะนั่งแถวที่ 2
ภายในตกแต่งสีเงิน และเปียโนแบล็ค
ช่องจ่ายกระแสไฟ AC 220 โวลต์ บริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง
ช่องต่ออุปกรณ์ USB สำหรับชาร์จไฟ บริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
ช่องต่ออุปกรณ์ USB บริเวณด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย
กล้องมองภาพรอบคัน พร้อมเส้นกะระยะ และเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ
สัญญาณกะระยะจอดด้านหลัง
ระบบปรับอากาศ แบบปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ แบบแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวา
หน้าจอระบบสัมผัส 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อผ่านสมาร์ทโฟน SDA
รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto*
ช่องต่ออุปกรณ์ HDMI
ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ แบบ A2DP
ระบบ Hands-Free และ Voice Command
จอภาพแบบ Wide Screen ขนาด 12.1 นิ้ว พร้อมรีโมท เชื่อมต่อ HDMI และ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
หูฟังอินฟราเรด 2 ชุด สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
รองรับการเชื่อมต่อระบบ M-Connect
ลำโพง 6 ตำแหน่ง
ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ระบบไฟสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อก ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์


21
รถไฟฟ้า ev ปอร์เช่ Porsche Macan Turbo ปี 2024
7,790,000 บาท 

ปอร์เช่ Porsche Macan Turbo ปี 2024
Porsche Macan Turbo ยนตรกรรมสปอร์ต SUV พลังงานไฟฟ้ารุ่นที่ 2 มีกำลังสูงถึง 470 กิโลวัตต์ หรือกว่า 639 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 650 และ 1,130 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่งไปถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลา 3.3 วินาที และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่อยู่ใต้ท้องรถ โดยมีความจุรวม 100 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถรองรับการชาร์จไฟกระแสตรง (DC) สูงถึง 270 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ตั้งแต่ 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ภายในเวลาประมาณ 21 นาที

สนใจรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อที่โชว์รูม และศูนย์บริการของ ปอร์เช่ประเทศไทย โดย เอเอเอสกรุ๊ป ได้ทั้ง 4 สาขา Porsche Centre Bangkok โทร 02-522-6655, Porsche Centre Pattanakarn โทร 02-369-1111, Porsche Studio Siam Paragon ชั้น 2 โทร 02-610-9911 และ Porsche Studio Bangkok ICONSIAM ชั้น 1 โทร 02-288-0911

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                  Porsche
   รุ่น                       ปอร์เช่ Porsche Macan Turbo ปี 2024
   ประเภทรถ              รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว              2024
   ราคา                   7,790,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (เสกิร์ตข้าง,ดิฟฟิวเซอร์หลัง)
สปอยเลอร์หลัง (ปรับได้)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
กระจกกรองแสง
ไฟตัดหมอก
ระบบไล่ฝ้ากระจกหน้าต่าง
ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม (พร้อมระบบควบคุม Porsche Active Suspension Management (PASM))
ไฟหน้าส่องสว่างอัตโนมัติ
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
ราวหลังคา (ดำ)
ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์
ปัดน้ำฝนกระจกหน้าแบบพิเศษ (ทำงานอัตโนมัติ)
ไฟหน้า LED (LED Matrix)
ไฟ Daytime Running Lights (four-point daytime running lights)
ล้ออัลลอย (22)

   ภายใน
เบาะคนขับปรับสูง-ต่ำได้
ระบบจดจำปรับที่นั่งคนขับ
ระบบนำทาง (Navigator)
ตกแต่งภายใน (หนังแท้สลับโครมเมี่ยม)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
ภายในโทนสีเทา
กระจกมองหลังตัดแสง
หัวเกียร์หุ้มหนัง

สเปค
   มอเตอร์ไฟฟ้า                 มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว มีความเร็วสูงสุดที่ 260 กิโลเมตร/ชั่วโมง
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    แรงม้า
   ระบบเกียร์                    เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                 Single-Speed transmission
   ระบบเบรค ABS             มี
   ชนิดแบตเตอรี่               ไฟฟ้า
   ความจุแบตเตอรี่            100 kWh
   ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง    591 กม. (WLTP)
   น้ำหนักตัวรถ                        -
   ประเภทยางรถยนต์                 -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                    ล้ออัลลอย (22)
   ระบบขับเคลื่อน                   ขับเคลื่อนสี่ล้อ Full Time

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ระบบรักษาเสถียรภาพของรถ Porsche Stability Management (PSM))
ตัวถังนิรภัย
ดิสก์เบรก 4 ล้อ (พร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดง)
เซ็นทรัลล็อค
สัญญาณกันขโมย
กุญแจรีโมท
กุญแจนิรภัย
ล็อคประตูอัตโนมัติ
ไฟเบรกดวงที่ 3
สัญญาณเตือนถอยหลัง
ระบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ
ระบบแจ้งอุปกรณ์ทำงานขัดข้อง
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์
ระบบป้องกันการโจรกรรม
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
หลอดไฟพิเศษระบบ Daytime Running Lights(DRL)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPM),ระบบช่วยจอด (หน้าและหลัง) พร้อมกล้องถอยหลัง, ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ, ระบบช่วยทางแยก)
เข็มขัดนิรภัย
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก

22
motor expo 2024: นิสสัน ประเทศไทย นำคาราวาน NISSAN NAVARA ร่วมมือผู้จำหน่าย นำน้ำใจช่วยชาวเชียงรายสู้ภัยน้ำท่วม

นิสสัน ประเทศไทย นำโดย ประธานนิสสัน ประเทศไทย และนิสสัน อาเซียน พร้อมด้วย นิสสัน แองเจิลเวย์ เชียงราย ผู้จำหน่ายนิสสันในพื้นที่ นำเครื่องใช้ที่จำเป็นต่าง ๆ ไปมอบให้แก่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย และโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในอำเภอแม่สาย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนช่วยให้นักเรียนและชุมชน 

โทชิฮิโระ ฟูจิคิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และ นิสสัน อาเซียน และ นายแพทย์กอบชัย จิตรสกุล ผู้ก่อตั้ง และ ประธาน บริษัท แองเจิลเวย์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์นิสสัน จังหวัดเชียงราย ร่วมกันนำสิ่งของจำเป็นในการยังชีพไปบริจาคให้แก่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยมี นายโชตินรินทร์ เกิดสม รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นผู้รับมอบ

โทชิฮิโระ ฟูจิคิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และ นิสสัน อาเซียน และ ปิยากร จิตรสกุล กรรมการ บริษัท แองเจิลเวย์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์นิสสัน จังหวัดเชียงราย พร้อมคณะผู้บริหาร และพนักงาน ร่วมกันนำ อุปกรณ์การเรียนการสอน เครื่องกีฬา เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐาน รวมถึงถุงยังชีพ มอบให้ โรงเรียนชุมชนบ้านไม้ลุงขน มิตรภาพที่ 169 ใน อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย

คณะผู้บริหารนิสสัน นำโดยโทชิฮิโระ ฟูจิคิ ประธาน นิสสัน ประเทศไทย และ นิสสัน อาเซียน ร่วมกับ นายแพทย์กอบชัย จิตรสกุล ผู้ก่อตั้ง และ ประธาน บริษัท แองเจิลเวย์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์นิสสัน จังหวัดเชียงราย ร่วมกันนำสิ่งของจำเป็นในการยังชีพไปบริจาคให้แก่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงราย เพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม 

พร้อมกันนี้ ได้จัดคาราวาน นิสสัน นาวารา มอบของใช้จำเป็นจากบริษัทฯ และจากการร่วมบริจาคของพนักงานนิสสัน อาทิ อุปกรณ์การเรียนการสอน เครื่องกีฬา เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าพื้นฐาน รวมถึงถุงยังชีพ ให้แก่โรงเรียนชุมชนบ้านไม้ลุงขน มิตรภาพที่ 169 ใน อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อร่วมฟื้นฟูชุมชนให้ได้กลับมาสู่การใช้ชีวิตในภาวะปกติโดยเร็ว

23
หมอออนไลน์: โรคเชื้อราแคนดิดา (Candidiasis/Moniliasis)

โรคเชื้อราแคนดิดา พบได้ในบริเวณซอกผิวหนังที่มีเหงื่ออับชื้น ในช่องปาก และช่องคลอด

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย พบมากในเด็กอ่อน คนอ้วน ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ เบาหวาน เอดส์ มะเร็ง ผู้ที่ใช้ยาปฏิชีวนะหรือสเตียรอยด์นาน ๆ


สาเหตุ

เกิดจากเชื้อแคนดิดาอัลบิแคนส์ (Candida albicans) ซึ่งมีอยู่ประจำถิ่นหรือเป็นปกติวิสัย (normal flora) ในร่างกาย เช่น ช่องปาก ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ช่องคลอด ผิวหนัง เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น กินยาสเตียรอยด์ หรือยารักษามะเร็ง เป็นเบาหวาน เอดส์) หรือมีการเปลี่ยนแปลงสภาพความเป็นกรดด่าง (เช่น การกินยาปฏิชีวนะ การตั้งครรภ์) ก็จะทำให้เชื้อราชนิดนี้เจริญจนเกิดเป็นโรคขึ้นได้


อาการ

ช่องปาก พบเป็นฝ้าขาวที่ลิ้น หรือตามเยื่อเมือกในช่องปาก
   
ช่องคลอด มีอาการตกขาว คัน
     ผิวหนัง พบมากบริเวณซอกผิวหนังที่มีเหงื่ออับชื้น เช่น ซอกรักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวนม สะดือ ซอกสะโพก ง่ามนิ้ว เป็นต้น ลักษณะเป็นรอยแดงแบบหนังถลอก มีขอบเขตชัดเจน รอบ ๆ จะมีผื่นแดงเล็ก ๆ กระจายตัวอยู่ อาจมีอาการคันร่วมด้วย

โรคเชื้อราแคนดิดาที่พบตามซอกผิวหนังนี้มีชื่อเรียกว่า "Intertriginous candidosis"

เล็บ โรคเชื้อราแคนดิดาที่เล็บ (candida paronychia หรือ onychomycosis) พบในผู้ที่ต้องใช้มือแช่น้ำหรือเปียกน้ำอยู่เสมอ หรือในผู้ป่วยเบาหวาน แรกเริ่มจะมีอาการบวมแดงที่ขอบเล็บ กดเจ็บ พบได้มากกว่า 1 นิ้วพร้อมกัน บางครั้งกดดูจะมีหนองออกจากใต้เล็บ เนื่องจากมีการติดเชื้อจากแบคทีเรียแทรกซ้อน เมื่อปล่อยให้เป็นเรื้อรังเล็บส่วนปลายจะแยกจากเนื้อเยื่อใต้เล็บ (เรียกว่า onycholysis) และบริเวณใต้เล็บจะเห็นเป็นสีขาวหรือเหลือง ต่อมาเล็บจะเสียและเปลี่ยนรูปร่าง มีร่องขวางลักษณะขรุขระที่ตัวเล็บ แต่เล็บไม่ผุหรือกร่อนแบบโรคกลากที่เล็บ


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

ผู้ป่วยเอดส์และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้ป่วยมะเร็งหรือได้เคมีบำบัด) เชื้อราอาจลุกลามจากช่องปากลงไปที่หลอดอาหารและกระเพาะอาหาร รวมทั้งอาจแพร่กระจาย ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะอื่น ๆ ทั่วร่างกาย เช่น หลอดอาหารอักเสบ กระเพราะอาหารอักเสบ ปอดอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ตับอักเสบ ม้ามอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ จอตาอักเสบ เป็นต้น


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ หากไม่แน่ใจหรือรักษาแล้วไม่ได้ผล แพทย์จะทำการส่งต่อเพื่อตรวจเพิ่มเติม โดยการขูดเอาผิวหนังหรือเล็บส่วนนั้นใส่น้ำยาโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ชนิด 10% แล้วนำไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าเป็นที่ซอกผิวหนัง หรือขอบเล็บ ทาด้วยครีมรักษาโรคเชื้อรา (เช่น โคลไตรมาโซล คีโทโคนาโซล) วันละ 2 ครั้ง นาน 2 สัปดาห์ ควรรักษาบริเวณนั้นให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ

2. ถ้าเล็บแยก ควรตัดเล็บส่วนนั้นออก แล้วใช้ยาทาตรงเล็บและเนื้อเยื่อใต้เล็บ

3. ถ้าไม่ได้ผล ให้กินยาฆ่าเชื้อรา (เช่น ไอทราโคนาโซล, ฟลูโคนาโซล) นาน 2-6 สัปดาห์

4. ในรายที่เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง แพทย์จะตรวจหาสาเหตุ อาจมีภาวะผิดปกติของร่างกายอื่น ๆ (เช่น เอดส์ เบาหวาน)


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีผื่นรอยแดงแบบหนังถลอกบริเวณซอกผิวหนังที่มีเหงื่ออับชื้น (เช่น ซอกรักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวนม สะดือ ซอกสะโพก ง่ามนิ้ว เป็นต้น หรือมีอาการบวมแดงที่ขอบเล็บและกดเจ็บ หรือมีอาการตกขาวและคัน ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเชื้อราแคนดิดา ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา ใช้ยารักษาเชื้อรา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1 สัปดาห์
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. พยายามทำความสะอาดซอกผิวหนัง อย่าให้มีเหงื่ออับชื้น และหลับอาบน้ำควรซับบริเวณซอกผิวหนังให้แห้ง และใช้แป้งโรย

2. อย่ากินยาปฏิชีวนะติดต่อกันนาน ๆ

3. ถ้าเป็นเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ


ข้อแนะนำ

1. โรคเชื้อราแคนดิดาอาจพบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเอดส์ เบาหวาน หรือกินยารักษามะเร็งเป็นประจำ เป็นต้น ถ้าพบผู้ที่เป็นโรคเชื้อราแคนดิดาเรื้อรัง ควรค้นหาสาเหตุและแก้ไข

2. หลีกเลี่ยงการซื้อยาครีมสเตียรอยด์ (แก้แพ้แก้คัน) หรือยาอื่นที่ไม่ใช่ยารักษาเชื้อราที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำมาใช้เอง เนื่องเพราะครีมสเตียรอยด์อาจทำให้โรคลุกลามได้ ส่วนยาน้ำที่ทาแล้วที่รู้สึกแสบ ๆ อาจทำให้ผิวหนังไหม้และอักเสบได้

3.หากสงสัยโรคเชื้อราแคนดิดาที่เล็บ (ขอบเล็บแดง กดเจ็บ เล็บส่วนปลายแยกจากเนื้อเยื่อใต้เล็บ) ลองให้ยารักษาโรคเชื้อราแล้วไม่ได้ผล ควรสงสัยว่าอาจเป็นโรคโซริอาซิส

24
ดอกบัวอบแห้ง: ดอกไม้มงคลเสริมดวง ด้านโชคลาภ การเงิน การงาน ความรัก

ดอกไม้ชนิดต่าง ๆ นอกจากนำมาจัดเป็นช่อดอกไม้ หรือจัดใส่แจกันดอกไม้สวย ๆ แล้ว ดอกไม้บางชนิดยังเป็นดอกไม้มงคลที่คนนิยมมาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์  และยังสามารถปลูกดอกไม้มงคลเพื่อตกแต่งบ้านเสริมฮวงจุ้ย หรือเสริมดวงในด้านโชคลาภ การเงิน การงาน ความรักที่เราต้องการได้ ซึ่งมีความเชื่อมาตั้งแต่โบราณ เรามาดูกันค่ะว่าดอกไม้มงคลเสริมดวงในด้านต่าง ๆ มีอะไรบ้าง

ด้านความรัก

1.ดอกบานไม่รู้โรย

ดอกบานไม่รู้โรย เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความรักของคู่รักที่จะไม่มีวันร่วงโรย หากปลูกดอกบานไม่รู้โรยไว้ภายในบ้านจะช่วยเสริมดวงความรักของคู่รักให้ผูกพันแน่นแฟ้นและรักกันหวานชื่นตลอดไป

2.ดอกกุหลาบแดง

กุหลาบแดง เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันแห่งความรัก เป็นตัวกลางของการสื่อสารความรักที่นิยมมามอบให้กันในโอกาสพิเศษต่าง ๆ โดยมีความเชื่อว่าหากปลูกต้นกุหลาบภายในบ้าน จะช่วยเสริมดวงเรื่องความรักของคู่รัก และสร้างความสัมพันธ์ของคนในบ้านให้อบอุ่นมากยิ่งขึ้น

3.ดอกแก้ว

ดอกไม้มงคลที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ซึ่งคนโบราณเชื่อว่า หากปลูกต้นแก้วไว้ในบ้าน จะทำให้ผู้อาศัยมีจิตใจที่บริสุทธิ์เปรียบเหมือนสีขาวของดอกแก้ว และทำให้ผู้อาศัยมีความเบิกบาน แจ่มใส เพราะแก้วคือตัวแทนของความใส การปลูกต้นแก้วให้เป็นสิริมงคลจะช่วยเสริมดวงในเรื่องความรักที่สดใสเหมือนดังดอกแก้ว ดอกแก้วควรปลูกในวันพุธ ทางทิศตะวันออกเท่านั้น

4.ดอกสวาด

สวาด ดอกไม้แห่งความรัก ลุ่มหลง คนโบราณเปรียบดอกสวาดเหมือนความพิศวาสของคู่รัก หากปลูกดอกสวาดจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้แก่ผู้พักอาศัย

5.ดอกหน้าวัว

ดอกหน้าวัว ดอกไม้ที่สื่อถึงความรัก การครอบครอง หากปลูกดอกหน้าวัวจะช่วยให้ความรัก ความสัมพันธ์ยิ่งยืนนาน เป็นรักที่เบ่งบาน อมตะ นิรันดร

ด้านโชคลาภ เงินทอง

1.ดอกบัว

ดอกบัวเป็นดอกไม้ที่นิยมนำไปบูชาพระ เพราะถือว่าดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของคุณงานความดี หากปลูกดอกบัวในบ้านจะเป็นสิริมงคลแก่บ้านและช่วยเสริมดวงโชคลาภให้แก่ผู้อาศัยอีกด้วย


2.ดอกดาวเรือง

ดาวเรืองเป็นดอกไม้ที่คนทั่วไปนิยมนำมาร้อยเป็นพวงมาลัยบูชาพระ และคนโบราณยังมีความเชื่อเรื่องการปลูกต้นดอกดาวเรืองจะเพิ่มพูนความเจริญรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมาให้แก่ผู้พักอาศัยเปรียบดังสีทองของดอกดาวเรือง

3.ดอกพุด

ดอกพุดสีขาวบริสุทธิ์นั้น คนนิยมนำมาบูชาพระ เพราะสีขาวของดอกพุดเปรียบดังความเจริญมั่นคง หากปลูกดอกพุดภายในบ้านจะช่วยเสริมดวงเรื่องโชคลาภเงินทอง และความมั่นคงในการเงินของผู้ที่พักอาศัย

4.ดอกมะลิ

มะลิ ดอกไม้สัญลักษณ์วันแม่ที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ สะอาด และนิยมใช้ดอกมะลิมาร้อยมาลัย ไหว้พระ ดอกมะลิเปรียบเสมือนดอกไม้ที่ช่วยเสริมดวงและโชคลาภ หากปลูกต้นมะลิจะเป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่อาศัย

5.ดอกรัก

ดอกรัก ดอกไม้มงคลที่สื่อถึงความรักตรงตามชื่อดอกไม้ คู่รักนิยมใช้ดอกไม้ชนิดนี้ในงานแต่งงานเพื่อช่วยเสริมดวงเรื่องความรักของคู่บ่าวสาวให้งอกงามอย่างมั่นคง สวยงามเปรียบเสมือนดอกรักที่งอกงาม แข็งแรง

ด้านการงาน

1.ดอกดารารัตน์

ดอกดารารัตน์ เป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความหมายของการไม่หวังสิ่งใดตอบแทน และเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง อีกทั้งสีเหลืองสดของดอกดารารัตน์ เป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 9 หากนำดอกดารารัตน์มาวางไว้ที่โต๊ะทำงานจะช่วยเสริมดวงการงานของเราให้ปังสุด ๆ อีกด้วย

2.ดอกโบตั๋น

โบตั๋น ดอกไม้ชนิดสวยงามน่ามอง เต็มไปด้วยความหมายของความเชื่อชาวตะวันออก เชื่อว่าดอกโบตั๋นจะช่วยเสริมดวงเรื่องความรัก ยังช่วยเสริมดวงการงานให้เจริญก้าวหน้า มั่นคง สมดังปรารถนา

3.ดอกกล้วยไม้

กล้วยไม้ เป็นดอกไม้ที่มีสีสันสดใสสวยงามที่ใช้ตกแต่งภายในสวนดอกไม้ต่าง ๆ คนสมัยก่อนมีความเชื่อว่า หากปลูกต้นกล้วยไม้จะทำให้ผู้อาศัยมีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน มั่นคง ซึ่งสีสันของกล้วยไม้ยังสื่อความหมายที่แตกต่างกันไป สีชมพูและสีส้ม จะสื่อถึงความสุข สีขาว สีม่วงจะสื่อถึงความเจริญรุ่งเรือง

4.ดอกจำปี

ดอกจำปีเป็นดอกไม้ที่ช่วยเสริมดวงเรื่องหน้าที่การงาน หากปลูกภายในบ้านจะช่วยเสริมดวงการงานราบรื่น เจริญเติบโตในหน้าที่การงานของผู้พักอาศัย

5.ดอกแนสเตอร์เตียม

แนสเตอร์เดียม ดอกไม้หลากหลายสีสัน สัญลักษณ์แห่งชัยชนะ หากปลูกต้นดอกแนสเตอร์เดียมจะช่วยเสริมดวงการงานให้ราบรื่น ไม่มีอะไรติดขัด และจะพาโปรเจกต์งานของคุณเข้าเส้นชัยอย่างสวยงาม

25
บริการทำความสะอาด: เคล็ดลับ ทำความสะอาดบ้านเสร็จไว ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

พอพูดถึงเรื่องทำความสะอาดบ้านแล้ว ก็รู้สึกเพลียขึ้นมาทันที หรือบางคนก็อาจจะยุ่งอยู่กับการทำงานจนไม่มีเวลาเก็บกวาดบ้านเลย ครั้นจะหาเวลามาทำความสะอาดบ้านทั้งหลังก็แทบจะไม่มี เพราะต้องใช้เวลานานอยู่พอสมควรเลย ...จากนี้ไปไม่ต้องเสียเวลาไปกับการทำความสะอาดบ้านครั้งละนาน ๆ แล้ว เพราะเรามีเคล็ดลับ!! ทำความสะอาดบ้านเสร็จไว ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง มาฝาก


วางแผนการทำความสะอาดบ้าน

          หากคุณวางแผนก่อนเริ่มทำความสะอาด จะทำให้คุณประหยัดเวลาและลดขั้นตอนการทำความสะอาดขึ้นได้ งานจะดูน้อยลงและรู้ว่าต้องทำอะไรก่อน-หลัง ไม่เสียเวลาระหว่างการทำความสะอาด โดยเริ่มจาก

          1. กำหนดเวลา คุณมีเวลาในการทำความสะอาดบ้านครั้งนี้เท่าไหร่ เช่น 45 นาที

          2. เรียงลำดับห้องไหนทำความสะอาดก่อน-หลัง ไอเดียในการเรียงลำดับ เช่น ทำความสะอาดจากห้องที่ใช้งานบ่อยที่สุด, ห้องที่ต้องใช้ด่วนที่สุด, จากห้องชั้นบนลงมาชั้นล่าง, จากห้องทางซ้ายไล่ไปห้องทางขวา หรือจากห้องที่สกปรกที่สุด เป็นต้น

