ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - โทนี่ วู๊ดดี้

หน้า: 1 ... 12 13 14 15 16 [17] 18 19 20 21 22 ... 25
801
การออกกำลังกายกับผู้ชายหลาย ๆ คนเป็นของคู่กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกไปวิ่งทั้งตามสวนสาธารณะ หรือในฟิตเนส ซึ่งไม่ใช่แค่การเตรียมเสื้อผ้า รองเท้าสำหรับการออกกำลังกายเท่านั้น แต่การเลือกซื้อ “กางเกงในวิ่ง” ที่ดีจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมทั้งก่อน ระหว่าง และหลังทำกิจกรรม ลองมาดูกันว่าหนุ่ม ๆ ทั้งหลายควรเลือกสวมใส่กางเกงในผู้ชายอย่างไรให้เหมาะสมกับการวิ่งมากที่สุด
เลือกสวมกางเกงในวิ่งยังไงให้ตอบโจทย์
1. รู้สึกเบาสบาย ไม่อึดอัด
สิ่งแรกสำหรับใครก็ตามที่มองหากางเกงในชายสำหรับวิ่ง ต้องรู้สึกว่าสวมแล้วเบาสบาย ไม่โอบรัดน้องชายมากเกินไป เนื่องจากจะช่วยให้ท่านวิ่งหรือออกกำลังกายอย่างเพลิดเพลิน ไม่อึดอัดจนนำไปสู่ความรำคาญ ไม่สบายตัว แสดงบุคลิกไม่เหมาะสม ไปจนถึงเบื่อกับการวิ่งไปเลยก็มี
2. สังเกตเนื้อผ้าที่ผลิต
แท้จริงแล้วการใช้ผ้าธรรมชาติจะช่วยระบายกลิ่นอับชื้น กลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้ดีกว่าผ้าใยสังเคราะห์ และยังไม่เกิดการสะสมของแบคทีเรียอีกต่างหาก อย่างนั้นหากจะสวมกางเกงในวิ่งทั้งทีไม่ควรลืมสังเกตเนื้อผ้าเพื่อช่วยให้สบายตัวตั้งแต่เริ่มวิ่งไปจนถึงไม่สร้างปัญหาหลังการวิ่งเสร็จ
3. สวมแล้วต้องไม่หลวมหรือคับเกินไป
ในกรณีที่เลือกใส่กางเกงในผู้ชายเพื่อออกไปวิ่งแล้วคับเกินไปก็อึดอัดและสร้างปัญหาแบบข้อแรก แต่ถ้าเลือกตัวที่หลวมเกินไปก็มักรู้สึกไม่สบายใจ วิ่งแล้วไม่รู้สึกถึงการโอบรัดที่ดีของน้องชาย และอาจก่อให้เกิดการเสียดสีระหว่างผิวหนังกับเนื้อผ้ากางเกงใน นำไปสู่การบาดเจ็บอีกต่างหาก
4. ทรงกางเกงในก็ต้องใส่ใจด้วย
ความจริงแล้วทรงกางเกงในวิ่งก็ไม่ต่างจากกางเกงในชายทั่วไป ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว อาทิ ทรง Boxer จะไม่โอบรัดมาก ใส่แล้วสบายตัว ไม่อึดอัด, ทรง Briefs ให้ความคล่องตัวในการวิ่ง เป็นต้น ดังนั้นเลือกในสไตล์ที่เหมาะสำหรับตนเองและรู้สึกถึงความมั่นอกมั่นใจในทุกการเคลื่อนไหวเอาไว้จะดีที่สุด

มองหากางเกงในวิ่งสำหรับผู้ชายแนะนำกางเกงในไข่เย็น GQ

เมื่อรู้แล้วว่าควรเลือกสวมกางเกงในวิ่งยังไงให้โดนใจ ตอบโจทย์การออกกำลังกายของตัวเองมากที่สุด อีกสิ่งที่อยากเสนอแนะสำหรับหนุ่ม ๆ สายเฮลตี้ทุกคนนั่นคือ การเลือกใช้ “กางเกงในไข่เย็น” GQ ที่มีเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดช่วยให้ไข่ของคุณเย็นลงถึง 2 องศาเซลเซียส ด้วยเจลเย็นที่ผสมในเนื้อผ้าส่วนเป้า และมีผ้าตาข่ายในจุดสะสมความร้อนช่องอับ ช่วยให้ระบายอากาศดี แถมยังดีไซน์ให้โอบรัดกับสรีระน้องชาย ไม่ปลิ้น ไม่เสียดสี ลดการบาดเจ็บ ที่สำคัญแห้งเร็ว ไร้ความอับชื้น จึงไม่รู้สึกเหนียวเหนอะ แฉะ หมักหมมให้รำคาญใจ มีทั้งทรง Briefs และ Boxer เลือกสรรได้ตามชอบ ไม่ว่าจะวิ่งที่ไหนสวมใส่กางเกงในไข่เย็นเอาไว้มั่นอกมั่นใจได้ทุกสถานการณ์ พร้อมช่วยให้มีสุขภาพดียิ่งกว่าเคย

เว็บไซต์ : https://gqsize.gqsize.com/v20vz

802
สำหรับหนุ่ม ๆ ทุกคนการสวมใส่ “กางเกงในชาย” ถือเป็นเครื่องแต่งกายอีกชนิดที่ขาดไม่ได้เหมือนกัน ด้วยเหตุว่าช่วยเสริมบุคลิกของตนเองให้ดูดี แถมยังพาความมั่นอกมั่นใจ ความคล่องตัวในการใช้ชีวิตอีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้การดูแล กางเกงในผู้ชาย ที่ตนเองใส่ประจำจึงสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้เพราะนอกจากช่วยลดการเกิดโรคภัยกับน้องชายแล้ว ยังสวมใส่ได้ยาวนานไม่ต้องเปลืองเงินซื้อใหม่บ่อย ๆ อีกต่างหาก นี่จึงเป็นเคล็ดไม่ลับที่นำมาบอกต่อ

เคล็ดไม่ลับดูแล กางเกงในชาย สวมใส่ยาวนาน หลักใหญ่ใจความในการดูแลควรเน้นเรื่องการซักและการตากเป็นหลัก หนุ่ม ๆ ทุกคนต้องซักกางเกงในชายที่ตนเองใส่ทุกวัน อย่าใช้งานประเภทกลับด้านใน-ด้านนอกเด็ดขาด เพราะว่านำมาซึ่งสิ่งสกปรก เชื้อโรค ความอับชื้น และโรคต่าง ๆ แต่ทั้งนี้การซักและตากก็มีสิ่งที่ควรรู้ด้วยเช่นกัน
- หากผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ อาทิเช่น ผ้าฝ้าย ควรซักมือ สามารถใช้น้ำอุ่น ผึ่งแดดแรงจัดได้ รวมถึงการรีดด้วยอุณหภูมิที่เหมาะสมก็ไม่มีปัญหา
- หากผลิตจากผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้ากึ่งใยสังเคราะห์ อย่างเช่น ผ้าเรยอน, ไลคร่า, ไนล่อน ฯลฯ ซักเครื่องได้แต่ควรใส่ในถุงซัก อุณหภูมิน้ำปกติ ไม่เย็นหรือร้อนเกินไป ผึ่งพื้นที่แดดอ่อน ไม่แนะนำให้รีด
- กรณีสวมใส่กางเกงในสีขาวหรือสีอ่อนต้องแยกซักกับผ้าสีเข้ม ป้องกันสีตกใส่
- การตากควรกลับด้านในออกมาเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผิวของเนื้อผ้าเสื่อมสภาพเร็วเกินจากการโดนแสงแดดเป็นเวลานานทุกวัน แต่ถ้าเป็นตอนหน้าฝนหรือฝนตกต้องคอยดูราวผ้าหรือพื้นที่การตกไม่ให้โดนละอองฝนด้วย เนื่องจากหากกางเกงในผู้ชายมีความชื้นจะทำให้เกิดเชื้อรา
- ไม่แนะนำให้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มในการซัก ยิ่งถ้าเป็นของมีราคาแพง เพราะว่าส่วนใหญ่จะผ่านขั้นตอนการถักทอแบบพิเศษ เมื่อเจอกับน้ำยาดังกล่าวมักส่งผลให้อุดตัน การระบายความชื้นลดลง
- ไม่แนะนำให้นำกางเกงในชายไปอบหรือปั่นแห้งในเครื่องอบผ้า เหตุเพราะจะทำให้เนื้อผ้าหดตัวเสียรูปทรงง่าย แถมหากเป็นกลุ่มมีสีสันยังมักทำให้สีซีดเร็วอีกต่างหาก
- กางเกงในผู้ชายที่ซื้อมาใหม่ทุกตัวควรมีการซักก่อนนำไปสวมใส่ทุกครั้ง แม้จะดูสะอาดมากแค่ไหนตอนซื้อมาก็ตาม นั่นเพราะความเป็นจริงยังมีสารเคมีจากกระบวนการผลิตตกค้างอยู่

หากหนุ่ม ๆ ทุกคนทำได้ตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยให้กางเกงในชายของท่านสวมใส่ได้ยาวนาน ไม่สิ้นเปลืองต้องซื้อใหม่บ่อย และสิ่งสำคัญยังเสมือนเป็นการดูแลน้องชายทางอ้อมไปในตัวไม่ให้เจอกับสิ่งสกปรก ความอับชื้น สวมใส่ได้อย่างมั่นอกมั่นใจทุกครั้งและทุกกิจกรรมที่ต้องพบเจอในแต่ละวัน

เว็บไซต์อย่างเป็นทางการ : https://gqsize.gqsize.com/v20vz

803
เข้าใจดีว่าอุปสรรคใหญ่อย่างหนึ่งที่ทำให้หนุ่ม ๆ รู้สึกรำคาญใจและไม่อยากสวมใส่กางเกงในผู้ชายมาจากเรื่องความอับชื้นของน้องชายด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยอันแสนร้อนอบอ้าว และกิจกรรมต่าง ๆ ที่ต้องทำตลอดวัน นำมาซึ่งอาการและบุคลิกไม่พึงประสงค์หลายด้าน แม้กระนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะหายไปในพริบตาหากได้รู้จักกับ “กางเกงในไข่เย็น” จาก GQ ตัวช่วยที่ถูกสร้างสรรค์มาเพื่อผู้ชายไทยโดยเฉพาะ ความอับชื้น รู้สึกอึดอัด ปัญหาใหญ่ที่ทำให้หนุ่ม ๆ ไม่ต้องการสวมใส่กางเกงในผู้ชาย

อย่างที่อธิบายเบื้องต้นไปว่าเมืองไทยของเรามีความร้อนอบอ้าวเป็นทุนเดิม พอน้องชายของหนุ่ม ๆ ต้องโดนโอบรัดด้วยกางเกงในผู้ชายทั่วไปที่ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อความสบายตัว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สวมใส่แล้วจะรู้สึกถึงความอึดอัด อับชื้น แถมยังมีอาการไม่พึงประสงค์ อย่างเช่น ผื่นคัน, มีกลิ่นแรง บางท่านอดทนไม่ไหวก็ต้องมีการเกา นำมือไปสัมผัสกับน้องชาย สร้างบุคลิกไม่น่ามองและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์เป็นอย่างมาก

ยุติปัญหาด้วยกางเกงในไข่เย็น สุดยอดเทคโนโลยีขั้นล่าสุดจาก GQ
สำหรับหนุ่ม ๆ ที่กำลังพบปัญหาดังกล่าว และพยายามมองหากางเกงในผู้ชายยี่ห้อไหนดีที่จะช่วยจัดการกับเรื่องในที่ลับแบบอยู่หมัด ขอแนะนำให้รู้จักกับ “กางเกงในไข่เย็น” จาก GQ หรือบางคนจะเรียก “กางเกงในชายใส่สบาย” ก็ไม่ว่ากัน เพราะว่านี่คือสุดยอดเทคโนโลยีที่ถูกสร้างสรรค์และพัฒนาเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเพศชายทุกคนได้อย่างลงตัวด้วยจุดเด่นสำคัญ ดังนี้
- GQ Cool TechTM เทคโนโลยีเฉพาะที่มีการผสมเจลเย็นลงไปบนเส้นใยของเนื้อผ้าพร้อมใช้เส้นใยแบบพิเศษรูปแบบตาข่าย ส่งผลให้ไข่ของคุณผู้ชายเย็นลงถึง 2 องศาเซลเซียส เมื่อสวมใส่ ที่สำคัญพอไข่เย็นลงยังนำมาซึ่งความแข็งแรงของเชื้ออสุจิอีกต่างหาก นี่แหละกางเกงในไข่เย็นของแท้
- GQ Pouch เป็นชิ้นส่วนผ้าแบบพิเศษคอยประคองไข่ให้อยู่ทรงในพื้นที่เหมาะสม ไม่ปลิ้น ไม่ยาน ไม่แกว่ง ลดการเสียดสีลงได้เยอะกว่าเดิม หมดห่วงเรื่องเสียภาพลักษณ์และบุคลิกไปได้เลย
- GQ Easy Access ควักออกสะดวกด้วยมือเดียวเพราะมีช่องเปิดด้านหน้าเหมือนกระเป๋าจิงโจ้ ไม่ต้องถอดทั้งกางเกงและกางเกงในเพื่อทำธุระอีกต่อไป
- GQ Quick Dry การกระจายตัวของน้ำดีกว่าเนื้อผ้าของกางเกงในทั่วไป แม้ออกกำลังกายจนเหงื่อออกหนักแค่ไหนก็ไม่แฉะ ไม่เหนียว ลดความอับชื้นและกลิ่นไม่พึงประสงค์ แถมซักแล้วแห้งรวดเร็วอีกด้วย

ทั้งหมดนี้คงตอบคำถามได้ชัดเจนว่าควรเลือกใช้งานกางเกงในผู้ชายยี่ห้อไหนดี อีกทั้งกางเกงในผู้ชายจาก GQ ยังมีให้เลือกถึง 3 แบบ ได้แก่
- New Normal ทรง Bikini ผ้าคอตตอน ความคุ้นเคยที่สวมใส่ได้สบายกว่าเดิม
- All-day Secure ทรง Trunk ผ้าคอตตอน นุ่มสบาย สวมใส่กระชับตลอดวัน
- Sports ทรง Trunk ผ้าโพลีเอสเตอร์ มีผิวสัมผัสเรียบ ลื่น แห้งเร็ว เย็นสบายทั้งตัวในทุกกิจกรรม

มองหากางเกงในชายใส่สบาย กางเกงในไข่เย็น GQ คำตอบเดียว เนื่องจากสร้างสรรค์มาเพื่อคุณผู้ชายทุกท่าน มองการณ์ไกล ไม่ต้องพบเจอกับปัญหารบกวนเกี่ยวกับไข่และน้องชายอีกต่อไป

