ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ploypola

หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7
151
สภาพอากาศที่เปลี่ยนไป มลภาวะต่างๆส่งผลกระทบอย่างมากไม่แพ้กัน ปัญหาผิวแห้งจึงกลายเป็นหนึ่งในปัญหาผิวอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องรีบแก้ไขเลยก็ว่าได้ เพราะว่าผิวที่แห้งจะทำให้สาวๆ อย่างเราแต่งหน้าไม่ค่อยติด ถ้าเผลอแต่งหน้ากลบไปก็ยิ่งทำให้เห็นผิวที่แห้งชัดเจนมากขึ้น ทำเอาสาวๆ เสียความมั่นใจ แม้จะดูแลผิวแล้วแต่ปัญหาผิวแห้งก็ยังตามมากวนใจ ยิ่งในช่วงที่สภาพอากาศ มลภาวะแห้ง ใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ วันนี้ทาง ResiSKIN เลยจะมาแนะนำเคล็ดลับดูแลผิวดีๆ ที่จะช่วยทำให้ผิวของคุณแข็งแรงขึ้น สตรองขึ้นภายใน 7 วัน ใครที่อยากให้ผิวกลับมาดูดีอีกครั้งต้องอ่าน!!!
 
จะรู้ได้ไงว่าเราเป็นคนผิวแห้ง
ปัญหาผิวแห้ง เป็นลักษณะของผิวที่มีความแห้งกร้าน ผิวเรียบไม่เสมอกัน สีผิวไม่สม่ำเสมอ หากผิวแห้งมากๆ จะทำให้ผิวแตก และ ลอกเป็นขุย เป็นแผ่น และ อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง แสบแดงได้ หากรู้สึกว่าผิวของคุณมีอาการแบบนี้แสดงว่าคุณเป็นคนผิวแห้งนั่นเอง ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นประเภทต่างๆ ตามระดับความแห้งของผิว
ผิวแห้งระดับน้อย ส่วนใหญ่จะรู้สึกตึงๆ ผิว รู้สึกว่าผิวมีสัมผัสที่แตกต่างออกไปจากเดิม ผิวไม่เรียบเนียน บางคันก็อาจจะมีอาการคันเล็กๆ ร่วมด้วยในบริเวณที่ผิวแห้งมาก
ผิวแห้งระดับกลาง ผิวระดับนี้ผิวจะมีสีแดง มีผื่นขึ้นเล็กน้อย ผิวหน้าจะเริ่มเป็นขุย และ มักจะมีอาการคันตามจุดที่หน้าเป็นขุย
ผิวแห้งระดับมาก ระดับนี้หน้าจะเป็นขุยชัดเจนมากขึ้น จะเห็นรอยแตกของผิวอย่างชัดเจน แค่มองก็รู้ว่าผิวไม่เรียบเสมอกัน ผิวที่ลอกอาจจะล่วงเป็นเกล็ด และ ง่ายต่อการระคายเคืองมาก
นอกจากระดับความแห้งของผิวแล้ว ยังสามารถแบ่งออกได้จากอาการของของผิวที่แห้งอีกด้วยตาม การแห้งจากระคายเคือง ซึ่งเกิดจากการระคายเคืองจากสารต่างๆ ที่เป็นสารที่ทำให้เกิดการแพ้จนหน้าแห้ง หน้าลอก และ การแห้งจากการที่น้ำมันในผิวออกมาน้อย โดยปกติน้ำมันในผิวจะออกมาทำให้ผิวของเรามีความมัน แต่หากน้ำมันออกมาน้อยก็จะทำให้ผิวเป็นขุยๆ แห้งแตก เป็นผื่นแดงๆ ได้
 
สาเหตุที่ทำให้คุณ ผิวแห้ง ไม่หายขาด???
ปัจจัยที่ทำให้ผิวของเรามักจะแห้งไม่หายสักที มักจะเกิดจากการที่ต่อมไขมัน ที่ทำหน้าที่ผลิตน้ำมันในผิวไม่สามารถสร้างน้ำมันออกมาได้ในปริมาณปกติ พอน้ำมันไม่ออกมาตามปริมาณที่ควรจะเป็น ก็ทำให้ผิวของเราสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย พอผิวหนังขาดความชุ่มชื้นก็ทำให้ผิวของเราแห้ง แตก และ หลุดลอกออกมานั่นเอง
อายุที่เพิ่มขึ้น เมื่อเรามีอายุมากขึ้นก็ทำให้ชั้นผิวหนังอ่อนแอลง ผิวขาดความยืดหยุ่น สภาพผิวเสื่อมสภาพ ทำให้ผิวจากเดิมที่ชุ่มชื้นจากภายในเริ่มแห้งลงจนลอกเป็นขุยได้
พันธุกรรม บางคนก็ดูแลผิวดีมาก แต่ผิวก็ยังแห้ง หากเป็นอย่างนี้ให้ทำการตรวจสอบดูว่ามีเครือญาติที่เป็นโรคทางผิวหนังหรือไม่ โรคพวกนี้จะทำให้ผิวหนังของคุณแห้ง และ หลุดลอกออกมา
ฮอร์โมน บางครั้งหากฮอร์โมนเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็ส่งผลกระทบต่อผิวได้ ทำให้ผิวขาดน้ำ และ ส่งผลทำให้ผิวแห้งได้ เช่น อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ อยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือน จะสังเกตว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ผิวจะแห้งแตกได้ง่ายมาก จึงจำเป็นต้องบำรุงเป็นพิเศษ
การสัมผัสมลภาวะอย่างสม่ำเสมอ มลภาวะอย่างแสงแดด ลม ฝุ่น ควัน ล้วนเป็นมลภาวะที่ทำร้ายผิว จะไปลดความชุ่มชื้นของผิวทำให้ผิวแห้งขึ้น แล้วยังไปทำลายเกราะป้องกันผิวยิ่งสัมผัสมลภาวะแบบนี้บ่อยๆ
ใครบ้างที่จะมีผิวแห้งไม่หาย - ปัญหาผิวแห้ง สามารถเกิดได้ทั้งกับหลายๆ คนโดยเฉพาะคนที่มีอายุมากขึ้น ซึ่งทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย และ คนที่มีเครือญาติเป็นโรคผิวหนังอักเสบ รวมถึงคนที่ฮอร์โมนผิดปกติ หรือ มีความแปรปรวน ซึ่งทำให้ผิวแห้งไม่หายสักที จึงจำเป็นต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ ด้วยการเสริมความชุ่มชื้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน
 
วิธีการดูแลสำหรับผิวแห้ง
ปัญหาผิวแห้งสามารถแก้ไขได้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของการฟื้นคืนผิวแห้งไม่หายขาดนั่นก็คือ การบำรุงให้ผิวชุ่มชื้น เพื่อสร้างเกาะป้องกันผิวให้แข็งแรง ดังนั้นจึงควรที่จะดูแลผิวให้ถูกวิธี
1.ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ไม่มีสารปรุงแต่ง อ่อนโยนต่อผิว
2.หลังความสะอาด บำรุงด้วยสกินแคร์ที่มีความชุ่มชื้นสูง ขอแนะนำให้เลือกเวชสำอางที่เหมาะสำหรับสาวผิวแห้งไม่หาย ซึ่งมีสรรพคุณที่ช่วยในเรื่อง

-ช่วยบำรุงให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื่นอิ่มน้ำ ได้ยาวนานถึง 7 วัน
-ช่วยฟื้นฟูผิวจากการอักเสบ เอาชนะอาการแพ้ แห้ง แดง ผื่นคัน
-ช่วยปกป้องผิวจากทุกสภาวะ ป้องกันการกลับมามีผิวแห้งไม่หาย
-เป็นเวชสำอางที่ปราศจากสารก่ออาการแพ้ และ สารระคายเคืองผิว

เวชสำอางของ Resiskin จะช่วยในเรื่องปัญหาผิวต่างๆ ให้จบทุกปัญหาผิวอักเสบ แดง ผื่น คัน โดยเฉพาะสภาพผิวแห้งที่ไม่หายขาดสักที นอกจากนั้นยังช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวจากทุกสภาพแวดล้อม ฟื้นคืนผิวให้กลับมาสตรองแข็งแรงอีกครั้ง และ เมื่อใช้งานอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ผิวของคุณกลับมาสวยอีกครั้ง ลองเลยแล้วมาดูผลลัพธ์ใน 7 วันกันว่าลองแล้วได้ผลหรือไม่!!!
 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


152
สำหรับประเภทของการจดนิติบุคล หลายๆคนก็จะรู้จักแต่บริษัทจำกัด แต่จริงๆ แล้วยังมีรูปแบบนิติบุคลที่มีความน่าสนใจอย่าง ห้างหุ้นส่วน ที่หลายอาจมองข้ามไป!!!


สำหรับห้างหุ้นส่วนในทางกฏหมาย ก็คือ บุคคล 2 คน ที่ร่วมกันทำธุรกิจ แล้วแบ่งหุ้นกัน นั้นเอง
ซึ่งจะสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท
1. ห้างหุ้นส่วนจำกัด
2. ห้างหุ้นส่วนสามัญ



ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ ?
ห้างหุ้นส่วนจำกัด ก็คือ ธุรกิจที่ดำเนินการมากกว่า 2 คน ซึ่งมีรูปแบบความรับผิดชอบได้ 2 รูปแบบ นั้นเอง

ประเภทแรกก็คือ หุ้นจำกัดความรับผิดชอบ หรือ ในส่วนนี้จะจำกัดความรับผิดชอบตามทุนจดทะเบียน หจก ที่เราตั้งไว้ ในกรณีถูกฟ้องร้อง ก็รับผิดชอบตามทุนจดทะเบียนไม่ต้องนำสินทรัพย์ส่วนตัวมาชดใช้
ประเภทที่สองก็คือ หุ้นไม่จำกัดความรับผิดชอบ ในกรณีแบบนี้ ผู้ถือหุ้นของหจก. จ้องชำระหนี้สิน ของหจก.โดยเจ้าหนี้ สามารถฟ้องร้องให้นำสินทรัพย์ส่วนตัวมาชดใช้ได้นั้นเอง



สำหรับห้างหุ้นส่วนสามัญ

คือ ธุรกิจที่ดำเนินการมากกว่า 2 คน ซึ่งมีรูปแบบความรับผิดชอบได้ แค่รูปแบบเดียวคือ ไม่จำกัดความรับผิดชอบนั้นเอง ซึ่งถ้าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ เราสามารถเลือกได้ว่าจะจดทะเบียนนิติบุคคล ไหม ถ้าจดก็จะเรียกว่า ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคล

ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ อะไร? ต่างกับ ห้างหุ้นส่วนสามัญ อย่างไร?
หลายคนก็คงจะสงสัยแล้ว ห้งหุ้นส่วนสามัญ กับ จำกัด ต่างกันแค่รูปแบบความรับผิดชอบรึป่าว วันนี้เราก็รวมมาให้เพื่อนๆแล้ว สามารถดูได้ที่รูปนี้เลย



ส่วนใครที่อยากเข้ามาปรึกษา พูดคุยกับเรา สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ที่
Facebook: นรินทร์ การบัญชีและภาษี
Website: บริษัท นรินทร์ทองการบัญชีและกฏหมาย จำกัด


153
หากพูดถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้แล้ว การเลือกไม้จากคุณสมบัติ ว่าเหมาะสำหรับการนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ที่เราต้องการหรือไม่??? ไม้ที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงอย่างไม้สักก็ถือว่าเป็นไม้ที่ดีชนิดหนึ่ง แต่ด้วยราคาที่สูงมากทำให้ขายได้เฉพาะกลุ่มเท่านั้น เราเลยจะพามาแนะนำไม้อีกชนิดที่ดีแต่ราคาถูกกว่า เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา ดีไหม? คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าที่จริงแล้วไม้ยางพารา มีอีกชื่อหนึ่งก็คือ "ไม้สักขาว" ด้วยความที่ไม้ยางพาราเป็นไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทานสูง มีคุณสมบัติที่ดีอย่างมากที่เหมาะสำหรับใช้แปรรูปมาทำเฟอร์นิเจอร์ ทำไมไม้ยางพาราถึงเป็นไม้ที่ถูกนำมาใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์มาก ? พร้อมทั้งคุณสมบัติของไม้ที่ดีที่คุณต้องห้ามพลาด ในบทความนี้เลย!!!
 
เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา ดีไหม ทำไมถึงเป็นที่นิยม
อย่างที่เราได้บอกไปในตอนต้นแล้วว่า เจ้าไม้ยางพารามีอีกชื่อหนึ่งซึ่งไม้ยางพาราถูกนำไปเปรียบเทียบกับไม้สัก เนื่องจากมีคุณสมบัติที่พอแทนกันได้ กันแต่ราคาถูกกว่ามาก คุณสมบัติไหนกันที่ทำให้ไม้ยางพาราดีถึงขั้นได้ชื่อว่าเป็นไม้สักขาว (เป็นการเทียบกับสีปกติของไม้สัก เนื่องจากไม้ยางพารามีสีที่อ่อนกว่าจึงกลายเป็นไม้สักขาวนั่นเอง) ไม้ยางพาราถูกนำมาใช้แปรรูปหลากหลายมากทั้งเป็นไม้แปรรูปสำหรับงานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม งานเฟอร์นิเจอร์ อย่างโต๊ะ เก้าอี้ ไม้โครง ไม้จ๊อย ไม้พาเลท มาดูคุณสมบัติของไม้ยางพารากันดีกว่า
แข็งแรงทนทานไม่เป็นรองใคร
ไม้ยางพาราถือว่าเป็นไม้ที่สามารถตอบโจทย์เรื่องความแข็งแรงได้ดี ทั้งในเรื่องของน้ำหนัก ความแข็งแรง ความยืดหยุ่น ถือว่ามีความใกล้เคียงกับไม้สักมาก นอกจากนั้นยังนิยมนำไปทำพาเลทไม้สำหรับใช้ขนส่ง วางสินค้าหนักๆ แต่หากอยากให้ไม้มีความทนทานมากขึ้นจากสภาพอากาศ จากแมลงศัตรูพืช ก็อาจจะเอาไม้ไปแปรรูป อัดน้ำยา อาบไม้เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ทนทาน
สวยงาม และ ดูเป็นธรรมชาติ
ความสวยงามของเนื้อไม้ ไม้ยางพารามีเนื้อไม้ที่ค่อนข้างแน่น เนื้อไม้มีตาดำไม่มาก ไม้มีสีเป็นสีขาวอมเหลือง ซึ่งเป็นสีที่ไม่เข้มไม่อ่อนจนเกินไป ให้ความรู้สึกดูแล้วสบายตา อบอุ่น ดูละมุนเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นด้วยความที่เป็นไม้สีอ่อน ทำให้สามารถนำไปย้อมสีได้ง่าย ย้อมสีติดง่ายกว่าไม้ชนิดอื่น
ยืดหยุ่น สามารถแปรรูปได้หลากหลาย
มีความอ่อนตัวของเนื้อไม้สูง เลยทำให้มีความยืดหยุ่นที่ดี ด้วยคุณสมบัตินี้นี่เองที่ทำให้ไม้ยางพาราสามารถแปรรูปได้หลากหลาย ไม้ยางพาราจะไม่แตกง่ายหากนำไปผ่านกระบวนการแปรรูปต่างๆ ทั้งการเลื่อยไม้ ตัดแต่งรูปทรง เจาะไม้ ยึดเข้ากับสกรู ตะปูต่างๆ รวมทั้งการนำไปผ่านการอัดน้ำยาเข้าเนื้อไม้ และ อบแห้งไอน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ป้องกันเนื้อไม้จากแมลง สภาพอากาศ รวมทั้งยังยืดอายุการใช้งานของไม้ หากเป็นไม้ทั่วไปบางชนิดอาจจะไม่สามารถทำกระบวนการเหล่านี้ได้ เนื่องจากเนื้อไม้จะแตก ทั้งจากภายใน และ ภายนอก
ทนทานต่อสภาพอากาศ และ สิ่งแวดล้อม
ไม้ยางพาราถือว่าเป็นไม้ที่รูปทรงดี ตัวไม้ไม่ค่อยบิดงอแม้ในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ รวมทั้งจากแมลงศัตรูพืช แต่ก็สามารถที่จะเพิ่มการป้องกันไม้ยางพาราเพิ่มได้ ด้วยการนำไปผ่านกระบวนการอัดน้ำยา นอกจากจะช่วยยืดอายุของไม้แล้ว ยังช่วยป้องกันไม้จากแมลง มด ปลวก และ สภาพอากาศที่ชื้น แห้ง แต่ถึงแม้จะช่วยป้องกันได้ แต่ก็ไม่ใช่ละเลยทิ้งเฟอร์นิเจอร์ไว้ในที่ชื้น ที่แฉะ ทำให้ดูแลได้ง่าย

หาซื้อได้ง่าย แถมราคาไม่แพง
เนื่องจากเป็นไม้ที่ปลูกกันอย่างแพร่หลาย ทำให้สามารถหาซื้อไม้ยางพาราได้ง่าย และ ทำให้ไม้ยางพารามีราคาที่จับต้องได้ แม้คุณสมบัติจะพอๆ กับไม้สักก็ตาม แต่ถึงจะหาซื้อได้ง่ายก็ควรที่จะเลือกไม้ที่ดีมีคุณภาพ ถึงจะเป็นไม้ยางพาราเหมือนกันก็ตาม ควรจะดูไม้ยางพาราให้ดีว่าสมบูรณ์หรือไม่ด้วย
 
 
ไม้ยางพาราที่ดี ต้องไม้ที่โรงงาน MTK
-ไม้คุณภาพดีต้องMTK ไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตรแล้วเรียบร้อย
-ใช้เครื่องจักรมีคุณภาพ เราใช้เครื่องจักรต่างๆคุณภาพดี  สามารถผลิตไม้ได้หลายรูปแบบตามมาตรฐานแน่นอน
-รับผลิตแบบควรวงจร มีบริการตั้งแต่  รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเลื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้ , บริการอัดน้ำยา-อบไม้ จนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย
-โรงงานดีมีคุณภาพ โรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัดระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี
 
 
สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook  : MTK เอ็มทีเค
Line  :   @mtkwood
Tel :  095-654-6551
Email :    marketing@mtkwood.com


154
ถึงแม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ก็ยังมีบางเรื่องหรือบางสิ่งที่เรายังคิดว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว และเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก จึงไม่อยากจะยุ่งกับกับมันอย่างเช่น เรื่องภาษี เรื่องนิติบุคคล แต่สำหรับ  Strat-up แล้วเรื่องพวกนี้คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องพยายามทำความเข้าใจกับมัน วันนี้เราเลยจะมาพูดถึงเรื่องนิติบุคคลกันว่า นิติบุคคล คือ อะไรและเราควรที่จะทำธุรกิจในรูปแบบไหนถึงจะเหมาะสมกับเรากันครับ   


นิติบุคคลคืออะไร?
นิติบุคคลในภาษาอังกฤษเรียกว่า (Juristic Persons) คือ เป็นบุคคลที่กฎหมายสมมุติขึ้น อาจจะเป็นกลุ่มบุคคลหรือองค์กรก็ได้ เช่น นิติบุคคลหมู่บ้าน ซึ่งนิติบุคคลเกิดขึ้นได้โดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายเท่านั้น ให้มีสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบเหมือนกับบุคคลธรรมดา แต่แม้ว่านิติบุคคลจะมีสิทธิและหน้าที่เช่นเดียวกับบุคคลธรรมดา แต่ก็ไม่สามารถกระทำการเหมือนกับบุคคลธรรมดาได้ทุกเรื่อง เช่น ความสามารถในการทำนิติกรรมสัญญา สิทธิในการเป็นเจ้าของทรัพย์สินต่าง ๆ
ประเภทของนิติบุคคล
1. นิติบุคคลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เช่น ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด
2.  นิติบุคคลตามกฎหมายอื่น เช่น พระราชบัญญัติมหาชนจำกัด


แล้วนิติบุคคลแตกต่างจากบุคคลธรรมดาอย่างไร?


บุคคลธรรมดา
- มีความคล่องตัวสูงตัดสินใจได้รวดเร็ว
- เงินลงทุนจากเจ้าของ
- รับผลกำไรและขาดทุนเพียงผู้เดียว
- เสียภาษีตามอัตราก้าวหน้า (0%-35%)
- ไม่ต้องเสียเงินให้แก่ผู้ตรวจสอบบัญชี
- ต้องรับผิดชอบหนี้สินที่เกิดขึ้นเองทั้งหมด


นิติบุคคล
- ต้องมีการจัดทำบัญชีตามมาตรฐานการบัญชี พร้อมทั้งมีผู้ตรวจสอบและรับรองบัญชี
- เงินลงทุนมาจากหุ้นส่วน
- รับผลกำไรแบ่งตามสัดส่วน
- ผู้ถือหุ้นรับผิดชอบในหนี้สินเฉพาะมูลค่าหุ้นที่เป็นเจ้าของ
- มีความซับซ้อนมากกว่า

ข้อดีของนิติบุคคล

1. นิติบุคคลจ่ายภาษีถูกกว่า อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
กรณี ผู้ประกอบการ SME :
หาก กำไรสุทธิ ไม่เกิน 300,000 บาท = ได้รับการยกเว้นค่าภาษี
กำไรสุทธิ เกิน 300,000 บาท แต่ไม่เกิน 3,000,000 บาท = เสียภาษี 15 %
กำไรสุทธิ เกิน 3,000,000 บาท ขึ้นไป = เสียภาษี 20%
แต่ในกรณีที่ไม่ใช่กิจการ SME : สำหรับอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นอยู่ในอัตรา 20% ของกำไรสุทธิเท่านั้น


2. ลดค่าธรรมเนียมการโอนเหลือ 0.01%
3. ธุรกิจดูมีความน่าเชื่อถือ
4. การเป็นนิติบุคคลจะแยกระหว่างเงินของธุรกิจ และเงินส่วนตัวของเจ้าของธุรกิจได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้เกิดความไม่สับสนระหว่างเงินทั้งสองส่วน
5. สามารถค่าใช้จ่ายลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า


เราจะได้สภาพนิติบุคคลเมื่อใด?
เราจะได้ก็ต่อเมื่อ จดทะเบียนตามกฎหมาย ดังนั้นเราจะต้องทำเรื่องยื่นขอให้กฎหมายรับรองหรือเรียกว่าเป็นการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลนั้นเอง


ไม่พลาดข่าวสารเกี่ยวกับบัญชีดีๆ ที่รู้ไว้จะได้พลาด!!!
อย่าลืมกดติดตามเพจ Facebook :นรินทร์ การบัญชีและภาษี  เพื่อจะได้ไม่พลาดข่าวสารดี ๆ และความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับ การบัญชี ภาษีและกฎหมาย และหากคอนเทนต์นี้มีประโยชน์อย่าลืมแชร์หรือบอกต่อเพื่อน ๆ กันด้วยนะคะ และหากใครต้องการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมหรือบทความอื่น ๆ


Website : นรินทร์ทองการบัญชีและกฏหมาย จำกัด
Facebook :นรินทร์ การบัญชีและภาษี


155
ใครที่เป็นสาย Biker ที่ชอบเก็บภาพบรรยากาศต่างๆ ที่เราได้พบเจอในระหว่างการเดินทาง แต่เพราะเหล่านักขี่หลายคนต้องใช้มือในการควบคุมมอเตอร์ไซต์ ควบคุมจักรยาน ทำให้ไม่สามารถที่จะเอามือมาถือกล้องในการถ่ายเก็บบรรยากาศได้ ขอแนะนำอุปกรณ์ GoPro ติดหมวก ที่ทำให้คุณสามารถขี่มอเตอร์ไซต์ไปได้ แถมยังเก็บบรรยากาศระหว่างทางไปได้อีกด้วย แต่การที่จะได้ภาพสวยๆ นอกจากการใช้กล้อง GoPro ถ่ายแล้วยังจะต้องอาศัยอุปกรณ์เสริมด้วย
>>สามารถอ่าน GoPro Bike อุปกรณ์สำหรับนักปั่น เพิ่มได้ที่นี่<<

อุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับถ่ายแบบใช้ GoPro ติดหมวก
ก่อนอื่นเราจะต้องทำการเช็คหมวกกันน็อคก่อนว่ามีตัวสำหรับยึดติดกล้องหรือไม่ หมวกบางตัวจะมีช่องสำหรับติดอุปกรณ์มาให้เลย แต่หากเป็นรุ่นเก่า อาจจะไม่มีช่องสำหรับติดอุปกรณ์เสริม ทำให้จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์สำหรับการยึดติดกล้องเข้ากับหมวก
ตัวยึดกล้อง (Base Mouth)
กล้องโกโปรเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาดสำหรับการเดินทาง หากเป็น GoPro รุ่นเก่าเช่น GoPro 7 8 ก็สามารถยึดติดได้เลย แต่ถ้าเป็นโกโปรรุ่นใหม่อย่าง GoPro 9 10 จะมีตัวอุปกรณ์เสริมอย่าง Media Mod แยกเพื่อช่วยในการใช้งานที่ง่ายขึ้นนั่นก็คือตัว Base Mouth ที่ใช้ในการยึดกล้องโกโปรเข้ากับหมวก
Helmet Motorcycle Adjustment Base Mount 3M ตัวนี้จะมีกาว 3M ที่ยึดติดได้ดีมาให้เลย ทำให้ไม่ต้องไปหากาว หรือ เทปมาติด ก็สามารถยึดอุปกรณ์ได้หนาแน่น โดยจะใช้ติดเข้ากับหมวกในส่วนที่ต้องการ ราคา 179 บาท
TELESIN NEW Motorcycle Helmet Chin Mount เป็นตัวที่ใช้รัดตรงคาง เพื่อยึดกล้องโกโปรไม่ให้เคลื่อนที่ มีตัวล็อคสำหรับยึดโกโปร และ อุปกรณ์เสริม ราคา 289 บาท
GoPro Swivel Camera Mount เป็นตัวยึดของทาง GoPro สามารถหมุนได้ 360 องศา ราคา 713 บาท
Large Triple Suction Cup Car Mount ตัวยึดแบบสามด้าน ยึดได้แน่นขึ้น ราคา 490 บาท
ไมโครโฟน (Microphone)
เพื่อให้ได้เสียงที่คมชัด ไมโครโฟนจากตัวเครื่องอย่างเดียวคงไม่พอ จึงจำเป็นต้องใช้ไมโครโฟนเสริม ซึ่งเราอยากจะแนะนำเป็นไมโครโฟนแบบมีสาย เพื่อให้ได้เสียงที่คมชัด และ เหมาะสำหรับการเคลื่อนไหวที่ไม่อยู่นิ่ง ไปไหนไมค์ก็จะติดตัวไปตลอด
Saramonic LavMicro U1A 2m Lavalier ให้เสียงที่ดี คมชัด ยาวถึง 2M แถมสามารถใช้งานกับโทรศัพท์มือถือได้ ราคา 997 บาท
Saramonic Lavmicro-2M Dual Head Lavalier Microphone เป็นไมค์รุ่นที่นิยมใช้กันมาก เพราะให้เสียงที่ค่อยข้างดี มีประสิทธิภาพในการกันลมสูง  เป็นไมค์ lavalier สองหัว ออกแบบมาเพื่อการบันทึกเสียงโดยเฉพาะ ราคา 2,800 บาท
ส่วนใครที่มีไมค์อยู่แล้วก็สามารถใช้ได้แต่ต้องดูให้ดีว่าหัวเสียบของไมค์มีกี่เขี้ยว (แถบข้อต่อของหัวเสียบ) ถ้าเป็น 3 เขี้ยวจะต้องใช้ตัวแปลงหัวก่อนถึงจะใช้งานได้
Saramonic SR-C2006 3.5mm TRS Female to USB Type-C Adapter Cable for Osmo Pocket ราคา 475 บาท
Saramonic SR-C2002 3.5mm TRRS  to Lightning ราคา 679 บาท

อแดปเตอร์ (Adapter)
อะแดปเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างมาก หากไม่มีก็จะเชื่อมต่อไมโครโฟนไม่ได้ นอกจากนั้นยังใช้ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้อีกด้วย
GoPro Pro 3.5 mic adapter อะเดปเตอร์ไมค์ ราคา 2,000 บาท
หากเป็น GoPro รุ่นที่ไม่ใช่ 9 / 10 อาจจะหากรอบเคสมาใส่ เพื่อให้สามารถยึดเข้ากับฐานได้ง่าย อีกทั้งยังช่วยป้องกันอันตราย และ การกระแทกในระหว่างเดินทางได้อีกด้วย แถมยังมีช่องสำหรับใส่อะแดปเตอร์อีกด้วย
Ulanzi G9-4 Vlog Plastic Camera Cage ราคา 279 บาท
Media Mod
สำหรับ GoPro 9 และ GoPro 10 สามารถใช้งานอุปกรณ์เสริมอย่าง Media Mod ได้ ซึ่งเป็นโครงเคสที่มีไมค์ในตัว (ไมค์Short gun) ที่ช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพ และ ทำให้ใช้งานโกโปรได้ง่าย เพราะสามารถเชื่อมต่อไมค์ 3.5 mm ได้เลยในตัวไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวแปลง นอกจากนั้นยังแถมมีพอร์ตให้เชื่อมต่อที่หลายหลาย และ  Cold shoe สำหรับใส่อุปกรณ์เสริมอย่างไฟ ไมโครโฟนนอก
Media Mod สำหรับ GoPro 9 / 10 ราคา 2,900 บาท
ULANZI G9-5 Metal case ราคา 999 บาท
>>สามารถอ่าน Media mod เพิ่มเติมได้ที่นี่<<

การเชื่อมต่อไมค์นอก
เพราะการบันทึกภาพสำหรับการขับขี่มอเตอร์ไซต์ ไม่สามารถบังคับเสียงลม เสียงที่แทรกเข้ามาได้ อักทั้งยังเสียงของเราที่ถูกบันทึกผ่านกล้องอาจจะไม่มีความคมชัด เสียงขาดๆ หายๆ ดังนั้นไมค์นอกจึงค่อนข้างสำคัญ เพราะไมค์นอกจะช่วยให้สามารถจับเสียงพูดได้ดีมากขึ้น ซึ่งไมค์แยกก็จะมีหลายรูปแบบทั้งรูปแบบที่เป็น
Lavalierเป็นไมค์ชนิดที่มีสาย เหมาะมากสำหรับการถ่ายที่มีการเคลื่อนไหว การใช้งานใกล้ๆ
Shotgun เป็นไมค์ที่รับเสียงได้ดี แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้กับมอเตอร์ไซต์ เพราะตัวค่อนข้างใหญ่
Wireless เป็นไมค์แบบไร้สาย ไม่ค่อยเหมาะกับการขับมอเตอร์ไซต์เช่นกัน เพราะจะต้องเหน็บตัวรับสัญญาณไว้ใกล้ตัว และ มีขนาดใหญ่กว่าไมค์แบบ Lavalier
ถ้าเป็นรุ่นที่ไม่ใช่ GoPro 9 / 10 จะต้องต่อไมค์แยกเพื่อให้ได้เสียงที่ดี แต่ถ้าเป็น 2 รุ่นนี้สามารถใช้ไมค์เสริมจาก Media Mod ได้เลยซึ่งเป็นไมค์แบบ Shotgun ส่วนใครที่อยากให้คุณภาพเสียงดีขึ้นอีกก็สามารถติดไมค์เสริมเข้ากับช่องพอร์ต 3.5 mm ได้เลย รวมทั้งต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆได้อีกด้วย
 
มุมการถ่ายมุมไหนเด็ด
สามารถติดโกโปรเข้ากับหมวกได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายวิวมุมภาพกว้างๆ เป็นวิวมุมสูง ก็สามารถติดที่หัวด้านบนได้ แต่หากอยากได้ภาพที่เสมือนตาเรามองเห็น แนะนำให้ติดที่มุมใต้ตา ไม่ว่าจะเป็นด้านซ้าย ด้านขวา หรือ ตรงกลางสามารถเลือกได้ตามความถนด มุมนี้จะให้ภาพที่เห็นวิวถนน บรรยากาศเดียวกับการมองด้วยสายตา ให้บรรยากาศที่สมจริง อีกทั้งยังทำให้ไมค์ และ ตัวกล้องอยู่ใกล้ปากทำให้ได้ยินเสียงพูดที่ชัดเจน
หากคุณมีกล้องหลายตัวแล้วอยากได้ภาพหลายมุมๆ ก็สามารถยึดเข้ากับลำตัว อก ข้อมือ ได้ด้วยอุปกรณ์ Strap สำหรับรัดที่หลากหลายตามไลฟ์สไตล์ของคุณ
 
วิธีติดกล้องเข้ากับหมวก
1.ให้เลือกตำแหน่งที่ต้องการติดกล้องโกโปร > เอา Base Mouth ที่มีกาว 3M หรือ พวกซิลิโคนยึดติด ติดเข้าไปในตำแหน่งที่ต้องการ
2.หากใครเป็นรุ่นเก่าก็อาจจะใส่โกโปรเข้ากับกรอบเคส ซึ่งจะมีช่องสำหรับใส่อะแดปเตอร์อยู่ด้านล่าง > เสียบอะแดปเตอร์เข้ากับกล้อง
3.เอาไมค์ภายนอก (ไมค์สายLavalier) มาเสียบเข้ากับอะแดปเตอร์ จากนั้นสอดสายผ่านด้านใต้ของหมวกกันน็อค จากนั้นพยายามยัดสายให้เข้าตามขอบของหมวก เพื่อทำการยึดสายไม่ให้เคลื่อนที่ ส่วนหัวไมค์สำหรับพูดให้หนีบไว้บริเวณใกล้ๆ ปาก เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย!!!
ส่วนใครที่ใช้ Media Mod ก็ไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์ สามารถใส่อุปกรณ์แล้วต่อไมค์ได้เลย จากนั้นก็ยึดเข้ากับ Base Mouth เป็นอันเสร็จ ง่ายมากเลยใช่ไหมเพียงเท่านี้ก็พร้อมไปลุยกันแล้ว จะขึ้นเหนือลงใต้ก็เก็บภาพบรรยากาศได้ไม่มีพลาด!!!
 
 
จะให้คุ้มต้องซื้อที่ Aquapro กล้อง+อุปกรณ์เสริมครบครัน
สุดคุ้มซื้อ GoPro 10 โปรโมชั่น "อุปกรณ์เสริมสำหรับ Biker" และ อุปกรณ์ยึดติด Mounts  สายรัดอก หัว ข้อมือ กับที่ร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่ได้รับการรับรองจากทางเมนทาแกรมแล้ว
ร้านของเรามาพร้อมกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี โปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


156
นายพรานจ๋าเสือมาแล้ว!!! ผู้หญิงยุคใหม่ทำไมต้องมารอให้ผู้ชายเป็นฝ่ายเดินเกมส์รุก ในเมื่อคุณสามารถจะเป็นฝ่ายเปิดเกมส์ก่อนได้ สาวๆ ยุคใหม่แซ่บได้ไม่ต้องง้อใคร ถ้ามัวแต่รอก็ไม่ได้ผู้ซักทีสิคะ แต่จะไปจีบแบบโจ่งแจ้งหนุ่มๆ อาจจะตกใจได้ ถ้าอย่างงั้นสาวแซ่บๆ อย่างเราก็คงหนีไม่พ้นการจีบด้วย แคปชั่นอ่อยแซ่บๆ ที่เรียกได้ว่าแซ่บกว่านี้ก็พริกแล้วล่ะ แต่ถ้าใครจะเอาแคปชั่นเหล่านี้ไปใช้ต้องระวังนะคะ ระวังเตรียมน้ำไว้ดับความแซ่บ เพราะถ้าแซ่บเบอร์นี้ผู้ก็คงหนีไม่รอด
จัดเต็ม แคปชั่นอ่อยแซ่บๆ ที่จะทำให้คุณได้ผู้!!!
ก่อนอื่นเลยการอ่อยผู้ไม่ใช่ว่าจะอ่อยยังไงก็ได้ แต่ต้องเลือกแคปชั่นอ่อยให้เข้าคนที่เราจะไปจีบ หากคนที่จะไปจีบเป็นคนเนิร์ดๆ ถ้าแคปชั่นแรงไปเขาก็อาจจะตกใจแล้วเทเราได้ ดังนั้นเราจึงได้จัดระดับของแคปชั่นว่าควรใช้กับหนุ่มแบบไหน อย่ารอช้าไปดูแคปชั่นกันเลย
ระดับเบสิก - แซ่บเบาๆ สไตล์คนหัดแซ่บ
หากคุณต้องการจะไปจีบหนุ่มที่ไม่ได้แซ่บมาก ไม่ได้เป็นหนุ่มเฟรนลี่ ร่าเริง หรือ คุณพึ่งเริ่มหัดแซ่บ พึ่งเริ่มจะลองจีบหนุ่ม ถ้าพึ่งเริ่มก็ให้เริ่มตั้งแต่ระดับเบาๆ ก่อนแล้วค่อยๆ ไต่ระดับความแซ่บขึ้นไป
-ไม่มีหรอกนะเราชนะ มีแต่เราชอบนะ เธอชอบเรามั้ย? ไอ้พวกโครงการรัฐเราไม่มีหรอก เรามีแค่ตัวกับหัวใจเองเธอ ชอบมั้ยๆ >///< (ยื่นมือถือ)
-เกิดก่อนนี่ต้องเรียกพี่ แล้วถ้าเกิดหลังนี่เรียกที่รักได้มั้ย พี่น้องไม่ต้องเป็นหรอกเธอเราลูกคนเดียว มาเป็นแฟนเราดีกว่าเยอะ
-โสดนะเผื่อใครยังไม่รู้ ยังว่างอยู่เผื่อคนแถวนี้จะรัก ก็โสดๆ อยู่ทางนี้ ไม่มีอะไรมากแค่อยากบอกให้ใครสักคนรู้เฉยๆ
-เราเป็นของเล่นให้ใครไม่ได้หรอก แต่ถ้าของกินก็พอได้อยู่ ก็เรามันเป็นคนแซ่บๆ ถ้าเธอชอบของแซ่บเราก็ถือว่าอร่อยอยู่นะ!!!
-ศีลข้อสองเขาบอกว่าห้ามลักทรัพย์ แล้วศีลข้อไหนละคะที่บอกว่าห้ามรักคุณ ก็คุณมันน่ารัก จะห้ามใจยังไงล่ะ ก็มันรักแค่คุณนิคะ
-เธออะไม่ใช่ของเล่น แต่เธอเป็นของเรา ก็เราจองเธอไว้แล้วเธอห้ามไปหาใครนะ หวงนะเนี่ยรู้ตัวมั้ย
-เบื่อแล้วดูซีรี่ อยากดูแลพี่มากกว่า ช่วงนี้เราไม่อยากดูซีรี่เลย เราอยากดูหน้าเธอมากกว่าไอ้ต้าวคนน่ารัก >///<
-เธอเป็นตัวของเธอเองแหละดีแล้ว ถ้าไม่โอเคเธอค่อยมาเป็นของเรา แต่ยังไงๆ เธอก็ต้องเป็นของเราอยู่ดี แค่จะช้าจะเร็วก็เท่านั้นแหละ
-ถ้าอยากจะให้คุณหลงเรา ต้องใช้มนต์คาถาไหนคะ ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล จะรักไม่รัก ถ้าไม่รักเราจะทำของใส่เธอแล้วนะ!!!
-ติดฝนไม่เป็นไร แต่ถ้าติดใจเราให้รีบบอก จะได้ไม่ต้องอ่อยแล้วข้ามไปเป็นแฟนกันเลยดีกว่าเนอะ เร็วกว่าเยอะ
เป็นแคปชั่นอ่อย คำคมอ่อยแบบเบาๆ แต่ก็สามารถใช้ตกผู้ได้อยู่นะเธอ แคปชั่นรูปแบบนี้เหมาะสำหรับการลงรูปที่มีท่าโพสคีพลุคหน่อยๆ ไม่ต้องดูอ่อยจนเกินไป เอาพองาม อาจจะเป็นการเน้นท่าแบบเล่นหูเล่นตาให้ดูอ้อนๆ เสมือนว่าก็อ่อยแล้วนะเพื่อไม่ให้ดูมากจนเกินงาม (ใจร่มๆ ก่อนนะคะสาวๆ รู้แหละว่าอยากแซ่บ แต่ถ้ารีบตั้งแต่ต้นเหยื่ออาจจะหลุดมือได้นะคะ เพราะงั้นอย่าแรงจนเกินไป)
แคปชั่นนี้เหมาะสำหรับ - หนุ่มที่เราพึ่งรู้จัก หรือ หนุ่มเงียบๆ หนุ่มเนิร์ด หนุ่มที่เป็นผู้ใหญ่กว่า เพราะบางครั้งถ้าเราอ่อยจนเกินงามอาจจะทำให้ภาพลักษณ์ของเราดูไม่ดี ทางที่ดีค่อยๆ เพิ่มเลเวลไปจะดีกว่า (ค่อยๆ อ่อยจนเขาติดใจเสน่ห์ของเรา)
ระดับแอดวานซ์ - แซ่บให้สุดหยุดที่ต้องได้เธอ(มาเป็นแฟน)
หากใครที่บอกว่าแบบเบสิกมันไม่ทันใจ ฉันรีบ ฉันมันแซ่บแบบเอาอะไรมาฉุดก็หยุดไม่อยู่ อยากได้คนนี้จะต้องได้คนนี้เป็นแฟนให้ได้ ต้องใช้แคปชั่นแบบนี้เลย บอกเลยว่าถ้าคุณมั่นใจก็จัดไปอย่าให้เสีย ไหนๆ ก็อ่อยแล้วก็อ่อยให้สุดไปเลยค่ะคุณพี่!!!
-กินเบียร์ กินเหล้าก็ไม่แซ่บเท่ากินเราหรอกนะจะบอกให้ ถ้าเธอกินอะไรก็ไม่แซ่บ ก็มากินเราสิ เราอ่ะแซ่บสุดแล้ว >///<
-เราไม่ขอเป็นเหยื่อนะ เพราะเรามันเป็นเสือยังไงล่ะ แล้วเธอพอจะเป็นเหยื่อให้เราขย้ำหัวใจได้ไหมล่ะ รับรองว่าจะไม่แบ่งให้ใครแน่นอน
-ก่อนเธอจะติดโควิด เธอช่วยมาติดเราก่อนได้ไหมอะ ก็เรามันคนแซ่บๆ ถ้าเธอลองมาคบดูจะรู้ว่าติดแล้วออกไปไม่ได้
-ถ้าโลกนี้มันอยู่ยากนัก ก็ย้ายมาอยู่บ้านเราได้นะ ถ้าบ้านของเรานอนไม่พอ ก็มานอนให้หัวใจเราเอาละกันนะ
-เราจะโดนจับมั้ยอะ เพราะเราเสพติดเธอไปแล้ว ก็มันขาดเธอไม่ได้ ถ้าไม่เชื่อลองให้หมอมาตรวจเราดิ หมอยังบอกเลยว่าเราเป็นโรคขาดเธอไม่ได้ >///<
-อยากหุ่นดีต้องไดเอต แต่ถ้าชอบอะไรเผ็ดๆ ก็กินเราสิ เห้อ...คงไม่มีอะไรจะเด็ดไปกว่าเราแล้วแหละ เราก็บอกเธอไปแล้วว่ากินเราดีที่สุด!!!
-แก้มนุ่ม ปากนิ่ม หน้าตาจิ้มลิ้มพอยิ้มก็น่ารัก เลือกมาเลยจะเอาแก้ม หรือ เอาปากเราดี หรือ จะเอาทั้งคู่ก็บอกนะ!!!
-เรื่องหน้าใสต้องยกให้เซรั่ม แต่ถ้าเรื่องน่าขย้ำต้องยกให้เราเลย คนอะไรจะน่ากินขนาดนี้ แถม หน้าใสอีกด้วย เลือกหนึ่งได้ถึงสอง แบบนี้ต้องเลือกเราเป็นแฟนแล้วมั้ยอะ
-ถึงเราจะไม่มีลักยิ้ม แต่เราก็น่าชิมเหมือนกันนะ ไม่มีลักยิ้มอะเธอ...แต่ก็อร่อยนะไม่เชื่อมาชิมเราดูสิ ไม่ได้โม้!!!
-ถึงเราจะไม่ผอม แต่แก้มเราหอมถ้าได้ลองจะติดใจ ไม่เชื่อก็ลองมาหอมดูสิ ไม่ยังไม่หอมให้ลองเพิ่มอีกสองที โอเคนะ >///<
แคปชั่นระดับนี้เหมาะมากสำหรับการลลงรูปยั่วๆ บดๆ แต่งตัวเซ็กซี่ๆ แต่ไม่มากเกิน เอาแบบพอยั่วกรุบกริบ เพราะแคปชั่นก็เกินเบอร์ไปมากแล้ว ใครที่เป็นสายเน้นอ่อยบอกเลยว่าได้แน่แม่ แถมไม่ใช่แค่คนเดียว เฟซบุ๊ค ไอจีต้องลุกเป็นไฟ คนอื่นหลีกไปตัวแม่จะเดิน!!! ไม่แซ่บก็ไม่ใช่พี่สิจ๊ะ บอกเลยว่าถ้าผู้เล่นด้วยไม่มีพลาดแน่แม่ บอกเลย
แคปชั่นนี้เหมาะสำหรับ - หนุ่มเฟรนลี่ขี้เล่น หนุ่มคาสโนว่า หนุ่มที่เรารู้จักมาระดับหนึ่ง และ หนุ่มที่พร้อมจะเอาเขามาเป็นแฟนเต็มแก่แล้ว (คนนี้แหละที่ต้องมาเป็นเหยื่อของฉัน!!!)
 
ทริคในการเลือกใช้แคปชั่นอ่อย เลือกยังไงให้ไม่นก
อย่างที่เราได้บอกคุณไปแล้วว่า แคปชั่นแต่ละระดับ แต่ละอันก็เหมาะกับผู้ชายที่แตกต่างกัน หากเลือกผิดจากที่จะได้ผู้ ก็อาจจะทำให้ผู้หลุดลอยไปได้ง่ายๆ ดังนั้นหากคุณเป็นมือใหม่หัดอ่อย หรือ ว่าเป็นคนที่อ่อยมาตลอดแต่ก็ยังไม่ได้ผู้สักที ลองทำตามทริคนี้ดูนะคะแล้วลองอีกครั้ง รับรองได้ผู้แน่แม่!!!
วิเคราะห์เป้าหมายถูกมีชัยไปกว่าครึ่ง เพราะผู้ชายไม่ได้มีแบบเดียวบนโลก การวิเคราะห์ว่าคนที่เราสนใจจะอ่อยนั้นเป็นคนยังไง มีสไตล์เป็นแบบไหน การที่เรารู้ข้อมูลเบื้องต้นจะทำให้เราสามรถเลือกระดับของแคปชั่นอ่อยไปใช้ได้ถูก หากเขาเป็นคนเนียบๆ เงียบๆ การจะไปใช้แคปชั่นแรงๆ ก็อาจจะเป็นการเปิดที่ไม่ดีนัก แต่ถ้าหากเขาเป็นคนเฟรนลี่ หนุ่มขี้เล่น เจ้าสำอาง แบบนี้ถ้าใช้แคปชั่นอ่อยสุดๆ รับรองปังแน่นอน
ดูเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ความชอบนับว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก หากเราทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ ทำแทบตาย พยายามสุดๆ ผลก็ออกมาว่าเขาไม่ชอบ ดังนั้นถ้าสามารถรู้สิ่งที่ชอบ ไม่ชอบได้ จะดีมาก เช่น เขาไม่ชอบคนที่พูดหยาบคาย ถ้าเราเลือกแคปชั่นหยาบๆ ไปก็จบตั้งแต่เริ่มต้นเลยนะ
ดังนั้นการสืบประวัติ สืบความชอบ การมีข้อมูลของเขานับว่าเป็นตัวช่วยสำคัญอีกอย่างที่ช่วยทำให้เราอ่อยได้ผลมากยิ่งขึ้น โอกาสที่เราจะจีบเขาติดก็เพิ่มขึ้น
 
ให้ Sistalk ช่วยเรื่องของหัวใจ
ใครที่มีปัญหาเรื่องของความรัก การจีบหนุ่ม และ ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ เรื่องของสุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! เพราะเรามีบทความดีๆ เจ๋งๆ ที่จะช่วยให้คุณปังขึ้น และ ไม่ตกเทรนด์กับเรา "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ สาวๆ คนไหน ที่ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


157
ส่วนใหญ่ครีมบำรุงยิ่งโดยเฉพาะพวกสกินแคร์ใหม่ๆ ที่มีส่วนผสมนำเข้า ส่วนผสมแปลกๆ ที่มีสรรพคุณที่ช่วยเรื่องของปัญหาผิว ยิ่งมีคุณสมบัติพิเศษๆ ก็ยิ่งทำให้น่าลอง ถึงแม้จะมีส่วนประกอบพิเศษแค่ไหน แต่บางครั้งพอมาใช้กับหน้าเราแล้วดันเกิดการระคายเคือง คันหน้า ใบหน้ามีผื่นแดง ผิวลอก รวมไปถึงร้ายแรงขนาดที่แสบหน้ามากๆ ซึ่งเจ้าอาการแบบนี้เรียกว่าอาการ หน้าแพ้ครีม ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยเวลาที่เราลองใช้ผลิตภัณฑ์ ครีมใหม่ๆ ส่วนผสมใหม่ๆ บางทีส่วนผสมนั้นก็อาจจะไม่เข้ากับผิวของเราจนเกิดการแพ้ หากใครที่หน้าแพ้ครีม ทาครีมแล้วหน้าแพ้ง่าย ถ้าเกิดปัญหาแบบนี้จะทำอย่างไรให้หน้ากับมาสตรองเหมือนเดิมมาแก้ปัญหา และ รับมือให้ตรงจุด ด้วยวิธีดูแลผิวหน้าจากอาการผิวแพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง พร้อมวิธีเลือกซื้อเครื่องสำอางสำหรับคนผิวแพ้ง่ายในบทความ
 
วิธีเช็คว่าผิวหน้าแพ้ครีมหรือไม่???
จะรู้ได้ยังไงว่าผิวหน้าของเราแพ้ครีม แพ้เครื่องสำอาง ในเมื่อปัญหาผิวหน้ามีเยอะไปหมด ทั้งการระคายเคืองที่เกิดจากสภาพอากาศ มลภาวะ สารเคมีในชีวิตประจำวัน รวมทั้งการที่ผิวหน้าของเราแพ้ครีมบางตัว เครื่องสำอางบางอย่าง มารู้ตัวก่อนที่หน้าจะแพ้หนักไปกว่านี้ว่าหน้าของคุณแพ้ครีมจริงไหม และ อาการแพ้ครีมมีอาการอะไรกันบ้าง?
ทาครีมแล้วรู้สึกหน้าตึง หลังจากทาครีมรู้สึกแสบร้อนบริเวณใบหน้า นี่เป็นอาการตอบสนองแรกๆ เมื่อผิวเกิดการระคายเคือง ซึ่งจะเกิดเมื่อทำการลองใช้ครีมตัวใหม่ ครีมที่มีส่วนประกอบใหม่ๆ แม้จะไม่มีสารอันตราย แต่ถ้าหนักเกิดอาการที่แรงขึ้นอย่าง เริ่มรู้สึกแสบบริเวณที่ทา ให้หยุดใช้ทันที เพราะผลิตภัณฑ์บางตัวก็ไม่ตอบโจทย์คนที่ผิวแพ้ง่าย เมื่อใช้ไปเลยทำให้หน้าแพ้ครีมนั่นเอง
เมื่อลองใช้ครีมแล้วผิวหนังเริ่มมีผื่น รู้สึกคันหน้า เวลาที่เราลองใช้ครีม ลองใช้เครื่องสำอางไปสักพัก แล้วหน้เริ่มมีผื่นแดงขึ้นมา มีอาการคันบริเวณใบหน้าภายในไม่กี่วัน รวมถึงอาจจะทำให้เป็นผื่นเรื้อรังอีกด้วย นี่อาจจะเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่บอกว่าหน้าของคุณกำลังเกิดการระคายเคืองอยู่
ใช้แล้วผิวแห้ง ผิวสาก แตกเป็นแผ่นเป็นขุย ถ้าผิวต่างไปจากสภาพผิวปกติ ผิวเริ่มหลุดลอกเป็นแผ่น เป็นขุย โดยเฉพาะในบริเวณที่ทาครีม โดยที่ไม่ใช่ในช่วงที่อากาศแห้ง ให้หยุดใช้ครีมตัวนั้น และ ห้ามไปเกาบริเวณที่หน้าเป็นขุย เพราะหน้าจะยิ่งหลุดลอก และ เกิดการอักเสบได้ง่าย
ผิวไวต่อแดด รู้สึกแสบผิวง่ายเวลาเจอแดด ครีมบางตัวพอใช้กับผิวแล้วทำให้ผิวของเราบางลง พอเจอแดดแรงๆ ก็รู้สึกแสบผิวได้ง่าย อาจจะเพราะว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีส่วนผสมที่ไม่เหมาะกับผิวของเรา เช่นมี AHA สูง ส่วนใหญ่อาการนี้จะเกิดเมื่อใช้ครีม เครื่องสำอางไปนานๆ พอรู้ตัวอีกทีผิวก็บอบบางไปเสียแล้ว
 
ส่วนประกอบอะไรบ้างในครีมที่ทำให้เกิดการแพ้
ส่วนประกอบในครีมแต่ละตัว ก็มีส่วนประกอบที่แตกต่างกันออกไปที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้น ครีม เครื่องสำอางตัวนั้นน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสี กลิ่น เนื้อสัมผัส จนไม่รู้ว่าเมื่อใช้ไปแล้ว เราแพ้สารอะไรในตัวครีมกันแน่ แต่ส่วนใหญ่ส่วนประกอบที่ทำให้เกิดการแพ้ โดยเฉพาะในคนที่ผิวแพ้ง่ายมักจะมาจาก
น้ำหอม สารแต่งกลิ่น กลิ่นก็นับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้หลายๆ คนใช้เป็นจุดในการตัดสินใจซื้อครีม เพราะครีมที่หอม ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าครีมที่เหม็น หรือ ไร้กลิ่น แต่เจ้าสารแต่งกลิ่นเหล่านี้แหละที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย
แอลกอฮอล์ ครีมบางตัวจะผสมแอลกอฮอล์เข้าไปด้วย ดังนั้นหากเลือกใช้ครีมที่ผสมแอลกอฮอล์ก็จะทำให้แพ้ได้ เพราะทำให้ผิวบอบบางลง โดยเฉพาะกับคนที่ผิวแพ้ง่ายอยู่แล้ว
สารกันเสีย เช่น พาราเบน ครีม เครื่องสำอางส่วนใหญ่มักจะผสมสารกันเสีย เพื่อจะยืดอายุของผลิตภัณฑ์ให้อยู่ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น และ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อรา แบคทีเรียในผลิตภัณฑ์ ดังนั้นต้องระวังให้ดี เพราะจะทำให้เกิดการแพ้ที่หน้าได้
 
วิธีการดูแลผิวหน้าเมื่อรู้ว่า หน้าแพ้ครีม ต้องทำอย่างไร?
เพราะบางครั้งอาการแพ้ อาการระคายเคืองก็อาจจะไม่ได้เห็นผลเร็วมากนัก เพราะอาการแต่ละอย่างต่างคนก็อาจจะมีอาการแตกต่างกันออกไป ทำให้กว่าที่เราจะรู้ว่าหน้าของเราแพ้ครีมก็ไม่ทันการแล้ว หากหน้าของคุณแพ้ครีม แพ้เครื่องสำอางไปแล้ว ก็ต้องหันมาดูแลผิวให้ดี เพื่อให้ผิวกลับมาสตรอง และ ผิวดีดังเดิม
หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้นทันที อย่างแรกให้คุณหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนั้นทันที ห้ามกลับไปใช้อีกเด็ดขาด จากนั้นให้พักหน้าจากครีมตัวอื่นๆ และ ผลิตภัณฑ์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ครีม  โทนเนอร์ เจลล้างหน้า เซรั่ม มาสก์หน้า สบู่ สครับ เพราะถึงแม้จะไม่ได้ใช้ครีมตัวนั้นแล้วแต่ผิวหน้าของเราก็ยังเกิดการอักเสบ การระคายเคืองอยู่ เราจึงต้องพักผิวของเราจากสารต่างๆ ครีมต่างๆ และ เมื่อผิวหน้าเริ่มแข็งแรงขึ้นมาแล้วจากการพักผิว ก็สามารถดูแลผิวในขั้นตอนต่อไปได้แล้ว
ล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดแทน อย่างที่เราได้บอกให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อให้หน้าได้พักจากสารที่อยู่ในพวกครีม โฟมล้างหน้า เครื่องสำอาง แล้วหันมาใช้น้ำเปล่าสะอาดๆ ล้างหน้าแทน เพราะว่าน้ำเปล่าเป็นน้ำที่เหมาะสำหรับผิวหน้าที่อ่อนแอจากการแพ้ ไม่มีอะไรเจือปน ไม่ทำให้ผิวเกิดอาการอักเสบ ถ้าใครรู้สึกว่าไม่อยากล้างแค่น้ำเปล่าก็อาจจะใช้เป็นน้ำเกลือแทนก็ได้ สามารถช่วยถนอมผิวได้ไม่แพ้กัน
หยุดสัมผัสบริเวณที่แพ้ ถึงแม้จะหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ตัวที่แพ้แล้ว แต่ผิวหน้าก็ยังไม่แข็งแรงมาก คุณจึงไม่ควรไปสัมผัสบริเวณที่แพ้ ทั้งการเอามือไปลูบ ไปจับ ไปแกะบริเวณที่แพ้ ทั้งผื่น ทั้งสิว ทั้งผิวที่ลอกเป็นขุย เพราะการสัมผัสจะไปทำให้ผิวอักเสบไม่หาย ยิ่งหากมือที่เอาไปสัมผัสไม่สะอาดก็จะยิ่งทำให้หน้าเกิดการระคายเคืองมากขึ้น
ทานอาหารที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิว เพราะการบำรุงที่ดีนอกจากภายนอกแล้ว ก็ควรบำรุงภายผิวจากภายในให้แข็งแรงด้วย ในช่วงที่ผิวแพ้อยู่ควรจะบำรุงด้วยพวกวิตามินบีรวมต่างๆ ที่อยู่ในนม ไข่ ผักใบเขียว ธัญพืช ที่ช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นของผิว ช่วยฟื้นฟูผิว ลดการอักเสบ ช่วยพวกปัญหาผิวต่างๆ และ ควรทานพวกอาหารที่มีกรดไขมันจำเป็น มีสารต้านอนุมูลอิสระ
 
การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย มีอาการแพ้
การที่เราแพ้ครีมบางตัวอาจจะมาจากหลายสาเหตุ ทั้งเกิดจากการที่มีสารอันตรายผสม การที่ส่วนผสมดีแต่ไม่ถูกกับผิวหน้าของเรา หรือ หน้าของเรามีผิวแพ้ง่าย ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย ดังนั้นหากคุณใช้ครีมตัวไหนก็แพ้แสดงว่าคุณมีผิวแพ้ง่าย คุณจะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว และ ไม่มีส่วนประกอบที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างเกราะฟื้นฟูผิว เสริมความชุ่มชื้น และ ลดการอักเสบของผิวที่เกิดอาการแพ้ แห้ง แดง เป็นผื่นคัน
-เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากบอกรายละเอียดของแหล่งที่ผลิต เลขอย. ชัดเจน
-ผลิตภัณฑ์ต้องบอกส่วนผสม และ วิธีใช้ให้ละเอียด (หากมีข้อห้ามต้องบอกอย่างชัดเจน เช่น สตรีมีครรภ์ห้ามใช้) ให้ดูว่ามีส่วนผสมที่เราแพ้ หรือ ทำให้เกิดการแพ้หรือไม่
-หากมีส่วนประกอบที่ก่อให้เกิดการแพ้ต้องบอกอย่างชัดเจน เช่น มีน้ำหอม แอลกอฮอล์
-ผลิตภัณฑ์ต้องมีการบรรจุอย่างมิดชิด ปิดฝาสนิท ไม่มีอะไรปนเปื้อน
-หากเปิดใช้งานแล้วผลิตภัณฑ์มีกลิ่น สี ลักษณะที่แปลกออกไป ให้หลีกเลี่ยงการนำไปใช้งาน
เพราะบางคนมีผิวแพ้ง่าย ดังนั้นเราเลยอยากแนะนำครีมเวชสำอางของ ResiSkin ที่คนผิวแพ้ง่าย คนที่หน้ามีอาการแพ้สามารถใช้ได้ เพราะมี Extremolytes 7% ที่ช่วยในเรื่องของการฟื้นฟูผิวจากการอักเสบ จบทุกปัญหาผิวแพ้ แห้ง แดง ผื่น คัน ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่น พร้อมเสริมความแข็งแรงจากภายในให้ผิว ใครที่อยากดูแลผิวที่แพ้ง่าย หรือผิวที่มีอาการแพ้อยู่ ให้กลับมาดูดีและแข็งแรง ต้องลอง!!!
 