          3. กำหนดว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการทำความสะอาดแต่ละห้อง อาจใช้เวลามาก-น้อยต่างกันในแต่ละห้อง โดยดูจากความสกปรก ความเรียบร้อย รวมไปถึงขนาดของห้อง เช่น คุณมีเวลาทั้งหมด 45 นาที แบ่งเป็น ห้องนอน 8 นาที, ห้องน้ำ 14 นาที, ห้องนั่งเล่น 9 นาที และห้องครัว 14 นาที

          4. วางแผนว่าแต่ละห้องที่ทำความสะอาด ต้องทำอะไรบ้าง อาจทำเช็คลิสต์รายการทำความสะอาดไว้ เพื่อความเป็นระบบ กระชับเวลาได้มากขึ้น เช่น เก็บหรือจัดระเบียบของที่รก, เช็ดหน้าต่าง, กวาดพื้น, ดูดฝุ่น, ถูบ้าน, ล้างอ่าง, ล้างโถสุขภัณฑ์ เป็นต้น


เตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านให้พร้อม

          แนะนำให้รวบรวมอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ต้องใช้เอาไว้ที่เดียวกัน เพื่อความสะดวกในการหยิบใช้งาน ไม่ต้องเสียเวลาหาระหว่างการทำความสะอาด ทำลิสต์ออกมาเลยว่า ห้องไหนต้องใช้อะไรบ้าง ถึงคิวทำความสะอาดห้องไหน จะได้หอบอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ต้องใช้ใส่ตะกร้าไปทีเดียวเลย ตัวอย่างอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ต้องใช้มีตามนี้เลย

          - ไม้กวาด

          - ไม้ขนไก่

          - ผ้า

          - เครื่องดูดฝุ่น

          - ไม้ถูพื้นและถังน้ำ

          - น้ำยาทำความสะอาดต่าง ๆ หรือสเปรย์ทำความสะอาดต่าง ๆ

          - แปรงขัด

          - ถุงขยะ

          - ตะกร้า เอาไว้เก็บของที่วางเกะกะ รอการจัดเก็บเข้าที่

          - นาฬิกาจับเวลา หรือสมาร์ทโฟนก็ได้ เอาไว้จับเวลาทำความสะอาดให้เสร็จเรียบร้อยภายในเวลาที่วางแผนไว้

เก็บห้องรกหรือจัดระเบียบสิ่งของที่อยู่ไม่เป็นที่

          ก่อนที่จะทำความสะอาดในแต่ละห้อง ควรเริ่มต้นด้วยการเก็บของที่รก หรือของที่วางไม่เป็นที่ให้เรียบร้อยก่อน เพราะจะทำให้ห้องเป็นระเบียบและง่ายกับการทำความสะอาดมากยิ่งขึ้น โดยการเอาตะกร้าหรือกล่องใส่ของติดตัวไปด้วย เพื่อเอาสิ่งของที่วางไม่เป็นที่ หรือของที่ต้องการทิ้งแยกใส่ลงไปในแต่ละตะกร้า เพื่อรอการจัดระเบียบต่อไป ที่สำคัญ คุณต้องใช้ความรวดเร็วในการแยกของ อย่าลังเลใจนาน เพราะจะทำให้เกินเวลาที่วางแผนไว้ได้ ถ้าชิ้นไหนไม่แน่ใจจริง ๆ ให้แยกใส่ตะกร้าก่อนแล้วค่อยมาตัดสินใจภายหลัง จริง ๆ แล้วแนะนำให้พยายามเก็บของให้เข้าที่ทุกครั้งที่ใช้งาน เมื่อของที่รกเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จะได้ไม่เหนื่อย และไม่เสียเวลามาเก็บ

ทำความสะอาดห้องนอน 8 นาที

          สิ่งที่คุณต้องทำจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ 1. เก็บของรกและ 2. ทำความสะอาดห้อง ในครั้งนี้ อาจแบ่งเวลาครึ่งนึงไปกับการเก็บของรก 4 นาที และอีกครึ่งไปกับการทำความสะอาด 4 นาทีก็ได้ แล้วครั้งหน้าให้พยายามเก็บของเข้าที่ ไม่ทำให้ห้องรก แล้วมาเก็บทีเดียวอีกค่ะ เพราะจะทำให้เสียเวลามากกว่า ...เมื่อเก็บของที่รกเรียบร้อยแล้ว จะเหลือการทำความสะอาดห้องอีกแค่ 2-3 อย่าง ตามนี้

          - รวบผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนใส่ตะกร้าเพื่อนำไปซัก แนะนำให้เปลี่ยนผ้าปูที่นอน และนำเซตเก่าไปซักทุกสัปดาห์ และควรเก็บที่นอนให้เรียบร้อยทุกวัน หลังตื่นนอน

          - หาผ้ายาง หรือผ้าอะไรก็ได้มาคลุมเตียงก่อนทำความสะอาด เพราะเวลากวาดห้อง ฝุ่นอาจฟุ้งกระจายมาบนเตียงนอนได้

          - จากนั้นควรไล่ทำความสะอาดจากส่วนบนของห้องหรือเฟอร์นิเจอร์ ฝุ่นจะได้ตกลงมาข้างล่าง แล้วค่อยกวาดถูพื้นทีเดียว จะทำให้ประหยัดเวลาขึ้น
ทำความสะอาดห้องน้ำ 14 นาที

          ห้องน้ำเป็นห้องที่ถือว่าสกปรกมากที่สุดห้องนึงเลย ทั้งคราบสบู่ แชมพู คราบเหงื่อไคล เป็นต้น จึงต้องให้เวลากับห้องนี้มากหน่อย แนะนำให้ทำความสะอาดห้องน้ำทุกสัปดาห์ค่ะ ถ้าทิ้งไว้นานจะทำให้ใช้เวลาทำความสะอาดมากขึ้น เนื่องจากคราบสกปรกที่เพิ่มขึ้น และติดฝังคราบมากขึ้น โดยขั้นตอนการทำความสะห้องน้ำจะเป็นประมาณนี้

          - จัดระเบียบของที่อยู่ไม่เป็นที่เป็นทางก่อน และเคลียร์สิ่งของที่ไม่จำเป็นทิ้งไป ซึ่งควรเคลียร์ทุก ๆ เดือน ของจะได้ไม่รก

          - ฉีดน้ำล้างในทุก ๆ ส่วนของห้องน้ำ

          - เมื่อฉีดน้ำแล้ว จะมีเส้นผมหรือสิ่งสกปรกมากองรวมกันทั้งตะแกรงท่อที่อ่างล้างหน้า และตะแกรงท่อน้ำที่พื้นให้เก็บทิ้งไปก่อน

          - จากนั้นให้เช็ดฝุ่นตามเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของต่าง ๆ ในห้องน้ำ ด้วยสเปรย์อเนกประสงค์และผ้า เช่น ตามกระจก เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า

          - ล้างทำความสะอาดทั้งพื้นห้องน้ำ อ่างล้างหน้า และโถสุขภัณฑ์ที่มีคราบฝังลึก คุณอาจเทน้ำยาทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที แล้วกลับมาทำความสะอาดอีกทีด้วยแปรงขัด หรือฟองน้ำก็ได้

          - อย่าลืมเก็บถุงขยะในห้องน้ำไปทิ้ง และล้างถังขยะให้เรียบร้อย จะได้ไม่เป็นการสะสมเชื้อโรค
ทำความสะอาดห้องนั่งเล่น 9 นาที

คล้ายกับการทำความสะอาดห้องนอนเลย จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. จัดระเบียบของที่รกและ 2. ทำความสะอาดห้อง โดยหลังจากที่จัดของรกแล้ว ก็จะเหลือขั้นตอนทำความสะอาด ดังนี้

          - ปัดฝุ่นจากข้างบนเพดาน ไล่ลงมาข้างล่าง เช่น เช็ดหลอดไฟเพดาน ทำความสะอาดผ้าม่าน ปัดฝุ่นเฟอร์นิเจอร์ ดูดฝุ่นโซฟา

          - เมื่อทำความสะอาดจากด้านบนแล้ว ฝุ่นผง สิ่งสกปรกต่าง ๆ ก็จะตกลงมาที่พื้น ก็ถึงเวลาที่เราจะต้อง กวาด ดูด และถูพื้นให้สะอาดทุกซอกทุกมุมเลย

          - ขั้นตอนสุดท้าย จัดเก็บสิ่งของและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ เข้าที่ให้เรียบร้อย เช่น หมอนอิงที่โซฟา แจกันที่โต๊ะหรือตู้ กรอบรูปที่กำแพง หรือพรมเช็ดเท้า เป็นต้น
ทำความสะอาดห้องครัว 14 นาที

          ห้องครัวก็เป็นอีกห้องที่สกปรกไม่แพ้ห้องน้ำเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นคราบน้ำมัน มีเศษอาหาร มีขยะเปียก เราจึงให้เวลากับห้องนี้เยอะหน่อย หลัก ๆ แล้วห้องครัวมีขั้นตอนการทำความสะอาดตามนี้

          - ในกรณีที่บ้านไหนมีจานชามหรืออุปกรณ์เครื่องครัวกองอยู่ในอ่างล้างจาน ให้เคลียร์ของพวกนี้ก่อน ทางที่ดีให้ล้างทุกครั้งหลังใช้งาน

          - จากนั้นให้ทำความสะอาดพวกเตาไมโครเวฟ เตาอบ และเตาแก๊ส เพราะสิ่งนี้อาจจะเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ครัวของคุณมีกลิ่น เนื่องจากมีเศษอาหารจากการใช้งานติดค้างอยู่ในเตา วิธีทำความสะอาดเตาไมโครเวฟ ให้ผสมน้ำมะนาวกับน้ำเปล่าในภาชนะ และใส่เข้าไปอบในเตาไมโครเวฟ 2-3 นาที จะทำให้คราบสกปรกหลุดออกง่ายขึ้น

          - ทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว

          - เคลียร์ของที่หมดอายุ ของเน่าเสีย ของที่ไม่จำเป็นแล้ว ในตู้เย็นทิ้งไป ซึ่งควรเคลียร์ทุกเดือน

          - ทำความสะอาดคราบสกปรกที่กำแพงและพื้นห้องครัว

          - เก็บถุงขยะไปทิ้ง เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของกลิ่นไม่พึงประสงค์และเชื้อโรค


26
เครื่องมือจัดฟันเด็ก EF Line ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้นได้อย่างไร

การจัดฟันในเด็ก ถือเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ช่วยแก้ไขปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ที่มีปัญหาของรูปร่างและลักษณะของฟัน ตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ฟันน้ำนมในเด็กนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันกับฟันแท้ เพราะฟันน้ำนมมีบทบาทสำคัญในลำดับขั้นพัฒนาการของเด็ก นอกจากจะเป็นตำแหน่งที่จะเกิดฟันแท้มาแทนที่ ยังช่วยในเรื่องลักษณะทางกายภาพให้มีโครงสร้างร่างกายเป็นปกติ มีฟันไว้ช่วยบดเคี้ยวอาหาร หากฟันน้ำนมมีสุขภาพดี ไม่ผุกร่อนหรือติดเชื้อ ก็จะส่งเสริมพัฒนาการฟันแท้ที่จะงอกตามมาให้สมบูรณ์แข็งแรงไปด้วย

ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรที่จะสอนให้ลูกรู้จักวิธีการดูแลรักษาความสะอาดฟันอย่างถูกวิธี ควรปลูกฝังให้เด็กตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาฟันในอนาคต หากบุตรหลานของท่านมีปัญหาในเรื่องของความผิดปกติในเรื่องของรูปร่างฟัน หรือลักษณะของฟันที่มีความผิดปกติ ก็ควรที่พาบุตรหลานของท่านเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเตรียมตัวเข้ารับการจัดฟัน

เพราะการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 4-7 ขวบ ซึ่งเด็กที่มีอายุ 4-7 ขวบ ทันตแพทย์อาจจะใช้เครื่องมือการจัดฟันเด็กที่เราเรียกว่า EF Line ในการรักษา ซึ่งเครื่องมือชนิดนี้ สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น รวมถึงจัดการฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติ ซึ่งวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงในเรื่องของการปรับตำแหน่งลิ้น โดยการใช้เครื่องมือ EF Line เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคน อาจจะยังสงสัยว่า EF Line จะสามารถช่วยปรับตำแหน่งลิ้นได้อย่างไร

ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงเครื่องมือ EF Line ก่อนว่าเครื่องมือดังกล่าวนี้ ทำหน้าที่อะไรบ้าง และมีการทำงานอย่างไร สำหรับเครื่องมือEF Line เป็นชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหาในเรื่องของกล้ามเนื้อที่มีการทำงานที่ผิดปกติ ช่วยเสริมสร้างในเรื่องของการปรับรูปของกระดูกช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น

ซึ่งเราทราบกันอยู่แล้วว่า กระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่าง มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่จะมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็อยู่ที่ช่วงของอายุของเด็ก ดังนั้น ตามหลักแล้ว หากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้อง ทำการแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต ซึ่งในปัจจุบันเราพบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าและลิ้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของรูปร่าง ขนาด และการทำงานของกระดูกขากรรไกร ดังนั้น ทางทันตกรรมจึงได้มีการออกแบบเครื่องมือ


เพื่อทำการแก้ไขปัญหาของกล้ามเนื้อ ซึ่งต้องร่วมกับการฝึกโดยการออกกำลังกายกล้ามเนื้อ การปรับเปลี่ยนวิธีการหายใจ ซึ่งเครื่องมือ EF Line สามารถใช้ได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 4 – 15 ปี โดยเครื่องมือในกลุ่มนี้มีความหลากหลายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหารูปหน้าที่มีคางหลุบ ค้างเบี้ยว กระดูกและฟันบนยื่น และกรณีที่เด็กมีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า สำหรับการช่วยในเรื่องของปรับตำแหน่งลิ้นนั้น เด็กที่มีปัญหาในเรื่องของการกลืนที่ผิดปกติและตำแหน่งของลิ้นที่ผิดปกติ 


ในขณะกลืนจะยื่นลิ้นออกมาอยู่ระหว่างปลายฟันหน้าบนและล่าง ต้องพิจารณาจากขนาดของลิ้น โดยลิ้นอาจมีขนาดใหญ่ผิดปกติ เนื่องจากโรคทางระบบและตำแหน่งของลิ้นในขณะพักตำแหน่งของลิ้นที่ปกติอาจเป็นผลจากขบวนการปรับตัว มักพบในคนไข้ภูมิแพ้ มีการอุดตันของช่องจมูก ขากรรไกรบนแคบมาก ความสูงของใบหน้ามากผิดปกติควรมาพบทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไข ฟันหน้าห่าง การสบฟันหลังคร่อม การพูดออกเสียงไม่ชัด และเกิดการพัฒนาใบหน้าแนวดิ่งมากกว่าปกติ


ดังนั้น หลักการทำงานของ  EF Line ก็คือ ในขณะที่สวมใส่เครื่องมืออยู่ในปาก นาน 2 ชั่วโมง ในเวลากลางวัน และ 10 ชั่วโมง ในเวลาหลับตอนกลางคืน EF Line จะบังคับให้ขากรรไกรล่างอยู่ในตำแหน่งที่สัมพันธ์กับขากรรไกรบน เป็นผลให้เกิดการปรับตัวของกล้ามเนื้อต่าง ๆ โดยรอบ สู่สภาวะใหม่ที่สมดุล ซึ่งก็เป็นผลย้อนกลับไป เป็นการควบคุมตำแหน่งของกระดูกขากรรไกรที่เปลี่ยนไปให้สมดุลด้วย  หากใครสนใจ พาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็กด้วย EF Line สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการทันตกรรมในเด็ก สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้เด็กมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น



27
มิตซูบิชิ ไทรทัน 2024: มิตซูบิชิ ไทรทัน เมก้า แค็บ ขับสนุก ลุกนั่งสบาย แต่หายไปหลายสิ่ง

การทดสอบ 2015 มิตซูบิชิ ไทรทัน เมก้า แค็บรุ่นใหม่ล่าสุดที่มิตซูบิชิขยายไลน์สินค้าออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีหลากหลายนั้น หากมองในเชิงของความรู้สึกแล้วก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากความรู้สึกของการทดลองขับครั้งแรกของเราสักเท่าไร

เพราะหากไม่นับประตูที่หายไป 2 บานสำหรับห้องโดยสารตอนหลังและติดตั้งบานพับแบบตู้กับข้าวมาให้แทน ในเรื่องของเครื่องยนต์ ระบบขับขี่และการเซตอัพเกือบทั้งหมดถือว่าใกล้เคียงกันมาก จากการที่เป็นรุ่นไทรทัน พลัส ขับสองยกสูงเหมือน ๆ กัน

ราคาจำหน่ายที่ลดลงจากรุ่น 4 ประตูมาเหลือ 8.18 แสนบาท ถือว่าให้แรงจูงใจมากขึ้น หากเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้รถบรรทุกคนเหมือนกับรถยนต์นั่ง แต่ต้องการห้องโดยสารภายในไว้ขนสัมภาระหลบแดดหลบฝนเป็นหลัก

แต่เพราะเราเองมีเวลาอยู่กับรถมากขึ้น แน่นอนว่าทำให้มีโอกาสที่จะได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างของรถคันนี้ไปพร้อม ๆ กัน และก็สามารถยืนยันในข้อดีที่มีมาให้ รวมถึงพอจะบ่งชี้จุดที่ต้องปรับปรุงของรถได้มากพอสมควรเหมือนกัน

ต้องอย่าลืมว่าในการทดสอบครั้งแรก มิตซูบิชิ ไทรทันจากค่ายดาวสามแฉกอย่างมิตซูบิชินั้น ยังไม่มีคู่แข่งมากหน้าหลายตาเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่าคงทำให้การแข่งขันในตลาดรถปิกอัพในประเทศไทยสนุกสนานมากขึ้นไปนับจากนี้

จะรอช้าอยู่ใย ตามมาอ่านรายละเอียดการทดสอบด้านล่างกันให้ไวเลยทีนี้...

ภายนอกสวยร่วมสมัย ประตูเปิดได้ใช้งานเหมาะสม

การออกแบบของมิตซูบิชิ ไทรทันนั้น ผมเคยบอกไว้นานแล้วว่าเป็นรถที่คนชอบก็คงชอบ คนไม่ชอบก็คงมองว่าไม่สวย เพราะองค์ประกอบของรถไม่ว่าจะกระจังหน้าโครเมียมหรือการจัดวางอุปกรณ์ภายนอกนั้นถือว่าไม่สมัยนิยมมากจนเกินไป

มิตซูบิชิพยายามที่จะจับเส้นอ่อนช้อยลงตัวมาผนวกกับความแข็งแกร่งของรถปิกอัพให้ได้ เลยออกมาเป็นรถที่ดูอยู่กลาง ๆ ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนจากรุ่นเมก้า แค็บก็คือบานประตูตู้กับข้าวที่เปิดออกได้อย่างกว้างขวาง แบกของชิ้นใหญ่ขึ้นลงได้ไม่มีติดขัด

แม้จะชอบความแข็งแกร่งบึกบึนทางด้านภาพลักษณ์ที่ทำให้ตัวรถมีขนาดที่สูงขึ้น ดูโอ่อ่ากล้าแกร่งขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำให้การปีนกระบะด้านหลังนั้นยากขึ้นไปด้วย เพราะบันไดหลังก็ลอยโด่ง จริง ๆ แล้วน่าจะลดความสูงลงมาได้นะนี่

เครื่องยนต์เนียนเรียบ แต่อยากได้เกียร์อีกสักเกียร์

คงต้องขอยืนยันคำพูดจากบททดสอบก่อนหน้านี้ว่าเครื่องยนต์รุ่นใหม่ของมิตซูบิชิ ไทรทันนั้น ให้พละกำลังที่ลงตัว ปล่อยกำลังออกมาอย่างเรียบเนียนไปจนถึงย่านความเร็วสูง ซึ่งเสียดายถ้าได้เกียร์ 6 อีกสักเกียร์รถคงสนุกสนานมากกว่านี้

เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 จังหวะ แถมให้การประหยัดน้ำมันที่ถือว่าน่าพอใจ

การตอบสนองของช่วงล่างด้านหน้านั้นเป็นไปอย่างเรียบเนียนไร้ที่ติ แต่ผู้โดยสารตอนหลังอาจจะต้องระมัดระวังตัวสักเล็กน้อยในการใช้พื้นที่วางสัมภาระสำหรับการโดยสาร เพราะช่วงล่างก็ยังเซตอัพมาอย่างแข็ง ๆ เพื่อเตรียมไว้รองรับการบรรทุกหนักนั่นเอง

ห้องโดยสารจัดมาครบ แต่ช่องเสียบที่จุดบุหรี่อยู่ไหน

พอเรายกห้องโดยสารทั้งหมดจากรุ่น 4 ประตูมาไว้ในรุ่นเมก้าแค็บ ทำให้รถคันนี้ดูเป็นรถที่ดูหรูหราอลังการงานสร้าง ด้วยอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้อย่างครบครันไม่มีกั๊ก เรียกว่าไม่ต้องไปเสียเวลาตกแต่งอะไรเพิ่ม ยกเว้นอยากได้เสียงเครื่องเสียงกระหึ่มหูค่อยไปเสียสตางค์เอา

เอาจริง ๆ ผมก็ยังยืนยันไปกับทีมงานของมิตซูบิชิอยู่ดีว่าช่องเสียบไปสำหรับที่จุดบุหรี่ที่ติดตั้งมาด้านในกล่องเก็บสัมภาระเพียงตำแหน่งเดียวนั้น ไม่เพียงพอและไม่เหมาะสมต่อการใช้งานจริงแน่ ๆ ก็หวังว่าตอนปรับรถรอบแรกคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี

แม้ผมเองจะไม่มีปัญหาในเรื่องของการเลือกใช้งานวิทยุ ระบบนำทางและอื่น ๆ อีกมากมายที่ติดตั้งมาในรถ แต่ดูเหมือนว่าผู้โดยสารที่เดินขึ้นมาในรถทุกคนจะยังหาปุ่มเปลี่ยนไปฟังยูเอสบีไม่เจอ เปลี่ยนคลื่นวิทยุไม่ได้ ซึ่งต้องให้เวลาเหมือนกันกว่าจะคุ้นชินกันระบบเหล่านี้

ขับทางไกลสนุก ขับในเมืองก็ถือว่าผ่านแบบคะแนนดี

หลังจากที่คืนกุญแจไทรทัน เมก้า แค็บให้กับทางทีมงานของมิตซูบิชิไปแล้ว ผมก็ค่อย ๆ ปรับความรู้สึกของการขับรุ่น 4 ประตูและรุ่นตู้กับข้าวที่แม้จะต่างตัวถังกัน แต่ต้องบอกว่าการตอบสนองด้านการขับขี่นั้นแทบไม่มีอะไรแตกต่าง เมื่อใช้เครื่องยนต์และเซตอัพเดียวกันมา

การตอบสนองบนท้องถนนหลวงที่ย่านความเร็วสูงระดับ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปนั้น รถวิ่งไปข้างหน้าอย่างสนุกสนานและไม่มีอะไรจะต้องหวาดหวั่น การควบคุมช่วงล่างของรถเป็นไปอย่างลงตัว เว้นแต่ตอนเจอหลุมหรือกระดูกงูขวางทางก็ว่ากันอีกเรื่อง

เกียร์ที่ให้มา 5 สปีดแม้จะน้อยไปนิดแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้รถคันนี้คลายความน่าใช้งานลง ถ้าคุณเป็นคนที่ซื้อรถปิกอัพเพื่อเอาไว้ใช้ขับไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง ไทรทันก็พอจะเป็นนิยามของคำว่ารถที่ขับสนุกลุกนั่งสบายได้อยู่บ้างพอสมควร

แต่ปรับคราวหน้าช่วยพิจาณาเรื่องเกียร์ที่ 6 กับช่องเสียบที่จุดบุหรี่ตอนหน้าเพิ่มหน่อยนะ...