Official Website : https://gqsize.gqsize.com/v20vz


804
หากจะพูดว่าการสวมใส่กางเกงในเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์ทุกคนบนโลกมายาวนานทั้งกับผู้ชายและผู้หญิงคงไม่ใช่เรื่องผิดนัก แต่ทั้งนี้สำหรับหนุ่ม ๆ หลาย ๆ คนอาจกำลังมีข้อสงสัยว่าทำไมตนเองต้องสวม “กางเกงในผู้ชาย” อยู่ประจำ นี่คือคำตอบที่จะช่วยให้คุณหายคลางแคลงใจและยินดีสวมใส่กางเกงในชายกันแบบไม่มีข้อแม้อื่นใดเข้ามาสร้างเครื่องหมายคำถามอีกแน่นอน
สาเหตุที่หนุ่ม ๆ ต้องสวมใส่กางเกงในผู้ชายเป็นประจำ
1. เพิ่มความคล่องตัวในการทำกิจกรรมต่าง ๆ
ด้วยน้องชายของผู้ชายมีความเป็นชิ้นเป็นอันอยู่ในตัว แล้วลองนึกภาพว่าท่านต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างวันเยอะมาก คงไม่ดีแน่หากเจ้าหนูต้องห้อยโตงเตง ฉะนั้นเหตุผลแรกที่หนุ่ม ๆ ควรสวมใส่กางเกงในชายประจำคือเพื่อเพิ่มความคล่องตัว จะนั่ง ยืน เดิน กระโดด ก็มีสิ่งที่คอยรองรับน้องชายไม่ให้เคลื่อนที่มากเกินเหตุ สะดวกในทุกกิจกรรมทำได้แบบไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น
2. ป้องกันการโป๊หรือเหตุไม่คาดฝันนำมาซึ่งความอับอาย
แม้ชายหนุ่มบางคนอาจคิดว่าตนเองก็สวมกางเกงชั้นนอกอยู่แล้วไม่เห็นต้องกังวลใจอะไรเลย ไม่มีใครเห็นน้องชายหรอก แต่อย่าลืมว่าบ่อยครั้งเหตุไม่คาดฝันบางอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ อาทิ ทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันอยู่แล้วเป้าแตก, ใส่กางเกงกีฬาแล้วน้องชายแอบโผล่ดูโลกกว้าง, อยู่ดี ๆ ก็เคารพธงชาติแบบไม่ตั้งใจ หรือกางเกงชั้นนอกหลุดออกมาระหว่างทำกิจกรรมบางอย่าง คงไม่ต้องนึกต่อหากท่านไม่ยอมสวมกางเกงในผู้ชายจะกลายเป็นภาพที่ไม่น่ามองแค่ไหน อย่างน้อยใส่เอาไว้ก็ลดความเสี่ยงจากสิ่งเหล่านี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อกับใครก็ได้อยู่เหมือนกัน
3. ลดแรงกระแทกและป้องกันการบาดเจ็บของน้องชาย
อีกเหตุผลสำคัญที่ควรสวมกางเกงในผู้ชายมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการบาดเจ็บและช่วยลดแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอกที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ การรูดซิปกางเกง, เผลอโดนของแข็งอัดมาที่เป้า, การเสียดสีระหว่างน้องชายกับกางเกงชั้นนอกที่ทำจากผ้าเนื้อแข็ง และอื่น ๆ อย่ามองว่าไม่มีทางเกิดขึ้นกับตนเองเนื่องจากของอย่างนี้ใครไม่เจอบอกเลยว่าเกินจินตนาการจะคาดเดา ทั้งเจ็บ จุก จนไม่รู้จะบรรยายยังไงเลยทีเดียว

แม้การสวมกางเกงในจะไม่มีผลกับโรคภัยไข้เจ็บ เช่น ไส้เลื่อน แต่จากเหตุผลที่อธิบายทั้งหมดก็คงพอบอกได้ชัดว่าทำไมคุณยังควรต้องใส่กางเกงในผู้ชายอยู่ โดยสรุปคือจะมีผลทั้งเรื่องของการใช้ชีวิตและภาพลักษณ์ภายนอก หรืออธิบายแบบเข้าใจไม่ยากทุกครั้งที่สวมใส่จะช่วยให้คุณ ๆทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมั่นอกมั่นใจ ลดความกังวล หรือสิ่งไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นใส่เอาไว้ไม่ได้ทำให้ชีวิตเสียหายใด ๆ แม้แต่นิดเดียว
Official Website : https://gqsize.gqsize.com/v20vz

 

805
ใครที่ชื่นชอบงาน DIY ชอบสั่งเฟอร์นิเจอร์ IKEA ซึ่งต้องประกอบเฟอร์นิเจอร์เอง จะให้ใช้ไขควงไขต่อไปมันก็จะช้าและเปลืองพลังงาน ด้วยเหตุนั้นถึงเวลาหาสว่านที่รู้ใจมาช่วยทุ่นแรง และประหยัดเวลามากขึ้น ซึ่งเรามีสว่านไร้สายหรือสว่านแบตที่มีคุณภาพมาแนะนำ โดยมีขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย น้ำหนักเบา โดยจะมีเครื่องไหนแบรนด์อะไร มาติดตามกันเลยค่ะ

1.สว่านไร้สาย (พร้อมแบตเตอรี่) PUMPKIN J-12D1501 12 โวลต์ (ราคา 2,390 บาท)


สว่านไร้สาย PUMPKIN J-12D1501 12 โวลต์ มาพร้อมทั้งแบตเตอรี่และแท่นชาร์จ สามารถใช้งานได้แบบอเนกประสงค์ ทั้งงานเจาะทั่วไปทั้งไม้และเจาะเหล็ก รวมทั้งงาน DIY ต่าง ๆ ช่วยในการประกอบและยึดติดกันของเฟอร์นิเจอร์ ไม่ว่าจะเป็น การซ่อมแซม ตกแต่ง งานไม้ และงานยิปซัม โดยตัวสว่านมีขนาดพอดี พอเหมาะกับการใช้งานในที่แคบ และมีน้ำหนักเบา ช่วยเพิ่มความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น นอกจากนี้ยัง ปรับระดับแรงบิดได้ 18+1 ระดับ โดยมอเตอร์แบบใช้แปรงถ่านประสิทธิภาพสูง มีขนาดหัวจับสว่าน 10 มม. มีพร้อมระบบล็อกแกนหมุน ทนต่อแรงบิดได้สูง และสวิตซ์ปรับซ้ายขวา เกียร์ปรับความเร็ว 2 ระดับ และมีไฟ LED ให้ความสว่าง แบตเตอรี่ขนาด 12 โวลต์ ขนาด 1.5 Ah จำนวน 2 ก้อน จึงช่วยงานสะดวกสบายเป็นอย่างยิ่ง

2.สว่านไร้สาย (พร้อมแบตเตอรี่) MAKITA DF333DWYE 12 โวลต์ (ราคา 3,630 บาท)


สว่านไร้สาย makita เป็นสว่านคุณภาพมาตรฐาน มาพร้อมกำลังไฟฟ้าที่ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยจำหน่ายรวมกับแบตเตอรี่และแท่นชาร์จ มีขนาดเล็ก สะดวกในการใช้งาน ประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ และเคลื่อนย้ายได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังมีด้ามจับถนัดและกระชับมือ ทำงานง่ายๆ ทำให้งานช่างของท่านเสร็จได้อย่างเร็ว รวมถึงช่วยประหยัดเวลา มีช่องระบายอากาศ จึงสามารถช่วยระบายความร้อนได้ดี มีการรับประกันสินค้า 6 เดือน ตามเงื่อนไขที่ได้ระบุเอาไว้

3.สว่านไร้สาย (พร้อมแบตเตอรี่) BOSCH GSR120-LI 12 โวลต์ (ราคา 2,990 บาท)


สว่านไร้สาย BOSCH GSR120-LI มาพร้อมกับมแบตเตอรี่และแท่นชาร์จ สามารถใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ทั้งงานช่าง งานไม้ และงานซ่อมแซมต่าง ๆ ด้วยที่มีขนาดเล็กมาก ๆ จึงมีน้ำหนักเบา และสะดวกคล่องตัวในการใช้งาน สามารถเคลื่อนย้ายได้โดยสะดวก มีช่องระบายอากาศ จึงช่วยระบายความร้อนในขณะที่กำลังทำงาน แถมด้ามจับยังกระชับมือ จัดเก็บและเคลื่อนย้ายก็ง่าย ทำให้การทำงานช่างของคุณสะดวกมากขึ้นอีกขั้น

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/TOO110503

806
ตัวจริงเรื่องปิ้งย่างมาขอรีวิวเองกับการใช้งานเตาปิ้งย่าง หรือเตาหมูกระทะสำหรับใช้ภายในบ้านกันค่ะ ซึ่งแต่ละเตาที่เราเลือกมาจะมีขนาดและรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป รวมทั้งประสิทธิภาพและความชอบด้วยเช่นกัน โดยเหตุนั้น มาตามหาเตาปิ้งย่างที่เหมาะสมกับครอบครัวของคุณกันค่ะ โดยมีเตาที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้ ตามมาพิสูจน์ความร้อนเร็ว ไม่ติดกระทะและใช้งานสะดวกมาก ๆ ไปด้วยกัน

1.เตาบาร์บิคิว OTTO GR-175 (ราคาจำหน่าย 990 บาท)


เตาบาร์บิคิว OTTO GR-17 ซึ่งมีลักษณะคล้ายกระทะปิ้งย่างที่อยู่ในร้านหมูกระทะ ซึ่งผลิตจากอะลูมิเนียม จึงช่วยให้ความร้อนได้อย่างทั่วถึง และกระจายความร้อนได้เป็นอย่างดี  สามารถปรับระดับความร้อนได้มากถึง 6 ระดับ จึงสามารถทำให้เนื้อสัตว์สุกได้เร็ว โดยสามารถปิ้งย่างและสามารถทำชาบูได้ในเวลาเดียวกัน โดยผิวกระทะเคลือบสารช่วยไม่ให้อาหารติดกระทะขณะใช้งาน จึงสามารถทำความสะอาดได้ง่ายมาก ๆ มีกำลังไฟ 1900 วัตต์ รวมทั้งมีระบบเทอร์โมสตัทควบคุมความร้อน และตัดไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ จึงปลอดภัยต่อการใช้งาน

2.เครื่องปิ้งย่าง LOCKNLOCK EJG232 (ราคาจำหน่าย 1,590 บาท)


เครื่องปิ้งย่าง LOCKNLOCK ซึ่งเป็นกระทะสำหรับปิ้งย่างโดยเฉพาะ อีกทั้งหน้าเตายังกว้างมาก ๆ โดยผลิตจากวัสดุคุณภาพดี จึงกระจายความร้อนได้ดีเยี่ยมมาก ๆ โดยตัวกระทะเคลือบด้วยสารที่ช่วยไม่ให้อาหารติดกระทะ (Non-Stick PFOA FREE) จึงทำความสะอาดง่ายมาก ๆ สามารถปรับความร้อนได้สูงถึง 3 ระดับ เลือกระดับความร้อนได้ตามความต้องการได้ มีการรับประกันสินค้า 1 ปี นอกจากนี้นอกจากปิ้งย่างแล้ว ยังสามารถได้หลายเมนูทั้งทอด ปิ้ง ย่าง และผัด มีกำลังไฟ 1,200-1,400 วัตต์จึงร้อนเร็วมาก ๆ

3.เตาบาร์บิคิว HANABISHI BBQ-1800 (ราคาจำหน่าย 1,390 บาท)


เตาบาร์บิคิว จาก HANABISHI เป็นเตาบาร์บีคิวสำหรับครอบครัวใหญ่ด้วยเหตุว่าหน้าเตากระทะใหญ่มาก และมีหม้อชาบูใหญ่มากอีกเช่นกันจึงสามารถทำได้ทั้งต้มและปิ้งย่างในเตาเดียวกัน โดย ทำจากวัสดุคุณภาพดี จึงมีความแข็งแรงทาน ผิวหน้าเตาผ่านการเคลือบอย่างดีจึงไม่ติดกระทะ ให้กำลังไฟในการใช้งาน 2,000 วัตต์ ความจุขนาด 3 ลิตร สามารถเคลื่อนย้ายง่ายๆ จัดวางสะดวก และสามารถถอดแยกจากเตาปิ้ง-ย่างได้อย่างดีเยี่ยม

4.เตาบาร์บิคิว MITSUMARU AP-MC14 (ราคา 1,090 บาท)


เตาบาร์บิคิว MITSUMARU เป็นเตาที่สามารถทำสุกี้ยากี้และปิ้งย่างได้แบบ 2 in 1 เนื่องด้วยเป็นเตาปิ้งย่างพร้อมหม้อสุกี้ เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีจำนวนสมาชิกไม่มาก โดยผิวหน้าเคลือบ coating จึงไม่ติดกระทะ และล้างออกง่ายมาก ๆ นอกจากนี้ มี safety thermal fuse ตัดไฟทันทีที่อุณหภูมิสุงผิดปกติ รวมถึงมีสองหัวปรับแยกระหว่างเตาปิ้งย่างและหม้อต้ม และมีช่องระบายน้ำมันบนเตาและมีถาดรองน้ำมันถาดเทได้ มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 ซม. พร้อมฝาแก้ว และมีกำลังไฟ 2000 วัตต์ 220 โวลต์ 50 เฮิร์ซ ผ่านมาตรฐานมอก.1641-2552 โดยสินค้ารับประกันนาน 1 ปี

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0807

807
สายแคมป์ปิ้งไม่ควรพลาด กับเก้าอี้พับได้ที่ต้องพกพาไปด้วยสำหรับแคมป์ปิ้งทุกครั้ง ซึ่งหากใครไม่มีก็ต้องรีบซื้อเนื่องมาจากเวลาเดินทางจริง ๆ จะได้ต้องรีบหาซื้อ เพราะฉะนั้นเราขอมาแนะนำเก้าอี้พับ สำหรับคนเดินทาง ที่ทั้งมีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาง่ายดาย ไม่เปลืองเนื้อที่ในรถ และมีน้ำหนักเบา จะมีตัวไหนที่โดนใจเพื่อน ๆ บ้างมาดูกันเลยจ้า

1.เก้าอี้ปิคนิคพับได้ SPRING TRAVIS (ราคาจำหน่าย 399 บาท)


เก้าอี้ปิคนิคพับได้ SPRING TRAVIS ผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียม เกรด 6063 จึงทั้งแข็งแรง และทนทานต่อการใช้งาน สามารถรองรับการกระแทกได้ และยังมีขนาดเล็กกะทัดรัดมาก ๆ สามารถพับใส่รถยนต์ได้ไม่เปลืองเนื้อที่ในรถยนต์เลยสักนิดเดียว แถมยังมีน้ำหนักเบามาก ๆ แถมยังถูกออกแบบมาให้นั่งสบาย รวมถึงมีดีไซน์สวยงาม ทันสมัย เหมาะกับนั่งปิคนิก หรือแคมป์ปิ้ง นอกจากนี้ยังเคลือบสีแบบอ็อกไซด์ เงางาม และช่วยป้องกันการเกิดสนิม มีพลาสติกกันลื่นที่ขา สามารถรองรับน้ำหนักไม่เกิน 70 กก. แต่กระจายน้ำหนักได้ดีเยี่ยม

2.เก้าอี้พับกลมอเนกประสงค์ MC (ราคา 329 บาท)