 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


158
สิ้นสุดการรอคอย ในที่สุดประเทศของเราก็ได้เปิดประเทศให้สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้แล้ว โดยเฉพาะที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอย่างทะเล ภูเขา เนื่องจากไม่ได้เที่ยวมานานทำให้หลายคนโดยเฉพาะสาย Vlog ต้องเตรียมที่จะถ่ายภาพ ถ่ายบรรยากาศที่เราได้ออกไปเที่ยวไปอัปโหลด ไปแชร์ให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน โดยเฉพาะกล้อง GoPro 10 ที่ถือว่าเป็นกล้องน้องใหม่ตัวล่าสุด ที่มาพร้อมกับสเปคสุดโหดที่หลายคนเลือกจะนำไปใช้งาน โดยเฉพาะกับการนำไปถ่าย Vlog เหตุผลอะไรกันที่ทำให้กล้องรุ่นนี้ถึงเป็นที่นิยมสำหรับสายนี้ วันนี้ทาง Aquapro เลยจะมาบอกเหตุผลสุดเจ๋งที่ว่าทำไมสาย Vlog ควรจะต้องใช้GoPro 10
 
ทำไม GoPro 10 คือที่สุดของสาย Vlog
หากคุณได้ติดตามข่าวสาร หรือ ได้เห็นการเปิดตัวของโกโปรน้องใหม่ตัวนี้มาบ้างแล้ว คงจะเห็นแล้วว่าทางโกโปรได้มีการอัปเดตสเปค การใช้งานต่างๆ ของกล้องรุ่นนี้ให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น เร็วมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นด้วยขนาดที่กะทัดรัด พกพาได้ง่าย น้ำหนักที่ลดลงทำให้กล้องGoPro 10 กลายเป็นขวัญใจของคนที่เป็นสาย Vlog ไปโดยปริยาย มาดูเหตุผลกันดีกว่าว่า เพราะอะไรจึงทำให้เจ้าโกโปรตัวนี้ถึงเจ๋ง
1 - กล้องหน้าที่ถ่ายได้ไหลลื่นมากยิ่งขึ้น
กล้องถือว่าส่วนที่สำคัญมากสำหรับการถ่าย Vlog โดยเฉพาะกล้องหน้า ในรุ่นนี้ได้มีการพัฒนากล้องหน้าให้ดีมากยิ่งขึ้น รุ่นนี้จะสามารถใช้งานได้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งต่างจากในรุ่น GoPro 9 ที่เมื่อใช้งานอาจจะทำให้รู้สึกหน่วงๆ ช้าเล็กน้อย รุ่นนี้มาพร้อมกับชิปตัวใหม่ที่ช่วยให้การใช้งานเสถียรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับส่งสัญญาณ การลดความหน่วง กระตุกเวลาใช้งาน และ ยังช่วยในเรื่องการประหยัดพลังงานอีกด้วย โกโปรรุ่นนี้เป็นรุ่นเดียวที่ใช้ชิปตัวใหม่ ทำให้กลายเป็นโกโปรรุ่นที่แรงที่สุด การประมวลผลต่างๆ เลยดีมากยิ่งขึ้น ทำให้เหมาะอย่างมากกับการนำมาถ่าย vlog ที่ต้องการความรวดเร็ว ลื่นไหลในการถ่าย
2 - ความละเอียดที่เพิ่มมากขึ้น เก็บได้ทุกดีเทล
ในเรื่องของความละเอียดของวิดีโอบอกเลยว่าในรุ่นGoPro 10 ทำได้ดีขึ้นกว่าในรุ่นก่อน เพราะให้ความละเอียดของภาพมากถึง 5K 60FPS ซึ่งจะเพิ่มเรื่องของเพิ่มเรทให้สูงขึ้นกว่าเดิม ทำให้ได้ภาพที่มีความละเอียดสูง และ ดูสมจริงมากกว่าเดิม นอกจากนั้นหากใครที่ไม่ต้องการได้วิดีโอที่ละเอียดเกินไปก็สามารถเลือกใช้เป็น 4K 120FPS / 2.7K 240FPS ได้เช่นเดียวกัน สามารถเลือกได้ตามความถนัด สไตล์รูปแบบการนำเสนอ ซึ่งเหมาะมากในการเลือกมาถ่าย Vlog เช่น ถ้าจะนำเสนอวิวก็ให้ใช้ความละเอียดสูงๆ ถ้าเน้นถ่ายเราเองก็อาจจะดรอปความละเอียดลงมาหน่อย
3 - โทนสีที่มีให้เลือกมากยิ่งขึ้น
โดยปกติแล้วเมื่อถ่ายวิดีโอจะต้องนำเอาไฟล์ไปแต่งสีต่อ เพื่อให้ได้สีที่สวยตามสไตล์ของคุณ แต่บางครั้งเพราะโทนสีที่ถ่ายออกมาไม่เหมาะสม ก็อาจจะทำให้เสียเวลาในการแต่งสีมากยิ่งขึ้น แล้วทำไมจะต้องไปนั่งแต่งสีให้ยุ่งยาก? เพราะในรุ่นของGoPro 10 ได้มีการอัปเกรดโทนสีของวิดีโอให้มากยิ่งขึ้นด้วย Color Profile ทำให้ได้โทนสีที่ดูสมจริง ไม่สดเกินไป ไม่อ่อนเกินไป เหมาะมากสำหรับในการนำไปแต่งสีต่อ หรือ สำหรับใครที่อยากจบหลังกล้องก็สามารถเลือกโทนที่สดหน่อยได้ ทำให้เมื่อถ่าย Vlog ก็จะได้วิดีโอที่สีสวยจบหลังกล้องได้เลยไม่ยุ่งยาก!!
>>อ่านบทความ วิธีใช้ GoPro 10 ถ่ายVlog ได้ที่นี่<<
4 - ไมโครโฟนที่คลอบคลุมทุกการใช้งาน
เรื่องของเสียงก็เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการ Vlog ในรุ่นGoPro 10 ให้เสียงที่ดีสำหรับการถ่าย Vlog มาพร้อมกับไมโครโฟนถึง 3 ตัว มาพร้อมกับระบบตัดเสียงรบกวน เสียงลมภายนอก ให้เสียงแบบ Stereo ทำให้ได้เสียงที่สมจริง ไมโครโฟนอาจจะเหมือนเดิมกับในรุ่นของ GoPro 9 แต่ก็ถือว่าครอบคลุมการใช้งานสำหรับการถ่าย Vlog แล้ว แต่สำหรับใครที่อยากได้เสียงแบบโปรมากๆ ก็อาจจะหาไมค์เสริมอีกตัว แต่หากใครไม่ได้เน้นโปรดักชั่นที่โปรมากๆ ไม่ชอบอุปกรณ์เยอะๆ แค่ไมโครโฟนที่มีในตัวก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้แล้ว
5 - เสริมให้กล้องเจ๋งขึ้นด้วยอุปกรณ์เสริม GoPro
ใครที่อยากถ่ายวิดีโอ ถ่าย Vlog ให้เจ๋งขึ้นง่ายขึ้นก็สามารถทำได้ เพราะโกโปรรุ่นนี้สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริม GoPro ได้หลากหลายที่ช่วยทำให้คุณถ่าย Vlog ได้โปรมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น
ไม้ 3 Way 2.0 ที่ช่วยให้คุณถ่าย Vlog ได้สนุกไม่ง้อผู้ช่วย เป็นได้ทั้งไม้เซลฟี่ แขนยืด และ ขาตั้งในตัว จะมุมไหนก็ถ่ายได้ลื่นไม่มีสะดุด
Media Mod โครงเคสที่ช่วยทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้ มาพร้อมพอร์ตเชื่อมต่อที่หลากหลาย และ ไมโครโฟนเสริมแบบ Short gun  ที่ช่วยทำให้สามารถรับเสียงได้รอบทิศมากยิ่งขึ้น
Light Mod โฟเสริม LED ที่สามารถปรับความสว่างได้มากถึง 4 ระดับ ที่ช่วยทำให้คุณถ่าย Vlog ได้ไม่ต้องง้อแสงอาทิตย์ ใช้งานได้ยาวนาน แถมยังใช้งานในน้ำได้อีกด้วย
สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสิรมได้เยอะมากๆ ทำให้การ Vlog ของคุณสะดวกมากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกล้องโกโปร แถมยังทำให้วิดีโอของคุณโปรมากขึ้นอีกด้วย จะถ่ายกลางวัน กลางคืนก็ไม่มีกังวล แล้วถ้าใครสนใจอุปกรณ์เสริมอื่นๆ โดยเฉพาะอุปกรณ์สำหรับสาย Vlog ก็สามารถเข้าไปอ่านได้ในลิ้งค์ด้านล่างเลย
>>อ่านบทความ อุปกรณ์เสริมGoPro 10 สำหรับสาย Vlog ได้ที่นี่<<
6 - ตัดวิดีโอได้ง่ายด้วยแอปพลิเคชั่น GoPro
สำหรับใครที่อยากตัดต่อวิดีโอ แต่ตัดวิดีโอไม่เก่ง หรือ ไม่ชอบความยุ่งยาก อยากจอัปโหลดวิดีโอไวๆ บอกเลยว่าในรุ่นนี้สามารถทำการเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชั่น GoPro Quik ได้เลยซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นตัดต่อของทาง GoPro ที่ช่วยทำให้คุณตัดต่อได้บทโทรศัพท์มือถือได้เลน มาพร้อมฟิลเตอร์ให้คุณได้เลือกใช้มากมาย ซึ่งถือว่าตอบโจทย์สาย Vlog มากๆ เพราะว่าถ่ายเสร็จก็ตัดต่อแล้วอัปโหลดผ่านมือถือได้เลย ใครที่ถ่าย Vlog สายท่องเที่ยว สายลุย แล้วไม่อยากจะพกคอมไปด้วย ก็ตัดต่อในแอปได้เลย โครตง่าย!!! สามารถทำได้แม้คุณจะเป็นมือใหม่ที่เริ่มตัดต่อก็ตาม
>>อ่านบทความ GoPro Quik ได้ที่นี่<<

ทำไม GoPro 10 ถึงดีสำหรับสาย Vlog
-ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอได้คมชัด เหมาะมากสำหรับการที่เน้นการนำเสนอวิว บรรยากาศต่างๆ แถมยังถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีมากยิ่งขึ้น ช่วยลดนอยส์ในภาพ ทำให้ได้ภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม และ ยังสามาถใช้งานร่วมกับโหมด SuperPhoto ได้เร็วขึ้นอีกด้วย ทำให้เก็บได้ทุกรายละเอียดของภาพ ไม่มีตกหล่น
-ประมวลผลเร็วขึ้น ใช้งานได้ลื่นขึ้น แถมประหยัดพลังงานขึ้นด้วย ทำให้ใช้งานได้อึดกว่าเดิมมาก และ ประสิทธิภาพเพิ่มเป็นเท่าตัว ไม่ว่าจะเรื่องของความละเอียด เฟรมเรทต่างๆ การสโลโมชั่น ซึ่งช่วยให้ถ่ายได้นานขึ้น ดีขึ้นกว่าเดิม
-กันสั่นเจ๋งที่สุด มาพร้อมกับโหมด HyperSmooth 4.0 เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดที่ช่วยทำให้ภาพของคุณนิ่งไม่ต้องง้ออุปกรณ์เสริม นอกจากนั้นยังใช้งานร่วมกับ Horizon Leveling ได้อีกด้วย และ สามารถถ่ายได้กว้างขึ้นถึง 45 องศา ช่วยให้วิดีโอลื่นไหลไม่มีสะดุด
-live stream ได้ง่ายขึ้น ประมวลผลเร็วขึ้น แถมยังช่วยลดการดีเลย์อีกด้วย นอกจากนั้นการถ่าย Webcam ยังสามารถถ่ายได้แบบ Full HD ได้อีกด้วย ใครที่ชอบไลฟ์ Webcam บอกเลยว่าต้องห้ามพลาด
-Upload ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะส่งไฟล์ผ่าน Cloud , GoPro QuiK , ส่งเข้าคอมพิวเตอร์ เข้ามือถือ นอกจากนั้นก็การอัปโหลดก็ยังรวดเร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย หากส่งข้อมูลผ่าน Wi-Fi จะเร็วขึ้นถึง 30% กว่ารุ่นก่อนๆ และ ถ้าต่อสายต่อตรงเข้ากับอุปกรณ์จะความเร็วถึง 40-50%
 
GoPro10จะให้คุ้มต้องที่ร้าน Aquapro
สุดคุ้มซื้อ GoPro 9 GoPro 10 โปรโมชั่น และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่ได้รับการรับรองจากทางเมนทาแกรมแล้ว ร้านของเรามาพร้อมกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี โปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


159
แท็กคุณผู้ชายมาอ่านเดี๋ยวนี้!!! ในช่วงก่อนที่จะถึงวันนั้นของเดือน เป็นช่วงที่ผู้หญิงอย่างเรามักจะมีอารมณ์อ่อนไหว อารมณ์แปรปรวนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาการหงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย อยากอาหารมากเป็นพิเศษ  เครียด อยู่ดีๆ ก็มาเหวี่ยงใส่หนุ่มๆ ไอ้เจ้าอาการเหล่านี้เป็นหนึ่งในสัญญาณ อาการเมนส์จะมา ที่คุณผู้ชายหลายๆ คนไม่รู้!!! การที่สาวๆ อย่างเรางี่เง่าก่อนเมนส์จะมา เราห้ามตัวเองไม่ได้นะคะ ไม่ใช่ว่าอยากจะงี่เง่าแต่หนุ่มๆ ต้องเข้าใจด้วยว่าฮอร์โมนในร่างกายไม่สามารถควบคุมได้นะคะหนุ่มๆ เข้าใจผู้หญิงอย่างเราหน่อยนะคะ มาทำความเข้าใจอาการของสาวๆ ก่อนที่เมนส์จะมากันดีกว่าค่ะ จะได้เตรียมรับมือได้ถูกวิธี!!!
"แท็กแฟนหนุ่มมาอ่านเลยค่ะถ้าคุณอยากให้เขาเข้าใจเราเวลาเมนส์จะมา"

อาการเมนส์จะมา ที่คุณผู้ชายควรจะรู้
อาการก่อนเมนส์จะมาเป็นอาการที่สาวๆ หลายคนจะต้องเจอ แต่ละคนก็อาจจะมีอาการแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นด้านร่างกาย หรือ ด้านอารมณ์ความรู้สึกก็ตาม บางคนอาจจะมีอาการแค่ด้านใดด้านหนึ่ง บางคนอาจจะมีทั้งสองด้านเลย อาการเหล่านี้แหละที่ทำให้สาวๆ อย่างเรามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในช่วงวันแดงเดือด
อาการทางด้านร่างกาย - รู้สึกคัดตึงเต้านม ตัวบวม เป็นสิว บางครั้งก็ท้องผูก ท้องเสีย รู้สึกอยากอาหารมากกว่าปกติ มีอาการนอนไม่หลับ หรือ อาการนอนมากเกินไป (นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ)
อาการทางด้านอารมณ์ - จะรู้สึกหงุดหงิดมาก อารมณ์แปรปรวน โกรธง่าย เครียด อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ บางครั้งก็ทำให้รู้สึกอ่อนไหวง่าย ร้องไห้ง่ายกว่าปกติ
อาการเหล่านี้จะปรากฏก่อนช่วงที่เมนส์จะมาประมาณ 7 - 10 วัน และ จะหายไปเมื่อประจำเดือนมา ซึ่งอาการเหล่านี้ก็อาจจะอาศัยปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยไม่ว่าจะเป็นการทานอาหาร การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ความเครียดสะสม และ เหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้อ่อนไหวมากยิ่งขึ้นในช่วงก่อนประจำเดือนมาซึ่งเจ้าอาการเหล่านี้เรียกว่า PMS (Premenstrual Syndrome) และ หากมีอาการหลายอาการร่วมกัน และ มีความรุนแรงก็จะเรียกว่า PMDD (Premenstrual Dysphoric Disorder) สองกลุ่มอาการนี้เป็นอาการที่ใช้เพื่อบอกว่าประจำเดือนของสาวๆ ไกลจะมาแล้วนั่นเอง หากมีอาการเหล่านี้คุณผู้ชายช่วยเข้าใจหน่อยนะคะ ดังนั้นคุณผู้ชายจะต้องรับมือกับอาการก่อนเมนส์มาให้ถูกต้อง หากดูแลถูกวิธีก็จะแฮปปี้ทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน!!!
อยากดูแลคนรู้ใจเวลาที่มี อาการก่อนเมนส์มา ต้องรับมืออย่างไร???
หลายคนเวลาที่คนรู้ใจ หรือ แฟนสาวของคุณมีอาการ PMS เกิดขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หงุดหงิด โมโห ดราม่า ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี? พอแฟนสาวโมโห หงุดหงิดมากๆ ก็เผลอทะเลาะกันเฉยเลย (ก็คุณแฟนสาวมางี่เง่าใส่ก็ต้องเผลอบ้างจริงมั้ยคะหนุ่มๆ) แต่จริงๆ แล้วหนุ่มๆ สามารถรับมือกับอาการเหล่านี้ของสาวๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น
ระวังคำพูด ต้องพูดจาเพราะๆ
เพราะในช่วงก่อนเมนส์มาอารมณ์ของสาวๆ จะอ่อนไหวมากคำพูดบางคำที่ไม่ได้รุนแรงมากก็อาจจะทำให้โมโห หรือ ดราม่าได้ง่าย ในช่วงก่อนประจำเดือนมาก็ให้ระวังคำพูดหน่อยนะคะ ไม่ใช่เห็นแฟนหงุดหงิดก็ไปหงุดหงิดใส่ ถ้าเป็นแบบนั้นก็เหมือนเอาน้ำมันไปราดกองไฟชัดๆ (ถ้าแฟนสาวร้อนเราจะต้องเย็นเข้าไว้นะคะ) ควรพูดจาเพราะๆ พูดจาน่ารักน่าฟัง เช่น ตัวเองใจเย็นๆ ก่อนนะ (ถ้าน้ำเสียงอ้อนด้วยอาจจะให้ผลที่ดีมากยิ่งขึ้น) หรือ เค้าขอโทษตัวเองจริงๆ ขอโทษนะ (ไม่รู้จะพูดอะไร ก็ให้เน้นขอโทษไปก่อนนะคะหนุ่มๆ) เน้นการพูดอ้อน พูดหวานเหมือนช่วงจีบกันใหม่ๆ ก็จะช่วยให้อารมณ์ที่ร้อน หงุดหงิดเบาลงได้เยอะนะคะหนุ่มๆ แล้วในช่วงนี้ถ้าคุณแฟนเผลอไปบ่นอะไร ก็ยอมๆ ไปก่อนนะคะ
การเอาใจใส่ก็สำคัญ
นอกจากคำพูดแล้ว การกระทำก็ถือว่าทำให้อารมณ์ของสาวๆ ดีขึ้นได้ อย่างเช่น การหาอาหารอร่อยๆ มาให้ทาน การชวนดูหนังที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สำคัญมากในช่วงที่สาวๆ รู้สึกอ่อนไหวง่ายหนุ่มๆ อาจจะหากิจกรรมที่มาทำร่วมกัน เพื่อช่วยให้อารมณ์ดี เช่น การดูหนังตลก หนังการ์ตูน การจัดที่นอนสบายๆ เปิดแอร์เย็นๆ เพราะ ว่าการใส่ใจจะทำให้สาวๆ รู้สึกดี รู้สึกผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกแฮปปี้ขึ้นมาจากที่หงุดหงิดอยู่ หรือ ไม่ก็แค่โอนเงินให้สาวๆ ไปช็อปปิ้งแค่นี้ก็แฮปปี้ทั้งคู่แล้วละค่ะ แต่ห้ามทำตัวห่างเหิน ไม่สนใจเด็ดขาดนะ ไม่ใช่ว่าแฟนสาวงี่เง่าก็ไม่สนใจ แบบนี้ผิดนะคะ ห้ามทำเด็ดขาด!!! เพราะจะยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิดยิ่งขึ้น แล้วอาจจะทำให้สาวๆ รู้สึกจิตตก เพราะความไม่ใส่ใจของคุณก็เป็นได้
อาหารช่วยคุณได้
ของอร่อยกับสาวๆ มักเป็นของคู่กันโดยเฉพาะพวกของหวาน ในช่วงก่อนที่เมนส์จะมาความอยากอาหารของสาวๆ จะทวีคูณมากยิ่งขึ้น จะรู้สึกหิวตลอดเวลา หากแฟนสาวของคุณมีอาหารหงุดหงิด งี่เง่าก็ลองซื้อของกินอร่อยๆ ของโปรดมาให้ดูสิคะ เช่น ชานมไข่มุก เค้ก ช็อกโกแลต รับรองได้ว่าร้อยทั้งร้อยก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่ก็ต้องระวังการกินพวกคาเฟอีนเยอะๆ หรือ แอลกอฮอล์ด้วย เพราะจะทำให้อาการยิ่งแย่ลง แต่ยังไงอาหารก็สามารถช่วยทำให้อารมณ์ของสาวๆ เย็นลงได้ ถ้าแฟนสาวของคุณงี่เง่าอย่าลืมที่จะไปหาของอร่อยมาให้เธอกินนะคะ
อดทนให้ผ่านช่วงนี้ของเดือนไป
อย่าสุดท้ายคือหนุ่มๆ จะต้องอดทน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทนแค่ไม่กี่วันเท่านั้นค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรแต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ควรจะคุยด้วยเหตุผลพร้อมกับคำพูดหวานๆ เช่น ที่รักมาโมโหใส่เขาแบบนี้ไม่ถูกนะคะ เพราะอาการเหล่านี้มันเป็นเรื่องของฮอร์โมนภายในที่ไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นถึงแม้ว่าในช่วงก่อนวันนั้นของเดือนสาวๆ จะเกิดอะไรขึ้นก็อย่าให้อารมณ์มาอยู่เหนือเหตุผลนะคะ หนุ่มๆต้องเข้าใจสาวๆ หน่อย!!!
เพราะอาการก่อนที่เมนส์จะมาเหล่านี้ เราไม่สามารถไปห้ามได้ ดังนั้นหนุ่มๆ ควรจะปรับตัว และ ทำความเข้าใจสาวๆ หน่อยว่าในช่วงนี้เธอจะมีอาการหงุดหงิด โมโหง่าย ดราม่าง่าย เป็นเรื่องปกติ และ เมื่อทำความเข้าใจได้แล้ว ก็ค่อยหาจังหวะมานั่งคุยกันหากว่าสาวๆ งี่เง่ามากเกินไป (แต่ห้ามไปคุยในช่วงก่อนเมนส์มาเด็ดขาดนะ ถ้าไม่อยากให้ระเบิดลง!!!) เพียงแค่นี้คุณก็จะเข้าใจแฟนสาวมากขึ้นแล้วล่ะ!!! แต่ถ้าสาวๆ คนนี้มีอาการหงุดหงิดในช่วงมีประจำเดือนด้วยแล้ว ยาแก้ปวดท้องเมนส์ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่คุณผู้ชายควรจะต้องหามาติดบ้านเลยนะ ยาแก้ปวดท้องเมนส์นอกจากจะช่วยในเรื่องการปวดท้องเมนส์ก็เป็นอีกต้นเหตุทำให้สาวๆ เกิดโมโห งี่เง่า ในช่วงวันนั้นของเดือน แต่ก็ควรเลือกตัวยาที่เป็น Etoricoxibl สะดวกเพราะกินแค่วันละเม็ดเมื่อมีอาการ กินเวลาไหนก็ได้ เพราะไม่ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารแบบยากลุ่มเดิมๆ หากเลือกไม่ดีแล้วระคายเคืองอาจจะทำให้ระเบิดลงมากกว่าเดิมก็ได้ เพราะผู้หญิงที่เป็นเมนส์อะไรไม่ถูกใจนิดๆ หน่อยๆ องค์แม่ก็ลงแล้ว!!! (น่ากลัวจริงๆ นะคะหนุ่มๆ ขอเตือนไว้ก่อน!!!)
 
 
Sistalk เว็บไซต์ที่สาวๆ ไม่ควรพลาด
อย่าพลาดบทความเกี่ยวกับสุขภาพ และ เรื่องผู้หญิงๆ ได้ที่ Sistalk เท่านั้น ถ้าไม่อยากพลาดบทความที่มีประโยชน์ อย่าลืมกดติดตามช่องทางต่างๆ เอาไว้ด้วยนะคะ และ นอกจากบทความนี้คุณยังสามารถเข้าไปอ่านบทความเจ๋งๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความเกี่ยวกับความรัก สุขภาพ เรื่องลับๆ ของผู้หญิง ถ้าอยากรู้ต้องอย่าลืมไปอ่านบทความต่างๆ ด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
ใครไม่Talk SisTalkนะคะสาวๆ
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


160
หากพูดถึงโรคผิวหนังอักเสบยอดฮิตที่พบได้บ่อยอีกโรคหนึ่ง ก็คงจะหนีไม่พ้นโรค สะเก็ดเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคผิวหนังที่หลายๆ อาจจะยังไม่รู้จัก หรือ ยังไม่เคยเป็นแต่ก็ไม่ควรที่จะมองข้าม เพราะโรคนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่ต้องรีบรักษา เพราะไม่งั้นอาจจะลุกลามไปทั่วร่างกายได้ ซึ่งส่วนมากมักจะมีอาการคล้ายโรคผื่น โรคผิวหนังทั่วไป จนทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดว่าเป็นแค่อาการระคายเคือง อาการแพ้บริเวณผิวหนัง มาทำความรู้จักโรคสะเก็ดเงินกันดีกว่า
 
ทำความรู้จักสะเก็ดเงิน คืออะไร?
โรคสะเก็ดเงิน เป็นหนึ่งในโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่ง ที่พบได้ตั้งแต่ศีรษะ ใบหน้า และ ส่วนอื่นๆ ทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในส่วนของข้อศอก หัวเข่า (เพราะเป็นจุดที่เกิดการเกา การเสียดสีบ่อยที่สุด) โรคสะเก็ดเงินถือว่าเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่สามารถแพร่เชื้อกันได้ และ ไม่ใช่โรคติดต่อดังนั้นไม่ต้องกังวล แต่ก็เป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากหลายสาเหตุ
-การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
-ภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ
-การแบ่งเซลล์ผิวหนังที่เร็ว
-การเจริญของผิวหนังที่ไม่สมบูรณ์
-การอักเสบที่ชั้นใต้ผิวหนัง / การที่ผิวแห้ง
-เซลล์ใต้ผิวหนังที่มีวงจรชีวิตสั้น
-คนที่มีน้ำหนักตัวมาก คนที่เป็นเบาหวาน
-การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ ยารักษาโรคทางจิต ยาโรคหัวใจบางชนิด
-โดนกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น สภาพอากาศ ความเครียด การติดเชื้อจากการบาดเจ็บที่ผิวหนัง

ประเภทและชนิดของโรคสะเก็ดเงิน
ผื่นที่เกิดจากโรคสะเก็ดเงิน จะมีหลายรูปแบบแตกต่างกันไปตามประเภทของโรคสะเก็ดเงิน บางคนอาจจะมีผื่นขึ้นเฉพาะจุด บางคนมีผื่นขึ้นหลายจุด และ แต่ละจุดมีลักษณะผื่นที่ต่างกันออกไป บางคนก็มีผื่นเฉพาะพื้นที่ตรงบริเวณที่เกิดการเสียดสี เช่น บริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ศีรษะ ไรผม ข้อศอก หัวเข่า บางคนก็มีผื่นเล็กๆ กระจายทั่วตัว บางคนก็เป็นลักษณะจุดสีน้ำตาลบนปลายเล็บ หรือ ตรงข้อนิ้ว แถมยังมีอาการอักเสบร่วมด้วย
ผื่นหนา (Plaque psoriasis) ชนิดที่พบบ่อยที่สุด มีอาการเป็นผื่นแดงขอบชัด มีขุยหนาสีขาวหรือสีเงินปกคลุม
ผื่นแดงลอกออกเป็นขุย เป็นสะเก็ด (Erythrodermic psoriasis) ตามจุดต่างๆ และ คันตามร่างกาย
ผื่นหนาเล็กๆ (Guttate psoriasis) กระจายทั่วตัว (บางคนผื่นก็จะหายไปเอง บางคนก็จะเป็นผื่นเรื้อรัง)
ผื่นตุ่มหนอง (Pustular psoriasis) จะทำให้เกิดการอักเสบแดง สามารถกระจายได้ทั่วร่างกาย บางคนอาจจะมีไข้ร่วมด้วย
สะเก็ดเงินบริเวณมือเท้า (Palmoplantar psoriasis) เป็นบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ลักษณะเป็นผื่นแดงขอบเขตชัดเจน ขุยลอก อาจพบลามมาบริเวณหลังมือ หลังเท้าได้
นอกจากนั้นยังมีรูปแบบอื่นที่ไม่ได้พบตามใบหน้า ข้อศอก แต่จะพบได้ที่เล็บ ที่จะเรียกกันว่า เล็บสะเก็ดเงิน (Psoriatic nails) และ รูปแบบอื่นๆ ที่จะปรากฏไม่บ่อยนัก บางครั้งก็จะมีอาการปวดข้อร่วมด้วย (อาการข้ออักเสบ) ในคนที่มีอาการรุนแรง หากเป็นนานๆ แล้วไม่รักษาจะทำให้มีอาการข้ออักเสบได้ และ หากรักษาข้อไม่ถูกต้องอาจทำให้ข้อผิดรูป จนถึงขั้นพิการได้
โรคสะเก็ดเงินนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ!!!
โรคนี้ไม่ใช่โรคที่จะสามารถติดต่อกันได้ แต่เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ซึ่งอาการเหล่านี้จะแสดงออกแตกต่างกันไปแล้วแต่ตัวบุคคล มีทั้งอาการที่รุนแรงน้อย ไปจนถึงมีอาการรุนแรงมาก ซึ่งการรักษาก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ
หากอาการไม่รุนแรงมาก (ผื่นมีขนาดเล็กกระจายน้อยกว่า 10% ของร่างกาย) ก็สามารถรักษาได้ด้วยการดูแลตัวเอง เช่น การทายาเฉพาะจุด
หากมีอาการรุนแรง (ผื่นมีขนาดใหญ่กระจายมากกว่า 10% ของร่างกาย) รวมทั้งมีอาการปวดข้ออย่างรุนแรงก็ต้องไปพบแพทย์เพื่อที่จะรักษา ทั้งการทานยา การฉายแสง การฉีดยา
 
การดูแลผิวเมื่อเป็น สะเก็ดเงิน ต้องทำยังไง???
พยายามอย่าแกะ อย่าเกาบริเวณที่เป็นสะเก็ดเงิน เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นได้ หากมีอาการคันก็อาจจะใช้ยาทาเฉพาะจุด แต่ต้องระวัง เพราะยาบางชนิดโดยเฉพาะยาที่ต้องทาก็อาจมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ไม่เหมาะสำหรับคนที่มีอาการน้อยๆ เพราะจะทำให้อาการรุนแรงขึ้น หรือ เกิดอาการขึ้นอีกครั้งได้ในกรณีที่ผื่นไม่ค่อยขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ ไม่ควรซื้อยามาทานเอง
ในการล้างหน้าล้างตัว ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน เช่น สบู่เด็ก สบู่ที่ปราศจากสารปรุงแต่งอย่างน้ำหอม สี พาราเบน สารสังเคราะห์ สบู่ที่มีค่า PH ที่ไม่ทำร้ายผิว
ทาครีมบำรุงเสริมความชุ่มชื่นให้ผิวสม่ำเสมอ เพราะว่าเมื่อเป็นสะเก็ดเงินผิวของคุณจะแห้งมาก และ หลุดลอกเป็นแผ่น ดังนั้นการบำรุงด้วยพวกโลชั่น สกินแคร์ เวชสำอางที่ช่วยลดอาการผิวแห้ง ทำให้รู้สึกว่าผิวนุ่มขึ้น เป็นการช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวจากภายใน และ ลดอาการกำเริบของสะเก็ดเงิน
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ และ การสูบบุหรี่ เพราะแอลกอฮอล์ บุหรี่ จะไปช่วยกระตุ้นทำให้ผื่นลุกลามหนักขึ้นมาได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยง ส่วนอาหารสามารถทานได้ปกติ ไม่มีผลต่อโรคนี้
ควบคุมน้ำหนักให้พอดี เนื่องจากคนที่มีน้ำหนักเกิน อ้วนลงพุง คนเป็นเบาหวาน จะทำให้เป็นโรคสะเก็ดเงินได้ง่ายกว่าคนปกติ เนื่องจากภูมิคุ้มกันที่ลดลง
พักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้แจ่มใส ทำจิตใจให้แจ่มใสอย่าเครียด เช่น นอนให้ครบ 6-8 ชั่วโมง ออกกำลังกายเป็นประจำ พยายามอย่าเครียดมาก
หากมีอาการรุนแรงต้องไปพบแพทย์ เพื่อทานยา หรือ ฉายแสง เพื่อทำการรักษาในกรณีที่ผื่นมีขนาดใหญ่ และ กระจายทั่วร่างกาย
เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดโอกาสที่ผิวของคุณจะเกิดการกำเริบของโรคสะเก็ดเงินได้แล้ว แต่ถ้าคุณอยากที่จะเสริมให้ผิวของคุณแข็งแรงยิ่งขึ้นไปอีก รวมถึงป้องกันการอักเสบที่เป็นสาเหตุสำคัญของการกำเริบของสะเก็ดเงิน เราขอแนะนำ ResiSKIN ครีมเวชสำอางที่มีส่วนผสมของ Extremolytes เข้มข้นถึง 7.0 % ที่จะช่วยจบทุกปัญหาผิวอักเสบ แห้ง แดง ผื่น คัน พร้อมเสริมให้ผิวแข็งแรงขึ้นจากภายใน เป็นเวชสำอางที่เหมาะมากกับคนที่มีปัญหาผิวอักเสบ สะเก็ดเงิน หรือเซ็บเดิร์ม
 
ทำให้ผิวกลับมาสตรองดังเดิม ฟื้นคืนความแข็งแรงจากภายในให้ผิวด้วยResiskin

 
ใครที่สนใจสั่งซื้อ ResiSKIN สามารถกดที่ link ด้านล่างนี้ได้เลย
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


161
ใครที่อยากหุ่นเป๊ะ หุ่นปังแบบดารา ไอดอล การกินก็ถือว่าเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หุ่นดีอีกด้วย โดยเฉพาะยิ่งในวันที่ต้องการอยากจะให้หุ่นดูดี เช่น ในวันพิเศษๆ อย่างวันที่ไปเดทกับแฟน วันไปปาร์ตี้กับเพื่อนๆ วันแต่งงาน บางครั้งจะไปออกกำลังกายก็ไม่ทัน ยิ่งเป็นคนที่ขี้เกียจออกกำลัง ออกไปได้แค่นิดเดียวก็ไม่ไหวแล้วแต่ดันอยากได้หุ่นดีๆ หากสาวๆ คนไหนที่อยากหุ่นดีโดยไม่ต้องออกกำลังกายลองหันมาใช้วิธีนี้ดูสิคะกับเทคนิคการ ทำ IF เทคนิคการลดหุ่น
มารู้จัก IF คืออะไร มีการทำงานอย่างไร???
หลายๆ คนจะเข้าใจผิดว่าการทำ IF หรือ ชื่อเต็มๆ  Intermittent Fasting เป็นการลดน้ำหนัก แต่จริงๆ แล้ว IF ไม่ใช่การลดน้ำหนักแต่เป็นการปรับวิธีการกินอาหาร โดยจะเป็นการปรับช่วงเวลาในการกินอาหาร ทำให้ร่างกายคุ้นชินกับการกินแบบนี้ โดยจะแบ่ง ช่วงที่ทานอาหารได้ (Feeding) และ ช่วงที่อดอาหาร (Fasting) เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายนำไขมันที่สะสมเอาไว้มาใช้มากขึ้น ทำให้มีการเผาผลาญพลังงานมาก และ ช่วยลดการสะสมของไขมันลง เนื่องจากช่วงที่เราอดอาหารจะเป็นช่วงที่ระดับอินซูลิน(ระดับน้ำตาลในเลือด)ลงต่ำลง จากนั้นร่างกายจะทำการหลั่ง Growth Hormones ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยการทำงานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เพื่อเร่งการเผาผลาญพลังงานในช่วงเวลาที่อดอาหารอยู่นั่นเอง
ทำ IF ควรทานในช่วงเวลาไหน?
การทำ IF สามารถทำได้หลายช่วงเวลา เพราะแบ่งหลังๆ เป็นแค่ 2 ส่วนใหญ่ๆ คือช่วงกิน และ ช่วงอด โดยให้ปรับการทานให้เข้ากับสไตล์การใช้ชีวิตของตัวเอง ซึ่งการกินแบบนี้แบ่งออกได้เป็นหลายรูปแบบ โดยหลักๆ จะมี 6 วิธีที่ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีความแตกต่างกัน
Lean gains / 16 : 8 กิน 8 อด 16 ชั่วโมง
Fast 5 กิน 5 อด 19 ชั่วโมง
Eat stop eat อด 24 ชั่วโมง 1-2 ครั้ง / สัปดาห์
5 : 2 กินปกติ 5 วัน กินแบบ IF 2 วัน
The warrior diet อดอาหารเช้า กินอาหารค่ำ (มื้อเดียว)
ADF (Alternate Day Fasting) กินแบบ IF วันเว้นวัน
Lean gains / 16 : 8
เป็นการกินแบบ IF ที่เหมาะสำหรับคนหัดเริ่มที่จะกิน และ ยังเป็นรูปแบบที่นิยมกันมาก เนื่องจากในช่วงที่อดอาหารก็ยังเป็นช่วงที่สามารถทนได้ เป็นการกินอะไรก็ได้ในช่วง 8 ชั่วโมง และ ให้อดอาหารเป็นเวลา 16 ชั่วโมง เช่น เริ่มกินข้าวตอน 10 โมงเช้า แสดงว่าจะสามารถกินได้ถึง 6 โมงเย็น และ พอช่วง 1 ทุ่มต้องห้ามกินอะไร แต่สามารถทานน้ำเปล่าได้หากหิว (อัดน้ำเปล่าเยอะๆ ไปเลย) กินอะไรก็ได้แต่ก็ควรกินให้เพียงพอ และ พอดีกับปริมาณที่ต้องการต่อวันโดยเฉพาะโปรตีน
Fast 5

เป็นการทำ IF ที่จะโหดขึ้นมากว่าเดิม วิธีนี้ไม่ค่อยแนะนำสำหรับมือใหม่หัดกินมากนัก เพราะว่าจะมีช่วงเวลาที่ทานอาหารได้เพียงแค่ 5 ชั่วโมงเท่านั้น (ถือว่าโหดมากสำหรับมือใหม่ที่ทานอาหารครบ 3 มื้อมาตลอด) และ จะอดอาหารเป็นเวลา 19 ชั่วโมง เช่น เริ่มกินตอน 10 โมงเช้า จะทานข้าวได้ถึงแค่ตอน 3 โมงเย็น ซึ่งถ้าใครที่กลัวหิวข้าวตอนเย็นๆ อาจจะต้องปรับเวลามาทานให้ช้าลงอีก อาจจะเริ่มทานตอนเที่ยงก็ได้ ใครที่ทำรูปแบบนี้ต้องกินอาหารให้เพียงพอต่อวัน ห้ามกินน้อยเด็ดขาดเดี๋ยวหิว
Eat stop eat
เป็นการกินที่จะมี 1-2 วันต่อสัปดาห์ที่จะทำการอดอาหาร 24 ชั่วโมง ส่วนวันอื่นที่ไม่ใช่วันที่กินแบบ IF (Fasting) ก็สามารถกินได้แบบปกติไม่ต้องอด หากเป็นมือใหม่อาจจะเริ่มอดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง แล้วค่อยเพิ่มเป็น 1- 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เช่น อาทิตย์หนึ่งจะอดอาหารทุกวันศุกร์ พอเริ่มชินแล้วอาจจะปรับเป็นอดอาหารทุกวันอังคาร ศุกร์ แล้วแต่สไตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคนเลย วิธีนี้อาจจะทำให้คนที่กินปกติหิวมากในช่วงวันที่อด เลยไม่ค่อยเหมาะสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก เพราะจะทำให้หิวมากกว่าปกติได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าวันก่อนจะอดอาหารจะอัดอาหารจนอ้วกแตกก็ไม่ได้นะ (ช่วงที่อดถ้าทนไม่ไหวให้ทานอาการแคลต่ำๆ ได้)
5 : 2
รูปแบบนี้เป็นการกินอาหารแบบปกติ 5 วัน และ อีก 2 วัน ก็จะทานเป็นแบบ IF โดยวันที่ทำ IF ควรจะเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 2-3 วัน โดยวันที่กินแบบ IF (Fasting) จะไม่อดอาหารแต่จะเน้นเป็นการลดปริมาณอาหารลง กินในปริมาณแคลที่กำหนด เช่น กินแบบ IF วันอังคารจะกินอีกทีก็อาจจะเป็นวันศุกร์ วิธีนี้จะทำให้ทานอาหารได้ปริมาณน้อยลง ให้กินอาหารที่เพียงพอไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน (ถ้ากลัวกินเยอะก็ให้ทานอาการแคลต่ำๆ แทน)
The warrior diet
รูปแบบนี้จะคล้ายกับการกินอาหารแบบพระ จะแบ่งออกเป็นกินตอนเช้า ไม่กินเย็น และ ไม่กินอาหารเช้า แต่จะกินแค่ในช่วงเย็น ส่วนใหญ่มื้อที่กินจะกินเป็นมื้อใหญ่มื้อเดียว ในช่วงที่อดอาหารก็ให้ดื่มน้ำอัดไปเยอะๆ โดยจะเป็นการอดอาหารประมาณ 20 ชั่วโมง ถึงแม้จะกินมื้อใหญ่ได้ก็ควรเน้นพวกโปรตีน เช่น ตอนเช้าหักดิบไม่กินอะไรเลย พอตอนเย็นก็กินมื้อใหญ่ไปเลย (แต่ไม่ใช่กินแล้วไปนอนเลยนะ ควรเว้นช่วงให้ย่อยด้วยไม่งั้นระวังกรดไหลย้อยนะจ๊ะ)
ADF
เป็นการกิน IF (Fasting) แบบวันเว้นวัน ซึ่งถือว่าโหดสุดๆ โดยวันที่ทำ IF จะทำการอดอาหาร ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะกับคนที่มีวินัย เพราะถ้าไม่ทำต่อเนื่องอาจจะทำให้โหยกว่าเดิมได้ ช่วงที่อดถ้าทนไม่ไหวให้ทานอาการแคลต่ำๆ ได้ซึ่งให้ผลดีกว่าการอดอาหารไปเลย อีกทั้งยังทำให้ไม่โหยหนักในวันที่กินได้ปกติอีกด้วย
 
ทำ IF แบบไหนดีถึงจะเหมาะกับเรา
รูปแบบการทำ IF ให้เลือกให้เหมาะสมกับสไตล์ของแต่ละคน ไม่ใช่ว่าทำตามคนอื่นๆ หรือ จะหักดิบเอาวิธีโหดๆ เพราะจะได้น้ำหนักลงไวๆ ไม่เพียงแค่จะลดน้ำหนักไม่ได้ผล แต่ยังทำให้เรารู้สึกโหย รู้สึกหิวหนักกว่าเดิมอีก ส่วนใครที่อยากให้น้ำหนักลงไวๆ ก็อาจจะทำการออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพราะว่าการกิน IF จะเป็นการเผาผลาญไขมัน ส่วนการออกกำลังกายจะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้รูปร่างกระชับ ให้ทำควบคู่กันไปอย่าพอดี เพียงเท่านี้หุ่นสวยก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
>>อ่านบทความ บอกลาขาใหญ่ใน 1 อาทิตย์ เพิ่มเติมที่นี่<<

สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


162
หลายคนไม่ชอบการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอในตอนกลางคืนมากนัก แต่เรื่องนี้ถือว่าไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับกล้องรุ่นนี้ เพราะว่าโกโปรรุ่นนี้ได้ทำการเปลี่ยนชิปจากเดิมที่ใช้ GP1 เปลี่ยนมาใช้เป็นชิป GP2 ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ช่วยในเรื่องการประมวลผล การทำงานที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น และ ยังช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีย่งขึ้นอีกด้วยมาพร้อมกับ 3DNR ที่ช่วยในเรื่องของการลดการเกิดนอยส์แม้จะถ่ายในที่แสงน้อยก็ตาม และ LTM ที่ช่วยทำให้การถ่ายในที่แสงน้อยดีขึ้น ภาพที่ได้มีความคมชัดขึ้น ซึ่งเหมาะมากในการนำมาถ่ายในตอนกลางคืน วันนี้ทาง AquaPro เลยจะมาแนะนำวิธีตั้งค่า GoPro 10 ถ่ายกลางคืน ยังไงให้โปรมากขึ้นง่ายๆ
วิธีตั้งค่า GoPro 10 ถ่ายกลางคืน ยังไงให้ออกมาปัง
อย่างที่เรารู้ๆ กันดีว่ากล้อง GoPro นับว่าเป็นกล้อง Action Camera ที่ถือว่ามีประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความละเอียดของภาพ วิดีโอที่ดีมากยิ่งขึ้นให้ความสมจริงของภาพ แต่ในเรื่องของการถ่ายภาพในที่แสงน้อยกลับทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ในไม่ใช่กับในรุ่น GoPro 10 เนื่องจากได้มีการปรับปรุงชิปตัวใหม่ที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้โหดขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว จะต้องตั้งค่าโกโปรอย่างไรมาดูกันเลย
ความละเอียดของไฟล์และเลนส์ที่ควรใช้ - การถ่ายในที่แสงน้อยเราจะไม่ใช้ความละเอียดที่มากนัก เพราะถึงใช้ความละเอียดสูงก็อาจจะทำให้ไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้หมด เนื่องจากจะมีบางจุดที่แสงเข้าไม่ถึงทำให้จุดนั้นมืด ถึงจะเลือกความละเอียดสูงแค่ไหนก็ไม่เห็นรายละเอียดมากนัก ให้เลือกใช้ความละเอียดที่ 4K พอส่วนเรื่องของเฟรมเรท (FPS) ให้เลือกตามความเหมาะสมไม่ว่าจะเป็น 30 หรือ 60FPS และ เลือก Bit rate : High เพื่อเวลาที่เราทำการอัปโหลดไฟล์ ไฟล์จะได้ยังมีความคมชัดอยู่ หากตั้งไว้ต่ำเวลาส่งออกอาจทำให้ไฟล์แตกได้ ส่วน Shutter จะเลือกอยู่ที่ 1/60 หรือ 1/120 ก็ได้โดยให้ดูแสงรอบๆ หากแสงน้อยมากก็อาจจะเลือกใช้เป็น 1/60 และ เลนส์ที่เลือกใช้ก็ให้เลือกให้เข้ากับการใช้งาน แต่อยากแนะนำเป็น Lens : Wide ซึ่งช่วยทำให้สามารถเก็บบรรยากาศรอบๆ ได้ดี แต่ขอแนะนำให้ทำการปิด HyperSmooth เนื่องจากโหมดนี้จะต้องใช้แสงมากหากเปิดไว้อาจจะทำให้ภาพที่ได้ออกมาไม่ค่อยดีนัก
ตั้งค่าสี -  ส่วน ISO Min : 100 และ ISO Max : 400 - 800 ให้เลือกให้เข้ากับความสว่างโดยรอบ แต่ไม่ควรเปิดเป็น Max เพราะจะทำให้เกิดยอนส์ เกรนในภาพมากขึ้น (ยิ่งเพิ่มความสว่างสูงๆ นอยส์ของภาพยิ่งมาก) และ ในเรื่องของสี Color : Flat จะเลือกเป็นโทนนี้ เพราะเป็นโทนที่จะทำให้ภาพมีสีจืดขึ้น ซึ่งจะดีต่อการถ่ายในที่แสงน้อย เพราะภาพจะสว่างขึ้น
ตั้งค่าแสงและความคมชัด - ในส่วนของสีจะทำการเลือก White balance : Auto ก็ได้หากใช้แล้วภาพที่ได้ออกมาพอดี แต่หากไม่สว่างอาจจะใช้เป็น 4000K เพื่อเพิ่มความสว่างให้แก่ภาพ  และ ในเรื่องของความคมชัด Sharpness : low เพราะยิ่งเพิ่มอาจจะทำให้เห็นนอยส์มากกว่าเห็นรายละเอียดของภาพ แต่หากใครที่เห็นว่ารายละเอียดไม่คมชัดอาจจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยได้
 
ตัวช่วย GoPro 10 ที่จะทำให้ยิ่งถ่ายกลางคืนได้ดีมากขึ้น
สำหรับการถ่ายภาพตอนกลางคืนโกโปรอาจจะทำได้ไม่ดีนัก แต่หากลองตั้งค่าตามที่เราแนะนำจะช่วยให้การถ่ายในที่แสงน้อยดีมากขึ้น แต่ก็อาจจะต้องอาศัยตัวช่วยบางอย่าง เพราะบางสถานการณ์ก็ไม่อำนวยต่อการถ่ายมากนัก แต่หากมีตัวช่วยเหล่านี้ก็จะทำให้สามารถถ่ายออกมาดูโปรมากขึ้น
ไม้เซลฟี่ เพราะว่าเราถ่ายในตอนกลางคืน ที่มีแสงสว่างน้อยทำให้หากเราถ่ายแล้วแสงเข้าไม่ถึงก็ทำให้จุดนั้นมองไม่เห็น ดังนั้นควรจะมีไม้เซลฟี่ซักอัน ที่ช่วยทำให้เราสามารถใช้เพื่อหามุมที่มีแสงได้มากขึ้น อย่างกรณีที่แสงอยู่ด้านบนก็ใช้ไม้เซลฟี่ยืดขึ้นไปเพื่อหาแสงสว่าง
ไฟเสริม หากตั้งค่าแล้วแสงก็ยังไม่พอ ขอแนะนำให้หาไฟเสริมสักตัวมาช่วยในการถ่าย หรือ จะใช้เป็น Light Mod ก็ได้ ทำให้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับกล้องได้ แถมเลือกไฟได้หลายระดับอีกด้วย
รีโมท จะช่วยให้คุณสามารถถ่ายได้ง่ายขึ้น บางครั้งเราอยู่ในจุดที่แค่ขบัยนิดเดียวแสงก็ส่องไม่ถึง แสงไม่พอ ดังนั้นหากใช้รีโมทจะช่วยทำให้ถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น สะดวกมากยิ่งขึ้น แถมยังสามารถควบคุมจากระยะไกลได้อีกด้วย
นอกจากอุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้การถ่ายกลางคืนง่ายขึ้นแล้ว การเลือกสถานที่ก็นับว่าเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะแม้เราจะตั้งค่าดีแค่ไหนแต่สถานที่ไม่เป็นใจ ถ่ายออกมายังไงก็อาจจะออกมาไม่ดี ควรจะเลือกสถานที่ที่มีแสงสว่างพอเหมาะ อย่างน้อยควรจะมีแหล่งกำเนิดแสงอย่างน้อย 2 จุด ไม่ข้างหน้ากับข้างหลัง ก็ข้างขวากับข้างซ้าย เพราะแสงแค่จุดเดียวอาจจะไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดเงาขึ้น และ ดูมืดกว่าเดิม
>>อ่านบทความ วิธีใช้ GoPro 10 ถ่าย Vlog ได้ที่นี่<<

เลือกซื้อ GoPro 10 เลือกร้าน AquaPro!!!
สุดคุ้มซื้อ GoPro 9 GoPro 10 โปรโมชั่น และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน AquaPro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่ได้รับการรับรองจากทางเมนทาแกรมแล้ว ร้านของเรามาพร้อมกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี โปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


163
โกโปรนับว่าเป็นแบรนด์กล้อง Action Camera ที่ออกกล้องโกโปรมาหลากหลายรุ่น แต่หากพูดถึงกล้องน้องใหม่ตัวล่าสุดที่พึ่งเป็นตัวไปก็คงหนีไม่พ้น GoPro 10 ซึ่งจะมีรูปร่างคล้ายกับกล้องโกโปรตัวฮิตอย่าง GoPro 9 ที่เรียกได้ว่าเป็นกล้องอีกหนึ่งตัวที่สาย vlog สายลุยต้องมีไว้ในครอบครอง ใครที่มีกล้อง GoPro 9 อยู่แล้ว และ สงสัยว่า GoPro 9 ดีไหม ในเมื่อมีโกโปรสเปคเทพอย่าง GoPro 10 ออกมา แล้วถ้าจะซื้อจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี
คุ้มไม่ไหวแล้ว!!! โกโปร 10 โปรโมชั่น พร้อมของแถมจุใจ โปรส่งฟรี โปรผ่อน0%*
GoPro 9 ดีไหม หรือ ซื้อ GoPro 10 ไปเลยดีกว่า???
ถ้ามีงบจำนวนหนึ่งแล้วเกิดลังเลว่าจะซื้อ GoPro 9 ดีไหม หรือ อัปเงินอีกนิดหนึ่งเปลี่ยนไปเป็น GoPro 10 กล้องโกโปรน้องใหม่ตัวล่าสุดเลยดีกว่า มาดูดีกว่าว่าในเรื่องของสเปคต่างๆ กับการใช้งานของคุณ กล้องตัวไหนเป็นยังไงบ้าง จะใช้ตัวเดิม หรือ อัปเป็นตัวใหม่ดี???
Price
ในเรื่องของราคา กล้องโกโปรทั้งสองตัวมีราคาอยู่ในหลักหมื่นกว่าๆ เหมือนกัน แต่ก็มีราคาที่แตกต่างกัน ราคาของ GoPro 9 จะถูกกว่า ราคาจะอยู่ที่ 13,500 บาท ส่วนทางด้าน GoPro 10 ราคาอยู่ที่ 16,500 บาท ซึ่งต่างกันถึง 3,000 บาท หากใครมีงบจำกัดอาจจะต้องตัดสินใจดีๆ หากคุณเลือก GoPro 9 จะสามารถเอาเงินส่วนต่างไปซื้ออุปกรณ์เสริมต่างๆ เพิ่มเติมได้
Body
ในส่วนของรูปร่าง GoPro 9 และ GoPro 10 มีรูปร่างที่เหมือนกัน แถมยังสามารถใช้อุปกรณ์เสริมเดียวกันได้ ในส่วนของกล้อง GoPro 9 ส่วนของหน้าจอ ด้านการใช้งานหน้าจออาจจะมีการดีเลเล็กน้อย ทำให้รู้สึกหน่วงๆ เมื่อใช้งานบ้างเมื่อเทียบกับกล้อง GoPro 10 เนื่องจากยังใช้ชิปตัวเก่าอยู่ แต่ก็ไม่ได้ช้ามากจนเป็นปัญหาในการใช้งาน และ ในเรื่องของน้ำหนักก็มีน้ำหนักพอๆ กัน อาจจะมีความแตกต่างกันในเรื่องของเลนส์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งในรุ่น GoPro 10 ได้เปลี่ยนเลนส์มาใช้เป็นเลนส์แบบใหม่นั่นก็คือ Hydrophobic Glass ซึ่งเป็นเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยในการกันน้ำ ช่วยป้องกันน้ำ หยดน้ำเกาะที่หน้าเลนส์ขณะใช้งาน ทำให้สามารถถ่ายได้ไม่มีสะดุด แถมช่วยในการลดแสงแฟร์ซึ่งมักจะเกิดเมื่อเราถ่ายอะไรที่มีความเข้มของแสงมากๆ  เช่น ถ่ายย้อนแสง ถ่ายพระอาทิตย์ตกตอนเย็น ซึ่งเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบถ่ายวิดีโอแบบแอดเวนเจอร์ ถ่ายวิดีโอในน้ำ ก็สามารถใช้ GoPro 9 ได้ไม่ติดขัดอะไร
Video Resolution
ถึงแม้รูปร่างจะเหมือนกันแต่ในเรื่องสเปคมีความแตกต่างกัน ในเรื่องของความละเอียดของวิดีโอ ทั้งสองรุ่นสามารถทำได้ดีทั้งคู่ ซึ่งในรุ่น GoPro 9 จะให้ความละเอียดของวิดีโอที่ 5K 30FPS ส่วน GoPro 10 จะให้ความละเอียดของวิดีโอเท่ากันแต่จะเพิ่มในส่วนของเฟรมเรทขึ้นเป็น 5K 60FPS ซึ่งให้ภาพที่ดูสมจริงขึ้น ลื่นขึ้น แต่หากใครที่ไม่ได้ต้องการวิดีโอที่ต้องคมชัดมากๆ ไม่ได้เน้นถ่ายวิดีโอแบบโปร ส่วนตัวเราคิดว่าแค่ 4K 60FPS ก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานแบบปกติแล้ว
Image Resolution
GoPro 9 ให้ความละเอียดของภาพอยู่ที่ 20 MP ซึ่งถือว่าเป็นความละเอียดของภาพที่ไม่น้อยหน้าใคร ให้ภาพที่คมชัด แถมยังรองรับการถ่ายด้วยไฟล์ Raw ซึ่งเหมาะมากสำหรับการนำไปแต่งภาพ แต่งสีต่อ  ส่วนในเรื่องของภาพถือว่าทำได้ดีมากยิ่งขึ้นในรุ่น GoPro 10 เพราะให้ความละเอียดที่สูงถึง 23 MP และ มาพร้อมกับ LTM + 3DNR ที่ช่วยในเรื่องการถ่ายภาพที่คมชัด ถ่ายภาพในที่แสงน้อย ถ่ายตอนกลางคืนให้ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ช่วยลดนอยส์ที่เกิดบนภาพได้ดีมากขึ้น เห็นรายละเอียดภาพทั้งหมดได้ดีกว่าสมจริงกว่า เนื่องจากเซนเซอร์ของ GoPro 9 และ 10 เป็นเซนเซอร์ขนาดเล็ก ทำให้ภาพที่ถ่ายในตอนกลางคืนจำเป็นจะต้องถ่ายในที่ๆมีจุดกำเนิดแสงเพียงพอทั้งคู่ จึงไม่ค่อยต่างกันมากนัก
HyperSmooth
ในส่วนของโหมดกันสั่น ถือว่าเป็นทีเด็ดของทางโกโปรเลยก็ว่าได้กับโหมด HyperSmooth ในด้านของ GoPro 9 มาในเวอร์ชั่น HyperSmooth 3.0 ซึ่งถือว่าให้ประสิทธิภาพที่ดีในการกันสั่นในทุกๆ กิจกรรม เมื่อมาเทียบกับตัว GoPro 10 ที่มาพร้อมกับ HyperSmooth 4.0 ส่วนตัวเรารู้สึกว่าไม่ค่อยแตกต่างกันมากเท่าไหร่นัก ถึงจะมีการอัปเดตเวอร์ชั่นก็ตาม แต่ส่วนที่แตกต่างกัน เรารู้สึกว่าจะเป็นในส่วนของ Horizon Leveling ที่สามารถให้มุมมองที่กว้างขึ้นถึง 45 องศา สำหรับใครที่ต้องการเก็บวิดีโอ เก็บวิวที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น แต่หากใครที่ไม่ค่อยได้ใช้งานโหมดนี้ก็ไม่จำเป็นต้องอัปเป็น GoPro 10 หากใช้รุ่น 9 อยู่ก็ใช้ต่อไปได้ หรือ ไม่เอาโหมดนี้มาตัดสินใจเวลาซื้อ
Live Steam
อีกหนึ่งโหมดที่หลายๆ คนใช้งานกันมาก ยิ่งหากคุณเป็นสายไลฟ์ต้องห้ามพลาด ในเรื่องของการ Live Steam ความละเอียดที่กล้องทั้งสองตัวให้ถือว่ามีความละเอียดที่พอๆ กัน แต่อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับ GoPro 10 ซึ่งจะสามารถใช้งาน HyperSmooth 4.0 ร่วมด้วยขณะไลฟ์สตรีมได้ ซึ่งตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบเดินไลฟ์ หรือ คนที่ต้องการความลื่นไหล ความเสถียรในการถ่าย แต่หากใครที่ไม่ได้เน้นการถ่ายที่ต้องแอดเวนเจอร์มากนัก GoPro 9 ก็ยังถือว่ายังเหมาะสำหรับการใช้งานรูปแบบนี้อยู่นะ
 
การใช้งานของคุณยังไม่ต้องอัปเป็น GoPro 10 ซื้อ GoPro 9 ได้อยู่???
หากคุณเป็นคนที่ไม่ได้เน้นการถ่ายที่ความละเอียดต้องชัดที่สุดอย่าง 5K 60FPS เน้นการใช้งานทั่วไป GoPro 9 4K น่าจะตอบโจทย์กว่า เนื่องจากสเปคต่างกันไม่มากนัก แต่ถ้าคุณเป็นคนที่สนใจเรื่องของโปรดักชั่น GoPro 10 จะได้ใช้งานได้ยืดหยุ่นกว่า เนื่องจากให้ความละเอียดสูงถึง 5K60FPS แถมยังสามารถสร้างวิดีโอที่มีความลื่นไหลสูงกว่า เหมาะสำหรับนำไปแต่งสี ทำกราฟิกหนักๆ ก็เลือกไปจบที่ GoPro Hero 10 แต่ถ้าคุณมีงบจำกัด GoPro 9 ประหยัดกว่าถึง 3,000 บาท (ในบางร้านอาจจะแถมของแถมให้ ขึ้นอยู่กับร้านค้าที่ซื้อ) สามารถเอาเงินส่วนต่างไปซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มความเจ๋งได้อีก

GoPro 9 ยังน่าซื้ออยู่ไหม?
-GoPro 9 สำหรับคนที่ไม่ได้เน้นดีเทลภาพอะไรมากนัก แค่เน้นวิดีโอที่สมูท ภาพถ่ายที่โอเค ฟังชั่นการใช้งานต่างๆ ก็ยังสามารถใช้งานได้ ยังน่าซื้ออยู่
-ถ้าหากคุณเป็นคนที่เน้นการถ่ายไลฟ์สด การสตรีมที่ต้องการความคมชัด หรือ ต้องการภาพ วิดีโอที่เก็บดีเทลได้ดีเพื่อนำไปตัดต่อ แต่งสี GoPro 10 ก็ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานรูปแบบนี้มากๆ
GoPro 9 ก็ยังน่าซื้ออยู่ เพราะว่าในเรื่องของสเปค การใช้งานต่างๆ ไม่ได้ต่างจาก GoPro 10 มากนัก เราคิดว่าหากใครที่กำลังหากล้องที่ดีๆ คุ้มค่า และ ราคาไม่แพงมาก เลือกเจ้าตัว GoPro 9 บอกเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน แต่ถ้าใครที่อยากได้ที่โปรขึ้นไปอีกนิดก็ให้เลือกเป็น GoPro 10 เพราะว่าฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ครบเครื่อง และ รวดเร็วมากกว่า!!!
 
ซื้อ GoPro 10 กับเราคุ้มมาก!!!
สุดคุ้มซื้อ GoPro 9 GoPro 10 โปรโมชั่น และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่ได้รับการรับรองจากทางเมนทาแกรมแล้ว ร้านของเรามาพร้อมกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี โปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!


ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


164
ต้นขานับว่าเป็นอวัยวะที่มีการสะสมของไขมันได้ง่าย สำหรับใครที่กำลังเจอกับปัญหาขาไม่สวย ขาไม่เรียว เพราะช่วงนี้ต้องอยู่แต่กับบ้าน ไม่ค่อยได้เดินไปไหนทำให้ต้นขาไม่กระชับ ขาใหญ่ ใส่อะไรก็ไม่สวย ยิ่งขาสั้นยิ่งทำให้รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ ต้นขาใหญ่กว่าส่วนอื่นๆ ทำให้รู้สึกเฟลเวลาจะออกไปไหน แล้วแบบนี้จะทำยังไงดี??? ถ้าคุณเป็นคนที่กำลังปวดหัวกับปั่นหาต้นขาใหญ่ แล้วอยากได้ต้นขาที่เรียวสวย วันนี้ทาง Sistalk จะมาแนะนำเทคนิค ปั่นจักรยานลดต้นขา ง่ายๆ ที่ทำให้ปัญหาขาใหญ่จะไม่กลับมากวนใจคุณได้อีก
ปั่นจักรยานลดต้นขา ได้ไหม???
การปั่นจักรยาน ไม่ว่าจะเป็นจักรยานสำหรับขี่ทั่วไป หรือ ปั่นจักรยานไฟฟ้าอยู่กับที่ ก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่สามารถช่วยลดต้นขาได้ เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ แบบ HIIT (High Intensity Interval Training) อีกหนึ่งรูปแบบที่จะอาศัยการออกกำลังที่มีความเข้มข้นสูง และ จะหยุดสักครู่หนึ่งแล้วกลับไปออกกำลังกายต่อ แต่ก็ไม่สามารถที่จะลดเฉพาะส่วนได้ อยากที่เราเคยบอกไปแล้วว่าเราไม่สามารถทำการลดเฉพาะส่วนได้ แต่เมื่อน้ำหนักของเราลดลงสัดส่วนต่างๆ ของเราก็จะลด รูปร่างของเราจะเฟิร์มมากยิ่งขึ้น เนื่องจากการทำคาร์ดิโอด้วยการปั่นจักรยานลดต้นขา เป็นการสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาทดแทนในส่วนที่มีไขมัน โดยการดึงเอาไขมันจากส่วนต่างๆ ยิ่งกล้ามเนื้อมากขึ้นส่วนของไขมันก็จะน้อยลง
>>อ่านบทความ ลดต้นขาบนที่นอน เพิ่มเติมที่นี่<<
หลักการ ปั่นจักรยานลดต้นขา ปั่นยังไงให้ลด
เพราะว่าเราไม่สามารถลดไขมันเฉพาะส่วนได้ ดังนั้นจึงจะต้องทำการสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาแทนที่ แต่การสร้างกล้ามเนื้อไม่ใช่ว่าจะสร้างได้ง่ายๆ หากทำไม่ถูกวิธีก็จะลดต้นขาไม่ค่อยได้ผล ดังนั้นจะต้องทำให้ถูกวิธี ดังนั้นเราเลยจะมาแนะนำเทคนิคปั่นจักรยานลดต้นขายังไงให้ปัง อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าการสร้างกล้ามเนื้อ การลดไขมันจะต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ความมีวินัย ยิ่งในส่วนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังอย่างต้นขา เทคนิคนี้สามารถใช้ได้ทั้งการปั่นจักรยานด้านนอก แต่หากใครไม่มีพื้นที่ในการปั่น หรือ ไม่อยากออกไปปั่นข้างนอก ก็สามารถปั่นด้วยจักรยานไฟฟ้าได้
1.ปั่นด้วยความเร็วคงที่ ไม่ปั่นๆ หยุดๆ
การที่จะสลายไขมัน แล้วสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาแทนที่อย่างแรกเลย จะต้องเริ่มปั่นจักรยานให้ความเร็วคงที่ และ สม่ำเสมอ หากเริ่มด้วยความเร็วประมาณไหน ก็ให้ปั่นด้วยความเร็วนั้นไม่ควรเพิ่ม หรือ ลดความเร็ว ยิ่งถ้าปั่นเร็วๆตั้งแต่ต้นอาจจะทำให้ช่วยสลายไขมัน เผาผลาญพลังงานได้ดี แต่หน้าเราหักโหมหนักตั้งแต่ต้น อาจทำให้ร่างกายของคุณบาดเจ็บได้ เพราะกล้ามเนื้อไม่ได้วอร์มก่อนแล้วจะมาหักโหมออกหนักๆ ก็ทำให้กล้ามเนื้อเจ็บได้ แล้วจะทำให้ปั่นจักรยานได้น้อยลง เพื่อทำให้สามารถเผาผลาญไขมันได้เยอะก็ให้ปั่นความเร็วที่เราพอไหว และ ไม่ควรที่จะปั่นๆ หยุดๆ ถ้ายิ่งทำต่อเนื่องจะทำให้สามารถลดไขมันได้ดี
เทคนิค(ไม่)ลับ - ปั่นอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วคงที่ เพื่อเป็นการวอร์มกล้ามเนื้อให้พร้อมออกอย่างต่อเนื่องในระยะยาว จะช่วยในการลดส่วนน่อง และ ต้นขา
2.ปั่นให้เหมาะกับกำลังของตัวเอง
การปั่นอย่างต่อเนื่องถ้าจะให้ดีควรปั่นด้วยความพอดี ปั่นให้เหมาะกับกำลังตัวเอง แต่ไม่ควรออกกำลังแบบหักโหม เช่น ปั่นแบบไม่หยุดพัก ยิ่งใครที่อยากจะลดต้นขาเร็วๆ ก็ไม่ได้ปั่นทั้งวันทั้งคืนไม่หยุดพัก หรือ ปั่นด้วยความเข้มข้นมาก ปั่นด้วยความชันสูงๆ ไม่ควรเด็ดขาดนะคะสาวๆ เพราะนอกจากการปั่นแบบนั้นจะทำให้กล้ามเนื้อของคุณอักเสบได้ ไม่เพียงแค่เท่านั้นนอกจากจะไม่ทำให้ขาเล็กลง ขากระชับขึ้นแล้ว ยังอาจทำให้ขาของสาวๆ ใหญ่ขึ้นอีกด้วย
เทคนิค(ไม่)ลับ - เน้นการปั่นเพื่อให้ร่างกายเกิดความเคยชิน และ เหนื่อยน้อยลงเมื่อปั่นจักรยานอย่างต่อเนื่อง จะช่วยทำให้ร่างกายชินกับการออกกำลัง และ ทำให้ต้นขามีความแข็งแรง ในการออกกำลังเมื่อเพิ่มความหนัก ความเข้มข้นขึ้น
3.เพิ่มความเข้มข้น เพื่อเร่งการเผาผลาญ
เมื่อสาวๆ ออกกำลังกายจนร่างกายเริ่มเคยชินกับความเร็วนั้นแล้ว ก็อาจจะทำการเพิ่มความเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเร็ว การเพิ่มความชันขึ้น แต่ก็ต้องเป็นความเร็วที่คุณสามารถทำได้โดยไม่หักโหม หากปั่นแล้วเหนื่อยก็อาจจะปั่นเป็นช่วงๆ จากปกติที่ปั่นต่อเนื่องยาวๆ ก็มาปั่นเป็นช่วงสั้นๆ หลายๆ ช่วงแทน การเพิ่มความเข้มข้นจะทำให้ร่างกายยิ่งเผาผลาญพลังงาน เพราะถ้าร่างกายเคยชินแล้ว
เทคนิค(ไม่)ลับ - ควรจะเพิ่มความเข้มข้นให้เหมาะสมกับร่างกาย ไม่ควรเพิ่มความเข้มข้นแบบก้าวกระโดด เช่น ปกติปั่น 60 รอบต่อนาที ก็ไม่ควรข้ามไปเป็น 100 รอบต่อนาที เพราะอาจจะหนักเกินไป อาจจะเพิ่มเป็น 80 รอบต่อนาที (เน้นเพิ่มทีละไม่เยอะมากแต่เน้นความต่อเนื่องจะดีกว่า)
 
เตรียมความพร้อมปั่นจักรยานลดต้นขา
สำหรับใครที่อยากจะปั่นจักรยานลดขาเบียด ลดขาใหญ่ อยากให้ขากระชับ ก่อนอื่นควรจะเตรียมความพร้อมของร่างกาย ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ อย่างอื่นมาก่อน เพราะว่าการปั่นจักรยานเป็นการออกกำลังแบบ HIIT ซึ่งเป็นการทำคาร์ดิโอแบบความเข้มข้นสูง หากทำหลายๆ อย่างต่อเนื่องกันอาจจะหนักเกินไปสำหรับมือใหม่ ควรจะต้องออกกำลังให้พอดีกับตัวเอง และ ควรที่จะดูแลร่างกายให้แข็งแรง พร้อมที่จะออกกำลังด้วย เสริมความแข็งแรงให้กับกระดูก และ ข้อ ด้วยพวกคอลลาเจน ไทพ์ทู (Collagen Type II) ที่นอกจากจะช่วยบำรุง ฟื้นฟูข้อต่อ หัวเข่าแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการลดอาการปวดด้วย เพียงเท่านี้ก็สามารถลดขาเบียน ลดต้นขาได้แล้ว ใครที่อยากให้ขาเรียวสวย ขากลับมากระชับอีกครั้ง
>>อ่านบทความ ลดไขมันเฉพาะส่วนลดได้จริงไหม เพิ่มเติมที่นี่<<

สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


165
ในช่วงวันนั้นของเดือนคงมีสาวๆ จำนวนไม่น้อยที่มักจะมีอาการหงุดหงิด โมโห เหวี่ยงง่ายกว่าในช่วงปกติ อาการเหล่านี้เป็นอาการพื้นฐานที่เป็นตัวบอกว่าประจำเดือนของสาวๆ ใกล้จะมาแล้ว เวลาที่มีอาการแบบนี้ก็ทำให้ทั้งเราหงุดหงิด รวมทั้งยังทำให้คนรอบข้างต้องมาเจออารมณ์ขึ้นๆ ลงๆของเรา ทาง Sistalk เลยจะมาบอกวิธีรับมือกับ อาการ PMS และ PMDD อาการที่สาวๆ ต้องเจอก่อนมีประจำเดือน พร้อมวิธีรับมืออย่างเหมาะสม ใครที่มีอาการเหล่านี้ห้ามพลาดบทความนี้เลยค่ะสาวๆ
ทำความรู้จัก PMS คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร?
อาการขี้หงุดหงิดก่อนมีประจำเดือน หรือ อาการ PMS มาจากชื่อเต็มๆ นั่นก็คือ Premenstrual Syndrome ค่ะสาวๆ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิงก่อนที่จะมีประจำเดือน ส่วนใหญ่คนที่จะมีอาการ PMS มักจะเป็นจะเป็นคนที่อยู่ในช่วงอายุ 20-40 ปี โดยที่ไอเจ้าอาการนี้จะเกิดขึ้นในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนที่ประจำเดือนจะมา ส่งผลทำให้สาวๆ อย่างเรารู้สึกไม่สบายตัว มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจ อารมณ์ พฤติกรรม แต่อาการเหล่านี้เมื่อถึงช่วงวันที่ประจำเดือนมาจะหมดไป
อาการ PMS มีอาการอย่างไร?
เจ้าอาการ PMS เป็นอาการที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายของเรา โดยอาการต่างๆ จะแสดงออกมาทาง ร่างกาย และ อารมณ์ พฤติกรรม โดยแต่ละคนก็จะมีอาการที่ต่างกันออกไปค่ะ แต่ส่วนใหญ่อาการที่มักจะพบได้บ่อยๆ นั่นก็คือ
ทางร่างกาย
อาการเจ็บที่เต้านม คัดเต้านม ใครที่คัดเต้านมบ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกตินะคะสาวๆ
ปวดหลัง ปวดศีรษะ บางครั้งก็ปวดหัว ปวดหลังเฉย ทั้งที่ประจำเดือนยังไม่มาด้วยซ้ำ แต่จะไม่ปวดมากเท่าตอนที่ประจำเดือนมา
ปวดกล้ามเนื้อ ข้อต่อต่างๆ บางทีเราอาจจะรู้สึกปวดตามข้อต่างๆ ปวดกล้ามเนื้อทั้งที่ไม่ได้ใช้งานหนัก
อ่อนแรง อ่อนเพลีย รู้สึกเหนื่อยล้า เคยมั้ยคะทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็เหนื่อย รู้สึกเพลีย รู้สึกอยากล้มตัวลงไปนอน (เวลาที่ไม่อยากลุกออกจากที่นอน ที่นอนดูด)
ตัวบวม ท้องอืด น้ำหนักตัวเพิ่ม ตัวบวมเฉย ท้องก็อืดอาหารไม่ย่อย ช่วงนี้เราจะรู้สึกไม่อยากออกไปไหนเลยคะ ไม่พร้อมเจอผู้คนจริงๆ
ทางอารมณ์ และ พฤติกรรม
มักจะทำให้อารมณ์ของเราแปรปรวน เป็นช่วงที่อารมณ์ไม่มั่นคงที่สุด บทจะดีก็ดี จะร้ายก็ร้ายควบคุมไม่ได้
โมโหง่าย หงุดหงิดง่าย ในช่วงนี้จะโมโหง่ายมาก อะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็หงุดหงิดไม่ไหว
ทำให้เครียด ไม่มีสมาธิจดจ่อกับอะไร เป็นผลจากการหงุดหงิดง่าย ทำให้เรารู้สึกทำอะไรก็โฟกัสไม่ได้ ไม่มีสมาธิอะไรเลย
รู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล ดราม่าได้ง่ายอีกด้วย ช่วงนี้เราจะรู้สึกดาวน์ง่ายมาก จิตตกง่าย ดึงดราม่าเก่ง (ไม่ได้อยากดราม่าแต่มันไปเองT^T)
รู้สึกหิวตลอดเวลา อยากอาหารมากกว่าปกติ โดยเฉพาะอาการที่มีน้ำตาล ไขมันสูง ก็มันอยากกินนี่น่า
รวมทั้งยังอาจทำให้นอนไม่ค่อยหลับ หลับยากกว่าปกติ หากใครที่นอนยากแล้วช่วงนี้จะหลับยากขึ้นไปอีก หรือ อาจจะนอนหลับไม่สนิท
วิธีบรรเทา อาการ PMS
อาการเหล่านี้เป็นอาการที่เกิดจากฮอร์โมนภายใน เราจึงไม่สามารถที่จะควบคุมได้ แต่เราก็สามารถที่จะช่วยบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นกับร่างกาย และ อารมณ์ได้ ด้วยการปรับพฤติกรรมประจำวันของเรา ปรับอาหารการกิน รวมทั้งการพักผ่อนของเรา ใครที่เบื่อเซ็งกับอาการเหล่านี้ ลองหันมาใช้เป็นวิธีที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ดูสิคะ
การออกกำลังกาย
สุขภาพที่ดี มักเริ่มจากการออกกำลังกาย ขยับร่างกาย รู้หรือไม่ว่าการออกกำลังกายเบาๆ สามารถช่วยลดอาการ PMS ที่เกิดทางร่างกายได้ สาวๆ ไม่จำเป็นจะต้องออกกำลังหนักๆ แต่ออกกำลังกายเบาๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยยืดกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ช่วยลดอาการปวดหลัง ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลียได้ เช่น การเล่นโยคะ วิ่งอยู่กับที่เบาๆ การขยับตัวบ่อยๆ
การทานอาหารที่เหมาะสม
ในช่วงที่มีอาการเรามักจะอยากทานของหวาน อาหารไขมันสูงมากๆ แต่อาหารเหล่านี้กลับทำให้เรารู้สึกอารมณ์แปรปรวน เครียด หลายคนจะบอกว่าพวกของหวานจะทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่จริงๆ แล้วอยากให้หลีกเลี่ยงของหวานที่ทำมาจากการแปรรูปน้ำตาล เช่น ไอติม ช็อกโกแลต ชีส เนย และ พวกอาหารที่มีคาเฟอีน และ แอลกอฮอล์ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงนะคะ แล้วหันมาทานพวกผัก ผลไม้ รวมทั้งถั่วต่างๆ แทน พวกนี้จะช่วยในเรื่องของการลดความเครียดแทน
การทานยา และ พักผ่อนให้เพียงพอ
อาการ PMS (Premenstrual Syndrome) หรือแม้แต่อาการ PMDD ที่เป็นกลุ่มอาการโรคซึมเศร้าที่มาพร้อมกับช่วงรอบเดือน มีสาเหตุหลักมาจากฮอร์โมนในร่างกายมีความแปรปรวน ดังนั้น การรับประทานยาคุมกำเนิดแบบรายเดือนตามความเหมาะสม จึงมีส่วนช่วยในการลดอาการ PMS ได้นะคะ แต่ยาคุมสมัยนี้ก็มีหลากหลายแบบ มีวิธีการรับประทานที่แตกต่างกัน โดยยาคุมรุ่นใหม่ๆ มีการพัฒนายาคุมชนิด 28 เม็ด (24 + 4) มาเพื่อให้ร่างกายได้รับฮอร์โมนจากการรับประทานยาคุมที่สม่ำเสมอมากขึ้น โดยรับประทานแบบ 24 + 4 ซึ่งช่วยให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายมีความคงที่มากขึ้น ส่งผลต่อการลดอาการไม่พึงประสงค์ต่างๆที่เกิดจากฮอร์โมนแปรปรวนลงได้ โดยสาวๆสามารถปรึกษาเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำในการเลือกยาคุมที่เหมาะสมกับตัวเองก่อนได้นะคะ  นอกจากการทานยาแล้ว การพักผ่อนให้เพียงพอก็สามารถช่วยได้ เพราะการพักผ่อนจะเป็นเหมือนการฟื้นฟูร่างกายอีกทางหนึ่งนะ

 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


166
ผิวแพ้ง่าย ปัญหาที่แก้ยังไงก็ไม่หายสักที!!! ใช้อะไรก็แพ้ไปหมด ผดผื่นก็ขึ้นง่าย เวลาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ต้องตรวจสอบดูให้ดีก่อนใช้งาน ยิ่งจะออกไปเจอสภาพแวดล้อม มลภาวะในปัจจุบันยิ่งแล้วใหญ่ มีทั้งรอยแดง ผดผื่น สิวขึ้นเต็มหน้า ส่องกระจกทีก็ไม่อยากออกไปไหนเลยค่ะ ในบทความนี้ทาง ResiSKIN เลยนำเอา วิธีทําให้ผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่าย มาฝากสาวๆ ที่อยากมีผิวแข็งแรงกันค่ะ
 
แบบไหนถึงเรียกว่าอาการผิวแพ้ง่าย???
อาการผิวแพ้ง่ายเกิดจากการที่ผิวหน้าของเราเกิดการอักเสบ ระคายเคืองขึ้น ซึ่งมาจากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น การแพ้ผลิตภัณฑ์บางอย่าง มลภาวะ การเอามือที่ไม่สะอาดมาสัมผัสหน้า และ หลายๆ เหตุผลที่ส่งผลต่อผิวหน้า ส่วนใหญ่อาการผิวแพ้ง่ายจะแสดงออกมาในลักษณะดังต่อไปนี้
ผิวแดง เป็นผื่นแดง อาการแพ้แบบนี้มักจะเกิดเมื่อเราสัมผัสกับสิ่งระคายเคือง นอกจากการเป็นผื่นแดงแล้ว อาจจะเป็นผื่นเม็ดเล็กๆ ขึ้นร่วมด้วยก็ได้ ส่วนใหญ่ผื่นรูปแบบนี้มักจะเกิดจากพวกการแพ้ผลิตภัณฑ์ มลภาวะ รวมทั้งการเป็นผื่นผิวหนัง Rosacea ก็ล้วนทำให้เกิดเป็นผื่นแดงขึ้นนั่นเอง
ผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอาการระคายเคืองผิวที่เรามักจะเจอได้บ่อย ยิ่งในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย อย่างช่วงหน้าหนาว หน้าฝนที่อากาศแห้ง ทำให้ผิวของเราแห้ง และ ขาดความชุ่มชื้น ส่วนใหญ่อาการนี้มักจะมาจากการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว สิ่งแวดล้อม การอาบน้ำร้อน ล้างหน้าด้วยน้ำร้อนบ่อยๆ แล้วไม่เติมความชุ่มชื่นคืนให้ผิว ก็ส่งผลทำให้ผิวเป็นขุยได้
อาการคันผิว แสบผิว อีกหนึ่งสัญญาณที่บอกว่าคุณเป็นคนผิวแพ้ง่าย หากคุณรู้สึกแสบหน้า คันผิวหน้าได้ง่าย ก็เป็นการบอกว่าหน้าของคุณอ่อนแอ และ ง่ายต่อการระคายเคือง ส่วนใหญ่จะมาตรการที่ใช้ผลิตภัณฑ์บางตัว การที่ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น ทำให้เมื่อใช้อะไรหน้าจึงเกิดการแพ้ ระคายเคืองขึ้น เป็นอีกหนึ่งอาการที่คนที่มีผิวแพ้ง่ายเจอบ่อย
 
เคล็ดลับการดูแลผิว วิธีทําให้ผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่าย ทำยังไงไปดู!!!
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าอาการผิวแพ้ง่าย ก็จะมีรูปแบบที่ต่างกันออกไปตามการระคายเคืองของผิว และ สาเหตุของการระคายเคือง อย่างที่สาวๆ ผิวแพ้ง่ายคงรู้กันดีว่า การดูแลผิวสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายนั้นค่อนข้างที่จะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เราเลยจะมาแนะนำเคล็ดลับการดูแลผิวฉบับคนผิวแพ้ง่าย ที่จะช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณแข็งแรงมากยิ่งขึ้น แต่จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลย
การทำความสะอาดผิวที่ถูกวิธี
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้การบำรุงก็คือการทำความสะอาดผิวหน้าที่ถูกวิธี หากล้างหน้าสะอาดการบำรุงก็จะง่ายมากยิ่งขึ้น โดยจะต้องทำการล้างสิ่งสกปรกบนหน้าออกไปก่อน หากล้างแบบเดิมๆ อาจจะมีสิ่งตกค้างบนผิวได้ การล้างหน้าที่ดีควรล้างโดยใช้คลีนซิ่งเพื่อล้างสิ่งสกปรกชั้นนอกออกก่อน จนผิวสะอาดแล้ว จากนั้นให้เราไปล้างด้วยเจลล้างหน้า โฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน และ ล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้หมดจด แต่ไม่ควรจะใช้น้ำอุ่น น้ำร้อนในการล้างหน้า เพราะจะทำให้ผิวระคายเคืองจากความร้อนได้ อีกทั้งยังทำให้ผิวหน้าของเราแห้งอีกด้วย ยิ่งหากเราแต่งหน้าการล้างหน้าก็จะต้องล้างให้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะป้องกันการระคายเคืองแล้ว ยังไม่ทำให้เกิดสิวอีกด้วย
เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยการบำรุง
โดยปกติแล้วผิวหนังของเรามักจะต้องการความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา แต่หากขาดความชุ่มชื้นที่เป็นตัวป้องกันผิวก็จะทำให้ผิวของเราแห้ง และ เมื่อเจอสิ่งระคายเคืองก็จะทำให้ผิวของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงไป เช่น เป็นขุย เป็นผื่นแห้งๆ เพราะผิวขาดน้ำนั่นเอง เราจึงต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิวทั้งการบำรุงผิวด้วยพวกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ออยล์ต่างๆ ยิ่งหลังจากที่เราอาบน้ำเสร็จแล้วผิวแห้ง ควรบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ผิวแห้งขาดน้ำจนหลุดลอกเป็นแผ่นล่ะ
ทาครีมกันแดด
แสงแดดทำร้ายผิวได้มากกว่าที่คุณคิด แสง UV ก็นับว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวของคุณเกิดการระคายเคืองขึ้นได้ มิหนำซ้ำยังทำให้ผิวของเราอ่อนแออีกด้วย หลายคนมองข้ามเรื่องนี้แต่สำหรับสาวผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรอย่างยิ่งที่จะป้องกันผิวจากแสงแดด ไม่ว่าจะออกไปไหน หรือ อยู่บ้านหากทาครีมกันแดดได้ก็ควรที่จะทาอย่างสม่ำเสมอ ในบ้านแม้จะไม่โดนแดดแต่เราก็จะเจอแสงจากหน้าจอ แสงไฟ หากคุณเป็นคนผิวแพ้ง่ายมากๆ อาจจะต้องเลือกครีมกันแดดสำหรับคนผิวแพ้ง่าย ไม่อย่างงั้นอาจทำให้เกิดการแพ้ขึ้นมาได้ แนะนำให้เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เพื่อป้องกันทั้งแสง UVA และ UVB นอกจากจะช่วยป้องกันการระคายเคืองแล้ว ยังช่วยป้องกันผิวไม่ให้เสียอีกด้วย
ห้ามสครับผิว ขัดผิวแรงๆ
การสครับผิวเป็นการทำเพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าออก ซึ่งไม่เหมาะสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายเอามากๆ เพราะแต่เดิมก็ผิวบอบบางอยู่แล้ว ยิ่งสครับผิวยิ่งผิวบาง ทำให้เมื่อไปใช้อะไรทาหน้า สัมผัสหน้า จะรู้สึกระคายเคืองง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่หากใครที่อยากผลัดเซลล์ผิวจริงๆ อาจจะเลือกเป็นการใช้พวกสกินแคร์ผลัดเซลล์ผิวแทน แต่ไม่แนะนำให้ผลัดเซลล์ผิวบ่อยนัก และ อีกอย่างที่คนผิวแพ้ง่ายไม่ควรทำนั่นก็คือการขัดหน้าแรงๆ เพราะจะไปทำให้หน้าช้ำ แล้วระคายเคืองผิวได้ ควรจะใช้แค่การขัดวนๆ เบาๆ ที่ผิวพอไม่ต้องออกแรงจนเสียดสีกับผิวแรงๆ
ทานอาหารที่มีประโยชน์
ส่วนใหญ่เราจะเน้นการดูแลจากภายนอกร่างกาย ทีนี้ลองหันมาเป็นการดูแลจากภายในดูบ้าง การทานอาหารที่ดีมีประโยชน์จะให้แสดงผลลัพธ์ออกมา ซึ่งเป็นการทำให้ผิวของเราแข็งแรงขึ้น และ มีสุขภาพที่ดี โดยเน้นไปที่พวกอาหารที่มีวิตามินเยอะๆ เพราะวิตามินจะไปช่วยในเรื่องการบำรุงฟื้นฟูผิว ต้านอนุมูลอิสระ อย่างเช่น ส้ม มะเขือเทศ ผักใบเขียว ผลไม้ต่างๆ และ อาจจะทานน้ำตาลให้น้อยลง เพราะน้ำตาลจะไปเร่งสารทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวหนังของเราอ่อนแอ และ ทำให้หน้าของเราแก่ไวขึ้นอีกด้วย
ดื่มน้ำเพื่อเติมความสดชื่นให้ผิว
นอกจากการเติมความชุ่มชื่นผิวภายนอกแล้ว ภายในก็ต้องการเติมความชุ่มชื่นด้วยเหมือนกัน บางคนดูแลผิวดีแทบตายแต่ดื่มน้ำน้อย ทำยังไงผิวก็ไม่ชุ่มชื่นเท่าการเติมความชุ่มชื่นจากการดื่มน้ำ อย่างที่เรารู้กันดีว่าร่างกายส่วนใหญ่ของเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบ หากน้ำมาหล่อเลี้ยงไม่พอจะส่งผลทำให้ผิวของเราแห้ง ไม่แข็งแรง และ อาจจะหลุดลอกเป็นขุยได้ ระคายเคืองได้ง่าย ในหนึ่งวันเราจึงควรทานน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
สกินแคร์ที่เหมาะสม
เพราะผิวแพ้ง่ายการเลือกสกินแคร์จึงสำคัญ ก่อนที่จะใช้งานควรศึกษา และ ดูส่วนผสมให้ดีก่อนที่จะใช้งาน หากเลือกสูตรอ่อนโยนได้ก็ให้เลือก แต่ถึงแม้จะเป็นสูตรอ่อนโยนแต่ก็ควรดูส่วนผสมที่ใช้ด้วย เพราะแม้จะเหมาะกับผิวบอบบางแต่ส่วนผสมนั้นอาจจะไม่เหมาะกับเรา และ พยายามหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่เป็นน้ำหอม พาราเบน แอลกอฮอล์ สกินแคร์ที่เหมาะสมควรเลือกที่อ่อนโยนนอกจากจะไม่ทำให้ผิวระคายเคืองแล้ว ยังช่วยทำให้ผิวของเรากลับมาแข็งแรง พร้อมที่จะต่อสู้กับมลภาวะต่างๆ มากยิ่งขึ้น
 
แนะนำการดูแลผิววิธีทําให้ผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่าย
ถ้าใครที่ไม่ได้ใช้สกินแคร์หลายตัวไม่ชอบอะไรที่หนักหน้า อีกทั้งกลัวว่าใช้หลายตัวแล้วถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาจะไม่รู้ว่าแพ้ตัวไหน เผลอๆ แพ้หนักขึ้นไปอีก นอกจากวิธีทำให้ผิวแข็งแรงไม่แพ้ง่ายที่ได้แนะนำไปแล้ว ขอแนะนำสกินแคร์ของ Resiskin สกินแคร์ที่ช่วยทำให้ผิวหน้าของคุณแข็งแรงยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องปัญหาผิวอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น
-ช่วยฟื้นฟูผิวจากการอักเสบ เอาชนะอาการแพ้ แห้ง แดง ผื่นคัน
-ช่วยบำรุงให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื่นอิ่มน้ำ ได้ยาวนานถึง 7 วัน
-ช่วยปกป้องผิวจากทุกสภาวะ ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
-ปราศจากสารก่ออาการแพ้ และ สารระคายเคืองผิว

นอกจากนั้นยังควรที่จะดูแลผิวทั้งภายนอก ภายในควบคู่กันไปด้วย ก็ขอแนะนำให้ลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดู ส่วนใครที่อยากให้ผิวหน้าแข็งแรง เสริมเกราะป้องกันผิว ก็ลองสกินแคร์ Resiskin แล้วคุณจะหลงรัก ให้ผิวที่แข็งแรง แถมสตรองทุกสถานการณ์
 
 
 
สามารถติดตาม ResiSKIN เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


167
หากจะหากล้องสำหรับ Vlog สักตัว GoPro 10 ถือว่าสามารถตอบโจทย์สายvlog สายถ่ายได้ดี เพราะเจ้า GoPro 10 มาพร้อมกับสเปคที่เทียบเท่ากล้องดีๆ หลายตัว มาพร้อมกับฟีเจอร์ ฟังก์ชั่นการใช้งานมากมายให้ได้เล่น ทั้งหน้าจอที่เหมาะมากสำหรับการไลฟ์ GoPro 10 ด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัด น้ำหนักที่เบาขึ้นทำให้สามารถถือถ่ายได้สะดวกสบาย ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบการถ่ายแบบนี้ วันนี้ทาง Aquapro จะมาแนะนำ วิธีใช้ GoPro 10 สำหรับถ่าย vlog ที่คุณไม่ควรพลาด อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย
 

แนะนำการตั้งค่า วิธีใช้ GoPro 10 สำหรับสายVlog
การถ่าย vlog ก็เหมือนการถ่ายาภพ ถ่ายวิดีโอรูปแบบอื่นๆ ที่การถ่ายแต่ละรูปแบบก็จะต้องตั้งค่าแตกต่างกัน โดยจะต้องดูทั้งแสง ดูระยะ ดูภาพรวมหลายๆอย่าง การตั้งค่าก็เป็นเพียงการแนะนำเท่านั้น จริงๆ อาจจะทำการปรับบางอย่างเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ สถานการณ์มากยิ่งขึ้นก็ได้ แต่ถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดถ่าย หรือ ไม่รู้ว่าจะต้องตั้งค่ายังไงลองเอาไปเป็นแนวทางได้นะ
ความละเอียดของไฟล์และเลนส์ที่ควรใช้ - สามารถใช้ได้ทั้ง 5K และ 4K หากใครที่ต้องการความละเอียดของไฟล์สูงๆ ก็ให้เลือกเป็น 5K แต่จริงๆ แล้วแค่ความละเอียด 4K ก็เพียงพอต่อการถ่าย vlog แล้ว ส่วนค่าอาจจะใช้เป็น Bit rate : High เพื่อให้คุณภาพของไฟล์ที่ดีสำหรับอัปโหลด และ นำไปตัดต่อ ส่วนในเรื่องของเฟรมเรทสามารถเลือกได้ตามการนำไปใช้ หากเป็นการถ่ายพื้นฐานอาจจะเลือกเป็น Frame rate : 60 FPS ซึ่งเหมาะสำหรับนำไปใช้แก้ไขวิดีโอ แต่ถ้าเลือกเป็น 120FPS จะเหมาะสำหรับการจะยืดวิดีโอให้นานมากขึ้น ส่วนเลนส์ที่แนะนำให้ใช้ก็จะเป็น Lens : Linear ร่วมกับการใช้ Horizon leveling จะทำให้สามารถเก็บวิว เก็บบรรยากาศ รายละเอียดดีเทลต่างๆ ได้หมด ทำให้วิดีโอที่ลื่นไหลไม่ติดขัด และ Shutter ก็อาจจะเปิดเป็น Auto
ตั้งค่าสี - ในส่วนของสีถ้าเป็น ISO Min : 100 และ ISO Max : 1600 (เหมาะสำหรับถ่ายในที่แสงน้อย) ในส่วน White balance จะเลือกเป็น Auto แต่จะเลือกตั้งค่า EV Comp : 0 / -0.5 เพราะว่าปกติเจ้าตัว GoPro 10 ค่อนข้างให้ความสว่างที่ดี บางครั้งหากถ่าย vlog กลางแจ้งก็อาจจะให้แสงที่มากเกินไป จึงต้องเปิดค่า EV เพื่อทำให้ภาพไม่สว่างจนเกินไป และ ในส่วนของโทนสีภาพก็สามารถเลือกได้ตามไลฟ์สไตล์ แต่สำหรับการถ่ายvlog ขอแนะนำ 3 โทนนี้
Flat จะเป็นโทนสีจืด สีซีด ให้ภาพที่เป็นภาพที่ไม่ดูดสีใดสีหนึ่งเป็นพิเศษ เหมาะมากสำหรับนำไปใช้งานต่อ เช่น การนำไปแต่งสี ใส่เอฟเฟกต์ต่างๆ
Natural สำหรับใครที่ต้องการโทนสีธรรมชาติแต่ไม่ซีด ไม่ได้เน้นนำไปแต่งสีต่อ โทนนี้เป็นโทนที่ให้สีดูสมจริงไม่หลอกตา
Vibrant โทนสีนี้เป็นโทนสีสดใส ใครที่ชอบโทนแจ่มใส แต่ไม่เวอร์เกินไปโทนนี้ถือว่าตอบโจทย์
ตั้งค่าเสียง - ในส่วนของเสียงสามารถตั้งค่าเป็น Raw Audio : Off และ Wind reduction : Auto เพื่อให้เสียงที่ดีอาจจะต้องใช้อุปกรณ์เสริมอย่างไมโครโฟน เพราะว่าสำหรับการถ่าย vlog เสียงนับว่าเป็นสิ่งสำคัญไม่แม้คุณภาพของภาพเลย ถึงแม้โกโปรจะมีไมค์ในตัวแต่ก็ไม่ได้ดีมากเทียบเท่าการต่อกับไมค์เสริม
 
ข้อแนะนำ และ อุปกรณ์เสริมสำหรับการถ่าย Vlog
อย่างที่เราได้แนะนำไปเป็นการตั้งค่าสำหรับถ่ายพื้นฐาน แต่ถ้าใครที่อยากได้วิดีโอที่ดูเป็นโปรมากขึ้น ดูเป็นภาพยนตร์แบบในหนัง ก็สามารถตั้งค่า White balance : Native ส่วน Shutter speed : 1/120 จะให้ภาพแบบดูฟุ้งมีมิติ และ ให้เลือกสีเป็นแบบ Flat ก็จะได้วิดีโอที่ดูต่างออกไป ส่วนอุปกรณ์เสริมที่แนะนำสำหรับการถ่าย Vlog ก็จะมี
Media Mod ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยทำให้สามารถเชื่อมต่อไมโครโฟนภายนอกได้ เพื่อเสียงที่ดี
ไมโครโฟนเสริม เพราะไมค์ธรรมดาอาจจะให้เสียงที่ไม่คมชัด อาจจะเลือกไมโครโฟนเสริมสักตัวมาช่วยเพื่อให้เสียงรอบทิศ และ เพื่อช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอก ทั้ง ไมค์Shotgun ไมค์สาย แต่ไม่ควรเลือกไมค์ที่ใหญ่ไปเพราะ จะทำให้ลำบากเวลาถือ และ แอบซ่อน
อะแดปเตอร์ หากต้องการเชื่อมต่อไมค์หลายตัว หรือ ต้องการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น เสียบสายชาตแนะนำให้หาอะแดปเตอร์มาเสริม
 
 
คุ้มไม่ไหวเหมือนให้ฟรีเฉพาะที่ร้าน Aquapro เท่านั้น!!!
สุดคุ้มซื้อ GoPro 10 โปรโมชั่น และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่ได้รับการรับรองจากทางเมนทาแกรมแล้ว ร้านของเรามาพร้อมกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี โปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line : @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


168
“เซ็บเดิร์ม” อีกหนึ่งปัญหาผดผื่น ผิวอักเสบที่มักจะเจอในช่วงที่เครียด พักผ่อนน้อย ช่วงที่อุณหภูมิสูง หรือ ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เป็นผื่น แดง คันที่ขึ้นบนผิวหนังบริเวณต่อมไขมันของเรา เป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่หายของหลายๆ คนที่ส่งผลทำให้การใช้ชีวิตของคุณลำบากมากขึ้น เราเลยจะพาคุณมารู้จักว่า เซ็บเดิร์ม คือ อะไร??? มาแก้ไขปัญหาเซ็บเดิร์มเพื่อทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมกันเถอะ
 
ทำความรู้จัก เซ็บเดิร์ม คืออะไร???
"เซ็บเดิร์ม" คืออาการของผิวที่มีจุดเริ่มต้นมาจากการอักเสบเรื้อรังของต่อมไขมันบริเวณใต้ผิวหนัง ทำให้อาการของเซ็บเดิร์มมักจะพบได้บ่อยตามบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น หนังศรีษะ, ใบหน้า บริเวณข้างจมูก หลังหู หัวคิ้ว หรือบริเวณลำตัวส่วนบน เป็นต้น
สาเหตุของการเกิดเซ็บเดิร์ม
สาเหตุหรือปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดโรคต่อมไขมันอักเสบ หรือ เซ็บเดิร์มกำเริบมักจะขึ้นอยู่กับแต่ละตัวบุคคล  โดยอาจมาจากหลายสาเหตุร่วมกัน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ก็จะมีดังนี้
สภาพอากาศที่ร้อน และ แห้ง รวมทั้งในอุณหภูมิที่ร้อนจัด การอาบน้ำร้อนจัดก็ด้วย
พันธุกรรม หากมีญาติที่เป็นโรคต่อมไขมันอักเสบก็อาจจะเป็นโรคนี้ได้ง่ายกว่าในเครือญาติที่ไม่เป็นโรคนี้
ผิวที่ไม่แข็งแรง โครงสร้างผิวที่อ่อนแอ หากโครงสร้างผิวบอบบางก็ทำให้เกิดเซ็บเดิร์มได้ง่ายกว่าโครงสร้างผิวที่แข็งแรง
เชื้อราบนผิวหนัง เชื้อราบางตัวก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเซ็บเดิร์มได้ ยิ่งใครที่ผิวแพ้ง่ายยิ่งต้องระวังเชื้อราผิวหนังเป็นพิเศษ
ความเครียด และ การใช้ยาบางชนิด ความเครียดนอกจากจะส่งผลเสียต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลต่อผิวหนังอีกด้วย รวมทั้งเมื่อใช้ยารักษาโรคบางชนิดก็ทำให้ผิวหนังอ่อนแอลงได้
ลักษณะอาการของเซ็บเดิร์ม?
ผื่นเซ็บเดิร์มเองก็มีอาการที่แสดงออกมาแตกต่างจากผื่นชนิดอื่นเช่นกัน อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า เซ็บเดิร์มเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบ ระคายเคืองบริเวณของต่อมไขมันจากปัจจัยต่างๆ ส่วนใหญ่จะมีลักษณะดังต่อไปนี้
ผื่นแดง บริเวณที่มีต่อมไขมัน ผื่นที่เกิดขึ้นเป็นผื่นแดง ขอบไม่ชัดเจน โดยมักเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น ใบหน้า บริเวณหัวคิ้ว ร่องแก้ม หรือปีกจมูก หรืออาจเกิดบริเวณลำตัว เช่น หน้าอก หลัง หรือซอกพับได้
ผิวลอกเป็นขุยสะเก็ดมัน ขุยที่เกิดขึ้นมักมีลักษณะเป็นแผ่นสีขาว หรือ เหลือง ค่อนข้างละเอียดและ ดูมัน ๆ เหมือนเป็นรังแคบนในหน้าได้
อาการคัน ผิวแสบแดง เป็นอีกหนึ่งอาการที่มักจะพบหากเกิดการอักเสบที่เกิดจากผิวที่มัน การระคายเคืองมากกว่าปกติ ส่วนมากจะแสดงออกอย่างชัดเจนในคนที่มีผิวแพ้ง่าย อาการแสบ คันจะขึ้นอยู่กับปริมาณการระคายเคือง และ ปัจจัยที่ทำให้เกิดการระคายเคือง หากมีการอักเสบ การระคายเคืองมากอาจจะลามไปถึงมีอาการปวดร่วมด้วย

ดูแลยังไงให้ผิวกลับมาสตรอง
เนื่องจากโรคเซ็บเดิร์มเป็นโรคที่เกิดจากอาการอักเสบเรื้อรัง ทำให้จะมีลักษณะสำคัญคือ เป็น ๆ หาย ๆ ไม่หายขาด ดังนั้นการดูแลรักษาผิวหน้าจากอาการของเซ็บเดิร์ม นอกจากที่จะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบเพื่อช่วยบรรเทาอาการเซ็บเดิร์มแล้วนั้น ต้องเสริมวิธีการดูแลตัวเองเพิ่มเข้าไปด้วย ก็จะทำให้ผิวของเราที่เป็นเซ็บเดิร์ม สงบได้ โดยไม่ต้องพึ่งสเตียรอยด์ได้เลย โดยเราขอแนะนำ 2 วิธีหลักในการดูแลตัวเองดังนี้
1.หลีกเลี่ยงปัจจัยภายนอกที่จะกระตุ้นให้เซ็บเดิร์มกลับมากำเริบ สำหรับผิวที่เป็นเซ็บเดิร์ม การดูแลตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เนื่องจากมีปัจจัยหลากหลายมากที่กระตุ้นให้ผิวของเรากลับมากำเริบได้ โดยเราขอแนะนำแนวทางในการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นไว้ดังนี้
-หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอลล์ สูบบุหรี่
-พักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงทำให้ร่างกายแข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย
-หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งในการทำความสะอาดที่มีน้ำหอม แต่งสี และ แอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้
-ล้างหน้าให้สะอาด เพราะเซ็บเดิร์มเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมัน ยิ่งล้างหน้าไม่สะอาดจะเกิดการอุดตันได้ง่าย ใครที่เป็นเซ็บเดิร์มการล้างหน้านับว่าสำคัญมาก ยิ่งในช่วงหน้าร้อนที่มักจะเป็นผื่นเซ็บเดิร์มได้ง่าย
-หลีกเลี่ยงสารเคมี สารระคายเคือง สารปรุงแต่งทุกรูปแบบ หากเลี่ยงการแต่งหน้าในช่วงที่เป็นผื่นได้ก็ควรเลี่ยง ไม่อย่างงั้นอาจทำให้ผื่นลุกลาม
-ควบคุมอาหาร โดยการหมั่นสังเกตและหลีกเลี่ยงประเภทของอาหารที่ทำให้ผื่นเซ็บเดิร์มกลับมากำเริบได้ โดยเฉพาะ ของมัน ของทอด ของหวาน อาหารทะเล ของหมักดอง เป็นต้น
2.เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่จะสามารถเสริมความสตรองให้ผิว เพราะบางปัจจัยที่กระตุ้นให้อาการเซ็บเดิร์มกำเริบนั้น เราก็ไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้ เช่น ฮอร์โมน หรือสภาพอากาศ ดังนั้นการเสริมความสตรองให้ผิว ทำให้ผิวถูกกระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบและกำเริบของเซ็บเดิร์มได้ยากขึ้นด้วยเวชสำอางที่มีคุณสมบัติในส่วนนี้ เช่น ResiSKIN Cream ครีมเวชสำอางที่มีส่วนผสมของ Extremolyte ที่มีคุณสมบัติในการเสริมเกราะความชุ่มชื้นให้เซลล์ผิวยาวนานถึง 7 วัน ให้ผิวมีเกราะกำบังไว้ซ่อมแซมตัวเอง และต้านทานปัจจัยที่จะมากระตุ้นให้อาการเซ็บเดิร์มกำเริบได้ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน เอาชนะทุกอาการแห้ง แดง ผื่น คัน ที่เป็นอาการหลักของเซ็บเดิร์ม
 
 
รักษาเซ็บเดิร์มไม่ให้มากวนใจด้วย ResiSKIN

สามารถติดตาม ResiSKIN เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


169
ไม้ทุเรียน คุณสมบัติของไม้ที่เหมาะในการนำมาทำเฟอร์นิเจอร์อีกชนิดหนึ่ง นอกจากไม้ยางพารา ไม้เบญจพรรณแล้ว ไม้ทุเรียนก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งไม้ที่นิยมนำไปใช้ในงานอุตสาหกรรม งานก่อสร้าง งานเฟอร์นิเจอร์ แต่หลายๆ คนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักเจ้าไม้ทุเรียนมากนัก บทความนี้ทาง MTK เลยจะพาคุณมารู้จักไม้ชนิดนี้ให้มากยิ่งขึ้นว่าทำไมคนถึงนิยมนำไม้ทุเรียนมาใช้งานกับ ไม้ทุเรียน คุณสมบัติ ของไม้ที่คุณอาจจะยังไม่รู้
ไม้ทุเรียน คืออะไร???
ไม้ทุเรียนเป็นหนึ่งในไม้จำพวก ไม้เนื้ออ่อน เป็นไม้ที่มีเนื้อละเอียด เนื้อไม้แน่น  ด้วยความที่เป็นไม้ที่เนื้อไม้แน่นทำให้เป็นไม้ที่ไม่บอดตัวง่าย จะสังเกตได้ว่าเป็นไม้ที่มีรูปทรงตรง แข็งแรงจะไม่ค่อยบิดงอเหมือนไม้บางชนิดที่เป็นไม้เนื้ออ่อน ส่วนใหญ่คนจะคิดว่าไม้เนื้ออ่อนไม่เหมาะสำหรับนำมาทำงานอุตสาหกรรม  งานเฟอร์นิเจอร์ งานก่อสร้าง แต่รู้หรือไม่ว่าไม้เนื้ออ่อนบางชนิดก็มีความแข็งแรง ทนทานไม่แพ้ไม้เนื้อแข็งบางชนิดเลย  ด้วยความที่ไม้ทุเรียนเนื้อแน่นทำให้เวลาที่เราจะตัด จะเจาะ รวมทั้งการนำไปทำเฟอร์นิเจอร์  built in ด้วยเป็นไม้ที่ถือว่าสามารถนำไปผ่านกระบวนการต่างๆ จะตัด จะแต่งก็ไม่ใช่ปัญหา

พามารู้จักไม้ทุเรียนคุณสมบัติที่มีดีกว่าที่เห็น
เราก็ได้แนะนำไม้ทุเรียนให้คุณรู้จักคร่าวๆ แล้วนอกจากนั้นมาดูคุณสมบัติของเจ้าไม้ทุเรียนกันดีกว่า   หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของไม้ทุเรียนเลยนั่นก็คือเป็นไม้ที่มี ความทนทาน แข็งแรง ถึงแม้จะเป็นไม้เนื้ออ่อนแต่ก็อย่าได้ดูถูกไม้ทุเรียนเชียวนะ ไม้ทุเรียนสามารถรับน้ำหนักได้ดีพอสมควร  ใช้งานได้ยาวนานเท่าที่สามารถรักษาไม้ไว้ได้  (ไม้ทุกประเภทก็จะมีอายุการใช้งานของตัวเอง ถ้าอยากจะให้ไม้อยู่นานขึ้นอาจจะต้องนำไปผ่านกระบวนการแปรรูปไม้)  นอกจากความแข็งแรงแล้วก็ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อีกด้วยไม่ว่าจะเป็น
ความแน่นของเนื้อไม้สูง  ไม้ที่มีเนื้อแน่นนับเป็นคุณสมบัติที่ดีของไม้ที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ นำมาก่อสร้าง นอกจากจะทำให้อายุของไม้ยาวนาน ไม่พังได้ง่าย แล้วยังทำให้ไม้มีความแข็งแรง ไม่เหมือนไม้ที่เนื้อไม่ค่อยแน่น เมื่อทำการเจาะเข้าไปในไม้ จะทำให้ไม้แตก หักได้
เนื้อไม้มีความละเอียด  อีกหนึ่งสิ่งที่ไม้ทุเรียนทำได้ดี คือเรื่องของเนื้อไม้ที่ละเอียด ผิวของไม้ที่สวย เมื่อนำไปทำพวกงานโชว์ลายไม้ โชว์เนื้อไม้อย่าง ตู้ โต๊ะ ก็จะทำให้ได้เฟอร์นิเจอร์ที่สวย ไม่ต้องตัดแต่งเยอะเหมือนไม้ที่เนื้อสาก ไม้ทุเรียนถือว่าเป็นไม้ที่ขึ้นรูปได้ง่ายอีกชนิดหนึ่งเลยก็ว่าได้
สีสวยให้ความรู้สึกดูอบอุ่น เป็นไม้ที่มีสีโทนละมุน สีเหลืองอมน้ำตาล ถือว่าเป็นสีไม้ที่มีความเป็นไม้สูง เวลาที่เรานึกถึงไม้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ ก็จะนึกถึงสีไม้ที่สีดูเบา สบายตา สีเนื้อไม้ของไม้ทุเรียนถือว่าทำได้ดี ถ้านำไปอัดน้ำยา หรือ เคลือบสีก็จะกลายเป็นสีโทนแดง (คนเลยมักจะสับสนกันว่าเป็นสีไหนกันแน่)
ราคาถูก หาซื้อได้ง่าย เป็นไม้ที่มีราคาจับต้องได้ ไม่แพงเหมือนพวกไม้เฟอร์นิเจอร์บางชนิด   เหมาะสำหรับนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ก่อสร้าง ทั้งภายใน ภายนอก เพราะว่าราคาถูกแถมยังหาซื้อง่ายอีก
 
ไม้ทุเรียนมักจะนำไปใช้กับงานแบบไหน?
หลายคนอาจจะอยากรู้ว่าแล้ว ไอ้เจ้าไม้ทุเรียนเหมาะสำหรับนำไปใช้งานแบบไหน ด้วยความที่เป็นไม้เนื้อแน่น เนื้อละเอียด สีไม้สวยน่าใช้ มีความแข็งแรงทนทานสูง ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ไม้ทุเรียนถูกนำไปใช้งานหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น
ใช้เป็นไม้โครงหลักของเฟอร์นิเจอร์ ปกติเฟอร์นิเจอร์บางชนิด เช่นพวกตู้ โต๊ะที่มีลิ้นชัก และ โดยเฉพาะกับเฟอร์นิเจอร์ built in มักจะอาศัยการประกอบส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมนำไม้ทุเรียนมาใช้เป็นไม้โครงหลัก แล้วอาจจะใช้ไม้ชนิดอื่นมาทำส่วนต่างๆ เพื่อให้เกิดดีเทลของเฟอร์นิเจอร์ เช่น พวกลิ้นชัก พวกตู้ปิดเปิด
ใช้เป็นไม้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ ด้วยเนื้อไม้ที่ค่อนข้างสวย ทำให้หลายคนเลือกที่จะเอาไม้ทุเรียนมาทำเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบางอย่าง แต่ไม่นิยมนำไม้ทุเรียนไปทำเฟอร์นิเจอร์ที่รองรับน้ำหนักเยอะๆ   อย่างเตียง  โต๊ะทานข้าว เก้าอี้มากนัก
ใช้เป็นไม้สำหรับทำงาน built in ต่างๆ บางจุดที่ต้องอาศัยคุณสมบัติบางอย่างของนั่นก็คือ ความแน่นของเนื้อไม้ที่เหมาะสำหรับการตัดแต่ง เจาะ ตัด ทำให้คนนิยมนำไปทำพวกเฟอร์นิเจอร์ยึดติดกำแพง ชั้นวางของ ตู้ใส่ของ อะไรก็แล้วแต่ที่ต้องอาศัยการยึดด้วยตะปู สกรู ไม้ต่างๆ   นอกจากนั้นด้วยความที่เนื้อไม้สวย ก็ยิ่งทำให้นิยมนำไปใช้กันอย่างมาก
 
ไม้ทุเรียนคุณภาพต้องโรงงาน MTK
ไม้คุณภาพดีต้องMTK ไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตรแล้วเรียบร้อย
ใช้เครื่องจักรมีคุณภาพ เราใช้เครื่องจักรต่างๆคุณภาพดี  สามารถผลิตไม้ได้หลายรูปแบบตามมาตรฐานแน่นอน
รับผลิตแบบควรวงจร มีบริการตั้งแต่  รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเลื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้ , บริการอัดน้ำยา-อบไม้ จนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย
โรงงานดีมีคุณภาพ โรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัดระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี
 
เลือกไม้ที่ดี เลือกไม้ที่โรงงาน MTK WOOD

สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook  : MTK เอ็มทีเค
Line  :   [url=http://line.me/ti/p/~@mtkwood]@mtkwood[/url][/color]
Tel :  095-654-6551
Email :    marketing@mtkwood.com


170
ใครที่มีปัญหาเรื่องในการไอบ่อยๆ เวลาเจออากาศเปลี่ยนแปลง บางครั้งใครจะไปพกยาแก้ไอขวดใหญ่หนักๆ ไปได้ตลอด ยิ่งคุณอยู่ในสถานการณ์บางอย่าง เช่น กำลังจะพรีเซนต์งาน คุยโทรศัพท์ ทานอาหารอยู่ การจะให้ไปอมยาเม็ดแก้เจ็บคอแบบเดิมๆ ก็คงจะไม่สะดวก ใครที่กำลังเจ็บคออยู่ แต่เบื่อวิธีการแบบเดิมๆ ลองเปลี่ยนมาใช้ ยาแก้ไอแบบพ่น แทนดูมั้ยคะ นอกจากจะใช้ง่ายแล้ว ยังใช้งานได้สะดวก แถมยังออกฤทธิ์ได้เร็วอีกด้วย แก้ปัญหาการไอให้เป็นเรื่องง่ายๆ ด้วยยาแก้ไอแบบพ่นที่เราขนมาแนะนำให้คุณ
รีวิว ยาแก้ไอแบบพ่น ตัวไหนเด็ด ตัวไหนปังบ้าง?
ส่วนใหญ่พวกยาแก้เจ็บคอมักจะมีส่วนผสมของพวกน้ำมันหอมระเหย สมุนไพรต่างๆ ที่ช่วยในการบรรเทาอาการเจ็บคอ ระคายเคืองคอ และ มักจะมีรูปแบบกะทัดรัด เหมาะในการพกพา บางตัวก็อาจจะแตกต่างกันตรงที่ส่วนประกอบ บางตัวก็ต่างกันที่คุณสมบัติของยา บางชนิดแก้เจ็บคอได้ บางชนิดช่วยทำให้ชุ่มคอ เหมาะสำหรับคนที่คอแห้งบ่อยๆ ซึ่งแต่ละตัวก็เหมาะสมกับการใช้งานที่แตกต่างกัน แต่จะมีตัวไหนปังๆ บ้างไปดูกันเลย
Kamillosan M
มากันที่ตัวแรก หลายคนอาจจะเคยเห็นเจ้ายาแก้ไอตัวนี้กันมาบ้าง เป็นยาพ่นขวดแบบพกพาง่าย มีส่วนประกอบของสมุนไพรถึง 7 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นพวกยูยาลิปทอล เพเพอร์มินต์ คาโมไมล์ และ ส่วนผสมอื่นๆ ให้ความรู้สึกเย็นๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ใช้แล้วรู้สึกเย็นสบาย ช่วยในเรื่องของการเจ็บคอ ลดอาการไอ ระคายเคืองคอ นอกจากนั้นยังช่วยลดการอักเสบภายในช่องปาก และ ต่อมทอนซิล แถมยังช่วยลดกลิ่นปากได้ดีอีกด้วย ในด้านของการออกฤทธิ์หากมีอาการไอ เจ็บคอไม่มากหากใช้แล้วก็จะรู้สึกดีขึ้น แต่หากเจ็บคอมากๆ อาจจะต้องใช้ร่วมกับยาทานยาแก้ไอควบคู่กันไปด้วย ในส่วนของราคาจะไม่ได้แพงจนเกินไป ราคาอยู่ประมาณ 189 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า) เป็นตัวยาที่สามารถจับต้องได้ง่าย หาซื้อได้ง่ายตามร้านค้า และ ร้านยาทั่วไป ส่วนตัวเราถือว่ายาตัวนี้ช่วยลดอาการระคายเคืองคอได้ระดับหนึ่ง ถือว่าทำได้เยี่ยมสำหรับยาแก้ไอแบบพ่นตัวแรก
คะแนน - 3.5 ถือว่าในเรื่องของราคา ปริมาณ และ คุณสมบัติที่ช่วยในการแก้เจ็บคอ ระคายคอ การไอถือว่าทำได้ดี แต่ถ้าเจ็บคอมากๆ อาจจะต้องใช้อย่างอื่นควบคู่เข้าไปด้วย
BioFresh Mouth Spray
ตัวนี้เป็นสเปรย์แก้ไอจากดอกคาโมมายล์ อิชินาเซีย มาพร้อมกับน้ำมันหอมระเหยถึง 11 ชนิด ให้กลิ่นที่หอมมั่นใจ และ ยังทำให้รู้สึกชุ่มคอ ช่วยในการลดการอักเสบ ไอ เจ็บคอ รวมทั้งอาการระคายเคืองในช่องปาก และ ลำคอ ที่เกิดจากแบคทีเรีย นอกจากจะช่วยลดการเจ็บคอ คันคอแล้ว ช่วยลดกลิ่นปากที่เกิดจากการใส่แมสก์เป็นเวลานานๆ แถมยังสามารถช่วยรักษาแผลในช่องปากไปในตัว ด้วยสารสกัดจากดอกคาโมมายล์แล้วยังมีสารสกัดอิชินาเซียที่ช่วยในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด และ ยังปราศจากน้ำตาลไม่ทำให้ฟันผุ ใครที่เป็นเบาหวานสามารถใช้ได้ (ใครที่ไม่ชอบความหวานเลี่ยนเหมือนเราน่าจะต้องชอบตัวนี้แน่ๆ) ส่วนตัวชอบตัวนี้เนื่องจากรสชาติดี และนอกจากจะเย็นหอมชื่นใจแล้ว ยังช่วยแก้ไอได้ดี ทำให้รู้สึกชุ่มคอ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการหวัดได้ด้วย  หาซื้อได้ตามร้านยา ร้านค้าทั่วไป รวมทั้งช่องทางออนไลน์ต่างๆ ราคาประมาณ 120 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า) เป็นขนาดขวดเล็กที่พกพาง่าย
คะแนน - 4.5 ถือว่าช่วยในเรื่องการแก้อาการเจ็บคอ ทำให้คอชุ่มชื่นได้ดี เพราะมีน้ำมันหอมระเหยหลายชนิด อีกทั้งยังให้กลิ่นที่หอมสดชื่น ที่สำคัญคือรสชาติดี เย็นสดชื่น แถมยังสามารถช่วยสมานแผลในช่องปาก เช่น เวลาเป็นร้อนในได้ด้วย เรียกได้ว่าคุ้มมาก!!! ราคาก็ไม่แพง ขนาดกะทัดรัดเหมาะกับการพกพา ใช้งานได้ง่ายแค่พ่นเท่านั้น นอกจากนั้นหากยังมีส่วนผสมจากอิชินาเซียที่ช่วยในเรื่องการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัดด้วย
Propoliz Mouth Spray
มากันที่ยาแก้ไอตัวที่สอง ยาพ่นตัวนี้มาพร้อมกับส่วนผสมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นโพรโพลิส ที่เป็นสารสกัดธรรมชาติในรังผึ้ง มาพร้อมกับน้ำผึ้ง และ พืชตระกูลมินต์ รวมทั้งส่วนผสมต่างๆ ที่ช่วยทำให้รู้สึกชุ่มคอ นอกจากนั้นยังช่วยลดการไอ ระคายคอ รวมถึงลดอาการอักเสบจากแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อราต่างๆ ที่เป็นตัวการทำให้เราเคืองคอ แถมยังทำให้ปากหอมสดชื่นอีกด้วย ในเรื่องของกลิ่นทำได้ชัดเจนมาก กลิ่นหอมชัดเจนว่าเป็นกลิ่นอะไร และ ถ้าใครเป็นคนที่คอแห้งง่ายๆ แบบเราน่าจะชอบ เพราะตัวนี้ให้ความชุ่มชื่นคอได้ดีพอสมควร ราคาของตัวนี้อยู่ที่ 159 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า) เป็นอีกหนึ่งยาแก้ไอที่หาซื้อได้ง่ายตามร้านค้า ร้านยาทั่วไป ในเรื่องของกลิ่นยาตัวนี้ตอบโจทย์มาก แถมยังครอบคลุมไปถึงเรื่องของการฆ่าเชื้อภายในลำคออีกด้วย
คะแนน - 4 ทำได้ดีในเรื่องการฆ่าเชื้อ การให้ความชุ่มชื่นแก่ลำคอแก้เจ็บคอได้ดี ใครที่ชอบความสดชื่นต้องชอบ แต่อาจจะออกฤทธิ์ได้ไม่นานมาก ถ้าใครเจ็บคอบ่อยๆ อาจจะต้องพ่นยาบ่อยนิดหนึ่ง
Snake Rescue Spray
นอกจากแป้งแล้วแบรนด์นี้ก็ยังทำยาแก้ไออีกด้วย สำหรับยาแก้ไอตรางู แบรนด์นี้ขึ้นชื่อเรื่องความเย็นอยู่แล้ว ยาตัวนี้มีส่วนผสมของหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นคาร์โมไมล์ และ น้ำมันหลายอย่าง น้ำมันเปปเปอร์มินต์ น้ำมันเบอร์กามอต ที่ช่วยทำให้เรารู้สึกว่าลมหายใจหอมสดชื่นมากขึ้น ใครที่น้ำลายบูด ปากเหม็นจากการใส่แมสก์ตัวนี้ให้เรื่องลมหายใจหอมได้ดี นอกจากนั้นในเรื่องของการลดการระคายเคืองคอก็ทำได้ดี แถมยังช่วยในเรื่องการลดแบคทีเรียได้อีกด้วย ใช้แล้วให้ความรู้สึกเย็นสบายคอ ขวดนี้ใช้แล้วรู้สึกว่าเย็นคอดี แต่ในเรื่องการช่วยลดการไอ เจ็บคออาจจะไม่ดีมากเท่าตัวอื่นที่มีส่วนผสมของสมุนไพร ตัวนี้จะเน้นเป็นพวกน้ำมันเป็นหลัก ราคาอยู่ที่ประมาณ 155 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า) สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้า และ ร้านยาทั่วไป
คะแนน - 3.5 ใครที่มีอาการเจ็บคอ ยาตัวนี้ทำให้รู้สึกเย็นคอ สดชื่นขึ้นกว่าเดิม และ ใครที่ระคายเคืองคอตัวนี้ก็สามารถใช้ได้ดี แต่ถ้าเจ็บจออาจจะต้องใช้ยาตัวอื่นทานคู่ไปด้วย
DIFFIS Herbal Mouth Spray
ยาแก้เจ็บคอแบบพ่นตัวนี้ แตกต่างจากตัวอื่นตรงนี้เขาเคลมว่าสารสกัดของเขาเป็นสารสกัดที่ปราศจาก แอลกอฮอล์ มาจากธรรมชาติเท่านั้น มีส่วนผสมทั้งจากดอกอิชินาเซีย ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน เปปเปอร์มินต์ เมนทอล ทำให้รู้สึกเย็นเวลาใช้งาน ช่วยในการยับยั้งเชื้อราในลำคอได้ดี ช่วยลดการไอ ลดหวัด ใช้แล้วรู้สึกหอมสดชื่น ใครที่ไม่ชอบกลิ่นแอลกอฮอล์หมดกังวลตัวนี้ตอบโจทย์มาก ราคาตัวนี้จะอยู่ที่ 176 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า) สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้า และ ร้านยาทั่วไป
คะแนน - 4 ใช้งาน ใครที่ชอบสารสกัดจากธรรมชาติเน้นๆ ตัวนี้ตอบโจทย์ ไม่ทำให้รู้สึกระคายคอเวลาใช้ ใช้งานได้ง่าย
Kamoliz mouth spray
ตัวนี้เป็นยาแก้ไอแบบพ่นที่มีส่วนผสมของบราซิลเลียน กรีน โพรพอลิส ที่เกิดจากการเลี้ยงผึ้งเป็นส่วนผสมที่ช่วยในการฆ่าเชื้อได้ดี ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในลำคอ ช่วยลดการระคายเคืองคอนอกจากนั้นยังมีคาร์โมไมล์จากเยอรมันอีกด้วย ที่ช่วยลดการอักเสบ แก้ปัญหาการไอ เป็นตัวยาที่เคลมว่าไม่มีส่วนผสมของสารกันเสีย และ น้ำตาล คนที่ชอบอะไรที่ออร์แกนิคจะต้องชอบตัวนี้ เวลาใช้แล้วในด้านของกลิ่นรู้สึกจะไม่สดชื่นเท่าตัวอื่น แต่ก็มีสารสกัดที่มีประโยชน์หลายอย่าง ใครที่ชอบกลิ่นไม่หนักมากตัวนี้ถือว่าทำได้ดี ราคาอยู่ที่ประมาณ 105 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับร้านค้า) สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้า และ ร้านยาทั่วไป
คะแนน - 3.5 เป็นอีกตัวที่มีสารสกัดธรรมชาติที่ช่วยในการลดการเจ็บคอได้ดี ขอหักในเรื่องกลิ่นที่อาจจะไม่สดชื่นเท่าตัวอื่น แต่ก็ทำให้ปากหอมสดชื่น ไม่มีน้ำตาลอีกต่างหาก
 
สำหรับผู้หญิงอย่างเราการเจ็บคอก็นับว่าเป็นอะไรที่แย่มาก ทำให้เราไม่มั่นใจในการจะไปคุยกับใคร และ ยิ่งมีกลิ่นปากด้วยแล้วละก็ยิ่งแย่มาก ทำให้ผู้หญิงอย่างเราๆ ควรจะมีลูกอมติดกระเป๋าเอาไว้บ้าง แต่ส่วนตัวไม่ค่อยชอบอมลูกอมสักเท่าไหร่ เลยชอบพกยาแก้ไอแบบพ่นมากกว่า พกง่าย ใช้ง่าย แถมยังทำให้ปากหอมสดชื่นอีกด้วย นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ต้องมีติดกระเป๋าเอาไว้เลย!!!
>> สามารถอ่าน ตัวการที่ทำให้เราระคายคอ ได้ที่นี่<<

ไม่อยากพลาดบทความดีๆ อย่าลืมติดตาม Sistalk กันนะ
ถ้าชอบบทความของเรา อย่าลืมกดติดตามช่องทางต่างๆเอาไว้ด้วยนะคะ และ นอกจากบทความนี้คุณยังสามารถเข้าไปอ่านบทความเจ๋งๆ อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความเกี่ยวกับความรัก สุขภาพ เรื่องลับๆ ของผู้หญิง ถ้าอยากรู้ต้องอย่าลืมไปอ่านบทความต่างๆ ด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


171
ปัญหาผิว รักษายังไงก็ไม่หาย ใช้อะไรก็แพ้ไปหมด ระคายเคืองหน้า ทำให้เรารู้สึกไม่มั่นใจเวลาจะออกไปไหน กลัวไปหมดแค่เจอมลภาวะภายนอกนิดเดียวผิวก็แพ้แล้ว เผลอๆ อยู่ในบ้านก็เกิดการระคายเคือง สำหรับใครที่กำลังเจอปัญหานี้อยู่ต้องเช็คให้ดีว่าคุณเป็นคน ผิวแพ้ง่าย หรือเปล่า??? วันนี้ทาง ResiSKIN เลยจะพาคุณมาเช็คผิวว่าคุณเป็นคนผิวแพ้ง่ายหรือไม่ พร้อมวิธีดูแลผิวสำหรับคนผิวบอบบางแพ้ง่าย ที่คุณต้องห้ามพลาด ถ้าทำยังไงก็แก้ปัญหาหน้าแพ้ง่ายไม่ได้ ก็ไปอ่านบทความกันเลย!!!
 