28
มอเตอร์โชว์: 4 ประเภทรถยนต์ไฟฟ้า ทำประกันรถยนต์แบบไหนได้บ้าง

ปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้วยเรื่องความสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดพลังงาน ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้ามีหลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีลักษณะการทำงาน และข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกันไป แต่ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแบบไหน สิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับผู้ใช้รถ คือ การทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ วันนี้…เราจะมาดูรายละเอียดของรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 4 ประเภท และรูปแบบการทำประกันภัยที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละประเภทกันค่ะ

4 ประเภทรถยนต์ไฟฟ้า

1. รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicles - BEV)
 
เป็นรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว โดยไม่มีเครื่องยนต์สันดาปภายใน ซึ่งตัวแบตเตอรี่จะถูกชาร์จไฟจากแหล่งจ่ายไฟภายนอก เช่น สถานีชาร์จไฟหรือปลั๊กไฟบ้าน ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ BEV คือ ไม่มีการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสีย ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ อีกทั้งยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมเชื้อเพลิง และการบำรุงรักษา แต่ก็ยังมีข้อเสีย คือ ระยะทางการขับขี่จำกัดตามความจุของแบตเตอรี่ และใช้เวลาชาร์จไฟนาน
 

2. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (Hybrid Electric Vehicles - HEV)

เป็นรถยนต์ที่ใช้ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน และมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกัน โดยมอเตอร์ไฟฟ้าจะช่วยเสริมแรงให้กับเครื่องยนต์ในบางสถานการณ์ และสามารถชาร์จแบตเตอรี่จากการเบรกได้ รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดมีข้อดี คือประหยัดน้ำมันมากขึ้นเมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว และไม่ต้องชาร์จไฟจากแหล่งภายนอก แต่ข้อเสีย คือ ยังมีการปล่อยมลพิษ และต้องการการบำรุงรักษาทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า
 
3. รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน (Plug-in Hybrid Electric Vehicles - PHEV)
 
เป็นรถยนต์ที่ใช้ทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน และมอเตอร์ไฟฟ้าเหมือน HEV แต่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากแหล่งไฟภายนอกได้ ทำให้สามารถขับขี่โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในระยะทางสั้นๆ ได้ รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอินมีข้อดี คือ สามารถขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวในระยะทางที่กำหนด ช่วยลดการใช้น้ำมัน และการปล่อยมลพิษ แต่ยังมีข้อเสีย คือ ต้องชาร์จไฟบ่อยๆ หากต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
 
4. รถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicles - FCEV)
 
เป็นรถยนต์ที่ใช้เซลล์เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ไฮโดรเจน และออกซิเจนจากอากาศ ปล่อยน้ำเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ การชาร์จใช้การเติมไฮโดรเจนแทนการชาร์จแบตเตอรี่ ข้อดี คือ ไม่มีการปล่อยมลพิษจากท่อไอเสีย และเวลาการเติมไฮโดรเจนรวดเร็วเหมือนการเติมน้ำมัน แต่มีข้อเสีย คือ ขาดแคลนสถานีเติมไฮโดรเจน ค่าใช้จ่ายในการผลิตไฮโดรเจนยังสูงอยู่ และเทคโนโลยียังอยู่ในระยะพัฒนา
 

การทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า

การทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้ามีความสำคัญเช่นเดียวกับการทำประกันรถยนต์ทั่วไป เราสามารถประเภทการประกันภัยตามระดับความคุ้มครองหลักๆ ได้ดังนี้
 
1. ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) : เป็นประกันภัยขั้นต่ำที่รถทุกคันต้องทำตามกฎหมายกำหนด ซึ่งจะครอบคลุมการคุ้มครองบุคคลภายนอกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
 
2. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ :
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 : เป็นประกันภัยคุ้มครองครอบคลุมที่สุด คือคุ้มครองทั้งการเกิดอุบัติเหตุของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร บุคคลภายนอก รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การซ่อมแซมแบตเตอรี่ และชิ้นส่วนต่างๆ เป็นต้น
 
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ : ให้ความคุ้มครองลดหลั่นลงมาจากประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 โดยจะให้ความคุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุ และการโจรกรรม รวมถึงอุบัติเหตุที่เกิดกับรถยนต์ไฟฟ้า
 
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และ 3 : จะให้ความคุ้มครองน้อยลงมา โดยให้ความคุ้มครองการสูญหาย และความเสียหายจากการชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น โดยไม่ครอบคลุมอุบัติเหตุอื่นๆ
สรุปแล้ว รถยนต์ไฟฟ้ามีหลายประเภทให้เลือกตามความต้องการ และรูปแบบการใช้งาน ในส่วนของการเลือกทำประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าให้เหมาะสม จะช่วยให้เรามั่นใจในการขับขี่ และอุ่นใจกับการคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์ ที่ครอบคลุม และมีประสิทธิภาพ

29
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: เนื้องอกประสาทหู (Acoustic neuroma)

เนื้องอกประสาทหู (acoustic neuroma หรือ vestibular schwannoma) เป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายที่กำเนิดมาจากเส้นประสาทหู (ส่วนที่มีชื่อว่า vestibular nerve) ซึ่งอยู่ติดชิดกับสมองภายในกะโหลกศีรษะ (บริเวณ cerebello-pontine angle) ซึ่งพบได้ไม่บ่อยนัก แต่จัดว่าเป็นเนื้องอกที่พบได้บ่อยที่สุดของเนื้องอกของปลอกประสาท(nerve sheath)ภายในกะโหลกศีรษะ

เนื้องอกประสาทหูแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่ ชนิดไม่ทราบสาเหตุ (พบร้อยละ 95 ของเนื้องอกประสาทหู พบบ่อยในคนอายุ 40-60 ปี และมักเป็นข้างเดียว) และนิวโรไฟโบรมาโทซิสชนิดที่ 2 (neurofibromatosis type 2 หรือ bilateral vestibular schwannoma   ซึ่งพบร้อยละ 5 ของเนื้องอกประสาทหู พบบ่อยในคนอายุ 18-24 ปี วัยรุ่นตอนปลายและวัยหนุ่มสาวตอนต้น มักเป็น 2 ข้าง)


สาเหตุ

เนื้องอกประสาทหูชนิดไม่ทราบสาเหตุ เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน พบว่าบางรายอาจมีประวัติได้รับรังสีขนาดสูงที่บริเวณศีรษะและคอมาก่อน และมีความเชื่อว่าการอยู่ในที่ที่มีเสียงดังเป็นระยะยาวนานอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของโรคนี้

     ส่วนนิวโรไฟโบรมาโทซิสชนิดที่ 2  มีความสัมพันธ์กับความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ผู้ป่วยส่วนหนึ่งพบว่าเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์แบบยีนเด่น (dominant gene) กล่าวคือ ถ้ามีบิดา หรือมารดา ท่านใดท่านหนึ่งเป็นโรคนี้ บุตรที่เกิดมามีโอกาสเป็นโรคนี้ถึงร้อยละ 50


อาการ

เนื้องอกประสาทหูมีลักษณะโตช้า ใช้เวลาเป็นปี ๆ กว่าจะเริ่มปรากฏอาการ อาการระยะแรก คือ หูตึง (ได้ยินเสียงได้น้อยลง) ซึ่งอาจค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อย หรือเกิดขึ้นฉับพลันก็ได้ ร่วมกับมีเสียงดังรบกวนในหู และอาจมีอาการเวียนศีรษะ บ้านหมุน รู้สึกโคลงเคลงร่วมด้วย

     อาการหูตึงจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องเป็นแรมเดือนแรมปี จนกระทั่งก้อนเนื้องอกโตไปกดเบียดสมองและประสาทข้างเคียง ทำให้เกิดอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้า (ซึ่งมักจะเป็นเพียงซีกเดียว) และมีอาการชาที่ใบหน้าซีกเดียวกัน บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ


ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้เกิดความผิดปกติอย่างถาวร เช่น หูตึง มีเสียงดังรบกวนในหู เวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงและชา 

     ที่สำคัญ คือ เนื้องอกที่โตขึ้นสามารถกดเบียดสมอง ทำให้เกิดภาวะความดันสูงในกะโหลกศีรษะ (มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน) และอาจกดก้านสมองซึ่งควบคุมสัญญาณชีพ (เช่น การหายใจ การเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต) การกลืน และความรู้สึกตัว เป็นอันตรายต่อชีวิตได้

          สำหรับโรคนิวโรไฟโบรมาโทซิสชนิดที่ 2 นอกจากภาวะดังกล่าวแล้ว ยังอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ต้อกระจก ตาเหล่ ชัก แขนขาอ่อนแรง และเกิดเนื้องอกชนิดอื่น ๆ (เช่น meningioma, glioma,  schwannoma, astrocytoma) ในสมอง ไขสันหลัง และส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย (เนื้องอกเหล่านี้ล้วนเป็นชนิดไม่ร้าย แต่ก็อาจจะกลายเป็นมะเร็งได้โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่มีโอกาสที่พบได้น้อยมาก)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

     ในระยะแรก อาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

     ในระยะหลัง (เมื่อก้อนเนื้องอกโตมากขึ้น) จะพบกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง (ยักคิ้ว หลับตา เม้มปากไม่ได้) แบบอัมพาตเบลล์ ใบหน้าชา ปฏิกิริยาสะท้อนของกระจกตา (corneal reflex) ลดลง (ตรวจโดยใช้สำลีเขี่ยที่กระจกตา ปฏิกิริยาในการหลับตาจะช้ากว่าปกติ) อาจพบอาการเดินเซ

     แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจสมรรถภาพของการได้ยิน (audiometry) การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

     ถ้าก้อนเล็กไม่มีการกดประสาทข้างเคียง ก็ให้การรักษาตามอาการ และติดตามอาการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะ

            ถ้าก้อนเนื้องอกโตหรือกดประสาทหลายส่วน แพทย์จะทำการรักษาด้วยการผ่าตัดเอาเนื้องอกออก

            ถ้าพบในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีข้อห้ามในการผ่าตัด หรือมีขนาดเล็ก (เส้นผ่าศูนย์กลางน้อยกว่า 3 ซม.) แพทย์จะทำการรักษาด้วยรังสี เช่น รังสีแกม (ซึ่งเรียกว่า "(gamma knife)", แสงโปรตอน (proton beam) เป็นต้น เพื่อยับยั้งไม่ให้เนื้องอกโตขึ้น ป้องกันการเกิดหูตึงถาวร และรักษาให้เส้นประสาทใบหน้าทำงานได้ปกติ (ป้องกันกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง)

     ผลการรักษา หากได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม ส่วนใหญ่ได้ผลดี แต่ถ้าได้รับการรักษาเมื่อก้อนเนื้องอกโตมากหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงก็มักได้ผลน้อย หรือไม่อาจป้องกันความพิการที่เกิดขึ้นได้


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น อาการหูตึง มีเสียงดังในหู วิงเวียน เห็นบ้านหมุน ควรปรึกษาแพทย์

           เมื่อตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกประสาทหู ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หากมีอาการบ้านหมุน เดินเซหรือรู้สึกโคลงเคลง เวลาเดินควรใช้ไม้เท้าช่วยป้องกันไม่ให้หกล้ม, หลีกเลี่ยงการขับรถหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น, ถ้าตื่นลุกเข้าห้องน้ำตอนกลางดึกควรเปิดไฟในห้องให้สว่าง

       
ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    สงสัยมีภาวะแทรกซ้อน เช่น มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก กลืนลำบาก ตามัว เดินเซ กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง แขนขาชาหรืออ่อนแรง ชัก เป็นต้น
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากโรคนี้ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และส่วนน้อยเกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์

         ควรป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม โดยการไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจรักษาแต่เนิ่น ๆ เมื่อสังเกตว่ามีอาการที่น่าสงสัย

ข้อแนะนำ

1. เนื้องอกประสาทหู แม้ว่าจะเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้าย (ไม่ใช่มะเร็ง) แต่อาจค่อย ๆ โตขึ้นไปกดเบียดสมองและเส้นประสาทต่าง ๆ ทำให้เกิดความพิการทางหู ตา แขน ขา และการทรงตัว สูญเสียคุณภาพชีวิต เป็นภาระในการดูแลรักษา และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่มีอันตรายร้ายแรงต่อชีวิตได้ ดังนั้น หากมีอาการที่น่าสงสัย เช่น มีอาการหูตึง มีเสียงดังในหู วิงเวียน เห็นบ้านหมุน เดินเซ อย่างต่อเนื่องนานเป็นสัปดาห์ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

       2. โรคนี้ในระยะแรกจะมีอาการคล้ายหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน แต่จะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ นานเป็นแรมเดือนแรมปี ดังนั้น ถ้าให้การดูแลรักษาแบบหูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน 1-2 สัปดาห์แล้วไม่ดีขึ้น แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุและให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

30
มือถือ Samsung ซัมซุง SAMSUNG Galaxy ZFold6 (12GB/512GB)
68,900 บาท

ซัมซุง SAMSUNG Galaxy ZFold6 (12GB/512GB)
พกขุมพลัง PC ไว้ได้ในกระเป๋าของคุณด้วย Galaxy Z Fold6 ที่ทรงพลังมากกว่าที่เคยเป็นในรูปลักษณ์อันบางเฉียบซึ่งมีหน้าจอที่สามารถใช้ทำอะไรต่อมิอะไรได้มากมาย พร้อมการเสริมพลังด้วย Galaxy AI สำหรับอุปกรณ์หน้าจอพับได้

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น            ซัมซุง SAMSUNG Galaxy ZFold6 (12GB/512GB)
   ราคากลาง        68,900 บาท
   จำนวนซิม         2 ซิม (Nano Sim Nano-SIM (4FF), Embedded-SIM)
   แบบดีไซน์        จอสัมผัส
   สี                  Silver(Silver Shadow), White, Black(Crafted Black), Blue(Navy), Pink
   ความถี่-เครือข่าย
3G
4G
5G

   ขนาด-น้ำหนัก                  ยาว 153.5 x กว้าง 132.6 x หนา 132.6 มม., น้ำหนัก 239 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM) 512 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด    -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 4,400 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ              จอสัมผัส (Dynamic AMOLED 2X)
   ความละเอียด       7.6 นิ้ว, 1,856 x 2,160 px

   รายละเอียดอื่น
Size (Main_Display) : 193.2mm (7.6" full rectangle) / 192.5mm (7.6" rounded corners)
Resolution (Main Display) : 2160 x 1856 (QXGA+)
Technology (Main Display) : Dynamic AMOLED 2X
Color Depth (Main Display) : 16M
Max Refresh Rate (Main Display) : 120 Hz
Size (Sub_Display) : 158.9mm (6.3" full rectangle) / 158.1mm (6.2" rounded corners)
Resolution (Sub Display) : 968 x 2376 (HD+)
Technology (Sub Display) : Dynamic AMOLED 2X
Color Depth (Sub Display) : 16M

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                  กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (10 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                             -

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)           Qualcomm Snapdragon 8 Gen 3 Octa Core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)  Adreno 750
   หน่วยความจำ (RAM)             12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก             USB(Type-C 3.2 Gen 1), Bluetooth(v5.3), NFC, Wi-Fi(802.11a/b/g/n/ac/ax 2.4GHz+5GHz+6GHz, HE160, MIMO, 1024-QAM)
   ระบบรับส่งข้อความ                -
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต          3G, WiFi, 4G, 5G

31
การจัดฟันเด็ก กับ การจัดฟันตอนโต ต่างกันอย่างไร

การเข้ารับการจัดฟัน ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่ง ที่ช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้แทบจะทุกกรณี แต่การจัดฟันนั้น ก็มีด้วยกันหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันที่สวมใส่เครื่องมือแบบติดแน่น การจัดฟันแบบใส การจัดฟันแบบเร็ว ซึ่งการจัดฟันในรูปแบบต่างๆที่กล่าวมานั้น ก็จะมีข้อแตกต่างกันออกไป มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน และแก้ไขปัญหาได้แตกต่างกัน

เช่นเดียวกับการจัดฟันในเด็กและการจัดฟันในผู้ใหญ่ แน่นอนว่าก็จะมีความแตกต่างกัน เพราะการจัดฟันในเด็กจะมีการใช้เครื่องมือที่แตกต่างกัน หลายคนเคยจัดฟันในตอนเด็กและอาจจะละเลยในการสวมใส่เครื่องมือที่ต้องใส่หลังการจัดฟัน เพื่อช่วยคงสภาพฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม พอโตมาก็อาจจะมีปัญหาอื่นๆตามมา จนต้องเข้ารับการจัดฟันอีกครั้ง ก็จะเห็นในข้อแตกต่างระหว่างการจัดฟันในเด็กกับการจัดฟันตอนโต

และวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงข้อแตกต่างของการจัดฟันในเด็กและการจัดฟันตอนโต ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร เผื่อพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็อาจจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจ และจะได้เห็นข้อแตกต่างจากการจัดฟันตอนโต

ต้องบอกก่อนว่า การจัดฟันในเด็ก ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยจะมีความจำเป็นมากเท่าไหร่ แต่การที่เราปลูกฝังหรือส่งเสริมบุตรหลานของท่านในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากบุตรหลานของท่านมีสัญญาณสุขภาพช่องปากและฟันที่มีความผิดปกติของการขึ้นของฟัน หรือแม้กระทั่งการที่บุตรหลานของท่านมีพฤติกรรมการดูดนิ้ว จนอาจจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของฟัน

ต้องบอกว่า การจัดฟันในเด็ก สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ เพราะการจัดฟันในเด็กนั้น สามารถเริ่มจัดฟันได้ตั้งแต่อายุ 7-15 ปี เพราะในวัยนี้ ฟันน้ำนมจะหลุดออกหมดแล้ว และฟันแท้ก็ขึ้นครบแล้ว ซึ่งการจัดฟันในเด็ก ถือว่าเป็นประโยชน์ นอกจากจะทำให้เด็กมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามตั้งแต่เด็กแล้ว ยังสามารถทำให้เด็กมีรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจและยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ เมื่อมีฟันเรียงสวย ไม่ซ้อนเก เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น

สำหรับการจัดฟันตอนโตนั้น ถือว่าเป็นการรักษาที่ได้รับความนิยมมาก เพราะผู้ใหญ่บางคนก็มีปัญหาเกี่ยวกับฟันที่มีความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นฟันห่าง ฟันซ้อน ฟันเก ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลิกภาพ การรับประทานอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้การบดเคี้ยวอาหารนั้น ไม่ดีเท่าที่ควร และยังส่งผลต่อการทำความสะอาดช่องปากและฟันด้วย

ถ้าหากเราทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดี ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาช่องปากตามมาได้ จึงเลือกใช้วิธีการเข้ารับการจัดฟัน เพื่อที่จะช่วยแก้ไขปัญหาฟัน แต่การจัดฟันสำหรับผู้ใหญ่ ก็สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า การจัดฟันในผู้ใหญ่อาจจะช้ากว่าการจัดฟันในเด็ก และมีข้อจำกัดมากกว่าเด็ก

เนื่องจากเด็กอยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้ดี การเคลื่อนฟันในเด็กเลยมักง่ายกว่า มีผลแทรกซ้อนน้อยกว่า ต่างกับการจัดฟันในผู้ใหญ่ที่ร่างกายเริ่มมีความเสื่อมถอย แต่อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์ก็จะต้องดูความเหมาะสม ตามภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วย

ดังนั้น การจัดฟันในเด็ก กับ การจัดฟันตอนโต นั้น ก็จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของ ข้อจำกัดในเรื่องของอายุ สภาพของร่างกาย อัตราการเคลื่อนของฟัน รวมไปถึงการตอบสนองต่อการรักษา แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันได้เช่นเดียวกัน

หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟัน สามารถติดต่อสอบถามได้ที่คลินิกทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา และจะช่วยแก้ไขปัญหาฟันของท่านได้อย่างตรงจุดและถูกต้อง เพราะทางเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี อยากให้มีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจ สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข

32
บริหารจัดการอาคาร: ข้อดีของแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์

ในปัจจุบัน เครื่องปรับอากาศหรือแอร์ มีความจำเป็นอย่างมากในอากาศที่ร้อนอบอ้าว เชื่อว่า มีแทบทุกบ้าน เพราะมีความจำเป็นสำหรับใครหลายๆคน เนื่องจากอากาศในบ้านเราต้องบอกว่า มีอากาศที่ร้อนแทบจะตลอดทั้งปี ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อใช้ในการคลายร้อน ทำให้ความรู้สึกเย็นสบาย แต่เราก็ต้องแลกกับค่าไฟที่ต้องเพิ่มมากขึ้น แต่หากเราติดเครื่องปรับอากาศเพื่ออำนวยความสะดวกก็ต้องมั่นใจว่าเครื่องปรับอากาศของเรานั้น จะมีอายุการใช้งานที่นานและมีการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ

แต่ก็มีหลายบ้านที่มักจะเปิดแอร์ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่ได้พักแอร์เลย ก็ทำให้แอร์ต้องทำงานหนัก และสกปรกได้ง่าย เพราะยิ่งเราเปิดแอร์ ก็ยิ่งทำให้แอร์มีการสะสมของฝุ่นเป็นจำนวนมากนั่นเอง ซึ่งการใช้งานแอร์ที่หนักเกินไปนั้น ทำให้เราต้องทำความสะอาดแอร์บ่อยๆ แต่ยิ่งเราเปิดแอร์ตลอดทั้งวัน ค่าไฟก็จะยิ่งพุ่งสูงเป็นธรรมดา เพราะแอร์ ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเปลืองไฟ แต่ก็มีเทคนิคที่จะช่วยให้เราประหยัดค่าไฟฟ้าไปได้เยอะ

เพียงแค่เราใช้งานแอร์อย่างถูกต้อง ซึ่งในสมัยนี้ก็มีเครื่องปรับอากาศรุ่นต่างๆเกิดข้นมากมาย หนึ่งในนั้น คือแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ ที่เป็นแอร์ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงข้อดีของแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่สนใจจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศได้พิจารณาในการเลือกซื้อได้อย่างเหมาะสม
 
แอร์อินเวอร์เตอร์ คือแอร์ที่ทำงานโดยกระบวนการแปลงไฟฟ้าจากกระแสตรง ไปเป็นกระแสสลับ  เพื่อควบคุมรอบมอเตอร์ของคอมเพรสเซอร์ได้อย่างละเอียดกว่าการปรับกระแสไฟฟ้าสลับโดยตรงที่ทำได้เพียงแค่ ตัด/ต่อ เหมือนแอร์บ้านทั่วไป และสามารถชะลอการทำงานได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องตัดไฟ หรือ จ่ายไฟเปิดคอมเพรสเซอร์ เพื่อควบคุมอุณหภูมิห้องเลย

ดังนั้นข้อได้เปรียบของแอร์ชนิดนี้อย่างแรกก็คือ การประหยัดไฟที่มากกว่า โดยลักษณะพิเศษของ แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ คือ ทำงานเงียบ ด้วยความที่มันสามารถควบคุมกำลังไฟที่ตัว คอมเพรสเซอร์ได้ ดังนั้น การทำงานจึงแตกต่างจากอีกประเภท คือมันสามารถเร่งระดับการทำความเย็นได้สูงสุดเพื่อให้ อุณหภูมิไปแตะถึงจุดที่กำหนด