เก้าอี้พับกลมอเนกประสงค์ทรงกลมมีสีขาว ซึ่งสามารถนั่งและมีพนักพิงจากพลาสติกชนิดพิเศษ HDPE (High Density Polyethylene) จึงแข็งแรงและทนทานเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงมีความยืดหยุ่นสูง ไม่แตกหักง่าย ยิ่งไปกว่านี้โครงสร้างและขาผลิตจากเหล็ก พ่นป้องกันสนิมด้วยระบบ Powder Coated จึงเกิดสนิมได้ยาก มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายไม่ยาก สามารถพับเก็บช่วยประหยัดเนื้อที่ รวมทั้งสามารถรองรับน้ำหนักได้สูงสุด 100 กก. สามารถใช้ได้ทั้งภายในบ้านและภายนอกบ้าน รวมถึงนำไปแคมป์ปิ้งก็ได้

3.ม้านั่งสนามปิคนิคพับได้ SPRING TRAVIS  (ราคาจำหน่าย 850 บาท)


ม้านั่งสนามปิคนิคพับได้ ซึ่งตอบสนองการใช้งานกับชาวแคมป์ปิ้งมากที่สุดทั้งนี้เพราะสามารถนั่งได้หลายคน โดยมีโครงสร้างผลิตจากวัสดุอะลูมิเนียมคุณภาพดีเยี่ยม อีกทั้งเคลือบสีแบบอ็อกไซด์ จึงช่วยเพิ่มความเงางาม และช่วยป้องกันการเกิดสนิม ที่รองนั่งผลิตจากผ้าอ๊อกฟอร์ดเคลือบกันน้ำ จึงนั่งสบายมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักที่เบามาก เคลื่อนย้ายไม่ยาก และทำความสะอาดง่ายดายอีกด้วย โดยมีพลาสติกรองกันลื่นที่ฐาน จึงป้องกันการขูดขีดบนพื้น สามารถรองรับน้ำหนักได้ไม่เกิน 80 กิโลกรัมค่ะ

4.เก้าอี้พับอเนกประสงค์ NEW STORM (ราคาจำหน่าย 650 บาท)


เก้าอี้พับอเนกประสงค์สามารถพับเก็บได้ โดยที่นั่งและพนักพิงทำจากพลาสติกชนิดพิเศษ HDPE (High Density Polyethylene) จึงมีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อการกระแทก มีความแข็งแรงไม่พักและงอง่าย รวมถึงโครงสร้างและขาผลิตจากเหล็ก พ่นกันสนิทด้วยระบบ Powder Coated มีน้ำหนักเบา โดยพลาสติกมีสารป้องกัน UV จึงทนต่อแสงแดด ทนฝน และทนความร้อนได้ดี อีกทั้งยังดูแลรักษาง่าย และทำความสะอาดง่ายมาก ๆ อีกด้วย

ติดต่อสอบถามได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/OUT0607

808
สิ่งที่สำคัญ แต่หลายท่านมักจะมองข้าม นั่นก็คือกระดาษทิชชู่นั่นเอง ต้องว่ากระดาษทิชชู่ในแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน ด้วยเหตุนั้น เราจะมารีวิวให้เห็นแบบชัด ๆ ว่าทิชชู่ที่เราเลือกใช้นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ควรใช้อย่างไร และชนิดไหนกันแน่ที่เหมาะกับคุณ อย่ารอช้าค่ะ มาติดตามกันเลย

1. กระดาษอเนกประสงค์ PORRIN (ราคาจำหน่าย 135 บาท)


กระดาษอเนกประสงค์มีหน้าที่สำหรับเช็ดทำความสะอาด เพื่อให้ถูกต้องตามสุขอนามัยที่ดี โดยผลิตจากเยื่อกระดาษธรรมชาติเกรดพรีเมี่ยม บริสุทธิ์ 100% จึงทำหน้าเนื้อกระดาษหนา นุ่ม ไม่เป็นขุย ช่วยในการเช็ดและซึมซับได้ดีเยี่ยม ซึ่งมีความปลอดภัยในการใช้งานจึงสามารถซึมซับอาหารได้ รวมทั้งสามารถซับน้ำมันจากอาหาร ทำให้อาหารคลีนและดีต่อสุขภาพของเรามากขึ้น

2. ทิชชู่เช็ดหน้า CELLOX POPUP (ราคา 68 บาท)


ทิชชู่เช็ดหน้า CELLOX POPUP ผลิตจากเยื่อกระดาษธรรมชาติ จึงมอบสัมผัสที่เหนียวนุ่ม และซึมซับของเหลวได้ดี สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย อาทิเช่น ใช้ภายในร้านอาหาร ห้องน้ำ สามารถพกติดกระเป๋าเอาไว้ตลอดเวลาได้เลย มาพร้อมเทคโนโลยี GermClearPlus จึงช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียได้ถึง 99.9% จึงสะอาดและปลอดภัยสูง และยังสะดวกต่อการใช้งานด้วยรูปแบบป็อปอัพ จึงดึงมาใช้ได้เลย รวมถึงกระดาษหนา 2 ชั้นจึงไม่เป็นขุย แม้เปียกน้ำ ผ่านการอบความร้อนที่ 250 องศาเซลเซียสและผ่านการทดสอบจากสถาบันแพทย์ผิวหนังว่า อ่อนโยน ไม่ระคายเคืองผิว

3.กระดาษอเนกประสงค์ SCOTT REUSE & CLEAN (ราคาจำหน่าย 99 บาท)


กระดาษอเนกประสงค์ SCOTT REUSE & CLEAN ไซส์ยาวสำหรับใช้งานในครัว โดยนำเทคโนโลยีเฉพาะของสก๊อต จึงสามารถซัก ใช้ซ้ำ เหนียว ทนทานเสมือนผ้า รวมถึงผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสู งสามารถล้างทำความสะอาด และนำกลับมาใช้ใหม่ได้ จึงประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นอย่างยิ่ง แถมยังมอบเนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม สามารถดูดซับของเหลวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองต่อผิว

4.กระดาษเช็ดหน้า KLEENEX SIKY (ราคาจำหน่าย 129 บาท)


กระดาษเช็ดหน้า KLEENEX SIKY เป็นกระดาษทิชชู่ที่ยกระดับการเช็ดหน้าที่อ่อนนุ่มผิวเป็นพิเศษ เนื่องมาจากเนื้อกระดาษดีไร้ที่ติ อีกทั้งหนา เหนียว และนุ่มมาก รวมทั้งมีสารสกัดจากแตงกวา จึงช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้น โดยผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน 300 องศาเซลเซียส จึงสะอาดปลอดภัยอ่อนโยนและเป็นธรรมชาติที่สุด อีกทั้งเนื้อกระดาษหนา 3 ชั้น ผสานกับอโลเวร่าโลชั่นจึงนุ่มกว่ากระดาษทิชชู่ทั่วไป

5.กระดาษชำระ ZILK JUMBO (ราคาจำหน่าย 164บาท)


กระดาษชำระ ZILK เป็นยี่ห้อที่คนไทยใช้กันมานาน ทำจากเนื้อกระดาษคุณภาพดีจึงทั้งเหนียวและนุ่ม ไม่เปื่อยยุ่ยง่าย ซึมซับน้ำได้ดี ไม่เปื่อยยุ่ยง่าย จึงเช็ดสะอาดไม่ติดผิว โดยเนื้อกระดาษหนา 2 ชั้น จึงหนามาก ๆ กระดาษยาวต่อม้วนถึง 22 เมตร จึงใช้งานได้ยาวนานมาก สามารถใช้งานได้แบบอเนกประสงค์ โดยใช้กับหน้าได้ ใช้ซับเหงื่อ ได้โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0213

809
สำหรับบ้านใดที่มีเนื้อที่พอที่จะวางเก้าอี้สนามไว้ด้านนอกได้ ก็ต้องการเก้าอี้สนามสวย ๆ ไว้เต็มเติมบ้านของคุณ ๆให้สวยและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โอกาสนี้เราเลยขอนำเสนอเก้าสนามสวย ๆ ดีไซน์เริ่ด ๆ อีกทั้งยังทนทาน กันแดด กันลม และกันฝนดีเยี่ยม มีชนิดไหนบ้าง มาติดตามกันค่ะ

1. เก้าอี้ปรับระดับอะลูมิเนียม SPRING (ราคาจำหน่าย 1,890 บาท)


โครงเก้าอี้ผลิตจากอะลูมิเนียมเคลือบสีฝุ่นอย่างดี ซึ่งเป็นเก้าอี้ที่สามารถปรับระดับได้ ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ กับเก้าอี้สนามเดินป่า แต่โดดเด่นที่ความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งาน มีเบาะที่นั่งและพนักฟิง ซึ่งทำจากผ้า TEXTILENE ซึ่งรองรับสรีระได้อย่างนุ่มสบาย และยังระบายอากาศได้ดี สามารถพับเก็บได้ จึงประหยัดพื้นที่ใช้สอย สามารถเคลื่อนย้ายสะดวก และดูแลทำความสะอาดได้ง่าย เหมาะสำหรับใช้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ หรือนำไปเดินป่าจริง ๆ ก็ได้

2.เก้าอี้สนามหวายเทียม SPRING COFF (ราคา 1,890 บาท)


เก้าอี้สนามหวายเทียม สามารถนำมาวางที่ส่วนไหนของบ้านก็ทำให้บ้านสวยน่ารักและดูคลาสสิคมากยิ่งขึ้น โดยจัดวางได้ทั้งภายใน และภายนอกของบ้าน ทำจากเหล็กขัดผิวเรียบพ่นสี ขึงไม่ขึ้นสนิม ส่วนที่นั่งจะเป็นการถักหวาย PE ซึ่งเป็นหวายเทียม จึงให้ความยืดหยุ่น รองรับสรีระได้ดี รวมถึงมีจุกพลาสติกรองกันลื่นที่ขาเก้าอี้ แถมยังโดดเด่นที่การดีไซน์ที่สวยงาม เติมแต่งบ้านของคุณให้มีสีสันมากยิ่งขึ้น

3.เก้าอี้สนามเหล็ก SPRING IRENE (ราคาจำหน่าย 1,690 บาท)


เก้าอี้สนามเหล็ก SPRING IRENE เป็นเก้าอี้สนามสีเทาขาว ช่วยเพิ่มความสวยงามให้บ้าน โดยผลิตมาจากโครงสร้างเหล็กที่มีคุณภาพดีเยี่ยม ซึ่งขัดผิวเรียบ จึงยากที่จะขึ้นสนิม เพราะดีไซน์ทรงโมเดิร์นจึงเข้ากับทุกมุมบ้านช่วยเปลี่ยนบรรยากาศภายในบ้านให้ผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเคลือบด้วยระบบ POWDER COATING ทำให้สีไม่หลุดลอกโดยง่าย ซึ่งเบาะรองนั่งผลิตจากผ้าโพลีเอสเตอร์ ด้านในเป็นฟองน้ำจึงนั่งได้นุ่มสบายมาก ๆ

4.ม้านั่งสนามไม้สัก SPRING CAGE BENCH  (ราคา 9,990 บาท)


ใครที่กำลังมองหาม้านั่งสนามสำหรับแต่งสวนภายในบ้านของคุณเอง เพราะด้วย โครงสร้างเก้าอี้ซึ่งผลิตจากเหล็กคุณภาพ จึงมีความแข็งแรงทนทานต่อการใช้งานสูง โดยพื้นที่นั่งทำมาจากไม้สัก ซึ่งเป็นไม้เนื้อแข็งทนต่อปลวกและแมลงสูง สามารถนำมาประดับตกแต่งได้ทั้งสวน มุมบ้าน หรืออาคารต่าง ๆ

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/OUT060503

810
ทราบไหมเอ่ยว่าตลอด 24 ช.ม. เราต้องอยู่บนเตียงอย่างน้อย 6-8 ช.ม.แล้วทุกคน ฉะนั้นที่นอนจึงเป็นสิ่งที่ควรลงทุนอย่างยิ่ง ด้วยเหตุว่าที่นอนที่ดีนั้นช่วยให้เรานอนหลับสบาย ส่งเสริมการนอนที่มีคุณภาพ แถมยังเกี่ยวเนื่องกับในเรื่องสุขภาพของเราอีกด้วย ฉะนั้นเราจะมาแนะนำที่นอนสุขภาพ ที่แสนกว้างขวาง แล้วมานอนหลับสบายไปด้วยกันค่ะ

1.ที่นอน SYNDA AMBIENCE (ราคา 33,900 บาท)


ที่นอน SYNDA AMBIENCE เป็นที่นอนขนาด 6 ฟุต ที่จะช่วยให้คุณหลับสนิท และหลับสบายได้ทั้งคืน ด้วยระบบ Pocket Spring จากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ผสานระบบ Pocket Spring หรือNo interruption จึงทำให้เราสามารถพักตัวได้โดยไม่รบกวนคนด้านข้าง เสริมความทนทานแข็งแรงด้วย Edge Guard  ซึ่งเป็นการเสริมขอบโครงสร้างสปริงป้องกันลูกสปริงล้ม นอกจากนี้ที่นอน SYNDA AMBIENCE รุ่นนี้ยังมีความยืดหยุ่นพิเศษ และมีโครงสร้างสปริงที่จัดเรียงเป็นพิเศษตามสรีรศาสตร์ เพิ่มความนุ่มนวลด้วยผ้า Cotton Knitting นำเข้าจากประเทศเยอรมัน นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Sanitizedจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงไม่มีไรฝุ่น ทั้งยังสามารถระบายอากาศได้ดี ป้องกันกลิ่นอับชื้น ให้คุณสัมผัสของนุ่มสบายแห่งการนอนได้เลยค่ะ

2.  ที่นอน DUNLOPILLO CHESTER (ราคาจำหน่าย 23,390 บาท)


ที่นอน DUNLOPILLO CHESTER  เป็นที่นอนขนาด 5 ฟุต ที่ดีไซน์มาเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ จึงทำให้ท่านนอนหลับสบายได้ตลอดค่ำคื่น มาพร้อมกับผิวสัมผัสของที่นอนเคลือบด้วยสารเพื่อสุขภาพจึงมีความปลอดภัยตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ยังมีทรีทเมนท์ Dust Mite Protection Coating หรือสารป้องกันไรฝุ่น จึงสบายไปทุกผิวสัมผัส โดยมีรูปแบบที่นอนสปริงรองรับน้ำหนัก Firma Luxe Coil 3970 จึงช่วยปรับสมดุลทุกแรงกดทับ ขยับตัวก็ไม่ทำให้คนด้านข้างรำคาญ สร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ดี ไม่ทำให้เกิดการแพ้อย่างแน่นอน

3.ที่นอน VENTRY TOPAZ (ราคาจำหน่าย 45,900 บาท)