เราจะรู้ได้ไงว่าเราผิวแพ้ง่ายไหม?
มาเช็คตัวเองว่าผิวของคุณแพ้ง่ายหรือไม่ วันนี้เราจึงมี 6 สัญญาณเริ่มต้นในการเช็คผิวแพ้ง่ายมาฝากดังนี้ค่ะ
ผิวของคุณมีการตอบสนองต่อสารระคายเคือง เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด น้ำหอม หรือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ได้ไวกว่าปกติทำให้เกิดอาการคัน แสบ ระคายเคือง หลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์
ผิวของคุณมีรอยแดงขึ้นได้ง่าย รอยแดง คืออาการพื้นฐานของผิวแพ้ง่าย หากคุณเป็นคนผิวแพ้ง่ายก็มักจะเกิดรอยแดงตามส่วนต่างๆ ของร่างกายทั้ง หน้าแดง ผื่นแดง
ผิวแห้ง อีกหนึ่งสัญญาณที่เกี่ยวกับผิวแพ้ง่าย เพราะผิวที่แห้งแสดงถึงความไม่สมบูรณ์ของเกราะป้องกันผิว ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผิวของคุณแพ้ง่ายได้
ผดผื่นขึ้นบ่อย ผิวของคุณจะมีผื่นขึ้นบ่อยกว่าปกติ เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์บางอย่าง รวมทั้งการสัมผัส และ เจอสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
ผิวไหม้ง่าย ผิวไวต่อแดด โดนแดดนิดเดียวผิวก็แดง ก็ไหม้
ผิวของคุณไวต่อกสนเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น อาการที่ร้อนจัดสามารถกระตุ้นให้ผิวของคุณเกิดการอักเสบระคายเคืองได้
หากผิวของคุณมีอาการคล้ายคลึงกับ 6 สัญญาณเริ่มต้นเหล่านี้ ก็ให้รู้เอาไว้เลยว่าคุณเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่าย เพื่อที่จะทำการรักษา และ ดูแลผิวให้ถูกวิธี
 
ผิวแพ้ง่ายคืออะไรเกิดจากอะไร?
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ผิวของเราแพ้ง่ายมากเกิดจาก 2 ปัจจัยใหญ่ๆ ได้แก่ ผิวมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอ และ เซลล์ผิวที่ไวต่อการอักเสบได้ง่ายกว่าปกติ
ผิวมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอ (weak or damaged skin barrier) ผิวของเราจะมีผิวหนังกำพร้าที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันผิว (Skin barrier) ที่คอยปกป้องไม่ให้สิ่งแปลกปลอม หรือ ปัจจัยกระตุ้นผ่านเข้ามาทำร้ายเซลล์ผิว ดังนั้นการมีเกราะป้องกันผิวที่อ่อนแอ จะทำให้สิ่งแปลกปลอมผ่านเข้าไปทำร้ายเซลล์ผิวได้ง่าย จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้ผิวแพ้ง่ายได้
เซลล์ผิวที่ไวต่อการอักเสบได้ง่ายกว่าปกติ โดยปกติ เซลล์ผิวจะสามารถทนต่อการทำร้ายของสิ่งแปลกปลอมได้ในระดับนึง ทำให้เมื่อสัมผัสกับปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสารเคมี สบู่ น้ำหอม หรือ รังสียูวี ก็จะเกิดการอักเสบได้ยาก แต่ถ้าเซลล์ผิวของเราไวต่อการอักเสบ ถูกกระตุ้นโดยปัจจัยต่างๆ ได้ง่าย ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ผิวแพ้ง่ายได้เช่นกัน
วิธีการดูแล ผิวแพ้ง่าย ทำยังไง???
สำหรับวิธีการดูแลผิวแพ้ง่ายนั้น แนวทางสำคัญในการดูแลผิวคือการควบคุมทั้งปัจจัยภายใน หรือ สาเหตุที่ทำให้ผิวแพ้ง่าย ได้แก่เกราะป้องกันผิวอ่อนแอ และ เซลล์ผิวไวต่อการอักเสบ รวมถึงการลดปัจจัยภายนอกที่จะมากระตุ้นในผิวเกิดอาการแพ้ ดังนี้
การเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ผลิตภัณฑ์ที่เราควรเลือกมาดูแลผิวนั้นควรจะมีคุณสมบัติในการลดสาเหตุของผิวแพ้ง่าย คือมีคุณสมบัติทำให้เกราะป้องกันผิวของเราแข็งแรงขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว นอกจากนั้นควรที่จะจะมีคุณสมบัติในการลดความไวของผิวต่อการอักเสบ
ทานอาหารที่มีประโยชน์ นอกจากการดูแลจากภายนอกแล้ว การดูแลภายในก็นับว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน บางครั้งดูแลภายนอกแทบตายแต่ไม่ดูแลภายใน ก็อาจทำให้กลไกการป้องกันผิวอ่อนแอลงได้ ดังนั้นการทานอาหารที่มีประโยชน์ ที่มีสารอาหารเพียงพอจึงช่วยทำให้เกราะป้องกันผิวของเราแข็งแรงขึ้นได้ ควรเน้นอาหารที่มีวิตามินเยอะๆ อย่างวิตามินเอที่ช่วยในการทำให้ผิวแข็งแรง และ อย่าลืมที่จะต้องดื่มน้ำให้เพียงพออีกด้วย
ทำความสะอาดหน้าให้สะอาดอยู่สม่ำเสมอ การทำความสะอาดนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับทุกปัญหาผิว ไม่ว่าจะแต่งหน้า หรือ การไปเจอมลภาวะต่างๆ ข้างนอกมา ก็จะเป็นจะต้องล้าง และ เช็คผิวหน้าให้สะอาดทุกครั้งเพื่อล้างสิ่งสกปรกบนผิวหน้าด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง ไม่ควรใช้น้ำที่ร้อนจัด เย็นจัดในการล้าง การล้างหน้านับว่าเป็นขั้นตอนแรก และ ขั้นตอนสำคัญในการดูแลผิวก็ว่าได้ แต่ต้องระวังการเช็ดหน้าแรงๆ เพราะหากเช็คแรงนอกจากจะทำให้หน้าช้ำแล้ว ยังอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองจากการเช็ด ถูได้ เพื่อเป็นการลดการอักเสบของผิวหน้า
หลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ทำให้ระคายเคือง เพื่อลดการเกิดการอักเสบขึ้น และ ต้องอย่าลืมที่จะอ่านส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ก่อนที่จะใช้ ส่วนใหญ่ส่วนผสมที่ควรหลีกเลี่ยงนั่นก็คือ น้ำหอม พาราเบน สีผสม เม็ดสครับ พวกส่วนผสมสังเคราะห์เหล่านี้จะทำให้เกิดการระคายเคืองขึ้น และ ยังทำให้ผิวเกิดอาการแสบ คันขึ้นได้
 
การเลือกสกินแคร์สำหรับคนผิวแพ้ง่าย
การเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะดูแลผิวแพ้ง่ายของคุณได้อย่างเต็มที่ นอกจากที่จะต้องเลือกผลิตภัณฑ์จากส่วนผสม ส่วนประกอบ ควรเลือกส่วนประกอบที่ไม่มีสารสังเคราะห์ เราเลยอยากจะแนะนำเวชสำอางอย่าง Resiskin by Qualisk ที่เป็นเวชสำอางจากเยอรมันที่มี Extremolytes ถึง 7% ทำให้คุณสมบัติในการเสริมความสตรองให้ผิว ด้วยการสร้างเกราะความชุ่มชื้น (Hydro complex) ในชั้นผิว ทำให้ผิวมีเกราะกำบังไว้ซ่อมแซมตัวเอง และ ต้านทานสภาพแวดล้อมอันไม่เป็นมิตรต่อผิว ทำให้เซลล์ผิวถูกกระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบ หรือ แพ้ได้ยากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เอาชนะทุกอาการอักเสบ แพ้ แห้ง แดง ผื่น คัน ระคายเคือง พร้อมฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้กลับมาแข็งแรง นอกจากนั้นยังไม่มีส่วนประกอบของน้ำหอม พาราเบน สารปรุงแต่งสังเคราะห์ต่างๆ ที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ระคายเคือง ResiSKIN ช่วยป้องกัน และ ดูแลแบบ 2IN1 ให้ผิวของคุณกลับมาแข็งแรงดังเดิม ใครที่ผิวแพ้ง่ายลองแล้วจะรัก
 
อย่าให้ปัญหาผิวแพ้ง่ายมากวนใจ ผิวสตรองขึ้นได้ด้วยResiSKIN

 
สามารถติดตาม ResiSKIN เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


172
สาวๆ คนไหนที่เป็นคนเข้าหาคนไม่เก่ง หรือ ไม่รู้จะชวนหนุ่มๆ คุยยังไงดี จีบแทบตายสุดท้ายก็นก!!! ใครที่กำลังหาวิธีจีบผู้อยู่ แต่เบื่อวิธีแบบเดิมๆ เพราะทำยังไงก็ไม่ได้ผู้ ลองเปลี่ยนวิธีจีบแบบเดิมมาใช้เป็น แคปชั่นโสด หรือ แคปชั่นอ่อยดูเอามั้ย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วยุคนี้สวยมักนก มีคารมดีมักได้ คารมที่ดีก็นับว่าเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้กับเราได้เหมือนกัน ลองใช้แคปชั่นโสดดูสิ แล้วคุณอาจจะไม่โสดอีกต่อไป อย่าพลาดแคปชั่นที่จะช่วยทำให้ได้ผู้โดยไม่รู้ตัวในบทความนี้เลย
รวมแคปชั่นอ่อย แคปชั่นโสด สุดปังที่ต้องห้ามพลาด
รวมแคปชั่นสุดเจ๋งที่เหมือนจะตกยุคไปแล้วแต่ใช้ได้ตลอด บอกเลยว่าใช้แล้วเผลอๆ ได้ผู้มาแบบไม่รู้ตัว แต่เหยื่อคนไหนจะติดกับดักต้องมาลุ้นกันอีกที มาดูกันว่าแคปชั่นคนโสดแบบไหนจะได้ใจผู้ แบบไหนใช้แล้วดูดีไม่เสี่ยวเกินไป ยังคงความเล่นตัวนิดๆ อ่อยหน่อยๆ อย่าให้อะไรมาหยุดเราเอาไว้ อ่อยให้สุดแล้วหยุดที่คำว่ามีผู้แล้วจ้า!!!

แคปชั่นโสด ที่คนโสดอยากโปรโมทตัวเองต้องใช้!!!
สำหรับใครที่อยากบอกให้เขารู้ว่าเราโสดนะ จีบหนูหน่อย!!! เราจะไปใช้แคปชั่นอ่อยตรงๆ ก็โจ่งแจ้งไปดูไม่งาม ไม่ต้องเน้นอ่อยแรงๆ แต่เน้นโปรโมทให้รู้ว่าเราอะโสดนะพี่ แคปชั่นโหมดนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้มีเป้าหมายในใจ แค่อยากจะเน้นการพรีเซนต์ตัวเองแบบไม่โจ่งแจ่ง หรือ แรงจนเกินไป เพราะเดี๋ยวเขารู้ทันแล้วหายก็แย่เอา คีพลุคได้คีพเอาไว้ก่อนนะ อย่ารอช้าไปดูเลยว่าจะมีแคปชั่นไหนกันบ้าง
ถ้าไม่ติดว่าโสด ก็คงมีแฟนแล้ว เหมือนจะเป็นแคปชั่นเบาๆ แต่ก็เรียกได้ว่าอ่อยเว่อร์ ก็มันไม่มีใครจริงๆ นะพี่!!!
โสดเฉียบ เงียบทุกแอพนะเธอ 108 พันแอพมีหมดแต่ทำไมมือถือเงียบมาก อย่างน้อยก็อยากจะมีข้อความที่เป็นชื่อเธอทักมาสักแอพ
ถึงเราจะโสด แต่เราอยู่ในโหมดคนโสดหน้าตาดี งงมากสวยขนาดนี้โสดได้ไง ไม่เชื่อก็มาดูผีเสื้อที่ห้องเราสิ
ใครบอกว่าไม่เหงา แค่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังก็เท่านั้นเอง เหงาขนาดไหนคิดดู แค่คนที่อยากจะเล่าให้ฟังยังไม่มี เชื่อเถอะพี่ว่าเหงาจริงๆ
เหงาก็ต้องทน เพราะเป็นคนไม่มีแฟน คนโสดอย่างเราเหงาแค่ไหนก็ต้องอดทนเนอะ ก็มันโสดดดดดดดด จะให้ทำยังไง!!!
อากาศก็ร้อน คนอ้อนก็ไม่มี ก็มันไม่มีคนอ้อนอะ...อากาศก็แค่ข้ออ้างแต่คนเคียงข้างอะไม่มีจริงๆ นะเธอ
สดใสมั้ยไม่รู้ แต่ตอนนี้โสดอยู่นะขอบคุณ ไม่มีอะไรมากแค่อยากจะบอกว่าโสดนะรู้ยัง อยากบอกแค่นี้จริงๆ ต้องจีบแล้วมั้ยอะคุณ
โสดมาหลายปี อยากเจอความรักดีดีบ้างจังเลย โสดนานแค่ไหนก็น่าจะรู้ นานจนอยากได้เธอมาเป็นแฟนแล้วนะ อยากให้เธิมาเป็นความรักที่ดีบ้างจัง
โสดบ่อยก็เลยเพ้อ เผื่อคนเลื่อนเจอจะสนใจ ก็ไม่ได้อ่อยอะไรมากมาย แค่อยากให้รู้ว่าโสด เลื่อนเจอแต่ห้ามเลื่อนผ่านนะ
ว่าไงความโสด เมื่อไหร่จะอัปโหลดเปลี่ยนโหมดสักที อยากเปลี่ยนสถานะจากโสดเป็นมีคู่แล้วนะ เจ้าความโสดอยู่กับเรามานานเกินไปแล้วนะ
แคปชั่นนี้เป็นแคปชั่นสำหรับคนโสดที่อยากจะบอกคนอื่นเป็นทางอ้อมๆ ว่าฉันโสดนะ โปรดจีบแบบแนบเนียน ไม่กระโตกกระตาก เป็นการโปรโมทตนเองแบบสวยๆ เหมือนคนรวยนั่งจิบไวน์อยู่ริมสระ หากใครอยากจะลงรูปพร้อมแคปชั่นก็อาจจะลงรูปสวยๆ ปังๆ ไปเลย ไม่ต้องกั๊ก แบบชนิดที่ใครเห็นก็ต้องอยากได้เรา ... เห้ย อยากจีบเราสิ (>///<)
แคปชั่นนี้เหมาะสำหรับ - หนุ่มโสดที่ขี้เล่น เป็นกันเอง รวมทั้งหนุ่มแบบผู้ใหญ่ปากแข็งแต่ใจอ่อน มาดูกันว่าระหว่างปากที่แข็งกับใจของเขาอะไรก็แพ้อะไรจะชนะ (อิอิ)
แคปชั่นโสด แคปชั่นอ่อยที่คนโสดสนิทอยากได้ผู้ต้องเอาไปใช้!!!
ในโหมดนี้เราจะไม่อ่อยไปทั่วแล้ว แต่เราจะใช้การรุกเข้าช่วย ในเมื่อไม่เข้าถ้ำเสือจะได้ลูกเสือมาได้อย่างไร สำหรับใครไม่อยากจะต้องมานั่งรอเฉยๆ ต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นสาวยุคใหม่ที่อยากได้อะไรก็ลุยเลยค่ะ แต่ก็ยังต้องคีพลุคอยู่ อ่อยแหละแต่ก็ไม่แรงจนเสียลุค ใครที่เป็นสาวสวยมั่นใจลองเอาแคปชันนี้ไปใช้ดูนะคะ รับรองได้ว่าเผลอๆ ได้ผู้มาอย่างงงๆ เลยละ
ไม่อยากได้อะไรจากคุณ นอกจากนามสกุลที่พ่อเธอให้มา ก็ไม่อยากได้อะไรจริงๆ อยากได้แค่ตัวเธอ ไปเลยมั้ยอะจดทะเบียนเลยไหมวันนี้ (>///<)
ช่วงนี้ดูแลตัวเองดีๆ นะเธอไม่อยากให้เธอเป็นอะไรเลยนอกจากเป็นของเรา ห่วงแหละถ้าไม่อยากเป็นอะไรมาเป็นของเราดีมั้ยละเธอ
ขออ้อนได้มั้ย ในฐานะลูกแมวน้อยก็ได้นะเธอ เบื่อแล้วเป็นหมาขอเป็นแมวน้อยตัวเล็กๆ บ้างได้มั้ยคะ มาดูแมวที่ห้องเราไหมละ
เราร้อนมากๆ เลย...หมายถึงร้อนใจอยากเป็นแฟนเธออะ รีบแหละ ก็มันอยากได้เธอนี่น่า...ให้เราได้มั้ยแค่เอาตัวเธอมาเอง
เป็นแมวคงไม่ไหว เป็นหนูได้มั้ยขี้อ้อนเหมือนกัน ถ้าพี่เบื่อดูแมวแล้วไปดูหนูกันมั้ยคะ อ้อนกว่านี้ก็ไม่มีแล้วคะ มาให้อ้อนหน่อย
แฟนไม่มียินดีต้อนรับ โสดนะครับรับไปลองมั้ย งื้อ...ถ้าเธอก็โสด เราก็โสดก็รับไปลองคบกันดูมั้ยละเธอ จะได้รู้ว่าเราน่าเลี้ยงมั้ย
คนเจ้าชู้เต็มไปหมด คนดีๆ คนสวยแบบเราควรไปอยู่ตรงไหน ตรงกลางใจเธอได้ป่ะ!!! เป็นคนดีที่สวยมาก เลยอยากเอาตัวเราไปอยู่ในใจของเธอไง
หน้าร้อนยังมีเหงื่อ แต่ถ้าเธอไม่อยากเบื่อต้องมีเรานะ มีเราเธอจะไม่เบื่อ เพราะเราพูดมาก และ น่ารักมากไม่อยากจะโม้
อากาศร้อนแบบนี้ทำไอติมละลาย กินเราแทนมั้ยแถมไลน์ให้ด้วยนะฟรีๆ ไอติมจะไปอร่อยเท่ากินเราได้ยังไงกันล่ะคะ
เช็คอินอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แต่โลเคชั่นหัวใจเราอยู่ที่เธอนะ ถ้าเธอไม่เชื่อว่าหัวใจเราอยู่ที่เธอก็ลองเข้ามาดูในใจเราสิว่ามีแต่เธอหรือเปล่า
แคปชั่นนี้เหมาะสำหรับใช้เมื่อเราต้องการอ่อยใครเป็นพิเศษ หรือ แอบมีเล็งๆ หนุ่มที่หมายตาเอาไว้แล้ว เป็นการส่งความรู้สึกให้เขาแบบเนียนๆ (ก็ไม่ได้อยากส่งให้ใครนอกจากเธอ >///<) แค่นี้ยังไม่รู้ตัวอีกหรอคะเนี่ย ถ้าใครอยากจะลงเป็นแคปชั่นรูปก็อาจจะใช้รูปอ่อยๆ หน่อย หรือ ไม่ก็ใช้เป็นรูปน่ารักกวนๆ ให้ดูรู้สึกซนซ่ามีปัญหาก็มาหาเราดิ อะไรแบบนี้!!!
แคปชั่นนี้เหมาะสำหรับ - หนุ่มที่แพ้ลูกอ้อน หนุ่มวัยทำงานเนียบๆ หรือ หนุ่มวัยใสน่ารัก รวมทั้งหนุ่มรุ่นพี่สุดเท่ แคปชั่นแบบนี้ก็เหมาะสำหรับการอ้อนไปหมด

 
Sistalk มาพร้อมเทคนิคพิชิตใจหนุ่มๆ ที่คุณห้ามพลาด
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! แล้วคุณจะไม่ตกเทรนด์กับเรา "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ สาวๆ คนไหน ที่ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


173
ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ GoPro 10 น้องใหม่สุดเจ๋งมาพร้อมกับฟังก์ชั่น การใช้งาน และ สเปคสุดล้ำหน้า ที่มีเฉพาะแค่ในรุ่นนี้เท่านั้น!!!! หลายคนคงรู้แล้วว่าพอโกโปรเปิดตัวรุ่นใหม่แต่ละครั้ง ก็จะมีการอัปเดตสเปค และ ระบบการใช้งานต่างๆ ให้ดีมากยิ่งขึ้น บทความนี้ก็ยังจะเอาใจสายชอบการวิเคราะห์ เพราะทาง Aquapro ได้รวบรวมข้อมูล GoPro 10 สเปค ถ้าคุณเป็นสายท่องเที่ยว สายลุย สายvlog ต้องห้ามพลาดบทความนี้เด็ดขาด!!!
 
มาดูพร้อมวิเคราะห์ GoPro 10 สเปค ที่เด็ดๆว่ามีอะไรบ้าง?
สำหรับใครที่เป็นสาวกโกโปร เป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ จะต้องชอบเจ้า GoPro 10 เพราะว่าถึงแม้จะเป็นกล้องโกโปรตัวเล็ก แต่สเปคที่อัดมาในตัวเครื่องเกินคาดมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความละเอียดภาพ วิดีโอที่ดีขึ้นกว่าเดิม การใช้งานที่รวดเร็วมากขึ้น รวมทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานใหม่ต่างๆ ด้วยชิปประมวลผลตัวใหม่ล่าสุดที่มีเฉพาะในรุ่น GoPro 10 นั่นก็คือชิป GP2 (Processor) ที่ช่วยให้การทำงานของระบบ ฟังก์ชั่นต่างๆ เสถียรมากขึ้นดีขึ้น ใช้งานได้เร็วขึ้น แถมยังช่วยประหยัดพลังงานขึ้นอีกด้วย
ความละเอียดของภาพที่เพิ่มมากขึ้น
ถึงแม้กล้องโกโปรจะเป็นกล้องตัวเล็ก แต่ประสิทธิภาพในเรื่องของการถ่ายภาพถือว่าทำได้ดีเกินขนาดตัวมาก หากใครที่คิดว่าเป็นกล้องตัวเล็กแล้วจะถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอได้ไม่คมชัด ไม่ละเอียดหมดกังวลได้ ความละเอียดของภาพ บรรยากาศทั้งในตอนกลางวัน และ กลางคืน ในรุ่นนี้อัด ความละเอียดของภาพ มากสูงถึง 23 MP
-ที่ช่วยทำให้ถ่ายภาพได้คมชัดมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการ ถ่ายกลางวัน หากเมื่อเปรียบเทียบการถ่ายในตอนกลางวันที่มีแสงมากแล้ว บางครั้งอาจจะทำให้ไม่เห็นรายละเอียดของบางดีเทล แต่ในรุ่นนี้จะสามารถเก็บดีเทลได้ดีมากยิ่งขึ้น
-ด้วยโปรเซสเซอร์ GP2 ทำให้สามารถ ถ่ายกลางคืน ได้ดีขึ้นช่วยในการลดนอยส์ (Noise) ของภาพทำให้เก็บภาพได้คมชัดขึ้น มาพร้อมการรองรับการถ่าย RAW File และ Super Photo
เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการกล้องที่ถ่ายภาพ ที่สามารถถ่ายได้คมชัดระดับโปร แต่ตัวเล็กพกพาง่าย ไม่ว่าจะภาพ หรือ วิดีโอความคมชัดไหนจะตอนเช้า ตอนเย็น ถ่ายได้ไม่มีสะดุด คุ้มค่ามากตัวเล็กแต่คุณภาพไม่เล็กนะคะ คุ้มค่ามากสำหรับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพระดับโปรแต่ราคาจับต้องได้
ความละเอียดของวิดีโอที่ดีมากยิ่งขึ้น
ด้วยเซนเซอร์ GP2 ทำให้ดีเทล รายละเอียดของวิดีโอดีมากยิ่งขึ้น เหมาะมากสำหรับคนที่อยากได้วิดีโอแบบโปรๆ อยากได้วิดีโอที่ดูมีความเป็นมืออาชีพ วิดีโอในรุ่นนี้เหมาะมากสำหรับการใช้ถ่ายvlog ถ่ายวิว นอกจากนั้นยังสามารถครอปวิดีโอได้ด้วย โดยไม่เสียรายละเอียดของวิดีโอ ยังให้ภาพที่คมชัดเหมือนเดิมให้ ความละเอียดของวิดีโอ ก็มากขึ้นถึง 5K 60FPS / 4K 120FPS ซึ่งถือว่าทำได้สูงมากกว่าเดิม ให้เฟรมเรทที่ละเอียดกว่าเดิม นอกจากนั้นยังมาพร้อม Full HD 480 FPS  สำหรับใครที่ชื่นชอบการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงบอกเลยว่าตอบโจทย์การใช้งานอย่างแน่นอน ด้วยประสิทธิภาพของตัวเซนเซอร์ที่เปลี่ยนใหม่
-ในตอนกลางวัน ให้วิดีโอที่สว่างขึ้นกว่าเดิม สามารถเก็บรายะลเอียดได้คมชัดแบบ Full HD ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียด ดีเทลแบบไหนก็เก็บได้หมด
-นอกจากจะถ่ายภาพได้ดีขึ้นแล้วยังถ่ายได้ลื่นไหลขึ้นอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงการ ถ่ายวิดีโอในตอนกลางคืน ขึ้นด้วยโปรเซสเซอร์ GP2 ทำให้กล้องมีการปรับปรุงพัฒนาขึ้น ไม่ว่าจะเป็น LTM (Local Tone Mapping) และ 3DNR (3D Noise reduction) ที่ช่วยในเรื่องการถ่ายภาพในที่แสงน้อยอีกด้วย ทำให้วิดีโอที่สว่างขึ้นกว่าเดิมทั้งตัวเรา และ รายละเอียดรอบข้าง ให้ภาพคมขึ้น ชัดขึ้นแม้ในที่แสงน้อย แถมยังช่วยลดนอยส์ในภาพ
วิดีโอSlow motion ที่ละเอียดมากยิ่งขึ้น
สำหรับใครที่ต้องการวิดีโอสโลโมชั่นที่ให้ความละเอียดสูงๆ ที่สามารถสโลได้วิดีโอที่สมูท การสโลโมชั่นยังสามารถทำได้เท่าเดิมแต่รุ่นนี้ทำได้ดีขึ้นในเรื่องของรายละเอียดวิดีโอ ให้ความละเอียดของวิดีโอ Slow motion ได้ถึง 8 เท่า หรือ 240p ด้วยความละเอียดสูงถึง 2.7K 480FPS ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับวิดีโอแบบปกติ สิ่งที่อัปโหลดขึ้นในรุ่นนี้คือเรื่องของการถ่ายภาพที่ละเอียดมากขึ้น แต่คุณก็ยังสามารถถ่ายวิดีโอแบบ 4K 120FPS ได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งโหมดที่เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการสร้างสรรค์วิดีโอเจ๋งๆ
กันสั่นเวอร์ชั่นใหม่ อัปเดทให้สุดหยุดที่ภาพโคตรนิ่ง
ในสถานการณ์บางอย่างที่ต้องลุย ต้องเผชิญกับกิจกรรมต่างๆ บางครั้งก็อาจทำให้การถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอของคุณหลุดโฟกัส หรือ ไม่ลื่นไหลไม่ต่อเนื่องได้ แต่ไม่ใช่กับกล้อง GoPro 10 ที่มาพร้อมกับโหมดกันสั่นอย่าง New HyperSmooth 4.0 ที่ช่วยทำให้คุณสามารถถ่ายวิดีโอได้นิ่งมากยิ่งขึ้น ช่วยลดการสั่นทำให้วิดีโอมีความต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีระบบ Horizon Levelling ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการรักษาระดับเส้นขอบฟ้า ทำให้ไม่ว่ากล้องจะเอียงแค่ไหน ระบบ Ai ก็จะคอยปรับให้กล้องกลับมาอยู่ในระดับแนวเดิม และ ในรุ่นนี้ยังเอียงได้มากขึ้นถึง 45 องศา จากเดิม 27 องศา ทำให้สามารถเก็บภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น สมบูรณ์มากขึ้น
ถ่ายไลฟ์ และ การอัปโหลดที่เร็วขึ้น
สำหรับใครที่เป็นสายสตรีม สายไลฟ์สด สายโซเชียลบอกเลยว่าต้องถูกใจ เพราะว่าโกโปรรุ่นนี้สามารถทำการ Live Streaming ผ่านแอปพลิเคชั่น GoPro Quik ได้เลยไม่ว่าจะเวลาไหน ช่วงไหนก็สามารถที่จะแชร์เรื่องราวต่างๆ vlogต่างๆ ได้เลยทันทีด้วยความชัดระดับ 1080p สามารถไลฟ์ได้ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ นอกจากนั้นยังสามารถใช้เป็น รีโมทคอนโทรล สำหรับปรับแต่ง เลือกโหมดต่างๆ จากโทรศัพท์โดยตรงได้อีกด้วย รวมทั้งยังสามารถทำการสั่งงานผ่านตัวกล้องได้ ในส่วนของการถ่ายผ่าน Webcam ก็มาพร้อมกับความละเอียดระดับ Full HD 1080p แถมยังให้มุมมองภาพที่กว้างถึง 132 องศา ให้ความคมชัด ความละเอียดสูง นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อได้เร็วขึ้น ความเร็วของการเชื่อมต่ออัปโหลดจะเพิ่มขึ้นถึง 40-50%
-ถ้าส่งข้อมูลผ่าน Wi-Fi จะเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30%
-แต่ถ้า ต่อสายตรง ความเร็วจะไวขึ้นถึง 40-50%
-สามารถทำการอัปโหลดผ่าน Cloud เร็วขึ้นอีกด้วย

 
ใครควรซื้อ GoPro 10
-คนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแบบโปรๆ ในราคาจับต้องได้
-คนที่ทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งสายลุย สายกีฬา สายผจญภัย สายvlog
-คนที่ชื่นชอบความเสถียร ความไวในการถ่ายโอนข้อมูล
-คนที่ชอบการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ ไม่อยากพลาดทุกช่วงเวลาที่จะได้แชร์กับเพื่อน
-คนที่จะนำภาพ วิดีโอไปตัดต่อ แต่งต่อในคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์
 
 
ซื้อกล้อง GoPro 10 โปรโมชั่นสุดคุ้มที่ร้าน Aquapro
สุดคุ้มซื้อ GoPro 10 โปรโมชั่น และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่ได้รับการรับรองจากทางเมนทาแกรมแล้ว ร้านของเรามาพร้อมกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี โปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


174
หากพูดถึงอาการ ผื่นขึ้นหน้า คงมีหลายๆ คนที่กำลังเจอกับปัญหานี้ ยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใส่หน้ากากอนามัยบ่อยครั้ง หรือ อยู่ในสถานที่ที่มีมลพิษ รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ อักเสบ หรือ เกิดการระคายเคืองผิวหน้า ผื่นก็ขึ้นมาทันที บางคนรักษาหายแล้วแต่ก็กลับมาเป็นซ้ำอีก ยิ่งคนที่มีสภาพผิวอ่อนแอ ยิ่งอาจทำให้ผื่นลุกลามหนักขึ้นได้ ดังนั้นเพื่อทำให้ผิวกลับมาดูดี และ สตรองเหมือนเดิม มาทำความรู้จักสาเหตุ พร้อมวิธีรับมือกับปัญหาผื่นขึ้นหน้าที่ทาง ResiSKIN นำมาบอกกันแบบไม่มีกั๊ก ใครที่อยากหน้าใสไร้ผื่นห้ามพลาดบทความนี้
 
ผื่นขึ้นหน้า สาเหตุและอาการเป็นอย่างไร?
หากพูดถึงผื่นบนผิวหน้า ส่วนมากมักจะมีสาเหตุเบื้องต้นมาจาก การอักเสบของผิว ผื่นที่เกิดขึ้นอาจมีทั้งลักษณะที่เป็นตุ่มเม็ดเล็ก หรือ รอยแดง อาจจะมีอาการคันแสบ ระคายเคือง หรือ ลอกขุยร่วมด้วยบางที ซึ่งขึ้นอยู่กับสาเหตุของการอักเสบที่จะทำให้ลักษณะอาการของผื่นต่างกันออกไป ทั้งจากการสัมผัส ประเภทของผิว สภาพอากาศ การระคายเคือง รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้เกิดอาการผื่นขึ้นหน้าได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น
สภาพอากาศ อีกหนึ่งปัจจัยใหญ่ที่ทำให้ผื่นขึ้นหน้า ยิ่งในช่วงที่อากาศแห้ง อากาศเย็นจัด หรือ ในช่วงที่อากาศร้อนจัด
การสัมผัสและสารเคมี สิ่งใกล้ตัวบางอย่างอาจทำให้เกิดผื่นขึ้นหน้าได้โดยไม่รู้ตัว อย่างการที่เอามือไปสัมผัสกับหน้าก็ทำให้ผื่นขึ้นได้ เพราะมือของเราอาจจะไปหยิบจับอะไรที่เป็นสารระคายเคืองผิว ทั้งจากเครื่องสำอาง น้ำยาซักผ้า สบู่ รวมถึงสารเคมีที่เราต้องเจอในชีวิตประจำวันต่างๆ จะทำให้ผิวแห้ง และ ระคายเคือง เป็นผลทำให้เกิดผื่นแดงที่หน้า
ระบบภูมิคุ้มกัน บางคนอาจจะมีผิวแพ้ง่าย ผิวไวต่อสิ่งเร้า เจออะไรนิดหน่อยก็ผื่นขึ้น หากคุณเป็นคนที่ผื่นขึ้นง่าย อาจจะมาจากระบบภูมิคุ้มกันของคุณที่ตอบสนองต่อความผิดปกติของร่างกาย เช่น เหงื่อ ความร้อน สารระคายเคืองต่างๆ ที่จะทำให้เกิดอาการอักเสบ หรือ มีผื่นแดง ผื่นคันขึ้น บางครั้งก็อาจจะเกิดจากการรับประทานอาหารบางชนิด หากแพ้ขึ้นมาก็ทำให้เกิดผื่นขึ้นได้เหมือนกัน
 
มารู้จักประเภทของผื่นแต่ละแบบ
ปัจจัยที่แตกต่างกันก็ทำให้เกิดผื่นที่ต่างกันออกไป สามารถแบ่งประเภทของผื่นออกได้เป็น 6 ประเภท ได้แก่
ผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณต่อมไขมัน หรือ ผิวที่มัน (seborrheic dermaitits) หรือ เซ็บเดิร์ม เป็นผื่นที่จะเป็นผื่นแดงคลุมด้วยขุยสีขาว เหลือง มักพบบริเวณต่อมไขมันหนาแน่น เช่น คิ้ว ร่องแก้ม หรือ บริเวณข้างจมูก เป็นต้น
ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermaitits) เป็นผื่นลักษณะเป็นผื่นแดง มักมีอาการคันมาก และ มีผิวแห้ง โดยผื่นประเภทนี้มักเกิดในคนที่มีประวัติเป็นกลุ่มโรคภูมิแพ้อื่นๆ ร่วมด้วย
ผื่นระคายเคืองจากการสัมผัส (Irritant Contact Dermaitits) เป็นผื่นที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสกับสารก่อให้เกิดการระคายเคือง ส่วนใหญ่จะมีผื่นร่วมกับอาการแสบ บวมแดง หรือ ตุ่มพองบริเวณผิว โดยเฉพาะบริเวณที่เกิดการสัมผัสกับสารก่อการระคายเคือง
ผื่นแพ้จากการสัมผัส เป็นผื่นที่มีลักษณะคล้ายกับผื่นระคายเคืองจากการสัมผัส แต่มักจะเกิดหลังจากการสัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้เป็นระยะเวลานานพอ (2 สัปดาห์ขึ้นไป) โดยมักจะเกิดจากการแพ้สารที่ผสมในเครื่องสำอาง เช่น พาราเบน น้ำหอม เป็นต้น
ผื่นจากการอักเสบ rosacea เป็นผื่นที่เกิดจากความร้อน อารมณ์ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะเป็นผื่นที่มีลักษณะเป็นผื่นแดง
 
วิธีการดูแลรักษา ผื่นขึ้นหน้า ควรทำอย่างไร???
การรักษาผื่นบริเวณผิวหน้า ก่อนที่จะรักษาเราจะต้องรู้ก่อนว่าผื่นของเราเกิดจากสาเหตุอะไร ซึ่งก็มีหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดผื่นขึ้นตามหัวข้อด้านบนที่เราได้บอกเอาไว้ โดยให้เราเริ่มสังเกตตัวเองว่าอะไรที่ทำให้หน้าเป็นผื่น หากรักษาไม่ตรงกับปัจจัยที่ทำให้เกิดผื่น ก็อาจจะทำให้รักษาไปแล้วกลับมาเป็นซ้ำได้ หรือ บางคนที่ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด ก็ให้รักษาโดยดูจากลักษณะของผื่น และ อาการ หลักๆ การรักษาผื่นที่ใบหน้าสามารถทำได้หลายวิธี โดยให้ลองทำดังต่อไปนี้
หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นให้เกิดผื่น
หากคุณใช้สารเคมีแล้วเกิดอาการคันขึ้น หรือ ซักพักเกิดผื่นขึ้นบริเวณใบหน้าก็ให้คิดเอาไว้ก่อนว่าคุณอาจจะแพ้สารบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือ การทานอาหาร ให้พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้ หรือ ใช้อุปกรณ์ป้องกันขณะใช้งาน รวมทั้งการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ โดยเวลาใช้อะไรก็ให้ตรวจสอบสารประกอบให้ดีก่อนว่ามีสิ่งที่แพ้ผสมไปด้วยหรือไม่ และ พยายามหลีกเลี่ยงการเอามือไปสัมผัสหน้าโดยไม่จำเป็น
การบำรุงผิวให้แข็งแรง ชุ่มชื่นอิ่มน้ำ
แม้เราจะพยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น แต่บางปัจจัยก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น สภาพอากาศ ก็มีผลกระตุ้นทำให้เกิดผื่นขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงควรหาผลิตภัณฑ์มาบำรุงให้ผิวหน้าแข็งแรงชุ่มชื่นอิ่มน้ำ เพื่อป้องกันการรบกวนผิวให้กลับมาเกิดการอักเสบ และ เกิดการกำเริบของผื่นซ้ำอีกครั้ง รวมทั้งหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ผิวหน้าอ่อนแอ หรือ บอบบาง เช่น การผลัดเซลล์ผิว การใช้เครื่องสำอางที่มีความเป็นกรดสูง
ใช้ยาในการรักษา
ในกรณีที่เป็นผื่นหนัก หรือ ทำยังไงก็ไม่หายซักที อาจจะไปพบแพทย์เฉพาะทางผิวหนัง ควบคู่กับใช้ยาในการรักษา ไม่แนะนำให้ซื้อกินเอง แต่ควรจะให้แพทย์เป็นคนจ่ายยาให้ ใช้การรักษานี้ในคนที่เป็นผื่นหนักๆ เพราะยาบางตัวอาจจะรักษาผื่นได้แต่หากใช้ไปนานๆ อาจจะทำให้เกิดผลเสียได้ แต่บางครั้งหากเกิดอาการคันเล็กน้อย ก็สามารถกินยาแก้แพ้ (ยาในกลุ่มฮิสตามิน) เพื่อลดอาการคันได้
 
ผื่นขึ้นหน้าเลือกผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างไรดี?
สำหรับผิวที่มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาผื่นขึ้นหน้า หรืออาการอักเสบได้ง่าย คุณจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ผิวแข็งแรง ซ่อมแซมผิวจากการระคายเคือง การอักเสบ รวมทั้งยังช่วยบำรุงให้ผิวแข็งแรง เพิ่มความนุ่ม ชุ่มชื่นให้ผิว และปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรที่จะมากระตุ้นให้ผิวของคุณกลับมาเกิดอาการผื่นอีกครั้ง
เราเลยอยากแนะนำเวชสำอางอย่าง ResiSKIN by Qualisk ที่เป็นเวชสำอางจากเยอรมันที่มี Extremolytes เข้มข้นถึง 7% ทำให้คุณสมบัติในการเสริมความสตรองให้ผิว ด้วยการสร้างเกราะความชุ่มชื้น (hydro complex) ในชั้นผิว ทำให้ผิวมีเกราะกำบังไว้ซ่อมแซมตัวเอง และต้านทานสภาพแวดล้อมอันไม่เป็นมิตรต่อผิว ในขณะเดียวกัน เอาชนะทุกอาการอักเสบ แพ้ แห้ง แดง ผื่น คัน ระคายเคือง ฟื้นคืนผิวที่แข็งแรงให้แก่คุณ จะผื่นแบบไหนก็ไม่กลัว!!!

 
ResiSKIN ฟื้นคืนผิวหน้าให้แข็งแรง สภาพอากาศแบบไหนก็ไม่กลัว

 
สามารถติดตาม ResiSKIN เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารช่องทางอื่นๆ ได้ที่
Facebook : Resiskin by Qualisk
Line : @resiskin


175
ไม้เบญจพรรณก็นับว่าเป็นไม้ที่นิยมนำมาใช้ในงานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม รวมถึงนำไปใช้ทำเฟอร์นิเจอร์บางชนิด แต่อาจจะมีคนสงสัยว่าแล้วเจ้า ไม้เบญจพรรณ คือ อะไร??? จากบทความก่อนๆ ที่เราได้บอกไปแล้วว่าไม้เบญจพรรณเป็นไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และ ยังเป็นหนึ่งในไม้ที่เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีประโยชน์อย่างมาก วันนี้เราเลยจะพาคุณมาทำความรู้จัก ว่าทำไมคนถึงนำไม้เบญจพรรณมาใช้งาน โดยเฉพาะกับงานเฟอร์นิเจอร์ built-in ที่เป็นที่นิยมของหลายๆ คน หากคุณกำลังมองหาไม้สำหรับนำไปใช้ในการก่อสร้าง งานต่อเติมแล้วละก็ต้องอย่าพลาดบทความนี้
ทำความรู้จัก ไม้เบญจพรรณ คือ???
หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับไม้เบญจพรรณกันมากนัก อาจจะเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้ว่าไม้เบญจพรรณสามารถนำมาใช้กับงานก่อสร้าง งานbuilt-inได้ ไม้เบญจพรรณเป็นไม้ผลัดใบที่มีลักษณะเป็นไม้เนื้อผสมของทั้งไม้เนื้อแข็ง และ เนื้ออ่อน เนื่องจากเป็นการรวมของไม้หลายชนิดเข้าด้วยกัน เป็นไม้ที่มีขนาดตั้งแต่กลางๆ จนถึงขนาดใหญ่ เป็นไม้ที่มีความแข็งแรงทนทานค่อนข้างมาก 
ไม้เบญจพรรณนิยมทำไปใช้ในงานแบบไหน?
ใช้ในการวางสินค้า ขนส่งสินค้า รองรับน้ำหนักสินค้าที่มาก นอกจากนั้นยังนำไปทำไม้จ๊อยสำหรับนำไปตัดแต่งทำชิ้นส่วนสำหรับเฟอร์นิเจอร์ built-in ได้ แต่บางคนก็นำไปทำเฟอร์นิเจอร์ สำหรับคนที่ไม่เคร่งเรื่องความสวยงามมากนัก แต่เน้นความทนทาน ไม้เบญจพรรณก็เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการใช้งานในระยะยาว
ไม้โครงเบญจพรรณ   สำหรับเฟอร์นิเจอร์ built-in
ไม้จ๊อยเบญจพรรณ สำหรับเฟอร์นิเจอร์ built-in
ไม้พาเลทเบญจพรรณ

>> สามารถอ่านบทความ ไม้โครงเฟอร์นิเจอร์ เพิ่มเติมได้ที่นี่ <<

เวลาจะเลือกซื้อไม้ควรดูอะไรบ้าง???
เราจะมาแนะนำวิธีในการเลือกซื้อไม้กันบ้าง ว่าควรต้องดูอะไรบ้าง ถึงจะรู้ว่าไม้อันนั้นใช้การได้ ไม้นับว่าเป็นสิ่งที่ต้องดูให้ดีก่อนนำไปใช้งาน เนื่องจากหากเลือกไม่ดีจะทำให้อายุการใช้งานของไม้น้อยลง อีกทั้งยังทำให้สิ่งที่เราก่อสร้างไม่แข็งแรงอีกด้วย ดังนั้นคุณควรต้องทำการตรวจสอบไม้ให้ดีก่อนเลือกซื้อ
1.ดูว่าไม้บิดงอ หรือ อยู่ในสภาพดีที่หรือไม่ ?
2.เนื่องจากไม้แต่ละชนิดก็จะมีคุณภาพของสี เนื้อไม้ว่าแตกต่างกัน เรียบเสมอกันหรือไม่ ดังนั้นเราจึงควรทำการศึกษาก่อนว่าไม้ที่เราจะซื้อเป็นไม้อะไร หากเป็นไม้เนื้อแข็งให้ดูว่าเนื้อไม้แน่นไหม , เมื่อเคาะแล้วเนื้อไม้กลวงหรือไม่ ?
3.เมื่อเรารู้ลักษณะคร่าวๆ ของไม้แล้ว ให้ดูว่าลายไม้โอเคหรือเปล่า มีกลิ่นเหม็น มีเชื้อราหรือไม่ ?

 
ทำไมในงานเฟอร์นิเจอร์ถึงใช้ไม้โครงเบญจพรรณมากกว่าไม้เบญจพรรณแบบปกติ?
ไม้เบญจพรรณถึงจะมีความแข็งแรง ทนทานมาก แต่เนื้อไม้ และ สีของไม้จะไม่สวยเท่ากับไม้เฟอร์นิเจอร์ชนิดอื่นๆ งาน built-in ชิ้นใหญ่ๆ อย่างตู้ โต๊ะ เตียง เป็นต้น และ อาจจะนำไปใช้สำหรับยึดเพื่อวางสิ่งของอย่างการนำไปทำ ชั้นวางของ ชั้นวางรองเท้า รวมถึงนำไปใช้ทำไม้พาเลทที่ใช้ในการรองรับสินค้า สำหรับจัดวาง หรือ สำหรับขนส่งสินค้าได้อีกด้วย

 
เลือกซื้อไม้คุณภาพดีเลือกไม้ที่ MTK WOOD
ได้ไม้ดีมีมาตรฐาน ไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตรแล้วเรียบร้อย
ได้ไม้ตามสเปค และ การนำไปใช้งาน  เราใช้เครื่องจักรต่างๆคุณภาพดี  สามารถผลิตไม้ได้หลายรูปแบบตามมาตรฐานแน่นอน
มีไม้ให้เลือกหลากหลาย สำหรับใครที่ต้องการนำไปใช้ในงานก่อสร้าง งานอุตสาหกรรม งานเฟอร์นิเจอร์ โรงงานของเราก็มีไม้ยอดนิยมหลายตัวที่ให้คุณได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น
ไม้ยางพารา ไม้ยอดนิยมที่มีความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้หลากหลาย ง่ายต่อการตัดแต่ง สามารถย้อมสีได้ง่าย
ไม้เบญจพรรณ ไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแข็งแรงสูง รองรับน้ำหนักได้ดี
ไม้ทุเรียน ไม้เนื้อแน่น เหมาะสำหรับนำไปใช้ในการตัด เจาะ ทำไม้โครง ไม้จ๊อย ให้ความแข็งแรง ทนทานที่ดี
จะเป็นการนำไม้ไปแปรรูปเป็นไม้แปรรูป หรือ แปรรูปเป็นไม้รูปแบบอื่นอย่าง
ไม้พาเลท ไม้สำหรับรองรับสินค้า มีรูปแบบคานที่หลากหลาย ที่ช่วยทำให้ง่ายต่อการขนย้าย
ไม้จ๊อย ไม้รอยต่อฟันปลาที่ช่วยให้งาน built-in เป็นเรื่องง่ายขึ้น
ไม้โครง ไม้สำหรับใช้ด้าม ยึดเป็นแกนหลัก มีความแข็งแรง ทนทานสูง
ได้บริการครบจบในที่เดียว มีบริการตั้งแต่  รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเลื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้   ,   บริการอัดน้ำยา-อบไม้ จนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย
ส่งตรงถึงที่ โรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัดระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25
 
สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook  : MTK เอ็มทีเค
Line  :   @mtkwood
Tel :  095-654-6551
Email :    marketing@mtkwood.com


176

ไม่รู้ไม่ได้ ผลข้างเคียงยาคุม สิ่งที่สาวๆควรรู้ไว้!!!
หลายคนนิยมใช้วิธีการทานยาคุมกำเนิด เนื่องจากเป็นวิธีคุมกำเนิดที่ง่าย รวดเร็ว แถมยังมีผลพลอยได้อย่างการช่วยลดสิว , ทำให้ประจำเดือนมาตรงเวลา , ช่วยลดผิวมัน , ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิง , ทำให้สัดส่วนเด่นชัดมากขึ้น อย่างหน้าอก เอว แถมยังช่วยลดอารมณ์ที่แปรปรวน และ ความเครียดได้อีกด้วย แต่ถึงจะมีข้อดีหลายอย่างก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่าการทานยาคุมก็มีข้อเสียนั่นก็คือ ผลข้างเคียงยาคุม ที่สาวๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้ อย่ามองแต่ข้อดีแต่ต้องเตรียมวิธีรับมือกับผลข้างเคียงไว้ด้วยนะคะ
รู้จักประเภทของยาคุมกำเนิด มีกี่ประเภท ?
ก่อนที่เราจะไปดูผลข้างเคียงยาคุมกำเนิด หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักประเภทของยาคุมกำเนิด และ อาจจะมีการใช้งานที่ผิด ดังนั้นเราเลยจะแนะนำประเภทของยาคุมกำเนิดให้กับสาวๆ ก่อน ยาคุมกำเนิดส่วนใหญ่จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ ยาคุมกำเนิดแบบปกติ และ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งใช้ในการคุมกำเนิดด้วยกันทั้งคู่แต่จะแตกต่างกันในเรื่องของปริมาณฮอร์โมนในเม็ดยา และ ระยะเวลาในการกิน
ยาคุมกำเนิดแบบปกติ เป็นยาที่ใช้ในการคุมกำเนิดโดยจะมีทั้งชนิดที่เป็น ฮอร์โมนเดี่ยว (เหมาะสำหรับสตรีที่ให้นมบุตร) และ ฮอร์โมนรวม (สามารถใช้งานได้ทั่วไป) นอกจากนั้นยังแบ่งจำนวนเม็ดในการกินเป็น 2 แบบ คือแบบ
-21 เม็ด (ทานต่อเนื่อง 21 เม็ดจนหมดแผง และ หยุดทานยา 7 วัน แล้วเริ่มกินแผงใหม่)
-28 เม็ด (ทานต่อเนื่อง 28 เม็ดจนหมดแผง แล้วเริ่มกินแผงใหม่ได้เลยไม่ต้องหยุดยา) สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ 21+7 ซึ่งส่วนใหญ่ 21 เม็ดจะเป็นยาที่มีฮอร์โมน ส่วนเม็ดที่เหลือจะไม่มีฮอร์โมน (เม็ดแป้ง) และ 24+4 ส่วนใหญ่ 24 เม็ด จะเป็นเม็ดที่มีฮอร์โมน และ อีก 4 เม็ดจะเป็นเม็ดที่ไม่มีฮอร์โมน (เม็ดแป้ง) ส่วนมากจะแบ่งสีของเม็ดยาที่มีฮอร์โมน และ ไม่มีออกอย่างชัดเจน (ส่วนบางยี่ห้อเม็ดที่ไม่ใช่ฮอร์โมนก็อาจจะใส่เป็นยาบำรุงเข้ามา)
ยาคุมแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด แตกต่างกันอย่างไร??? - ยาคุมทั้งสองแบบไม่แตกต่างกันทางด้านการออกฤทธิ์ แต่แตกต่างกันที่จำนวน และ วิธีการกิน ยาแบบ 21 เม็ด เมื่อทานยาจนหมดแผงแล้ว ให้หยุดยา 7 วันแล้วจึงเริ่มทานยาแผงใหม่ จึงเหมาะสำหรับคนที่คิดว่าไม่ลืมกินยาแน่ๆ แต่สำหรับคนที่ขี้ลืมให้ทานยาแบบ 28 เม็ด เพราะทานต่อได้เลยไม่ต้องหยุดยาและ หากลืมทานยาก็จะมียาที่เป็นเม็ดแป้งเผื่อไว้นั่นเอง
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นยาคุมที่คล้ายกับยาคุมแบบปกติ แต่จะแตกต่างกันที่ปริมาณของฮอร์โมนในเม็ดยา ค่อนข้างมีฮอร์โมนสูงทำให้ต้องกินภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์ ยาคุมฉุกเฉินจะมี 2 เม็ด สามารถทานได้ 2 แบบคือ
-ทานพร้อมกันสองเม็ดเลยหลังมีเพศสัมพันธ์
-ทานเม็ดแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ อีกเม็ดทานหลังจากนั้นภายใน 12 ชั่วโมง
ผลข้างเคียงยาคุม เป็นอย่างไรเหมือนหรือต่างยังไง?
การกินยาคุมธรรมดา อย่างสม่ำเสมอ มีผลข้างเคียงทั้งผลดี และ ผลเสีย เหตุผลที่หลายๆ คนเลือกกินยาคุมนอกจากจะให้ผลในด้านการคุมกำเนิดแล้ว ทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ลดอาการปวดท้องประจำเดือน ป้องกันการตั้งครรภ์นอกมดลูก ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกาย ช่วยลดสิว ลดผิวมัน ทำให้หน้าใส หน้าอกขยาย เอวเผย ดูมีสัดส่วนที่ชัดเจนขึ้น แถมยังลดอาการหงุดหงิดจากการมีประจำเดือน และ ยังช่วยยืดเวลาเข้าสู่วัยทองเนื่องจากทำให้ร่างกายอยู่ในฮอร์โมนปกติไม่ลดลงเมื่อร่างกายมีอายุมากขึ้น แต่ก็อาจจะส่งผลทำให้เวียนหัว คลื่นไส้ได้ แถมยาบางชนิดก็ทำให้น้ำหนักขึ้นได้ หรือ มีอาการบวมน้ำ
การกินยาคุมฉุกเฉิน ข้อดีคือช่วยเรื่องการคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ รวมทั้งการที่ไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันอย่างถุงยางอนามัย ในกรณีถูกข่มขืน หรือ กรณีที่การคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ไม่ได้ผล ข้อเสียของยาคุมฉุกเฉินจะทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ มีอาการปวดหัว ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน รวมทั้งยังอาจส่งผลทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกอีกด้วย จึงไม่แนะนำให้ทานยาคุมฉุกเฉินบ่อยเนื่องจากจะส่งผลต่อเยื่อบุโพรงมดลูก และ มีข้อเสียตามมาเยอะนั่นเอง
วิธีการรับมือกับผลข้างเคียงยาคุม???
ยาคุมกำเนิดเป็นวิธีในการคุมกำเนิด โดยจะใช้ฮอร์โมนเพศหญิงในการยับยั้งการตกไข่ ซึ่งพอเราทานฮอร์โมนเข้าไปแรกๆ อาจทำให้ร่างกายของเรายังปรับตัวไม่ได้ ส่งผลทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้น หากใครที่เกิดผลข้างเคียงมากผิดปกติ เช่น เลือดมามากผิดปกติ อาเจียนไม่หยุด
-ให้ทำการหยุดทานยาแล้วไปพบแพทย์ เภสัช เพื่อเปลี่ยนตัวยา อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เกิดอาการข้างเคียงนั้นอาจจะมาจากปริมาณยาคุมที่ไม่เหมาะกับร่างกายของคุณ
-ในช่วงที่เกิดผลข้างเคียงอาจจะบำรุงด้วยวิตามิน B6 ที่จะช่วยต้านอารมณ์หงุดหงิดที่มาจากการมีประจำเดือน
-ดื่มน้ำเยอะๆ หากคุณมีอาการตัวบวมจากการทานยาคุมการดื่มน้ำจะช่วยในการขับโซเดียมภายในร่างกายออกไปได้
-เลี่ยงอาหารมันๆ ทอดๆ อีกหนึ่งผลข้างเคียงของยาคุมคือ นอกจากจะทำให้ผิวใสได้แล้ว ยังทำให้ผิวมันได้อีกด้วย เพราะฮอร์โมนเพศบางตัวก็ไปกระตุ้นไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้หน้ามัน และ มีสิวได้ ดังนั้นถ้าเลี่ยงของมันๆ ได้ก็ควรเลี่ยง
ข้อแนะนำในการทานยาคุม
ทานยาให้ตรงเวลาสม่ำเสมอ เพื่อลดผลข้างเคียงของยา และ เพื่อให้ประสิทธิภาพของยาออกฤทธิ์ได้ดี การทานยาในช่วงเวลาเดิมตลอดจะทำให้ร่างกายดูดซึมตัวยาได้ดี
หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่มีสารที่จะไปช่วยเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้เป็นลิ่มเลือดอุดตันได้ ดังนั้นหากเลี่ยงได้ควรจะเลี่ยง เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา
ควรต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรง หากร่างกายอยู่ในช่วงที่ไม่แข็งแรง มีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน อาจส่งผลทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมลดลงนั่นเอง
หากมีโรคประจำตัวควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทาน ในกรณีที่คุณมีประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับ มะเร็ง ตับ หัวใจ หลอดเลือด เบาหวาน ไมเกรน และ ลมชัก ควรจะมีการปรึกษาแพทย์ และ เภสัชกรก่อนรับประทาน
ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนยาคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินเป็นยาคุมที่มีฮอร์โมนสูง และ มีผลข้างเคียงหลายอย่างจึงทำให้ไม่ควรทานยาคุมกำเนิดบ่อย และ ทานแทนยาคุมกำเนิดแบบปกติ แต่หากใครที่ทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแล้วเกิดอาการผิดปกติขึ้น เช่น เลือดออกไม่หยุด ปวดท้องไม่หาย ควรไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้ เนื่องจากปริมาณตัวยาที่สูงเกินไปนั่นเอง!!!
เพื่อรับมือกับผลข้างเคียงของยาคุม หากเป็นยาคุมปกติให้พยายามทานยาให้ตรงเวลาทุกวัน เช่น หากทานยาเวลา 20.00 ก็ให้ทานเวลานี้ตลอด จะทำให้ผลของยาคุมได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่หากลืมทานให้ทานให้เร็วที่สุดเมื่อนึกขึ้นได้ แต่หากลืมกินยาเกิน 1 วันในวันต่อไปให้ทานยาควบ 2 เม็ดไปเลย แต่หากลืมกินยาหลายวันให้เลิกกินยาแผงนั้นไป แล้วเริ่มทานแผงใหม่ในรอบเดือนหน้า (ในระหว่างนี้ควรใส่ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์) และ ควรงดการสูบบุหรี่ เพราะจะไปเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้ลิ่มเลือดอุดตัน ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ และ โรคหลอดเลือดสมอง
ยาคุมทำให้เป็นมะเร็งจริงไหม???
สำหรับใครที่เคยได้ยินว่าทานยาคุมจะเป็นมะเร็ง !!! นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด การทานยาคุมไม่ได้ทำให้เป็นมะเร็งนะคะ เพียงแต่ว่าคนที่เป็นโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ ไม่ควรทาน เพราะยาคุมกำเนิดอาจจะไปเร่งการเจริญเติบโตของมะเร็งก็เท่านั้น ดังนั้นสามารถทานได้ไม่เสี่ยงมะเร็ง แต่หากใครที่มีโรคประจำตัวอาจจะทำการปรึกษาแพทย์ก่อนทาน
สำหรับใครที่จะทานยาคุมกำเนิด จะต้องศึกษาข้อมูลก่อนทานนะคะ เลือกให้เหมาะกับเรา บางชนิดอีกคนบอกดี แต่พอเราทานอาจจะไม่ดี ดังนั้นหากไม่เคยทานมาก่อนอาจจะปรึกษาเภสัช เพื่อหายาที่เหมาะสม เพราะยาบางตัวก็ให้ผลข้างเคียงที่มาก แต่ยาบางชนิดก็ไม่ค่อยมีผลข้างเคียง ไม่ทำให้อ้วน ช่วยในการลดสิว ลดอาการPMS PMDD อาการก่อนมีประจำเดือน อารมณ์ที่แปรปรวน ทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ การเลือกยาคุมกำเนิดที่ดีเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่อยากให้มีผลข้างเคียงมาก เพียงเท่านี้เราก็สามารถทานยาคุมได้อย่างปลอดภัยแล้วค่ะสาวๆ !!!
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


177
GoPro Max ที่ถือว่าเป็นโกโปรที่แตกต่างจากโกโปรรุ่นอื่น ทั้งรูปร่าง ทั้งรูปแบบการใช้งาน ใครชื่นชอบการถ่ายรูปในมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม ส่วน GoPro 10 ก็นับว่าเป็นโกโปรที่สเปคโหดที่สุดในบรรดากล้องโกโปรรุ่น Hero หากคุณได้อ่านคอนเทนต์ เปิดตัว GoPro 10 หรือ GoPro 10 รีวิว ของเราก็จะรู้สเปค ความโหดของเจ้าโกโปรรุ่นนี้ ไหนๆ ก็เป็นโกโปรรุ่นท็อปด้วยกันทั้งสองรุ่น ก็เอามาเทียบกันชัดๆ ไปเลยว่ารุ่นไหนมีอะไรเจ๋งกว่ากัน ถ้าไม่อยากพลาดก็ไปอ่านบทความ GoPro 10 vs Max กันเลย!!!
 