จากนั้นก็ปรับกำลังไฟที่ตัวคอมเพรสเซอร์ เพื่อ ปรับระดับการทำงานให้เบาลงและรักษาระดับอุณหภูมิไว้ การทำงานจึงค่อนข้างมีเสียงเบากว่า และยังทำความเย็น ได้รวดเร็วกว่า เพราะเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ มีประสิทธิภาพในการทำความเย็นได้เร็วกว่าเครื่องระบบธรรมดา ที่มีค่า BTU หรือ หน่วยทำความเย็นเท่ากัน

นอกจากนี้ การทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้น ก็ยังขึ้นอยู่กับองศาที่เราเปิดด้วยเช่นกัน สมมติว่าเราเปิดแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ที่ 18 องศาเท่ากับแอร์ธรรมดา ห้องที่จะเย็นเร็วกว่า คือห้องที่ใช้ ระบบอินเวอร์เตอร์เพราะคอมเพรสเซอร์จะปรับระดับการทำงานสูงสุดเพื่อให้อุณหภูมิไปแตะองศาที่กำหนดได้เร็วขึ้น แถมยังให้อุณหภูมิใกล้เคียงกับค่าที่กำหนดมากกว่า เพราะความสามารถในการควบคุมระดับการทำงานของคอมเพรสเซอร์ได้นั่นเอง ทำให้ เครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิที่กำหนดมากกว่า

ซึ่งอาจจะต่ำหรือสูงกว่า 1 องศา เท่านั้น และยังมีคอมเพรสเซอร์ ที่มีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น เนื่องจากเมื่อแอร์ไม่ต้องตัดไฟบ่อย ๆ คอมเพรสเซอร์ก็จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น ซึ่งโดยทั่วไป คอมเพรสเซอร์แอร์ ระบบอินเวอร์เตอร์จะมีระยะเวลารับประกันถึง 10 ปีเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามค่าซ่อมบำรุงก็จะสูงกว่าแอร์ธรรมดา อย่างไรก็ตาม แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ จะมีราคาที่แพงกว่าแอร์ธรรมดาอย่างชัดเจน เพราะด้วยเรื่องของฟังก์ชันต่าง ๆ ที่กล่าวมาแต่ถ้าเทียบความคุ้มค่า หากใช้งานบ่อย ๆ แล้ว ก็คุ้มที่จะเลือกใช้งานอย่างแน่นอน

 
 
อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์ หรืองานซ่อมบำรุง สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย เพราะฉะนั้น ให้ทางเราได้ดูแลในเรื่องของระบบปรับอากาศของคุณให้มีการใช้งานที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

33
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ข้อเสื่อม (Osteoarthritis) ข้อเข่าเสื่อม

สาเหตุ

มีการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนที่บุอยู่บนผิวข้อกระดูก ซึ่งทำหน้าที่ลดแรงกระแทก เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างและสารเคมีภายในข้อ ในที่สุดทำให้ผิวข้อกระดูก 2 ด้านที่สึกกร่อนและขรุขระ มีการเบียดหรือเสียดสีกันโดยตรง และเกิดการอักเสบเรื้อรังภายในข้อกระดูก

ขณะเดียวกันก็เกิดกระบวนการซ่อมแซมของข้อ ทำให้มีหินปูนหรือปุ่มงอก (osteophytes) เกาะรอบ ๆ ผิวข้อ ซึ่งมีบางส่วนแตกหักหลุดเข้าไปในข้อ ขัดขวางการเคลื่อนไหวของข้อ การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดดังกล่าวทำให้มีอาการปวดข้อ ข้อติด ข้อแข็ง และเคลื่อนไหวลำบาก

พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่ทำให้เกิดโรคนี้ เช่น

    อายุและเพศ ภาวะข้อเสื่อมมักเกิดในผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี หรือหลังวัยหมดประจำเดือน (เกี่ยวกับการพร่องฮอร์โมนเอสโทรเจน) แต่ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปีจะพบในผู้ชายมากกว่า
    กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคข้อเสื่อมชนิดหลายข้อ หรือข้อเสื่อมตั้งแต่อายุน้อย มีโอกาสที่จะเกิดข้อเสื่อมได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มที่มีข้อนิ้วมือเสื่อม จะพบว่าสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้มากกว่ากลุ่มที่มีข้อเข่าเสื่อม
    ความอ้วน ทำให้เกิดแรงกดดันต่อข้อเข่าและสะโพก เกิดการเสื่อมได้เร็วขึ้น นอกจากนี้เนื้อเยื่อไขมันส่วนเกินยังสร้างสารเคมี (กลุ่ม cytokines) ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบภายในและรอบ ๆ ข้อ ทำให้ข้อถูกทำลาย
    การได้รับบาดเจ็บ (เช่น การวิ่ง การเล่นกีฬา) ที่มีการกระแทกต่อข้อเข่า
    การใช้ข้อมากหรือซ้ำ ๆ อยู่นาน ๆ เช่น การก้ม การนั่งงอเข่า การเดินขึ้นลงบันได การยืนนาน ๆ การยกของหนัก จะทำให้เกิดแรงกดดันต่อข้อต่อ เป็นเหตุให้ข้อเสื่อมได้
    กล้ามเนื้ออ่อนแอ เช่น กล้ามเนื้อต้นขา (quadriceps) อ่อนแอ อาจทำให้ข้อเข่าเสื่อมเร็ว
    เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง เช่น โรคปวดข้อรูมาตอยด์ เกาต์
    การติดเชื้อ เช่น ข้ออักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
    ข้อมีความผิดปกติมาแต่กำเนิด


อาการ

ลักษณะที่พบได้ทั่วไปสำหรับโรคข้อเสื่อมไม่ว่าจะเกิดตรงตำแหน่งใดก็คือ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดข้อ ข้อติด (ข้อแข็ง) หรือขยับได้ไม่สุด อาการปวดข้อมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และเรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี โดยมักไม่พบลักษณะอักเสบ (บวมแดงร้อน) ของข้อชัดเจน และไม่มีไข้ อาการปวดข้อมักจะไม่รุนแรง จะปวดเวลามีการใช้ข้อและทุเลาเมื่อพัก

อาการข้อแข็งหรือข้อติด ขยับลำบาก มักเกิดขึ้นเวลาตื่นนอนตอนเช้า หรือเมื่อหยุดพัก ไม่ได้ใช้ข้ออยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งจะเป็นอยู่ไม่เกิน 30 นาที หลังจากมีการเคลื่อนไหวข้อก็จะทุเลาไปเอง

อาการปวดข้อและข้อติดมักจะเป็นเวลาอากาศเย็นชื้น หรืออากาศเปลี่ยนแปลง เนื่องจากแรงดันในข้อมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

นอกจากนี้ข้อที่เสื่อมแต่ละตำแหน่งยังมีลักษณะอาการเฉพาะดังนี้

    ข้อนิ้วมือเสื่อม ในระยะแรกจะมีอาการปวดและชาตามข้อ อาการปวดจะทุเลาไปได้เองภายใน 1 ปีหลังเริ่มมีอาการ และอาจกำเริบซ้ำหากมีการใช้ข้อมากเกิน นอกจากนี้มักเกิดปุ่มกระดูกที่ข้อต่อ เรียกว่า ปุ่มเฮเบอร์เดน (Heberden node) ซึ่งไม่มีอาการเจ็บปวด แต่อาจทำให้จำกัดการเคลื่อนไหวของข้อ และทำให้ดูไม่สวยงาม
    ข้อกระดูกสันหลังเสื่อม จะมีอาการปวดที่ต้นคอหรือปวดหลังตรงกระเบนเหน็บ และอาจมีอาการปวดร้าวลงมาที่แขนหรือขา (ดู "โพรงกระดูกสันหลังแคบ" และ "กระดูกคอเสื่อม")
    ข้อสะโพกเสื่อม มักมีอาการปวดสะโพก อาจปวดร้าวไปที่ขาหนีบ ก้น หรือเข่า เวลายืนหรือเดินนาน ๆ ขึ้นลงบันได และทุเลาเมื่อพัก ข้อสะโพกมีอาการติดขัดขยับได้ไม่เต็มที่
    ข้อเข่าเสื่อม (ซึ่งพบได้บ่อยในผู้หญิงอายุมากกว่า 50 ปี หรือคนอ้วน) อาจมีอาการที่เข่าเพียงข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างก็ได้ จะมีอาการปวดเข่าเวลาเคลื่อนไหว และทุเลาเมื่อพัก จะปวดมากเวลายืนหรือเดินนาน ๆ เดินขึ้นลงบันได หรือเวลางอเข่า (เช่น นั่งยอง ๆ คุกเข่า พับเพียบ ขัดสมาธิ ซึ่งทำให้ผิวข้อที่ขรุขระเบียดกันมาก เกิดอาการปวดจนบางครั้งไม่สามารถงอเข่าได้) บางครั้งอาจมีอาการปวดที่บริเวณต้นขาและน่อง เนื่องจากกล้ามเนื้อเกร็งตัว เวลาเคลื่อนไหวข้อเข่าจะมีเสียงดังกรอบแกรบ

เนื่องจากมีการเสียดสีของผิวข้อที่ขรุขระ หรือมีอาการติดขัดเนื่องจากปุ่มงอกที่หักหลุดเข้าไปขัดอยู่ในข้อ

ผู้ป่วยมักมีอาการข้อติดข้อแข็งหลังตื่นนอนตอนเช้า หรือนั่งหรือยืนอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ และหลังจากขยับข้อหรือลุกเดินอาการจะทุเลาไปภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที

ระยะแรกจะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ แล้วค่อย ๆ เป็นมากขึ้น จนในที่สุดจะปวดรุนแรงหรือปวดตลอดเวลา

เมื่อข้อเข่าเสื่อมรุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการขาโก่ง เดินไม่ถนัด เดินคล้ายขาสั้นข้างยาวข้าง เนื่องจากลงน้ำหนักไม่เต็มที่ หรือเอนตัวเพราะเจ็บเข่าข้างหนึ่ง บางรายเดินกะเผลกหรือโยนตัวเอนไปมา หรืออาจงอและเหยียดเข่าลำบาก บางรายอาจมีกล้ามเนื้อขาลีบลง

ในรายที่มีกล้ามเนื้อรอบเข่าอ่อนแรง ก็จะมีอาการเข่าอ่อนเข่าทรุด อาจทำให้พลัดตกหกล้มได้


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่ข้อกระดูกสันหลังเสื่อมรุนแรง อาจทำให้เกิดโพรงกระดูกสันหลังแคบ หรือกระดูกคองอกกดรากประสาท

ในรายที่ข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อมรุนแรง อาจทำให้เดินไม่ถนัด หรือเข่าอ่อน เข่าทรุด หกล้มได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ในรายที่เริ่มมีข้อเสื่อมระยะแรก อาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

เมื่อเป็นเรื้อรังมานาน อาจตรวจพบข้อขยับได้ไม่สุดหรือข้อติดขัด เวลาจับข้อ (เข่าหรือสะโพก) โยกไปมาจะได้ยินเสียงดังกรอบแกรบ

อาจพบปุ่มกระดูก (ปุ่มเฮเบอร์เดน) ที่ข้อนิ้วมือหลายนิ้ว หรืออาจคลำได้ปุ่มงอกที่ข้อเข่า

สำหรับข้อเข่าที่เสื่อมรุนแรง อาจพบขาโก่ง 2 ข้าง เดินกะเผลก บางครั้งอาจพบข้อบวมเนื่องจากมีน้ำอยู่ในข้อโดยไม่มีอาการอักเสบแดงร้อนร่วมด้วย (ถ้าข้อมีอาการบวม แดง ร้อน มักเกิดจากสาเหตุอื่น)

สำหรับข้อสะโพกเสื่อม อาจตรวจพบขา 2 ข้างยาวไม่เท่ากัน เนื่องจากข้อข้างที่เสื่อมเคลื่อนหลุดจากเบ้าสะโพก

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเอกซเรย์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้ามีอาการปวด ให้พักข้อที่ปวด (เช่น อย่าเดินมาก ยืนมาก หรือเดินขึ้นลงบันได นั่งเหยียดเข่าข้างที่ปวด อย่านั่งงอเข่า) และใช้น้ำแข็งหรือน้ำอุ่นจัด ๆ ประคบ ทานวดด้วยยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ถ้ายังปวดให้กินพาราเซตามอลบรรเทาเป็นครั้งคราว

ถ้ามีอาการปวดมาก จะให้กินยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ในขนาดต่ำสุด นาน 3-5 วัน ไม่ควรกินติดต่อกันนาน ๆ และควรระมัดระวังในการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุและผู้ที่เป็นโรคแผลเพ็ปติก ถ้าจำเป็นต้องใช้ยากลุ่มนี้ติดต่อกันหลายวัน จะให้ยาป้องกันโรคแผลเพ็ปติก เช่น โอเมพราโซล ครั้งละ 20 มก. วันละ 2 ครั้ง

2. พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้อาการปวดข้อกำเริบ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเข่า) เช่น ห้ามยกของหนัก หรือหาบน้ำ หิ้วน้ำ อย่ายืนนาน อย่านั่งคุกเข่า (นั่งถูพื้นหรือซักผ้า) นั่งพับเพียบ หรือขัดสมาธิ พยายามนั่งบนเก้าอี้หรือนั่งในท่าเหยียดเข่าตรง

เวลาสวดมนต์ ไหว้พระ ฟังเทศน์ หรือประกอบกิจทางศาสนา ควรหลีกเลี่ยงการนั่งงอเข่า ควรนั่งเก้าอี้หรือยืน

ควรหลีกเลี่ยงการนั่งซักผ้าในท่างอเข่า และการนั่งส้วมซึมแบบยอง ๆ ถ้าเป็นไปได้ควรใช้ส้วมชักโครก หรือใช้เก้าอี้เจาะช่องตรงกลางนั่งคร่อมบนส้วมซึม

หลีกเลี่ยงการเดินขึ้นลงบันได* ถ้าเป็นไปได้ควรย้ายห้องนอนลงมาชั้นล่าง

ถ้าพื้นบ้านมีการยกสูงต่างระดับกัน ทำให้เวลาเดินต้องงอเข่ามาก ก็ควรปรับให้เป็นระดับเดียว

ควรเปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ เช่น หลังจากนั่งทำงานนาน 1 ชั่วโมงควรพัก และลุกขึ้นเดินสัก 2-3 นาที หรือหลังจากยืนนาน ๆ ก็ควรนั่งพักสักครู่สลับกัน

ถ้าน้ำหนักมาก ควรลดน้ำหนักซึ่งจะช่วยให้อาการปวดทุเลาได้มาก

ในรายที่มีข้อเข่าหรือข้อสะโพกเสื่อม เวลาเดินควรใส่รองเท้าที่มีคุณสมบัติลดแรงกระแทกเพื่อลดการบาดเจ็บต่อข้อ

3. พยายามบริหารกล้ามเนื้อที่เคลื่อนไหวข้อให้แข็งแรง เช่น ถ้าปวดหลังก็ให้บริหารกล้ามเนื้อหลัง (ดู "โรคปวดกล้ามเนื้อหลัง") ถ้าปวดเข่าก็บริหารกล้ามเนื้อต้นขาส่วนหน้า

การฝึกกล้ามเนื้อควรเริ่มทำเมื่ออาการปวดทุเลาลงแล้ว ระยะแรกฝึกวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที จนรู้สึกกล้ามเนื้อแข็งแรงไม่เมื่อยง่าย จึงเพิ่มเป็นวันละ 3-5 ครั้ง

การบริหารกล้ามเนื้อเข่า เริ่มแรกไม่ต้องถ่วงด้วยน้ำหนัก ต่อไปค่อย ๆ ถ่วงน้ำหนัก (เช่น ถุงทรายหรือขวดน้ำใส่ถุงพลาสติกที่มีหูหิ้ว) ที่ข้อเท้าทีละน้อย จาก 0.3 กก. เป็น 0.5 กก. 0.7 กก. และ 1 กก. โดยเพิ่มไปเรื่อย ๆ ทุก 2-3 สัปดาห์ จนยกได้ 2-3 กก. ข้อเข่าก็จะแข็งแรงและลดอาการปวด ควรทำเป็นประจำทุกวัน

4. ผู้ป่วยที่มีอาการปวดเข่ามากหรือบ่อย หรือมีอาการเข่าอ่อน เข่าทรุด ควรใช้ไม้เท้า เครื่องพยุงหรือกายอุปกรณ์ช่วยเดิน และสร้างราวเกาะในบ้านและในห้องน้ำ เพื่อใช้เกาะเดินและพยุงตัวป้องกันการหกล้ม

5. ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 3-4 สัปดาห์ หรือบวมตามข้อ หรือมีอาการปวดร้าวหรือชาตามแขน (ร่วมกับปวดคอ) หรือขา (ร่วมกับปวดหลัง) จะทำการตรวจโดยการเอกซเรย์ดูการเปลี่ยนแปลงของข้อ หากสงสัยว่าเกิดจากโรคอื่น อาจต้องทำการตรวจเลือด และตรวจพิเศษอื่น ๆ เพิ่มเติม

ในรายที่ปวดรุนแรง แพทย์อาจให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ถ้ามีข้อห้ามใช้ยากลุ่มนี้แพทย์อาจให้ยาบรรเทาปวดอื่น ๆ เช่น ทรามาดอล อะมิทริปไทลีน เพื่อบรรเทาปวด

ในรายที่มีอาการข้อบวม แพทย์จะทำการดูดน้ำในข้อออก และอาจพิจารณาฉีดสเตียรอยด์เข้าในข้อเป็นครั้งคราว สามารถฉีดซ้ำได้ทุก 4-6 เดือน (ไม่ควรเกินปีละ 2-3 ครั้ง อาจทำให้กระดูกเสื่อมหรือสลายตัวเร็วขึ้น)

นอกจากนี้ แพทย์อาจให้การรักษาอื่น ๆ เช่น การทำกายภาพบำบัด, การฝังเข็ม, การให้กินยากลูโคซามีน (glucosamine) ซึ่งมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างกระดูกอ่อนที่ผิวข้อ, การฉีดสารไฮยาลูโรเนต (hyaluronate ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในน้ำในข้อ) เข้าในข้อ 1 ครั้ง/สัปดาห์ จำนวน 3-5 ครั้ง

วิธีเหล่านี้มีส่วนในการบรรเทาอาการปวดข้อ แต่มักจะกำเริบอีก และอาจต้องให้การรักษาเป็นระยะ ๆ ตามความรุนแรงของโรค

ในรายที่มีข้อเข่าเสื่อมรุนแรง จนไม่สามารถทำงานหรือทำกิจวัตรประจำวันได้เป็นปกติ หรือข้อเข่าผิดรูป เช่น ขาโก่ง โค้งงอ ซึ่งการรักษาด้วยวิธีใช้ยาต่าง ๆ ไม่ได้ผล แพทย์จะพิจารณาทำการผ่าตัดซึ่งมีอยู่หลายวิธี ซึ่งแพทย์จะเลือกให้เหมาะกับอายุ ความรุนแรง และลักษณะการใช้งานข้อเข่า เช่น การผ่าตัดโดยการใช้กล่องส่องเพื่อล้างข้อและซ่อมแซมผิวข้อ (arthroscopic larvage and debridement) ในผู้ป่วยที่เข่าเสื่อมไม่มาก, การผ่าตัดจัดแนวรับน้ำหนักของข้อเข่าใหม่ (osteotomy) ในผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 60 ปีที่ข้อเข่าผิดรูป, การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม (joint replacement) ซึ่งนิยมทำในผู้ป่วยที่ข้อเข่าเสื่อมรุนแรงหรือผิดรูปมาก

สำหรับข้อสะโพกเสื่อมก็มีการผ่าตัดจัดแนวรับน้ำหนักใหม่ และการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม

การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมช่วยให้ผู้ป่วยหายปวด สามารถเคลื่อนไหวข้อและเดินได้เป็นปกติ ในปัจจุบันมีการพัฒนาข้อเข่าเทียมที่สามารถงอเหยียด และเคลื่อนไหวข้อเข่าได้ใกล้เคียงกับข้อเข่าจริง ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนคนที่แข็งแรงทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ก็ต้องระวังดูแลข้อเข่าเทียม โดยไม่ใช้งานหนักเกิน หลีกเลี่ยงการยกของหนักเป็นเวลานาน ๆ การแบกหาม การเดินไกล ๆ และการงอเข่ามาก ๆ และควรควบคุมน้ำหนัก มิเช่นนั้นข้อเข่าเทียมก็อาจชำรุดและใช้งานไม่ได้ในเวลาที่สั้นกว่าควรจะเป็น (ปกติข้อเข่าเทียมมีอายุการใช้งานประมาณ 8-15 ปี)

*หากจำเป็นต้องขึ้นลงบันได สำหรับผู้ที่มีอาการปวดเข่าข้างเดียว เวลาเดินขึ้นบันได ให้เดินขึ้นทีละขั้น โดยก้าวขาข้างที่ปกติขึ้นก่อน แล้วยกขาข้างที่ปวดขึ้นตามไปวางบนขั้นที่ขาปกติวางอยู่ อย่าก้าวข้ามไปอีกขั้นหนึ่ง ส่วนขาลง ก็ก้าวขาข้างที่ปวดลงก่อน แล้วก้าวขาข้างที่ปกติตาม การก้าวขึ้นลงบันไดทีละขั้นแบบนี้ ขาข้างที่ปวดจะไม่มีการงอเข่า จึงลดอาการปวดลงได้

การดูแลตนเอง

ถ้ามั่นใจ หรือได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นข้อเข่าเสื่อม ควรดูแลตนเอง ดังนี้   

    กินยาบรรเทาปวดตามคำแนะนำของแพทย์
    ใช้น้ำอุ่นจัด ๆ หรือน้ำแข็งประคบ
    หลีกเลี่ยงอิริยาบถที่ทำให้ปวดข้อ (เช่น นั่งงอเข่า เดินขึ้นลงบันได หรือบนพื้นต่างระดับ)
    บริหารกล้ามเนื้อรอบ ๆ ข้อให้แข็งแรง
    ลดน้ำหนักถ้าน้ำหนักเกินหรืออ้วน
    หลีกเลี่ยงการซื้อยาชุดหรือยาลูกกลอนมาใช้เอง เนื่องจากมักมียาสเตียรอยด์ผสม เมื่อกินแล้วจะรู้สึกดี ทำให้ต้องกินติดต่อกันนาน ๆ จนอาจเกิดผลข้างเคียงร้ายแรงจากสเตียรอยด์

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้

    มีอาการไข้สูง ปวดข้อมาก หรือข้อมีลักษณะบวมหรืออักเสบ (บวมแดงร้อน)
    มีอาการเดินไม่ถนัด
    ดูแลตนเอง 1-2 สัปดาห์แล้วไม่ทุเลา หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
    หลังกินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายอุจจาระดำ ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

การป้องกัน

สำหรับข้อเข่าเสื่อม อาจลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้โดย

1. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ อย่าปล่อยให้มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคนี้

2. หลีกเลี่ยงการนั่งงอเข่านาน ๆ และการยกหรือหาบของหนักเป็นประจำ

3. บริหารกล้ามเนื้อรอบเข่าให้แข็งแรง

4. ออกกำลังกายที่ไม่ลงน้ำหนักมาก เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน เป็นต้น และรู้จักป้องกันไม่ให้ข้อบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย เช่น มีการอุ่นเครื่อง (วอร์มอัป) และผ่อนคลายร่างกาย (คูลดาวน์) ก่อนและหลังออกกำลังกาย ใส่รองเท้าที่ลดแรงกระแทก หลีกเลี่ยงการวิ่งบนพื้นที่แข็ง เป็นต้น