ที่นอน VENTRY TOPAZ เป็นที่นอนยางพาราแท้ 100% ออกแบบมาเพื่อสรีระอย่างแท้จริง เนื่องจากร่างกายมีการกระจายน้ำหนักในแต่ละส่วนไม่เท่ากัน ที่นอนตัวนี้จึงมีการอออแบบเป็น 7 Body Zone System เสริมด้วยยางพาราอัดแน่น จึงสามารถกระจายน้ำหนัก แบ่งพื้นที่รองรับร่างกายออกเป็น 7 ส่วน หุ้มด้วยผ้าทอลายชนิดพิเศษ จึงช่วยระบายอากาศ ไม่เก็บความชื้น ให้ความรู้สึกเย็นสบายในขณะนอนหลับ มาพร้อมคุณสมบัติ Triple-A Protection จึงป้องกันเชื้อรา ไรฝุ่นและแบคทีเรีย สินค้ารับประกันสูงถึง 12 ปี เฉพาะโครงสร้าง ไม่รวมผ้าหุ้มที่นอน จึงทำให้การนอนมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/BED0302

811
สำหรับคนรักรองเท้า อย่างเช่นรองเท้าราคาแพง ผ้าใบราคาแพงจำเป็นต้องดูแลรักษาอย่างดี เนื่องด้วยรองเท้าบางคู่ราคาหลายพัน หลายหมื่นเลยก็มี ด้วยเหตุนั้น เราจะพาทุกคนไปตามหากล่องใส่รองเท้า เพื่อป้องกันรองเท้าจากฝุ่นควัน และสิ่งสกปรกต่าง ๆ รวมถึงช่วยในการจัดเก็บให้เป็นระเบียบ ซึ่งกล่องรองเท้าที่เรานำแนะนำมีอะไรบ้างมาติดตามกันค่ะ

1. กล่องรองเท้าสีใส STACKO (ราคา 129 บาท)

กล่องรองเท้า STACKO เป็นกล่องรองเท้าสีใส แบบฝาเปิดด้านบน สามารถล็อกปิดสนิทกันฝุ่นเข้า เพราะด้วยความที่เป็นกล่องสีใสจึงสามารถมองเห็นรองเท้าด้านในได้ จึงเลือกคู่ที่ตั้งใจใส่ได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถวางซ้อนกันได้จึงช่วยประหยัดเนื้อที่ในการจัดเก็บ อีกทั้งยังมีดีไซน์ที่ทันสมัย แข็งแรง ทนทานใช้ได้นาน ซึ่งนอกจากใส่รองเท้าแล้วอย่างสามารถใส่สิ่งของอย่างอื่นได้อีกเช่นกัน

2.กล่องรองเท้าหมุดเงิน BOX BOX (ราคาจำหน่าย 399 บาท)


จัดระเบียบรองเท้าคู่ด้วยกล่องเก็บรองเท้า BOX BOX ซึ่งมาอยู่ในรูปแบบลิ้นชักหมุดเงินจึงจัดเก็บสะดวก ไม่เสียเวลาในการเปิดดูทีละคู่ และนำเอามาใช้งานง่ายมาก ๆ อีกด้วย รวมไปถึงมาในกล่องใส ๆ จึงสามารถมองเห็นรองเท้าที่อยู่ด้านในง่าย รวมถึงสามารถซ้อนกันได้ ตัวกล่องมีน้ำหนักเบา ไม่แตกหักง่าย สามารถป้องกันฝุ่น กันความชื้นได้ดี ช่วยยืดอายุของรองเท้า นอกจากนี้พลาสติกยังผลิตมาจากวัสดุคุณภาพดี ทนทาน น้ำหนักเบา ใช้ได้นาน รวมถึงเคลื่อนย้ายได้สะดวกมาก ๆ

3.กล่องรองเท้า STACKO สีน้ำเงิน (ราคาจำหน่าย 129 บาท)


กล่องรองเท้า STACKO สีน้ำเงินกล่องนี้ทำมาจากพลาสติกเกรด A จึงแข็งแรง และทนทานต่อทุกการใช้งานเป็นอย่างยิ่ง และถึงแม้จะมีสีน้ำเงินแต่ก็เป็นสีน้ำเงินแบบใสจึงมองเห็นรองเท้าที่อยู่ด้านในได้เพื่อการเลือกหยิบที่สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ตัวกล่องยังเป็นระบบที่ล็อกปิดสนิทระหว่างชั้นบนและล่างจึงวางเรียงต่อกันเป็นชั้นได้ และมีตัวล็อกเพื่อเพิ่มความแข็งแรงระหว่างแถวมากขึ้น รวมถึงมีรูระบายอากาศ จึงป้องกันกลิ่นอับชื้น พร้อมประกอบและติดตั้งได้สะดวกที่สุด

4.กล่องรองเท้า STACKO สีขาว (ราคา 179 บาท)


กล่องรองเท้า STACKO สีขาวสีใสแบบฝาหน้า ทำจากพลาสติกคุณภาพดี มีความแข็งแรงทนทาน จึงมีอายุการใช้งานของกล่องที่ยาวนาน รวมถึงมีช่องระบายอากาศจึงช่วยลดกลิ่นอับชื้นภายในกล่องได้เป็นอย่างมาก ที่โดดเด่นที่สุดเลยก็คือดีไซน์ที่สวยและทันสมัยสามารถวางซ้อนกันได้จึงประหยัดเนื้อที่ เพิ่มเนื้อที่การจัดเก็บที่เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังฝาหน้าสำหรับเปิดปิดจึงป้องกันฝุ่นละอองต่าง ๆ และช่วยในการจัดเก็บรองเท้าได้มิดชิดมากยิ่งขึ้น

5.กล่องรองเท้าฝาหน้า STACKO สีเทา (ราคา 179 บาท)


กล่องรองเท้าฝาหน้าสีเทาช่วยป้องกันรองเท้าของคุณ ๆจากฝุ่นละอองต่าง ๆ รวมถึงป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกมาเกาะติดอยู่บนรองเท้าของคุณ โดยผลิตจากพลาสติกคุณภาพดี แข็งแรงทนทาน ไม่แตกง่าย มีที่เปิดปิดสะดวก โดยฝาด้านหน้าเป็นแบบใสจึงมองเห็นรองเท้าของท่านได้อย่างชัดเจน สามารถวางเรียงเป็นชั้นสูงจึงประหยัดเนื้อที่ในการใช้สอยได้

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP120501

812
หลายคนมักมีคำถามว่าซักผ้าอย่างไรให้หอมเหมือนแม่ซัก โดยเฉพาะชาวคอนโดมีเนียมที่อาศัยอยู่คนเดียวแล้วล่ะก็ ไม่เคยซักผ้าแล้วหอมติดทนนานเหมือนตอนอยู่บ้านเลยซักครั้ง ครั้งนี้เราเลยจะขอมารีวิว 4 น้ำยาปรับผ้านุ่ม ที่ช่วยมอบความหอมติดทนยาวนานให้กับเนื้อผ้า พร้อมช่วยผ้านุ่มถึงเส้นใยเหมือนกับแม่มาซักให้ โดยทั้ง 4 ยี่ห้อที่เราจะนำเสนอมีอะไรบ้าง ซึ่งมาพร้อมสี่กลิ่นหอมละมุนถูกใจทุกคนอย่างแน่นอน ฉะนั้น มาติดตามกันเลยค่ะ

1. น้ำยาปรับผ้านุ่มดาวนี่ (ราคา 165 บาท)


น้ำยาปรับผ้านุ่มดาวนี่สูตรเข้มข้นพิเศษ มีปริมาณ 1,250ml มาพร้อมกลิ่นหอม Passion ซึ่งเปลี่ยนกลิ่นหอมสดชื่นดุจดอกกุหลาบอ่อน ๆ โดยผสาน 2 แคปซูลน้ำหอมสุดพิเศษจากไมโครแคปซูลเทคโนโลยี (Perfume Micro Capsules Technology) เทคโนโลยีบรรจุหัวน้ำหอมเข้มข้นภายในแคปซูล จึงมอบความผมยาวนานให้ติดทนบนเสื้อผ้าของคุณ พร้อมช่วยผ้าหอมนุ่ม น่าสัมผัส รวมถึงช่วยทำให้ผ้ารีดง่าย สวมใส่ได้สบายมากยิ่งขึ้น โดยใช้เพียงครึ่งฝาต่อผ้า 20 ชิ้น ผ้าก็หอมนุ่มิดทนยาวนานเหมือนแม่มาซักเองแล้วค่ะ

2.น้ำยาปรับผ้านุ่มไฮยีน (ราคา 119 บาท)


น้ำยาปรับผ้านุ่มไฮยีน เอ็กซ์เพิร์ท แคร์ บลูมมิ่ง ทัช กลิ่นบลูมมิ่งทัช เป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษ ที่ผสานเซรั่มน้ำนมฮอกไกโด และสารสกัดดอกคาโมมายด์จากยุโรปเข้าไว้ด้วยกัน เป็นกลิ่นหอมของนมผสมดอกไม้แสนละมุนจนคิดถึงแม่เลยทีเดียว อีกทั้งยังช่วยลดกลิ่นอับชื่น ช่วยให้ผ้านุ่มลื่นมากขึ้นเพราะมีส่วนผสมของมอยซ์เจอไรเซอร์เข้มข้นจึงช่วยมอบความนุ่ม ลื่นพลิ้วให้ผ้า ซึ่งช่วยผ้าหอมยาวนานมากกว่าน้ำยาปรับผ้านุ่มทั่วไปถึง 5 เท่า นอกจากนี้คนที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายสามารถใช้ได้

3.น้ำยาปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ท เพียว (ราคา 149 บาท)


น้ำยาปรับผ้านุ่มคอมฟอร์ท เพียว เป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษ ที่มอบความนุ่มให้ผ้ามากกว่าเดิมถึง 3 เท่า ซึ่งหากใครชอบกลิ่นหอมละมุนเหมือนผิวเด็กแนะนำให้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรนี้เลยค่ะ แถมยังมอบกลิ่นหอมยาวนาน สามารถสร้างความผ่อนคลายให้ทันทีที่ได้กลิ่น รวมถึงปราศจากสารระคายเคืองต่าง ๆ และผ่านการทดสอบจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง จึงปลอดภัยต่อการใช้งาย ไม่ระคายเคืองผิว ผิวเด็ก ผิวเด็ก ผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้ โดยมีปริมาณ 1,300 มิลลิลิตร ใช้ได้ 75 ครั้งต่อ 1 ถุง

4.น้ำยาปรับผ้านุ่มไฟน์ไลน์ (ราคา 39 บาท)


น้ำยาปรับผ้านุ่มไฟน์ไลน์ สูตรเข้มข้นพิเศษ พรีเมียม ออร์แกนิค ซึ่งมีส่วนผสมของสารสกัดจาก white tea ที่มาจากธรรมชาติ 100% ซึ่งมีแหล่งกำเนิดจากทวีปยุโรป ให้ความหอม ผ่อนคลาย จากยอดอ่อนใบชาเขียว พร้อมทำให้ผ้านุ่มฟูน่าสัมผัส ช่วยให้ผ้าไม่ลีบ ไม่ติดผิว รีดง่าย แถมมอบกลิ่นหอม ผ่อนคลายยาวนาน แต่คงความสีสันสดใสให้ผ้า เพื่อผ้าที่ดูสวยเหมือนใหม่ มีปริมาณ 500 ml จึงใช้ได้นานราคาไม่แพง แต่ความหอม ความเป็นธรรมชาติต้องยกให้ไฟน์ไลน์ พรีเมียม ออร์แกนิค เลยค่ะ

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0702

813
ถึงเวลาที่ต้องทำความสะอาดห้องน้ำทีไร ต้องเหน็ดเหนื่อยทุกที  เนื่องจากคราบสกปรกที่ฝังแน่นอยู่ตามซอกกระเบื้องนั้นขจัดออกยากมาก ใช้น้ำยาล้างห้องน้ำมาแล้วหลากหลายยี่ห้อคราบสกปรกต่าง ๆ ก็อยู่เหมือนว่าจะไม่หายไป เราต้องทำอะไรสักอย่าง โดยเราขอเปรียบเทียบน้ำยาล้างห้องน้ำ 4 ยี่ห้อที่ทำให้ทุกการขจัดคราบไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แถมกลิ่นไม่ฉุน ขัดไม่เหนื่อย แต่จะมียี่ห้ออะไรบ้าง ตามมาดูกัน

1. น้ำยาล้างห้องน้ำเป็ด พิ้งค์ สมูท 3,500 มิลลิลิตร (ราคา 215 บาท)


น้ำยาล้างห้องน้ำเป็ด เป็นน้ำยาล้างห้องน้ำขวดสีชมพูขวดใหญ่ใช้ได้นาน กลิ่นพิ้งค์ สมูท ซึ่งมีกลิ่นหอมและไม่ฉุนเหมือนเคย โดยมีประสิทธิภาพในการขจัดคราบสกปรกและขจัดเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99.9% รวมถึงเชื้อไวรัส H1N1 โดยราดเป็ดทิ้งไว้บนพื้นห้องน้ำเพียงแค่ 10 นาทีเท่านั้นแล้วค่อยออกแรงขัดเบา ๆ คราบต่าง ๆ ก็หายไปได้อย่างหมดจด ซึ่งประกอบไปด้วย ไฮโดรคลอริกปานกลาง 8.5 % โดยผสมน้ำยา 1 ส่วน กับน้ำ 1 ส่วน ราดทิ้งไว้ 10 นาที แล้วขัดออก ต่อจากนั้นล้างทำความสะอาด ท่านก็จะได้ห้องน้ำสวยเหมือนใหม่แล้วค่ะ

2.น้ำยาขจัดคราบหินปูนห้องน้ำ HG 1,000 ml (ราคา 479 บาท)


น้ำยาขจัดคราบหินปูนห้องน้ำ HG เป็นน้ำยาขจัดคราบหินปูนสูตรเข้มข้น ช่วยในการทำความสะอาดห้องน้ำให้มากขึ้น โดยเฉพาะคราบหินปูนในโถปัสสาวะ ตู้อาบน้ำ ก๊อกน้ำ และยังช่วยคืนความเงางามให้กับวัสดุต่าง ๆ อาทิ โครเมียม สเตนเลส กระจก พลาสติก และกระเบื้องเซรามิก เหตุเพราะน้ำยาขจัดคราบขวดนี้ช่วยลดการสะสมของคราบหินปูนได้เป็นอย่างดี โดยแค่ผสมน้ำยาในสัดส่วนที่กำหนด และทิ้งไว้ 30 นาทีค่อย ๆ ล้างออกจะเห็นเลยว่าคราบหินปูนที่เกาะอยู่ในห้องน้ำหายไปทันทีเลยค่ะ

3.น้ำยาทำความสะอาดสุขภัณฑ์ MAGICLEAN (ราคา 65 บาท)


น้ำยาทำความสะอาดสุขภัณฑ์ มาจิคลีน กลิ่น ฟอเรสท์ เฟรช เป็นน้ำยาทำความสะอาดที่ให้กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนกับอยู่ในป่า มาพร้อมกับเทคโนโลยี Polymer Guard เคลือบพื้นผิว จึงสามารถขจัดคราบสกปรก และสิ่งปฏิกูลได้อย่างง่ายดาย แถมยังมีคอขวดออกแบบเฉพาะ จึงช่วยขจัดคราบได้ลึกมากยิ่งขึ้น สามารถใช้ได้ทั้งบริเวณขอบโถ คอห่าน และฝารองนั่ง ช่วยให้ห้องน้ำของคุณทั้งหอม ทั้งสะอาดมากขึ้นยิ่งกว่าที่เคย