เปรียบเทียบสเปค GoPro 10 vs Max รุ่นไหนใครเจ๋ง
Body
เมื่อเปรียบเทียบรูปร่างกันจะเห็นว่าในรุ่นของ GoPro Max มีความแตกต่างกันจากในรุ่น Hero อย่างชัดเจน เพราะในรุ่น Max จะเป็นกล้องทรงสี่เหลี่ยมทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 64 x 69 x 25 มิลลิเมตร ซึ่งพัฒนารูปแบบมาจากรุ่น GoPro Fusion น้ำหนัก 163 กรัม ในเรื่องของตัวบอดี้จะมีความแตกต่างในเรื่องของ
-หน้าจอในรุ่นของ GoPro Max ขนาด 1.7 นิ้ว แต่จะมีแค่หน้าจอเดียวซึ่งต่างจากในรุ่น GoPro 10 ที่มีทั้งจอหน้า และ จอหลัง (โดยจะทำการรวมไฟล์จากกล้องหน้าและหลังไปอยู่ในหน้าจอเดียว)
-หน้าจอ LCD แบบทัชสกรีน เหมือนกันแต่ต่างกันที่มุมมองที่ได้จากหน้าจอ GoPro Max สามารถถ่ายเซลฟี่ตัวเองได้ เนื่องจากตัวเลนส์ที่มาพร้อมกับเลนส์นูนคู่
ส่วน GoPro 10 ตัวบอดี้จะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 72 x 55 x 33 มิลลิเมตร มีน้ำหนัก 155 กรัม ซึ่งเบากว่าเมื่อเทียบกับตัว GoPro Max จะมีรูปทรงเหมือนกับในรุ่น Hero ที่ผ่านมา มีรูปทรงเหมือนกับในรุ่น GoPro 9
-จะมี 2 หน้าจอเป็นหน้าจอหน้าขนาด 1.4 นิ้ว และ หน้าจอหลังขนาด 2.27 นิ้ว เป็นแบบทัชกรีนสีทั้งสองหน้าจอ
-logo สีฟ้า แตกต่างจากทุกรุ่นด้วย new logo ใหม่แกะกล่องจากทางโกโปร
Processer
GoPro Max จะเป็นรุ่นเดิมเหมือนกับโกโปรตัวอื่นๆ นั่นก็คือจะเป็นตัวชิพ GP1
GoPro 10 จะมีการเปลี่ยนตัวเซนเซอร์ไปใช้เป็นชิพตัว GP2 ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่จากทางโกโปร เป็นชิพที่มีเฉพาะในรุ่นของนี้เท่านั้น ความสามารถของเจ้าชิพ GP2 นั้นก็จะมีการอัปเดตขึ้นทั้งในเรื่องของการทำงานที่เร็วมากขึ้น เสถียรขึ้น และ ยังทำให้ใช้งานได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย แถมยังประหยัดพลังงานได้ดีอีกด้วย ตามคอนเซ็ปต์ Speed with Ease
Video Resolution
GoPro Max สามารถถ่ายวิดีโอได้ 2 แบบไม่ว่าจะเป็นแบบ Hero ที่ถ่ายได้ถึง 5.5K ส่วนใครที่ต้องการถ่ายวิดีโอแบบ 360 องศาก็สามารถสลับไปถ่ายได้เป็นโหมด Max ได้สามารถเลือกโหมดที่ต้องการได้ซึ่งต่างจากโกโปรรุ่นอื่นๆ ส่วนในรุ่น
GoPro 10 สามารถถ่ายวิดีโอได้ละเอียดสูงสุดถึง 5K 60FPS / 4K 120FPS ซึ่งถือว่าเป็นความละเอียดสูงสุดเท่าที่เคยมีมา ให้วิดีโอที่คมชัดทุกรายละเอียด
ภาพถ่าย 360°
GoPro Max สามารถถ่ายวิดีโอ 360° ที่ให้ความละเอียดสูงสุดถึง 5.6K 30FPS ให้มุมมองที่คลอบคลุมเก็บรายละเอียดได้หมด ซึ่งเป็นการนำภาพจากเลนส์นูนทั้งสองมารวมกันให้มุมมองภาพที่กว้างที่สุดในบรรดากล้องโกโปรทุกรุ่น
GoPro 10 ให้มุมมองภาพทั่วไปไม่สามารถถ่ายภาพแบบ 360° ได้แบบ GoPro Max แต่สามารถใส่อุปกรณ์เสริมอย่าง Max lens mod ที่ช่วยเพิ่มมุมมองภาพให้กว้างขึ้นถึง 155° ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับรุ่น Hero รุ่นอื่นๆ
Lens
GoPro Max ก็ถือว่าเป็นเลนส์พิเศษ เพราะจะเป็นเลนส์นูน 2 ตัว ที่แต่ละตัวสามารถถ่ายภาพได้กว้างถึง 180 องศา และ เมื่อนำภาพมาเชื่อมกันทำให้สามารถถ่ายภาพได้ถึง 360 องศา
GoPro 10 เลนส์จะเป็น Hydrophobic ซึ่งเป็นเลนส์แบบพิเศษที่จะช่วยในการช่วยป้องกันน้ำเกาะที่หน้าเลนส์ และ ยังช่วยในเรื่องการลดแสงแฟร์อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่คนใช้โกโปรอยากให้แก้ไข ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานแบบลุยๆ มาก
Image Resolution
GoPro Max สามารถถ่ายได้ความละเอียดถึง 16 MP อาจจะน้อยเมื่อเทียบกับรุ่น Hero ตัวอื่นๆ แต่ก็ให้ภาพในมุมกว้างถึง 360 องศา นอกจากนั้นยังสามารถถ่ายภาพได้ถึง 5 ระยะ โดยที่ 4 ระยะจะเป็นระยะในโหมดของ Hero (SuperView , Wide , Linear , Narrow) และ อีกระยะจะเป็นระยะในโหมด 360 องศา นอกจากนั้นยังสามารถถ่ายภาพแบบ powerPano ที่เป็นการถ่ายภาพแบบพาโนรามาทำให้ได้ภาพ 270 องศา
GoPro 10 สามารถถ่ายภาพได้ความละเอียดถึง 23 MP ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาทุกรุ่น สามารถถ่ายภาพได้ 4 ระยะ และ ก็ยังสามารถใช้ในเรื่องของ SuperPhoto + HDR นอกจากนั้นในส่วนของการถ่ายภาพในที่แสงน้อยก็จะดีขึ้นอีกด้วยด้วย 3DNR ที่ช่วยลดนอยส์ที่เกิดจากการถ่ายภาพในที่แสงน้อยอีกด้วย
Slow Motion
GoPro Max สามารถถ่ายสโลโมชั่นได้แค่ 2X เหมือนในรุ่นอื่นๆ
GoPro 10 สามารถถ่ายสโลโมชั่นได้ถึง 8X 240FPS ซึ่งถือว่าสโลได้กว่ารุ่น Max ถึง 4 เท่า และ ยังสามารถเก็บรายละเอียดได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้เห็นความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
HyperSmooth
GoPro Max ในโหมด HyperSmooth เป็นเวอร์ชั่น 2.0 ซึ่งเหมือนกับโกโปรในรุ่นก่อนๆ จะเรียกโหมดกันสั่นนี้ว่า MAX HyperSmooth ที่ทำให้ได้ภาพแบบ 360 องศา โดยจะทำการปรับองศา และ จุดศูนย์กลางทำให้ภาพต่อเนื่องกัน มาพร้อมโหมด Horizon leveling ที่ช่วยในการรักษาระดับให้วิดีโอไม่เอียงอยู่ในเส้นขอบฟ้า ที่จะช่วยปรับภาพโดยไม่ต้องพึ่งแอพแบบตัวอื่น
GoPro 10 ในรุ่นนี้จะมีการอัปเกรดเป็นเวอร์ชั่นที่ใหม่มากขึ้น ซึ่งจะใช้เป็นเวอร์ชั่น 4.0 ซึ่งเป็นโกโปรรุ่นเดียวที่ใช้เวอร์ชั่นนี้ และ หากใช้ร่วมกับ Horizon Leveling ก็จะทำให้ได้มุมมองภาพที่กว้างขึ้นตั้งแต่ 45 องศา
Livestream
GoPro Max สามารถ Livestreamแบบ 1080p ได้ Full HD มาพร้อมไมโครโฟนรอบทิศถึง 6 ตัว ทำให้สามารถรับเสียงได้รอบทิศ และ ยังช่วยตัดเสียงรบกวน เสียงลมได้ดี
GoPro 10 ในส่วนของการไลฟ์ให้ความคมชัดถึง 1080p แบบ Full HD นอกจากนั้นยังสามารถใช้งานคู่กับ HyperSmooth ได้อีกด้วย และ ในส่วนของไมโครโฟนก็มีมาให้ถึง 3 ตัว สามารถรับเสียงได้ดี พร้อมระบบตัดเสียงรบกวน
Features อื่นๆ
GoPro Max ฟีเจอร์ของรุ่นนี้ที่เด่นๆ ก็จะเป็น MAX TimeWarp ช่วยในการถ่ายถ่ายทำให้ได้วิดีโอที่เจ๋งกว่าแบบปกติ , Power Pano ช่วยในการถ่ายภาพแบบพาโนราม่า 270 องศา , Reframe ใช้ในการนำไฟล์โกโปรมาเปลี่ยนมุมมองผ่านแอพพลิเคชั่น GoPro
GoPro 10 มีฟีเจอร์เด่นๆ ไม่ว่าจะเป็น LiveBurst , HindSight , Scheduled Capture , Presets และ อีกหลายฟีเจอร์ที่ขนมาให้คุณได้เล่น นอกจากนั้นยังมีการอัปเกรดให้ใช้งานได้ดี และ เร็วขึ้นอีกด้วย
กล้องตัวไหนเหมาะกับใคร???
GoPro Max เหมาะกับคุณหากคุณเป็นคนที่ชอบการถ่ายภาพแบบมุมมองกว้าง มุมมองที่แตกต่างไม่เหมือนใคร เป็นคนที่ชื่นชอบการถ่าย vlog อยากเก็บบรรยากาศรอบๆ ให้ได้ทุกรายละเอียด อยากได้กล้องที่เจ๋งไม่เหมือนใครพร้อมมุมมองแบบ 360 องศาสุดเจ๋งที่มีเฉพาะแค่รุ่นนี้!!!
GoPro 10 หากคุณเป็นคนที่ชอบอะไรเร็วๆ อะไรที่อัปเดต อยากได้กล้องที่โปรมากขึ้นในราคาย่อมเยาว์ ที่มาพร้อมกับเลนส์แบบใหม่ ชิพเซนเซอร์ตัวใหม่ และ มาพร้อมกับสเปคเทพ ให้คุณถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอได้สนุกไม่มีสะดุดแล้วละก็ รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานอย่างแน่นอน

 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


178
สีประจำเดือน อีกหนึ่งสิ่งใกล้ตัวที่อาจนำมาซึ่งอันตรายกว่าที่คุณคิด ใครจะไปคิดว่าแค่สีของประจำเดือนที่ออกมาจะมีความสำคัญ สีของประจำเดือนสามารถบอกอะไรหลายๆ อย่างได้มากกว่าที่คุณคิด วันนี้ทาง Sistalk จะมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับสีของประจำเดือนต่างๆ พร้อมคำแนะนำหากเลือดสีไหนอันตราย ถ้าใครพลาดบทความนี้จะเสียใจ
เลือดประจำเดือนเกิดจากอะไร
เลือดประจำเดือนของผู้หญิงมาจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูกที่สลายตัวกลายเป็นเลือด และ ถูกขับออกมาทางช่องคลอด บางคนก็จะเรียกเลือดที่ถูกขับออกมาว่าเป็น "เลือดเสีย" ซึ่งการหลุดลอกนี้ก็มีผลมาจากฮอร์โมนที่ควบคุมระบบสืบพันธ์ุในร่างกายของผู้หญิง หากมีเลือดประจำเดือนออกมาก็แสดงว่าไข่กับอสุจิไม่ได้รับการปฏิสนธินั่นเอง และ เลือดนี้จะถูกขับออกมาในทุกๆ เดือน

สีประจำเดือน มีกี่สี - แบบไหนหมายความว่าอย่างไร ?
ส่วนใหญ่เลือดสีแดงสดมักจะมาในช่วงวันแรกๆ ของการมีประจำเดือน แต่บางครั้งเลือดที่ออกมาก็จะมีสีคล้ำ อาจจะเป็นสีแดงเข้ม น้ำตาลจนถึงดำ ที่เลือดประจำเดือนเป็นสีนั้นอาจจะมาจากการตกค้างของเลือดในโพรงมดลูก หรือ ตามช่องคลอดก่อนที่จะถูกขับออกมา ทำให้เปลี่ยนจากสีแดงสดเป็นสีที่เข้มขึ้นนั่นเอง แล้วถ้าเลือดประจำเดือนเป็นสีอื่นล่ะ??? นอกจากสีที่เราได้บอกไปแล้ว สาวๆ บางคนอาจจะมีเลือดสีอื่นออกมา ซึ่งสีที่เปลี่ยนไปก็แสดงว่าในร่างกายของคุณมีสิ่งไม่ปกติอยู่นั่นเอง ประจำเดือนสีไหนบอกอะไรได้มาดูกัน
ประจำเดือนสีแดงสด / สีแดงเข้ม
พูดถึงคำว่าเลือดก็ต้องเป็นสีแดงอย่างแน่นอน หากประจำเดือนของคุณมี สีแดงสด ในช่วงวันแรกๆ หรือ มีสีแดงสดตลอดนั่นแสดงว่าคุณปกติ มีสุขภาพดี ส่วนใหญ่เลือดสีแดงสดจะมีในช่วง 1-3 วันแรกของการมีประจำเดือน แต่ถ้าหากเลือดมีสีแดงสดเกิน 8 วันจะต้องไปพบแพทย์ เพราะอาจจะมีแผล ความผิดปกติเกิดขึ้นภายใน สีของประจำเดือนจะเข้มขึ้นจนกลายเป็น สีแดงเข้ม ในช่วงวันหลังๆ หรือ จะเป็นสีแดงเข้มในช่วงวันแรก อาจจะมาจากการที่ประจำเดือนของคุณมาเยอะกว่าปกติ สภาพอากาศ ความร้อน ที่ส่งผลทำให้เลือดออกมาเยอะเป็นผลให้สีของเลือดเข้มขึ้น หากเป็นสีนี้ก็ยัง ถือว่าปกติอยู่ แต่อาจจะมีอาการปวดท้องเกิดขึ้น เนื่องจากร่างกายทำการปรับตัวเพื่อป้องกันการสูญเสียเลือดที่มากเกินไป
ข้อควรระวัง - แต่ต้องระวังหากมีสีเข้มบ่อยเกินไป และ มีอาการปวดท้องหนัก จะต้องระวังเรื่องของพังผืดที่โพรงมดลูก
ประจำเดือนสีน้ำตาลเข้ม / น้ำตาลช็อคโกแลต
บางคนอาจจะตกใจเวลาที่ประจำเดือนเป็นสีนี้ แต่ไม่ต้องตกใจไปค่ะ ประจำเดือน สีน้ำตาล ส่วนใหญ่มักจะมาในช่วงวันท้ายๆ (วันที่ 5-7) ของการมีประจำเดือน มักจะมาจากการที่ประจำเดือนสีแดงในช่วงวันแรกๆ เกิดการตกค้างอยู่ในโพรงมดลูก และ เมื่อถูกขับออกมาสีเลยเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาล แต่บางครั้งก็เกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิด เพราะยาคุมกำเนิดจะมีผลข้างเคียงทำให้ประจำเดือนมาน้อยทำให้ตกค้าง หรือ บางครั้งมีสีน้ำตาล / น้ำตาลปนแดงก็ ถือว่ายังปกติอยู่
ข้อควรระวัง - หากไม่มีการทานยาคุมกำเนิด หรือ การคุมกำเนิดรูปแบบอื่น แล้วประจำเดือนมาน้อย แถมเป็นสีน้ำตาลบ่อยครั้งให้ระวังเรื่องความผิดปกติของฮอร์โมน
ประจำเดือนสีชมพู / ชมพูกุหลาบ
ใครจะไปคาดคิดว่าประจำเดือนจะเป็น สีชมพู ได้ หากใครที่มีประจำเดือนสีนี้อย่าคิดว่าสีสวย และ ปล่อยไปนะคะ สีนี้ถือว่า ไม่ปกติควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจ เพราะถึงแม้สีจะดูไม่มีผิดมีภัย แต่ประจำเดือนสีนี้เป็นสัญญาณเตือนบางอย่าง!!! การที่ประจำเดือนมีสีนี้อาจจะเกิดจาก การที่เลือดประจำเดือนผสมเข้ากับสารคัดหลั่งภายในร่างกาย , ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการแปรปรวน , ภายในอาจจะมีบาดแผล รวมถึงอาจจะกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ก็เป็นผลทำให้ประจำเดือนเป็นสีนี้ได้
ข้อควรระวัง - หากประจำเดือนเป็นสีนี้ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็ค หากมีบาดแผลภายในควรรีบรักษา
ประจำเดือนสีส้ม / แดงส้ม
นอกจากสีชมพูแล้ว หากคุณประจำเดือนเป็น สีส้ม แล้วล่ะถือว่า ไม่ปกติ ก็ควรไปพบแพทย์โดยด่วน การที่สีของประจำเดือนเป็นโทนไปเป็นสีส้มนั่นเป็นผลมาจากการติดเชื้อภายในช่องคลอดนั่นเอง ซึ่งถือว่าอันตรายมากสำหรับสาวๆ การติดเชื้อแรกๆ ประจำเดือนอาจจะแค่เปลี่ยนสี แต่หากยิ่งปล่อยไว้นานๆ อาจจะทำให้มีกลิ่นเหม็นอับๆ ร่วมด้วย หากมีประจำเดือนสีนี้ควรที่จะไปพบแพทย์เพื่อรักษายิ่งเร็วยิ่งดี
ข้อควรระวัง - แค่สีประจำเดือนเปลี่ยนก็เป็นสัญญาณการติดเชื้อภายในช่องคลอด อย่ารอให้ลามจนส่งกลิ่นเหม็น ควรรีบไปพบแพทย์
ประจำเดือนสีเขียวหม่น / เขียวปนเทา
อีกหนึ่งสีประจำเดือนที่ควรไปพบแพทย์ เมื่อไหร่ที่คุณมีประจำเดือนเป็น สีเขียว ขึ้นมา ถือว่าร่างกายของคุณ ไม่ปกติควรไปพบแพทย์ ส่วนใหญ่ประจำเดือนสีนี้มักจะมาในรูปแบบของประจำเดือนข้นๆ ไม่เจือจางแบบประจำเดือนสีแดงสด อาจจะมาพร้อมกับการตกขาว และ ทำให้มีไข้ ปวดท้องบริเวณท้องน้อยร่วมด้วย สีนี้อาจจะบอกถึงการติดเชื้อภายในที่เกิดบริเวณอุ้งเชิงกราน และ อาจส่งผลทำให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา
ข้อควรระวัง - ควรระวังเรื่องการติดเชื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน ที่ถือว่าเป็นอวัยวะสำคัญของผู้หญิง และ อาจนำไปสู่การเป็นโรคอื่นๆ ตามมาได้ ให้รีบไปพบแพทย์
สีประจำเดือนแบบไหนโอ vs ไม่โอ ???
สาวๆ ก็ได้รู้แล้วว่าสีประจำเดือนแต่ละแบบมีความแตกต่างกันยังไง ซึ่งคุณอาจจะต้องทำการสังเกตให้ดี เพราะว่าสีประจำเดือนที่เปลี่ยนไปอาจจะนำมาซึ่งอันตรายกว่าที่คุณคิด หากคุณมีประจำเดือนสีแดง สีน้ำตาล หรือ สีที่อยู่ในกลุ่มนี้ถือว่า ประจำเดือนของคุณเป็นปกติไม่มีอันตราย สีที่เปลี่ยนไปอาจจะมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น การที่เลือดตกค้าง การทานยาคุมกำเนิด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากประจำเดือนของคุณมีสีชมพู ส้ม หรือ เขียวขึ้นมาเมื่อไหร่ ควรจะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจเช็ค และ ทำการรักษา เพราะว่าในร่างกายคุณอาจจะมีแผลภายใน หรือ มีการติดเชื้อเกิดขึ้น ซึ่งไม่ควรปล่อยเอาไว้เนื่องจากอาจจะนำมาซึ่งโรคอันตรายในภายหลังได้
 
เพราะเราเข้าใจผู้หญิงอย่าพลาดบทความจาก Sistalk
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! แล้วคุณจะไม่ตกเทรนด์กับเรา "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ สาวๆ คนไหน ที่ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


179
อุปกรณ์เสริม GoPro 10 ที่ควรมีสำหรับสาย Vlog (ที่ต้องห้ามพลาด!!!)
ส่วนใหญ่วิดีโอ vlog จะไม่อยู่นิ่งจะมีการเคลื่อนที่ มีการหันมุมกล้องไปมา เน้นการสื่อสารกับคนที่ดูเพื่อทำให้เข้าใจสิ่งที่คนถ่ายต้องการจะสื่อ นั่นทำให้คนถ่ายvlog ควรจะมีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยในการถ่าย หากใช้กล้องโกโปรตัวใหม่ล่าสุดอย่างGoPro 10 รู้หรือไม่ว่าหากคุณใช้ GoPro 10 สามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมของ GoPro 9 ได้ เนื่องจากรูปร่างมีลักษณะคล้ายกัน ทำให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ วันนี้ทาง Aquapro เลยจะมาแนะนำ อุปกรณ์เสริม GoPro 10 ที่คนถ่าย vlog จำเป็นต้องมี อย่ารอช้าไปอ่านบทความกันเลย!!!
อย่าพลาด GoPro 10 โปรโมชั่น พร้อมของแถมจุใจ โปรส่งฟรี โปรผ่อน0%* ในบทความ!!!
แนะนำ อุปกรณ์เสริม GoPro 10 ที่ควรมี???
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่า ส่วนใหญ่การถ่าย vlog จะเน้นกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินถ่าย ถ่ายบนรถ บนเรือ และ ยังต้องเน้นมุมกล้องที่หันไปหันมา ส่วนใหญ่การถ่าย vlog เป็นการถ่ายในที่กลางแจ้ง หรือ นอกสถานที่ทำให้อาจจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เราจึงได้จัดอุปกรณ์ที่จะ่ชวยอำนวยความสะดวก และ แก้ปัญหาดังกล่าวให้กับคุณ อุปกรณ์ที่เราจะแนะนำก็จะมี
แบตเตอรี่ และ ที่ชาร์จแบตเตอรี่
การจะได้วิดีโอ vlog ออกมาแต่ละอันไม่ใช่แค่จะถ่ายแค่ไม่กี่เทค อย่างที่เราได้บอกปแล้วว่าส่วนใหญ่การถ่าย vlog จะถ่ายนอกสถานที่ บางครั้งอาจทำให้ใช้เวลาในการถ่ายนานกว่าที่คิด หรือ กว่าจะได้วิดีโอที่ใช้ก็ใช้เวลาในการถ่ายซ้ำๆ ไปนาน แต่เนื่องจากแบตเตอรี่โกโปรมีความจุแบตที่จำกัดหากใช้งานต่อเนื่อง อาจทำให้แบตเตอรี่ไม่เพียงพอได้ ดังนั้นเราจึงอยากจะแนะนำให้พกแบตเตอรี่ และ ที่ชาร์จแบตเตอรี่เอาไว้ด้วยใน และ หากรู้ว่าตัวเองจะถ่ายวิดีโอหลายที่ หรือ ทำกิจกรรมเยอะๆ ควรจะพกแบตเตอรี่ไว้อย่างน้อย 2 ก้อน ไม่อย่างงั้นหากแบตหมดระหว่างที่ถ่าย ก็ต้องเสียเวลา เสียอารมณ์มานั่งถ่ายใหม่เลยนะ แล้วอาจจะทำให้ฟิลลิ่งในการถ่ายดรอปลงไม่เหมือนครั้งแรก อย่าให้เรื่องแบตเตอรี่หมดมาทำให้วิดีโอของคุณสะดุดนะ
ราคา : 300 - 2,500 บาท
3 Way 2.0
ส่วนใหญ่วิดีโอ vlog มักจะต้องถ่ายมุมมองสลับไปมาระหว่างวิว และ ตัวบุคคล เพื่อให้ง่ายในการถ่ายเราเลยอยากแนะนำ 3 Way 2.0 ไม้เซลฟี่ 3 IN 1 ที่สามารถเป็นได้ทั้งไม้เซลฟี่ แขนยืด และ ขาตั้งกล้อง ซึ่งรองรับการใช้งานในหลายๆ กรณีไม่ว่าจะเป็นการใช้ถ่ายเพื่อให้เห็นวิว มุมมองที่กว้างมากขึ้น ทำให้สามารถเก็บรายละเอียดของวิดีโอได้ครบ อีกทั้งหากคุณถ่าย vlog คนเดียวก็สามารถปรับเป็นขาตั้งกล้องเพื่อใช้ถ่ายตัวเราแบบเต็มๆ ได้ไม่ต้องพึ่งผู้ช่วยเลย ไม่ว่าจะเป็นมุมมองไหนก็สามารถถ่ายได้ตามสไตล์ของคุณ จะvlog คนเดียว หรือ vlog เป็นแก๊งก็ไม่มีปัญหา
ราคา : 2,800 บาท
SD CARD
ถ้าไฟล์มีขนาดใหญ่ทำให้ความจำของเมมโมรี่น้อยลง และ ยังส่งผลทำให้เชื่อมต่อช้ากว่าเดิม รู้สึกหน่วงๆ เวลาที่ต้องอัปโหลดไฟล์ แต่เพราะอยู่ในรุ่น GoPro 10 ที่ได้มีการอัปเกรดเซนเซอร์ขึ้นทำให้การอัพโหลดเร็วขึ้นกว่าเดิม หากอัปโหลดโดยการเชื่อมสายโดยตรงจะเร็วขึ้นถึง 40-50% หากใครที่ตัดต่อไม่เก่งคุณสามารถทำการอัพลงมือถือ แล้วนำไปตัดต่อในแอพพลิเคชั่น Quick ซึ่งเป็นแอปตัดต่อของโกโปรได้ เรื่องของ SD CARD ก็ถือว่ามีความสำคัญมาก ดังนั้นหากไฟล์วิดีโอของคุณยิ่งใหญ่ ยิ่งเยอะควรจะเลือก SD CARD ให้เหมาะกับการใช้งาน
ราคา : 390 - 1,800 บาท (ราคาขึ้นอยู่กับชนิดและความจุ)
ไมโครโฟน
การถ่าย vlog นอกสถานที่เสียงรบกวนยิ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นเสียงลม เสียงคน เสียงสัตว์ ยิ่งเวลาที่เราพูดแล้วมีเสียงแทรกยิ่งทำให้ทั้งเรา และ คนที่ดูรู้สึกขัดใจ ดังนั้นเพื่อเสียงที่คมชัด ควรจะหาไมโครโฟนเสริมมาใช้ แม้ว่าไมโครโฟนโกโปรจะสามารถใช้ได้ดี แต่หากอยากให้วิดีโอตัดเสียงรบกวน อยากได้เสียงที่โปร และ ไมค์ที่เหมาะสำหรับการถ่ายควรจะเลือกเป็นไมค์ Wireless อย่างไมค์ของ Saramonic ที่ควรจะเลือกไมค์รูปแบบนี้ เพราะเป็นไมค์ที่มีขนาดเล็กใช้หนีบเข้ากับเสื้อผ้าสามารถซ่อนไมค์ได้ รับเสียง กระจายเสียงได้ดี ไม่เกะกะ ถือว่าเป็นไมค์ที่เหมาะกับการ vlog มากๆ
แต่สำหรับใครที่มีงบขึ้นมาหน่อย อาจจะเลือกเป็น Media Mod มีลักษณะเป็นโครงเคสที่มีไมค์ในตัวรองรับเสียงได้รอบทิศทาง สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Display หรือ Mod Light Mod
ราคา : 99 - 16,000 บาท (Media Mod 2,900 บาท)
>>อ่านบทความ Media mod รีวิว เพิ่มเติมได้ที่นี่<<
ไฟเสริม
แสงก็เป็นอีกสิ่งที่หนึ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากเสียงภาพที่สวยงามของวิดีโอก็นับว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดคนให้เข้ามาดูได้ ในกรณีที่เราถ่าย vlog นอกสถานที่ ถ้าเกิดแดดหมด หรือ อยู่ในที่แสงน้อยจะทำให้หน้าของเรามืด  ทำให้ภาพที่แสดงอยู่ในวิดีโอไม่น่าดู บางคนอาจจะถ่ายยาวนานจนแสงหมด เพื่อแก้ปัญหาแสงไม่เป็นใจไฟเสริมนับว่าเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่ควรมี ไฟเสริมจะช่วยทำให้เราถ่ายได้ไม่ต้องง้อแดด แม้จะถ่ายกลางวันแต่หากแสงไม่พอก็ทำให้วิดีโอมืดได้ ยิ่งกลางคืนก็ยิ่งให้แสงที่เพียงพอต่อการถ่าย
สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ Light Mod ที่เป็นไฟ LED 10 ดวง สามารถเลือกความสว่างได้ 4 ระดับ ใช้งานได้ยาวนาน และ ใช้งานในน้ำได้ สามารถต่อเข้ากับ Media Mod ได้
ราคา : 2,200 บาท (Light Mod)
>>อ่านบทความ GoPro light Mod เพิ่มเติมได้ที่นี่<<
รีโมท The Remote
อีกหนึ่งตัวช่วยที่ทำให้คุณสามารถถ่าย vlog ได้ง่ายขึ้น รีโมทควบคุมเหมาะมากสำหรับคนที่ถ่าย vlog คนเดียว ทำงานคนเดียวไม่มีผู้ช่วย  หรือ มีกล้องหลายตัว The Remote สามารถช่วยควบคุมกล้องได้หลายตัวพร้อมกันได้ถึง 50 ตัว อีกทั้งยังสามารถควบคุมในระยะไกลได้ถึง 180 เมตร ใช้ควบคุมการถ่าย ปิดเปิด การตั้งค่าต่างๆ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเดินไปกดที่ตัวกล้อง ทำให้สามารถสั่งการจากระยะไกลได้ ทำให้ใช้งานได้ง่าย และ สะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แถมยังสามารถนำไปติดเข้ากับไม้เซลฟี่ หรือ แฮนด์จักรยานหากทำกิจกรรมอื่นๆ แถมยังใช้งานในน้ำได้ด้วย
ราคา : 3,200 บาท
>>อ่านบทความ รีโมท GoPro ตัวใหม่จากค่ายเมนตาแกรม เพิ่มเติมได้ที่นี่<<
กระเป๋า Aquapro
สำหรับคนถ่าย vlog ความคล่องตัวนับว่าเป็นอีกสิ่งที่ช่วยให้คุณสามารถสนุกกับการถ่ายได้ไม่มีสะดุด อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่เราอยากจะแนะนำนั่นก็คือ กระเป๋า Aquapro ซึ่งเป็นกระเป๋าใส่กล้องโกโปร และ อุปกรณ์เสริม เวลาถ่ายเราคงจะไม่อยากต้องยกของพะรุงพะรังกระเป๋าจะช่วยทำให้เราเคลื่อนย้ายได้ง่าย เก็บสัมภาระได้มีระเบียบสำหรับเวลาจะหยิบใช้งานก็สะดวก มาพร้อมช่องเก็บอุปกรณ์ที่ให้ใส่ได้อย่างสะใจ  น้ำหนักเบาเหมาะมากสำหรับสาย vlog คนเดียว
ราคา : 399 บาท

ซื้ออุปกรณ์ที่ร้าน Aquapro สุดคุ้ม!!!
คุ้มสุดเมื่อซื้อ GoPro 10 รวมทั้งอุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้มาพร้อมกับ GoPro 10 โปรโมชั่น สุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี พร้อมโปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพพร้อมของแถมจุใจเฉพาะที่ร้านเราเท่านั้น!!! นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


180
สำหรับสาวๆ คนไหนที่มีปัญหาเรื่องต้นขาใหญ่ อยากลดขนาดต้นขาต้องห้ามพลาดบทความนี้ แต่ดันไม่ค่อยอยากออกกำลังกายหนักๆ ด้วยแล้ว หรือ ไม่มีพื้นที่ออกกำลังมากนัก แถมเป็นสายขี้เกียจแล้วละก็ บทความนี้รับรองตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณแน่นอน เพราะเราได้เตรียมท่า ลดต้นขาบนที่นอน ง่ายๆ ที่จะช่วยทำให้ปัญหาต้นขาใหญ่หมดไป กู้หุ่นให้ปังเหมือนเดิม จะใส่อะไรก็ไม่หวั่น ถ้าอยากรู้แล้วไปอ่านบทความกันเลย!!!
ท่าออกกำลังกาย ลดต้นขาบนที่นอน ทำได้ง่ายๆ แค่ใช้เตียง!!!
สำหรับใครที่ไม่มีพื้นที่ ไม่มีอุปกรณ์ แถมยังเป็นสายขี้เกียจอีก ลองมาเปลี่ยนที่นอนให้กลายมาเป็นที่ออกกำลังกายดูเอามั้ยคะ ด้วยท่าลดต้นขาบนที่นอนที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมอะไรเลย ใช้แค่ความตั้งใจของสาวๆ เท่านั้นเอง เอาละมาออกกำลังกายไปด้วยกัน Let's go!!!
ท่าที่ 1
ท่าที่ 1 นี้ทำอย่างไร?
-ท่านี้เป็นท่าเบสิกง่ายๆ ทำโดยการนอนเหยียดตัวตรงแนบกับที่นอน ยกหัวขึ้นเล็กน้อย
-จากนั้นยกขาขึ้นพร้อมกันให้ขาทำมุม 45 องศากับที่นอน ระหว่างทำให้เกร็งขาร่วมด้วย
-แล้วให้เอาขาลงมาแนบกับพื้นทำอย่างนี้สลับกันไป ใช้แค่มือที่แนบกับที่นอนเพื่อยึดไม่ให้ลำตัวขยับ จะยกแค่ขาเท่านั้น
-ให้ยกขาขึ้นลงสลับกันประมาณเซตละ 20 ครั้ง ทำประมาณ 5 เซต
ช่วยส่วนไหนบ้าง - ท่านี้จะช่วยได้ทั้งต้นขา และ หน้าท้องด้วย
ท่าที่ 2
-ท่านี้จะเปลี่ยนจากการนอนเหยียดตรงมาเป็นการนอนตะแคงไปด้านข้าง โดยจะใช้ข้อศอกยันกับที่นอน เพื่อดันหัวขึ้น
-ยกขาข้างหนึ่งให้แยกออกจากขาอีกข้างที่อยู่แนบกับที่นอน ขาข้างที่ยกขึ้นให้ทำมุม 45 องศา ยืดขาให้ตึง จากนั้นเอาขาลงมาทำซ้ำไป ระหว่างทำให้เกร็งขาเอาไว้ด้วย
-ยกขาขึ้นลงทีละข้าง ข้างละ 10 ครั้ง แล้วสลับเป็นขาอีกข้าง ทำประมาณ 5 เซต
ช่วยส่วนไหนบ้าง - ท่านี้ช่วยในเรื่องของการลดต้นขา ทำให้ขากระชับ
ท่าที่ 3
ท่าที่ 3 นี้ทำอย่างไร?
-ท่านี้ให้ทำการนอนราบกับที่นอน แล้วเหยียดขาตรงขึ้นไปบนอากาศ ท่านี้สำหรับมือใหม่อาจจะใช้ผนังช่วยโดยให้เหยียดขาให้แนบไปกับผนังเลยก็ได้
-เมื่อเหยียดขาตรงแล้วให้ทำการอ้าขาออกแล้วเกร็งไว้ชั่วครู่ ก่อนที่จะหุบขากลับมาที่ท่าแรก ระหว่างที่อ้าขาออกให้อ้าขาให้กว้างๆ หน่อย
-ทำการออกกำลังกายประมาณเซตละ 20 ครั้ง ทำต่อเนื่อง 5 เซต
ช่วยส่วนไหนบ้าง - ช่วยทำให้ต้นขากระชับมากยิ่งขึ้น ยิ่งอ้าขากว้างยิ่งให้ผลดี โดยเฉพาะต้นขาด้านใน
ท่าที่ 4
ท่าที่ 4 นี้ทำอย่างไร?
-ท่านี้จะมีความคล้ายคลึงกับท่าที่ 3 โดยจะให้นอนราบไปกับที่นอน แล้วทำการเหยียดขาขึ้นไปบนอากาศ หรือ ให้ขาแนบไปกับผนัง
-แต่ท่านี้จะแตกต่างกันตรงที่จะไม่อ้าขาออก แต่จะไขว้ขาสลับกัน โดยจังหวะที่ไขว้ขาให้เกร็งขาเอาไว้ด้วย ถึงจะให้ผลได้ดี ทำสลับกันไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
-ท่านี้จะทำเซตละ 30 ครั้ง ทำต่อเนื่อง 5 เซต
ช่วยส่วนไหนบ้าง - ช่วยทำให้ต้นขากระชับ แข็งแรงมากขึ้น โดยเฉพาะกับกล้ามเนื้อมัดเล็ก
หากคุณอยากลดต้นขาให้ได้ผล จะต้องออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง อาจจะเลือกทำท่าใดท่าหนึ่ง หรือ ทำหลายๆ ท่าสลับกันไป อาจจะมีการปรับจำนวนเซตให้เหมาะสมกับตนเอง แต่ถ้าจะให้ได้ผลดีควรจะทำอย่างน้อยวันละ 5 เซต และ อย่าลืมที่จะเกร็งขาในระหว่างทำด้วย เห็นมั้ยละคะ แค่ใช้ที่นอนก็ออกกำลังกายได้ ต้นขาสวยได้ด้วยการใช้เวลาบนที่นอนให้เป็นประโยชน์ ไม่ต้องใช้พื้นที่มาก ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ก็ออกกำลังกายได้
คุมอาหารอย่างไรให้ได้ผลดี ที่ควบคู่กับการออกกำลังกาย
การจะลดต้นขาให้ได้ผลจะต้องควบคุมอาหารการกินให้ดีด้วย เพราะถึงเราจะออกกำลังกายแต่หากทานอาหารไม่เหมาะสมสัดส่วนที่ต้องการก็จะไม่ลด หากต้องการลดต้นขาให้พยายามหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีน้ำมัน เช่น พวกของทอด ของผัด น้ำหวาน น้ำอัดลม เน้นพวกโปรตีน ผัก ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เห็นมั้ยคะว่าการลดต้นขาไม่ยากอย่างที่คิดเลย!!!
 
ใครไม่บอก Sistalk บอกค่ะ
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! แล้วคุณจะไม่ตกเทรนด์กับเรา "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ สาวๆ คนไหน ที่ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


181
จากบทความแกะกล่อง GoPro 10 ที่เป็นการรีวิวแบบ Mini review ที่เราจะทำการรีวิวเฉพาะตัวรูปลักษณะ และ สเปคคร่าวๆ ไปแล้วบ้าง อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าเจ้า GoPro 10 เป็นกล้องโกโปรน้องใหม่ตัวล่าสุด ในบทความนี้ทาง Aquapro จะมาทำการรีวิวแบบจัดเต็ม ข่าวดีสำหรับคนที่อ่านบทความสามารถซื้อ GoPro 10 โปรโมชั่น พร้อมของแถมจุใจในราคาโครตคุ้ม โปรส่งฟรี โปรผ่อน0%* ถ้าอยากรู้แล้วว่าในบทความ GoPro 10 รีวิว จะรีวิวจัดเต็มแค่ไหนไปอ่านกันเลย!!!
เปิด GoPro 10 รีวิว รุ่นนี้มีอะไรน่าสนใจ???
Sensor GP2 ชิพตัวใหม่ล่าสุดจากค่ายที่จะช่วยทำให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Power , Detail , Efficiency , Reliability ที่จะดีขึ้นกว่าในรุ่นก่อนๆ
Insane Image Quality ที่มากขึ้นให้ความละเอียดถึง 23 MP ซึ่งสูงกว่าในรุ่นก่อนๆ
2X Faster Frame Rates ให้การถ่ายวิดีโอที่เร็วขึ้น ดีขึ้นกว่าในรุ่นก่อนที่ 5K 60FPS , 4K 120FPS
Font Moniter 1.4 นิ้ว และ LCD Screen 2.27 นิ้ว ให้คุณสามารถใช้งานได้แบบเต็มๆ มองภาพได้ชัด จัดรายละเอียดได้เต็มๆ
New Lens ทางโกโปรได้ใช้งานเลนส์ตัวใหม่ที่ช่วยในการป้องกันน้ำเกาะที่หน้าเลนส์ ซึ่งเป็นปัญหาในการใช้งานจากโกโปรรุ่นก่อนๆ มาใช้เป็นเลนส์ Hydrophobic Glass ที่นอกจากจะป้องกันน้ำเกาะหน้าเลนส์ยังช่วยในเรื่องของการลดแสงแฟร์อีกด้วย
New HyperSmooth คนที่บอกว่าในรุ่นก่อนๆ ก็ทำไว้ดีแล้วมาในรุ่นนี้โกโปรยังพัฒนาต่อไม่มีหยุด เป็นเวอร์ชั่น 4.0 ที่ใช้ได้กับทุกความละเอียด
Battery ในเรื่องของแบตเตอรี่จะใช้ตัวเดียวกับในรุ่นของ GoPro 9 ให้ความจุของแบตเตอรี่อยู่ที่ 1720 mAh ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อยเลย แต่หากใครที่ต้องการถ่ายวิดีโอยาวๆ อาจจะต้องมีแบตเตอรี่เสริมติดตัวเอาไว้ด้วย
Accessory สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมของ GoPro 9 ได้ ใครที่มีอุปกรณ์เสริมโกโปรรุ่นก่อนก็นำมาใช้งานคู่กันได้เลย
Package
แพ็คเกจจะมีความคล้ายคลึงกับในรุ่นของเจ้าตัว GoPro 9 ที่จะเป็น Hard Case ที่มีความแข็งแรงระดับหนึ่ง และ จะมีกระดาษหุ้ม แต่จะมีความแตกต่างกันในเรื่องของดีไซน์ของตัวกล่องที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้น ยังคงคอนเซ็ปต์เรียบหรูแต่ดูดีตามสไตล์โกโปร กล่องทำด้วยวัสดุที่เป็นเรซิ่ง ตัวกล่องเป็นลายคลื่นสีน้ำเงินตัดกับสีแดง และ มีตัวหนังสือเลข 10 สีขาวตัวใหญ่ เมื่อเทียบดีไซน์จากรุ่นก่อนจะเห็นว่ามีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
Design
Logo ที่เปลี่ยนจากโลโก้สีขาวไปเป็นโลโก้สีฟ้าแทน ที่เป็นเครื่องหมายที่ใช้ในการแยก GoPro 10 ออกจาก GoPro 9 ถึงแม้รูปทรงจะเหมือนกันแต่นั้นก็ถือว่าเป็นข้อดีสำหรับคนที่มีอุปกรณ์เสริมของตัว GoPro 9 อยู่แล้ว เพราะสามารถใช้อุปกรณ์ร่วมกันได้ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน หรือ ซื้อใหม่ ช่วยประหยัดเงินไปได้อีก และ ในส่วนของน้ำหนักในรุ่น 10 ก็จะเบาขึ้นกว่าเล็กน้อย อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้ลื่นกว่าด้วย
Lens
หากมองแค่ภายนอกจะรู้ว่าไม่แตกต่างกันมาก เลนส์ตัวก่อนหากใช้งานไปนานๆ มักจะมีรอย และ น้ำเกาะหน้าเลนส์จากการใช้งาน ทางโกโปรเลยแก้ไขปัญหานั้นด้วยการเปลี่ยนเลนส์มาใช้เป็น Hydrophobic Glass ที่จะช่วยในการป้องกันรอย ป้องกันน้ำที่เกาะบริเวณหน้าเลนส์ รวมทั้งยังช่วยในเรื่องของการลดแสงแฟร์ ที่จะทำให้ภาพของคุณเกิดแสงวงกลมขณะถ่ายภาพอีกด้วย
Font Monitor -  LCD Screen
ในส่วนของหน้าจอยังมีขนาดเท่ากันกับในรุ่นของ GoPro 9 หน้าจอหน้าจะมีขนาด 1.4 นิ้ว และ หน้าจอหลังขนาด 2.27 นิ้ว ถึงแม้ขนาดจะไม่เปลี่ยนไปแต่ก็มีการอัพเกรดใช้สามารถใช้งานได้ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ให้ใช้ได้ไม่มีหน่วง เฟรมเรทไม่ตกเหมือนในรุ่นก่อนๆ และ มี Interface ที่จะช่วยให้ใช้งานได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย ทำให้ไม่มีปัญหาในการใช้งานซึ่งถือว่าตอบโจทย์เหล่าสาวกโกโปรหลายๆ คนมาก
Microphone
ในส่วนของไมโครโฟน ยังจะเป็นไมโครโฟนแบบเดียวกับในรุ่นก่อนทำให้ในเรื่องของคุณภาพเสียงที่ได้ จะไม่แตกต่างจากในรุ่นของ GoPro 9 มากนัก เราเลยจะเปรียบเทียบให้ดูว่าในเรื่องของเสียงเมื่อเทียบกับ GoPro 9 กับ GoPro 10 แตกต่าง หรือ เหมือนกันแค่ไหน
Transfer
เป็นผลมาจากการใช้ชิพตัว GP2 ซึ่งทำใหเสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่หน่วงแบบเดิมๆ ไม่ต้องเสียเวลามานั่งรอถ่ายโอนข้อมูลเหมือนก่อนๆ ซึ่งเข้าชิพตัวนี้ทางค่ายโกโปรได้ออกมาบอกว่าจะช่วยในการถ่ายโอนข้อมูลให้เร็วขึ้น 30 - 50% ซึ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมมาก โดยหากใช้ WiFi จะเร็วขึ้นถึง 30% และ หากใช้สายต่อจะเร็วขึ้นถึง 40 - 50% เลยทีเดียว ตามคอนเซ็ปต์ที่ทางโกโปรได้ออกมา "Speed with Ease"
Video Resolution
เรื่องความละเอียดของวิดีโอก็เป็นผลมากจากชิพตัวใหม่ ซึ่งทำให้ความละเอียดของวิดีโอในรุ่นนี้สูงขึ้นกว่าในรุ่นก่อนๆ ให้ความละเอียดถึง 5K 60FPS นอกจากความละเอียดที่มากขึ้นยังสามารถใช้งานได้ลื่นไหลขึ้นกว่าโกโปรในรุ่นก่อน โดยเฉพาะโกโปร 9 นอกจากความละเอียดที่สูงขึ้นแล้วตัวเซนเซอร์ยังช่วยในเรื่องของการทำให้วิดีโอมีมิติ และ ดูสมจริงมากยิ่งขึ้น ทำให้ดีเทลของวิดีโอสูงขึ้นกว่าเดิม ให้ความสมจริงของวิดีโอเสมือนอยู่ในสถานที่นั้นจริงๆ
Image Resolution
GoPro 9 โดยความละเอียดของภาพจะเพิ่มขึ้นจาก 20 MP ไปเป็น 23 MP ทำให้ได้ภาพที่ดูสมจริงขึ้น และ ตัวเซนเซอร์จะทำให้ภาพมีดีเทลที่มากยิ่งขึ้นกว่าในรุ่น GoPro 9 โดยเฉพาะในตแนกลางวันจะทำให้รายละเอียดของภาพคมชัดมากขึ้น เห็นดีเทลของภาพดีกว่ารุ่นก่อน เราจะทำการเปรียบเทียบรูปที่ถ่ายโดยใช้ GoPro 9 และ GoPro 10 หากถ่ายในตอนกลางวันอาจจะไม่เห็นความแตกต่างกันมากนัก แต่หากเปรียบเทียบในตอนกลางคืนจะเห็นได้ชัดเจนว่า Noise ที่เกิดจาก GoPro 10 ลดลงจากรุ่นก่อนมาก เป็นผลมาจากเซนเซอร์ตัวใหม่ที่ช่วยในการลด Noise ที่เกิดจากการถ่ายภาพในที่แสงน้อย
Hyper Smooth และ Horizon Leveling
หากพูดถึงโหมดกันสั่นยอดฮิตของโกโปรในรุ่นของ GoPro 10 ถือว่าทำได้ดีขึ้น โดยในรุ่น GoPro 9 จะใช้เป็นเวอร์ชั่น 3.0 ส่วนในรุ่นของ GoPro 10 จะเป็นเวอร์ชั่น 4.0 ซึ่งหากเทียบกันอาจจะไม่แตกต่างกันมาก เพราะว่ามาตราฐานกันสั่นของโกโปรทำไว้ดีอยู่แล้ว และ ในส่วนของ Horizon Leveling หากใช้งานร่วมกับ Hyper Smooth จะทำให้สามารถถ่ายภาพได้มุมมองตั้งแต่ 45 องศา ทำให้ได้มุมมองที่หลากหลายขึ้น ทำให้แม้จะเอียงกล้องแค่ไหนกฌไม่มีเอียง ไม่มีกระตุก ช่วยทำให้วิดีโอที่ถ่ายโปรมากยิ่งขึ้น
Profile Color
นอกจากภาพ วิดีโอ จะดีขึ้นแล้ว ในเรื่องของโหมดสีต่างๆ ก็ยังจะมีมาให้เลือกมากยิ่งขึ้น ให้โทนสีที่สวยสดใสไม่ว่าจะเป็นโทนเข้ม หรือ โทนอ่อน ให้โทนสีที่สวยจบหลังกล้องสำหรับคนที่แต่งรูปไม่เป็น หรือ หากใครต้องการนำไปแต่งสีต่อก็มีโทนสีให้เลือกใช้อีกมากมาย ตั้งค่าเป็นวิดีโอก็ให้วิดีโอที่สวย ไม่ต้องไปตั้งค่าล็อคสีให้ยุ่งยาก ให้โทนสีที่ใช่ตามสไตล์ของคุณ
 
GoPro 10 เหมาะกับใคร???
หากคุณกำลังลังเลที่จะซื้อโกโปรว่าควรซื้อหรือไม่ หากคุณเป็นคนที่ต้องการภาพ วิดีโอคุณภาพสูง จะนำไปใช้ในการถ่ายวิดีโอที่เน้น Production ที่โปรมากขึ้น GoPro 10 ถือว่าตอบโจทย์คนที่ต้องการกล้องคุณภาพสูง เพราะในรุ่นนี้ถือว่าให้คุณภาพี่สูงที่สุดแล้ว อีกทั้งยังทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ลื่นไหลมากยิ่งขึ้น แต่หากใครที่มี GoPro 9 อยู่แล้ว และ ไม่ได้เน้นคุณภาพที่ต้องโปรที่สุด ก็ให้ใช้ไปก่อนเพราะหากเมื่อเทียบกัน GoPro 9 ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่า GoPro 10 มากนัก สามารถใช้งานได้ดีในเรื่องของคุณภาพ แต่อาจจะรู้สึกดรอปลงหากลองใช้เทียบกับ GoPro 10

ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


182
ใครที่ซื้อ GoPro 10 แล้วบ้าง!!! สำหรับใครที่ซื้อกล้องโกโปรน้องใหม่ตัวล่าสุดจากค่ายเมนตาแกรมอย่าง GoPro 10 รู้หรือไม่ว่าถ้าอยากจะใช้กล้องให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาจจะต้องใช้อุปกรณ์เสริม GoPro ตัวอื่นช่วยในการอำนวยความสะดวกให้แก่การใช้งาน นอกจากนั้นอุปกรณ์เสริม GoPro 10 ยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ของ GoPro 9 ได้อีกด้วย

>>โครตคุ้มกับเซตโกโปรพร้อมโปรโมชั่นเด็ดเลือกซื้อ GoPro 10 โปรโมชั่น พร้อมของแถมจุใจในราคาโครตคุ้ม โปรส่งฟรี โปรผ่อน0%*<<

มือใหม่อย่าพลาด อุปกรณ์เสริม GoPro 10 ที่ควรมี !!!
อย่าที่เราได้บอกไปแล้วว่าสำหรับคนที่เคยใช้ หรือ เคยมีอุปกรณ์เสริม GoPro 9 มาก่อนแล้ว สามารถนำมาใช้ร่วมกับเจ้า GoPro 10 ได้นอกจากอุปกรณ์เสริมที่สามารถใช้งานร่วมกันได้แล้ว ยังช่วยทำให้การถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอง่าย และ สะดวกมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังช่วยป้องกันอันตรายให้แก่กล้องของคุณ ได้อีกด้วย หากคุณเป็นมือใหม่ที่พึ่งจะเล่นกล้องแล้วละก็ต้องอย่าพลาดอุปกรณ์เสริม GoPro 10 ที่เราจะมาแนะนำ รับรองได้ว่าถ้ามีแล้วคุณจะรู้สึกว่าการใช้งานกล้องจะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายอย่าเหลือเชื่อ
หลายคนอาจจะเห็นว่ากล้องโกโปรมีความทนทานสูงก็เลยละเลยเรื่องพื้นฐานไป ถึงแม้ว่าโกโปรจะเป็นกล้องที่แข็งแรงแต่ในส่วนของหน้าจอก็มีความเบาะบางมาก แล้วยิ่งเป็นกล้อง Action camera ที่ต้องเจอกับสถานการณ์ต่างๆ ฟิล์มกันรอยเหมาะสำหรับการใช้งานทุกสถานการณ์ ทุกไลฟ์สไตล์ โดยเฉพาะกับคนที่ทำกิจกรรมหนักๆ ลุยๆ และ ยิ่งเป็นมือใหม่หัดใช้ที่ยังไม่คุ้นชินกับน้ำหนักของกล้องแล้วด้วยยิ่งแนะนำให้ติดฟิล์มกันรอยเลยจ้า
ราคา : 100 - 120 บาท

อย่าปล่อยให้เรื่องเล็กๆ อย่างการที่แบตไม่พอ แบตหมดมาขัดการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอของคุณ ยิ่งหากคุณไลฟ์สดอยู่ด้วยแล้วละก็แบตเตอรี่ และ ที่ชาร์จแบตนับว่าเป็นอะไรที่จำเป็นมากๆ เนื่องจากแบตเตอรี่โกโปรไม่ได้มีความจุมากนัก หากคุณต้องถ่ายวิดีโอยาวๆ ก็ควรจะหาแบตเตอรี่สำรองไว้อย่างน้อย 1 อัน และ ควรที่จะพกที่ชาร์จแบตเตอรี่ติดเอาไว้จะดีมาก หากคุณมีแบตเตอรี่หลายอันอาจจะใช้ที่ชาร์จแบตเตอรี่ที่สามารถชาร์จได้ทีเดียวหลายก็จะช่วยในการประหยัดเวลาชาร์จได้เยอะมาก เหมาะสำหรับมือใหม่ทุกคน โดยเฉพาะคนที่ต้องถ่ายวิดีโออย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ใช้ได้กับทุกสถานการณ์
ราคา : 399 - 2,500 บาท
อยากที่เราได้บอกไปแล้วว่า แบตเตอรี่เป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับคนที่ต้องถ่ายวิดีโออย่างต่อเนื่อง แต่การจะชาร์จแบตเตอรี่จะต้องทำการถอดฝาข้างออกเพื่อเสียบสายชาร์จ แล้วถ้าหากเรากำลังใช้งานกล้องอยู่แล้วละก็จะทำให้การถ่ายไม่ต่อเนื่อง แต่หากคุณต้องการจะชาร์จแบตเตอรี่ไปใช้งานไปพร้อมกันละก็ ห้ามพลาดอุปกรณ์ตัวนี้เลย ฝาครอบช่องแบตเตอรี่เป็นอุปกรณ์เสริมที่ออกแบบมาเพื่อปิดช่องแบตเตอรี่แต่จะมีความพิเศษตรงที่จะมีช่องสำหรับเสียบสายชาร์จ ทำให้แม้คุณจะใช้งานอยู่ก็ตามก็สามารถชาร์จไปใช้งานไปได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดฝาแบตเตอรี่ออกมาให้ยุ่งยากอีกต่อไป ถทอว่าเป็นอุปกรณ์ที่มือใหม่ควรมีมากๆ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการใช้งานกล้องอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมือใหม่ที่ยังไม่ชินกับการใช้กล้อง อย่าให้แบตเตอรี่มาเป็นอุปสรรคในการใช้งาน
ราคา : 199 - 400 บาท
หากคุณเป็นคนที่ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ถ่ายVlog ต้องทำกิจกรรมต่างๆ คนเดียว ขอแนะนำไม้ 3 Way 2.0 อุปกรณ์ที่มีแค่อันเดียวแต่สามารถใช้งานได้ถึง 3 แบบ สามารถปรับใช้งานได้ตามความชอบ และ การใช้งานของแต่ละคน ไม่ว่าจะใช้เป็นไม้เซลฟี่ เป็นแขนยืด และ เป็นขาตั้งกล้อง มาพร้อมกับฟังก์ชั่นที่ช่วยทำให้สามารถหมุนถ่ายได้ถึง 360 องศา ซึ่งทำให้สามารถถ่ายได้รอบทิศทางมากยิ่งขึ้น หากใครที่ต้องทำกิจกรรมคนเดียว ไม่อยากพกอุปกรณ์เยอะๆ หลายอย่าง ไม้3 Way 2.0 ถือว่าตอบโจทย์การใช้งานแบบนั้นมาก มีแค่อันเดียวเหมือนได้ถึงสาม ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ช่วย ยิ่งเป็นมือใหม่มีไว้จะช่วยให้สามารถถ่ายได้สะดวกมากขึ้น
ราคา : 2,800 บาท
กระเป๋าใส่อุปกรณ์ใครว่าไม่สำคัญ สำหรับใครที่ต้องทำกิจกรรม ต้องเดินทางกระเป๋าใส่อุปกรณ์เป็นของที่จะช่วยให้คุณสามารถเก็บสัมภาระต่างๆ ป้องกันอันตรายที่จะเกิดกับอุปกรณ์ภายในอีกด้วย โดยเฉพาะกับกล้องโกโปร ขอแนะนำกระเป๋า Aquapro กระเป๋าสำหรับกล้อง GoPro ที่ช่วยในการเก็บอุปกรณ์ต่างๆ สามารถใส่ได้ทั้งดล้อง ไม้เซลฟี่ แบตเตอรี่ ที่ชาร์จแบตเตอรี่ เคสกันน้ำ และ อุปกรณ์อื่นๆ อีกทั้งยังมาพร้อมรูปลักษณ์กระทัดรัดทำให้พกพาง่าย ทำความสะอาดได้ง่าย ใช้ได้ทุกสถานการณ์ ใช้ได้กับทุกคน ช่วยทำให้คุณสามารถสนุกกับการถ่ายภาพได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของสมภาระเลย
ราคา : 399 บาท
 
โครตคุ้มโปรโมชั่นที่ Aquapro เท่านั้น!!!
คุ้มสุดเมื่อซื้อ GoPro 10 รวมทั้งอุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้มาพร้อมกับ GoPro 10 โปรโมชั่น สุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี พร้อมโปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพพร้อมของแถมจุใจเฉพาะที่ร้านเราเท่านั้น!!! นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


183
วันนี้ทาง Sistalk จะมาแนะนำ วิธีลดต้นขาให้เล็กลงภายใน1อาทิตย์ ง่ายๆ ที่ถ้าทำแล้วรับรองโบกมือลาปัญหาขาใหญ่ไปได้เลยค่ะ ใครที่อยากจะให้ขาเรียวขึ้นต้องห้ามพลาดบทความนี้เลยค่ะ อย่ามัวรอช้ามาลดขาไปด้วยกันเลยดีกว่า let's go!!!!