ข้อแนะนำ

1. โรคข้อเสื่อมแม้ว่าจะพบบ่อยในผู้สูงอายุ ปัจจุบันเชื่อว่ามีปัจจัยที่ทำให้ข้อเสื่อมร่วมกันหลายประการ ไม่ใช่เกิดจากการใช้งานมากหรือเสื่อมตามอายุเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ผู้ที่มีภาวะข้อเสื่อมจำนวนไม่น้อย (ซึ่งตรวจพบจากภาพถ่ายรังสี) จะไม่มีอาการแสดง ซึ่งไม่จำเป็นต้องให้การรักษาใด ๆ

2. โรคนี้จะเป็นเรื้อรังตลอดไป ซึ่งจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไปเป็นเวลาหลายปี และถ้าขาดการดูแลรักษาก็จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนมีอาการปวดรุนแรงหรือปวดตลอดเวลา หรือข้อผิดรูป

3. ยาที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นยาบรรเทาอาการปวด ไม่ใช่ยารักษาเฉพาะ (ไม่ได้ช่วยให้ข้อที่เสื่อมฟื้นคืนปกติ) ควรเริ่มใช้ยาทาแก้ปวดข้อดูก่อน ถ้าไม่ได้ผลใช้พาราเซตามอลเป็นครั้งคราวเฉพาะเวลามีอาการปวด ถ้าไม่ได้ผลจึงเปลี่ยนเป็นยาบรรเทาปวดอื่น ๆ เช่น ทรามาดอล อะมิทริปไทลีน เป็นต้น

4. ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ แพทย์จะใช้ยากลุ่มนี้ในรายที่อาการปวดรุนแรงหรือใช้ยาอื่นไม่ได้ผล และไม่ควรใช้ติดต่อกันนาน อาจมีผลข้างเคียงร้ายแรงได้ เช่น แผลเพ็ปติก เลือดออกในกระเพาะ ไตวาย

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ชนิดฉีดโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดภาวะช็อกจากปฏิกิริยาอะไฟแล็กตอยด์ (anaphylactoid reaction) หรือการติดเชื้อที่กล้ามเนื้อและเส้นเอ็น (myofasciitis) ได้

5. ผู้ป่วยสามารถออกกำลังกายที่ไม่ลงน้ำหนักมาก เช่น เดินเร็ว ๆ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน รำมวยจีน ฝึกโยคะเป็นต้น แต่ควรใส่รองเท้าที่มีคุณสมบัติลดแรงกระแทก

34
รู้จัก AVATR 11 จาก Changan เอสยูวีคูเป้รถยนต์ไฟฟ้า 100% เตรียมเปิดตัวในไทย

AVATR 11 เอสยูวีคูเป้ไฟฟ้า 100% จาก Changan เตรียมเปิดตัวในไทยภายในเดือน กันยายน นี้ พร้อมให้ไปสัมผัสตัวจริงกันใน งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024 ที่กำลังจะเกิดขึ้นปลายปีนี้
 
เมื่อไม่นานมานี้ Changan กางแผนธุรกิจในไทยสำหรับปี 2024 โดยเตรียมเปิดตัวแบรนด์ Avatr ภายในเดือน กันยายน นี้ รวมถึงรถรุ่นอื่น ๆ พร้อมขุมพลังที่หลากหลาย ทั้งไฟฟ้าล้วน BEV ไปจนถึง REEV
 
Avatr ถือเป็นแบรนด์ที่น่าจับตามอง เพราะนอกจากหน้าตาที่โฉบเฉี่ยวล้ำยุคแล้ว ยังมาพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยที่ได้รับการสนับสนุนโดย Huawei นอกจากนี้ Avatr ยังถูกวางตำแหน่งให้เป็นพรีเมียมแบรนด์ ซึ่งหากรวมกับราคาที่รถจีนมักจะทำให้เข้าถึงได้ง่ายแล้ว คงส่งผลต่อตลาดรถญี่ปุ่นระดับบนจนถึงรถยุโรประดับเริ่มต้นอย่างแน่นอน

คาดว่า รถรุ่นแรกจากแบรนด์ที่นำมาจำหน่ายในไทยคงหนีไม่พ้น Avatr 11 ซึ่งเป็นเอสยูวีไฟฟ้า 100% มาดูกันว่าสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับรถคันนี้จะมีอะไรบ้าง
 
Avatr คือแบรนด์ของใคร
Avatr 11 มีมิติตัวถังเท่าไหร่ คันประมาณไหน?
ภายนอก-ใน มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ขุมกำลังมีแบบไหน ชาร์จเร็วได้เท่าไหร่?
ราคาน่าจะเกิน 2 ล้านแน่นอน
 

Avatr คือแบรนด์ของใคร
 
Avatr ตั้งชื่อมาจากคำว่า Avatar ซึ่งแปลว่า กลับชาติมาเกิด เป็นแบรนด์ย่อยภายใต้ค่ายรถจากจีนอย่าง Changan โดยถือว่าเป็นแบรนด์หรู ก่อตั้งขึ้นในปี 2018 จากความร่วมมือกันระหว่าง Changan New Energy และ NIO แต่แล้ว NIO ก็ถอนความร่วมมือไปเนื่องด้วยปัญหาการเงิน ต่อมา CATL บริษัทแบตเตอรี่จึงเข้าร่วมทุนแทนด้วยหุ้น 17% ส่วน Changan ถือหุ้นที่ 40% ส่วนที่เหลือจะเป็นกองทุนต่าง ๆ
 
นอกจากนี้ยังมี Huawei เป็นซัพพลายเออร์หลัก ปัจจุบัน กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ Avatr จะมีเอสยูวี Avatr 11 และซีดานท้ายลาด Avatr 12
 

Avatr 11 มีมิติตัวถังเท่าไหร่ คันประมาณไหน?
 
มิติตัวถัง Avatr 11
ความยาว 4,880 มม.
ความกว้าง 1,970 มม.
ความสูง 1,601 มม.
ระยะฐานล้อ 2,975 มม.
 
รถคันนี้อยู่ภายใต้แพลตฟอร์มอีวี EP1 Platform โดย Avatr 11 ต้องการตีตลาด SUV ขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ หากพิจารณาจากขนาดของรถแล้วจะใกล้เคียงกับ HYPTEC HT และถือว่าใหญ่กว่า Xpeng G6 ที่เพิ่งเปิดตัวไปพอสมควร รวมถึงใหญ่กว่า Honda CR-V และ BYD Sealion 6 DM-i อีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว
 
ภายนอก-ภายใน มีอะไรน่าสนใจบ้าง
 
สำหรับภายนอกของ Avatr 11 มาพร้อมดีไซน์มินิมอลที่ดูสะอาดตา ในโมเดลปี 2024 จะมาพร้อมสีทองใหม่ที่เหลือบตามแสงที่ตกกระทบ ให้ความสวยงามที่ต่างกันไปในแต่ละมุม
 

ภายในของ Avatr 11 โมเดลปี 2024 มาพร้อมโทนสีขาว-ม่วง ตกแต่งด้วยขอบสีทอง เพื่อให้เข้ากับตัวถังสีทองใหม่ ให้ความหรูหรา ฝั่งคนขับมาพร้อมมาตรวัดดิจิทัลจอ LCD ขนาด 10.25 นิ้ว มีหน้าจออินโฟเทนเมนต์ตรงกลางขนาด 15.6 นิ้ว สามารถใช้ฟังก์ชันแบ่งหน้าจอ เพื่อแสดงระบบนำทาง เล่นเกม และรับชมวิดีโอ อีกทั้งยังแบ่งฟังก์ชั่นไปยังจอฝั่งผู้โดยสารด้านหน้า และรองรับการสั่งงานด้วยเสียงอีกด้วย
 

ภายในห้องโดยสารยังมาพร้อมระบบเสียง Meridian ลำโพง 25 ตำแหน่งทุกรุ่นย่อย พร้อมระบบเสียงแบบเซอร์ราวด์ 7.1.4 และเป็นรถที่มีแพลตฟอร์มขยายเสียง PA3 DSP ซึ่งมีกำลังขับ 2016W เป็นครั้งแรกของจีนด้วย
 
สำหรับเบาะนั่งของ Avatr 11 ใหม่ ปรับมาใช้หนัง full-grain semi-aniline ให้ความนุ่มกว่าเดิมและระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงทุกรุ่นยังมาพร้อมเบาะนั่งด้านหน้าแบบ Zero-Gravity และเบาะด้านหลังมีระบบระบายอากาศและฟังก์ชันอุ่นเบาะอีกด้วย

 
ส่วนด้านเทคโนโลยีการขับขี่ Avatr 11 โมเดลล่าสุด มีระบบป้องกันการชนรอบด้าน ผ่านเซนเซอร์ทั้งหมด 34 จุด ประกอบด้วย ระบบ AEB/GAEB ด้านหน้า, ระบบ ELKA/LOCP ด้านข้าง และ ระบบ RAEB ด้านหลัง
 
รวมถึงมีการป้องกันการชนกันของสิ่งกีดขวางด้านข้าง (LOCP) ใหม่ที่ทำงานโดย เครือข่าย GOD 2.0 Neutral Network เพื่อเพิ่มความครอบคลุมของระบบและความสามารถในการป้องกันได้มากขึ้น ส่งผลให้การขับขี่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
 

ขุมกำลังมีแบบไหน ชาร์จเร็วได้เท่าไหร่?
 
สำหรับขุมพลังของ Avatr 11 หากอ้างอิงสเปคจีนจะมาพร้อมระบบขับเคลื่อน DriveONE จาก Huawei ประกอบด้วย 4 รุ่นย่อย
 
630 RWD มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 90 kWh วิ่งไกล 630 กม. (CLTC) 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.6 วินาที
580 AWD มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 578 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 90 kWh วิ่งไกล 580 กม. (CLTC) 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.98 วินาที
730 RWD มอเตอร์เดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลังสูงสุด 313 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 116 kWh วิ่งไกล 730 กม. (CLTC) 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.9 วินาที
700 AWD มอเตอร์คู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้กำลังสูงสุด 578 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ 116 kWh วิ่งไกล 700 กม. (CLTC) 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที
 
ทุกรุ่นย่อยสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 200 กม./ชม.
 
สำหรับการชาร์จ มาพร้อมระบบชาร์จเร็ว 750V รองรับหัวชาร์จ CCS Combo Type 2 สามารถชาร์จ AC ความเร็วสูงสุด 11 kW และ DC รองรับสูงสุด 240 kW จากแบตเตอรี่ 0-80% เร็วสุดภายใน 25 นาที พร้อมรองรับระบบ V2L จ่ายไฟฟ้าให้อุปกรณ์ภายนอก สูงสุด 3.3 kW
 

ราคาเกิน 2 ล้านแน่นอน
 
Avatr 11 โมเดลปี 2024 จำหน่ายในจีนด้วยราคาตั้งแต่ 300,800 – 390,800 หยวน หรือตั้งแต่ 1.4 – 1.8 ล้านบาท ซึ่งหากจำหน่ายในไทยจะต้องมีต้นทุนเพิ่มเติม ราคาจึงน่าจะพุ่งไปแตะ 2 ล้านบาทแน่นอน แต่อย่าลืมว่ารถคันนี้คือ SUV ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และเป็นรถระดับพรีเมียมตาม position ของแบรนด์
 
ดังนั้น ด้วยขนาด เทคโนโลยี และความพรีเมียมที่ให้มาก็นับว่าคุ้มค่าอยู่พอสมควร เรามารอดูกันว่าในเดือน กันยายน นี้ Avatr 11 สเปคไทยจะเป็นอย่างไร หรือไม่ก็รอไปสัมผัสตัวจริงพร้อมโปรโมชันกันที่งานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2024

35
ภาวะแทรกซ้อนของ โรคไต

ไตวาย
ไตวายเฉียบพลันอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะน้ำท่วมปอด อาการเจ็บหน้าอกจากของเสียที่คั่งอยู่ในกระแสเลือด กล้ามเนื้ออ่อนแรงจากการขาดสมดุลของสารต่าง ๆ ในร่างกาย ไตถูกทำลายอย่างถาวร หากได้รับการรักษาที่ล่าช้า และอาจกลายเป็นไตวายเรื้อรังได้

ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากไตวายเรื้อรัง ได้แก่ ภาวะกระดูกพรุน โรคโลหิตจาง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น

ไตอักเสบ
การอักเสบของไตอาจสร้างความเสียหายและส่งผลให้เกิดของเหลวส่วนเกินสะสมอยู่ตามอวัยวะส่วนอื่น ๆ ภายในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนขึ้นได้ เช่น ความดันโลหิตสูง โปรตีนรั่วในปัสสาวะ กลายเป็นโรคไตเรื้อรัง หรือไตวายเฉียบพลัน เป็นต้น

กรวยไตอักเสบ
กรวยไตอักเสบหากไม้ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมอาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง เกิดแผลเป็นหรือฝีในไต และเกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้ โดยกรวยไตอักเสบชนิดเฉียบพลันอาจนำไปสู่การเกิดกรวยไตอักเสบชนิดเรื้อรังได้เช่นกัน ซึ่งอาจทำให้ไตเสียหายอย่างถาวร หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมทันท่วงที

นิ่วในไต
หากนิ่วในไตที่มีขนาดใหญ่เคลื่อนจากไตไปสู่ท่อไตหรือไปปิดกั้นการไหลของปัสสาวะ อาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน เช่น ท่อปัสสาวะอุดกั้นจนนำไปสู่การติดเชื้อ และอาจเกิดการบาดเจ็บที่ไตจนมีภาวะไตวาย


การวินิจฉัย โรคไต

นอกจากอาการที่ปรากฏ แพทย์อาจตรวจการทำงานของไตเพื่อหาความผิดปกติต่าง ๆ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

    ตรวจเลือด เพื่อตรวจระดับของเสียในเลือดอย่างสารครีอะตินิน ตรวจอัตราการกรองของเสียออกจากเลือดของไต ตรวจหาการติดเชื้อ และตรวจหาแคลเซียมหรือกรดยูริคในกรณีที่สงสัยว่าเป็นสาเหตุของนิ่วในไต
    ตรวจปัสสาวะ เพื่อตรวจระดับสารอัลบูมินและครีอะตินิน โปรตีน เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว หรือเชื้อแบคทีเรียที่ปนอยู่ในปัสสาวะ
    ตรวจจากภาพถ่าย ตรวจลักษณะ การอุดตัน และการทำงานของไตด้วยการเอกซเรย์ อัลตราซาวด์ CT Scan หรือ MRI Scan
    ตรวจชิ้นเนื้อ ในบางกรณีแพทย์อาจใช้เข็มเจาะนำตัวอย่างเซลล์เนื้อเยื่อไตไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์

36
จัดฟันบางนา: วิธีการดูแล หลังจากการปลูกกระดูกฟัน !

การรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม ถือเป็นการรักษาที่ได้รบความนิยมมากที่สุด สำหรับการแก้ไขปัญหาในเรื่องของการทดแทนฟันธรรมชาติ ซึ่งวิธีการรักษานั้น ถือว่าเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ได้ผลดีและมีการใช้งานมีเสมือนฟันธรรมชาติมาก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในการรักษาด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้ารับการรักษาได้ ก่อนที่ผู้เข้ารับการรักษาจะเข้ารับการฝังรากฟันเทียมนั้นจะต้องเข้ารับคำปรึกษาจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเสียก่อน เพื่อตรวจสภาพช่องปากและให้ข้อมูลเบื้องต้นก่อนเข้ารับการรักษา


เพื่อที่ทันตแพทย์จะได้ประเมินว่า ผู้เข้ารับการรักษาสามารถเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทยมได้หรือไม่ หรือควรที่จะเข้ารับการฝังรากฟันเทียมในจุดใดบ้าง และจุดบริเวณที่จะต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมมีกระดูกขากรรไกรที่สามารถรองรับรากฟันเทียมได้หรือไม่ เพราะจุดที่สูญเสียฟันธรรมชาติไปนั้น โดยปกติแล้ว ฟันเราจะฝังอยู่ในกระดูกเบ้าฟัน ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการถอนฟันหรือเกิดการสูญเสียฟันธรรมชาติไปเนื่องจากสาเหตุใดก็ตาม กระดูกจะมีการสลายเกิดขึ้น และหากปล่อยไว้นานๆ กระดูกบริเวณที่ถอนฟันไปแล้วนั้น จะฝ่อตัวหรือยุบตัวลงไปเรื่อยๆ และจะต้องทำการปลูกกระดูกฟันก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม เพื่อให้ผลการรักษามีอัตราความสำเร็จมากขึ้น รวมไปถึงป้องกันการเกิดปัญหาเกี่ยวกับรากฟันเทียมและปัญหาสุขภาพช่องปากในระยะยาว


การปลูกกระดูกฟันนั้นมีการนำกระดูกหลายชนิดเพื่อนำมาใช้ปลูกถ่ายในกระดูกขากรรไกร ขึ้นอยู่ทันตแพทย์ว่าจะใช้กระดูกชนิดใดให้กับผู้เข้ารับการรักษา แต่กระดูกของผู้เข้ารับการรักษาเอง ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะเป็นกระดูกจากผู้เข้ารับการรักษาเอง ซึ่งสามารถเข้ากับเนื้อเยื่อของผู้เข้ารับการรักษาได้ดีอยู่แล้ว และยังป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งปลอดภัยมากสำหรับผู้เข้ารับการรักษา ซึ่งการปลูกกระดูกฟันนั้น สามารถทำการฝังรากฟันเทียมพร้อมกันได้เลยทันที แต่ในกรณีที่ผู้เข้ารับการรักษามีการปลูกกระดูกฟันที่จำนวนไม่มากนัก

แต่ในกรณีอื่นๆนั้น ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีการพักฟื้น เพื่อทำให้กระดูกมีความแข็งแรง มีความพร้อมที่จะเข้ารับการฝังรากฟันเทียม ซึ่งวิธีการดูแลรักษาและการปฏิบัติตัว ภายหลังจากการปลูกกระดูกฟัน ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัดเช่นกัน เพื่อป้องกันการเกิดการติดเชื้อ หรืออักเสบบริเวณบาดแผลภายในช่องปาก ภายหลังจากการผ่าตัดปลูกกระดูกฟัน ผู้เข้ารับการรักษาควรรับประทานอาหารเหลวหรืออาหารอ่อน ไม่ดูดหลอดจนแผลที่ได้จากการผ่าตัดจะหายดี ภายใน 24 ชั่วโมงแรกภายหลังการผ่าตัด ในขณะที่ผู้เข้ารับการรักษายังพักฟื้นอยู่ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถดื่มน้ำและอาหารเหลวได้ตามปกติ และลุกปัสสาวะได้ปกติ แต่ควรระมัดระวังการกระทบกระเทือนถึงบาดแผลจากการผ่าตัดด้วย

ในบางกรณีผู้เข้ารับการรักษาบางรายอาจจำเป็นต้องพักในโรงพยาบาลมากกว่า 1 วัน เพราะต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และผู้ป่วยต้องดูแลรักษาความสะอาดภายในช่องปากอย่างดีด้วย

ผู้เข้ารับการรักษาจะได้รับยาระงับปวดเพื่อลดอาการปวดแผลผ่าตัด โดยมากมักเป็นยาที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ซึ่งการดูแลตัวเองภายหลังจากการผ่าตัดปลูกกระดูกฟันนั้น ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องดูแลตัวเองให้ดีเป็นพิเศษ ระมัดระวังเรื่องของรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ในขณะที่บาดแผลยังไม่สมานตัว รวมไปถึงในระยะเวลาช่วยของการพักฟื้นภายหลังจากการรักษาด้วยการผ่าตัดฝังรากฟันเทียมด้วย

รวมไปถึงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ก็ควรที่หลีกเลี่ยงอย่างเด็ดขาด เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้แผลหายช้า และทำให้เลือดไหลไม่หยุด ทั้งยังส่งผลต่อรากฟันเทียมและบาดแผลภายหลังจากการผ่าตัดมาก เพราะฉะนั้นผู้เข้ารับการรักษาควรจะงดสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันการอักเสบหรือการติดเชื้อภายหลังจากการผ่าตัดทั้งการปลูกกระดูกและการฝังรากฟันเทียมด้วย

37
รถยนต์ใหม่ 2024 โตโยต้า Toyota Revo Standard 4X2 2.4 Entry ปี 2024
624,000 บาท 

โตโยต้า Toyota Revo Standard 4X2 2.4 Entry ปี 2024
Toyota Hilux Revo Standard 4X2 2.4 Entry เหมาะสำหรับใช้งานบรรทุกหนักเป็นหลัก เช่น กลุ่มธุรกิจที่เพื่อการขนส่ง (Logistics) และเกษตรกร ได้รับการออกแบบมาเพื่อการบรรทุกอย่างแท้จริง ประหยัดน้ำมัน รวมถึงระบบช่วงล่างที่แข็งแกร่งรองรับน้ำหนักบรรทุกได้อย่างดีเยี่ยม สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ากลุ่มธุรกิจได้ในทุกมิติจากผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์           Toyota
   รุ่น               โตโยต้า Toyota Revo Standard 4X2 2.4 Entry ปี 2024
   ประเภทรถ      รถกระบะ 2 ประตู (ตอนเดียว)
   ปีที่เปิดตัว      2024
   ราคา           624,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (กระจังหน้าสีดำ)
ไฟหน้ามัลติรีแฟลกเตอร์ (ฮาโลเจน)
ล้อกระทะ (15นิ้ว พร้อมฝาครอบดุมล้อ)
เสาอากาศ (แบบสั้น)
ขนาดยางหน้า-หลัง (205/70 R15C)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (คอนฌซลหน้า สีดำเมทัลลิก แผงประตูข้างบุผ้าสีดำ)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์ (1 จุด)
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
ภายในโทนสีดำ

สเปค
   เครื่องยนต์                 2GD-FTV, 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์

   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)     2,393 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)  150 แรงม้า
   ระบบเกียร์                   เกียร์ธรรมดา 6MT
   รูปแบบเกียร์
   ระบบเบรค ABS           มี (พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD)
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง    ดีเซล
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)     80 ลิตร
   ระบบจ่ายน้ำมัน            หัวฉีดไดเร็คอินเจคชั่น คอมมอนเรล (แบบ i-ART)
   น้ำหนักตัวรถ                  -
   ประเภทยางรถยนต์          -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน             ขับเคลื่อนล้อหลัง

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ตัวถังนิรภัย (GOA)
เซ็นทรัลล็อค (แบบ Speed Auto Lock)
กุญแจรีโมท (Jack Knife Key)
กุญแจนิรภัย (ระบบ Immobilizer)
ไฟเบรกดวงที่ 3 (แบบ LED)
เข็มขัดนิรภัย (คู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ)
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย

38

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







39
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม

โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


40
มอเตอร์โชว์: Tesla เรียกคืนรถกว่า 2 ล้านคันในสหรัฐฯ เพราะฝากระโปรงหน้าอาจเด้งขึ้นมาเองระหว่างขับขี่!