4. น้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำ VIXOL (ราคา 42 บาท)


น้ำยาล้างห้องน้ำ ใช้ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ โถส้วม และโถปัสสาวะ ของ VIXOL มาพร้อมกลิ่นเฟรช ซิทัชที่มอบความหอมสดชื่นไม่มีกลิ่นฉุน พร้อมช่วยขจัดคราบทั่วถึงได้สูงสุดถึง 11 คราบ โดยขวดนี้เป็นสูตร3D Action จึงช่วยเคลือบเงา ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99.9% และฆ่าเชื้อราได้หมดจด โดยทำหน้าที่ชำระล้างคราบสกปรกที่ฝังแน่นให้อ่อนนุ่มขึ้นจึงทำให้ขัดออกง่ายไม่เปลืองแรง และยังไม่ทำลายแนวและพื้นผิวของกระเบื้องอีกด้วย โดยเท VIXOL ลงบนบริเวณที่จะทำความสะอาด ทิ้งไว้ 10 นาที ขัดให้ทั่วแล้วล้างออก ห้องน้ำของคุณ ๆก็จะสะอาดขึ้นทันตาเห็น

ติดต่อสอบถามได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0610

814
ฝุ่นควันมลพิษ สิ่งสกปรก อยู่มากมายรอบตัว จะมีที่ไหนบ้างที่ทำให้เราได้รับอากาศบริสุทธิ์ไม่มีแบคทีเรียกวนใจ ยิ่งคนที่เป็นภูมิแพ้ยิ่งแล้วใหญ่เพราะเมื่อเจออากาศแสนเลวร้าย และเชื้อโรคเมื่อไหร่อาการภูมิแพ้กำเริบมากเท่านั้น เราจำเป็นต้องหาทางออกกันค่ะทุกคน ด้วยเครื่องฟอกอากาศ ที่มีคุณภาพสามารถกรองฝุ่น กำจัดเชื้อโรค เคลียร์แบคทีเรีย เพื่อให้อากาศภายในบ้านกลับมาสะอาดบริสุทธิ์เหมือนเดิม แต่จะมียี่ห้อไหนบ้างนั้น ตามมาดูกัน

1.เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS รุ่น AC1215 (ราคาจำหน่าย 5,990 บาท)


เครื่องฟอกอากาศ PHILIPS รุ่น AC1215 ห้องสะอาดบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น ที่ออกแบบมาเพื่อห้องนอนของคุณโดยเฉพาะ มาพร้อมเทคโนโลยีการฟอกอากาศ แบบ VitaShield IPS ซึ่งมีแผ่นกรอง 3 ชั้น รวมถึงมีเทคโนโลยี NanoProtect Pro ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกรองอากาศ  จึงสามารถขจัดอนุภาคขนาดเล็กกว่า 20 นาโนเมตร รวมถึงแบคทีเรีย TVOC รวมถึงสามารถขจัดสารก่อภูมิแพ้ได้สูงสุดถึง 99.97% อีกทั้งยังมี AQI sensor ที่ช่วยตรวจจับสภาวะอากาศ สามารถแสดงผลคุณภาพอากาศซึ่งเป็นแถบไฟ 4 สี นอกจากนี้ยังมีระบบ NightSense เมื่อดับไฟในห้อง ช่วยปิดแสงรบกวน และมีโหมดทำงานเงียบ จึงทำให้คุณนอนหลับสบาย

2.เครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-JM40B-B (ราคาจำหน่าย 8,990 บาท)


เครื่องฟอกอากาศ SHARP เป็นเครื่องฟอกอากาศแบบพลาสม่าคลัสเตอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการฟอกอากาศซึ่งเป็นลิขสิทธิ์แท้ของชาร์ป โดยทำหน้าที่ปล่อยอนุภาคไฟฟ้าประจุบวกและลบแบบเดียวกับที่มีในธรรมชาติ ซึ่งอนุภาคทั้งหมดเหล่านี้ที่จะเข้าไปทำลายผนังของเชื้อโรค และเซลล์เชื้อรา รวมถึงแบคทีเรียที่ลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งตัวพลาสม่าคลัสเตอร์ตัวนี้ได้ผ่านการรับรองจากสถาบันวิจัยนานาชาติ 26 แห่ง รวมถึงมีฟังก์ชันกันยุงจึงเหมาะสมกับครอบครัวที่มีเด็กเล็กเป็นอย่างยิ่ง พร้อมช่วยสลายกลิ่นอับชื้น และสลายฤทธิ์สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น สามารถเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น และกลิ่นไม่พึงประสงค์ พร้อมไฟแสดงสภาวะความสะอาดของอากาศ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันตั้งเวลาเปิด-ปิด และมีแผ่นกรอง HEPA ช่วยจับฝุ่นที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.97%

3. เครื่องฟอกอากาศ XIAOMI รุ่น XMI-FJY4013GL(PRO) (ราคา 6,990 บาท)


เครื่องฟอกอากาศ XIAOMI รุ่น XMI-FJY4013GL เป็นเครื่องฟอกอากาศแบบMi AIR PURIFIER Pro เหมาะกับห้องขนาด 35-60 ตารางเมตร จึงเหมาะกับห้องขนาดใหญ่และออฟฟิศ สามารถผลิตอากาศบริสุทธิ์ออกมาได้ถึง 550 ลบ.ม./ชม. ในเวลาเพียงแค่ 10 นาที มีหน้าจอ OLED แสดงผลคุณภาพอากาศ (AQI) แบบเรียลไทม์ โดยสามารถกรองอากาศได้มากถึง 3 ขั้นตอน คือ PET Pre-Filter, HEPA-Filter และ Carbon-Filter สามารถ กรองฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนได้มากถึง 99.99% ซึ่งไส้กรองมีอายุการใช้งานนานถึง 4,000 ชั่วโมง มีระบบมอเตอร์คู่ DC Brushless กับ 2 ใบพัด จึงช่วยดูดอากาศที่สกปรกเข้าสู่เครื่องฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว โดยใช้การควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาเพียง 9.7 กิโลกรัม

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP02

815
คอซีรีส์ไม่ควรพลาด เพราะว่าเราจะมาเสนอแนะทีวี ที่ตอบโจทย์คอซีรีส์ที่อยากได้ทีวีจอสีใหญ่ ๆ ความละเอียดสูง ภาพคมชัดมากเวอร์เหมือนพระเอกซีรีส์มาอยู่ตรงนี้กับเรา ซึ่งมาพร้อมกับระบบเสียงดี ๆ มีฟังก์ชันการใช้งานครบ ให้เราได้เพลิดเพลินใจไปกับการดูซีรีส์ที่หลากหลาย เต็มเติมอรรถรสการรับชม ซึ่งมีทีวีเครื่องใด ยี่ห้อใดบ้างที่ครบเครื่องเรื่องซีรีส์ในวันนี้เราจะมาแนะนำให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้ทราบกันตามมาเลยค่ะ

1.ทีวี SAMSUNG รุ่น QA50LS01TAKXXT (ราคาจำหน่าย 32,990 บาท)


ทีวี SAMSUNG ขนาด 50 นิ้ว โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่มีคนดัง บล็อกเกอร์ ยูทูปเบอร์รีวิวทีวีSamsungรุ่นนี้กันมากมาย โดยความพิเศษมาพร้อมกับขาตั้งที่สามารถเคลื่อนย้ายง่ายดายจัดวางได้อย่างอิสระ  มีความเป็นมินิมอลสูงมาก ๆ หลาย ๆ ท่านเลยอยากจับจองทีวีเครื่องนี้ มาพูดถึงความคมชัดต้องแบบเลยว่าวามละเอียดระดับ 4K (3,840 x 2,160) สามารถประมวลผลแบบ  Quantum Processor 4K นอกจากนี้ยังมีระบบ Quantum Dot และ HDR10+ สร้างระดับสี 100% สามารถปรับความสว่างให้เหมาะสมในแต่ละช่วงได้ การสร้างสรรค์ภาพใน Ambient Mode จาก Ronan และ Erwan Bouroullec จึงสร้างมิติของภาพเหมือนอยู่ในแกลลอรี่ เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Multi View สามารถแบ่งหน้าจอสำหรับรับชมทีวีควบคู่ไปกับการเล่นโซเชียล เน็ตเวิร์กได้ มาพร้อมการสั่งงานด้วยเสียงอีกด้วย

2.ทีวี SHARP รุ่น 4T-C60CK1X (ราคาจำหน่าย 19,590 บาท)


ทีวี SHARP รุ่น 4T-C60CK1X เป็นหน้าจอแบบ LED ขนาด 60 นิ้ว  ด้วยความละเอียดภาพระดับ 4K Ultra HD และหลอดภาพ LED Blacklight มาพร้อมเทคโนโลยีลดนอยส์รบกวน X4 Master Engine Pro II มีผลให้ภาพ 4k ดูคมชัดมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังรองรับ Chromecast built-in จึงสามารถแชร์ความบันเทิงจากโทรศัพท์ไปยังหน้าจอทีวีของคุณได้ และด้วยสมาร์ททีวีจึงรองรับสตรีมมิ่งมากมาย เช่น Netflix, Youtube และ Google Play ให้ทุกท่านสามารถชมซีรีส์ได้อย่างจุใจ นอกจากนี้ยังมีระบบเสียง Original Surround และ ตัวรับสัญญาณ Digital ในตัว จึงสามารถรับชมดิจิทัลทีวีได้อย่างไม่มีสะดุด รวมถึงสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่น ๆ อาทิ  Bluetooth พร้อมช่อง USB และช่องต่อ HDMI เพื่อการเชื่อมต่ออุปกรณ์ภาพ และเสียงจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก

3.ทีวี LG รุ่น 65UP7750PTB (ราคาจำหน่าย 25,990 บาท)


ทีวี LG รุ่น 65UP7750PTB มอบภาพที่สมจริง พร้อมสีสันสดใส พิกเซลสูงกว่า Full HD ถึง 4 เท่ หน้าจอกว้างขนาด 65 นิ้วทำให้สามารถรับชมซีรีส์ได้อย่างจุใจ ด้วยความละเอียดภาพแบบ  Real 4K ภาพคมชัดระดับ 4K (3,840 x 2,160) สามารถ Active HDR ภาพ HDR ทั้งแบบ HDR 10 Pro และแบบ HLG โดยมีระบบ LG ThinQ AI ที่สามารถสั่งงานด้วยเสียง นอกจากนี้ยังมาภาพ Magic Remote หรือเมาส์ไร้สายในการควบคุมการทำงานของหน้าจอทีวี สามารถแชร์คอนเทนต์จาก Apple Airplay 2 สู่หน้าจอทีวีได้อย่างสะดวกมาก  ที่มาพร้อมกับพลังเสียง 20 วัตต์ พร้อมระบบเสียง 2.0 Ch พร้อมเพลิดเพลินไปกับสตรีมมิ่งมากมายที่ทำให้ทุกคนได้อย่างจุตาและจุใจกันไปเลยทีเดียว

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/TVA07

816
รู้ใจคุณแม่บ้าน คุณแม่บ้านทั้งหลายอยากหาเครื่องให้ไฟฟ้ามาทุ่นแรงให้ทุกการทำงานบ้านเป็นเรื่องง่าย ๆ อยู่แล้ว ในครั้งนี้เราเลยจะมานำเสนออีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำให้คุณๆทำงานง่ายขึ้น นั่นก็คือการตามหาเครื่องดูดฝุ่น ถูกและดี ช่วยให้ทุกการทำงานบ้านของเหล่าคุณแม่บ้านเป็นเรื่องง่ายๆ แต่มีเครื่องดูดฝุ่น ถูกและดีเครื่องไหนที่เข้าตากรรมการบ้าง ไปตามหากันค่ะ

1. เครื่องดูดฝุ่น ELECTROLUX รุ่น EC31-2BB (ราคา 2,990 บาท)


เครื่องดูดฝุ่น ELECTROLUX รุ่น EC31-2BB เป็นเครื่องดูดฝุ่นแบบกล่อง ไร้ถุงเก็บฝุ่นมาพร้อมกับระบบกรองแบบ 4 ขั้นตอน จึงสามารถแยกอนุภาคของฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยทำให้บริเวณนั้นสะอาดมากกว่าเดิม โดยกดเพียงปุ่ม ๆ เดียวก็สามารถนำฝุ่นออกได้อย่างง่ายมาก สามารถจุสิ่งสกปรกได้เยอะ โดยสามารถเก็บฝุ่นได้ถึง 1.8 ลิตร จึงไม่เสียเวลาเปลี่ยนบ่อย ๆ รวมถึงมีล้อขนาดใหญ่ช่วยในการเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น โดยมีแผ่นกรอง EPA 12 มาพร้อมกับอุปกรณ์เสริม เช่น หัวดูดเบาะ และหัวดูดปากแคบพร้อมขนแปรงเล็กจึงทำความสะอาดได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ด้ามจับยังออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ช่วยให้จับได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น

2.เครื่องดูดฝุ่น XIAOMI รุ่น XMI-SKV4093GL (ราคา 8,590 บาท)


เครื่องดูดฝุ่น XIAOMI เป็นเครื่องดูดฝุ่นในรูปแบบหุ่นยนต์ แบบ 2 in 1 ทำหน้าที่ทั้งดูดฝุ่นและถูพื้นที่ และยังทำให้ชีวิตเหล่าแม่บ้านง่ายขึ้นกว่าเดิมขึ้นไปอีก ด้วยระบบ Visual Dynamic Navigation System จึงช่วยให้เครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้สามารถวิเคราะห์โครงสร้างของห้องได้อย่างรวดเร็ว จึงสามารถดูดได้ทั่วถึง ครอบคลุมพื้นที่ 120 ตารางเมตร  ซึ่งหากแบตเตอร์รี่ต่ำกว่า 20% ในขณะที่เจ้าเครื่องดูดฝุ่นเครื่องนี้ยังคงทำงานอยู่ มันก็กลับมาชาร์ตก่อนจึงค่อยกลับไปทำงานต่อ โดยแบตเตอรี่นั้นเป็น Lithium ภายในความจุ 2600 mAh พลังแรงดูด 2500 Pa ขนาดถังเก็บฝุ่น 600 มิลลิลิตร และถังเก็บน้ำ 200 มล. สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home และรองรับคำสั่งเสียงผ่าน Google Assistant และ alexa

3.เครื่องดูดฝุ่น DYSON รุ่น SV10Kv8 SLIM FLUFFY+ (ราคา 14,900 บาท)


เครื่องดูดฝุ่น DYSON รุ่น SV10Kv8 SLIM FLUFFY+ เป็นเครื่องดูดฝุ่นระบบไซโคลน 2 ชั้น มีหัวดูดปากแคบจึงดูดได้ง่าย ไม่เสียแรงดูด ช่วยให้ดักจับฝุ่นได้ดี มาพร้อมหัวดูดพื้นลูกกลิ้งนุ่ม (Fluffy) แบบใหม่ ที่ทั้งเล็กและเบาจึงจับได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น มาพร้อมมอเตอร์ระบบดิจิตอล V8 พร้อมแรงดูด 19.5 แอร์วัตต์ มีแผ่นกรอง HEPA ฟิลเตอร์ด้านท้ายเครื่องช่วยกรองฝุ่นและดักจับสาร รวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ชาร์ตแบตเตอรี่ 5 ชม. และกล่องเก็บฝุ่นขนาด 0.54 ลิตร เเละมีความดังเสียงเพียง 82 เดซิเบลเท่านั้น

เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP12

817
สมัยนี้มีทั้งเชื้อโรค สิ่งสกปรก แบคทีเรีย อีกทั้งยังมีฝุ่น ควัน มลพิษเต็มไปหมด ด้วยเหตุนั้นการเลือกซื้อแอร์ให้พอเหมาะกับยุค 2022 นี้จำเป็นต้องมีอะไรที่มากกว่ามอบความเย็นให้ภายในห้อง ซึ่งปัจจุบันนวัตกรรมของเครื่องปรับอากาศในยุคนี้สามารถทั้งกรองอากาศ ยับยั้งเชื้อโรค แถมยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ เราจึงขอแนะนำแอร์ระบบอัจฉริยะ ที่เหมาะสมกับบ้านในยุค 2022 นี้ มียี่ห้อไหนบ้างมาติดตามกันเลยจ้า

1.แอร์ MITSUBISHI รุ่น MSY-GT18VF (ราคา 35,200 บาท)


แอร์ MITSUBISHI เป็นแอร์ติดผนังที่เน้นดีไซน์ความเรียบแต่โก้ มาพร้อมกับระบบ คอมเพรสเซอร์แบบ Inverter จึงให้ความเย็นได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานไปพร้อม ๆ กัน อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี Long Air Flow ที่ส่งลมไกลได้ถึง 12 เมตรจึงมอบความเย็นได้ทั่วทั้งพื้นที่ ช่วยให้ทุกมุมของห้องเย็นสบายหายห่วง นอกจากนี้ยังติดตั้ง แผ่นฟอกอากาศด้วยประจุไฟฟ้า PM2.5 Filter ที่ช่วยดักจับฝั่นละอองขนาดเล็ก และฟังก์ชัน Fast Cool ที่ช่วยให้ทั่วทั้งห้องเย็นเร็วขึ้นภายใน 15 นาที เพิ่มความสะดวกในการใช้งานด้วยฟังก์ชัน wide mode ที่ทำหน้าที่กระจายความเย็นซ้ายขวาได้มากถึง 6 ทิศทาง พร้อมกับเทคโนโลยี sleep mode ที่ช่วยควบคุมความเย็นภายในห้องในขณะที่เรากำลังหลับ มอบความเย็นสบายไปตลอดทั้งค่ำคื่น เพิ่มความปลอดภัยด้วย Nano Platinum Filter ที่ช่วยกำจัดกลิ่น ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย และจัดการเชื้อไวรัสได้อย่างอยู่หมัด มาพร้อมกับ Dual Barrier Coating หรือแผ่นเคลือบสารป้องกันการจับเกาะของฝุ่นละออง ฝั่นผ้า ละอองน้ำมัน รวมถึงควันบุหรี่

2.แอร์ SAMSUNG  รุ่น AR24AYAAAWKNST (ราคาจำหน่าย 46,190 บาท)


ประหยัดพลังงานพร้อมรักษาอุณหภูมิให้ห้องต้อง แอร์ SAMSUNG  รุ่น AR24AYAAAWKNST ที่ใช้เทคโนโลยี Inverter จึงสามารถส่งความเย็นได้กว้างและไกล เข้าถึงทุกพื้นที่ภายในห้อง อีกทั้งยังช่วยประหยัดไฟ และรักษาอุณหภูมิห้องให้คงที่ มาพร้อมกับแผ่นกรองอากาศ PM1.0 ที่สามารถดักจับสิ่งสกปรกที่มีอนุภาคเล็กได้จึงช่วยให้อากาศภายในห้องนั้นสะอาดและบริสุทธิ์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นแบบอัตโนมัติ และสามารถควบคุมอุณหภูมิผ่านแอปพลิเคชัน SmartThings ที่ทำให้คุณควบคุมความเย็นของแอร์ได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม พร้อมทั้งมีฟังก์ชันทำความสะอาดอัตโนมัติจึงช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย และกลิ่นต่าง ๆ โดยเพิ่มความสะอาดขึ้นอีกขั้นด้วย Easy Filter Plus เป็นไส้กรองต้านแบคทีเรียที่สามารถถอดล้างได้ และระบบ Triple Protector Plus ที่ช่วยป้องกันความเสียหายของตัวเครื่องที่เกิดจากไฟกระชาก รวมไปถึงมีระบบ ECO Mode ที่ช่วยมอบความเย็นแต่ประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายของคุณ

3. แอร์ CARRIER รุ่น 42TVAB024-B/38TVAB024 (ราคา 35,000 บาท)


แอร์ CARRIER เป็นแอร์อีกเครื่องที่มีนวัตกรรมที่ค่อนข้างล้ำสมัย เพราะว่าด้วย ระบบฟอกอากาศแบบปะจุ X-Ionizer จึงช่วยดักจับฝุ่น PM 2.5 และกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาพร้อมกับระบบส่งลม 4 ทิศทางจึงช่วยในการกระจ่ายความเย็นได้อย่างทั่วทึง แถมยังมี คอยล์เย็นเคลือบสารพิเศษ Aqua Resin จึงสามารถลดการสะสมของฝุ่นละออง และเชื้อแบคทีเรียบนแผงคอยล์ได้ มาพร้อมความปลอดภัยด้วยระบบกรองไฟ ที่ทำหน้าที่ป้องกันความเสียหายจากแรงดันไฟตก อีกทั้งสารทำความเย็น R32 REFRIGERANT ของแอร์เครื่องนี้ยังไม่ทำอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมรับประกัน คอมเพรสเซอร์ 10 ปี และประกันอะไหล่นาน 5 ปีด้วยค่ะ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP01

818
คอมพิวเตอร์ | Computer / เน็ตบ้านรายเดือน True Online
« เมื่อ: เมษายน 22, 2022, 04:06:22 AM »
แพ็กเกจโปรเน็ตบ้านรายเดือนจาก ทรู (True Online) เน็ตแรงคุ้มค่ากับราคาประหยัด เริ่มต้น 399 บาท/เดือน พร้อมสิทธิพิเศษเพียบ! สำหรับแพ็กเกจโปรเน็ตบ้านทรู หรือว่า True Online นั้นจะมีแพ็กเกจหลักๆ ที่ให้เลือกทั้งหมดอยู่ 3 แพ็กเกจ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปที่เน็ตความเร็วแรงจากไฟเบอร์ออปติค (Fiber Optic) เทคโนโลยีที่รองรับการดาวน์โหลดได้สูงสุดถึง 1Gbps สมัครได้ที่นี่ เน็ตบ้านรายเดือน



มีโหมดไลฟ์สไตล์อะไรให้เลือกปรับบ้าง

ทรูออนไลน์เข้าใจถึงไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย จึงดีไซน์บริการปรับสปีดเน็ตบ้านรายเดือนตามไลฟ์สไตล์ ให้คุณสามารถเลือกปรับได้ถึง 3 ไลฟ์สไตล์

1. Streaming Mode : เอาใจคนรักความบันเทิงโดยเฉพาะ ด้วยการขยายช่องแบนด์วิดท์ ให้คุณสตรีมมิ่งฟินไม่สะดุด ไม่ว่าจะชมหนัง ซีรีส์ หรือคอนเทนต์ออนไลน์ต่างๆ

2. Work & Learn Mode : สำหรับคนทำงานและนักเรียน ดาวน์โหลดหรืออัปโหลดไฟล์ก็รวดเร็ว จะประชุม หรือพรีเซนต์งานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ก็คล่อง ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องมีประสิทธิภาพ

3. Gaming Mode : เกมเมอร์และนักแคสเตอร์ อัปเวลไว กี่ด่านก็ผ่านฉลุยแบบไม่หัวร้อน ไม่แลค ด้วยการขยายช่องแบนด์วิดท์เพื่อเล่นเกมออนไลน์
<brพร้อมพบความบันเทิง และประสบการณ์ใหม่ๆ ไม่รู้จบ ไปกับเราได้ที่ทรู ผ่าน ฮีโร่ทรู 5G ‘เฌอปราง อารีย์กุล’ และ ‘ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต’ ที่มาเชิญชวนหนุ่มฮอตที่กระแสแรงที่สุดนาทีนี้  ‘ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี’ เข้าสู่โลกทรู 5G เพื่อสัมผัสชีวิตอัจฉริยะที่ครบกว่า แรงกว่า ด้วยคอนเซ็ปท์ : THE INVITATION TO THE INTELLIGENT 5G WORLD สมกับ ‘ยุคนี้ต้อง True 5G’ อย่างแท้จริง ที่เร็วแรงกว่า เหนือกว่า ครอบคลุมกว่า ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

ยิ่งไปกว่านี้ True 5G ยังได้ติดอันดับ Top 30 ผู้นำ 5G โลก ในหมวด 5G Games Experience ซึ่งในหมวดนี้เป็นการวัดผลจากการวิเคราะห์ประสบการณ์ของผู้เล่นเกมแบบเรียลไทม์ที่ผู้เล่นได้รับบนคุณภาพของเครือข่าย รวมทั้งค่าความหน่วง (Latency) การสูญเสียแพ็กเก็จ (Packet Loss) และการดีเลย์ในการรับแพ็กเกจข้อมูล (Jitter) เพื่อชี้วัดถึงประสบการณ์ที่เหล่าเกมเมอร์ได้รับ ซึ่งสำหรับผู้ที่เล่นเกมจะรู้กันว่าการจะเล่นเกมให้สนุกนั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลมาก ๆ ในการเล่นเกมก็คือ ความเร็วของอินเทอร์เน็ต ซึ่งประสิทธิภาพของ True 5G ได้รับการยืนยันแล้วจากการจัดอันดับในครั้งนี้

การันตีจากรางวัลผู้นำ 5G บนเวทีโลกอย่าง Opensignal โดย True 5G นั้นเป็นโอเปอเรเตอร์เพียงรายเดียวของไทยที่ติด Top 20 ผู้นำ 5G ระดับโลก ด้วยด้านการใช้งาน 5G (5G Global Leaders in 5G Availability) ด้วยเปอร์เซ็นต์เวลาการเชื่อมต่อ 5G ที่ 22.1% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ราว 11.2% มากกว่าค่าเฉลี่ยโลกเท่าตัว

819
อีกหนึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทุกบ้านขาดไม่ได้เลยซึ่งก็คือตู้เย็น เพราะเราเชื่อว่ายุคนี้สมัยนี้ไม่มีบ้านไหนที่ไม่มีตู้เย็นใช้ แต่ว่าปัจจุบันตู้เย็นที่นอกจากแช่ความเย็น ยืดอายุให้อาหารคงความสดอยู่ได้นานยิ่งขึ้น ก็ยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามามากมาย ซึ่งช่วยประสิทธิการคงความสดของอาหาร ปรับอุณหภูมิ และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำตู้เย็นอัจฉริยะ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่แสนล้ำสมัย สามารถจุของได้เยอะ และประหยัดพลังงาน หากใครที่กำลังอยากได้ตู้เย็นใหม่ มาติดตามกันได้เลยค่า

1.ตู้เย็น SAMSUNG SIDE BY SIDE SAMSUNG RS64T5F01B4/ST 21.8 คิว


ตู้เย็น SAMSUNG ตู้เย็นอัจฉริยะ สามารถเก็บความเย็นพร้อมกับสามารถเสพความบันเทิงผ่านหน้าจอจากฝาประตูตู้เย็น เนื่องจากช่วงนี้เครื่องใช้ไฟฟ้าอะไรก็เชื่อมต่อ wifi ได้ตู้เย็นเครื่องนี้ก็เช่นกัน มาพูดถึงหน้าที่หลักของตู้เย็นเครื่องนี้ที่ซึ่งผลิตมาจาก Activated Carbon จึงสามารถกรองอากาศผ่านในตู้เย็น และความสามารถขจัดกลิ่นเหม็นและคืนอากาศอันแสนบริสุทธิ์ให้กับตู้เย็นของท่าน พร้อมเร่งความเย็นได้รวดเร็วขึ้น ผ่านปุ่ม Power Cool ทำให้ตู้เย็นเย็นฉ่ำและทำน้ำแข็งได้อย่างรวดเร็ว รวมไปถึงสามารถปรับความเร็วได้ 7 ระดับ และเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น SmartView ทั้งดูมือถือหรือหรือดูทีวีไปด้วยขณะทำอาหาร แถมภายในยังกว้างขวาง เก็บของได้มาก และมีมาตรฐานประหยัดไฟเบอร์ 5 อีกด้วย

2.ตู้เย็น MITSUBISHI รุ่น MR-LX60EP/GBK 19.6 คิว


ยกระดับการถนอมอาหาร คงความสดใหม่ของอาหารที่อยู่ภายในตู้เย็น ต้อง ตู้เย็น MITSUBISHI รุ่น MR-LX60EP/GBK ขนาด 19.6 คิว ซึ่งเป็นตู้เย็นแบบ Multidoor ซึ่งมีประโยชน์ในการกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง ทำให้อาหารสดใหม่ และคงวิตามินและรสชาติของอาหารเอาไว้ได้ อีกทั้งยังสามารถจัดเก็บอาหารได้อย่างเป็นระเบียบ สามารถแยกประเภทอาหารได้โดยสะดวก มาพร้อมกับระบบ  Neuro Inverter และ Neuro Fuzzy System ซึ่งเป็นไมโครชิพอัจฉริยะจึงช่วยควบคุมระบบการทำงานของตู้เย็น รวมถึงมีระบบ Supercool Chilling Case ซึ่งช่วยในการแช่เนื้อสัตว์ที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ ระบบ Easy Clean Auto Ice Maler ที่ช่วยทำน้ำแข็งแบบอัตโนมัติ มาพร้อมระบบ Touch Screen Control Panel ที่ใช้การสั่งงานผ่านการทัชสกรีน นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม Vitamin Factory หรือช่องแช่ผักที่ช่วยรักษาวิตามินของผัก พร้อมคงความสดใหม่ยาวนานมากขึ้น จึงเป็นตู้เย็นอีกตู้ที่ครบฟังก์ชันการดูแลอาหารมาก ๆ เลยทีเดียวค่ะ

3. ตู้เย็น HITACHI รุ่น R-M600VAG9THXMIR 20.1 คิว


ตู้เย็น HITACHI รุ่น R-M600VAG9THXMIR 20.1 คิว แบบ 3 ประตู เป็นตู้เย็นอีกรุ่นที่ค่อนข้างนำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาคุณภาพของอาหารภายในตู้เย็น เพราะว่าด้วยระบบรักษาความดันบรรยากาศ 0.8 atm และช่องแช่อาหารระบบสูญญากาศ (Vacuum Compartment) มาพร้อมแผงฉนวนกักเก็บความเย็น จึงช่วยทำให้ความเย็นภายในตู้เย็นคงที่จึงช่วยประหยัดพลังงานได้ดีมาก ๆ  มาพร้อมระบบเปิดประตูอัตโนมัติ โดยใช้ปลายนิ้วสัมผัสก็สามารถเปิดประตูออกได้ ทั้งยังมี Eco Thermo Sensor ช่วยควบคุมอุณหภูมิและรักษาความเย็นให้คงที่ มีช่องแช่ผักอิสระ จึงสามารถกันกลิ่นอาหารและกักเก็บความชื้น พร้อมด้วยระบบ Tank Type Ice & Water Dispenser หรือระบบ ทำน้ำแข็งและน้ำเย็นอัตโนมัติ ซึ่งสามารถใส่น้ำได้ 3.2 ลิตร มาพร้อมกับ Nano Titanium ที่ช่วยกำจัดกลิ่นและแบคทีเรีย และตัวชั้นวางผลิตจากกระจกแก้วนิรภัย จึงแข็งแรงและสามารถรับน้ำหนักได้ 100 กก.