คุมการกินอย่างไรให้ขาไม่ใหญ่ ?
การกินอาหาร ที่จะไปทำให้เกิดการสะสมตัวของไขมัน อย่างแรกเลยเราจะต้องทานอาหารให้เหมาะสม ให้พอดี และ เพียงพอต่อวัน ในส่วนของพาร์ทนี้เราจะมาแนะนำการเลือกทานอาหาร หากต้องการจะลดขาให้สาวๆ เน้นการทาน อาหารจำพวกโปรตีน เป็นหลัก เพราะถ้าเราไม่ทานโปรตีนแล้วเอาแต่ออกกำลังกาย จะทำให้ส่วนของไขมันที่หายไปเกิดช่องว่าง และ ทำให้ส่วนนั้นๆ หย่อนคล้อยได้ เราจึงจำเป็นต้องทานโปรตีนให้เพียงพอ เพื่อสร้างกล้ามเนื้อมาชดเชยส่วนของไขมันที่หายไป อีกทั้งโปรตีนยังช่วยในเรื่องของการเผาผลาญพลังงาน ช่วยในการลดน้ำหนัก ช่วยปรับสมดุลมวลกล้ามเนื้อทำให้ไม่เกิดการโยโย่ของไขมันตามมาทีหลัง และ ต้องอย่าลืมที่จะ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เพียงพอ และ ดื่มน้ำให้เยอะๆ เพื่อเร่งการเผาผลาญ นอกจากการทานอาหารให้เหมาะสมแล้ว ยังมีสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยงอีกด้วยนั่นก็คือ
น้ำหวาน น้ำอัดลม เนื่องจากน้ำหวานพวกนี้มีน้ำตาลค่อนข้างมาก โดยเฉพาะพวกชานมไข่มุกต่างๆ ถ้าหลีกเลี่ยงได้ควรเลี่ยง นอกจากน้ำตาลสูงแล้วแคลยังสูงอีกด้วย แล้วลองเปลี่ยนมาทานน้ำเปล่าแทน นอกจากจะไม่อ้วนแล้วยังช่วยในการเผาผลาญอีกด้วย!!!
ขนมหวาน นอกจากน้ำตาลแล้ว ขนมยังมีส่วนประกอบของแป้ง และ ไขมันสูงอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเค้ก โดนัท ขนมปังต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่สร้างไขมันสะสมดีๆ เลย ถ้าอยากทานของหวานให้ลองเปลี่ยนมาทานเป็นผลไม้แทน
อาหารที่ไขมันสูง ให้หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันเยอะๆ เช่น พวกข้าวขาหมู หมูสามชั้น หรือ พวกอาหารที่ต้องใช้น้ำมันเยอะๆ ในการทอด การผัด เปลี่ยนมาทานอาหารที่เน้นการต้ม การนึ่งแทนก็จะดีกว่ามาก
อาหารฟาสต์ฟู้ด (Fast food) ส่วนใหญ่อาหารฟาสต์ฟู้ดมักจะเป็นอาหารที่จะหนักไปทางแป้ง น้ำมัน เช่น แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย พิซซ่า อีกทั้งยังมีส่วนประกอบของพวกชีส วัตถุดิบไขมันสูงหลายอย่าง ที่ยิ่งทานก็ยิ่งอ้วน
การทานบุฟเฟ่ต์ การทานอาหารจำนวนมากบ่อยๆ จะทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันไม่ทัน ทำให้เกิดการสะสมตัวของไขมันที่มากขึ้น ยิ่งกินบ่อยไขมันยิ่งเกิดการสะสมทำให้ยากในการลด หากหลีกเลี่ยงได้ควรเลี่ยง หรือ อาจจะปรับมากินแบบนานๆ ครั้ง ก็จะดีกว่าการทานบุฟเฟ่ต์บ่อยๆ
ออกกำลังกายอย่างไรให้ขาเรียว ?
เมื่อเรารู้จักที่จะเลือกทานแล้ว จะทำให้ร่างกายเราสามารถเผาผลาญไขมันได้พอดี แต่ก็อาจจะทำให้ขาของเราไม่กระชับ สัดส่วนไม่ลดลง ดังนั้นเราจึงต้องทำการออกกำลังกายควบคู่กันไปด้วย ในพาร์ทนี้เราจะมาแนะนำท่าออกกำลังกายเพื่อลดขา ที่จะช่วยให้ขาของคุณกระชับมากยิ่งขึ้น โดยเราจะขอแบ่งท่าตามระดับความง่ายในการออกกำลัง เพื่อใช้ในการจัดตารางออกกำลังกายให้ขาเรียวสวยให้กับคุณ
Easy
วันแรกๆ เราจะเน้นการออกกำลังเบาๆ ก่อนเนื่องจากการออกกำลังให้ได้ผลคือการออกกำลังอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอให้ร่างกายปรับตัวในการเผาผลาญ หากเราหักโหมตั้งแต่ตอนแรกๆ อาจทำให้ร่างกายยังไม่ชิน และ เกิดอาการปวดตามมาได้
เราจะเน้นการออกในท่า Hops ซึ่งเป็นท่าเบสิกง่ายๆ โดยจะให้กระโดดขาคู่สลับไปมาระหว่างด้านซ้าย - ขวา โดยกระโดดแบบสั้นๆ แต่เน้นความต่อเนื่องโดยให้กระโดดอย่างน้อยประมาณ 60 นาที เพื่อเรียกเหงื่อ
ท่านี้จะช่วยเรื่องไหน - จะช่วยทำให้ต้นขา และ น่องกระชับขึ้น แถมยังช่วยเรื่องระบบเผาผลาญได้ดีหากทำต่อเนื่อง
อีกท่าหนึ่งที่ง่ายแต่เผาผลาญดีท่า Jumping jacks เป็นการกระโดดตบเร็วๆ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว เป็นท่าเบสิกที่เรียกเหงื่อได้ดีมาก โดยจะกระโดดตบให้เป็นจังหวะอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 30 นาที และ ยังเป็นท่าคาร์ดิโอยอดฮิตที่ช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วย
ท่านี้จะช่วยเรื่องไหน - ท่านี้สามารถช่วยเผาผลาญไขมันได้ทุกส่วนทั่วร่างกาย โดยเฉพาะในส่วนของต้นขา น่อง เรียกได้ว่าเล่นท่าเดียวแต่คุ้ม!!!
Medium
ท่านี้จะเน้นออกกำลังในช่วงที่ร่างกายสามารถปรับตัวได้แล้ว ก็จะปรับท่าออกกำลังให้ระดับยากมากขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อมาชดเชยไขมันที่หายไป ท่าในระดับนี้หากใครที่ทำแล้วไม่ไหว อาจจะต้องอดทนนิดหนึ่ง ให้สาวๆ ท่องเอาไว้ว่า "เพื่อขาเรียวสวยๆ เพื่อขาเรียวสวยละกันนะ"
ท่านี้อาจจะเป็นท่าที่หลายๆ คนเคยเห็นกันมาบ้างแล้วท่า Sumo squat เป็นท่าการออกกำลังกายที่มีลักษณะเหมือนการนั่งเก้าอี้ลมของท่าสควอชปกติแต่จะต่างกันที่ จังหวะที่ย่อตัวลงไปนั่งให้ย่อให้ขาขนานกับพื้น และ กางขาให้แยกออกจากกันเหมือนนักซูโม่ ย่อให้มากที่สุดเท่าที่พอไหว และ จังหวะยืดตัวให้ยืดให้สุด ท่านี้อาจจะยากเล็กน้อยสำหรับใครที่ไม่เคยทำ ให้ทำต่อเนื่องประมาณเซตละ 20 - 30 ครั้ง แล้วอาจจะพักประมาณ 60 วินาทีแล้วเริ่มเซตใหม่
ท่านี้จะช่วยเรื่องไหน - ท่านี้นอกจากจะช่วยในเรื่องของการลดต้นขา ยังช่วยทำให้ก้น สะโพกกระชับอีกด้วย แถมยังช่วยในการเพิ่มการเต้นของหะวใจได้ด้วย ทำให้เรารู้สึกเหนื่อย ร่างกายเผาผลาญดี
Hard
ท่านี้เป็นท่าที่อาจจะยากขึ้นมาหน่อย ท่านี้อาจจะทำในช่วงที่เรารู้สึกเหนื่อยกับการออกกำลังน้อยลงจากตอนแรกๆ แล้ว หากทำจนถึงท่านี้ก็อย่าพึ่งยอมแพ้นะคะ อีกแค่นิดเดียวค่ะท่องเอาไว้
ท่านี้ชื่อท่าว่า Bear plank leg lifts เป็นท่าที่จะทำคล้ายๆ ท่าวิดพิ้นแต่จะดันตัวขึ้นไม่ให้ตัวขนานกับพื้นเหมือนท่าวิดพื้น และ ยกขาข้างขึ้น งอเข่าแล้วยึดขึ้นไปด้านบนให้สุด (เหมือนเตะอากาศ) จนรู้สึกตึงจากนั้นให้กลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำๆ ไปช้าๆ ไม่ต้องรีบ ประมาณข้างละ 20 - 30 ครั้ง อาจจะพักประมาณ 60 วินาทีแล้วสลับเป็นขาอีกข้างก็ได้
ท่านี้จะช่วยเรื่องไหน - ท่านี้ช่วยในเรื่องของการทำให้ต้นขากระชับ อีกทั้งยังได้ในเรื่องของสะโพก และ ก้นอีกด้วย ทำให้รู้สึกว่าขากระชับขึ้น
 
ตารางวิธีลดต้นขาให้เล็กลงภายใน1อาทิตย์ บอกลาต้นขาใหญ่!!!
มาค่ะสาวๆ มาchallengeตัวเองกันว่าภายใน 1 อาทิตย์จะสามารถออกกำลังกายลดต้นขา ให้ต้นขากระชับขึ้นได้ไหมกับ ตารางออกกำลังกายที่เราจัดมาให้กับสาวๆ ตารางออกกำลังนี้อาจทำให้สาวๆ รู้สึกว่าหนัก แต่เพื่อขาที่เรียวสวยต้องสู้นะคะ อย่ายอมแพ้ค่ะสาวๆ ให้ทำการออกกำลังกายควบคู่ไปกับการคุมอาหาร เอาล่ะสาวๆ ไปลุยกันเลย let's go!!!
Day1 - ให้ทำท่าในระดับ Easy อาจจะทำท่า Hops หรือ Jumping jacks ท่าใดท่าหนึ่งท่าเดียว หรือ ทำสลับกันทั้งสองท่าก็ได้ ให้ทำต่อเนื่องอย่างน้อยเซตละอย่างน้อย 30 นาทีทำต่อเนื่อง 2 เซต ถ้ารู้สึกเหนื่อยระหว่างที่ทำ ให้เปลี่ยนมาเป็นวิ่งอยู่กับที่แทน
Day2 - เมื่อวันที่หนึ่งเราทำการวอร์มร่างกายไปแล้ว ในวันนี้เราจะเพิ่มระดับความหนักของท่าขึ้นเล็กน้อย โดยเราจะทำท่าในระดับ Medium โดยทำเซตละ 30 ครั้ง เป็นจำนวน 3 เซต ระหว่างที่ทำแต่ละเซตเสร็จ อาจจะจะพักอยู่กับทีเพื่อผ่อนคลาย
Day3 - เราจะเพิ่มระดับความหนักขึ้นโดยทำท่าในระดับของ Hard โดยทำเซตละ 30 ครั้ง (อาจจะแบ่งเป็นขาข้างละ 15 ครั้ง) จำนวน 3 เซต โดยระหว่างเซตหากรู้สึกเหนื่อยอาจจะผ่อนคลายได้ แต่อย่าให้นานจนเกินไป ควรทำให้ต่อเนื่องกัน
Day4 - วันนี้ให้หยุดพักผ่อน เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
Day5 - เมื่อวานเราได้ทำการพักไปแล้ว วันนี้เราเลยจะมาทำการยืดร่างกายด้วยท่าระดับ Easy โดยให้ทำเซตละ 40-60 นาทีทำต่อเนื่องจำนวน 2 เซต โดยวันนี้จะเพิ่มเวลาในการออกให้มากขึ้น เพื่อทำให้กล้ามเนื้อกระชับมากขึ้น
Day6 - วันนี้เราจะทำท่าในระดับ Medium โดยทำเซตละ 30 นาทีเท่าเดิม แต่จะเพิ่มจำนวนเซตเป็น 4 เซต หากรู้สึกเหนื่อยก็อาจจะพักอยู่กับทีประมาณ 1 นาทีแล้วทำเซตต่อไป
Day7 - วันสุดท้ายของการออกกำลังกายแล้วค่ะสาวๆ วันนี้จะทำท่าในระดับ Hard กันค่ะโดยจะทำเซตละ 40 นาที เป็นจำนวน 4 เซต โดยทำอย่างต่อเนื่อง หากรู้สึกเหนื่อยให้พักอยู่กับที่แต่อย่าพยายามนั่ง อาจจะเป็นการยืนเพื่อยืดกล้ามเนื้อ
ในที่สุดก็เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะสาวๆ กับ challenge ลดต้นขาภายใน 1 อาทิตย์ เป็นไงกันบ้างคะสาวๆ รู้สึกว่าต้นขากระชับขึ้นมั้ยคะ หากอยากให้เห็นผลที่ชัดเจนควรทำต่อเนื่องประมาณ 1 - 2 เดือน โดนอาจจะทำอาทิตย์เว้นอาทิตย์ หรือ ใครที่ฟิตหน่อยอาจจะทำ 2 วันพัก 1 วัน นอกเหนือจากการออกกำลังกายแล้วต้องควบคุมอาหารควบคู่กันไปด้วยนะคะ แล้วก็เห็นผลชัดเจนมากยิ่งขึ้น มาค่ะสาวๆ อย่ามัวให้ปัญหาต้นขาใหญ่มาทำให้เราหนักใจ เพราะขาเรียวสวยได้ด้วยตัวคุณเองนะคะ สู้ๆ ค่ะสาวๆ เป็นกำลังใจให้นะคะ
 
ออกกำลังได้อย่างไร้กังวลจะกี่ Challenge ก็ไม่หวั่น
สำหรับใครที่ออกกำลังกายโดยเฉพาะกับท่าที่ต้องกระโดด แล้วรู้สึกว่าเริ่มมีอาการเจ็บที่หัวเข่า ปวดข้อ หรือ หัวเข่ามีเสียงเวลาออกกำลังกาย แสดงว่าร่างกายของคุณกำลังต้องการตัวช่วย เราเลยอยากจะมาแนะนำให้คุณลองหาพวกอาหารเสริมที่มี คอลลาเจน ไทพ์ทู (Collagen Type II) ที่จะช่วยในการฟื้นฟู ซ่อมแซ่ม และ ลดอาการปวดข้อจากการออกกำลังกาย การใช้ชีวิต นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องของการป้องกันโรคข้อเสื่อมได้ในอนาคตอีกด้วยนะ
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


184
การยิง Ads โฆษณาถือว่าเป็นหนึ่งในการทำการตลาดที่นิยม การยิง Ads โฆษณาก็จะมีข้อจำกัดหลายๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือ คําต้องห้าม Facebook ที่ห้ามมีอยู่ในโฆษณา เป็นเหมือนกฎข้อบังคับของทางเฟสบุ๊คที่เราต้องปฏิบัติตาม (Policy Facebook) คำต้องห้ามต่างๆ ก็จะมีด้วยกันหลายหมวดหมู่ตามประเภทของสินค้า และ บริการที่เราจะยิงโฆษณา บทความนี้ทาง BMF เลยจะมาแนะนำคำต้องห้ามที่ห้ามใช้ในธุรกิจ!!! จะมีคำไหนบ้างไปอ่านในบทความเลย
 
รูปแบบของการตรวจจับคำต้องห้าม Facebook
ทางเฟสบุ๊คจะมีระบบอัลกอริทึมในการตรวจจับคำอยู่ ทำให้หากคุณมีคำต้องห้ามอยู่ในโฆษณาที่คุณจะทำการยิง Ads แล้วล่ะก็ทางเฟสบุ๊คจะรู้ทันที ก่อนที่เราจะไปดูคำต้องห้ามที่ห้ามใช้สำหรับการโฆษณาธุรกิจ เราจะต้องรู้จักรูปแบบของระบบบนเฟสบุ๊คก่อน การตรวจจับคำต้องห้ามในเฟส สำหรับการยิงAds Facebook จะใช้ Bot ในการตรวจจับ ซึ่งมีความแม่นยำมากทำให้คำเหล่านั้นไม่หลุดรอดสายตาเจ้า Bot ไปได้
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ต้องปิดกั้นคำบางคำนั้นก็เพราะ เฟสบุ๊คเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่มีผู้เข้ามาใช้งานจำนวนมาก ทำให้อาจจะมีเนื้อหาที่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เนื้อหาที่ผิดกฎหมาย เนื้อหาที่เกินความจริง ที่ส่งผลต่อบุคคลอื่น ทำให้ทางเฟสบุ๊คจึงต้องสร้าง Bot ขึ้นมาเพื่อตรวจจับ และ คัดกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมนั่นเอง ทำให้เมื่อคุณมีคำต้องห้ามที่เฟสบุ๊คห้ามใช้ โฆษณาของคุณก็อาจจะโดนลบไป 
 

รู้จัก คําต้องห้าม Facebook ในแต่ละธุรกิจ
เราก็ได้รู้รูปแบบการตรวจจับคำต้องห้าม Facebook กันไปแล้ว อย่างที่เราได้บอกไปข้างต้นแล้วว่าคำต้องห้ามมีหลายหมวดหมู่ตามประเภทของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นด้านความงาม ตัวแทนจำหน่าย อาหารเสริม ก็ล้วนจะมีคำเฉพาะที่ห้ามใช้ เนื่องจากเป็นเฟสบุ๊คจะมองว่าเป็นการโฆษณาเกินจริง หรือ คำที่ผิดหลักกฎหมาย แต่จะมีคำไหนบ้างไปดูกันเลย
 
หมวดความสวยความงาม
คำต้องห้ามในโหมดนี้เนื่องจากความสวยความงาม เป็นสิ่งที่ต้องใช้กับคนโดยเฉพาะ นั่นทำให้ทาง Facebook อาจจะเข้มงวดกับหมวดหมู่นี้มากหน่อย เพราะอาจมีคำที่โฆษณาเกินจริงไป ทำให้เป็นการโกหกผู้บริโภคซึ่งเฟสบุ๊คจะไม่ชอบ เนื่องจากเป็นการทำผิดกฎหมายนั่นเอง ส่วนใหญ่คำที่ห้ามใช้มักจะมีคำเหล่านี้อยู่
-ฟรี
-อยากสวย / สวยที่... (ชื่อร้านค้า / สินค้า)
-พิเศษ
-เฉพาะ
-เท่านั้น
-ครบวงจร
-ราคาเดิม
-เพียง (เช่น ราคาเพียง 1,000 บาท)
-รักษาโรคได้
-ธรรมชาติ 100%
-ขาวไว / ขาวทันที
-เห็นผล / การันตีผล (เช่น สวยภายใน 3 วัน)
-ไม่เห็นผลยินดีคืนเงิน
-เจ้าแรก / แห่งแรกในประเทศไทย
-คำอวดอ้างเกี่ยวกับการศัลยกรรมที่ทำให้เปลี่ยนไป (เช่น ใบหน้าเรียว กระชับสัดส่วน)
หมวดอาหารเสริม
นอกจากความสวยความงามแล้ว อาหารเสริมก็นับว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้กับคน และ จำเป็นต้องบริโภคเข้าไปในร่างกาย ทำให้อาจจะมีการโฆษณาเกินจริง และ การหลอกลวงได้มาก อีกทั้งยังสามารถหาซื้อได้ง่าย ทำให้หมวดของธุรกิจอาหารเสริมก็นับว่าโดนจับตาจากทางเฟสบุ๊คเหมือนกัน ทำให้จะต้องระวังคำที่ใช้ให้ดี ส่วนใหญ่คำที่เฟสบุ๊คปิดกั้นมักจะเป็นคำว่า
อาหารเสริมลดน้ำหนัก
-เห็นผลครั้งแรกที่ใช้ / ได้ผล 100%
-อ้วน / ผอม
-ลดน้ำหนัก
-อยากผอม
-ผอมทันที / ผอมทันใจ
-ลดด่วน
-เบิร์น / ทลายไขมัน
-หุ่นดีกว่าเดิม
-ไม่โยโย่
-ดื้อยา / ลดยาก
-การันตีผล
-ยินดีคืนเงิน
-คำที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ เกี่ยวกับความรู้สึก รูปร่างที่เปลี่ยนไป สรรพคุณในการลดน้ำหนัก
อาหารเสริม บำรุงทางเพศ
-ช่วยบำรุงเสริมศักยภาพทางเพศ / เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
-เพิ่มฮอร์โมนเพศ / เพิ่มขนาด
-ปลุกความเป็นชาย / คืนความเป็นหนุ่ม สาว
-คำที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ การบำรุงทางเพศ
หมวดวัตถุมงคล
อีกหนึ่งสิ่งของที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ของขลัง วัตถุมงคลก็นับว่าเป็นการเล่นกับความรู้สึก จิตใจ เอาสิ่งที่คนนับถือมาโฆษณา มีเรื่องของศาสนา ความเชื่อต่างๆ มาเกี่ยวข้องทำให้ทางเฟสบุ๊คทำการแบนคำต้องห้ามที่โฆษณาเกินจริง และ การนำศาสนามาทำให้คนเข้าใจผิด หากมีคำเหล่านี้จะส่งผลให้เฟสบุ๊คผิดจะแบนคำเหล่านี้ เช่นเดียวกับการที่เอารูปพระสงฆ์มาใช้ในการโฆษณาเพื่อดึงให้คนหลงเชื่อ ส่วนใหญ่จะมีคำเหล่านี้อยู่ในโฆษณา
-ศักดิ์สิทธิ์
-โชคชะตา
-พลิกชีวิต / เปลี่ยนโชคชะตา
-ถูกหวย / ถูกรางวัล
-เสี่ยงดวง / เสี่ยงโชค
-คำที่อวดอ้างอิทธิฤทธิ์ / ปาฏิหาริย์
หมวดตัวแทนจำหน่าย ตัวแทนขาย
รู้หรือไม่ว่าธุรกิจตัวแทนขาย ตัวแทนจำหน่าย ก็นับว่ามีคำต้องห้าม Facebook หลายคำมาก ส่วนใหญ่ตัวแทนจำหน่ายมักจะมีการอวดอ้างโชว์ความร่ำรวย หรือ อาจจะอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริงทำให้คนหลงเชื่อได้ หรือ ใช้คำที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้  นั่นทำให้เฟสบุ๊คเลยจะแบนคำเหล่านี้
-ทำงานจากบ้านก็รวยได้ / ทำงานที่บ้านก็รวยได้
-งานสบาย รวยเร็วภายใน ... วัน / รวยภายใน ... วัน
-รวยง่ายๆ แค่คลิก
-รวยไม่ทันตั้งตัว / รวยข้ามคืน
-คำที่อวดอ้างการรวย / วิธีที่ทำให้รวย
ไม่ว่าจะเป็นหมวดไหนแต่ถ้าหากมีการอวดอ้างอะไรที่เกินจริง หรือ มีการใช้คำที่ส่งผลต่อจิตใจคน ศาสนา ความเชื่อ ก็จะถือว่าเป็น คำต้องห้าม Facebook ต้องระวังให้ดี อย่าใช้คำที่เกินจริง และ ต้องระวังคำต้องห้ามให้ดีด้วยนะ ไม่งั้นเพจของคุณอาจจะบินไปได้ง่ายๆ
 
 
วางแผนธุรกิจกับเรา BMF
เราไม่ใช่แค่บริษัททางด้าน Digital Marketing โดยเฉพาะเท่านั้น แต่เรามาพร้อมเพื่อช่วยเหลือธุรกิจของคุณทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจ การวางแผนการตลาด ตลอดจนออกแบบรูปแบบการตลาดที่เหมาะสมกับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEM SEO  การยิงAds รวมถึงการตลาดรูปแบบอื่นๆ ด้วยทีมงานคุณภาพที่พร้อมจะ Support ดูแลคุณ เพื่อให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ
 
"เราพร้อมดูแลใส่ใจธุรกิจของคุณ ให้เหมือนกับว่าเป็นธุรกิจของเราเอง"

 
 
สามารถติดต่อสอบถาม bemyfriend ทางช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : Bemyfriend.agency


185
ในช่วงมีประจำเดือน การปวดท้องประจำเดือนก็จะมีตั้งแต่การปวดท้องเบาๆ ไปจนปวดท้องหนักๆ ทำให้เราใช้ชีวิตในประจำวันได้ลำบากมากขึ้น ยิ่งหากใครที่ปวดท้องหนักๆ ก็อาจจะปวดจนเดินไม่ไหว ทำอะไรไม่ได้ หากสาวๆ คนไหนกำลังเจอปัญหานี้อยู่ ห้ามพลาดบทความนี้เลยนะคะ เพราะวันนี้ทางเราจะมาแนะนำ วิธีบรรเทาอาการปวดท้องประจําเดือน ที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อแก้ปวดท้องเมนส์ได้ง่ายๆ หมดปัญหาการปวดท้องด้วยวิธีง่ายๆ ที่เรานำมาฝาก
วิธีบรรเทาอาการปวดท้องประจําเดือน ที่อยากให้รู้!!!
สาวๆ หลายคนเวลาที่ปวดท้องประจำเดือนก็ไม่อยากจะทำอะไรเลยใช่มั้ยคะ บางคนก็ก็เลือกที่จะนอนหลับให้ความเจ็บหายไป แต่บางคนก็ไม่สามารถที่จะนอนพักได้ แล้วแบบนี้ถ้ามีอาการปวดท้องเมนส์จะต้องทำอย่างไร??? เราเลยได้รวบรวมวิธีทำให้หายปวดท้องเมนส์มาให้กับสาวๆ เพราะเรารู้ว่าเวลาที่ปวดท้องปวดแค่ไหน เอาเป็นว่าไปดูวิธีแก้ปวดท้องเมนส์ที่เราสรรหามาให้กันดีกว่า ว่าจะมีวิธีไหนบ้าง
1 - ประคบร้อนแก้ปวด
หากคุณมีอาการปวดท้องขึ้นมา อาจจะหากระเป๋าน้ำร้อนมาเพื่อประคบบริเวณที่ปวด เพราะความร้อนจากถุงน้ำร้อนจะไปช่วยในการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้ลดอาการบีบของกล้ามเนื้อมดลูกทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น ให้ทำการประคบถุงน้ำร้อนทิ้งไว้ประมาณ 3 - 5 นาที ความร้อนจากถุงน้ำร้อนจะค่อยๆ ดีขึ้น ใช้ได้สำหรับปวดน้อยจนถึงปวดกลางๆ แต่วิธีอาจจะไม่ค่อยสะดวกเวลาที่ต้องเดินทางมากนัก อีกทั้งหากถุงน้ำร้อนเริ่มเย็นก็ต้องไปเติมน้ำร้อน หรือ ชาร์จไฟ ทำให้อาจจะยุ่งยากสำหรับคนที่ต้องเดินทาง แต่ก็เป็นวิธีที่ช่วยให้ผ่อนคลายได้ดี
2 - แผ่นแปะร้อนแทนได้
ถ้าใครไม่มีถุงน้ำร้อนอาจจะใช้ความร้อนจากแผ่นแปะร้อน แผ่นแปะหลังแบบร้อน มาแปะบริเวณท้องแทนก็ได้ ให้ผลคล้ายๆ กับการใช้ถุงน้ำร้อน อีกทั้งยังช่วยในการคลายปวดตามจุดอื่นๆ ที่เป็นผลมาจากการปวดท้องประจำเดือนได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นหลัง หรือ เอว วิธีนี้จะช่วยลดอาการปวดได้ขึ้นอยู่กับระดับความเจ็บปวด ตั้งแต่ปวดน้อยจนถึงปวดกลางๆ เป็นวิธีที่ง่าย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่เมื่อแผ่นแปะหมดความร้อนก็ต้องเปลี่ยนแผ่นใหม่ แต่สามารถออกฤทธิ์ได้นานพอสมควร
3 - น้ำอุ่นช่วยได้
การใช้ความร้อนประคบเป็นการบรรเทาอาการปวดภายนอก แต่หากใครที่ไม่สะดวกให้ลองวิธีนี้ค่ะ การจิบน้ำอุ่นระหว่างวันสามารถช่วยได้เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มแก้ปวดท้องเมนส์ที่แนะนำให้ดื่ม น้ำอุ่นๆ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายลดอาการปวดท้อง อีกทั้งยังช่วยไม่ให้เลือดจับตัวเป็นก้อนลิ่มเลือดอีกด้วย ให้จิบน้ำอุ่นอย่างสม่ำเสมอ หรือ อาจจะจิบเป็นน้ำอุ่นผสมมะนาวก็จะช่วยทำให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้นได้ วิธีนี้ต้องดื่มในช่วงที่น้ำอุ่นๆให้ผลดีสำหรับคนที่มีอาการปวดน้อยจนถึงระดับกลางๆ หากปวดมากอาจจะไม่ค่อยได้ผล
4 - น้ำขิงสารพัดประโยชน์
นอกจากน้ำอุ่นแล้ว น้ำขิงยังเป็นน้ำสมุนไพรสารพัดประโยชน์อีกด้วย เนื่องจากน้ำขิงมีสรรพคุณในการช่วยลดการบีบตัวของมดลูกเวลาที่ปวดท้องประจำเดือน ช่วยทำให้เรารู้สึกสบายท้องมากยิ่งขึ้น ยิ่งดื่มตอนอุ่นๆ ยิ่งทำให้ผ่อนคลาย น้ำขิงอาจจะมีรสเผ็ดอ่อนๆ ทำให้อาจจะดื่มยากสำหรับคนไม่ชอบ แถมถ้าดื่มตอนเย็นๆ รสชาติขิงจะโดดเด่นขึ้นทำให้ดื่มยาก แต่ช่วยในการบรรเทาอาการปวดได้ดี ถือว่าเป็น เครื่องดื่มแก้ปวดท้องเมนส์ ที่ดีไม่แพ้การดื่มน้ำอุ่นเลย
5 - สวมเสื้อผ้าให้สบาย
ในช่วงที่มีประจำเดือนไม่ควรเลือกเสื้อผ้ารัดรูป หรือ ที่ต้องรัดบริเวณท้อง เพราะจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัว อึดอัดแน่น และ ปวดท้องมากยิ่งขึ้น แล้วให้เปลี่ยนมาใส่เป็นเสื้อผ้าสบายๆ หลวมโปร่ง อย่างเช่น เลือกเสื้อที่สวมใส่สบายไม่รัดจนเกินไป นอกจากจะไม่รัดทำให้รู้สึกสบายตัวแล้ว ผ่อนคลายอากาศถ่ายเทได้สะดวก วิธีนี้สามารถทำได้ง่าย แต่อาจจะไม่สะดวกสำหรับคนที่ต้องใส่ยูนิฟอร์มเฉพาะที่มีลักษณะเป็นชุดรัดรูป
6 - การทานอาหารสำคัญ
ช่วงมีประจำเดือนเป็นช่วงที่ร่างกายของสาวๆ มักจะต้องการสารอาหารที่จำเป็นหลายอย่าง เพื่อชดเชยเลือดที่เสียไปในช่วงมีประจำเดือน ทำให้การทานอาหารที่มีประโยชน์จำเป็นมาก ต้องเลือกทางอาหารที่มีประโยชน์โดยเน้นอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง โพแทสเซียมสูง แคลเซียมสูง ไม่ว่าจะเป็นพวก เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ตับ รวมทั้งพวกผัก มะเขือเทศ พริกหยวก ที่มีสารช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือน ไม่ควรทานอาหารที่ย่อยยากโดยเฉพาะกับมื้อเช้า และ พยายามหลีกเลี่ยงการกินคาเฟอีน เพราะจะไปทำให้รู้สึกปวดท้องมากกว่าเดิม
7 - ยาแก้ปวดท้องเมนส์
สำหรับคนที่ไม่อยากมานั่งทนปวดท้อง ยาแก้ปวดท้องเมนส์นับว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนที่ง่าย และ สะดวกมากๆ ให้ผลไว แถมยังออกฤทธิ์ได้ยาวนานอีกด้วย สามารถแก้อาการปวดท้องเมนส์ได้ตั้งแต่การปวดท้องน้อยไปจนถึงปวดท้องมากๆ ขึ้นอยู่กับชนิด และ ตัวยาที่ทาน นอกจากลดการปวดท้องแล้ว ยังลดการสูญเสียเลือดประจำเดือนได้ดีอีกด้วย แต่ส่วนใหญ่ยาแก้ปวดท้องเมนส์ตัวยาจะเป็นกรด ทำให้ห้ามทานตอนท้องว่าง เพราะจะทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร แต่ก็มียาบางตัวที่เป็น Etoricoxib ที่ไม่ทำให้ระคายเคืองกระเพาะอาหารเหมือนกลุ่มยาแก้ปวดท้องเมนส์แบบเดิม ทานตอนไหนก็ได้แถมออกฤทธิ์ได้ยาวนานอีกด้วย บอกลายาแก้ปวดท้องเมนส์แบบเดิมๆ ไปได้เลย

สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


186
ส่วนใหญ่เฟอร์นิเจอร์ built in มักจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นติดเข้ากับผนัง และ มีลักษณะเป็นโครงสูง ทำให้เราจำเป็นจะต้องเลือก ไม้โครงเฟอร์นิเจอร์ ให้ดีก่อนนำไปใช้งานไม่อย่างงั้นอาจทำให้ได้เฟอร์นิเจอร์ที่ไม่ดี ไม่แข็งแรงได้ ดังนั้นเราจึงจะมาแนะนำไม้โครงที่เหมาะสมกับการนำไปใช้งานใช้งาน อย่ามัวรอช้าไปอ่านในบทความกันเลยดีกว่า
 
ไม้โครงจ๊อย  คืออะไร  มีหน้าที่อะไรบ้าง ?
มาทำความรู้จักไม้โครงจ๊อยกันก่อน ไม้โครง มีลักษณะเป็นไม้ท่อนเดียวที่มีความแข็งแรง  ใช้สำหรับนำไปทำโครงสร้างหลัก แล้วนำไม้อัดมาประกบเข้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ และ  ไม้จ๊อย เป็นการนำไม้มาต่อโดยอาศัยรอยฟันปลาในการยึดไม้เข้าด้วยกันส่วน ไม้โครงจ๊อย ก็คือ ไม้โครงที่มีความแข็งแรงแต่จะอาศัยการต่อแบบฟันปลาของไม้จ๊อย ที่ต้องอาศัยการต่อด้วยฟันปลา นั่นเพราะว่าไม้โครงปกติจะมีราคาแพงเนื่องจากเป็นไม้แท่งยาวที่ไม่มีรอยต่อ และ เนื่องจากมีลักษณะที่ยาวทำให้ไม้มีโอกาสที่จะหัก บิดเบี้ยวได้ง่าย ทำให้ไม่สะดวกต่อการใช้งานจึงไม่นิยมนำมาใช้งานมากนัก คนทำเฟอร์นิเจอร์จึงจะใช้ไม้โครงจ๊อยในกาiทำไม้โครงเฟอร์นิเจอร์แทนนั่นเอง ไม้จ๊อยที่ใช้ในการยึดไม้เข้าด้วยกันจะมีด้วยกัน 2 แบบ
Finger Joint เป็นการต่อแบบฟันปลา โดยลักษณะของรอยต่อจะมีลักษณะเป็นเส้นหยักๆ เหมือนกันรอยฟันปลาอยู่ที่ด้านกว้างของหน้าไม้ ส่วนด้านข้างจะเป็นเส้นตรงต่อเข้าด้วยกัน
Butt Joint เป็นการต่อแบบเส้นตรง โดยจะอยู่บริเวณด้านกว้างของไม้ ส่วนด้านข้างของไม้จะเป็นรอยฟันปลาเชื่อมเข้าด้วยกัน
 
ไม้จ๊อย ไม้โครงมีไม้ชนิดไหนบ้างที่นิยมนำไปทำ ไม้โครงเฟอร์นิเจอร์ ?
เรารู้จักไม้โครง ไม้จ๊อยกันไปแล้วมารู้จักไม้ที่นิยมนำไปทำไม้จ๊อยกันบ้างดีกว่า   อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าไม้ที่จะนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ควรจะเลือกไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทาน สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี   ไม้ที่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ที่หลายๆ คนมักจะเลือกใช้ก็จะมีไม่ว่าจะเป็น
ไม้ยางพารา
ไม้จ๊อยยางพารา ไม้โครงยางพารา ไม้ยางพาราเป็นไม้ที่มีเนื้อไม้แน่น และ เหนียว   ทำให้สามารถนำไปตัดแต่งรูปแบบได้ดี  ขัดสีได้ง่าย ไม่แตกหักง่ายเหมือนไม้บางชนิด   อีกทั้งยังเป็นไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทานอีกด้วย  ทำให้เหมาะสำหรับนำมาทำไม้โครงเฟอร์นิเจอร์ นอกจากนั้นด้วยสีที่สวยเป็นธรรมชาติของไม้ยางพาราทำให้นิยมนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ built in ประเภทตู้ ชั้นวางของ หรือ ใครที่ต้องการแต่งสี ก็สามารถทาสีทับได้เนื่องจากไม้ยางพารามีสีที่ค่อนข้างอ่อนทำให้ทาสีค่อนข้างจะง่าย เหมาะสำหรับนำไปทำทั้งไม้เฟอร์นิเจอร์ และ ไม้โครง ไม้จ๊อย สำหรับนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ built in ต่างๆ
เหมาะสำหรับ - เฟอร์นิเจอร์ built in ไม้โครง ไม้จ๊อย
ไม้ตะแบก
เป็นไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทาน เนื้อไม้เหนียวแน่น ทำให้ไม้ไม่โก่ง หรือ แตกหักง่าย เป็นไม้ที่มีโทนสีอ่อนเช่นเดียวกับไม้ยางพารา นอกจากนั้นยังสามารถตัดแต่งได้ง่ายอีกด้วย แต่ต้องระวังเรื่องของความชื้นให้ดี เพราะไม้ตะแบกจะโก่งตัวได้ง่ายจึงไม่ค่อยนิยมนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ภายนอกมากนัก เหมาะสำหรับนำไปปูพื้น หรือ ทำบานประตูเสียมากกว่า ส่วนถ้าใครจะนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ built in ขอแนะนำให้ทำเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ภายใน และ พยายามหลีกเลี่ยงการนำไปใช้งานภายนอก
เหมาะสำหรับ - ไม้เฟอร์นิเจอร์ built in (ภายในบ้าน) ไม้โครง ไม้จ๊อย
ไม้ทุเรียน
ไม้จ๊อยทุเรียน เป็นไม้ที่มีเนื้อแน่น เนื้อละเอียดมาก ทำให้มีความทนทาน สามารถใช้งานได้ยาวนาน ตัดแต่งได้ง่าย ขึ้นรูปได้ง่าย ไม่บิดงอ ไม่แตกหักง่ายเวลาที่เราทำการเจาะ ตัด ยึดเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ ตะปู สกรู แต่อาจจะไม่ทนทานเท่าไม้ยางพาราเนื่องจากเป็นไม้เนื้ออ่อน แต่ในเรื่องของความสวยงามของเนื้อไม้สำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ถือว่ายอดเยี่ยม และ เหมาะสำหรับนำไปทำไม้โครง ไม้จ๊อยอีกด้วย ถ้านำไปทำงาน built in ถือว่าตอบโจทย์มาก
เหมาะสำหรับ - ไม้โครง ไม้จ๊อย   สำหรับงาน built in
ไม้เบญจพรรณ
ไม้จ๊อยเบญจพรรณ ไม้โครงเบญพรรณเป็นไม้ที่มีความแข็งแรง ทนทานสูง เหมาะมากในการนำไปทำเป็นไม้โครงเฟอร์นิเจอร์มากกว่าการนำมาทำเป็นไม้จ๊อย ทำให้ได้โครงที่แข็งแรงสามารถใช้งานยาวนาน แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นไม้ที่มีความทนทานแข็งแรง แต่เนื้อไม้อาจจะไม่เหนียว และ แน่นเท่ากับไม้ยางพารา ทำให้บางครั้งที่ต้องเจาะตัดอาจทำให้แตกหักได้ แต่ถือว่ามีความแข็งแรงเลยทีเดียว สีไม้สวยเป็นธรรมชาติทำให้นำไปทำเฟอร์นิเจอร์สวย ยิ่งเป็นพวกเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นงาน built in เน้นรูปแบบที่เฉพาะถือว่าเหมาะสำหรับนำไปใช้งาน
เหมาะสำหรับ - ไม้โครง ไม้จ๊อย สำหรับงาน built in
ไม้สน
เป็นไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีสีของไม้ที่ค่อนข้างอ่อน ทำให้สามารถนำไปย้อมสี พ่นสีได้ เนื้อไม้ค่อนข้างเหนียวแต่บิดดงอได้ง่าย ทำให้ไม่เหมาะสำหรับการนำไปทำเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ built in ก็จะเป็นพวกตู้ใหญ่ๆ แต่ก็สามารถนำไปทำไม้จ๊อยได้ดี เนื้อไม้ที่เหนียวทำให้มีความทนทาน แข็งแรงระดับหนึ่ง มีลักษณะคล้ายกับไม้ยางพารา แต่อาจจะแข็งแรงน้อยกว่า
เหมาะสำหรับ - ไม้เฟอร์นิเจอร์ built in (ขนาดเล็ก)  ไม้โครง  ไม้จ๊อย
การเลือกไม้ไปทำไม้โครงเฟอร์นิเจอร์ ก็ขึ้นอยู่กับประเภทของเฟอร์นิเจอร์ที่เราต้องการนำไปใช้  หากเรานำไปใช้ทำโครงที่ต้องอาศัยความแข็งแรง  ก็ให้เลือกไม้ที่เนื้อไม่เหนียวแน่น  มีความแข็งแรงทนทานสูง แต่ถ้านำไปทำไม้จ๊อยก็ให้เลือกไม้ที่ตัดแต่งได้ง่าย ในกรณีที่ต้องนำไปต่อเข้ากับส่วนอื่นๆ ในการทำเฟอร์นิเจอร์  ดังนั้นควรจะเลือกไม้ที่มีคุณสมบัติที่ทนทาน เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์จะได้อยู่ได้นาน และ สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี
 
เลือกไม้จ๊อย ไม้โครงคุณภาพกับโรงงาน MTK
ไม้ดีมีแต่คุณภาพ ไม้ของเราผ่านการรับรองมาตรฐาน IPPC จากกรมวิชาการเกษตรแล้วเรียบร้อย
ไม้เหมาะกับการนำไปใช้งาน  เราใช้เครื่องจักรต่างๆคุณภาพดี  สามารถผลิตไม้ได้หลายรูปแบบตามมาตรฐานแน่นอน
ไม้ครบวงจร มีบริการตั้งแต่  รับผลิตและจำหน่ายไม้ยางพาราแปรรูป , บริการรับเสื่อย-ไสไม้ ตัดแต่งไม้   ,   บริการอัดน้ำยา-อบไม้ จนถึงบริการขนส่งไม้ทั่วประเทศไทย
ไม้ที่ใครๆต่างยอมรับ โรงงานของเรามีหน้าโรงงานจริงอยู่ที่ จังหวัดระยอง ที่เปิดให้บริการมากกว่า 25 ปี
 
สามารถติดตาม และดูข้อมูลเพิ่มเติม MTK ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook  : MTK เอ็มทีเค
Line  :   @mtkwood
Tel :  095-654-6551
Email :    marketing@mtkwood.com



187

ในปัจจุบันเรื่องการคุมกำเนิดไม่ใช่เรื่องที่จะต้องอายอีกต่อไปค่ะ การไม่ป้องกันนี่สิน่าอายกว่า การคุมกำเนิดนอกจากจะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้แล้ว ยังสามารถป้องกันการท้องได้อีกด้วย ถ้าเรายังไม่พร้อมที่จะมีลูกก็อย่าลืมที่จะคุมกำเนิดด้วยนะคะ ในปัจจุบันมีการคุมกำเนิดหลากหลายประเภท ให้เราได้เลือกใช้งานตามความสะดวก แต่จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลยค่ะซิส
วิธีการคุมกำเนิด มีกี่ชนิด?
ก่อนที่เราจะไปดูว่ามีวิธีการคุมกำเนิดแบบไหนบ้าง เราจะต้องมารู้จักรูปแบบของการคุมกำเนิดกันก่อน ในปัจจุบันเราสามารถคุมกำเนิดได้ด้วยกันทั้งหมด 2 ชนิดหลักๆ ได้แก่
การคุมกำเนิดแบบถาวร เป็นการป้องกันการท้องที่ได้ผลที่สุด ด้วยการทำหมัน แต่ถ้าหากใช้วิธีนี้จะต้องมั่นใจแล้วว่าไม่ต้องการมีลูกจริงๆ เพราะการทำหมันในผู้หญิงจะเป็นการตัดท่อนำไข่ออก ทำให้ไม่สามารถมีลูกได้แบบถาวร แต่วิธีนี้ค่อนข้างปลอดภัย และ ไม่มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพ
การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว เป็นการคุมกำเนิดที่มีหลายรูปแบบให้เลือก มีประสิทธิภาพในการป้องกันที่แตกต่างกันตามแต่ละวิธี มีทั้งการคุมกำเนิดแบบภายใน และ แบบภายนอกร่างกาย ทั้งรูปแบบของยาแบบกิน แบบฉีด แบบฝัง และ แบบสวมใส่
วิธีในการ คุมกำเนิดแบบไหนดี แบบไหนเด็ด?
วิธีในการคุมกำเนิดมีหลายรูปแบบ ในที่นี้เราจะขอแนะนำวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวว่าจะมีวิธีไหนกันบ้าง แล้ววิธีไหนเหมาะกับใครกันบ้าง ไม่ใช่ว่าวิธีที่อีกคนใช้ดีแล้ววิธีนั้นจะเหมาะกับเรา การคุมกำเนิดที่เหมาะสมจะต้องเลือกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ สุขภาพ รูปแบบที่สะดวกใช้งาน แต่จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลยยยย!!!
การนับวันที่ปลอดภัย

วิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้ช่วงที่ไข่ไม่ตกทำให้มีโอกาสท้องได้น้อยลง โดยเราจะใช้การนับแบบ หน้า 7 หลัง 7 นั้นก็คือ ก่อนที่ประจำเดือนจะมา 7 วัน และ หลังช่วงประจำเดือนมา 7 วัน จะถือว่าเป็นวันที่มีโอกาสท้องได้น้อยกว่าในช่วงวันที่ไข่ตก แต่ว่าก็ไม่สามารถจะรับประกันการคุมกำเนิดได้ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือ มีการนับวันที่ผิด วิธีนี้มีประสิทธิภาพการป้องกันต่ำ (สำหรับคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ) - จนถึงระดับกลางๆ (สำหรับคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอทุกเดือน)
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอทุกๆ เดือน
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการคุมกำเนิด แต่ในส่วนของเสียก็คือหากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอก็ทำให้การคุมกำเนิดอาจจะคลาดเคลื่อนได้
ถุงยางอนามัย

การใช้ถุงยางเป็นวิธีการคุมกำเนิดยอดฮิตที่ง่าย และ ดีที่สุด ใช้สำหรับการใช้งานภายนอก นอกจากจะคุมกำเนิดได้แล้ว ยังใช้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย สามารถใช้คุมกำเนิดได้ดี แต่ก็มีข้อควรระวังในการใช้งาน หากถุงยางขาด หรือ รั่วขณะมีเพศสัมพันธ์ก็เหมือนกับการไม่ใส่ถุงยางนั้นเอง ดังนั้นจะต้องใช้งานให้เหมาะสมกับขนาด และ รูปแบบการใช้งานของคู่รักด้วย
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนทั่วไป (แต่ต้องระวังถุงขาดนะ!!!)
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - สามารถซื้อหา ใช้งานได้ง่ายไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ต้องระวังในการใช้งานเพราะอาจทำให้ถุงยางขาด หรือ รั่วขณะใช้งานได้ รวมทั้งอาจทำให้ความรู้สึกขณะมีเพศสัมพันธ์ลดลง
ห่วงคุมกำเนิด

ห่วงคุมกำเนิด หรือ ห่วงอนามัย เป็นการคุมกำเนิดอีกรูปแบบที่หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้จักมากนัก มีลักษณะเป็นรูปตัว T โดยจะต้องให้แพทย์เป็นคนใส่ โดยจะใส่เข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อป้องกันการฝังตัวของไข่ ใส่ให้เหลือสายห่วงประมาณ 2 - 3 เซนติเมตร มีอายุในการใช้งานได้ยาวนานถึง 3 - 5 ปี (ขึ้นอยู่กับชนิดของห่วง) ไม่มีผลต่อสุขภาพ และ การมีประจำเดือนต่างๆ สามารถคุมกำเนิดได้ดี ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยคิดเป็นร้อยละ 0.06 - 0.08 % ถือว่ามีประสิทธิภาพที่ดีเลยทีเดียว
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย อยากคุมกำเนิดได้ทีละนานๆ (แต่ต้องระวังเรื่องสายของห่วงหลุด)
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - เป็นวิธีที่ใส่แค่ครั้งเดียวก็ช่วยทำให้คุมกำเนิดได้ยาวนาน แต่ก็มีข้อเสียคือต้องใส่ห่วงคุมกำเนิดเข้าไปในโพรงมดลูก ทำให้บางคนรู้สึกระคายเคืองได้ และ ต้องใส่โดยแพทย์เท่านั้น นอกจากนั้นยังอาจมีกรณีที่ห่วงอนามัยหลุด หรือ ทะลุเข้าไปในผนังมดลูกได้
แผ่นแปะคุมกำเนิด

หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่ามีแผ่นแปะที่ช่วยในการคุมกำเนิดด้วย แผ่นแปะจะใช้ฮอร์โมนในการคุมกำเนิดชนิดเดียวกับในยาคุมกำเนิด โดยเราจะแปะแผ่นคุมกำเนิดบริเวณสะโพก หน้าท้อง แผ่นหลัง ต้นแขน โดยตัวยาจะซึมจากผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด จะเริ่มใช้งานแผ่นแปะในวันแรกของการมีประจำเดือน แปะเอาไว้ 7 วัน แล้วทำการเปลี่ยนแผ่นใหม่ แต่ถ้าหากแปะครบ 3 แผ่นแล้ว (ในช่วง 3 สัปดาห์) ให้ทำการหยุดแปะแผ่นคุมกำเนิดไว้ 1 สัปดาห์ แล้วค่อยแปะใหม่อีกที ช่วยในการคุมกำเนิดได้โอเค แต่อาจจะทำให้บริเวณที่แปะเกิดอาการคัน ไม่สบายตัวได้
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนที่มีน้ำหนักไม่เกิน 90 กิโลกรัม และ คนที่ชอบวิธีง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - เป็นวิธีที่ง่าย อีกทั้งยังใช้งานได้หลายจุด และ ไม่ค่อยมีผลข้างเคียงจากการใช้งาน แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ต้องใช้งานให้ต่อเนื่องกัน และ อาจทำให้เกิดการระคายเคืองบริเวณที่แปะได้
ยาคุมกำเนิด

อีกหนึ่งวิธียอดฮิต เป็นวิธีที่ง่าย และ สะดวกสบาย ให้ผลในการคุมกำเนิดที่ดีพอสมควร ยาคุมกำเนิดจะมีทั้งชนิดที่เป็น ยาคุมฉุกเฉิน และ ยาคุมทั่วไป โดยจะมีวิธีการกินที่แตกต่างกัน
ยาคุมฉุกเฉิน ใช้ในกรณีที่พลาดไม่ได้ป้องกันจริง ห้ามนำมาใช้แทนยาคุมปกติ เป็นยาคุมที่สามารถใช้ได้ผลในช่วงเวลาไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ (เป็นไปได้ควรรีบทานให้เร็ว) ปกติยาคุมฉุกเฉิน 1 กล่องจะมี 2 เม็ด สามารถกินได้ 2 แบบ คือ กินพร้อมกันทีเดียว 2 เม็ดหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือ กินยาเม็ดแรกหลังมีเพศสัมพันธ์ ส่วนเม็ดที่สองให้ทานอีกทีใน 12 ชั่วโมง ยาคุมฉุกเฉินควรรีบรับประทานไม่เกิน 72 ชั่วโมง สามารถช่วยในการป้องกันการท้องได้ ทำให้มีโอกาสท้องเพียงแค่ 2 - 8 % แต่ไม่ควรทานบ่อย เพราะจะทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และ เลือดออกกะปริบกะปรอย
ยาคุมทั่วไป จะมีทั้งแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด แต่ให้ผลในการคุมกำเนิดไม่แตกต่างกัน สำหรับยาแบบ 21 เม็ด ให้ทานเม็ดแรกในวันแรกที่ประจำเดือนมาทานต่อเนื่องทุกวันวันละ 1 เม็ด จนยาหมดแผง จากนั้นให้งดกินยาไป 7 วัน แล้วค่อยกินแผงใหม่  และ 28 เม็ด ให้ทานต่อเนื่องได้เลยไม่ต้องหยุดยา ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 รูปแบบ คือ แบบ 21+7 (ทานต่อเนื่อง 21 วันเว้น 7 วัน) และ 24+4 (ทานต่อเนื่อง 24 วันเว้น 4 วัน) การกินยาคุมให้ได้ผลควรที่จะทานในช่วงเวลาเดียวกันถึงจะได้ผลดี (หากลืมทานยาให้ทานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้) ยาคุมหากกินแบบเป๊ะๆ ไม่ขาด กินตรงเวลาจะสามารถป้องกันการท้องได้ดี ทำให้มีโอกาสท้องเพียงแค่ 0.3 % เท่านั้น แต่ถ้าหากใครมีลืมกินบ้าง กินไม่ตรงเวลาบ้าง จะทำให้มีโอกาสท้อง 8 %
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนที่ชอบวิธีไม่ยุ่งยาก และ พวกที่แพ้ถุงยางอนามัย
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - ข้อดีของยาคุมกำเนิดมีหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ
-ทำให้ประจำเดือนมาตรงเวลา และ สม่ำเสมอ
-ลดอาการ PMS PMDD (อาการก่อนมีประจำเดือน เช่น อารมณ์ที่แปรปรวน เครียด ความรู้สึกอยากอาหารหิว-บ่อย ปวดหลัง ปวดเอว เป็นต้น)
-ลดสิวประจำเดือน ทำให้ผิวมันน้อยลง
-ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศหญิงทำให้ช่วยให้เส้นขนน้อยลง หน้าอก และ สัดส่วนเด่นชัดมากขึ้น
แต่ก็มีข้อเสียคือ ต้องระวังการลืมทานยาที่ไม่สม่ำเสมอไม่อย่างงั้นวิธีนี้จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร ทำให้มีโอกาสที่จะท้องสูงมากยิ่งขึ้น
การฉีดยาคุมกำเนิด

หากใครที่เป็นคนขี้ลืม การฉีดยาคุมก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีในการคุมกำเนิด สามารถคุมกำเนิดได้ในระยะยาว แต่อาจจะมีผลข้างเคียง เช่น ทำให้น้ำหนักขึ้น ทำให้ประจำเดือนไม่มา หรือ ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย สามารถช่วยในการคุมกำเนิดได้ดี สำหรับคนที่ฉีดยาสม่ำเสมอทำให้มีโอกาสท้องแค่ 0.3 % แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ฉีดสม่ำเสมอมีโอกาสท้องได้ 3 % การฉีดยาคุมมีหลายชนิดให้เราได้เลือกฉีด ตั้งแต่ชนิดแบบ 1 - 3 เดือน
-1 เดือน (4 สัปดาห์) โดยจะทำการฉีดในทุกๆ 30 วัน
-2 เดือน (8 สัปดาห์) โดยจะทำการฉีดในทุกๆ 60 วัน
-3 เดือน (12 สัปดาห์) โดยจะทำการฉีดในทุกๆ 90 วัน
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว และ คนที่ขี้ลืมบ่อยๆ
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - เป็นวิธีที่ช่วยคุมกำเนิดได้ในระยะหนึ่งให้ผลในการคุมกำเนิดได้ดี (แล้วแต่ชนิดของตัวยา) ส่วนของเสียอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงในเรื่องของประจำเดือนไม่มา หรือ น้ำหนักขึ้นได้
การฝังยาคุมกำเนิด

อีกหนึ่งวิธีคุมกำเนิดที่ได้ผลดี การฝังยาคุมกำเนิดเข้าร่างกายสามารถใช้ในการคุมกำเนิดได้ถึง 3 - 5 ปี (ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวยา) โดยจะต้องไปฝังยาคุมที่โรงพยาบาล โดยยาคุมจะอยู่ในรูปแบบของหลอดพลาสติกเล็กๆ แพทย์จะฝังเข้าที่ต้นแขนด้านใน สามารถป้องกันการท้องได้ดีมาก ทำให้มีโอกาสที่จะท้องเพียงแค่ 0.01 - 0.5 % เท่านั้น แต่ก็มีผลข้างเคียง จะทำให้ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย มาไม่ปกตินั้นเอง
วิธีนี้เหมาะสำหรับใคร - เหมาะสำหรับคนที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว และ คนที่ขี้ลืมบ่อยๆ
ข้อดีและข้อเสียของวิธีนี้ - สามารถคุมกำเนิดได้ดี และ ออกฤทธิ์ได้ยาวนาน ส่วนข้อเสียอาจจะไม่สะดวกเหมือนวิธีอื่นๆ ต้องทำโดยแพทย์ และ อาจส่งผลทำให้เกิดอาการข้างเคียงเช่น ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ น้ำหนักขึ้น ปวดหัว
 
แล้ววิธีไหนคุมกำเนิดดีที่สุด?
ถ้ามาถามเราว่าวิธีไหนคุมกำเนิดดีที่สุด เราก็บอกไม่ได้ค่ะ เพราะแต่ละคนก็เหมาะกับวิธีที่แตกต่างกัน แต่ถ้าถามถึงเรื่องประสบการณ์การคุมกำเนิดที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย แบบไม่ต้องเตรียมตัวมากก่อน เราว่าเราชอบวิธีในการทานยาคุมกำเนิดที่สุดค่ะ เพราะโดยส่วนตัวเราเป็นคนที่แพ้ถุงยางอนามัยค่ะ การกินยาคุมเลยเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับเรา ถ้าเกิดว่ามีสถานการณ์ฉุกเฉินก็ไม่ต้องวิ่งเต้นไปหา อุปกรณ์คุมกำเนิด อย่าง แผ่นแปะคุมกำเนิด อีกทั้งยาคุมนอกจากจะช่วยเรื่องการคุมกำเนิดแล้วยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับฮอร์โมน เรื่องของสิว การปวดประจำเดือน อาการที่มากับการมีประจำเดือนพวกความเครียด แต่ก็ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดนะคะ แต่เป็นวิธีที่เหมาะกับเราที่สุด
 
อย่าพลาดบทความดีๆ มีประโยชน์จาก Sistalk !!!
ฮั่นแน่สาวๆ คนไหนที่อ่านจนมาถึงตอนนี้แล้วรู้สึกว่าบทความของเราดีมีประโยชน์ และ อยากอ่านบทความอื่นๆ ด้วยแล้วละก็สามารถเข้าไปอ่านบทความอื่นๆ ที่จะช่วยให้คุณไม่ตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! ก็อย่าลืมติดตามช่องทางต่างๆ ของเราไว้ด้วยนะคะซิส แล้วเจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


188

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับโกโปรน้องใหม่ล่าสุดอย่าง GoPro 10 เรียกได้ว่าเป็นการเปิดตัวที่หลายๆ คนคาดหวังกันมาก เพราะได้ข่าวลอยๆ จากแหล่งข่าวต่างประเทศมา โกโปรในรุ่นนี้มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ "Better Everthing" ในราคาเพียงแค่ 16,500 บาท เรียกได้ว่าสเปคโกโปรก็จะดีขึ้นกว่าเดิมแต่จะคุ้มค่าหรือไม่ สำหรับใครที่อยากจะรู้แล้วว่าโกโปรรุ่นนี้จะมีอะไรใหม่บ้าง วันนี้ทาง Aquapro เลยจะมาทำการ แกะกล่อง GoPro 10 ให้เห็นกันไปเลยว่าจะมีอะไรอัพเดตใหม่บ้าง
>>อ่านบทความ GoPro 10 เปิดตัวพร้อมเซนเซอร์ใหม่<< ได้ที่นี่

แกะกล่อง GoPro 10 มีอะไรให้มาบ้าง???
Packaging

มาดูส่วนของแพ็คเกจกล่องกันก่อน กล่องของโกโปรรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงจากในรุ่นก่อน มาในรูปแบบของกล่องสีดำทรงสูง ที่มีลายกราฟฟิคสีน้ำเงินแดงคาด พร้อมกับตัวเลข 10 สีขาวโดดเด่น ให้ความรู้สึกที่ดูเรียบง่ายดูสบายๆ แต่มีลูกเล่นที่ทำให้ดึงดูดความสนใจ บริเวณข้างกล่องก็จะมีการอธิบายสเปคคร่าวๆ ของกล้อง และ อุปกรณ์ภายในกล่อง เรียกได้ว่าแค่กล่องก็กินขาดแล้ว
 
ตัวกล่องให้อะไรมาบ้าง ?

ดูแพ็คเกจไปแล้วมาดูในส่วนของภายในกล่องกันบ้างดีกว่า เมื่อเปิดออกมาจะพบกับตัวกล่องที่เป็นเหมือนกระเป๋าใส่อุปกรณ์สีดำ และ เมื่อเปิดกระเป๋าอุปกรณ์ออกมาก็จะเจออุปกรณ์ที่ทางโกโปรจัดมาให้ ซึ่งในกล่องก็จะมี
-GoPro Hero 10
-สายชาร์จแบตเตอรี่ - เป็นสายชาร์จ USB-C
-แบตเตอรี่ GoPro - แบตเตอรี่ GoPro 10
-ฐานรองกล้อง (Base) - ใช้สำหรับยึดกล้องเข้ากับสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นขาตั้งกล้อง หรือ สิ่งของอื่นๆ
-ตัวยึดกล้อง (Mount) - ตัวเชื่อมต่อระหว่างตัวกล้องกับฐานรองกล้อง
-สกรู (Screw) - ใช้สำหรับยึดตัวกล้อง GoPro กับสิ่งของ เพื่อทำให้สามารถยึดได้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น

 
Body ของกล้องเหมือนหรือแตกต่างไปจากเดิม ?

Body กล้องในรุ่นนี้กันบ้างว่าจะเหมือน หรือ แตกต่างกันจากในรุ่นก่อนๆ เมื่อหยิบกล้อง GoPro 10 ออกมาดูจะพบว่ารูปร่างของโกโปรในรุ่นนี้เหมือนกับในรุ่นของ GoPro 9 แต่อาจจะมีน้ำหนักที่เบากว่าเล็กน้อย ส่วนสิ่งที่แตกต่างคือเรื่องของสีโลโก้ใหม่ ปกติโกโปรในรุ่นก่อนๆ จะเป็นสีขาว แต่ในรุ่นนี้จะเป็นสีฟ้าซึ่งเป็นการเปลี่ยนครั้งแรกของโกโปรเลยก็ว่าได้ และ ที่แตกต่างอีกอย่างหนึ่งนั่นก็คือตัวเลนส์ Hydrophobic Glass ที่จะเห็นชัดเมื่อนำไปใช้งานในน้ำ ตัวเลนส์ช่วยป้องกันน้ำ ละอองน้ำเกาะที่เลนส์ได้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องของการลดแสงแฟร์อีกด้วย แต่ในส่วนอื่นๆ ในส่วนของการใช้ Interface ค่อนข้างจะดีมากขึ้น ลื่นขึ้นกว่าเดิมมากยิ่งขึ้น
ตัวอุปกรณ์ใช้ร่วมกับ GoPro 9 ได้ไหม ?
A : เนื่องจากรูปร่างของ GoPro 10 มีความคล้ายคลึงกับ GoPro 9 ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า แล้วแบบนี้ใช้อุปกรณ์ของ GoPro 9 ได้ไหม???
Q : ทั้งสองรุ่นสามารถใช้งานร่วมกันได้ หากคุณมีอุปกรณ์เสริมของโกโปร 9 อยู่แล้วก็สามารถนำมาใช้ร่วมกับโกโปร 10 ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นที่ชาร์จแบเตอรี่ เคสกันน้ำ
 
สเปค GoPro 10 ที่เปลี่ยนไป!!!