เราอาจจะขบขันกับซีนขับรถไล่ล่ากันในภาพยนตร์แล้วฝากระโปรงหน้าของรถคันใดคันหนึ่งเด้งขึ้นมาทำให้รถชน แต่ในชีวิตจริงไม่มีใครอยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะเจ้าของรถ Tesla กว่า 2 ล้านคัน ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นระหว่างขับรถ
 
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สำนักงานความปลอดภัยการจราจรบนทางหลวงแห่งสหรัฐ หรือ NHTSA ประกาศเรียกคืนรถยนต์ Tesla จำนวน 1,849,638 คัน เพราะซอฟท์แวร์ทำงานผิดพลาด
 

รถไม่เตือนว่าฝากระโปรงหน้าเปิดอยู่
 
รายงานของการเรียกคืนครั้งนี้ระบุว่า “หลังจากที่ลูกค้าเปิดฝากระโปรงหน้ารถแล้ว ชุดสลักอาจไม่สามารถตรวจได้ว่าฝากระโปรงเปิดอยู่ ตัวรถจึงไม่สามารถเตือนผู้ขับขี่ได้จนมีการขับรถออกไป”
 
จากนั้นรายงานก็ได้เตือนว่า “การขับรถออกไปโดยที่รถไม่ได้เตือนอาจส่งผลให้ฝากระโปรงเปิดขึ้นมาและบดบังการมองเห็นของผู้ขับขี่ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ”

 
อัพเดทซอฟท์แวร์ก็หาย
 
รายงานดังกล่าวระบุว่า ปัญหานี้จะแก้ได้ด้วยการอัพเดทซอฟท์แวร์แบบ OTA ดังนั้น และประเมินว่ามีเพียง 1% ของรถที่เรียกคืนเท่านั้นที่จะเกิดปัญหาที่ตัวสลักโดยตรง เจ้าของรถควรอัพเดทเฟิร์มแวร์ของรถให้อยู่ที่ 2024.20.3 หรือใหม่กว่านั้น
 
 
อาจเกิดจาก “สลักฝากระโปรงผิดรูป” ทำให้ระบบเตือนไม่ได้
 
Tesla พบปัญหาดังกล่าวจากการร้องเรียนของลูกค้าชาวจีนหลายรายจาก “เหตุการณ์ฝากระโปรงเปิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ” โดยเทสล่าค้นพบสาเหตุว่าเกิดจากความผิดรูปของสลักฝากระโปรงหน้าของรถ ซึ่งทำให้ลูกค้าไม่ได้รับแจ้งเตือนว่าฝากระโปรงหน้ารถกำลังเปิดอยู่

รถ Tesla ที่ถูกเรียกคืน
 
การเรียกคืนครั้งนี้ส่งผลครอบคลุมรถ Tesla ในสหรัฐฯ หลายรุ่นดังนี้
Tesla Model S ที่ผลิตตั้งแต่ 26 ม.ค. 2021 - 15 ก.ค. 2024
Tesla Model X ที่ผลิตตั้งแต่ 18 ส.ค. 2021 - 15 ก.ค. 2024
Tesla Model 3 ที่ผลิตตั้งแต่ 21 ก.ย. 2020 - 2 มิ.ย. 2024
Tesla Model Y ที่ผลิตตั้งแต่ 9 ม.ค. 2020 - 15 ก.ค. 2024

41
ขนส่งเน้นบริการ รถกระบะรับจ้าง แถวรัชดา เรียกใช้ง่ายถึงหน้างานไว

ขนส่งเน้นบริการ รถรับจ้างแถวรัชดา เรียกใช้บริการ รถกระบะรับจ้างรัชดา ของผมได้นะครับ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีเพียงเฉพาะรถกระบะอย่างเดียวเท่านั้น ทางทีมงานของเขายังมี รถ6ล้อรับจ้างรัชดา รถสิบล้อรับจ้างแถวรัชดา รถเฮี๊ยบรับจ้างแถวรัชดา รถรับจ้าง 4 ล้อใหญ่แถวรัชดา และ รถรับจ้างขนย้ายบ้านแถวรัชดา และอื่นๆอีกมากมาย

ดูเพื่อนเคยใช้มาแล้วบริการดีมากๆพูดจาสุภาพมาก ตอนแรกที่ใช้บริการเจ้านี้ก็ได้จากเพื่อนต่อเพื่อนแนะนำมาเช่นเดียวกัน จึงได้กล้าที่จะลองใช้บริการ หลังจากนั้นฉันก็เลยโทรกลับไปสอบถามเพื่อจะใช้บริการ รถกระบะรับจ้างขนของ รายนี้ดู เป็นไปอย่างที่เพื่อนพูดมากเลยเขาพูดจาสุภาพมาก มีความเป็นมืออาชีพ รู้ว่าสินค้าควรจะจัดเรียงอย่างไรให้คำแนะนำดีมากต้องขึ้นของยังไงเราต้องมีการเตรียมจัดแจ้งเข้าของก่อนที่ผู้ให้บริการจะเข้าไปถึงอย่างไรบ้าง

ขอแนะนำและสอนเราเป็นอย่างดีและราคาก็ถือว่าไม่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นซึ่งเราไม่รู้จัก จึงได้ตัดสินใจที่จะเลือกใช้บริการรถกระบะรับจ้างรายนี้

เพื่อนๆคนไหนที่ใช้บริการ รถรับจ้างขนของแถวรัชดา แล้วรู้สึกไม่ประทับใจบ้างค่ะ เช่น รถขนของ อาจจะมาล่าช้ากว่ากำหนดรถรับจ้างมีขนาดที่เล็กเกินไปหรือ รถรับจ้าง เก่าเกินไป ซึ่งเพราะอ่านในกระทู้ของ Pantip ก็รู้สึก กลัวเหมือนกันว่าจะโดนแบบนั้น

เพราะที่ผ่านมาก็เคยเจอประสบการณ์เช่นนี้มาเหมือนกัน จนมาวันหนึ่งตอนนั้นต้องการที่จะ ขนย้ายคอนโดแถวรัชดา ย้ายไปที่คอนโด แถวสุขุมวิท เนื่องจากต้องย้ายงาน ก็เริ่มที่จะหนักใจอีกครั้งในการที่ขนย้ายของและเรียกใช้บริการ รถขนของแถวรัชดา

ตอนนั้นคิดไม่ออกไม่รู้จะถามใครก็เลยโทรมาสอบถามเพื่อนที่พึ่งย้ายของเช่นเดียวกันเพื่อนจึงได้แนะนำผู้ให้บริการ รถกระบะรับจ้างแถวรัชดา รายหนึ่งให้ ซึ่งเพื่อนบอกว่า เขาให้บริการที่ดีมากมีคนช่วยยกของและราคาไม่แพงด้วย สินค้าของไม่มีเสียหาย และเพื่อนก็เลยบอกว่า ถ้าจะย้ายของไม่ต้องกังวลเรื่องราคา และกังวลว่าเค้าบริการจัดการสินค้าเราไม่ดี เพราะหากเลือกราคาถูกมากเกินไป เกิดสินค้าเราเสียหายหรือชำรุดก็ไม่คุ้มอยู่ดี ดังนั้นเรียกใช้บริการดีๆไปเลย แต่เพื่อนบอกว่าลองมาใช้บริการของทีมงาน

พอถึงวันที่จะทำการ ขนย้ายของ ด้วย รถรับจ้างขนของรัชดา รถขนของทั่วไป รายนี้ ก็มารอขึ้นของที่หน้าคอนโด ของเราตั้งแต่ 17.00 เขามาก่อนเวลาด้วยซ้ำมารอเราเขาบอกว่าเขาต้องมาเตรียมความพร้อม ไม่อยากให้ลูกค้าต้องมารอเขา ขอเป็นคนรอลูกค้าจะดีกว่า ทำให้เรารู้สึกประทับใจมากหลังจากนั้นก็ทำการขนย้ายของขนย้ายหอ โดยเราอยู่คอนโดชั้น 5

ลูกค้าก็จัดการขึ้นไปยกสินค้าให้กับเราได้เป็นอย่างดีโชคดีที่มีลิฟไม่งั้นคงเหนื่อยแน่ แต่ก็ไม่บ่นสักคำเขาก็ทำงานของเขาอย่างแข็งขัน เขามีคนมาช่วยยกเป็นอย่างดีโดยที่เราไม่ต้องเหนื่อยเลย ทั้งพนักงานยกของและพนักงานขับรถพูดจาสุภาพมากๆแล้วการจัดเรียงของก็มีการจัดเรียงเป็นอย่างดีมีใส่วัตถุกันกระแทกสำหรับสินค้าที่มีความเปราะหรือมีความเสี่ยงที่แตกให้กับเราด้วย ทำให้เรารู้สึกดีใจและประทับใจที่ได้ใช้ บริการรถนี่เป็นประสบการณ์ในการขนย้ายของกับผู้ให้บริการ รถรับจ้างแถวรัชดา รายนี้และต้องขอบคุณเพื่อนที่ช่วยแนะนำ

บริการรถกระบะรับจ้างไป ตจว
รถรับจ้างขนส่ง ให้กับทางเราซึ่งตอนแรกก็ยังมองไม่ออกว่า จะใช้บริการรถรับจ้างเจ้าไหนดี แต่พอได้มาใช้และเพื่อนแนะนำมาจึงเกิดความรู้สึกประทับใจและอยากจะแชร์บอกต่อสำหรับเพื่อนๆท่านใดที่ต้องการที่จะขน ย้ายบ้าน ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายคอนโด ย้ายหอพัก หรือขนย้ายสินค้าอื่น ลองโทรไปสอบถามราคาโปรโมนรชั่น หรือราคาเที่ยวกลับ เที่ยวเปล่า ลองดูนะคะ รับรองว่าถูกจริงๆคะ ที่เบอร์

 รับจ้างขนส่ง เป็นอย่างมาก พอขึ้นของเสร็จซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้ขนย้ายไปที่คอนโดแถวสุขุมวิท ซึ่งอยู่ชั้น 8 โชคดีที่สินค้าทุกรายการของเราสามารถเข้าลิฟได้ ถ้าเกิดเค้าไม่ได้คงต้องหนักพอสมควรที่จะต้องใช้เส้นทางประตูหนีไฟในการขนย้ายของ ลูกค้าก็ยกขึ้นมาให้และจัดเรียงสินค้าจนเสร็จเรียบร้อยดี

หลังจากนั้นเราก็ทำการจ่ายเงินส่วนที่เหลือ ลบจากค่ามัดจำให้กับ พนักงานขับรถเรียบร้อย เขายังบอกอีกว่าหากมีโอกาสคราวหน้า เขามีให้บริการรถรับจ้างทุกประเภทเลยก็ว่าได้ เราจึงบอกต่อไปว่าเรียกใช้แน่นอนค่ะบริการประทับใจจริงๆและราคาก็ไม่แพงด้วย หากมีโอกาสคราวหน้าได้ใช้รถที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะโทรหาทันทีนะคะ


42
สุขภาพดี: ระบบการเจริญพันธุ์แบบอัตโนมัติเทคโนโลยีสุขภาพที่น่าจับตามองในยุคนี้

ระบบการเจริญพันธุ์แบบอัตโนมัติเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยให้คู่รักที่มีปัญหาในการมีบุตร สามารถตั้งครรภ์ได้สำเร็จ เทคโนโลยีนี้ได้พัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาระบบเหล่านี้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อปรับปรุงสุขภาพสืบพันธุ์ โดยนำเสนอโซลูชันที่สร้างสรรค์สำหรับภาวะมีบุตรยาก การติดตามการตั้งครรภ์และความสมบูรณ์แข็งแรงของระบบสืบพันธุ์โดยรวม

บทความนี้จะเจาะลึกถึงความซับซ้อนของระบบสืบพันธุ์อัตโนมัติ ประโยชน์ของระบบเหล่านี้และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการดูแลสุขภาพ

ระบบสืบพันธุ์อัตโนมัติคืออะไร?

ระบบสืบพันธุ์อัตโนมัติประกอบด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือและปรับกระบวนการสืบพันธุ์ให้เหมาะสมที่สุด ระบบเหล่านี้ได้แก่ แพลตฟอร์มการปฏิสนธิในหลอดแก้วอัตโนมัติ (IVF) อุปกรณ์ติดตามการเจริญพันธุ์ และเครื่องมือติดตามการตั้งครรภ์ ระบบเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับปรุงอัตราความสำเร็จของการรักษาการสืบพันธุ์และมอบการดูแลแบบเฉพาะบุคคลให้กับบุคคลและคู่รัก โดยผสานรวมหุ่นยนต์ขั้นสูง ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร

วิธีการที่สามารถนำมาใช้ได้ เช่น
การปฏิสนธิในหลอดทดลอง (In Vitro Fertilization หรือ IVF): เป็นวิธีที่รู้จักกันแพร่หลายมากที่สุด โดยแพทย์จะนำไข่ออกมาจากรังไข่ของผู้หญิง และนำไปปฏิสนธิกับสเปิร์มของผู้ชายในห้องปฏิบัติการ จากนั้นจึงนำตัวอ่อนที่ได้ไปฝังกลับเข้าไปในมดลูกของผู้หญิง

การฉีดสเปิร์มเข้าไปในไซโทพลาสซึมของไข่ (Intracytoplasmic Sperm Injection หรือ ICSI): เป็นวิธีการที่ใช้เมื่อสเปิร์มของผู้ชายมีคุณภาพต่ำ โดยแพทย์จะนำสเปิร์มเพียงตัวเดียวมาฉีดเข้าไปในไข่โดยตรง

การเก็บรักษาเซลล์สืบพันธุ์: ทั้งไข่และสเปิร์มสามารถเก็บรักษาได้ด้วยวิธีแช่แข็ง เพื่อนำมาใช้ในภายหลัง หรือสำหรับคู่รักที่ต้องการเลื่อนการมีบุตรออกไป
เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องและแนวโน้มในอนาคต

ปัญญาประดิษฐ์ (AI): AI สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ เพื่อคาดการณ์ผลลัพธ์ของการรักษา และปรับแผนการรักษาให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้มากขึ้น

โรบอท: โรบอทสามารถทำหน้าที่ในการผ่าตัดที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำ และลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
เทคโนโลยีชีวภาพ: มีการพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างเซลล์สืบพันธุ์จากเซลล์ต้นกำเนิด ซึ่งอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาในการผลิตเซลล์สืบพันธุ์เองตามธรรมชาติ

ส่วนประกอบและเทคโนโลยีที่สำคัญ

แพลตฟอร์ม IVF อัตโนมัติ :
ความช่วยเหลือจากหุ่นยนต์ : แพลตฟอร์ม IVF อัตโนมัติใช้ระบบหุ่นยนต์เพื่อจัดการงานที่ละเอียดอ่อน เช่น การเก็บไข่ การฉีดอสุจิ และการถ่ายโอนตัวอ่อนด้วยความแม่นยำและชัดเจน

AI และการเรียนรู้ของเครื่องจักร : เทคโนโลยีเหล่านี้วิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อคาดการณ์เงื่อนไขที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปฏิสนธิและการพัฒนาตัวอ่อน ส่งผลให้เพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สำเร็จ


อุปกรณ์ติดตามการเจริญพันธุ์ :

เทคโนโลยีสวมใส่ได้ : อุปกรณ์ต่างๆ เช่น สร้อยข้อมือและแหวนอัจฉริยะจะตรวจสอบพารามิเตอร์ทางสรีรวิทยา เช่น อุณหภูมิร่างกายพื้นฐาน ระดับฮอร์โมน และรอบเดือน เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับช่วงเวลาการเจริญพันธุ์
แอปพลิเคชันมือถือ : แอปพลิเคชันมือถือที่บูรณาการเข้ากับอุปกรณ์สวมใส่จะเสนอคำแนะนำและการแจ้งเตือนส่วนบุคคล ช่วยให้ผู้คนติดตามสุขภาพสืบพันธุ์ของตนได้ง่ายขึ้น

เครื่องมือติดตามการตั้งครรภ์ :

เครื่องอัลตราซาวนด์อัจฉริยะ : อุปกรณ์เหล่านี้ให้ภาพความละเอียดสูงและการวิเคราะห์อัตโนมัติ ช่วยให้ตรวจพบภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ได้ในระยะเริ่มแรก

ระบบการตรวจสอบระยะไกล : เซ็นเซอร์ที่สวมใส่ได้และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อช่วยให้ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสามารถตรวจสอบสุขภาพของทั้งแม่และทารกในครรภ์ได้จากระยะไกล ทำให้มั่นใจได้ว่าจะมีการแทรกแซงอย่างทันท่วงทีเมื่อจำเป็น


ประโยชน์ของระบบสืบพันธุ์อัตโนมัติ

อัตราความสำเร็จที่เพิ่มขึ้น :

ระบบอัตโนมัติช่วยลดข้อผิดพลาดของมนุษย์และเพิ่มความแม่นยำของขั้นตอนการสืบพันธุ์ ส่งผลให้มีอัตราความสำเร็จที่สูงขึ้นในการรักษา เช่น IVF
การดูแลเฉพาะบุคคล :

ระบบเหล่านี้จะเสนอคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะกับแต่ละบุคคลโดยการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพแต่ละบุคคล ช่วยปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสุขภาพสืบพันธุ์โดยรวมให้ดีขึ้น


ความสะดวกสบายและการเข้าถึง :

อุปกรณ์สวมใส่และแอปพลิเคชันมือถือทำให้ผู้คนสามารถติดตามสุขภาพสืบพันธุ์ของตนได้ง่ายขึ้นจากบ้านของตนเอง ช่วยลดความจำเป็นในการไปคลินิกบ่อยครั้ง


การตรวจจับและการแทรกแซงในระยะเริ่มต้น :

เครื่องมือตรวจติดตามขั้นสูงช่วยให้ตรวจพบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ได้แต่เนิ่นๆ ทำให้สามารถดำเนินการแทรกแซงได้ทันท่วงทีและปรับปรุงผลลัพธ์ระหว่างมารดาและทารกในครรภ์ให้ดีขึ้น

ความท้าทายและข้อควรพิจารณา
แม้ว่าระบบสืบพันธุ์อัตโนมัติจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็ยังมีความท้าทายและข้อควรพิจารณาที่ต้องแก้ไขดังต่อไปนี้:

ค่าใช้จ่ายและการเข้าถึง :

ต้นทุนที่สูงของเทคโนโลยีขั้นสูงอาจจำกัดการเข้าถึงสำหรับบุคคลและคู่รักบางคู่ จำเป็นต้องพยายามทำให้ระบบเหล่านี้มีราคาถูกลงและเข้าถึงได้ทั่วไป
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล :

การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพที่ละเอียดอ่อนต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วยและป้องกันการละเมิดข้อมูล
ข้อกังวลด้านจริยธรรม :

การใช้ AI และการเรียนรู้ของเครื่องจักรในด้านสุขภาพสืบพันธุ์ทำให้เกิดคำถามทางจริยธรรมเกี่ยวกับการใช้ข้อมูล กระบวนการตัดสินใจ และความเสี่ยงต่อการเกิดอคติในการแนะนำการรักษา
แนวโน้มในอนาคต
อนาคตของระบบสืบพันธุ์อัตโนมัติมีความหวัง โดยมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านเทคโนโลยีและการวิจัย แนวโน้มใหม่ที่เกิดขึ้น ได้แก่ การพัฒนาอัลกอริทึม AI ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น อุปกรณ์สวมใส่ที่ได้รับการปรับปรุง และการบูรณาการบริการเทเลเฮลธ์มากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีเหล่านี้ยังคงพัฒนาต่อไป เทคโนโลยีเหล่านี้จึงมีศักยภาพที่จะปฏิวัติการดูแลสุขภาพสืบพันธุ์ ทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นส่วนตัวมากขึ้น และเข้าถึงได้มากขึ้น

ระบบสืบพันธุ์อัตโนมัติถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในเทคโนโลยีด้านสุขภาพ โดยนำเสนอโซลูชันที่สร้างสรรค์สำหรับความท้าทายด้านสุขภาพสืบพันธุ์ ระบบเหล่านี้มีศักยภาพในการปรับปรุงอัตราความสำเร็จ ให้การดูแลเฉพาะบุคคล และปรับปรุงสุขภาพสืบพันธุ์โดยรวม โดยอาศัยพลังของหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ และการเรียนรู้ของเครื่องจักร ในขณะที่เรายังคงสำรวจและปรับปรุงเทคโนโลยีเหล่านี้ต่อไป อนาคตของการดูแลสุขภาพสืบพันธุ์ดูสดใสกว่าที่เคย

43
จัดฟันบางนา: เคล็ดลับ “ระงับกลิ่นปาก” สัญญาณเตือนสุขภาพช่องปาก

เชื่อว่าหลายคนคงทราบกันดีว่า “กลิ่นปาก” นอกจากจะทำให้เสียบุคลิกแล้ว ยังถือว่ามีผลอย่างมากต่อการดำเนินชีวิตในการทำงาน เพราะ เมื่อต้องพูดคุยกับใครแล้วล่ะก็คู่สนทนาอาจจะไม่ค่อยอยากพูดคุยด้วยได้ ทำให้ผู้ที่มีกลิ่นปากถึงกับขาดความมั่นใจ และอาจจะส่งผลถึงโรคเครียดได้ก็มี ส่งผลกระทบต่อความสำพันธ์กับคนรอบข้างได้ด้วย นอกจากจะสร้างปัญหาเรื่องบุคลิกภาพแล้ว กลิ่นปาก ยังถือได้ว่าเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆในช่องปาก ที่คุณควรรีบแก้ไขอีกด้วย

ซึ่งในวันนี้จะขอพาคุณผู้อ่านทุกท่านมาทำความรู้จักกับต้นเหตุของกลิ่นปาก และวิธีแก้ไขเบื้องต้นเพื่อนำไปปรับใช้หากว่าคุณกำลังมีกลิ่นปาก ดังต่อไปนี้


ทดสอบว่ามีกลิ่นปากหรือไม่ ทำอย่างไร ?

– ใช้มือป้องปากและจมูกเอาไว้ แล้วพ่นลมหายใจออกจากปากพร้อมสูดลมหายใจเข้าจมูกโดยเร็ว เพื่อเช็คว่ามีกลิ่นปากหรือไม่

– เลียข้อมือแล้วดม หรือใช้นิ้วถูที่เหงือกแล้วลองเอามาดมก็สามารถเช็คกลิ่นปากได้

– บ้วนน้ำลายแล้วดม ต้องบอกก่อนว่าหลายคนคิดว่าน้ำลายมีกลิ่นซึ่งโดยปกติแล้วน้ำลายจะไม่มีกลิ่น นอกจากว่ามีการปนเปื้อนของเชื้อโรค หรือน้ำลายเดินทางผ่านนิ่วต่อมทอนซิล จึงทำให้มีกลิ่นเหม็นติดมาด้วย


กลิ่นปากเกิดขึ้นได้อย่างไร ?

ต้องขอบอกก่อนว่ากลิ่นปากนั้นเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยจะของแบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ นั่นก็คือ สาเหตุภายในช่องปาก และ สาเหตุนอกช่องปาก ดังต่อไปนี้

– สาเหตุจากภายในช่องปาก

อย่างที่ทราบกันดีว่ากลิ่นปากนั้น บ่งบอกว่าคุณกำลังมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติภายในช่องปาก โดยสาเหตุหลักๆภายในช่องปากที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก คือ ฟันผุ มีแผลในช่องปาก เป็นโรคเหงือกอักเสบ หรือมีอาการโรคภูมิแพ้ ซึ่งนอกจากโรคต่างๆที่กล่าวมานั้น ผู้ที่จัดฟัน หรือใส่ฟันปลอม หากดูแลไม่ดีก็ส่งผลให้เกิดกลิ่นปากจากเศษอาหารที่ติดตามอุปกรณ์ได้ด้วยเช่นกัน

– สาเหตุจากภายนอกช่องปาก

อีกสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปากและมักพบได้บ่อยนั่นก็คือ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ หรือ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ การรับประทานอาหารต่างๆที่มีกลิ่นแรง นอกจากนี้ยังเป็นสัญญาณของโรคอีกหลายโรคเช่น โรคไซนัสอักเสบ โรคทอนซิลอักเสบ โรคมะเร็งโพรงจมูก กรดไหลย้อน โรคเกี่ยวกับปอด รวมถึงโรคเบาหวาน โรคต่างๆเหล่านี้ก็ทำให้เกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน


วิธีระงับกลิ่นปากให้หมดไป !