ถึงยุคที่เราต้องมีตู้เย็นที่แสนทันสมัยมาทำให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นไปอีก และทำให้อาหารภายในยังคงสดใหม่ เหมือนพึ่งออกมาจากฟาร์มเลยทีเดียว อยากได้อาหารดี อาหารสดลองซื้อตู้เย็นอัจฉริยะแล้วมาใช้ชีวิตให้ง่ายและสะดวกสบายมากขึ้นไปอีกกันค่ะ

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP09

820
เมื่อคุณสาไม่ช่วย แม่บ้านอย่างเราจำเป็นต้องมองหาเครื่องมือทุ่นแรง เมื่อเทคโนโลยีมันมีเราก็จำเป็นต้องใช้ และเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนี้เรารับประกันความถูกใจเลยทีเดียว นั่นก็คือเครื่องล้างจานที่ทำให้จานสะอาดเนี๊ยบ แต่ทว่าใช้งานง่ายมาก มีรุ่นไหนแบรนด์อะไร ตามเรามาอัปเดตเลยค่ะ

1.เครื่องล้างจาน ELECTROLUX รุ่น ESF8730ROX (ราคา 45,990 บาท)


เครื่องล้างจาน ELECTROLUX เครื่องใหญ่สามารถบรรจุภาชนะได้เยอะเครื่องนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี Comfort Lift  ซึ่งเป็นกลไกที่สามารถยกขอบตระกร้าด้านล่างและช่วยลดแรงกระแทกในขณะเคลื่อนไหว พร้อมทั้งมีโปรแกรมล้าง 7 โปรแกรม สามารถตั้งอุณหภูมิได้ 5 ระดับ และมีหัวฉีด FlexiSpray Arm ที่ช่วยทำความสะอาดสิ่งสกปรกได้อย่างทั่วถึง และยังสามารถบอกระดับความสกปรกของจานได้แบบอัตโนมัติ  ผ่านระบบ Sensor Control โดยตั้งเวลาทำงานล่วงหน้าได้ตั้งแต่ 1 - 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งอบแห้งอัตโนมัติด้วยเทคโนโลยี AirDry Technology

2.เครื่องล้างจาน XIAOMI รุ่น DISHWASHER WHT (ราคาจำหน่าย 12,900 บาท)


เครื่องล้างจาน XIAOMI รุ่นนี้เป็นเครื่องล้างจานแบบตั้งโต๊ะ ดีไซน์ของตัวเครื่องเป็นทรงเหลี่ยมสุดแสนจะมินิมอล มาพร้อมกับหน้าจอแบบ LED ด้วยระบบแบบทัชสกรีนจึงสามารถสั่งงานได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังมีเทคโนโลยี 6D double spray ที่สามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้มากถึง 99.99% สามารถบรรจุภาชนะได้สูงสุด 32 ชิ้น และยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home โดยสามารถสั่งการด้วยเสียงได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมโปรแกรมทำความสะอาดถึง 6 โปรแกรม รวมถึงด้วยเครื่องที่มีขนาดกระทัดรัดจึงประหยัดพื้นที่ใช้สอยเหมาะสำหรับบ้านพื้นที่จำกัดและคอนโดมีเนียม

3.เครื่องล้างจาน FRANKE รุ่น FDWF814DA++XS (ราคา 24,900 บาท)


เครื่องล้างจาน FRANKE รุ่น FDWF814DA++XS เป็นเครื่องล้างจานแบบตั้งโต๊ะ ที่ผลิตจากแสตนเลสอย่างดี สีเงินเงางาม ดีไซน์สวยเหมาะสมกับห้องทุกดีไซน์ มาพร้อมกับระบบประหยัดพลังงานแบบ A++ มาตรฐาน EU พร้อมแสดงหน้าจอแบบดิจิทัล สามารถทำความสะอาดจานด้วยความร้อนสูงสุดถึง 60 องศาเซลเซียส โดยใช้เสียงเพียง 44 เดซิเบลเท่านั้นจึงเงียบมาก ๆ สามารถบรรจุภาชนะมากถึง 168 ชิ้น โดยใช้พลังงานเพียง 266 กิโลวัตต์

4. เครื่องล้างจาน BOSCH รุ่น SKS68BB008 (ราคา 24,900 บาท)


เครื่องล้างจาน BOSCH รุ่น SKS68BB008 เป็นเครื่องล้างจานแบบตั้งโต๊ะอีกเช่นกัน ซึ่งมาพร้อมนวัตกรรมล้ำสมัย ด้วยเทคโนโลยี ActiveWater จึงช่วยขจัดคราบสกปรกที่ติดอยู่บนจานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถบรรจุภาชนะได้สูงสุด 6 ชุดอาหาร ผ่านการสั่งงานด้วยระบบ Electronic มาพร้อมกับ 8 โปรแกรมการล้าง รวมไปถึงมี 5 ฟังก์ชันการใช้งานแบบพิเศษ สามารถตั้งเวลาล้างจานได้ตั้งแต่ 1-24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังมีระบบ Dosage Assist Basket ที่ช่วยเพิ่มการขจัดคราบให้สะอาดไม่เหลือแม้เศษซากน้ำยาล้างจาน และเทคโนโลยีสุดท้ายคือ Glass protection ควบคุมระดับความกระด้างของน้ำ สำหรับล้างเครื่องแก้วและเซรามิกต่าง ๆ นั่นเอง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/KIT0403

821
ปัญหาระดับชาติในการเลือกซื้อเลือกหาเครื่องซักผ้า คือ เราจะซื้อเครื่องซักผ้ายี่ห้อไหนดี ซึ่งในปัจจุบันหลาย ๆ ท่านก็จะเห็นเครื่องซักผ้ามากมายหลากหลายแบรนด์มีอยู่เต็มไปหมด จนเลือกไม่ถูกว่ายี่ห้อไหนควรซื้อกลับบ้านมาเพื่อใช้งาน แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว ก็มีข้อสังเกตอีกข้อนึงก็คือเรามักจะเห็นร้านซักรีดหรือจุดบริการซักผ้าเลือกใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้ามากกว่า เนื่องจากซักได้สะอาดกว่า ช่วยถนอมผ้า ผ้าไม่ยับหลังตากเสร็จ

ดังนั้นเราขอรีวิวเครื่องซักผ้าฝาหน้า ที่มีราคาเบา ๆ แต่กลับมีประสิทธิภาพในการซักผ้าเริ่ด แถมถนอมเนื้อผ้าแบบสุด ๆ แต่มียี่ห้อไหนบ้างมาติดตามกันค่ะ

1.เครื่องซักผ้า HITACHI รุ่น BD-70CE 7 Kg. 1200 PRM


เครื่องซักผ้า HITACHI รุ่น BD-70CE 7 กก. 1200 PRM เป็นเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ที่ใช้เทคโนโลยีในการซักผ้า หรือ Washing Program มากสูงสุดถึง 16 โปรแกรม ทุกคนจึงสามารถเลือกโปรแกรมการซักผ้าให้ตรงตามชนิดของผ้าได้อย่างสะดวกมาก อีกทั้งยังมีโปรแกรมขจัดคราบสกปรกและรอยเปื้อนถึง 3 ระดับ จึงช่วยทำให้ผ้าสะอาดไร้คราบ ได้ผ้าสะอาดเหมือนใหม่ได้อย่างง่ายดาย  และโปรแกรมซักด่วนที่ช่วยประหยัดเวลาในการซักผ้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Door Clean จึงสามารถขจัดความสกปรกที่อยู่บนฝาหน้าได้อย่างอัตโนมัติ สามารถปั่นผ้าได้ 1,200 รอบ/นาที และยังจุผ้าได้มากถึง 7 กก. อีกทั้งยังเทคโนโลยีที่ช่วยลดแรงแม่บ้านได้ระบบคลายผ้าหลังซักจึงทำให้ผ้าไม่ยับมากหลังตากเสร็จ พร้อมกันนี้ยังรับประกันมอเตอร์สูงสุด 10 ปี จึงนับว่าคุ้มค่าทุกการใช้งานจริง ๆ ค่ะ

2. เครื่องซักผ้า SAMSUNG รุ่น WW90T504DAW/ST 9 กก.


เครื่องซักผ้า SAMSUNG  เพิ่มมาตรฐานการซักผ้าให้สะอาดขึ้นด้วยวิธีง่าย ด้วยเครื่องซักผ้าฝาหน้าของซัมซุงเครื่องนี้ พร้อมทำความสะอาดผ้า และขจัดกลิ่นอับ มีระบบ AI Control สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ Android และ iOS โดยการเชื่อมต่อ Wi-Fi  และโปรแกรมการซักผ้า 22 โปรแกรม จึงช่วยทำความสะอาดเสื้อผ้าได้เหมาะสมกับเนื้อผ้าแต่ละประเภท พร้อมขจัดคราบฝังแน่นได้อย่างหมดจด ลดสารก่อภูมิแพ้ และสามารถยับยั้งแบคทีเรียได้ถึง 99.99% แถมยังโดดเด่นในเรื่องการออกแบบของตัวถัง ซึ่งเป็นตัวถังทรงเพชร พร้อมเทคโนโลยี Eco Bubble™ จึงเพิ่มประสิทธิภาพในการซักผ้า ทั้งยังลดความเสียหายของเนื้อผ้า นอกจากนี้ยังสามารถปั่นหมาดได้สูงถึง 1,400 รอบต่อนาที จึงทำให้ผ้าแห้งเร็วมากขึ้น ซึ่งมาในรูปแบบมอเตอร์ขับตรงจึงลดเสียงและลดสั่น พร้อมทั้งประหยัดพลังงาน ด้วย Energy Efficiency Class ระดับ A

3.เครื่องซักผ้า ELECTROLUX รุ่น EWF9023BEWA 9 กก.


เครื่องซักผ้า ELECTROLUX เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า ระบบ Eco Inverter จึงเป็นเครื่องซักผ้าที่ค่อนข้างประหยัดพลังงานเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับมีประสิทธิภาพในการซักสูงมากกว่าเครื่องซักผ้าทั่วไป อีกทั้งยังมีระบบ SensorWash ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยตรวจวัดความสะอาดของเนื้อผ้า ทั้งยังมีเทคโนโลยี UltraMix Technology ซึ่งช่วยถนอมเนื้อผ้าและปกป้องสีของผ้า ช่วยให้ผ้ายังคงมีสีสันสดใสเหมือนครั้งแรกที่สวมใส่ มาพร้อม Vapour Action ซึ่งช่วยขจัดสารก่อภูมิแพ้และทำให้ผ้านุ่มฟูมากยิ่งขึ้น แถมยังรองรับการซักผ้าวูลหรือผ้าขนสัตว์ที่รับรองโดยสถาบัน Woolmark และโปรแกรม Stain ที่ช่วยเคลียร์ทุกคราบสกปรกได้อย่างหมดจด และยังสามารถบันทึก Favorite Program สำหรับโปรแกรมการซักผ้าที่ใช้บ่อย ๆ ได้อีกด้วย

โดยเครื่องซักผ้าทั้ง 3 รุ่น 3 ยี่ห้อนี้เป็นเครื่องซักผ้าราคาไม่แพงมาก แต่ประสิทธิภาพทรงพลังมาก หากท่านใดที่ต้องการเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าแต่งบประมาณที่มีนั้นค่อนข้างจำกัดก็เลือกดูทั้งสามรุ่นนี้ได้เลยค่ะ ชอบเครื่องไหนเลือกได้เลยค่า

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP1303

822
หลาย ๆ ท่านกำลังค้นหาน้ำยาถูพื้นที่ใช่อยู่ใช่มั้ยเอ่ย เนื่องด้วยเวลาเลือกน้ำยาถูกพื้นด้วยตัวเองนั้นอาจจะเกิดเหตุการณ์ น้ำยาเหนอะเท้า เดินแล้วเป็นคราบ กลิ่นไม่หอม แถมสิ่งสกปรกออกไปไม่หมด ในวันนี้เราเลยขอแชร์ 4 น้ำยาถูพื้น ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2022 เอาไปใช้เลยจ้า มาดูกันว่าน้ำยาถูพื้นของเราจะมีคุณสัมบัติครบตามที่ทุกคนตามหาหรือไม่ ?