-เซนเซอร์ใหม่ GP2 มีแค่เฉพาะในรุ่น GoPro 10 เท่านั้น
-ความละเอียดของวิดีโอที่สูงขึ้นถึง 5K60 4K120
-ความละเอียดของภาพที่สูงขึ้นถึง 23 MP มาพร้อมกับ 3DNR ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพ และ วิดีโอ ในที่แสงน้อย ซึ่งจะช่วยในการลด Noise ที่จะเกิดขึ้นกับภาพ
-Interface ที่จะช่วยให้ใช้งานได้รวดเร็วขึ้น และ ยังตอบสนองเราได้ดีมากยิ่งขึ้น ทำให้ไม่หน่วงเหมือนรุ่นก่อนๆ
-Fast Offloads อัพโหลดได้เร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอัพผ่าน Wi-fi ที่เร็วขึ้นถึง 30 % และ ถ้าใช้การอัพโหลดเข้าสู่มือถือ คอมพิวเตอร์โดยตรงจะเร็วขึ้นถึง 40-50% อีกทั้งยังช่วยทำให้ไลฟ์สตีมได้ดีขึ้นอีกด้วย
-Hyper Smooth 4.0 ที่อัพเกรด horizontal levelling ทำให้สามารถเพิ่มมุมมองภาพได้ตั้งแต่ 45 องศาขึ้นไป
-Webcam ได้ดีขึ้นถึง Full HD 1080p สำหรับใครที่นำไปใช้สตรีมหากใช้งานร่วมกับ Hyper Smooth 4.0 ก็จะช่วยลดการสั่นของวิดีโอให้ทุกการไลฟ์ของคุณโปรมากขึ้น ไหลลื่นไม่มีสะดุด
จากการแกะกล่องจะเห็นว่ากล้อง GoPro 10 นี้มีการอัพเกรดตัวเลนส์ และ สเปคต่างๆ ภายในขึ้น เพื่อแก้ปัญหา และ ปรับปรุงการใช้งานให้ใช้งานได้รวดเร็วขึ้น ง่ายมากขึ้น ดีมากขึ้น "ส่วนตัวค่อนข้างชื่นชอบเรื่องของเซนเซอร์ตัวใหม่ และ เลนส์ที่ช่วยลดละอองน้ำเกาะที่หน้าเลนส์ รู้สึกว่าทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์ ส่วนโหมด Hyper Smooth 4.0 ก็ถือว่าตอบโจทย์เวลาถ่ายวิดีโอที่ activity หนักๆ ได้ดีมากยิ่งขึ้นซึ่งเราชอบมาก"
>>อ่านบทความ 6 ฟีเจอร์เด่น GoPro 10 ที่ไม่ควรพลาด เพิ่มเติมได้ที่นี่<<

 
อย่าพลาดข่าวสาร GoPro 10 ตัวต่อไปที่เราจัดมาให้กันแบบเต็มๆ
สำหรับใครที่ยังลังเล หรือ อยากจะรอรีวิวแบบเต็มๆ จากทาง Aquapro แล้วล่ะก็ต้องรอติดตามคอนเทนต์รีวิวเต็มๆ GoPro 10 อันต่อไปเลย ส่วนใครที่อยากจะอ่านคอนเทนต์เปรียบเทียบ GoPro 9 vs GoPro 10 ควรซื้อรุ่นไหน!!! ก็สามารถเข้าไปอ่านกันได้เลย และ ถ้าใครอยากได้ GoPro 10 promotion ในราคาสุดคุ้ม พร้อมของแถมแบบจัดเต็ม และ โปรโมชั่นผ่อน 0%* นาน 10 เดือน แถมส่งฟรีไปอีก โครตคุ้ม!!!!! เฉพาะที่ร้าน Aquapro เท่านั้นนะ
 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


189

เคยได้ยินคำนี้มั้ยค่ะ ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือก็ไม่ได้ลูกเสือ กับผู้ชายก็เหมือนกันค่ะ ใครที่มัวแต่รอผู้มาจีบ รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีแฟนซักที!!! ในเมื่อเหยื่อไม่เดินเข้ามาเราก็ต้องเดินเข้าไปหาค่ะซิส หมดยุคที่นั่งรอแต่ผู้มาจีบแล้ว เราอยากได้ใครก็ลุยเลยบางทีเขาอาจจะรอเราเปิดก่อนก็ได้นะคะ >//< แต่จะให้ไปจีบตรงๆ ก็อาจจะไม่น่าสนใจลองมาใช้เทคนิคการจีบผ่าน แคปชั่นอ่อยผู้ สุดปังที่ทำให้เขาเสียอาการหลงเราหัวปักหัวปำ แต่เราก็ยังดูดี ดูแพงอยู่ เห้ยยยยมันเริ่ดนะคะซิส จะมีแคปชั่นไหนบ้างไปดูกันเลย!!!
รวม แคปชั่นอ่อยผู้ ที่จะทำให้เขารักเขาหลง
ก่อนที่เราจะไปดูแคปชั่นอ่อย คุณจะต้องทำการบ้านมานิดหนึ่งค่ะซิส การจะใช้แคปชั่นอ่อยให้ได้ผลดี จำเป็นจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับผู้ชายที่เราเล็งเอาไว้ ถ้าใครจะเอาไปตั้งเป็น สเตตัสอ่อยเก๋ๆ ก็ปังไปอีกแบบ หลักๆ เราต้องดูว่าผู้ที่เราจะอ่อยเขาเป็นคนยังไง เช่น ถ้าเขาเป็นผู้ชายขี้เล่น เฟรนลี่ ก็ให้ใช้แคปชั่นอ่อยน่ารักๆ กวนๆ แต่ถ้าเขาเป็นคนที่ชอบทานอาหาร ลงรูป แชร์ของกินบ่อยๆ ก็เอาพวกแคปชั่นที่เกี่ยวกับของกินโดนๆ ไปเลย ถ้าเลือกให้เหมาะจะทำให้คะแนนการจีบพุ่งปรี๊ดแน่นอน!!!
แคปชั่นอ่อยเบาๆ เน้นให้รู้ว่าเราเหงานะ!!

หมวดนี้เป็นหมวดเบสิค เน้นการอ่อยแบบเบาๆ ให้ดูว่าเรายังไม่มีใครนะ (บอกเป็นนัยๆ) เป็นประเภทแคปชั่นอ่อยที่ยังทำให้ลุคของเราดูแพง มีความเล่นตัวนิดๆ หน่อยๆ ไม่เจาะจงใครเป็นพิเศษ แต่ที่จริงก็หมายถึงเขานั้นแหละค่ะ >< ไปดูแคปชั่นหมวดนี้กันเลย
ไม่มีหรอกคำบรรยาย มีแต่ ID LINE เอามั้ยคะ เป็นแคปชั่นอ่อยที่ทำให้รู้ว่าเราไม่มีคนคุยเลย ถ้าอยากคุยกับเราก็แอดไลน์ไปสิ >//<
ใต้คางยังมีเหนียง แต่ข้างเคียงยังไม่มีใครนะ อ่อยเบาๆ แต่ทำให้เขารู้ว่าเรายังโสดอยู่นะ!!!
จ้องคอมตาจะเบลอ แล้วจ้องเธอจะได้เบอร์มั้ยคะ ใครที่ไม่อยากได้ไลน์ ก็เอานี่ไปใช้เลยค่ะ ขอเบอร์ทางอ้อมไปอีกกกก!!!
เลิกเถอะเช็คอินร้านเหล้า เปลี่ยนมาเช็คอินบ้านเราก็ได้นะ เห้ยๆ ดูออกแหละว่าเหงา ชวนมาบ้านดีกว่าจะได้มาคุยกัน
แค่ทักๆ อาจจะยังไม่รู้ แต่ถ้าลองมาคบกันดูแล้วจะรู้ว่าเราน่ารัก แคปชั่นแบบนี้ถ้าลงรูปน่ารักๆ คู่ด้วยบอกเลยว่าดาเมทพุ่ง เตรียมคบเลยวันนี้
แคปชั่นแบบนี้เหมาะกับ - ผู้ชายที่สามารถคุยเล่นได้ เฟรนลี่ ใช้ได้กับผู้ชายที่อายุมากกว่า และ น้อยกว่าได้ เพราะยังเป็นแคปชั่นที่ซอร์ฟๆ อยู่
แคปชั่นอ่อยสายกิน กินอะไรก็ไม่อร่อยเท่าเรา!!

แคปชั่นโหมดนี้เอาใจช่วงกักตัวอยู่บ้านกันหน่อย ในเมื่อออกไปกินข้างนอกไม่ได้ ก็กินความฟินกับอาหารอยู่บ้านไปก่อนละกันนะ แต่จะทำให้ตัวเองอร่อยขึ้นมาได้ยังไงก็ต้องดูที่ชั้นเชิงต่อไปนะจ๊ะ อาจจะลงรูปเราคู่กับของกิน หรือ รูปน่ารักของเราด้วยก็ได้นะ อ่อยให้สุดหยุดที่ต้องได้กิน
ถ้าพี่ไม่ชอบกินหมู พี่กินหนูก็ได้นะ เอออ่อยเรื่องกิน แต่ทำไมรู้สึกเขินก็ไม่รู้สิ ช่วงนี้งดทานหมูละกันนะคะซิส >//<
อยากใจสั่นให้กินกาแฟ อยากมีคนดูแลให้มาเป็นแฟนเรา ถ้าหากเขาดื่มกาแฟเป็นประจำ บอกเลยว่ามีเขินตายแน่นอน (สรุปจะมาเป็นแฟนมั้ยคะ!!)
เราอาจจะไม่ใช่เค้กที่นุ่มฟู แต่เราจะเป็นเนื้อคู่ที่นุ่มนวล เปลี่ยนมาสายขนมหวานกันบ้าง เห็นแคปชั่นแล้วก็รู้เลยว่าต้องเป็นคนนุ่มนิ่มแน่นอน
เหงาจริงไม่ได้อ่อย เค้กที่เขาว่าอร่อยก็ยังไม่เท่าเรา อ่อยยังไงให้รู้ว่าเราน่ากิน ต้องแคปชั่นนี้เลยนะคะซิส ไม่เชื่อก็มาลองกินเค้กสิคะ
ที่โพสต์รูปของกินบ่อยๆ เพราะอยากอ่อยว่าทำอาหารเป็นนะ กักตัวมานานสกิลทำอาหารเลเวลอัพแล้วจ๊ะ บอกเป็นนัยๆ ว่าเราทำอาหารเป็นนะ แม่ศรีเรือนก็มานะคะ
แคปชั่นแบบนี้เหมาะกับ - ผู้ชายสายกิน ผู้ชายเฟรนลี่ ผู้ชายนิ่งๆ ใช้ได้กับผู้ชายที่อายุมากกว่า และ น้อยกว่า อาจจะมีการเปลี่ยนบางคำให้เข้ากับผู้ที่เราจะอ่อยก็ได้
แคปชั่นอ่อยสายกวน ถึงจะกวนหน่อยแต่ก็น่ารักนะ!!

เอาใจหนุ่มขี้เล่นกันบ้าง ในเมื่อเขาชอบกวนๆ เราก็จะเป็นคนกวนๆ ให้เธอค่ะ! ชอบนักใช่มั้ยเอาไปเลยแคปชั่นอ่อยกวนขั้นสุด ถ้าไม่กวนแสดงว่ามันแป๊กค่ะ555 (ล้อเล่นนะคะ) ถึงแคปชั่นจะกวนแต่ก็ยังให้ลุคที่ดูแพงอยู่ ไม่ดูเล่นจนเกินไปยังอยู่ในหมวดกวนแต่น่ารัก
หนักอ่ะ...หนักใจ เพราะข้างในมีคุณอยู่ทุกวัน แฮร่ๆ จะเขินๆ ก็ไม่เขินสุด ยังมีความกวนนิดๆ ทำให้รู้สึกว่าดูเป็นคนน่ารัก มีเสน่ห์ในตัวเอง
เราเป็นของเล่นของใครไม่ได้หรอก แต่เราเป็นของกินให้ได้อยู่นะ เหมือนจะเข้าหมวดจริงจังนะ แต่สุดท้ายก็กวนแบบน่ารักๆ อ่อยแบบเนียนๆ ไปอีก >//<
ก่อนเธอจะติดโควิด อยากให้มาติดความน่ารักเราก่อน โควิดก็กลัว เพราะงั้นติดแค่ความน่ารักของเราก็พอแล้วนะคะ อย่าติดเลยโควิด
โดนแดดอ่ะหน้าจะดำ แต่ถ้าเจอเธอจังๆ อ่ะหน้าจะแดง หน้าแดงเพราะเขาแหละ เขินทิพย์ไปก่อน รอเจอหน้าจะได้เห็นว่าหน้าแดงแค่ไหน >//<
โอ้ยประเทศไทยจะร้อนอะไรเบอร์ 081-xxx-xxxx นี้ อ่อยให้สุดหยุดที่ได้โทรคุยกันค่ะซิส ในเมื่อเราไม่กล้าขอเบอร์เขา เราก็แจกเบอร์เราไปสิคะ จะรออะไร!!!
แคปชั่นแบบนี้เหมาะกับ - ผู้ชายขี้เล่น กวนๆ หรือ ผู้ชายที่ขรึมๆ เป็นผู้ใหญ่ เป็นการสร้างสีสันให้ดูน่ารักมากยิ่งขึ้น ใช้กับผู้ชายที่อายุมากกว่าได้ดี
แล้วจะใช้แคปชั่นอ่อยแบบไหนดี?
จะใช้แคปชั่นแบบไหนถึงจะได้ใจผู้ชาย อย่างที่เราได้บอกไปว่าแคปชั่นอ่อยก็เหมือนกับคำพูด แค่เราจะใช้แคปชั่นสั้นในการจีบ การจะอ่อยผู้ให้ได้ผลดีต้องดูว่าแคปชั่นที่เราเลือกมาเหมาะสมกับผู้ที่เราเล็งเอาไว้หรือไม่ นอกจากนั้นการใช้รูปที่เหมาะสมก็ช่วยทำให้แคปชั่นน่าสนใจขึ้นได้ แต่ก็ยังต้องอยู่ในความพอดีด้วย ถ้าหากผู้ของเราเขาไม่ได้ชอบคนที่อ่อยแรงๆ จนเกินไปถึงแคปชั่นเราจะดูดี แต่ถ้าเราลงรูปไม่เหมาะสมก็อาจจะทำให้แคปชั่นไม่มีผล ดังนั้นจะต้องคำนึงถึงความเหมาะสมร่วมด้วย แต่บอกเลยนะคะว่ามุขใช้แคปชั่นจีบก็น่ารักไปอีกแบบนะ ถ้าได้ผลยังไงเอามาแชร์กันด้วยนะคะซิส >//<
 
Sistalk เรื่องรักก็ดี เรื่องอื่นๆ ก็เจ๋งนะ
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! แล้วคุณจะไม่ตกเทรนด์กับเรา "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ สาวๆ คนไหน ที่ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


190

ถ้าพูดถึง Action camera ยอดนิยมในแต่ละรุ่นของโกโปรที่เข้ากับไลฟ์สไตล์แต่ละแบบอย่างในรุ่นของ GoPro 9 ที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “Every thing more” ที่จะช่วยเพิ่มคุณสมบัติให้กับตัวโกโปร ทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของตัวกล้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จอหน้ามีการปรับเปลี่ยนเป็นหน้าจอสี รวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งานโหมดต่างๆ ที่ดีมากยิ่งขึ้น แต่พอมาในรุ่น GoPro 10 ที่ถือว่าเป็นกล้องน้องใหม่ตัวล่าสุดจากค่าย มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ “Better everything” ที่เรียกได้ว่ามีการอัพเกรดหลายๆ อย่างให้ดีกว่าในรุ่นก่อนๆ รวมถึงโหมดที่เป็นไฮไลต์สุดเจ๋งของโกโปรอย่าง HyperSmooth ที่ในรุ่นก่อนทำไว้ดีอย่างไรในรุ่นนี้ต้องดียิ่งขึ้นกว่าเดิม หากนำกล้องตัวสุดยอดของโกโปรทั้งสองตัวมาเทียบกันระหว่าง GoPro 9 vs 10 ตัวไหนจะดีจะเจ๋งกว่ากัน แล้วเราเหมาะกับกล้องตัวไหนมากกว่า ไปอ่านในบทความกันเลย!!!
เปรียบเทียบสเปค GoPro 9 vs 10 รุ่นไหนมีอะไรเจ๋ง???

อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าเราจะมาเทียบสเปคให้ดูกันเลยว่า เมื่อนำกล้องโกโปรตัวฮิตอย่าง GoPro 9 มาเทียบกับกล้องน้องใหม่ล่าสุดจากค่ายอย่าง GoPro 10 ตัวไหนจะมีอะไรดี และ โดดเด่น เราจะขอเทียบกันทั้งในเรื่องของตัวบอดี้ด้านนอก รวมทั้งประสิทธิภาพภายในของตัวกล้องว่าในแต่ละรุ่นทำอะไรได้บ้าง และ มีอะไรอัพเดพกันบ้างในรุ่นของโกโปรน้องใหม่อย่าง GoPro 10
Body

หากดูเพียงภายนอกกล้องทั้งสองรุ่นนี้จะมีรูปร่าง และ ขนาดที่คล้ายคลึงกันมาก แต่ตัวของ GoPro 10 จะมีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดนั่นก็คือในส่วนของ Logo GoPro ที่จะเปลี่ยนจากสีขาวไปเป็นสีฟ้า ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนสีโลโก้ครั้งใหญ่ของโกโปรเลย นอกจากนั้นในส่วนของ น้ำหนัก ทางรุ่น GoPro 10 (155g) จะมีน้ำหนักที่เบากว่า GoPro 9 (158g) ประมาณ 5 กรัม ส่วนที่ต่างกันอย่างชัดเลยก็คือในส่วนของ การใช้งานหน้าจอหน้าและหลัง เมื่อใช้งานจะพบว่ารุ่น GoPro 10 เร็วมากกว่าเดิม ทำให้ไม่รู้สึกหน่วงๆ เหมือนกับในรุ่นของ GoPro 9 ที่เมื่อใช้งานจะรู้สึกหน่วงนิดๆ นั่นเเอง
Lens

ในส่วนของเลนส์ของ GoPro 10 จะมีความแตกต่างจากรุ่นก่อนอย่างชัดเจน ทางโกโปรได้ทำการพัฒนาเลนส์ขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการใช้งานในน้ำโดยเฉพาะ เป็นเลนส์ที่ถูกออกแบบมาใหม่โดยจะใช้ตัวเลนส์เป็นแบบ Hydrophobic Glass ที่จะช่วยในเรื่องการป้องกันน้ำเกาะที่หน้าเลนส์จากละอองน้ำ หยดน้ำ และ รอยขูดขีดบริเวณหน้าเลนส์ นอกจากนั้นเลนส์ยังจะช่วยในการลดแสงแฟร์ (Flare) ที่จะทำให้รูปภาพของเราเกิดแสงวงกลมๆ ขึ้นในภาพ ในรุ่นของ GoPro 10 จะทำให้ภาพของเราสวย และ เนียนมากยิ่งขึ้น ส่วนในรุ่นของ GoPro 9 ตัวเลนส์ยังเป็นเลนส์แบบปกติอยู่ แต่จะมีเลนส์เสริมอย่าง Max lens mod ที่สามารถปรับองศาทำให้เราถ่ายภาพได้กว้างขึ้นถึง 170 องศา นอกจากนั้นยังสามารถใช้งานเลนส์เสริม Max lens mod ร่วมกับกล้องGoPro 10 ได้อีกด้วย
Sensor

ตัวเซนเซอร์นับว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญที่ช่วยให้เราสามารถถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอได้สวย คมชัดมากยิ่งขึ้น ในส่วนของGoPro 9 ตัวเซนเซอร์จะเป็นตัว GP1 ที่เป็นเซนเซอร์แบบเก่าที่ใช้มาตั้งแต่ในรุ่นของ GoPro 6 เป็นต้นมา แต่พอมาถึงในรุ่นของGoPro 10 ทางค่ายได้เปลี่ยนตัวเซนเซอร์จากเดิมมาใช้เป็นตัว GP2 แทนซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของทางโกโปร เรียกได้ว่าเป็นการปรับปรุง และ พัฒนาตัวเซนเซอร์ครั้งใหญ่เลยก็ว่าได้ คุณคงจะอยากรู้แล้วว่าพอเปลี่ยนเซนเซอร์แล้วจะมีอะไรใหม่บ้างเดี๋ยวเราจะพามาดู
-Video Resolution
-Image Resolution
-HyperSmooth
-Transfer
Video Resolution

สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดสำหรับตัวเซนเซอร์ใหม่ นั่นก็คือในส่วนของความละเอียดของวิดีโอนั่นเอง ในตัวของGoPro 9 ให้ความละเอียดอยู่ที่ 5K 30FPS ซึ่งถือว่าสูงมากๆ แต่ทางโกโปรก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาขึ้นในรุ่นของGoPro 10 ความละเอียดของวิดีโอพัฒนาขึ้นมาเป็น 5K 60FPS เฟรมเรทที่เพิ่มขึ้นมาให้วิดีโอมีความลื่นสมูทมากยิ่งขึ้น มีความธรรมชาติมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับตัวก่อนที่ให้มาแค่30FPS ถือว่าตอบโจทย์มากสำหรับคนที่ชอบการถ่ายวิดีโอ ถ่ายvlog และ ต้องการความคมชัดสำหรับนำไปตัดต่อวิดีโอ
Image Resolution

นอกจากตัววิดีโอที่ได้มีการอัพเดทให้ดีมากยิ่งขึ้นแล้ว ตัวเซนเซอร์ใหม่ยังช่วยในเรื่องของความละเอียดของภาพถ่ายอีกด้วย จากเดิมในตัวของGoPro 9 ที่ให้ความละเอียดของภาพอยู่ที่ 20 MP แต่พอมาถึงเซนเซอร์ใหม่นี้ ความละเอียดในรุ่นของGoPro 10 เพิ่มเป็น 23 MP และ ยังมาพร้อมกับ 3DNR ซึ่งเป็นระบบที่จะช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อย ถ่ายภาพในตอนกลางคืน ที่มักจะเป็นปัญหาของใครหลายๆ คนเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้นด้วยการช่วยลด Noise ของภาพทำให้ภาพมีความคมชัด เก็บดีเทลของภาพได้ขึ้น เหมาะมากสำหรับคนที่จะนำภาพไปตัดต่อ แต่งสี
HyperSmooth

ในส่วนของการกันสั่นที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของกล้องโกโปร ในรุ่น GoPro 9 ได้พัฒนาโหมดกันสั่นเป็นเวอร์ชั่น HyperSmooth 3.0 ที่ได้มีการอัพเดทขึ้นจากเวอร์ชั่น 2.0 ทำให้สามารถกันสั่นได้ แต่พอมาถึงในรุ่น GoPro 10 ทางโกโปรได้มีการอัพเกรดเวอร์ชั่นขึ้นเป็น HyperSmooth 4.0 ส่วนตัวยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างที่มากนักจากกันสั่นทั้ง 2 เวอร์ชั่นนี้ แต่ในส่วนที่ต่างกันในเวอร์ชั่น 4.0 คงจะเป็น Horizon Leveling ที่สามารถเพิ่มมุมมองภาพได้กว้างขึ้นถึง 45 องศา ซึ่งถือว่าทำได้ดีที่สุดในตลาดกล้องแล้วตอนนี้ ทำให้ตอบโจทย์คนชอบทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น ให้คุณเก็บภาพได้ไม่มีตกขอบ
Transfer

ในส่วนของการถ่ายโอนข้อมูลต่างๆ ที่เป็นปัญหาในรุ่นก่อนที่ผ่านมา ในรุ่นของ GoPro 10 จะช่วยในเรื่องของการถ่ายโอนข้อมูลได้ดีมากยิ่งขึ้น ในรุ่นนี้หากเป็นการถ่ายโอนโดยใช้ Wi-Fi จะทำได้เร็วกว่าในรุ่นก่อนถึง 30% และ สำหรับใครที่ถ่ายโอนข้อมูลโดยใช้สาย Post production เข้าคอมพิวเตอร์ เข้ามือโดยตรง จะทำให้เร็วขึ้นถึง 40-50% เลยทีเดียว ซึ่งเร็วขึ้นมากเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆ ที่พอถึงเวลาที่เรามีไอเดียเจ๋งๆ ต้องการตัดต่อวิดีโอ กว่าจะอัพโหลดเสร็จก็นานจนหมดไอเดีย หมดแพชชั่นไปแล้ว แต่ในรุ่นนี้หากใครที่เป็นสายตัดต่อบอกเลยว่ารุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์มากๆ นอกจากจะสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วขึ้นแล้วยังสามารถทำการอัพขึ้น Cloud ได้อีกด้วย ทำให้ไม่ต้องเปลืองเมมโมรี่เลย ง่ายทั้งต่อการใช้งาน และ การนำไปใช้มากๆ นอกจากนั้นยังทำให้การส่งสัญญาญเวลาที่เราทำการไลฟ์อยู่ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่มีกระตุก บอกเลยว่าสายไลฟ์ต้องห้ามพลาดรุ่นนี้
 
GoPro 9 vs 10 รุ่นไหนเหมาะกับคุณ?
หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบกล้องที่ใช้งานได้ง่าย ใช้ได้หลายสถานการณ์ มีความละเอียดสูง มีโหมดต่างๆ และ ฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลายแล้วล่ะก็ แสดงว่าคุณเหมาะกับกล้อง GoPro 9 ที่มาพร้อมกับเลนส์เสริมที่สามารถถอดเปลี่ยนได้อย่าง Max lens mod ทำให้คุณได้มุมมองภาพที่กว้างมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบอะไรใหม่ๆ ต้องการภาพ วิดีโอที่โปรมากกว่าเดิมสำหรับนำไปตัดต่อ หรือ ใช้งานในส่วนอื่นๆ ต้องการระบบประมวลผลที่เร็วขึ้น ง่ายขึ้นแล้วล่ะก็ คุณเหมาะกับกล้องโกโปรน้องใหม่อย่าง GoPro 10 ที่ได้มีการอัพเกรดทุกอย่างให้ดีขึ้น พร้อมตอบโจทย์ทุกการใช้งานให้ลงตัวกว่าเดิม
 
ถ้ามี GoPro 9 อยู่แล้วควรซื้อไหม???
หากคุณมีกล้อง GoPro 9 อยู่แล้วแต่ต้องโปรดักชั่นที่โปรมากยิ่งขึ้น หรือ เป็นคนที่เน้นรายละเอียดของสินค้า หรือ วิวต่างๆ รวมทั้งเป็นสายตัดต่อ สายถ่ายvlog ที่ต้องการความเสถียรของการถ่ายโอนข้อมูล GoPro 10 นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการกล้องที่โปรขึ้นในราคาที่จับต้องได้ แต่ถ้าหากใครยังไม่ใช่สายที่เน้นความละเอียด คุณภาพของภาพมากนักก็สามารถใช้งาน GoPro 9 ไปก่อนได้ แต่ถ้าคุณเป็นมือใหม่ก็แนะนำให้ซื้อ GoPro 10 ไปเลยดีกว่า เพราะว่าด้วยเซนเซอร์ใหม่ ฟังก์ชั่นการใช้งาน ความเร็วของการถ่ายโอนข้อมูล ในราคาที่จับต้องได้ถือว่าคุ้มค่ามาก
 
 
ซื้อ GoPro 10 กับเราคุ้มมาก!!!
สุดคุ้มซื้อ GoPro 9 GoPro 10 และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่ได้รับการรับรองจากทางเมนทาแกรมแล้ว ร้านของเรามาพร้อมกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี โปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


191

ถ้าใครมีลมในกระเพาะเยอะๆ แต่ทำยังไงก็ยังไม่หาย วันนี้เราได้แนะนำวิธีแก้ท้องอืดง่ายๆ ไปในบทความก่อน สาวๆ รู้ไหมคะว่าสมุนไพรนี่แหละ เป็นตัวช่วยขับลมชั้นดีเลยทีเดียว บทความนี้เราเลยจะมาเอาใจสาวๆ ที่กำลังตามหา สมุนไพรขับลม ว่าจะมีตัวไหนดี ตัวไหนเด่นกันบ้างไปดูกันเลยจ้า!!!
สมุนไพรขับลม ตัวไหนดีตัวไหนเด็ด?
การมีลมในกระเพาะเยอะ หรือ อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ มักจะเกิดจากการที่อาหารไม่ย่อย ทำให้รู้สึกแน่นท้อง ไม่สบายท้อง ดังนั้นสมุนไพรที่ช่วยขับลมจะเป็นสมุนไพรที่ช่วยในการย่อยอาหาร และ มักเป็นสมุนไพรที่มีรสเผ็ด และ กลิ่นเฉพาะตัว แต่จะมีสมุนไพรไหนบ้างมาดูกันเลย
กระเทียม

กระเทียมนับว่าเป็นสมุนไพรที่สามารถหาได้ง่ายๆ ในบ้าน กระเทียมจะมีกลิ่น และ สรรพคุณเฉพาะของกระเทียม ที่มีสารช่วยในการขับลม ช่วยในการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ลดอาการแน่นท้อง จุกเสียดที่มาจากอาหารไม่ย่อยได้ดี อีกทั้งยังช่วยในการเพิ่มน้ำย่อยได้อีกด้วย แค่ทานกระเทียมสดประมาณ 5 - 10 กลีบ รับรองได้ว่ามีผายลมแน่!!!
คะแนน : ให้ 3 คะแนน ถึงจะช่วยในการขับลมได้ดีแต่ถ้ากินแล้วจะทำให้มีกลิ่นปากได้ (ขอตัดคะแนนตรงส่วนนี้นะคะ)
พริกไทยดำ

พริกไทยเป็นสมุนไพรที่ช่วยในการแก้ท้องอืด ขับลมได้ดี อีกทั้งใครที่ท้องผูกกินเข้าไปได้มีวิ่งเข้าห้องน้ำ นอกจากนั้นยังช่วยขับเหงื่อ ช่วยกระตุ้นกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้เผาผลาญได้ดีมากขึ้น และ ยังช่วยให้รู้สึกเจริญอาหารขึ้นอีกด้วย
คะแนน : ให้ 3 คะแนน มีรสชาติเฉพาะตัว ค่อนข้างกินได้ยาก ส่วนใหญ่จะนิยมนำไปประกอบอาหารทานสดไม่ค่อยได้
ขิง

ขิงเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์หลายอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ ขิงเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรรสเผ็ดร้อน ที่ช่วยขับลม ขับเหงื่อได้ดี ช่วยในการกระตุ้นการทำงานของลำไส้ในการลดการจุกเสียด แน่นท้อง นำไปต้มเป็นน้ำขิงก็ได้ ถือว่าเป็นตัวฮิตที่สาวๆ นิยมอีกตัวหนึ่งเลย
คะแนน : ให้ 3.5 คะแนน มีสรรพคุณที่มีประโยชน์มาก แต่บางคนอาจจะไม่ค่อยชอบรสชาติมากนัก แต่ถ้าทานเป็นน้ำได้ก็จะง่ายกว่าสมุนไพรตัวอื่น
ข่า

ข่าก็นับว่าเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ฝาแฝดของขิงเลยทีเดียว มีสรรพคุณทางยามาก มีรสชาติ และ กลิ่นเฉพาะตัวที่ช่วยในการลดอาการท้องอืด ช่วยในการขับน้ำดีที่เป็นตัวช่วยในการย่อยอาหาร อีกทั้งยังช่วยในการฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบได้ นิยมนำไปทำอาหาร หรือ ปั่นกับส่วนผสมอื่นๆ แล้วกรองเอาน้ำออกมา
คะแนน : ให้ 2.5 คะแนน ถึงแม้จะมีสรรพคุณไม่น้อยกว่าขิง แต่กินได้ยากกว่ามาก ไม่ค่อยมีใครนำมากินสด ส่วนใหญ่จะนำมาประกอบอาหารพวกต้มยำ
กระชาย

หนึ่งในสมุนไพรที่คนนิยมนำมาปรุงอาหาร กระชายมีประโยชน์ไม่น้อยกว่าสมุนไพรตัวอื่นเลย ช่วยในการแก้ปวดท้อง ท้องอืด ช่วยขับลม อีกทั้งยังช่วยย่อยอาหารได้ด้วย แถมยังเป็นยาบำรุงร่างกายที่ดีมาก ช่วยในเรื่องของภูมิคุ้มกันต่างๆ นิยมนำมาปรุงอาหาร และ ทานสด
คะแนน : ให้ 3 คะแนน เป็นสมุนไพรที่ช่วยในเรื่องของการขับลมได้ดี กินได้ทั้งแบบสด และ นำไปทำอาหาร แต่ว่าจะมีกลิ่นเฉพาะทำให้บางคนก็ไม่ชอบ
โหระพา

สมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นก็สามารถช่วยขับลมได้เหมือนกัน โหระพาเป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอมโดดเด่น มีรสเย็นอ่อนๆ ช่วยในการขับลม ขับเหงื่อ แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และ ยังถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ อีกด้วย ช่วยแก้ท้องอืดได้ดี ช่วยให้เจริญอาหาร นิยมทานกันทั้งแบบสด และ นำไปปรุงอาหาร
คะแนน : ให้ 3 คะแนน ถึงแม้จะไม่มีรสเผ็ดแบบสมุนไพรตัวอื่น แต่ก็มีกลิ่นที่หอมฉุน ทำให้บางคนไม่ชอบ และ มีรสชาติเย็นแบบฝาดๆ
เปปเปอร์มินท์

เปปเปอร์มินท์ หรือ ชื่อไทยที่เรามักจะคุ้นเคยนั้นก็คือ ใบสะระแหน่ นั้นเองเป็นหนึ่งในตระกูลของมินท์ ที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ให้ความรู้สึกที่สดชื่น ช่วยในการขับลม แก้อาการท้องอืด ทำให้รู้สึกสบายท้อง ลดอาการปวดท้อง การคลายตัวของลำไส้ และ กระเพาะอาหาร นอกนั้นยังมีสรรพคุณอีกมากมาย ลดอาการแสบร้อนกลางอกจากโรคกระเพาะ อีกทั้งกลิ่นของเปปเปอร์มินท์ยังทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เจริญอาหาร นิยมนำไปกินแบบสด และ นำไปทำเป็นน้ำ/น้ำมันหอมระเหย
คะแนน : ให้ 4.5 คะแนน เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม รสชาติเย็นๆ ทำให้สบายท้อง ทานได้ง่าย
สเปียร์มินท์

อีกหนึ่งตระกูลของมินต์ที่นิยมนำมาทานเพื่อขับลม สเปียร์มินท์ มีความคล้ายกันกับตัวเปปเปอร์มินท์ มีคุณสมบัติที่คล้ายๆ กันช่วยในการย่อยอาหาร ลดการอักเสบ ขับลม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายได้ดี ช่วยคืนความสดชื่นให้แก่ร่างกาย ส่วนใหญ่จะไม่นิยมนำมาทานสด แต่จะนำไปแปรรูปเป็นพวกลูกอม หมากฝรั่ง หรือ นำไปทำชามินท์
คะแนน : ให้ 4.5 คะแนน เป็นสมุนไพรตระกูลมินท์อีกตัวที่มีกลิ่นหอม เป็นยาเย็นที่ช่วยขับลมได้ดี
 
สมุนไพรตัวไหนขับลมดีกว่ากัน?

ส่วนใหญ่สมุนไพรที่ช่วยในการขับลม มักจะเป็นสมุนไพรที่มีรสชาติเผ็ดร้อน แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบทานอะไรเผ็ดๆ อาจจะรู้สึกว่าพวกสมุนไพร ขิง ข่า กระชาย ค่อนข้างจะแรงจนเกินไป ถึงแม้ว่าจะช่วยในการขับลมแต่รสชาติอาจจะทานยากไปหน่อย เราเลยอยากจะแนะนำสมุนไพรขับลมที่เป็นยาเย็น อย่างเปปเปอร์มินท์ และ สเปียร์มินท์ ที่ทานได้ง่ายกว่า มีความหอม นอกจากจะช่วยขับลมแล้ว ยังทำให้ปากหอมสดชื่น เย็นสบายในลำคอ เราเลยจะมาแนะนำยาสมุนไพรเจลาตินใสๆ กลิ่นมินต์ "Belfesh" มีส่วนผสมทั้งเปปเปอร์มินท์ และ สเปียร์มินท์ ที่ช่วยในการขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ อีกทั้งยังทำให้รู้สึกสดชื่น ลมหายใจหอม อย่าปล่อยให้ตัวเองท้องอืดนะคะสาวๆ พก Belfesh ติดกระเป๋าเอาไว้ด้วยล่ะ
 
ติดตามบทความดีๆ ได้ที่ Sistalk นะคะ
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! แล้วคุณจะไม่ตกเทรนด์กับเรา "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ สาวๆ คนไหน ที่ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


192

เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยสำหรับกล้องโกโปรน้องใหม่จากค่ายเมนทาแกรม มาพร้อมเซนเซอร์ตัวใหม่ที่ถือว่าเป็นเซนเซอร์ตัวแรงที่มีเฉพาะในรุ่นของโกโปรนี้เท่านั้นอีกด้วย ด้วยเหตุนี้ทำให้ฟีเจอร์ต่างๆ ได้มีการอัปเกรดให้ใช้งานได้ดีขึ้นแรงขึ้น แต่จะมีฟีเจอร์อะไรเด่นๆ และ เจ๋งบ้างต้องไปติดตามในบทความกันเลยนะ!!!
ฟีเจอร์ที่คนใช้ GoPro 10 ไม่ควรพลาด!!!
หากพูดถึงฟีเจอร์ของโกโปรแล้วล่ะ ก็จะมีฟีเจอร์ยอดฮิตหลายตัวมากที่ทำให้คุณสามารถใช้งานโกโปรได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะฟีเจอร์ที่ช่วยตั้งเวลาล่วงหน้าในการถ่าย ฟีเจอร์ที่ช่วยทำให้ถ่ายภาพได้สมูทมากยิ่งขึ้น มีฟีเจอร์ให้ได้เลือกใช้งานมากมาย แต่ฟีเจอร์เด่นๆ ที่หาได้เฉพาะในรุ่นนี้ที่สาวกโกโปรต้องไม่พลาด
1 - Transfer เร็วขึ้นกว่าที่เคยเป็น

GoPro 10 ถือว่าเป็นกล้องที่ตอบโจทย์มากอย่างแน่นอน เนื่องจากได้เปลี่ยนเซนเซอร์เป็นตัวใหม่แล้วทำให้ความเร็วในการส่งข้อมูลต่างๆ รวมทั้งการ upload ก็รวดเร็วขึ้นอีกด้วย ในส่วนของการส่งข้อมูลผ่าน Wi-Fi เร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 30% กว่ารุ่นก่อนๆ ส่งข้อมูลผ่านสายต่อตรงเข้ากับอุปกรณ์แล้วล่ะก็ ความเร็วก็จะไวขึ้นถึง 40-50% นอกจากนั้นการอัปโหลดลง cloud โดยตรงยังเร็วขึ้นอีกด้วย และ ยังทำให้คุณไม่ต้องเปลืองเมมโมรี่ในการเก็บข้อมูลด้วยนะ
2 - Livestream ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หากคุณเคยใช้งานโกโปรในรุ่นก่อนๆ มาแล้วประสบปัญหาเรื่องของการไลฟ์สตรีมแล้วล่ะก็ โกโปรรุ่นนี้ถูกพัฒนาระบบที่ช่วยให้ประสิทธิภาพการไลฟ์ดีขึ้นกว่าเดิม นอกจากนั้นหากใช้ร่วมกับระบบกันสั่นอย่าง HyperSmooth แล้วล่ะก็จะช่วยทำให้ได้วิดีโอที่ดูโปรมากขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยในเรื่องของมุมมองภาพ ทำให้การไลฟ์สตรีมของคุณน่าสนใจขึ้น คุณภาพดีขึ้น และ เพราะว่าได้เปลี่ยนเซนเซอร์ใหม่แล้วเลยช่วยทำให้การประมวลผลไวขึ้น ทำให้ช่วยลดการ delay ในขณะที่เรากำลังไลฟ์ได้อีกด้วย
3 - Webcam ที่ประสิทธิภาพสูงถึง Full HD

นอกจากโหมดไลฟ์สตรีมที่จะดีขึ้นแล้ว ยังมีโหมดการถ่ายวิดีโอสุดฮิตอย่างเว็บแคมอีกด้วยที่ถูกอัปเกรดให้ดีมากยิ่งขึ้น ในรุ่นก่อนๆ เว็บแคมอาจจะยังมีประสิทธิภาพที่ยังไม่ดีมาก แต่พอมาในรุ่Gนนี้ทำให้สามารถใช้งานโหมดเว็บแคมแบบ Full HD ได้แล้ว ด้วยความละเอียดขนาด 1080p HD ทำให้ได้ภาพที่คมชัด และ ยังให้มุมมองภาพที่กว้างถึง 132 องศา ทำให้คุณสามารถเก็บรายละเอียดได้กว้างกว่าเดิม สำหรับใครที่ work for home อยู่ที่บ้านแล้วล่ะก็ยังสามารถใช้งานกล้องโกโปรในการพูดคุยได้อีกด้วย  ทำงานก็ไม่หวั่นเพราะรุ่นนี้ให้ความละเอียดสูงถึง Full HD เชียวนะ
4 - RAW Audio ที่มีคุณภาพมากขึ้น

ใครที่ชอบเก็บรายละเอียด หรือ ดีเทลต่างๆ ของภาพต้องถูกใจสิ่งนี้แน่ๆ เพราะโกโปรรุ่นนี้ได้พัฒนาให้ความละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะของภาพถ่าย หรือ วิดีโอสูงมากยิ่งขึ้น ในโหมดของวิดีโอก็มาพร้อมกับความละเอียดที่สูงถึง 5K 60 FPS / 4K 120 FPS ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในทุกๆ รุ่นไม่ว่าจะด้านมุมไหนก็เก็บรายละเอียดได้คมชัดทุกมุมแน่นอน ส่วนของภาพถ่ายก็ไม่น้อยหน้ากัน เพราะให้ความละเอียดมาสูงถึง 23 MP ความละเอียดสูงมากยิ่งขึ้นกว่าในรุ่นยอดฮิตอย่าง GoPro 9 เสียอีก และ เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการนำไปตัดต่อ หรือ แต่งเติมส่วนอื่นๆ
5 - Color Profile ที่ทำให้การแต่งวิดีโอของคุณเป็นเรื่องง่าย

ในเรื่องของสียังได้มีการอัปเกรดให้ดีขึ้น ใช้งานได้หลากหลายขึ้นอีกด้วย สำหรับโทนสีของภาพ และ วิดีโอของโกโปรก็มีให้เลือกหลากหลายอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโทนสีเข้มสำหรับคนที่ไม่ชอบแต่งภาพอยากถ่ายแล้วลงเลย หรือ โทนสีอ่อนที่เหมาะสำหรับคนชอบนำไปแต่งสีต่อ ในรุ่นGoPro 10 ทางโกโปรได้ทำการเพิ่ม Color Profile ใหม่เข้ามา ทำให้คุณสามารถเลือกโทนสีได้มากกว่าเดิม
6 - HyperSmooth 4.0 สมูทขึ้นทุกกิจกรรม

และแล้วก็ถึงคิวของฟีเจอร์ยอดฮิตที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ สำหรับโหมดกันสั่นตัวเด็ดจากโกโปรอย่าง HyperSmooth ในรุ่นก่อนอย่าง GoPro 9 ทำเอาไว้ดีมากในเวอร์ชั่น 3.0 พอถึงคิวของโกโปรตัวล่าสุดอย่างGoPro 10 จะให้น้อยหน้าก็คงไม่ได้ทางโกโปรเลยได้อัปเกรดเวอร์ชั่นมาเป็น HyperSmooth 4.0 ที่ถือว่าเป็นเวอณ์ชั่นใหม่ที่สุด ความพิเศษของเวอร์ชั่นนี้นอกจากจะสามารถกันสั่นได้ดีมากยิ่งขึ้นแล้ว เมื่อใช้งานร่วมกับ Horizon Leveling จะช่วยทำให้ถ่ายภาพได้ขึ้นถึง 45 องศา ซึ่งเหมาะมากสำหรับสายถ่าย vlog หรือ ถ่ายวิดีโอยาวๆ ที่ต้องการความสมูทของวิดีโอ ไม่ว่าจะกิจกรรมไหนก็ไม่มีสะดุด
ในรุ่น GoPro 10 ดีขึ้นในเรื่องไหนบ้าง?
-เด่นๆ เลยในรุ่นของโกโปรน้องใหม่อย่างGoPro 10 จะดีขึ้นในเรื่องของความละเอียดของไฟล์ภาพ วิดีโอที่ดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ ไม่ว่าจะใช้ไฟล์สด หรือ นำไปตัดต่อก็ง่าย รวมทั้งยังสามารถเลือกโทรสีได้หลากหลายตามการใช้งานด้วย
-ส่วนในเรื่องของการส่งข้อมูลก็ง่ายขึ้น เร็วขึ้นไม่ว่าจะเป็นการต่อสายตรง ผ่านWI-FI หรือ ส่งลง cloud ก็สะดวกรวดเร็วขึ้น
-ในเรื่องของการใช้งาน Livestream หรือ  Webcam ก็โปรมากยิ่งขึ้น รวมถึงความละเอียด และ ความเสถียรในการใช้งานก็มากขึ้นอีกด้วย
-ส่วนในเรื่องของความสมูทในการถ่ายก็ดีมากยิ่งขึ้น และ เมื่อใช้งานร่วมกับโหมดอื่นๆ ก็ช่วยทำให้ได้วิดีโอที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด
หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ อยากเก็บบรรยากาศดีเทลต่างๆ ได้ครบถ้วน และ รวดเร็ว ต้องอย่าพลาดGoPro 10 เลยนะรับรองได้ว่าไม่ว่าจะถ่ายอะไร ใช้งานแบบไหนก็รวดเร็ว และ ดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน ใครที่ลังเลอยู่หากคุณอยากได้กล้องที่ครบจบในตัวเดียวโกโปรรุ่นนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่ควรมีติดไว้ ห้ามพลาดเลยนะ!!!
 
คุ้มแบบนี้มีแต่ที่ Aquapro เท่านั้น!!!

สุดคุ้มซื้อ GoPro 9 GoPro 10 และ อุปกรณ์เสริมกับร้าน Aquapro ร้านตัวแทนจำหน่ายกล้องโกโปรแท้ที่ได้รับการรับรองจากทางเมนทาแกรมแล้ว ร้านของเรามาพร้อมกับ โปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ พร้อมกับ โปรส่งฟรี โปรผ่อนชำระ 0%* (ทุกอย่างเป็นไปตามที่ร้านกำหนด) ทำให้วางใจได้ว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีมีคุณภาพ นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


193

สวัสดีค่ะสาวๆ รู้มั้ยคะว่าเราไม่สามารถลดไขมันเฉพาะส่วนได้!!! ในช่วงกักตัว ที่พออยู่บ้านไปนานๆ ไม่ได้ออกกำลังกายไขมันก็มากขึ้น ทำให้รูปร่างเริ่มเปลี่ยน ส่วนใหญ่สาวๆ จะไม่ได้อ้วนออกทั้งตัว แต่ไขมันมักจะสะสมตามส่วนต่างๆ ที่เราไม่ได้ใช้งาน อย่างเช่น พุง เหนียง ต้นแขน ต้นขา ถ้าจะเริ่มลดเฉพาะส่วนจะต้องทำอย่างไร มาไขความข้องใจเรื่องการ ลดไขมันเฉพาะส่วน กันกับเราดีกว่าค่ะ
ต้นเหตุที่ทำให้ต้นขาใหญ่ เหนียงเยอะ มีพุง?

เมื่อเราทานอาหารร่างกายจะเปลี่ยนพลังงานที่ได้จากอาหารมาเป็นไขมันแทน โดยจะสะสมตามจุดต่างๆ ทั่วร่างกาย ยิ่งมีมวลของกล้ามเนื้อน้อยยิ่งทำให้ส่วนนั้นดูใหญ่ขึ้น ส่วนใหญ่ผู้หญิงอย่างเราๆ ไขมันมักจะไปสะสมที่เอว และ พุงก่อน ทำให้ดูแล้วรู้สึกว่าอ้วนขึ้น จากนั้นก็จะไปสะสมตามแขน ขา และ ส่วนอื่นๆ เวลาที่ร่างกายจะเอาไขมันมาใช้งาน จะเอาไขมันจากส่วนที่สะสมตามแขน ขามาใช้ก่อน และ มักจะไม่ค่อยได้นำไขมันส่วนเอว และ พุงมาใช้ ทำให้เกิดไขมันส่วนเกิดตามจุดต่างๆ นั้นเอง
ไขมันเกิดมาจากอะไร เราสามารถลดเฉพาะส่วนได้ไหม?
ไขมันส่วนเกินก็มาจากการทานอาหารของเราเนี่ยแหละค่ะสาวๆ การทานอาหารที่มากเกินไป หรือ การทานอาหารที่มีไขมันสูง ทำให้เกิดการสะสมของไขมันตามร่างกายจนร่างกายนำไปใช้งานได้ไม่ทัน ทำให้เราดูอ้วนขึ้นมา หลายๆ คนเลยเลือกที่จะทำการลดเฉพาะส่วน แต่จริงๆ แล้วเราไม่สามารถลดไขมันเฉพาะส่วนได้หรอกนะคะ เราไม่สามารถเลือกได้ว่าจะลดไขมันส่วนไหนเป็นพิเศษ แต่ถ้าเราทำการลดน้ำหนักแล้วน้ำหนักลงไปมากๆ จะเห็นได้ชัดว่าส่วนต่างๆ ของเรามีขนาดเล็กลงไปกว่าเดิม
การทำคาร์ดิโอ ลดไขมันเฉพาะส่วน ได้ไหม?
การทำคาร์ดิโอจึงเป็นอีกหนึ่งการออกกำลังยอดฮิตที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ หากไม่สร้างกล้ามเนื้อมาชดเชยไขมันที่หายไป จะทำให้ไขมันเกิดการสะสมขึ้นแบบเดิม หรือ ที่เราเรียกว่า โยโย่เอฟเฟกต์ หากทำการคาร์ดิโอจะช่วยในการเผาผลาญไขมัน และ เพิ่มกล้ามเนื้อทำให้ร่างกายเราดูเฟิร์มขึ้น อาจจะทำควบคู่ไปกับเวทเทรนนิ่ง และ การควบคุมอาหาร จะช่วยลดส่วนของไขมันได้ดีมากขึ้น
-แต่ต้องทำให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของเราด้วย ถ้าหากเราสร้างแต่กล้ามเนื้อ จนละเลยการลดไขมันในส่วนที่ไขมันสะสมตัวอยู่ จะทำให้ส่วนนั้นดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิม เพราะกล้ามเนื้อจะทำให้ร่างกายเราดูโตขึ้น ยิ่งมีไขมันสะสมอยู่แล้วยิ่งดูอ้วน!!!
 
วิธีในการ ลดไขมันเฉพาะส่วน ต้องทำอย่างไร?
มาลดไขมันเฉพาะส่วนอย่างถูกวิธี และ ปลอดภัยกันดีกว่า อย่างที่เราได้บอกสาวๆ กันไปแล้วนะคะว่า การจะลดเฉพาะส่วนจะลดแค่ไขมันอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างกล้ามเนื้อด้วย หากลดผิดวิธีจะทำให้เรากลับมาอ้วนเหมือนเดิมๆ เผลอๆ มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ การลดไขมันที่ดีจะต้องทำดังต่อไปนี้
การควบคุมอาหาร

เราได้บอกไปตั้งแต่แรกๆ แล้วว่าไขมันส่วนเกินส่วนใหญ่มาจากการทานอาหารที่มากเกินกว่าที่ร่างกายเราต้องการนำมาใช้งาน ง่ายที่สุดในการลดไขมันที่จะไปสะสมนั้นก็คือ การควบคุมการกินของเราให้เหมาะสม การทำอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่พอดี และ เพียงพอต่อวัน หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีไขมันเยอะ อาหารพวกแป้ง ของหวานต่างๆ เพื่อลดปริมาณของไขมันสะสม
การออกกำลังกายที่เหมาะสม

เราควรที่จะออกกำลังกายให้เพียงพอ และ เหมาะสมกับตัวเอง หากออกมากเกินไปก็จะไม่ดี หากออกน้อยเกินไปก็ไม่ช่วยลดไขมันที่ไปสะสมตามจุดต่างๆได้ ควรที่จะออกกำลังให้เหมาะสม ดังต่อไปนี้
-ควรทำคาร์ดิโออย่างน้อย 150 นาที/สัปดาห์ แล้วดูว่าเมื่อทำไปแล้วไขมันลงหรือไม่ หากน้ำหนักไม่ลงอาจจะทำการเพิ่มเวลาในการออกให้มากขึ้นเป็น 180 นาที/สัปดาห์ เป็นต้น
-ไม่ควรลดหนักเกินไป ไม่ใช่ว่าการทำคาร์ดิโอสามารถลดเฉพาะส่วนได้ก็เลยออกกำลังกายหนักๆ เพราะจะทำให้ร่างกายล้า การจะลดไขมันส่วนเกินจะต้องอาศัยการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ
เสริมร่างกายให้แข็งแรงพร้อมลุยทุกสถานการณ์

หากใครที่คาร์ดิโอท่าต่างๆ แล้วรู้สึกว่าข้อเข่าไม่ค่อยดี การที่ข้อมีเสียง หรือ มีอาการปวดๆ เวลาออกกำลังกาย แสดงว่าเราจำเป็นต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น เราเลยอยากจะแนะนำให้ทานอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของ คอลลาเจน ไทพ์ทู (Collagen Type II) ที่ช่วยในการซ่อมแซมกระดูก และ ข้อ อีกทั้งยังช่วยลดอาการปวดข้อ ช่วยในการฟื้นฟูหัวเข่า ข้อต่างๆ จากการออกกำลังกาย ดังนั้นอย่าปล่อยให้ข้อเข่าของเราไม่ดีนะคะ มาดูแลร่างกายให้แข็งแรง พร้อมลุยทุกสถานการณ์ 
อย่าพลาดเรื่องราวที่สาวๆ อย่างเราต้องรู้!!!
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! แล้วคุณจะไม่ตกเทรนด์กับเรา "เพราะเราเป็นมากว่าเพื่อนสาว" มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ สาวๆ คนไหน ที่ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ ของเรากันไว้นะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


194

GoPro 10 เปิดตัว ออกมาเรียบร้อยแล้วพร้อมกับสเปคสุดเจ๋ง หลายๆ ท่านอาจจะคาดเดากันไปต่างๆ นาๆ ว่าในรุ่นนี้จะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์เราอีกบ้าง ขอบอกเลยค่ะว่ากล้องโกโปรในรุ่นนี้จะออกมาเป็นรุ่น GoPro Gen 2 ที่ทำการเปิดตัวไปแล้วในวันที่ 16 กันยายน 2564 มาพร้อมกับรูปร่าง และ สเปคที่ได้พัฒนาขึ้น แต่จะมีอะไรใหม่บ้างต้องมาติดตามในบทความกันเลย เพราะเราจะมาสรุปให้คุณ ไปอ่านกันเลย!!!
 