ต้องของบอกก่อนว่าการระงับกลิ่นปากนั้นมีหลายวิธี ซึ่งมีทั้งดับที่ต้นเหตุเพื่อให้กลิ่นปากนั้นหายขาด หรือดับที่ปลายเหตุเพื่อให้กลิ่นปากหายไปชั่วคราวได้มีความมั่นใจในการดำเนินชีวิต โดยมีวิธีมากมายลองเลือกใช้ตามความเหมาะสมได้ ดังต่อไปนี้

– แปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร ดูแลสุขภาพช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ คือการกำจัดกลิ่นปากที่ได้ผลเป็นอย่างมาก

– ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อกำจัดเชื้อโรคต่างๆในช่องปาก เพราะ เชื้อโรคแบคทีเรียคือตัวร้ายทำให้เกิดกลิ่นปากเช่นกัน

– บ้วนน้ำเกลือหลังแปรงฟันเสร็จทุกครั้ง ก็สามารถช่วยลดกลิ่นปาก เพราะ เกลือจะทำให้เหงือกแข็งแรง

– ใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง หลังแปรงฟัน เพื่อกำจัดเศษอาหารที่อยู่ตามซอกที่แปรงสีฟันไม่สามารถเข้าไปถึง

– ทำความสะอาดลิ้นทุกวัน เพราะ ลิ้นถือว่ามีแบคทีเรียสะสมอยู่มาก และแบคทีเรียก็ช่วยทำให้เกิดกลิ่นปากได้นั่นเอง

– ขูดหินปูนทุก 6 เดือน เพราะหินปูนเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคชั้นดี และหินปูนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก

– รักษาแผลในช่องปาก เพราะแผลในช่องปากมักจะมีเชื้อโรคอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเมื่อรับประทานอาหารเสร็จให้ทำการบ้วนปากด้วยน้ำเกลือทุกครั้ง

– ดื่มน้ำเยอะๆ ก็สามารถช่วยบรรเทาอาการกลิ่นปากได้ เนื่องจากว่าหากปล่อยให้ปากแห้งความเข้มข้นของแบคทีเรียในช่องปากเพิ่มมากขึ้นทำให้เกิดกลิ่นปากนั่นเอง

– ดื่มน้ำมะนาว เนื่องจากว่า กรดซิตริกในมะนาวมีลักษณะคล้ายกับกรดในน้ำลาย ซึ่งมีส่วนช่วยในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้ และเมื่อรับประทานน้ำมะนาวแล้วควรดื่มน้ำเปล่าตาม หรือบ้วนปากทุกครั้ง เพราะ กรดชนิดนี้หากปล่อยไว้ในปากนานๆก็สามารถกัดกร่อนเนื้อฟันได้ด้วย

– เลิกสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่นอกจากจะทำให้เสียสุขภาพแล้ว ควันบุหรี่ยังสามารถตกค้างในช่องปาก ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเฉพาะตัวได้อีกด้วย

44
มอเตอร์เอ็กซ์โปร์ 2024: มิตซูบิชิ Mitsubishi Pajero Sport Prime 2WD ปี 2024
1,389,000 บาท 

มิตซูบิชิ Mitsubishi Pajero Sport Prime 2WD ปี 2024
Mitsubishi Pajero Sport Prime 2WD ไปสู่ทุกจุดหมายด้วยพลังการควบคุมที่เหนือระดับ มาพร้อมขุมกำลังใหม่ ไฮเปอร์พาวเวอร์ (Hyper Power) เครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล วีจี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ เทอร์โบ 4 สูบ ความจุ 2.4 ลิตร พร้อมหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์แบบคอมมอนเรลเจเนอเรชันใหม่ ทรงพลังและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยมาตรฐานไอเสียระดับยูโร 5 (Euro 5) สร้างพละกำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,250 – 2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติใหม่ ประสานการทำงานกับเครื่องยนต์ได้อย่างลงตัว

รถทดลองขับ รถผู้บริหาร ไมล์น้อย ราคาพิเศษ
1,429,000.-
ปกติ 1,699,000 บาท
รถป้ายแดง
Mitsubishi Pajero 4WD Elite Edition MY23
รถผู้บริหารไมล์น้อย ราคาพิเศษ
40 km
รถผู้บริหาร

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             Mitsubishi
   รุ่น                  มิตซูบิชิ Mitsubishi Pajero Sport Prime 2WD ปี 2024
   ประเภทรถ         รถอเนกประสงค์ SUV
   ปีที่เปิดตัว          2024
   ราคา              1,389,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง (บันไดข้างสีเงิน,กระจังหน้าสีดำและเงิน,แผงตกแต่งใต้กันชนหน้า-หลังสีเงิน)
สปอยเลอร์หลัง
ไฟตัดหมอก (หน้า LED และไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวแบบ LED)
ระบบควบคุมระยะการจอด (สัญญาณด้านหลัง)
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ไฟท้าย LED
ขนาดยางหน้า-หลัง (265/60 R18)
ไฟ Daytime Running Lights
ราวหลังคา (สีเงิน)
ยางอะไหล่สำรอง (จะให้เป็น ชุดซ่อมยางฉุกเฉิน)
ไฟหน้า LED (โปรเจคเตอรแบบ Bi-LED)
ล้ออัลลอย (18 นิ้ว)

   ภายใน
ตกแต่งภายใน (สีเงินและเปียโนแบล็ค)
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์ (2 ตำแหน่ง (กระแสตรง) 1 ตำแหน่งบริเวณคอนโซลกลางด้านหลัง (กระแสสลับ))
พวงมาลัยหุ้มหนัง
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้ (,เข้า-ออกได้)
กระจกมองหลังตัดแสง
พรมปูพื้น

สเปค
   เครื่องยนต์
4N16 (Hyper Power) แบบ 4 สูบแถวเรียง ดีเซล คอมมอนเรล เทอรโบแปรผัน อินเตอรคูลเลอร์ ให้กำลัง 184 แรงม้า ที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,250 – 2,500 รอบต่อนาที

   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)         2,442 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)      187 แรงม้า
   ระบบเกียร์                       เกียร์อัตโนมัติ
   รูปแบบเกียร์                     6 จังหวะ พร้อม Sport Mode และ Paddle Shift
   ระบบเบรค ABS                มี
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง         ดีเซล
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)         68 ลิตร
   ระบบจ่ายน้ำมัน                  คอมมอนเรล
   น้ำหนักตัวรถ                     -
   ประเภทยางรถยนต์              -
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                 ล้ออัลลอย (18 นิ้ว)
   ระบบขับเคลื่อน                ขับเคลื่อนล้อหลัง

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย 
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล)
ดิสก์เบรก 4 ล้อ
เซ็นทรัลล็อค (พร้อมสวิตช์ล็อคและปลดล็อค)
กุญแจรีโมท (KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์)
ล็อคประตูอัตโนมัติ (เมื่อรถมีความเร็ว)
ไฟเบรกดวงที่ 3 (LED)
ระบบป้องกันการโจรกรรม (พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (,ระบบเสริมแรงเบรก BA)
อุปกรณ์เสริมความปลอดภัยอื่นๆ (ระบบล็อกป้องกันการเปิดประตูหลังจากภายใน,ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว)
เข็มขัดนิรภัย
ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน
กล้อง (มองภาพรอบคัน พร้อมเส้นกะระยะและเส้นแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของรถ)
ระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (Brake Override System)
เทคโนโลยีช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HSA
เบรกมือไฟฟ้า (พร้อมระบบ Brake Auto Hold)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX ที่เบาะนั่งแถวที่ 2)

45
Mitsubishi Triton 2024: เตรียมพบกับ ALL-NEW TRITON ด้วยแชสซีส์ใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่อันทรงพลัง

พลิกโฉมทุกมิติ เฟรมใหม่ แชสซีส์ใหม่ เครื่องยนต์คลีนดีเซลสุดล้ำมลภาวะต่ำ จัดเต็มเทคโนโลยีความปลอดภัย อุ่นใจ เกาะถนนเยี่ยม พร้อมตะลุยทุกสภาวะ

มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า รถกระบะ 1 ตัน รุ่นใหม่ “ออล-นิว ไทรทัน” ซึ่งจะเปิดตัวรอบเวิลด์พรีเมียร์ในประเทศไทยวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ได้รับการออกแบบสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ทั้งคัน ปฏิวัติทุกอณู โดยใช้เฟรมหรือโครงรถแบบขั้นบันไดซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับ “ออล-นิว ไทรทัน” โดยเฉพาะ ทั้งยังประกอบด้วยแชสซีส์ใหม่ และเครื่องยนต์ใหม่อันทรงพลังด้วยเทคโนโลยีคลีนดีเซล ให้ขุมพลังแรงเร็วเต็มสมรรถนะโดยมีมลภาวะต่ำ พร้อมจัดเต็มเทคโนโลยีความปลอดภัย เพิ่มความอุ่นใจ เกาะถนนเป็นเลิศ พร้อมความสะดวกสบายในทุกที่นั่ง ให้คุณสามารถตะลุยทุกสภาพอากาศและทุกสภาพถนน โดยเปิดตัวคลิปพิเศษ! บอกเล่าแรงบันดาลใจในการออกแบบพัฒนา และการทดสอบสมรรถนะของรถปิกอัพ “ออล-นิว มิตซูบิชิ ไทรทัน” ในสภาวะต่างๆ ทั่วโลก

และเพื่อต้อนรับการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ระดับปฏิวัติวงการของ “ออล-นิว ไทรทัน” มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มอบแคมเปญพิเศษ “ออล-นิว ไทรทัน ขับมันส์ ก่อนใคร” (ALL-NEW TRITON REV UP & WIN) สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ฟรี! เฉพาะลูกค้าในไทยที่ลงทะเบียนรับสิทธิ์ภายใน 25 กรกฎาคม 2566 จะได้รับ 3 ข้อเสนอพิเศษสุดเร้าใจ ทั้งชุดแต่งแท้รอบคัน เสริมพลังหล่อเข้มเต็มพิกัด และชุดของขวัญรุ่นลิมิเต็ด “ออล-นิว ไทรทัน ลิมิเต็ด บ็อกซ์เซ็ต” พร้อมลุ้นรางวัลใหญ่ ทริปเที่ยวญี่ปุ่นอย่างจุใจ รวมมูลค่ากว่า 240,000 บาท

“ออล-นิว ไทรทัน” เป็นรถกระบะขนาด 1 ตัน ที่หลอมรวมความเป็น “ที่สุด” แห่งดีเอ็นเอของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่มุ่งสร้างสรรค์ยานยนต์ที่เปี่ยมความปลอดภัย อุ่นใจได้ในสมรรถนะการขับขี่บนสภาพถนนและสภาพอากาศทุกรูปแบบ ซึ่งมาพร้อมกับความสะดวกสบายสูงสุดในทุกที่นั่งด้วยแพลตฟอร์มใหม่! ที่ พัฒนาขึ้นเพื่อ “ออล-นิว ไทรทัน” โดยเฉพาะ ประกอบด้วยเฟรมหรือโครงรถแบบขั้นบันไดใหม่ สุดแกร่ง และช่วงล่างที่ปฏิวัติดีไซน์ใหม่ยกชุด จากด้านหน้าจรดท้าย โดยด้านหน้าเป็นช่วงล่างอิสระแบบปีกนกคู่ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด เสริมด้วยช่วงล่างด้านหลังแบบแหนบแผ่นซ้อนนวัตกรรมใหม่ เติมความนุ่มนวลขณะขับขี่ให้ “ออล-นิว ไทรทัน” เกาะถนนและทรงตัวมั่นคงสูงสุด พร้อมขุมพลังใหม่! เครื่องยนต์คลีนดีเซลเทอร์โบ ให้กำลังแรงสมรรถนะสูงกว่าเดิม แต่มีมลภาวะต่ำ ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างคุ้มค่า ตอบโจทย์ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งทั่วโลกล้วนให้ความสำคัญ

มร. โยชิกิ มาสุดะ หัวหน้าทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เปิดเผยว่า “การออกแบบออล-นิว ไทรทัน รุ่นใหม่นี้ เป็นการพลิกโฉมทุกมิติ ปฏิวัติทุกอณูในรอบ 9 ปี เริ่มตั้งแต่เครื่องยนต์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ช่วงล่างใหม่ ห้องโดยสารดีไซน์ใหม่ และรูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยวแข็งแกร่งทรงพลังนำสมัย ยกระดับสมรรถนะการขับขี่ เพิ่มความสะดวกสบาย และจัดเต็มเทคโนโลยีความปลอดภัยสู่ขั้นสุด”

“เราได้พูดคุยเจาะลึกกับลูกค้ามากมายเพื่อวิเคราะห์และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า ทั้งยังได้ตะลุยทดสอบสมรรถนะของ ออล-นิว ไทรทัน ในสนามจริงท่ามกลางสภาพอากาศและสภาพถนนที่สมบุกสมบันทั่วโลก เราจึงมั่นใจว่ารถกระบะ ออล-นิว ไทรทัน รุ่นใหม่นี้จะสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าทั่วโลกทุกคน ทั้งการใช้งานส่วนตัว และเพื่อการพาณิชย์

46
bigbike บีเอ็มดับเบิลยู BMW R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) ปี 2024
1,399,000 บาท 

บีเอ็มดับเบิลยู BMW R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) ปี 2024
BMW R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) สืบทอดเอกลักษณ์ของ GS ที่เป็นมอเตอร์ไซค์คู่ใจพร้อมลุยทั้งทางออฟโร้ดและบนถนน ทรงพลังด้วยเครื่องยนต์สองลูกสูบสี่จังหวะที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ/ของเหลวขนาด 1,254 ซีซี เติมเต็มด้วยระบบควบคุมแกนลูกเบี้ยวแบบแปรผันด้วยเทคโนโลยี BMW ShiftCam ส่งกำลังสูงสุด 100 กิโลวัตต์ / 136 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 143 นิวตันเมตร ที่ 6,250 รอบต่อนาที ปลดล็อคอีกขั้นของขุมพลังแห่งการเดินทาง ส่วนระบบหัวฉีดคู่และระบบไอเสียใหม่ผ่านการรับรองมาตรฐานยูโร 5 ที่เน้นการประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยมลพิษสู่อากาศ ก้าวล้ำยิ่งขึ้นกับระบบการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของรถผ่านจอแสดงผลสี TFT ขนาด 6.5 นิ้ว และระบบ BMW Motorrad Multi-Controller ให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงทุกฟังก์ชันของรถ ตลอดจนการเชื่อมต่อต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และยังมีช่องเสียบ USB 2 แบบสำหรับใช้ชาร์จสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             BMW
   รุ่น                   บีเอ็มดับเบิลยู BMW R 1250 GS Adventure (Ultimate Edition) ปี 2024
   ประเภทรถ          รถวิบาก, Adventure Bigbike
   ปีที่เปิดตัว           2024
   ราคา                1,399,000 บาท

สเปค
   รูปแบบเกียร์            เกียร์ธรรมดา
   ระบบเกียร์             6 สปีด พร้อม Helical gear teeth
   รายละเอียดเครื่องยนต์   Boxer 2 สูบ, DOHC พร้อมCentral Balance shaft
   ระบบระบายความร้อน    อากาศ (และของเหลวกับความสมดุลของเพลาลูกเบี้ยวและระบบวาล์วแปรผันในเทคโนโลยี BMW ShiftCam)
   ระบบสตาร์ท              สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)  1254 CC
   แบบเครื่องยนต์           4 จังหวะ
   ระบบจุดระเบิด           Electronic intake pipe injection
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง  เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน           หัวฉีด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)   30 ลิตร
   ระบบกันสะเทือน         ล้อหน้า โช้ค Telever ขนาด 37มม. พร้อม Central spring strut, ล้อหลัง BMW Motorrad Paralever สวิงอาร์มอะลูมิเนียมเดี่ยวพร้อม WAD
   ระบบเบรค                 ล้อหน้า ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรคคู่ ขนาด 305มม. คาลิปเปอร์สี่สูบ), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (ดิสก์เบรคเดี่ยว ขนาด 276มม. คาลิปเปอร์สูบคู่)
   แบบวงล้อ                 ซี่ลวด
   ขนาดยาง                 ล้อหน้า 120/70 R 19, ล้อหลัง 170/60 R 17
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.)  2,270 x 980 x 1,460 มม., ความสูงเบาะ 880 มม.
   น้ำหนักตัวรถ                    268.00 กก.

47
หมอประจำบ้าน: บรูเซลโลซิส (Brucellosis)

บรูเซลโลซิส (brucellosis/undulant fever/Mediterranean fever)* เป็นโรคติดเชื้อร้ายแรงที่เกิดในสัตว์เลี้ยง (เช่น โค กระบือ แพะ แกะ อูฐ หมู) สุนัข สัตว์แทะ สัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม (วาฬ โลมา) สัตว์ป่า (กระบือป่า กระต่ายป่า สุนัขจิ้งจอก สุนัขป่า) ซึ่งสามารถติดต่อมาสู่คนได้

โรคนี้พบได้ประปราย ซึ่งมักพบในกลุ่มคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง (เช่น คนงานในโรงเลี้ยงสัตว์หรือโรงฆ่าสัตว์ สัตวแพทย์ สัตวบาล) หรือบริโภคเนื้อสัตว์และนมที่ติดเชื้อ

ในบ้านเรามีผู้รายงานผู้ป่วยโรคนี้จากการดื่มนมแพะ และการสัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยง (โดยเฉพาะฟาร์มเลี้ยงแพะ) ในจังหวัดราชบุรี (ปี พ.ศ.2546) สตูล (ปี พ.ศ.2546-2547) และกาญจนบุรี (ปี พ.ศ.2548 และ 2549)

* โรคนี้มีความร้ายแรง มีการนำเชื้อบลูเซลลาไปผลิตเป็นอาวุธชีวภาพ เช่นเดียวกับแอนแทรกซ์


สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า บรูเซลลา (Brucella) ซึ่งมีอยู่หลายสายพันธุ์ย่อย คนเราสามารถติดโรคจากสัตว์ได้หลายทาง ได้แก่

    สัมผัสสิ่งปนเปื้อน น้ำนม เลือด รก น้ำเมือกในอวัยวะเพศของสัตว์เพศเมีย น้ำเมือกตามตัวลูกสัตว์ที่คลอดออกมาใหม่ ๆ มูลหรือปัสสาวะสัตว์ เชื้อโรคจะเข้าทางบาดแผลหรือรอยถลอก
    กินเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ หรือนมสัตว์ (รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ไอศกรีม เนยแข็ง) ที่ติดเชื้อ โดยไม่ได้ปรุงให้สุก หรือผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อ
    หายใจสูดเอาฝุ่นหรือละอองของสิ่งคัดหลั่ง น้ำนมที่ปนเปื้อนเชื้อโรคในขณะรีดนมในคอกสัตว์
    ถูกเข็มฉีดวัคซีนป้องกันโรคแก่สัตว์ทิ่มแทง

ระยะฟักตัว ระบุได้ไม่ค่อยแน่นอน อาจเป็นตั้งแต่ 1 สัปดาห์ จนถึงนานกว่า 2 เดือน (ทั่วไปประมาณ 1-2 เดือน)

อาการ

มักมีอาการค่อยเป็นค่อยไปแบบเรื้อรังมากกว่าเฉียบพลัน อาการที่พบบ่อย คือ มีไข้สูง ๆ ต่ำ ๆ แบบเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ ไม่แน่นอน (อาจมีไข้ 1-3 สัปดาห์ สลับกับไม่มีไข้ 1-3 วัน) ร่วมกับอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดข้อ ปวดหลัง ปวดเมื่อยตามร่างกายทั่วไป มึนซึม หนาวสั่น เหงื่อออกมาก ไอ เจ็บหน้าอก น้ำหนักลด

ระยะการเจ็บป่วยอาจนานหลายวันหลายเดือน ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจนานเป็นปี หรือนานกว่า

ในรายที่ติดเชื้อทางอาหารการกิน อาจมีอาการคลื่นไส้ ปวดท้อง ท้องเดิน หรือท้องผูก ปวดหลัง ปวดข้อ

บางรายอาจติดเชื้อโดยไม่แสดงอาการชัดเจนก็ได้

บรูเซลโลซิส
 

ภาวะแทรกซ้อน

เชื้อบรูเซลลาสามารถเข้ากระแสเลือด แพร่กระจายไปยังอวัยวะแทบทุกส่วน ก่อให้เกิดการอักเสบต่าง ๆ ขึ้น

ที่พบบ่อย คือ การอักเสบของกระดูกและข้อ อาการที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ ข้ออักเสบ (ซึ่งมีลักษณะปวดและบวม ที่บริเวณข้อเข่า สะโพก ข้อเท้า ข้อมือ เพียง 1 ข้อ หรือพร้อมกันหลายข้อ) การอักเสบที่กระดูกบริเวณเชิงกราน (sacroileitis) และข้อสันหลังอักเสบ (spondylitis)

ภาวะแทรกซ้อนอื่น เช่น อัณฑะและท่อนำเชื้ออักเสบ (epididymo-orchitis) สมองและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปลายประสาทเสื่อม (peripheral neuropathy) ตับอักเสบ ฝีตับ ถุงน้ำดีอักเสบ ปอดอักเสบ ภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (pleural effusion) เยื่อตาอักเสบ ม่านตาอักเสบ หลอดเลือดอักเสบ (vasculitis) ผื่นที่ผิวหนัง (erythema nodosum) เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง และเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญ ได้แก่ เยี่อบุหัวใจอักเสบ (endocarditis) ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะหัวใจวาย มักเกิดกับลิ้นหัวใจเอออร์ติก (aortic valve) และต้องทำการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจอย่างเร่งด่วน


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ส่วนใหญ่จะพบมีไข้ ตับโต ม้ามโต บางรายอาจมีอาการกล้ามเนื้อแข็งตึง ต่อมน้ำเหลืองโต ข้ออักเสบ (ข้อบวมและปวด) อัณฑะอักเสบ

ถ้าป่วยนานกว่า 3-6 เดือน จะพบอาการซูบผอมจากการขาดอาหาร

ในรายที่เป็นเรื้อรัง อาจมีเพียงอาการไข้ต่ำ ๆ หรือมีอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า นอนไม่หลับ อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคทางจิตประสาท

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการทดสอบทางน้ำเหลือง (agglutination test, ELISA) การตรวจด้วยวิธี polymerase chain reaction (PCR) การเพาะเชื้อจากเลือด ไขกระดูก น้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด (pleural fluid) หรือน้ำในข้อ (synovial fluid) การตรวจเลือดมักพบเม็ดเลือดขาวต่ำ (โดยมีสัดส่วนของลิมโฟไซต์สูง) เกล็ดเลือดต่ำ เอนไซม์ตับ (AST, ALT) สูงเล็กน้อย บางรายอาจต้องตรวจชิ้นเนื้อตับ (liver biopsy) เอกซเรย์ปอดและกระดูกสันหลัง


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

การรักษา ที่สำคัญคือให้ยาปฏิชีวนะอย่างน้อย 2 ชนิดร่วมกัน เช่น ดอกซีไซคลีน ร่วมกับไรแฟมพิซิน นาน 6 สัปดาห์ ในเด็กและหญิงตั้งครรภ์ให้โคไตรม็อกซาโซลร่วมกับไรแฟมพิซิน หรืออะมิโนโกลโคไซด์ (เช่น เจนตาไมซิน)

ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบ แพทย์จะรับตัวไว้ในโรงพยาบาลให้ยาปฏิชีวนะร่วมกัน 3-4 ชนิด และให้นานกว่า 6 สัปดาห์

ในรายที่เป็นฝีตับ อาจต้องทำการระบายหนองออก

ในรายที่มีภาวะผิดปกติของลิ้นหัวใจอาจต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ

ผลการรักษา นับว่าได้ผลดี อาการไข้และอาการอื่น ๆ มักจะทุเลาหลังกินยาได้ 4-14 วัน แต่ถ้ากินยาไม่สม่ำเสมอ หรือหยุดยาก่อนกำหนดเวลา ก็อาจมีอาการกำเริบซ้ำได้อีกประมาณร้อยละ 30 โดยทั่วไปแพทย์จะติดตามผลการรักษาเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี

ในรายที่มีเยื่อบุหัวใจอักเสบร่วมด้วยมักมีอัตราตายค่อนข้างสูง

ในรายที่ไม่ได้รับการรักษา มีอัตราตายโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 2


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้เรื้อรังหรือเป็น ๆ หาย ๆ นานเป็นสัปดาห์ ๆ ร่วมกับน้ำหนักลด ข้ออักเสบ อัณฑะอักเสบ หรือมีไข้ร่วมกับอาการหนาวสั่น หรือมีอาการปวดท้อง ท้องเดิน (หลังกินเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์หรือนมสัตว์ที่ไม่ได้ทำให้สุกหรือทำให้ปลอดเชื้อ) ซึ่งพบในผู้ที่อยู่ในพื้นที่ที่มีคนหรือสัตว์ป่วยด้วยโรคนี้ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคบรูเซลโลซิส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    กินยาปฏิชีวนะให้ครบตามระยะที่แพทย์กำหนด (อาจนานถึง 6 สัปดาห์) ถึงแม้อาการดีขึ้นแล้วก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 4-14 วัน หรือหลังจากทุเลาแล้วกลับมีไข้กำเริบใหม่
    มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพ้อคลั่ง หรือชัก
    หายใจหอบ หรือเจ็บหน้าอกมาก
    ข้ออักเสบ หรืออัณฑะอักเสบ
    มีอาการปวดตา ตามัว ตาแดง
    มีไข้ร่วมกับปวดท้อง ตาเหลืองตัวเหลือง
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคบรูเซลโลซิสในสัตว์เลี้ยง (โค กระบือ แพะ แกะ หมู)

2. ถ้าสงสัยว่าสัตว์เลี้ยงเป็นโรคนี้ เช่น สัตว์ในคอกมีไข้ ซึม เต้านมอักเสบ ข้อขาอักเสบ เยื่อหุ้มข้ออักเสบ อัณฑะอักเสบ ขาหลังเป็นอัมพาต สัตว์แท้งลูกบ่อย ๆ (โรคนี้มีชื่อเรียกว่า โรคแท้งติดต่อในสัตว์) เป็นหมัน ให้น้ำนมน้อยลง เป็นฝีตามที่ต่าง ๆ ลูกที่คลอดออกมาไม่แข็งแรง เป็นต้น ก็ควรปรึกษาสัตวแพทย์ ถ้าเป็นโรคนี้ก็ควรกำจัดทิ้ง

กรณีสัตว์แท้งลูก ควรเก็บลูกสัตว์ที่แท้งและรกส่งตรวจหาสาเหตุของโรค

3. หมั่นตรวจสอบการติดเชื้อในฝูงสัตว์เลี้ยงด้วยการตรวจเลือดและน้ำนม ถ้าพบว่ามีการติดเชื้อ ควรทำการคัดแยกและทำลาย

4. ผู้ที่ทำงานในฟาร์ม (โดยเฉพาะฟาร์มแพะ) ควรป้องกันไม่ให้สัมผัสถูกเชื้อโรคโดยตรง เช่น

    ขณะทำงานควรสวมถุงมือยางชนิดหนาและทนทาน สวมหน้ากากปิดปากและจมูก ใส่ชุดกันเปื้อน
    ระวังอย่าให้เข็มฉีดยาหรือเจาะเลือดทิ่มตำ
    ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ภายหลังการสัมผัสถูกน้ำมูก น้ำลาย ปัสสาวะ สารคัดหลั่งจากอวัยวะสืบพันธุ์  เลือด น้ำเหลือง มูลสัตว์ รกและลูกสัตว์ที่แท้ง

5. ถ้าถูกเข็มฉีดวัคซีนโรคนี้ทิ่มต่ำเข้าโดยบังเอิญ ควรรีบล้างแผลด้วยน้ำกับสบู่ หรือน้ำยาฆ่าเชื้อทันที และควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ยาป้องกัน แพทย์จะให้กินดอกซีไซคลีน 100 มก. วันละ 2 ครั้ง ร่วมกับไรแฟมพิซิน 600-900 มก. วันละ 1 ครั้ง นาน 21 วัน

ถ้าวัคซีนบังเอิญเข้าตาควรรีบล้างออก และควรกินยาป้องกันนาน 4-6 สัปดาห์

6. หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้ปรุงให้สุก และนมหรือผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีในการฆ่าเชื้อ (พาสเจอร์ไรซ์) การต้ม หรือการทำให้สุกด้วยความร้อนวิธีอื่น ๆ

7. เมื่อมีผู้ป่วยเกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องแยกผู้ป่วย แต่ต้องระวังอย่าสัมผัสถูกหนองและน้ำเหลืองของผู้ป่วย หนองและเลือดของผู้ป่วยที่ติดตามเสื้อผ้าหรือบริเวณต่าง ๆ ต้องผ่านการทำลายเชื้อ


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ถึงแม้พบได้ไม่บ่อย แต่ถ้าพบผู้ป่วยมีอาการไข้เรื้อรังร่วมกับน้ำหนักลด ข้ออักเสบ อัณฑะอักเสบ หรือการอักเสบของอวัยวะหลายส่วน ก็ควรสงสัยว่าอาจเป็นโรคบรูเซลโลซิส โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้

นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการไม่ชัดเจน คือมีเพียงอาการไข้ต่ำ ๆ เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปี โดยไม่มีอาการอย่างอื่นชัดเจน อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นโรคจิตประสาท (โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีอาการวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือนอนไม่หลับร่วมด้วย)

ดังนั้น ถ้าพบผู้ป่วยมีอาการดังกล่าว อย่าลืมถามประวัติการทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง (โดยเฉพาะโค กระบือ แพะ หมู) หรือการบริโภคนมวัวหรือนมแพะที่ไม่ได้ผ่านกรรมวิธีฆ่าเชื้อ หรือเนื้อสัตว์ที่ไม่ได้ปรุงให้สุก

2. โรคนี้ติดต่อจากสัตว์เลี้ยงที่ติดเชื้อ การติดจากคนสู่คนเกิดขึ้นได้น้อยมาก จะติดได้ก็โดยการสัมผัสถูกหนองและน้ำเหลืองของผู้ป่วยเท่านั้น

48
บริการด้านอาหาร: ทานวิตามินซีอย่างไรให้ได้คุณค่าสูงสุด

ถ้าหากนึกถึงวิตามินซี เชื่อแน่ว่าหลายคนรู้จักและทราบถึงประโยชน์ที่มีอยู่มากมายดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะ ในการช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและป้องกันโรคหวัด ที่สำคัญคือช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ใบหน้าและผิวพรรณ แต่ใช่ว่าทุกปัญหาสุขภาพจะรับประทานวิตามินซีในปริมาณเดียวกันหรือรูปแบบเดียวกัน การรับประทานวิตามินซีมีวิธีการทานที่ถูกต้องและเหมาะกับร่างกายแต่ละคนด้วย บางคนเลือกรับประทานวิตามินซี ในรูปแบบอาหารเสริม เพราะเชื่อว่าสามารถช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายและดีต่อสุขภาพ แต่ในขณะเดียวกัน การรับประทานวิตามินซี ก็ต้องรับประทานอย่างถูกต้องด้วยเพื่อให้คุณค่าสูงสุด เพราะถ้าหากเรารับประทานในปริมาณที่มากเกินไป เกินความจำเป็นต่อคามเพียงพอต่อร่างกายที่ร่างกายของเราควรได้รับในแต่ละวัน ก็จะทำให้ร่างกายขับออกมา สาวๆหลายคน มักจะใช้วิตามินซี


สำหรับการดูแลสุขภาพเพื่อให้มีผิวพรรณที่สมบูรณ์ การรับประทานผักสดและผลไม้สด ทำให้ผิวสวย เหงือกและฟันแข็งแรง นั่นเพราะ วิตามินซีในผักและผลไม้ช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของผิว เมื่อเซลล์ผิวได้รับอาหารมากก็จะทำงานดีขึ้น ผิวจะดูมีสุขภาพดีและเรียบเนียน วิตามินซียังช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจนในเซลล์ ทำให้ผิวแน่นและยืดหยุ่น ไม่เหี่ยวย่นก่อนวัยอันควร นอกจากนี้วิตามินซียังช่วยให้แผลหายได้เร็วขึ้น เนื่องจากไปช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมและรักษาตัวเองโดยไปเสริมสร้างผนังเซลล์ ทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรงและต้านการอักเสบ จึงทำให้แผลหายได้เร็วขึ้นได้อีกด้วย วันนี้ทางเราจะมาแนะนำการรับประทานวิตามินซีให้ได้ประโยชน์และได้คุณค่าสูงสุด เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินซีนอย่างเต็มที่ตามความเหมาะสมของร่างกายที่ควรได้รับในแต่ละวัน


ก่อนที่เราจะมาพูดถึงการรับประทานวิตามินซีให้ได้ประโยชน์มากที่สุด เราจะต้องรู้ก่อนว่า วิตามินซีมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องเซลล์ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย รักษาและป้องกันโรคหวัด ทั้งยังช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้หลายชนิด ช่วยต้านอาการอักเสบ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ช่วยลดเลือนรอยแดง รอยดำ และช่วยให้ผิวใสขึ้น และยังสามารถช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน ช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย


สำหรับวิธีการรับประทานวิตามินซีนั้น เราจะต้องดูวัตถุประสงค์ในการรับประทาน โดยปริมาณวิตามินซีที่แนะนำให้รับประทานต่อวัน สำหรับวิตามินซีเสริมอาหารคือ 500-4,000 มิลลิกรัม สำหรับการรับประทานวิตามินซี เพื่อเสริมสร้างคอลลาเจนให้แข็งแรง และเพื่อให้ผิวขาวใส โดยทั่วไปควรรับประทานวิตามินซีในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวันขึ้นไป หรือหากอยากเสริมสร้างภูมิต้านทาน ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ควรรับประทานวิตามินซีในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน นอกจากนี้ คนที่ป่วยเป็นโรคหวัดหรือเป็นภูมิแพ้บ่อยๆ ควรรับประทานวิตามินซี 2,000 มิลลิกรัมต่อวันหรือมากกว่านั้น วิตามินซีมีจุดอิ่มตัวในการดูดซึม


ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณในการรับประทานเข้าไป หากเกินจุดอิ่มตัวของการดูดซึม ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมไปใช้เพิ่มได้ จึงควรรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่ต่ำกว่า 1 กรัม และการรับประทานหลายครั้งจะดูดซึมได้ดีกว่ารับประทานปริมาณมากในครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม เมื่อเรารับประทานวิตามินซีจะถูกขับออกจากร่างกายภายใน 2-3 ชั่วโมง หลังจากรับประทาน เพราะฉะนั้น เราจึงควรรับประทานวิตามินซีพร้อมอาหารมื้อเช้าและเย็น โดยต้องรับประทานหลังอาหารทันที สำหรับ ใครที่รับประทานวิตามินซีในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรรับประทานควบคู่ไปกับผักและผลไม้ตามปกติ ซึ่งให้วิตามิน เกลือแร่ และไฟโตนิวเทรียนท์ ที่ร่างกายต้องการ ทั้งนี้ ก็เพื่อสุขภาพโดยรวมที่ดี เพื่อให้เราได้รับคุณค่าจากวิตามินมากที่สุดนั่นเอง


สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลรักษาสุขภาพคือ เราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะเราเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่สำคัญเราจะต้องดูแลตัวเองให้มากๆ ดื่มน้ำมากๆ และหมั่นออกกำลังกายเป้นประจำ เราก็จะไม่เสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วนหรือโรคอื่นๆที่อาจจะตามมาได้ในอนาคต


ซึ่งขึ้นอยู่กับปริมาณในการรับประทานเข้าไป หากเกินจุดอิ่มตัวของการดูดซึม ร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมไปใช้เพิ่มได้ จึงควรรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่ต่ำกว่า 1 กรัม และการรับประทานหลายครั้งจะดูดซึมได้ดีกว่ารับประทานปริมาณมากในครั้งเดียว อย่างไรก็ตาม เมื่อเรารับประทานวิตามินซีจะถูกขับออกจากร่างกายภายใน 2-3 ชั่วโมง หลังจากรับประทาน เพราะฉะนั้น เราจึงควรรับประทานวิตามินซีพร้อมอาหารมื้อเช้าและเย็น โดยต้องรับประทานหลังอาหารทันที สำหรับ ใครที่รับประทานวิตามินซีในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรรับประทานควบคู่ไปกับผักและผลไม้ตามปกติ ซึ่งให้วิตามิน เกลือแร่ และไฟโตนิวเทรียนท์ ที่ร่างกายต้องการ ทั้งนี้ ก็เพื่อสุขภาพโดยรวมที่ดี เพื่อให้เราได้รับคุณค่าจากวิตามินมากที่สุดนั่นเอง


สิ่งที่สำคัญที่สุดในการดูแลรักษาสุขภาพคือ เราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะทางเราเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่สำคัญเราจะต้องดูแลตัวเองให้มากๆ ดื่มน้ำมากๆ และหมั่นออกกำลังกายเป้นประจำ เราก็จะไม่เสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วนหรือโรคอื่นๆที่อาจจะตามมาได้ในอนาคต

49
จัดฟันบางนา: อันตรายจากคราบหินปูน

การดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟัน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่คนเราจะต้องทำทุกวันในชีวิตประจำวัน เพราะการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันจะช่วยทำให้คุณมีสุขภาพฟันที่ดี รวมไปถึงยังช่วยให้คุณได้ใช้ชีวิตประจำวันอยากมีประสิทธิภาพ เพราะการที่เรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่ไม่ดี ส่งผลให้เราใช้ชีวิตได้ลำบากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร หากเรามีสุขภาพฟันที่ไม่แข็งแรง อาจจะทำให้เรารับประทานอาหารได้ไม่สะดวก บดเคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียด จึงอาจจะทำให้มีผลกระทบไปถึงสุขภาพกาย อาจจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง หรืออาหารย่อยได้ยาก


นอกจากนี้ปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันอาจจะส่งผลต่อบุคลิกภาพของคุณได้ด้วย อาจจะทำให้มีปัญหาในเรื่องของการพูดคุย พบปะผู้คน ทำให้ขาดความมั่นใจได้ และต้นเหตุของปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน คงไม่พูดถึงคราบหินปูนคงไม่ได้ เพราะคราบหินปูนถือเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฟันผุได้ คราบหินปูนเกิดจากคราบจุลินทรีย์ที่ถูกแร่ธาตุในน้ำลายจับตัวตกตะกอน แข็งตัวเป็นหินน้ำลาย เกาะอยู่บนคอฟันบริเวณขอบเหงือกและซอกฟัน โดยปกติในระยะแรก คราบจุลินทรีย์ที่เกาะอยู่บนผิวฟันจะมีลักษณะนิ่มและสามารถแปรงออกได้ แต่เมื่อใดที่มีแร่ธาตุจากน้ำลายมาผสมด้วยจะกลายเป็นคราบหินปูน ที่มีลักษณะเป็นของแข็งไม่สามารถถูกกำจัดออกได้ด้วยการแปรงฟัน ต้องให้ทันตแพทย์ทำการรักษาขูดหินปูนออกไปเท่านั้น และวันนี้คลินิกเราจะพูดถึงอันตรายจากคราบหินปูน ที่เป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุและปัญหาสุขภาพฟันอื่น ๆ


คราบหินปูน เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น ฟันเหลือง มีกลิ่นปาก เหงือกอักเสบ ฟันผุ ฟันโยก ฟันห่าง หรือร้ายแรงกว่านั้น อาจทำให้เราสูญเสียฟันได้ ดังนั้นทันตแพทย์จึงแนะนำให้เราขูดหินปูนทุก 6 เดือน เพื่อสุขภาพปากและฟันที่แข็งแรง ซึ่งการขูดหินปูนสามารถขูดหินปูนได้ทุกวัย แม้กระทั่งในวัยเด็กที่มีฟันน้ำนมขึ้นแล้วไปจนกระทั่งผู้สูงอายุ ซึ่งการขูดหินปูนหลายคนเข้าใจผิดว่า การขูดหินปูนทำให้เกิดปัญหาฟันห่าง แต่จริง ๆแล้วการขูดหินปูนไม่ส่งผลกระทบใดต่อตัวฟัน แต่ในบางครั้งอาจจะทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้บ้าง ภายหลังการขูดหินปูนและอาจมีการเจ็บเหงือกบ้างบางครั้ง


แต่การดูแลรักษาความสะอาดที่ถูกต้อง จะทำให้อาการดังกล่าวหายไปเอง สำหรับการป้องกันการเกิดของคราบหินปูน สามารถป้องกันได้ด้วยการทำความสะอาดฟัน นั้นคือ การแปรงฟันให้ถูกวิธีการทำความสะอาดซอกฟัน รวมทั้งการนวดเหงือก ซึ่งมีหลายวิธี เช่นการใช้เส้นใยขัดฟัน ปุ่มนวดเหงือกแปรงระหว่างซอกฟัน นอกจากนี้การรับประทานอาหารก็เป็นเรื่องที่ต้องดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ ไม่ควรทานอาหารบ่อย หลีกเลี่ยงอาหารหรือขนมหวาน หากจะรับประทานของว่างควรเป็นผักและผลไม้

สำหรับวิธีการขจัดคราบหินปูนนั้น มีขั้นตอนการขูดหินปูนโดยทันตแพทย์ที่ไม่ยุ่งยาก ไม่เจ็บและไม่ทำให้ฟันสึกกร่อน โดยทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือขจัดหินปูนแบบที่มีแรงสั่นสะเทือนความถี่สูง ทำให้หินปูนหลุดออก จากนั้นจะใช้เครื่องมือชิ้นเล็ก ขูดหินปูนโดยละเอียดอีกครั้ง จากนั้นจะทำความสะอาดช่องปากด้วยไหมขัดฟันและเคลือบฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุปิดท้ายในการขูดหินปูนใช้เวลาเพียง 30 นาที -1 ชั่วโมงเท่านั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณหินปูนในช่องปาก และราคาค่าขูดหินปูนก็ไม่สูงนัก ประมาณ 700 – 1200 บาท อย่างไรก็ตาม คุณควรแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้าและก่อนนอน การแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อเป็นสิ่งที่ดีมากแต่ถ้าไม่สามารถกระทำได้ให้บ้วนน้ำแรง ๆ 2-3 ครั้ง หลังอาหาร และควรเข้าพบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจสภาพเหงือกและฟัน เพื่อทำความสะอาดฟันบริเวณที่เหลือจากการทำความสะอาดและรับการรักษาระยะเริ่มแรก เพื่อป้องกันการเกิดฟันผุ

ทั้งนี้ทางคลินิกเรามีบริการทางด้านทันตกรรมอย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการถอนฟัน การรักษารากฟัน การทำรากฟันเทียม การจัดฟัน โดยทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมมาอย่างยาวนาน ทำให้คุณมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

50
โรคมะเร็งปากมดลูกระยะแรกรู้เร็วรักษาได้

จากรายงานปี 2560 สถาบันมะเร็งแห่งชาติพบผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกรายใหม่มากเป็นอันดับสองของโรคมะเร็งในเพศหญิง ดังนั้น การตระหนักถึงผลร้ายของโรคและการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งของผู้หญิง รวมถึงผู้หญิงที่เข้ารับการตรวจกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำมักมีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกน้อยมาก โดยบทความนี้ได้รวบรวมเอาข้อมูลเกี่ยวกับมะเร็งปากมดลูกระยะแรก วิธีสังเกตอาการของโรค วิธีวินิจฉัย รวมถึงวิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงมาให้ได้ศึกษากัน

โรคมะเร็งปากมดลูกระยะแรกมักไม่ปรากฏอาการผิดปกติให้ผู้ป่วยสังเกตเห็น ด้วยเหตุนี้จึงอาจทำให้หลายคนไม่ทราบตัวว่าตนเองเป็นโรคนี้ ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่เข้ารับการรักษาอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ และแม้ว่ามะเร็งปากมดลูกมีแนวโน้มพบมากในผู้หญิงช่วงวัยกลางคนขึ้นไป แต่ก็ยังมีรายงานการพบมะเร็งปากมดลูกในผู้ที่อายุน้อยอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่มีโอกาสรักษาให้หายสูงเมื่อเทียบกับโรคมะเร็งชนิดอื่น


การวินิจฉัยโรคมะเร็งปากมดลูกระยะแรก

วิธีที่จะช่วยให้รู้ตัวเมื่อเกิดมะเร็งปากมดลูกระยะแรกขึ้นมี ดังนี้

    สังเกตอาการมะเร็งปากมดลูกระยะแรก
    อย่างที่ได้กล่าวไปว่ามะเร็งปากมดลูกระยะแรกมักไม่ปรากฏอาการให้เห็น แต่หากสังเกตเห็นสัญญาณหรืออาการต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์ทันที

        มีประจำเดือนนานและปริมาณมากกว่าปกติ
        มีเลือดออกทางช่องคลอดกะปริบกะปรอยระหว่างรอบเดือน
        รู้สึกเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
        มีตกขาวมากกว่าปกติ
        มีเลือดออกทางช่องคลอด หลังจากหมดประจำเดือน
        ปวดท้องน้อยหรือปวดหลังติดต่อกันโดยหาสาเหตุไม่ได้
        มีเลือดออกทางช่องคลอดบ่อยครั้ง หลังจากมีเพศสัมพันธ์ ทำความสะอาดอวัยวะเพศ หรือตรวจภายใน

    การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
    การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนควรให้ความสำคัญ เนื่องจากหากตรวจพบได้เร็วก็อาจช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาหาย โดยปกติควรเริ่มตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ 21 ปีขึ้น โดยการตรวจภายในเพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสามารถทำได้ 2 วิธีด้วยกัน วิธีแรกแปปสเมียร์ (Pap smear) เป็นตรวจเพื่อหาเซลล์มะเร็งในช่วงที่ยังไม่พัฒนาเป็นโรคมะเร็ง วิธีที่ 2 การตรวจหาเชื้อเอชพีวี ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคนี้
    นอกจากนี้ ผู้ที่มีความเสี่ยง อย่างผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี มีภูมิคุ้มกันต่ำ สูบบุหรี่ และผู้ที่พบเซลล์มะเร็งจากการตรวจครั้งก่อนหน้า แพทย์อาจนัดมาติดตามอาการและตรวจคัดกรองบ่อยขึ้น


มะเร็งปากมดลูกระยะแรก สามารถรักษาได้ไหม ?

โรคมะเร็งปากมดลูกนั้นถูกจัดเป็นโรคมะเร็งที่สามารถรักษาให้หายได้ และยังมีโอกาสที่จะรักษาให้หายสูงกว่าโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ซึ่งการรักษาอาจเป็นการผ่าตัดหรือเข้ารับรังสีรักษา ขึ้นอยู่กับระยะของโรค สภาพร่างกาย และดุลยพินิจของแพทย์ ทั้งนี้อาจสรุปได้ว่าโรคมะเร็งปากมดลูกนั้นสามารถรักษาให้หายได้ แต่เปอร์เซ็นต์ในการรักษานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

นอกเหนือจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำแล้ว การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจนำไปสู่โรคมะเร็งปากมดลูกก็เป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น รับวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวี สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และงดการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เนื่องจากเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชพีวี เป็นต้น

นอกจากนี้ หากสงสัยว่าตนเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการมะเร็งปากมดลูก มีความเสี่ยงต่อโรคนี้ หรือมีอาการผิดปกติอื่นใด ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจภายในโดยเร็ว

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 ... 11