สรุปแล้ว GoPro 10 เปิดตัว มีอะไรใหม่บ้าง?
Package ในรุ่นนี้กันก่อน เปิดตัวโกโปรรุ่นใหม่ทั้งทีจะใช้แพ็คเกจแบบเดิมๆ ก็คงจะไม่ได้ โกโปรจึงได้ทำแพ็คเกจในรุ่นนี้ให้มีความโดดเด่นมากกว่าในรุ่น GoPro Hero 9 ด้วยความสวยงาม สีสันบนกล่องที่ออกแบบให้สวยสะดุดตาด้วยลายรูปคลื่นสีแดง ฟ้า และ ตัดด้วยตัวอักษรเลข 10 สีขาวตัวใหญ่ตรงกลางกล่อง ที่ทำให้แค่เห็นกล่องก็อยากจะควักเงินซื้อแล้ว
Body

โกโปรรุ่นนี้จะมีขนาด และ คล้ายคลึงกับในรุ่น GoPro 9 แต่ในส่วนของน้ำหนักจะเบากว่ารุ่นก่อน ถึงแม้จะมีรูปร่างที่คล้ายกับรุ่น GoPro 9 แต่ก็มีส่วนที่เปลี่ยนไปจนใครหลายๆ คนต้องสังเกตนั้นก็คือ โลโก้ GoPro สีฟ้าน้ำเงิน นั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนโลโก้ครั้งใหญ่ของโกโปรเลยก็ว่าได้ ที่พึ่งจะเริ่มมีครั้งแรกในรุ่น GoPro 10 เท่านั้น นอกจากโลโก้ที่เปลี่ยนไปแล้วยังมีอีกส่วนที่ได้ปรับเปลี่ยนนั่นก็คือ ในส่วนของ Lens กล้องนั่นเอง ที่ทางโกโปรได้มีการพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในการใช้งาน สำหรับใครที่หนักใจเวลาที่ดำน้ำ ใช้งานใต้น้ำแล้วมีน้ำเกาะเต็มหน้าเลนส์ทำให้เลนส์มัวเวลาถ่ายภาพ ในรุ่นนี้ทางโกโปรเลยได้พัฒนาเลนส์กันน้ำขึ้นมา และ ยังช่วยในเรื่องการช่วยลดแสงแฟร์ (Flare) ที่จะเกิดขึ้นแล้วทำให้รูปของคุณมีไฟดวงกลมๆ เกิดขึ้นบนรูป นอกจากนั้นยังมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์โกโปรใหม่นั่นก็คือ Better everything ที่ถ้าเทียบกับในรุ่น GoPro 9 ในเรื่องของความสามารถแทบจะเพิ่มเป็น 2 เท่าจากรุ่นก่อนๆ แต่ว่าจะมีอะไรดีขึ้นตามคอนเซ็ปต์บ้าง เราจะมาบอก
Spec GoPro 10

หากพูดถึงสิ่งที่โดดเด่นในรุ่นนี้ถ้าไม่พูดถึงตัว Sensor ก็คงจะไม่ได้  ในรุ่นนี้ตัวเซนเซอร์เป็น GP2 ซึ่งเป็นเซนเซอร์ใหม่ล่าสุดที่เริ่มมีเฉพาะในรุ่นนี้ เซนเซอร์ตัวนี้จะช่วยการอัพเกรดการใช้งานให้ดีมากยิ่งขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเรื่อง Power , Detail , Efficiency , Reliability และ โดยเฉพาะ Quality ของภาพ วิดีโอที่ช่วยให้ดูสมจริงมีมิติมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่อง
-ความละเอียดของภาพ (Image Quality) ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ ให้คุณภาพที่สูงขึ้นถึง 23 MP
-ความละเอียดของวิดีโอ (Video frame rate) ที่สูงขึ้นถึง 5K 60FPS / 4K 120FPS
ในตัวของเซนเซอร์ใหม่มาพร้อมกับ GP2+3DNR ที่ช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพในที่แสงน้อย (Low light) ทำให้เวลาที่ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอจะช่วยลดการเกิด Noise ในภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น คมชัดมากขึ้น
ในส่วนของฟังก์ชั่นอื่นๆ
นอกจากเซนเซอร์ตัวใหม่ที่ช่วยทำให้ GoPro 10 โดดเด่นขึ้นมาแล้ว ฟังก์ชั่นอื่นๆ ก็ดีไม่น้อยกว่าตัวของเซนเซอร์เลย อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าโกโปรรุ่นนี้มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ที่ได้พัฒนาระบบต่างๆ ให้ดีขึ้นกว่าในรุ่นก่อนๆ ทำให้สามารถใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เร็วขึ้น

Interface ในส่วนของการตอบสนองบนหน้าจอหลัก ใครที่บอกว่าในรุ่นที่ผ่านมาเมื่อใช้งานไปจะพบว่าหน้าจอจะหน่วงๆ ช้าๆ  ในรุ่นนี้โกโปรสามารถตอบสนองได้ดีมากยิ่งขึ้น ไม่หน่วงๆ เหมือนในรุ่นก่อนแล้ว
Fast Offloads จะมาในคอนเซ็ปต์ Speed with ease ที่ช่วยให้การอัพโหลดผ่าน Wi-Fi เร็วขึ้นถึง 30% และ หากเชื่อมต่อด้วยสายเข้าโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์จะทำให้เร็วขึ้นถึง 40-50% เลยสำหรับสายไลฟ์สตรีมต้องชอบอย่างแน่นอน นอกจากนั้นยังสามารถใช้งานร่วมกับโหมด Hyper Smooth ได้อีกด้วย

Hyper Smooth ใครที่บอกว่าแค่เวอร์ชั่นก่อนๆ ก็ดีอยู่แล้วในรุ่น GoPro 10 ต้องดียิ่งขึ้นไปอีกทางโกโปรได้มีการอัพเกรดโหมดนี้ให้กันสั่นได้ดีมากยิ่งขึ้นเป็นเวอร์ชั่น Hyper Smooth 4.0 พร้อมกับได้อัพเกรด Horizontal levelling ให้สามารถเอียงได้ตั้งแต่ 45 องศาขึ้นไป ทำให้ได้มุมมองภาพที่กว้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
Webcam Mode ในส่วนของคนที่ใช้โกโปรเป็น Webcam สามารถใช้ความละเอียดได้แบบ Full HD 1080p และ เมื่อใช้เลนส์ Wide ให้ขนาดความกว้างถึง 132 องศา ส่วนใครที่จะนำไปใช้ในการ Live Stream ก็สามารถใช้ควบคู่กับ Hyper Smooth 4.0 ได้เพื่อช่วยในการลดการกันสั่นของวิดีโอ ที่จะช่วยทำให้คุณสามารถไฟล์ได้โปรมากยิ่งขึ้น และ ยังทำให้มุมมองภาพกว้างขึ้นอีกด้วย
GoPro 10 นี้ทางโกโปรได้พัฒนาสเปคเพื่อแก้ไขปัญหาที่เหล่าคนใช้งานโกโปรหลายคนไม่ชอบ ตามคอนเซ็ปต์ Better everything ที่ทางโกโปรได้บอกมา กล้อง GoPro 10 สเปคเทพขนาดนี้แต่ในส่วนของราคาอยู่ที่ 16,500 บาท เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน
 
 
ติดตามเราเลยถ้าไม่อยากพลาดข่าวสาร GoPro เจ๋งๆ
หากใครที่ไม่อยากพลาดข่าวสาร เรื่องราวของ GoPro โดยเฉพาะ GoPro 10 น้องใหม่ตัวล่าสุดจากเมนทาแกรมแล้วล่ะก็ตามเราเลย ไม่ว่าจะเป็นการสรุปการเปิดตัวกล้อง GoPro , การแกะกล่องรีวิวข้างในว่าจะมีอุปกรณ์อะไรใหม่ๆ บ้าง รวมทั้งเมื่อเอาไปเทียบกับรุ่นอื่นๆ ตัวไหนจะดีกว่ากัน!!! ถ้าไม่อยากตกเทรนด์เกี่ยวกับ GoPro 10 แล้วล่ะก็อย่าลืมเข้ากลุ่ม GoPro Club ที่เราได้รวบรวมข่าวสารต่างๆ ไว้ให้คุณในที่เดียว

 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


195

เคยมั้ยคะรู้สึกคันคอมากแต่ก็เกาไม่ได้ จนถึงการไอที่ทำให้เราเสียบุคลิกเวลาทำงาน ปัญหานี้อาจส่งผลต่อทางเดินหายใจได้ เช่น การมีเสมหะ น้ำมูกไหล อาการระคายเคืองคอเหล่านี้เป็นปัญหาที่กวนใจจริงๆ เคยสังเกตกันไหมคะอาการที่น่ากวนใจเหล่านี้เกิดจากอะไร วันนี้ทาง Sistalk จะพาไปส่องตัวการที่ทำให้คุณระคายคอกันค่ะ แต่จะมีอะไรบ้างไปดูพร้อมกันเลยยยย!!!
สาเหตุที่ ระคายคอ ที่คุณอาจจะไม่คาดคิด!!!
สาเหตุที่ทำให้เกิดการระคายคอ มาจากการติดเชื้อ ทำให้เกิดอาการคันคอ ระคายคอ ไอ ได้ทั้งสิ้น เราขอแบ่งสาเหตุการระคายคอที่มักพบได้บ่อยๆ ออกเป็น 2 ปัจจัยใหญ่ๆ ได้แก่
การระคายเคืองจากติดเชื้อภายในลำคอ มักทำให้เกิดการระคายเคืองคอ หรือ โรคบางชนิดที่เราจะคุ้นเคยกัน อย่างเช่น
-ส่วนใหญ่มักจะมาจาก การติดเชื้อไวรัสถึง 80% ส่วนใหญ่จะทำให้มีไข้ต่ำจนถึงปานกลาง มีอาการเจ็บคอแสบคอ ระคายเคือง รวมทั้งทำให้มีน้ำมูก คัดจมูก รวมทั้งอาจจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อร่วมด้วย เช่น ไข้หวัด โรคภูมิแพ้ คออักเสบ
-ส่วนอีก 20% จะมาการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดอาการเจ็บคอ มีไขต่ำๆ ไอ มีอาการบวมแดงบริเวณผนังลำคอ ลิ้นไก่ ทำให้คอบวมแดง เช่น โรคทอมซิลอักเสบ ไซนัสอักเสบ
การระคายเคืองจากสภาพแวดล้อม สิ่งของในชีวิตประจำวัน ของบางอย่างทำให้เกิดการระคายเคืองได้อย่างที่เราไม่คาดคิด เช่น
-สารเคมีในชีวิตประจำวัน สาวๆ รู้มั้ยว่าเรามีโอกาสสัมผัสสารเคมีในชีวิตประจำวันมากกว่าที่คุณคิด ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ยาฆ่าแมลง บางครั้งเราก็เผลอสูดสารเคมีเข้าไปแบบไม่ทันรู้ตัวเลยล่ะ
-ฝุ่น และ ควันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นจากที่นอน ฝุ่นที่กระจายตัวอยู่ในอากาศ และ ควันที่เราพบในชีวิตประจำวัน เนื่องจากมีขนาดเล็กมากทำให้ไม่ทันระวังจนเราเผลอสูดดมเข้าไปได้
-อาการแพ้ที่เกิดขึ้นจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การแพ้เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ ทำให้คุณรู้สึกคันคอ คัดจมูก น้ำมูกน้ำตาไหลได้ โดยเราสามารถสังเกตได้จากการที่เราแพ้สิ่งนั้นบ่อยๆ
-อาหารการกิน และ ยารักษาโรคบางชนิด บางคนแพ้อาหารที่ทาน หรือ ยาบางชนิดที่ใช้ ดังนั้นหากกินอะไรแล้วระคายคอก็ควรหลีกเลี่ยงซะนะ ยาบางชนิดก็ด้วย ไม่อย่างงั้นคุณอาจจะเจอปัญหาการระคายคอที่น่ากวนใจได้ และ ถ้าหากอาการหนักขึ้นก็ควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด
-สิ่งแปลกปลอมในลำคอ การที่เราระคายคออาจจะมาจากพวกสิ่งที่เข้าไปอยู่ลำคอได้ ไม่ว่าจะเป็น ก้างปลาติดคอ เส้นผม ที่เผลอหลุดเข้าไปทำให้รู้สึกคันคอ
การใส่หน้ากากอนามัย ในทุกวันนี้เราต้องใส่หน้ากากอนามัยบ่อยมากขึ้น ทำให้บางครั้งมีเชื้อโรคในช่องปาก เกิดการระคายเคืองคอ คันคอ และ ยังเกิดกลิ่นปากที่ไม่พึ่งประสงค์อีกด้วย
วิธีแก้การระคายคอง่ายๆ
รู้ไหมคะว่าอาการระคายเคืองคอ คันคอ การไอ สามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่การระคายเคืองมักจะมีสาเหตุมาจากหลายๆ อย่าง ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เราสามารถทำการรักษาได้ด้วยตัวเองนะ โดยที่คุณไม่ต้องไปหาหมอให้ยุ่งยากเลย จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลย
การกลั้วคอเพื่อล้างสารพิษ

หากเรารู้สึกว่ามีสิ่งแปลกปลอมลงไปในคอ หรือ เริ่มที่จะรู้สึกระคายเคืองคอขึ้นมา วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายสุดๆ ให้เราทำการกลั้วคอด้วยน้ำสะอาด หรือ น้ำเกลือ ประมาณวันละ 1 - 2 รอบ อย่างน้อยครั้งละ 30 - 60 วินาที การกลั้วคอด้วยน้ำจะไปช่วยในการลดการอักเสบที่มาจากสารพิษ ล้างสิ่งแปลกปลอมในลำคอของเรา เพื่อลดอาการระคายคอได้
การดื่มน้ำให้คอชุ่มชื่น

หากใครที่ทำการกลั้วคอแล้วยังไม่หายระคายคอ ให้ทำการดื่มน้ำสะอาดตามเยอะๆ เพราะน้ำจะช่วยในการชำระสิ่งแปลกปลอมในลำคอให้ออกไป นอกจากน้ำเปล่าแล้วอาจจะใช้การจิบน้ำบ่อยๆ อย่างน้ำขิงผสมน้ำผึ้งมะนาว หรือ น้ำผึ้งมะนาวผสมน้ำอุ่น เพราะพวกสมุนไพรที่มีรสเปรี้ยวอย่างมะนาว และ รสเผ็ดร้อนอย่างขิง จะช่วยขับเสมหะในลำคอออกมา ทำให้รู้สึกคอชุ่มชื้นขึ้น และ ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงพวกเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่าง ชา หรือ กาแฟ
การระบายอากาศให้อากาศถ่ายเท

เมื่อเราอยู่ในพื้นที่อับ เราควรต้องระบายอากาศให้อากาศถ่ายเท โดยเปิดหน้าต่าง ประตู ให้อากาศถ่ายเทเข้ามา เพื่อให้เราหายใจสะดวกมากขึ้น และ ยิ่งเป็นช่วงที่อากาศบริสุทธิ์อย่างช่วงเช้า ก็จะทำให้เรารู้สึกสดชื่นมากยิ่งขึ้นด้วยนะ
ใช้ยาอมหรือสเปรย์ที่มีส่วนผสมของคาโมมายด์

สารสกัดจากคาโมมายล์ นับว่าเป็นหนึ่งในส่วนผสมที่ช่วยในการรักษาอาการอักเสบ การเจ็บคอ และ ระคายเคืองคอได้ รวมทั้งส่วนผสมอื่นๆ อย่างเช่น เปเปอร์มินท์ ที่ช่วยในการยับยั้งแบคทีเรียทำให้ชุ่มคอ น้ำมันยูคาลิปตัสที่ช่วยในการลดการเจ็บคอ ไอ และ ส่วนผสมอื่นๆ แต่เราจะไปหาส่วนผสมเหล่านี้เองก็คงจะยุ่งยาก เราเลยอยากจะแนะนำสเปรย์ที่ช่วยในการลดการระคายคออย่าง "BioFresh mouth spray" สเปรย์ที่มีส่วนผสมจากคาโมมายล์ และ น้ำมันหอมระเหยหลายชนิดที่รวมกันอยู่ในตัวเดียว ช่วยในการลดการระคายคอจากแบคทีเรีย การอักเสบ แก้ไอ เจ็บคอ ฆ่าเชื้อโรคในช่องปาก แถมยังช่วยในการลดกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์จากการใส่แมสก์ได้อีกด้วย เพราะการใส่แมสก์บ่อยๆ บางครั้งอาจจะทำให้เกิดเชื้อราในช่องปากขึ้นได้ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นนั่นเอง และ ที่สำคัญนอกเหนือจากสารสกัดจากดอกคาโมมายด์แล้วยังมีสารสกัดอิชินาเซียที่ช่วยในการเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันหวัด ทำให้หวัดหายเร็วขึ้น ปราศจากน้ำตาลไม่ทำให้ฟันผุ ทำให้คนเป็นเบาหวานสามารถใช้งานได้อีกด้วย ด้วยรูปลักษณ์ที่อยู่ในรูปแบบสเปรย์ทำให้ใช้งานได้ง่าย เพียงแค่ฉีดพ่นเวลาที่รู้สึกระคายคอวันละ 3 ครั้ง แค่นี้ก็ช่วยลดการระคายเคืองในลำคอได้แล้ว เรียกได้ว่ามีแต่สมุนไพรเต็มๆ ใครที่ชอบสารสกัดจากธรรมชาติต้องห้ามพลาดตัวนี้เลย ปัญหาการระคายคอที่กวนใจเหล่านี้จะหมดไปเพียงแค่คุณหยิบ BioFresh mouth spray มาฉีดก็จะทำให้วันแสนยุ่งยากใจของคุณกลายเป็นวันที่ง่ายขึ้น :)
สาวๆ ลองเอาวิธีที่เราแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ในการลดการระคายคอกันนะคะ ให้เลือกวิธีที่ตัวเองสะดวก อาจจะใช้มากกว่า 1 วิธีก็ได้ ก็จะช่วยได้มากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากระคายเคืองบ่อยๆ ก็อาจจะต้องทำการสังเกตตัวเอง และ พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้ระคายคอด้วยนะ ถ้าวิธีไหนใช้แล้วดีก็อย่าลืมบอกต่อด้วยนะคะสาวๆ >///<
ระคายเคืองแบบไหนที่ต้องไปพบแพทย์?
แต่สำหรับใครที่มีอาการหนักๆ ระคายเคืองรุนแรง หรือ มีอาการอื่นๆแทรกซ้อน เช่น มีอาการแพ้ที่รุนแรงถึงขั้นอ้วกออกมา ท้องเสียมากผิดปกติ รู้สึกไม่สบายหนักๆ หรือ มีการหายใจติดขัด หายใจไม่ออก จะต้องรีบไปพบแพทย์โดยด่วนที่สุด อย่าปล่อยให้หายเอง เพราะคิดว่าเป็นแค่อาการระคายคอเด็ดขาดนะคะ!!!
 
บทความดีๆ มีมาฝากที่ Sistalk
ถ้าชอบบทความของเรา อย่าลืมกดติดตามช่องทางต่างๆเอาไว้ด้วยนะคะ และ นอกจากบทความนี้คุณยังสามารถเข้าไปอ่านบทความเจ๋งๆ อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความเกี่ยวกับความรัก สุขภาพ เรื่องลับๆ ของผู้หญิง ถ้าอยากรู้ต้องอย่าลืมไปอ่านบทความต่างๆ ด้วยนะคะ แล้วเจอกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


196

เคยไหมคะรู้สึกไม่สบายท้อง เพราะท้องอืด เหมือนอาหารไม่ย่อย ท้องก็ป่อง จนบางครั้งก็เผลอผายลมออกมาบ่อยๆ เห้อ...อายสุดๆ สำหรับใครที่มีปัญหานี้ โดยเฉพาะกับสาวๆ อย่างเราที่ต้องรักษาบุคลิกภาพ คงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่นัก เราเลยจะมาแนะนำวิธีแก้ท้องอืดง่ายๆ ที่จะช่วย แก้อาการท้องอืด จะมีวิธีไหนกันบ้างมาแก้ปัญหานี้ไปด้วยกันเลย!!!
สาเหตุของ อาการท้องอืด แน่นท้อง
เคยสงสัยกันมั้ย ว่าทำไมเราถึงแน่นท้อง ท้องอืด ท้องป่อง แถมยังผายลมบ่อยๆ ทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัวเอาซะเลย หากปล่อยไว้จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมาได้หลายอย่างเลยนะ มาดูสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้สาวๆ อย่างเราท้องอืดกันดีกว่า?
-การทานอาหารที่เยอะ และ เร็วจนเกินไป อย่างสาวทำงานออฟฟิศที่มีเวลาในการทานอาหารอย่างจำกัด การรีบกินเกินไปอาจทำให้ท้องอืดได้ เคี้ยวให้ละเอียดจะดีกว่านะ!!!
-ประเภทของอาหารที่ทาน ทานอาหารที่มีประโยชน์ ให้ครบ 5 หมู่
-การนอนหลังจากทานอาหารทันที หลังท้องตึงหนังตาหย่อนใช่ไหมคะสาวๆ แม้จะง่วงแค่ไหนก็ต้องรอให้อาหารย่อยซัก 30 นาทีก่อนนะคะซิส!!!
การดื่มน้ำอัดลมบ่อยๆ ใครที่ชอบดื่มน้ำอัดลม อย่าดื่มมากเกินไป ถ้าท้องอืดจะหาว่าไม่เตือนนะคะ
-ผลจากการทานยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาคลายเครียดบางตัว สาวๆ ควรศึกษาตัวยาให้ดีก่อนทานด้วยนะคะ
-การสูบบุหรี่ และ เหตุผลอื่นๆ บุหรี่นอกจากจะทำให้เป็นมะเร็งแล้วยังทำให้คุณท้องอืดได้อีกด้วยแหละ (ร้ายจริงๆ เลย!!!) อีกทั้งยังเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่ง
วิธีในการ แก้อาการท้องอืด ง่ายๆทำได้ด้วยตัวเอง
ซิสก็เห็นแล้วใช่ไหมคะว่ามีหลายสาเหตุมากที่ทำให้เกิดอาการท้องอืด แต่หลักๆ แล้วจะเกิดจากพฤติกรรมการกิน การใช้ชีวิตของเรานี่เองแหละค่ะ ถ้าคุณมีปัญหาที่เกิดจากการที่มีลมในกระเพาะเยอะ ที่สร้างความรำคาญให้แก่คุณ มาดูเทคนิคในการแก้ปัญหาง่ายๆ ที่คุณเองสามารถแก้ไขได้โดยไม่ต้องพึ่งคุณหมอ!!!
ปรับการทานอาหาร

เริ่มด้วยการเปลี่ยนวิธีในการทานอาหาร ทานอาหารให้พอดี และ ไม่เร็วจนเกินไป (ใจเย็นๆ ค่ะไม่ต้องรีบนะ!!!) เคี้ยวอาหารให้ละเอียดที่สุด เพื่อให้กระเพาะของเราย่อยอาหารได้ง่ายมากขึ้น หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง อาหารหวาน อาหารรสจัด ถั่ว นม และ น้ำอัดลม (ทานได้นะแต่อย่าบ่อยจนเกินไปล่ะ) เพราะจะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารเยอะ แล้วมันยังย่อยได้ยากอีกด้วย ยิ่งถ้าเรากินของที่ย่อยยาก บางครั้งอาหารก็จะถูกย่อยไม่หมด และ ทำให้เกิดการสะสมของแก๊ส จึงทำให้บางครั้งเราเผลอผายลมออกมาโดยไม่รู้ตัว (เขินเลยค่ะซิส T^T) และ ตามมาด้วยอาการแน่นท้อง
น้ำดื่มช่วยได้

รู้ไหมคะว่าน้ำดื่มนี่แหละตัวช่วยสุดเจ๋งในการแก้ท้องอืด อย่างการดื่มน้ำอุ่น เพราะน้ำอุ่นจะช่วยทำให้น้ำย่อยไหลลงไปย่อยอาหารได้ดี ทำให้เรารู้สึกสบายท้อง (ฟินเว่อร์!!!) หรือ การดื่มน้ำขิง ก็ช่วยในการลดอาการแน่นท้อง ลดแก๊ส ลดการจุกเสียด ช่วยขับลมข้างในที่ค้างอยู่ออกมา (ตดนั้นแหละค่ะซิส!!!) ทำให้เรารู้สึกสบายท้องขึ้น นอกจากน้ำขิงแล้วยังมีน้ำอื่นๆ เช่น น้ำมะนาวที่ช่วยในการกระตุ้นระบบย่อยอาหาร น้ำสับปะรดช่วยล้างไขมันในลำไส้  และ น้ำมะละกอสุกช่วยในการย่อย ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกันนะ
การออกกำลังกาย

แปลกใจใช่ไหมคะซิส การไม่ออกกำลังกายทำให้ท้องอืดได้หรอ??? กระเพาะอาหารก็เหมือนส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่ต้องการการดูแลนะคะ เราไม่สามารถไปออกกำลังในส่วนของกระเพาะโดยตรงได้ แต่เราสามารถออกกำลังกายเพื่อทำให้ร่างกายของเราสดชื่น ให้อวัยวะต่างๆ ทำงานได้อย่างปกติได้ อาจจะไม่ต้องถึงกับออกกำลังกายหนักๆ แค่ออกวันละนิดๆ หน่อยๆ  อย่างการทำโยคะ การออกกำลังส่วนท้อง ที่จะช่วยไปกระตุ้นการทำงานของอวัยวะในช่องท้อง ทำให้ขับลมออกมานั้นเอง จะสังเกตได้ว่าคนที่เล่นท้องส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องท้องอืด จุกเสียดมากนัก!!!
อ่านบทความ 6 ท่าคาร์ดิโอ อยู่บ้านก็ทำได้ เพิ่มเติมได้ที่นี่
ทานยาสมุนไพรช่วยขับลม

อีกหนึ่งวิธีแก้ท้องอืดง่ายๆ ด้วยการทานยาขับลม หลายคนที่รู้สึกไม่สบายท้อง เพราะว่ามีแก๊สเยอะไม่สามารถปล่อยออกมาได้ การไล่ลมออกการกระเพาะก็เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้ท้องอืดที่ง่ายที่สุด ในเมื่อมีแก๊สเยอะก็เอาแก๊สออก สำหรับใครที่ชอบท้องอืดระหว่างวันอาจจะต้องเลือกยาที่สามารถทานได้ง่าย เราขอแนะนำตัวช่วยที่จะมาแก้ปัญหาท้องอืดระหว่างวันให้กับสาวๆ ที่เราได้ลองนั้นก็คือ "Belfesh" เราได้ลองทานตัวนี้มาหลายครั้งในช่วงที่เราท้องอืดอยู่บ่อยๆ แล้วได้ผล ยาตัวนี้เป็นยาสมุนไพรเป็นเจลาตินใสๆ แตกตัวกลิ่นมินต์ลอยขึ้นมาอย่างไวในรูปแบบของมินต์บอล (ใครเป็นสายชอบกลิ่นมินต์ถูกใจแน่นอน!!!) เม็ดสีเขียวน่ากิน ทานได้ง่าย พกพาง่าย เราเองก็พกติดกระเป๋าตลอด (เพื่อบางครั้งไปท้องอืดข้างนอก) มีสรรพคุณช่วยในการขับลม ลดแก๊สในกระเพาะอาหารที่มาจากการกินอาหาร พฤติกรรมการใช้ชีวิตต่างๆ พอทานแล้วทำให้หายจุกเสียด สบายตัวขึ้นมาเยอะเลย ช่วยในการย่อยอาหารด้วย แถมยังทำให้ลมหายใจหอมสดชื่น หากใครท้องอืดระหว่างวันบ่อยๆ เหมือนเราก็สามารถหยิบมากินระหว่างวันได้เลย!!!
-ช่วยในการย่อยอาหาร
-ช่วยขับลม
-ลดแก๊สในกระเพาะอาหาร
-ช่วยบรรเทาอาการจุกเสียดที่เกิดจากอาการท้องอืด
 
แต่สำหรับใครที่ทำมาหลายวิธีแล้วแต่ก็ยังไม่หาย ขอแนะนำให้สาวๆ ไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจดูว่ามีสาเหตุมาจากอะไร เพื่อที่จะได้รับการตรวจอย่างละเอียดจะดีกว่า อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะคิดว่าเป็นแค่อาการท้องอืดนะคะสาวๆ ใครที่ท้องอืดบ่อยจนเกินไปก็ควรไปปรึกษาแพทย์ก่อนที่อาการจะลุกลามใหญ่โตนะคะ!!!
 
ทำให้ตัวคุณเจ๋งกว่าเดิมด้วยบทความดีๆจาก Sistalk
สาวๆ คนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสุขภาพ อย่าง 5 ยาแก้ปวดท้องเมนส์ยอดฮิต เทรนด์ฮิต อย่าง ลดต้นขาให้ขาเรียวสวย , รังแคเกิดจากอะไรทำยังไงก็ไม่หาย และ เรื่องของความรัก อย่าง 6 วิธีง้อแฟนยังไงให้แฟนกลับมาง้อเรา และ บทความอื่นๆ อีกเพียบ ถ้าไม่ตกเทรนด์ก็ไปติดตามเราด้วยนะ เราพร้อมจะให้สาระดี ข้อมูลเจ๋งๆ ที่เป็นประโยชน์กับคุณ มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆ กันไว้เลย แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 
สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH

197

GoPro 9 มาพร้อมกับสเปคภายในที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าในรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่เปลี่ยนไป ใหญ่มากยิ่งขึ้น และ ยังพัฒนาให้หน้าจอหน้าเป็นหน้าจอสี ให้ความละเอียดในการถ่ายภาพสูงถึง 20 MP และ ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูง Time warp & Time lapse และ HyperSmooth ที่เป็นโหมดกันสั่นจุดเด่นของโกโปร ก็ถูกอัพเดตให้ดีขึ้นขึ้นด้วยการพัฒนาเวอร์ชั่นเป็น 3.0 ในราคาเพียง 15,999 บาท แต่ถึงกล้องจะดีแค่ไหน ในบางครั้งเราก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อำนวยในการใช้งาน เช่น อยู่ในที่ที่แคบมากๆ หรือ มือต้องถืออุปกรณ์อื่นทำให้ไม่สามารถกด ตั้งค่า GoPro 9 ได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การใช้งานให้ง่ายมากยิ่งขึ้นทาง Aquapro เลยได้ทำการรวบรวมหลายๆ คำสั่งเสียง GoPro 9 เจ๋งๆ จะมีคำสั่งอะไรบ้างไปดูกันเลย!!!
 
วิธีการเปิดโหมด คำสั่งเสียง GoPro 9
เราจะมาแนะนำวิธีในการเปิดโหมดในการเลือกใช้คำสั่งเสียง แต่ก็อาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ในเรื่องของลม ระยะห่างจากกล้อง การดูแลรักษาอุปกรณ์ และ สภาพแวดล้อมต่างๆ อีกด้วย แล้วจะเปิดใช้งานโหมดนี้ได้อย่างไรมาดู และ ทำตามกันไปแบบ STEP BY STEP กันเลย
STEP1

ให้ทำการเปิดหน้าจอโกโปรขึ้นมา จากนั้นให้สไลด์เมนูข้างบนลงเพื่อเปิดเมนูการใช้งาน จากนั้นให้เลือกที่ไอคอนรูปคนส่งเสียง ที่จะอยู่อันแรกสุด หรือ ชื่อโหมดว่า voice control : ON แล้วแตะที่รูปให้ขึ้นเป็นสีฟ้าก็เป็นอันเรียบร้อย
STEP2

ถ้าการใช้คำสั่งเสียงนี้เป็นครั้งแรกที่ทำการเปิดใช้งาน จำเป็นจะต้องทำการยืนยัน และ เปลี่ยนภาษาให้เรียบร้อยก่อนที่จะใช้งาน > จากนั้นให้พูดคำสั่งเสียงที่ต้องการ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยพอเราทำการเปิดใช้งานคำสั่งเสียงเรียบร้อยแล้ว เราสามารถทำการตั้งค่าเปิด-ปิด หรือ การตั้งค่าเพื่อเลือกคำสั่งเสียงอื่นๆ เช่น ภาษาที่จะใช้ได้จากการเข้าไปที่เมนู Preferences (โดยปัดหน้าจอจาก STEP1 ไปทางด้านซ้าย) > เลือกที่ voice control หรือ หากต้องการดูคำสั่งเสียงที่มีก็ให้เลือกที่ commands
แต่ว่าถ้าต้องการปิดการควบคุมด้วยเสียง ก็สามารถปิดได้การทำตามวิธีใน STEP1 จากนั้นกดที่รูปไอคอนคนส่งเสียงให้เป็นสีเทา หรือ voice control : OFF ก็สามารถปิดโหมดการใช้งานได้แล้ว
 
คำสั่งเสียง ที่เปิดใช้ได้ใน GoPro Hero 9
คำสั่งเสียงที่สามารถใช้งานได้ในรุ่นของ GoPro 9 สามารถใช้งานได้ถึง 2 แบบ ทั้งรูปแบบ คำสั่งเสียงด้วยท่าทาง ซึ่งช่วยในการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ และ คำสั่งเสียงด้วยโหมด ที่จะช่วยให้สามารถใช้งานโหมดต่างๆ ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยที่เราไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปในโหมดใดโหมดหนึ่ง คุณสามารถใช้คำสั่งเสียงได้เลย
คำสั่งเสียงด้วยท่าทาง
คำสั่งเสียงที่ช่วยให้การถ่ายภาพ และ บันทึกวิดีโอ เป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิม

-GoPro take a photo คำสั่งที่ใช้ในการถ่ายภาพเดี่ยวทีละรูป
-GoPro shoot burst ใช้ในการถ่ายภาพแบบรัว หลายๆ ภาพ
-GoPro start record ช่วยในการเริ่มบันทึกวิดีโอแบบอัตโนมัติ
-GoPro stop recording ช่วยในการหยุดการบันทึกวิดีโอ
คำสั่งอื่นๆ ที่ช่วยให้ใช้งานกล้องได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

-GoPro HiLight เป็นคำสั่งในการเพิ่ม HiLight ลงบนวิดีโอเมื่อทำการถ่ายวิดีโอ
-GoPro start time lapse ช่วยในการเริ่มต้นถ่ายไทม์แล็ปส์
-GoPro stop time lapse ช่วยในการหยุดการถ่ายไทม์แล็ปส์
-GoPro turn off คำสั่งเพื่อปิดการใช้งานกล้องเมื่อใช้งานเรียบร้อยแล้ว
คำสั่งเสียงด้วยโหมด
เป็นคำสั่งที่ช่วยให้เข้าถึงโหมดต่างๆ ที่ทำให้ใช้งานได้เร็วมากยิ่งขึ้น

-GoPro Photo mode ใช้สำหรับเปลี่ยนโหมดกล้องปกติ ให้เป็นโหมดถ่ายภาพ (แค่เข้าโหมดถ่ายเท่านั้นแต่ไม่ได้ทำการถ่ายภาพ)
-GoPro Video mode ใช้เปลี่ยนโหมดกล้องปกติเป็นโหมดบันทึกวิดีโอ (แค่เข้าโหมดถ่ายเท่านั้นแต่ไม่ได้บันทึกวิดีโอ)
-GoPro Burst mode ใช้ในการเปลี่ยนโหมดกล้องปกติ ให้เป็นโหมดถ่ายภาพรัวๆ (แค่เข้าโหมดถ่ายเท่านั้นแต่ไม่ได้ทำการถ่ายภาพ)
-GoPro Time Lapse mode ใช้เพื่อเปลี่ยนจากโหมดกล้องปกติให้เป็นโหมด Time Lapse เพื่อเตรียมใช้งาน (แค่เข้าโหมดถ่ายเท่านั้นแต่ไม่ได้ทำการถ่ายภาพ) แต่การใช้งานโหมดนี้จะแตกต่างจากโหมดอื่นเล็กน้อย ตรงที่จะต้องหยุดถ่ายภาพ วิดีโอก่อนใช้คำสั่งใหม่
การใช้งานโหมดคำสั่งเสียงถือว่าเป็นอีกหนึ่งการใช้งาน ที่ช่วยในการอำนวยความสะดวกให้แก่เหล่าผู้ใช้งานโกโปร ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือ คนที่ใช้งานกล้องมาก่อน ยิ่งคุณเป็นคนที่ใช้งานกล้องไม่ว่าจะใช้ถ่าย vlog ถ่ายภาพ หรือ live สด คำสั่งเสียงพวกนี้จะช่วยให้ใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน อย่าลืมเอาคำสั่งเสียงพวงนี้ไปใช้งานกันนะ!!!!
 
 
สุดคุ้มเมื่อซื้อ GoPro 9 ที่ร้าน Aquapro
ใครที่กำลังตามหา GoPro 9 และ อุปกรณ์ต่างๆ ร้านของเรามีโปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ โปรส่งฟรี ให้คุณได้เลือกซื้อ พร้อมรับรองคุณภาพ เพราะเราเป็นตัวแทนจำหน่ายโดยตรงที่ได้รับการรับรองจากทางเมนตาแกรมแล้ว นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro



198

GoPro 9 มาพร้อมกับสเปคภายในที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าในรุ่นก่อนๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอที่เปลี่ยนไป ใหญ่มากยิ่งขึ้น และ ยังพัฒนาให้หน้าจอหน้าเป็นหน้าจอสี ให้ความละเอียดในการถ่ายภาพสูงถึง 20 MP และ ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูง Time warp & Time lapse และ HyperSmooth ที่เป็นโหมดกันสั่นจุดเด่นของโกโปร ก็ถูกอัพเดตให้ดีขึ้นขึ้นด้วยการพัฒนาเวอร์ชั่นเป็น 3.0 ในราคาเพียง 15,999 บาท แต่ถึงกล้องจะดีแค่ไหน ในบางครั้งเราก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อำนวยในการใช้งาน เช่น อยู่ในที่ที่แคบมากๆ หรือ มือต้องถืออุปกรณ์อื่นทำให้ไม่สามารถกด ตั้งค่า GoPro 9 ได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การใช้งานให้ง่ายมากยิ่งขึ้นทาง Aquapro เลยได้ทำการรวบรวมหลายๆ คำสั่งเสียง GoPro 9 เจ๋งๆ จะมีคำสั่งอะไรบ้างไปดูกันเลย!!!
 
วิธีการเปิดโหมด คำสั่งเสียง GoPro 9
เราจะมาแนะนำวิธีในการเปิดโหมดในการเลือกใช้คำสั่งเสียง แต่ก็อาจจะมีปัจจัยอื่นๆ ในเรื่องของลม ระยะห่างจากกล้อง การดูแลรักษาอุปกรณ์ และ สภาพแวดล้อมต่างๆ อีกด้วย แล้วจะเปิดใช้งานโหมดนี้ได้อย่างไรมาดู และ ทำตามกันไปแบบ STEP BY STEP กันเลย
STEP1

ให้ทำการเปิดหน้าจอโกโปรขึ้นมา จากนั้นให้สไลด์เมนูข้างบนลงเพื่อเปิดเมนูการใช้งาน จากนั้นให้เลือกที่ไอคอนรูปคนส่งเสียง ที่จะอยู่อันแรกสุด หรือ ชื่อโหมดว่า voice control : ON แล้วแตะที่รูปให้ขึ้นเป็นสีฟ้าก็เป็นอันเรียบร้อย
STEP2

ถ้าการใช้คำสั่งเสียงนี้เป็นครั้งแรกที่ทำการเปิดใช้งาน จำเป็นจะต้องทำการยืนยัน และ เปลี่ยนภาษาให้เรียบร้อยก่อนที่จะใช้งาน > จากนั้นให้พูดคำสั่งเสียงที่ต้องการ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยพอเราทำการเปิดใช้งานคำสั่งเสียงเรียบร้อยแล้ว เราสามารถทำการตั้งค่าเปิด-ปิด หรือ การตั้งค่าเพื่อเลือกคำสั่งเสียงอื่นๆ เช่น ภาษาที่จะใช้ได้จากการเข้าไปที่เมนู Preferences (โดยปัดหน้าจอจาก STEP1 ไปทางด้านซ้าย) > เลือกที่ voice control หรือ หากต้องการดูคำสั่งเสียงที่มีก็ให้เลือกที่ commands
แต่ว่าถ้าต้องการปิดการควบคุมด้วยเสียง ก็สามารถปิดได้การทำตามวิธีใน STEP1 จากนั้นกดที่รูปไอคอนคนส่งเสียงให้เป็นสีเทา หรือ voice control : OFF ก็สามารถปิดโหมดการใช้งานได้แล้ว
 
คำสั่งเสียง ที่เปิดใช้ได้ใน GoPro Hero 9
คำสั่งเสียงที่สามารถใช้งานได้ในรุ่นของ GoPro 9 สามารถใช้งานได้ถึง 2 แบบ ทั้งรูปแบบ คำสั่งเสียงด้วยท่าทาง ซึ่งช่วยในการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ และ คำสั่งเสียงด้วยโหมด ที่จะช่วยให้สามารถใช้งานโหมดต่างๆ ได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยที่เราไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปในโหมดใดโหมดหนึ่ง คุณสามารถใช้คำสั่งเสียงได้เลย
คำสั่งเสียงด้วยท่าทาง
คำสั่งเสียงที่ช่วยให้การถ่ายภาพ และ บันทึกวิดีโอ เป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าเดิม

-GoPro take a photo คำสั่งที่ใช้ในการถ่ายภาพเดี่ยวทีละรูป
-GoPro shoot burst ใช้ในการถ่ายภาพแบบรัว หลายๆ ภาพ
-GoPro start record ช่วยในการเริ่มบันทึกวิดีโอแบบอัตโนมัติ
-GoPro stop recording ช่วยในการหยุดการบันทึกวิดีโอ
คำสั่งอื่นๆ ที่ช่วยให้ใช้งานกล้องได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

-GoPro HiLight เป็นคำสั่งในการเพิ่ม HiLight ลงบนวิดีโอเมื่อทำการถ่ายวิดีโอ
-GoPro start time lapse ช่วยในการเริ่มต้นถ่ายไทม์แล็ปส์
-GoPro stop time lapse ช่วยในการหยุดการถ่ายไทม์แล็ปส์
-GoPro turn off คำสั่งเพื่อปิดการใช้งานกล้องเมื่อใช้งานเรียบร้อยแล้ว
คำสั่งเสียงด้วยโหมด
เป็นคำสั่งที่ช่วยให้เข้าถึงโหมดต่างๆ ที่ทำให้ใช้งานได้เร็วมากยิ่งขึ้น

-GoPro Photo mode ใช้สำหรับเปลี่ยนโหมดกล้องปกติ ให้เป็นโหมดถ่ายภาพ (แค่เข้าโหมดถ่ายเท่านั้นแต่ไม่ได้ทำการถ่ายภาพ)
-GoPro Video mode ใช้เปลี่ยนโหมดกล้องปกติเป็นโหมดบันทึกวิดีโอ (แค่เข้าโหมดถ่ายเท่านั้นแต่ไม่ได้บันทึกวิดีโอ)
-GoPro Burst mode ใช้ในการเปลี่ยนโหมดกล้องปกติ ให้เป็นโหมดถ่ายภาพรัวๆ (แค่เข้าโหมดถ่ายเท่านั้นแต่ไม่ได้ทำการถ่ายภาพ)
-GoPro Time Lapse mode ใช้เพื่อเปลี่ยนจากโหมดกล้องปกติให้เป็นโหมด Time Lapse เพื่อเตรียมใช้งาน (แค่เข้าโหมดถ่ายเท่านั้นแต่ไม่ได้ทำการถ่ายภาพ) แต่การใช้งานโหมดนี้จะแตกต่างจากโหมดอื่นเล็กน้อย ตรงที่จะต้องหยุดถ่ายภาพ วิดีโอก่อนใช้คำสั่งใหม่
การใช้งานโหมดคำสั่งเสียงถือว่าเป็นอีกหนึ่งการใช้งาน ที่ช่วยในการอำนวยความสะดวกให้แก่เหล่าผู้ใช้งานโกโปร ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือ คนที่ใช้งานกล้องมาก่อน ยิ่งคุณเป็นคนที่ใช้งานกล้องไม่ว่าจะใช้ถ่าย vlog ถ่ายภาพ หรือ live สด คำสั่งเสียงพวกนี้จะช่วยให้ใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน อย่าลืมเอาคำสั่งเสียงพวงนี้ไปใช้งานกันนะ!!!!
 
 
สุดคุ้มเมื่อซื้อ GoPro 9 ที่ร้าน Aquapro
ใครที่กำลังตามหา GoPro 9 และ อุปกรณ์ต่างๆ ร้านของเรามีโปรโมชั่นสุดคุ้ม ของแถมจุกๆ โปรส่งฟรี ให้คุณได้เลือกซื้อ พร้อมรับรองคุณภาพ เพราะเราเป็นตัวแทนจำหน่ายโดยตรงที่ได้รับการรับรองจากทางเมนตาแกรมแล้ว นอกจากจะจำหน่ายโกโปรแล้ว เรายังมีกลุ่มสำหรับแนะนำข่าวสาร และ เทคนิคการใช้งานเกี่ยวกับโกโปรเพิ่มเติม เคล็ดลับต่างๆที่สาวกโกโปรควรจะรู้ อย่าลืมไปติดตาม GoPro Club กันล่ะ แล้วคุณจะรู้เกี่ยวกับการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่าพลาดข่าวสารดีๆนะ!!!

 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


199

อย่าพึ่งไลฟ์สดถ้ายังไม่มี อุปกรณ์เสริม GoPro 9 เหล่านี้!!! บทความนี้เราเลยจะมาแนะนำอุปกรณ์เสริมที่จะช่วยแก้ปัญหาในการไลฟ์ให้กับคุณ ด้วยอุปกรณ์เสริมโกโปรที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคุณ แต่จะมีอุปกรณ์ตัวไหนบ้าง ต้องไปติดตามกันในบทความเลยนะ!!!
อุปกรณ์เสริม GoPro 9 ที่ต้องมี!!!
บางครั้งแสงแดดก็ไม่เป็นใจ แป๊ปๆมาทำเอาหน้ามืด หรือ บางครั้งจะไลฟ์แต่เสียงรอบๆก็แทรกเข้ามา เสียงเสียงลม เสียงพูด แต่ถ้าจะให้ไปซื้ออุปกรณ์แพงๆก็คงไม่ไหวกันใช่ไหมคะ เราก็คัดอุปกรณ์ที่จำเป็นมาให้แล้ว ส่วนใครที่มีงบหน่อยเราก็จะแนะนำอุปกรณ์เสริมที่ช่วยทำให้คุณไลฟ์ได้โปรขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้งานอย่างอื่นได้อีกด้วย ไม่ว่าจะไลฟ์ที่ไหน ก็ทำให้ง่ายมากยิ่งขึ้น
สายเริ่มต้นไลฟ์

หากคุณเป็นสายที่จะเริ่มต้นไลฟ์ หรือ เป็นคนที่มีงบประมาณอย่างจำกัด เราจะมาแนะนำอุปกรณ์สำหรับสายเริ่มต้นที่แม้จะมีงบน้อยแต่รับรองได้เลยว่าจะช่วยแก้ปัญหาการไลฟ์แบบเดิมๆได้อย่างแน่นอน ได้แก่
-สายต่อตรงสำหรับชาร์จไฟ
-ขาตั้งกล้อง
-ไฟเสริม
-ไมโครโฟนเสริม
สายต่อตรงสำหรับชาร์จไฟ

สำหรับใครที่จะไลฟ์ สิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมเป็นพิเศษ และ ต้องมีเลยนั้นก็คือ เจ้าสายต่อตรงสำหรับชาร์จแบตนั้นเอง การไลฟ์แบตเตอรี่นับว่าเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าหากแบตน้อย แบตหมดระหว่างการไลฟ์ก็เป็นอันจบกัน ยิ่งเราไม่รู้ว่าจะไลฟ์นานเท่าไหร่ยิ่งต้องควรใช้เลย ส่วนสำหรับใครที่บอกไลฟ์แค่แป๊ปเดียว คุณอาจจะลืมไปว่ากว่าจะไลฟ์คุณต้องมานั่งจัดแสง เซ็ตอุปกรณ์อีกนะแค่แป๊ปเดียวไม่มีจริง อย่าพลาดด้วยเรื่องง่ายๆ อย่างแบตเตอรี่หมดล่ะ เตรียมไว้ก่อนดีกว่านะ!!! จะช่วยทำให้คุณไม่ต้องไปชาร์จแบตเตอรี่กลางคัน ทำให้สามารถไลฟ์ได้นานตามที่ต้องการ แต่ถ้าไม่อยากถอดแบตเตอรี่อาจจะใช้คู่กับ ฝาปิดแบตเตอรี่ที่ทำให้ชาร์จไปได้โดยไม่ต้องถอดฝา
ราคา : จะอยู่ประมาณ 100 - 300 บาท (ขึ้นอยู่กับแบรนด์และคุณภาพ)
ขาตั้งกล้อง

อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่คุณไม่ควรพลาด การมีขาตั้งกล้องจะช่วยทำให้คุณสามารถกำหนดระยะห่าง ความใกล้ไกลระหว่างตัวคุณกับกล้องได้ ทำให้ตัวของคุณอยู่ในเฟรมที่ต้องการ อีกทั้งขาตั้งกล้องยังช่วยทำให้คุณสะดวกต่อการจัดวางกล้องอีกด้วย หากไม่มีเราก็อาจจะต้องใช้อะไรมาดันกล้องไม่ให้ล้ม บางทีก็อาจจะไม่แข็งแรงทำให้กล้องล้มลงมาแล้วคุณก็อาจจะต้องเดินไปจัดกล้องใหม่ซึ่งเสียเวลามาก แล้วยังทำให้ไม่ได้ตำแหน่งของกล้องในระยะที่ต้องการบางทีก็เตี้ยไป แต่หากมีขาตั้งกล้องก็จะช่วยปรับความสูงให้พอดีกับเราได้ ยิ่งขาตั้งบางรุ่นสามารถใช้งานได้แบบ 3 IN 1 ทั้งเป็นขาตั้ง ไม้เซลฟี่ แขนยืด ช่วยในการปรับระดับ จัดองค์ประกอบ รวมถึงช่วยทำให้เวลาไลฟ์กล้องมั่นคง
ราคา : จะอยู่ประมาณ 300 - 1,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแบรนด์และคุณภาพ)
ไฟเสริม

อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าบางทีแสงแดดก็ไม่เป็นใจให้เรา อีกทั้งเรายังไม่สามารถไปบังคับมันได้อีกด้วย ทำให้หลายๆคนพอไม่มีแดดก็ไม่สามารถไลฟ์ได้ เพราะบางทีไลฟ์แล้วหน้ามืดมาก ถ่ายอะไรก็ออกมาไม่สวย ยิ่งช่วงนี้หน้าฝนเอาแน่เอานอนเลย ให้หาไฟเสริมสัก 1 ดวงมาช่วยในการไลฟ์ อาจจะเลือกไฟที่สามารถให้ความสว่างได้พอดี แต่หากใครพอที่จะมีงบหน่อยก็อยากแนะนำให้ซื้อเป็น Light Mod ที่เอาไว้ใช้กับกล้อง GoPro 9 โดยเฉพาะก็จะยิ่งดี จะช่วยทำให้แม้ในที่แสงน้อยก็หมดกังวล ใช้งานได้ไม่ง้อแดด
ราคา : จะอยู่ประมาณ 300 - 1,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแบรนด์และคุณภาพ)
ไมโครโฟนเสริม

เพราะในบางครั้งเสียงแทรกก็มาโดยไม่ได้นัดหมาย ออกไปข้างนอกเสียงลม เสียงคุยแทรกก็เข้า อยู่ในบ้านบางทีก็เสียงก้อง เสียงหาย หากใครที่อยากให้คุณภาพเสียงออกมาดีขอแนะนำให้ติดไมโครโฟนเสริมเอาไว้ด้วยสักตัว อาจจะเป็นตัวเล็กๆไม่ต้องใหญ่มาก ไมโครโฟนเสริมจะช่วยในการรับเสียงจากเราโดนตรง หากใครอยากได้เสียงที่คมชัดก็อาจจะเอาไว้ใกล้ๆตัว อย่างเช่นไมค์พวก shotgun เวลาไลฟ์ก็จะช่วยเรื่องเสียงได้มาก จะช่วยทำให้เสียงของคุณชัดเจนมากขึ้น และ ตัดเสียงรบกวนภายนอกออก
ราคา : จะอยู่ประมาณ 500 - 1,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแบรนด์และคุณภาพ)
สายขยับให้โปรขึ้น

ถ้าคุณเป็นคนมีงบประมาณระดับหนึ่ง นอกจากอุปกรณ์เสริม GoPro พื้นฐานที่เราอยากจะทำการแนะนำคุณแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมตัวอื่นๆที่จะช่วยให้คุณใช้งานกล้องโกโปรสำหรับไลฟ์ได้ง่าย และ โปรมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เรียกว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปมาก แต่ละตัวบอกเลยว่าดีทั้งนั้น บางตัวก็เป็นตัวยอดนิยมที่เหล่าสาวกโกโปรต้องมี ไม่ว่าจะเป็น
-Media Mod
-Light Mod
-3 Way 2.0
-รีโมท
-ไมโครโฟน
Media Mod

สำหรับใครที่เป็นสาวกโกโปรอาจจะต้องเคยได้ยินมาบ้างแล้ว Media Mod ตัวนี้เป็นอุปกรณ์เสริม GoPro ที่ทำออกมารองรับบางรุ่น โดยเฉพาะกับรุ่นของ GoPro 9 ที่มีการอัพเดตให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น และ ดีกว่าเดิม สามารถรับเสียงได้รอบทิศมากขึ้น อีกทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าจะรับเสียงด้านหน้า ด้านข้าง หรือ ด้านหลัง พร้อมกับการตัดเสียงรบกวนภายนอก นอกจากนั้นพอร์ตเชื่อมต่ออื่นๆ ยังเยอะอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น USB , HDMI , 3.5 mm ทำให้สามารถใช้งานร่วมกันได้เลย นอกจากนั้นหากใครที่กังวลเรื่องแบตเตอรี่หมด ก็สามารถชาร์จแบตไปไลฟ์ไปได้เลยไม่ต้องถอดฝาครอบออก นอกจากนั้นหากใครที่อยากเชื่อมต่อเข้ากับไมค์ตัวใหญ่เพื่อเสียงที่ดี ก็สามารถต่อไมค์เข้ากับช่อง cold shoe ได้เลย ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องอุปกรณ์เสริมตัวอื่นๆ สามารถใช้งานร่วมกันได้เพียงแค่มีตัวนี้ตัวเดียว!!!!
ราคา : จะอยู่ประมาณ 2,900 บาท
Light Mod

เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานคู่กับ Media Mod หากใครที่ซื้อตัว Media Mod แล้วก็อาจจะยังได้โปรดักชั่นแบบไม่เต็ม ไฟเสริมเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่เราได้แนะนำไปแล้ว ถ้าใครที่มีงบเราอยากแนะนำ Light Mod เลยเพราะเป็นไฟเสริม LED ที่สามารถปรับแสงได้ถึง 4 ระดับ ให้ความสว่างชนิดที่ไม่ต้องง้อแสงอาทิตย์เลย สามารถใช้งานได้ยาวนาน อีกทั้งยังใช้งานใต้น้ำได้อีกด้วย และ สามารถชาร์จไฟในตัวได้ รวมทั้งสามารถดูสถานะแบตเตอรี่ได้อีกด้วย เลยได้ว่าจะฝนตก จะถ่ายในที่มืดก็ไม่มีปัญหา ใครที่อยากได้ไฟเสริมดีๆ ต้องตัวนี้เลย
ราคา : จะอยู่ประมาณ 2,200 บาท
3 Way 2.0

อย่างที่เราได้เกริ่นไปนิดๆ ในอุปกรณ์พื้นฐานที่ต้องมีแล้ว ไม้ 3 Way 2.0 เป็นอุปกรณ์เสริมแบบ 3 IN 1 ที่เป็นทั้งไม้เซลฟี่ได้ แขนยึดสำหรับกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นขาตั้งได้อีกด้วย ซึ่งในเวอร์ชั่น 2.0 ก็ดีมากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นก่อน สามารถหมุนถ่ายได้ถึง 360 องศา ตัวล็อคก็แข็งแรงขึ้นทำให้ทนทานต่อการใช้งานกว่าเดิม ซึ่งเรียกได้ว่าซื้อ 1 ได้ถึง 3 คุ้มค่าไม่ไหว หากใครมีงบหน่อยซื้อตัวนี้รับรองตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ราคา : จะอยู่ประมาณ 2,800 บาท
รีโมท

หากใครที่อยากให้การใช้งานง่ายขึ้นกว่าเดิม รีโมทนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ที่ทำให้เราสามารถควบคุมการทำงานของกล้องจากระยะไกลได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดปิดไลฟ์ การกดถ่าย การตั้งค่าต่างๆของกล้องจากระยะไกล แค่กดปุ่มก็สามารถทำได้แล้วง่ายมากๆ ไม่ต้องเสียเวลาเดินไปกดให้เหนื่อย อีกทั้งหากใครที่ไลฟ์หลายกล้องรีโมทโกโปรอย่าง GoPro Remote และ The Remote สามารถควบคุมกล้องพร้อมกันได้เลย โครตเจ๋ง!!!
ราคา : จะอยู่ประมาณ 1,900 - 3,200 บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ)
ไมโครโฟน

เราได้แนะนำเรื่องไมโครโฟนกันไปแล้ว หากคุณอยากให้การไลฟ์โปรมากขึ้นอาจจะต้องทำการซ่อนไมค์เอาไว้ ควรจะใช้เป็นไมค์สายที่หนีบเข้าตามเสื้อผ้าได้ อย่างพวกไมค์ของ Saramonic ที่จะเป็นไมค์ตัวเล็ก แต่ว่าสามารถรับเสียงได้ดี ใช้งานง่าย และ สะดวกมากๆ ช่วยทำให้คุณไลฟ์ได้โปรกว่าเดิม
ราคา : จะอยู่ประมาณ 1,000 - 2,000 บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อ)
หากใครที่คิดจะไลฟ์ให้ดีมากขึ้นก็อย่าลืมไปหา อุปกรณ์เสริม GoPro ที่เราได้แนะนำไป ส่วนใครที่มีงบหน่อยก็อาจจะซื้ออุปกรณ์เสริมเฉพาะของ GoPro 9 รับรองได้ว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน ส่วนใครที่อยากดูวิธี live ผ่าน GoPro ก็สามารถไปอ่านบทความได้เลย และ ถ้าใครอยากไลฟ์ได้โปรมากขึ้น หรือ ไลฟ์หลายกล้องต้องอย่าพลาดบทความ GoPro live สดอย่างไรให้โปร อย่าพลาดบทความดีๆนะ
 
เลือกซื้อ GoPro 9 และ อุปกรณ์เสริมคุ้มเว่อร์!!!
ร้านของเราจำหน่ายกล้อง GoPro Hero 9 รวมทั้งโกโปรรุ่นอื่นๆ และ อุปกรณ์เสริมสำหรับโกโปรที่หลากหลาย รวมทั้งโปรโมชั่นซื้อโกโปรพร้อมของแถมสุดคุ้ม ราคาสุดพิเศษเฉพาะที่ร้านของเรา มีแต่โปรโมชั่นดีๆ ของแถมจุกๆ พร้อมโปรโมชั่นที่จัดมาให้คุณเต็มๆ ตามไลฟ์สไตล์ของคุณ อย่าพลาดสิ่งดีๆ เลือกจะซื้อเลือกร้าน AquaPro
 
ติดตาม AquaPro เพื่อไม่ให้พลาดทุกโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งกล้อง GoPro และอุปกรณ์เสริม GoPro  ได้หลากหลายช่องทางที่
Facebook : AquaproThailand
Line :  @aquapro
Shopee : Aquaprothailand
GoPro Group  : GoPro Club กลุ่ม พูดคุย ซื้อขาย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับ GoPro


200

ในยุคนี้การจะเข้าไปจีบหนุ่มๆ ก่อน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรใช่มั้ย แต่ด้วยค่านิยมในสังคมของคนบางส่วนนั้น ทำให้ผู้หญิงอย่างเรายังไม่กล้าเข้าไปจีบผู้ชายก่อน เพราะกลัวว่าสังคมจะไม่ยอมรับ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะซิส นี่มันยุค 2021 กันแล้ว!!! วันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายๆ สำหรับ วิธีจีบผู้ชาย แบบเนียนๆ ที่พอผู้ชายรู้ตัวอีกทีก็ตกหลุมรักเราหัวปักหัวปำไปแล้ว เห้ยยยย...ต้องห้ามพลาดแล้วนะ ไปดูกันเลยว่าจะมีวิธีไหนกันบ้าง!!!
6 วิธีจีบผู้ชาย ยังไงให้ได้ผู้!!!
วิธีที่ 1 - เปิดบทสนทนาก่อน

สาวๆ เคยได้ยินคำนี้มั้ยคะ "ถ้าไม่ทักรักไม่เกิด" คำนี้ยังสามารถใช้ได้จนถึงปัจจุบันเลยค่ะ แต่อย่าเปิดบทสนทนาให้โจ่งแจ้งจนเกินไป เพราะเดี๋ยวหนุ่มๆ จะรู้ตัวแล้วไหวตัวทัน การจะเปิดบทสนทนาให้ได้ผลดี สาวๆ อาจจะต้องไปทำการบ้าน สังเกตสืบค้นเรื่องของหนุ่มที่เราสนใจคร่าวๆ มาบ้างเล็กน้อย เช่น เขาเรียน หรือ ทำงานอยู่ที่ไหน แต่ถ้าหากเราไม่รู้ข้อมูลของเขามากนัก อาจจะอาศัยสิ่งที่เขาแชร์ หรือ กดไลค์ในโซเชียลมีเดียบ่อยๆ เพื่อเริ่มบทสนทนาอย่างเนียนๆ เช่น การทักไปสวัสดีแล้วตีเนียนชวนคุยสิ่งที่เขากดไลค์ กดแชร์ ก็ถือว่าเป็นการเริ่มบทสนทนาที่ดีเลยทีเดียว แต่อย่าชวนคุยอะไรที่เป็นข้อมูลเชิงลึกจนเกินไป เดี๋ยวจะทำให้เขารู้ว่าเราแอบไปส่องข้อมูลเขามา จำไว้ว่าเน้นการเนียนคุยเป็นหลัก!!!
เทคนิคการจีบ - ต้องทำตัวให้น่าสนใจ เน้นการเข้าไปคุยอย่างเป็นมิตร ไม่ออกตัวว่าจะจีบแรงจนเกินไป
วิธีที่ 2 - เป็นตัวของตัวเอง

สาวๆ หลายคนเลือกที่จะคีพลุคให้หนุ่มๆ มองว่าเราเรียบร้อย ดูไร้เดียงสา แต่แบบนั้นอาจจะทำให้เขารู้สึกว่าเราไม่น่าสนใจ หรือ ดูเฟคจนเกินไป เราควรแสดงตัวตนของเราออกมาตั้งแต่เริ่มคุย โดยเฉพาะตัวตนของเราในด้านดีๆ เป็นตัวของเราเองได้แต่อย่ามากจนเกินไปซะหมด เก็บเอาไว้ทำความรู้จักกันในระยะยาวด้วย (เดี๋ยวเขาหนีไป!!!)
เทคนิคการจีบ - ใช้จุดเด่นของเราเพื่อใช้ดึงดูดความสนใจ ให้เราดูเป็นคนที่มีเสน่ห์น่าค้นหา และ แสดงออกอย่างพอดี!!!
วิธีที่ 3 - คุยเรื่องที่เขาชอบ

ไม่ว่าใครก็อยากคุยกับคนที่มีความชอบเหมือนกัน เข้ากันได้ทั้งนั้น เทคนิคนี้สามารถใช้ได้หลายๆ ความสัมพันธ์โดยเฉพาะกับหนุ่มๆ ที่เราอยากจะเข้าไปจีบ หากคุยเรื่องทั่วไป อาจจะทำให้บทสนทนาจบลงง่าย แต่ถ้าเราเอาเรื่องที่เขาชอบมาคุย จะทำให้เราไม่ต้องเป็นฝ่ายชวนคุยตลอด แต่จะทำให้เขาออกความคิดเห็น และ เป็นฝ่ายชวนเราคุยเสียเองซะด้วยซ้ำ อาจจะเลือกเรื่องที่อยู่กลางๆ เป็นหนังที่ชอบ เพลงที่ชอบน่าจะตอบโจทย์มากกว่า
เทคนิคการจีบ - เลือกเรื่องที่กว้างๆ เรื่องที่น่าสนใจ อาจจะทำควบคู่กับการแชร์ หรือ ไลค์สิ่งที่มีความชอบเหมือนกัน เพื่อทำให้เขารู้ว่าเราสนใจอะไรเหมือนกับเขา
วิธีที่ 4 - เล่นมุข เล่าเรื่องตลก

อีกหนึ่งเคล็ดลับมัดใจหนุ่มด้วยการเล่นมุข หรือ เล่าเรื่องตลก เพราะเรื่องตลกจะช่วยคลายเครียด อีกทั้งยังทำให้เราเผลอยิ้มออกมาได้ด้วย แต่ว่ามุขที่เราจะเอามาเล่น จะต้องดูว่าเหมาะสมด้วยมั้ย หากหนุ่มๆ ที่เราจะจีบเป็นคนตลก หรือ ชอบมุขตลกด้วยแล้ว จะยิ่งทำให้เรากลายเป็นคนที่เขารู้สึกสนุกเวลาคุยด้วย หรือ อาจจะเป็นการแชร์มุขตลก เรื่องตลกให้เขาก็ได้ แต่ไม่ใช่ว่าเขาชอบ ก็จะเล่นแต่มุขตลกไปตลอด ทั้งวันยิงมุขไปเลยเต็มๆ ก็ไม่ได้นะ ทุกอย่างต้องอยู่ในความพอดี การเล่นมุขบ้าง เป็นการสร้างสีสันให้กับบทสนทนาให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น เคยได้ยินมั้ยคะ "สวยมักนกตลกมักได้"
เทคนิคการจีบ - เล่นมุขบ้างเพื่อทำให้บทสนทนาดูน่าสนใจ ให้พอดี ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป และ อาจจะเล่นมุขที่เป็นมุขหยอดหนุ่มๆ สลับกับการเล่นมุขตลกก็ได้นะ
วิธีที่ 5 - การใส่ใจอย่างพอดี

ใครๆ ก็ชอบคนที่ใส่ใจ แต่สาวๆ จะต้องใส่ใจอย่างพอดีด้วย เช่น การถามสาระทุกข์สุขดิบ กินข้าวแล้วหรือยัง ทำงานเหนื่อยมั้ย ถึงจะดูเป็นคำถามง่ายๆ แต่เป็นการแสดงออกว่าเราใส่ใจเขา แต่อย่าไปถามจนลึก หรือ จู้จี้จุกจิก เช่น ไปกับเพื่อนคนนั้นใช่มั้ย หรือ การถามถึงพ่อแม่พี่น้องของเขา เพราะเรายังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลย!!! ดังนั้นจุดที่เราสามารถใส่ใจได้จะต้องไม่มากจนเกินไป จนทำให้เขารู้สึกว่าเราตามสืบเรื่องของเขาอยู่ และ ต้องมีความพอดีด้วย ไม่ใช่ทักไปถามทั้งวัน เพราะอาจจะทำให้ตัวเราดูน่ารำคาญได้
เทคนิคการจีบ - การแสดงความใส่ใจอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะกับเวลาที่เขามีปัญหา จะช่วยทำให้เป็นแต้มต่อในการพัฒนาความสัมพันธ์ได้
วิธีที่ 6 - มีชั้นเชิง เดินเกมส์ให้น่าสนใจ

บางครั้งเราก็ต้องมีชั้นเชิงในการจีบบ้าง การจีบตรงๆ แบบเดิมๆ อาจจะใช้ไม่ค่อยได้ผล อีกทั้งพอจีบไปนานๆ มากบางคนก็อาจจะเกิดการอิ่มตัว จีบเท่าไหร่ก็ไม่ได้สักที ดังนั้นเราอาจจะต้องเดินเกมส์สเต็ปใหม่ๆ บ้าง เราจะต้องเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้เล่นมาเป็นคนที่คุมเกมส์กันบ้าง เพราะอาจจะมีหนุ่มๆ หลายคนที่คิดว่าพอเรามาจีบก็จะหลงดีใจ คิดว่าเราต้องรอเขา ลองเปลี่ยนมาจีบให้ดูมีลูกเล่นมากขึ้น เช่น ลองเล่นตัวไม่รีบตอบ อาจจะเปลี่ยนมาเป็นคนที่จบบทสนทนา ทำให้เขาจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มสนทนาก่อน ให้เขาเป็นฝ่ายทักเรามา หรือ ทำให้เขาเห็นว่าเราก็ดูฮอต
เทคนิคการจีบ - เล่นตัวบ้าง ให้มีชั้นเชิง เพื่อทำให้เขารู้สึกว่าเราน่าสนใจ อยากจะคุยกับเรา
 
จากที่เราได้แนะนำเคล็ดลับสำหรับ วิธีจีบผู้ชาย แบบเนียนๆ ไปแล้ว แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่า ผู้ชายแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน วิธีที่เราได้แนะนำไปเป็นเพียงเทคนิคในการเข้าหาอย่างเนียนๆ เท่านั้น คุณอาจจะเอาเทคนิคเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ในสไตล์ของคุณเอง จับเทคนิคที่คุณชอบมาใช้ร่วมกับการใส่ความเป็นตัวคุณลงไป สู้ๆ นะคะสาวๆ เป็นกำลังใจให้ทุกคนไม่นกค่ะ!!!
 
เพิ่มความมั่นใจด้วยการเป็นสาว Sistalk
สาวๆคนไหนที่ไม่อยากตกเทรนด์ ไม่อยากพลาดข้อมูล ข่าวสารดีๆ ที่เป็นประโยชน์ เคล็ดลับต่างๆ สุขภาพ แฟชั่น เทรนด์ฮิต และ เรื่องของความรัก!!! พบกับสาระดีๆ ข้อมูลเจ๋งๆ ที่เป็นประโยชน์กับคุณ มาเป็นสาว Sistalk ด้วยกันนะคะ ไม่อยากพลาดข่าวสารดีๆ ก็ไปกดติดตามช่องทางต่างๆกันไว้เลย แล้วพบกันใหม่บทความหน้านะคะสาวๆ
 
 

สามารถติดต่อสอบถาม Sistalk ช่องทางอื่นๆได้ที่
Facebook : sistalk.in.th
Instagram : sistalk.in.th
Twitter : @SistalkTH


หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 7