1.น้ำยาทำความสะอาดพื้นผิวทั่วไป MAGICLEAN (ราคาจำหน่าย 69 บาท)


น้ำยาถูพื้น MAGICLEAN ขวดสีม่วงจับถนัดมือขวดนี้ มีปริมาณ 900 มิลลิลิตร มอบความหอมสดชื่นให้บ้านด้วยกลิ่นหอมจากดอกลาเวนเดอร์ ที่เพิ่มน้ำหอมมากขึ้น 20% สูตรใหม่ที่ช่วยให้พื้นแห้งเร็วขึ้น 2 เท่าจึงทุ่นเวลาในการถูพื้น รวมทั้งไม่ทำให้เกิดรอยเท้าเหนียวเหนอะหนะหลังถูเสร็จ จึงมอบความรู้สึกสบายเท้า พร้อมช่วยขจัดคราบสกปรก ฝุ่นละออง หรือคราบไขมันที่เช็ดถูออกยากก็ถูกขจัดออกไปหมดจด จึงทำให้บ้านสะอาด มีอนามัย และหอมสดชื่นทั่วทั้งบ้าน

2.น้ำยาขจัดกลิ่นฆ่าเชื้อพื้นผิวทั่วไป SPACLEAN


น้ำยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และดับกลิ่น ที่ใช้ทำความสะอาดพื้นผิวภายในบ้านทั้งพื้นผิวเรียบ และพื้นผิวทั่วไป มาพร้อมกลิ่นไฮจีนิกซอฟท์ จึงทำหน้าที่กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นภายในบ้าน ทั้งกลิ่นอับ กลิ่นชื้น อีกทั้งยังสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อาจเกาะติดอยู่ภายในบ้านได้อย่างสะอาดสะอ้าน เพียงผสมผลิตภัณฑ์1ส่วนต่อน้ำ5ส่วน เทราด หรือฉีดให้ทั่วบริเวณ 10นาที แล้วเช็ด หรือล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็จะทำให้บ้านสะอาด ไร้กลิ่นอับ ดับกลิ่นชื้นหมดแล้วค่ะทุกคน

3.น้ำยาทำความสะอาดพื้น MR.MUSCLE (ราคาจำหน่าย 41 บาท)


น้ำยาทำความสะอาดพื้น MR.MUSCL ถุงสีส้มมีปริมาณทั้งหมด 800 มิลลิลิตร มาพร้อมกลิ่นฟลอรัลเพอร์เฟ็คชั่นส์จึงทำให้บ้านสะอาดหอมด้วยกลิ่นดอกไม้ทั่วบริเวณบ้าน พร้อมมีประสิทธิภาพช่วยจัดการกับคราบสกปรกต่าง ๆ ที่อาจฝังแน่น รวมไปถึงสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพราะด้วยประสิทธิภาพของสารเจิร์มเอ๊กซ์จึงสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99.9 % โดยไม่ทำลายพื้นผิว สามารถใช้ได้กับพื้นผิวทุกชนิด โดยมอบกลิ่นหอมยาวนาน และไม่เหนียวเหนอะหนะภายหลังการเช็ดถูเสร็จ

4.น้ำยาดันฝุ่นพื้น DOO CLEAN (ราคาจำหน่าย 299 บาท)


น้ำยาดันฝุ่น พื้น DOO CLEAN มีปริมาณถึง 1000 มิลลิลิตร มีประสิทธิภาพทำให้พื้นสะอาดหมดจด พร้อมช่วยเก็บเศษฝุ่นละอองไม่ให้ฟุ้งกระจายในขณะที่กำลังเก็บกวาดเช็ดถู พร้อมทำให้พื้นบ้านสะอาดเงางาม และกำจัดคราบสกปรกที่สะสมให้หายไป และยังมีกลิ่นหอมที่ได้จากดอกลีลาวดี จึงมอบความหอมสดชื่นไปทั่วทั้งบ้าน สามารถใช้ได้กับทุกพื้นผิว ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้ปาร์เก้ พื้นกระเบื้อง พื้นหินอ่อน หรือจะเป็นพื้นหินขัด หรือหินแกรนิต รวมถึงพื้นเซรามิกก็ตาม ก็สามารถนำมาใช้ได้ตามความเหมาะสม

เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0605

823
เครื่องทำน้ำอุ่นเป็นสิ่งสำคัญที่ใครต่อใครต้องมีกันในห้องน้ำ หากท่านใดยังไม่มีและกำลังมองหาเครื่องทำน้ำอุ่นที่มีดีไซน์สวยงาม ราคาถูก ๆ มีความปลอดภัย และได้มาตรฐานที่ดี เนื่องด้วยความจริงแล้วน้ำอุ่น ๆ เนี่ยแหล่ะช่วยทำหลับสบาย ผ่อนคลาย และยังสามารถบรรเทาความเครียดได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น ใครกำลังตามหาเครื่องทำน้ำอุ่นดี ๆ สักเครื่อง ต้องตามมาเลือกกันค่ะ  เนื่องด้วยทั้ง 3 เครื่องที่เราเลือกมา เราจะแนะนำให้ละเอียดยิบ เพื่อให้ทุกท่านสามารถเลือกเครื่องทำน้ำอุ่นให้เหมาะกับครอบครัว และการใช้งานภายในบ้านของท่านจริง ๆ

1.เครื่องทําน้ำอุ่น PANASONIC รุ่น DH-4NS1TW 4500 วัตต์ (ราคา 4,800 บาท)


เครื่องทําน้ำอุ่น PANASONIC รุ่น DH-4NS1TW เป็นเครื่องทำน้ำอุ่นคุณภาพ มาตรฐานในระดับสากลเลยทีเดียว โดยมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ครบถ้วน อาทิเช่น ระบบควบคุมอุณหภูมิด้วยเทอร์โมสตัทอัตโนมัติ รวมถึงมีระบบ IP25 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยป้องกันน้ำเข้าเครื่อง พร้อมฉนวนกันไฟฟ้ารั่วอย่างหนา หุ้มด้วยพลาสติก ABS ซึ่งไม่ลามไฟ จึงมีความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง พร้อมฮีตเตอร์ขดลวดทองแดงจึงสามารถทำความร้อนได้อย่างรวดเร็ว ไม่นับรวมหัวฝักบัวแบบผสมซึ่งมีสารยับยั้งแบคทีเรียได้มากถึง 99.99% รวม นอกจากนี้ดีไซน์ของเครื่องทำน้ำอุ่นเครื่องนี้ค่อนข้างหรูหรา  ขนาดกะทัดรัด มีลักษณะโค้งมน และสามารถติดตั้งเข้ามุมได้

2.เครื่องทําน้ำอุ่น STIEBEL รุ่น DS45EC 4500 วัตต์ (5,140 บาท)


เครื่องทำน้ำอุ่นดีไซน์สไตล์ยุโรป กับเครื่องทําน้ำอุ่น STIEBEL ซึ่งเป็นดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจระหว่างดีไซน์ที่มีกลิ่นอายยุโรปและกลิ่นอายของความเป็นเยอรมัน มาพร้อมกับระบบความปลอดภัย ELCB ซึ่งสามารถตัดไฟทันทีเมื่อมีไฟฟ้ารั่วออกมา อีกทั้งหัวฝักบัวชุบโครเมียม และสามารถปรับระดับสายน้ำได้มากถึง 5 แบบ รวมถึงมีสไลด์บาร์ที่สามารถปรับระดับได้ พร้อมระบบความปลอดภัยสูงสุด้วย Double Auto Reset Thermostat  จึงสามารถตัดการทำงานได้แบบอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิของน้ำสูงเกินกว่าที่กำหนดไว้ แถมยังมีระบบ IP25 ช่วยป้องกันฝุ่นผงและน้ำเข้าเครื่องตามมาตรฐานที่ถูกกำหนดเอาไว้ระดับสากล มาพร้อมหม้อต้มทองแดง จึงป้องกันการรั่วซึม และให้ความร้อนที่ค่อนข้างเสถียรให้อุณหภูมิที่ค่อนข้างคงที่ และมีระบบ low water pressure ที่ทำให้เครื่องทำน้ำอุ่นสามารถทำงานได้แม้มีแรงดันน้ำที่ต่ำ

3.เครื่องทําน้ำอุ่น SHARP รุ่น WH-246E 4500 วัตต์ (ราคา 4,800 บาท)


เครื่องทำน้ำอุ่น SHARP มาพร้อมดีไซน์ทรงเหลี่ยมสวยงาม ทันสมัย ที่สามารถเข้าได้ทุกสไตล์ของห้องน้ำที่บ้านของทุก ๆ คน มาพร้อมกับระบบ HEATER TANK ในการทำความร้อนจึงสามารถคงความร้อนได้เป็นอย่างดี สามารถควบคุมอุณหภูมิให้สม่ำเสมอ ด้วยระบบ ETC จึงทำคงความร้อนแม้ว่าแรงดันน้ำจะไม่สม่ำเสมอก็ตามค่ะ สามารถควบคุมอุณหภูมิอย่างง่ายดายด้วยการหมุนปรับองศา แถมยังมีระบบนิรภัย ELCB ที่สามารถตัดไฟได้แบบอัตโนมัติแม้จะระบบไฟฟ้ารั่ว วัสดุทั้งหมดที่ใช้ผลิตมีความคงทนจึงค่อนข้างคงทนและทนทาน สามารถป้องกันน้ำเข้าเครื่องได้อีกด้วย

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/PLU0501

824
เริ่มต้นปี 2022 อะไรภายในบ้านที่เก่าแสนเก่าก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยนได้แล้วค่ะ โดยเฉพาะอะไร ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพของตนเองอย่างเช่นเครื่องกรองน้ำ ที่เครื่องเก่าใช้มานานหลายปีเพราะฉะนั้นก็ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนมันสักทีแล้วค่ะ ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องกรองน้ำหลากหลายยี่ห้อเลยค่ะที่มีระบบการกรองที่มีประสิทธิภาพสูง มีระบบและเทคโนโลยีที่เพิ่มคุณภาพของน้ำที่เราดื่ม ฉะนั้นมาดูกันเลยค่ะว่าเครื่องกรองน้ำยี่ห้อไหนบ้างที่เหมาะสมกับบ้านของท่านเรามาติดตามกันเลยค่ะ

1.เครื่องกรองน้ำ PURE รุ่น CPR-02 UV (ราคาจำหน่าย 13,950)
 

 เครื่องกรองน้ำ PURE รุ่น CPR-02 UV เป็นเครื่องกรองน้ำที่มีระบบการกรองแบบ 5 ขั้นตอน สามารถฆ่าเชื้อโรคในน้ำได้อีกด้วย เพราะมีคลื่น Ultra Violet จึงมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อยู่ในน้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้ดื่มน้ำที่สะอาด บริสุทธิ์ และปลอดภัย มาพร้อมไส้กรองหยาบเซดิเมนท์ (PP) ซึ่งสามารถดักจับกรวด ทราย หิน โคลน รวมทั้งสารแขวนลอยขนาดใหญ่ที่มักจะปนเปื้อนมากับน้ำ พร้อมกรองด้วยไส้กรองเรซิ่น (RE) ช่วยปรับสภาพน้ำที่กระด้างให้มีรสชาติที่อ่อนลง ช่วยดักจับสารตะกั่ว แคมเมี่ยม และปรอทที่ปนเปื้อนในชั้นดิน และไส้กรอง UF ซึ่งช่วยกรองแบคทีเรียและจุลินทรีย์ในน้ำที่มีอนุภาคขนาดเล็กที่ละเอียดมาก ๆ ถึง 0.01 ไมครอน นอกจากนี้ไส้กรองชั้นที่ 4 คือ ไส้กรองแอ็คติเวทคาร์บอน (AC) ทำหน้าที่ดูดจับสารเคมี กลิ่น สี คลอรีน ทองแดง รวมถึงยาฆ่าแมลง และผงซักฟอก อีทั้งยังมีหลอดฆ่าเชื้อ UV-C ที่ช่วยกำจัดแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อราด้วยลำแสง UV ทำงานร่วมกับ เทคโนโลยี Microban ที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค ไวรัส และเชื้อราได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 2.เครื่องกรองน้ำ STIEBEL รุ่น FOUNTAIN 7S ANTHRACITE (ราคาจำหน่าย 15,400 บาท)
 

 เครื่องกรองน้ำ STIEBEL เป็นเครื่องกรองน้ำสำหรับติดตั้งบนเคาน์เตอร์ ที่มีระบบการกรองมากถึง 7 ขั้นตอน ใน 1 ขั้นตอนจึงทำให้ทุกคนได้ดื่มน้ำสะอาดปลอดภัย มาพร้อมไส้กรองแบบ Ultrafiltration ซึ่งสามารถกรองสิ่งสกปรกที่มีอนุภาคเล็กเพียง 0.01 ไมครอน รวมทั้งสามารถกำจัดเชื้อแบคทีเรียในน้ำดื่มได้ในทันที โดยไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า วัสดุทำมาจาก ABS ซึ่งค่อนข้างทนทาน คงทน รวมถึงทนต่อแรงกระแทก มาพร้อมหน้าจออัจฉริยะที่สามารถตั้งเวลาและแสดงมิเตอร์วัดการไหลของน้ำ พร้อมต่อท่อสแตนเลสที่สามารถปรับหมุนได้ 360 องศา สามารถใช้ดื่ม รวมถึงล้างผักผลไม้ได้อย่างสะดวกสบาย อีกทั้งยังผ่านมาตรฐาน NSF มีชั้นหิน Silverlite ช่วยประกอบด้วยไอออนเงิน แร่ธาตุจึงสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้

 3.เครื่องกรองน้ำ PHILIPS รุ่น ADD6910 (ราคา 16,900)
 

 เครื่องกรองน้ำ PHILIPS เครื่องนี้ เป็นเครื่องกรองน้ำระบบ RO ที่สามารถขจัดสิ่งปนเปื้อนภายในน้ำได้ถึง 99% จึงมอบน้ำที่สามารถและบริสุทธิ์ให้ท่าน สามารถใช้ได้ทั้งอุปโภคและบริโภค อีกทั้งยังสามารถปรับอุณหภูมิน้ำได้มากถึง 4 ระดับ ได้แก่ น้ำในระดับอุณหภูมิห้อง อุณหภูมิ 45 องศา น้ำอุณหภูมิ 85 องศา และน้ำในอุณหภูมิ 95 องศา อีกทั้งมีโปรแกรมเลือกปริมาณของน้ำดื่ม 4 ระดับ ได้แก่ 150 มล.  210 มล. 300 มล.  500 มล. และเลือกแบบน้ำไหลแบบต่อเนื่อง มาพร้อมกับระบบล็อกนิรภัยป้องกันเด็กเล็กสัมผัส เพื่อป้องกันอันตรายหรืออุบัติเหตุ พร้อมทั้งมีหน้าจอ LED ที่แสดงอุณหภูมิของน้ำ และระบบ ClearSmart ซึ่งทำหน้าที่แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรองอัตโนมัติ

 ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
 Official Website : https://www.homepro.co.th/c/KIT0901

825
เสื้อผ้าที่ซักยากที่สุดคงไม่พ้นเสื้อผ้าที่มีสีขาวนั่นเองที่แสนจะซักยากเป็นพิเศษ เนื่องจากเวลาผ้าขาวเปื้อนทีนึง หากปล่อยให้คราบฝังแน่น บอกได้เลยว่าเอาไม่ออก บางครั้งบางคราวอาจจะต้องเสียเสื้อตัวนั้นไปเลยก็ได้ เราเลยต้องหาตัวช่วยอย่างผลิตภัณฑ์ซักผ้ามากมายที่มีประสิทธิภาพในการซักผ้า โดยเราขอนำเสนอผลิตภัณฑ์ซักผ้า 4 แบบ 4 ยี่ห้อที่จะมาช่วยให้การซักผ้าขาวของทุกคนเป็นเรื่องที่แสนสะดวก ตามกันมาเลยค่ะ
1.น้ำยาซักผ้า HYGIENE (ราคา 70 บาท)


น้ำยาซักผ้า HYGIENE เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยขจัดคราบทั้งผ้าสีและผ้าขาว โดยมีสาร Brightener จึงคืนความสดใสให้กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ ช่วยให้ผ้าขาวกลับมาขาวสะอาดอีกครั้ง อีกทั้งยังไม่มีคลอรีน ไร้กลิ่นฉุน พร้อมช่วยในการขจัดคราบที่ฝังแน่นซึ่งเกาะติดลึกถึงเส้นใยของผ้าให้หลุดออกไปอย่างง่ายดาย เช่น คราบเหงื่อไคล คราบซอส คราบชา กาแฟ คราบน้ำผลไม้ ที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าก็กำจัดออกได้หมด และยังมอบกลิ่นหอมด้วยกลิ่นดอกไม้จึงทำให้ผ้าขาวของคุณหอมสะอาดเหมือนเสื้อตัวใหม่ได้นั่นเอง

2.น้ำยาซักผ้าขาว HAITER (ราคาจำหน่าย 82 บาท)


น้ำยาซักผ้าขาวไฮเตอร์เป็นน้ำยาซักผ้าขาวที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน  โดยสูตรสีชมพูเป็นสูตรช่วยขจัดคราบฝังแน่นและขจัดกลิ่นเหม็นอับบนเสื้อผ้า พร้อมความสามารถในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในเส้นใยของผ้าออกได้อย่างหมดจด โดยสามารถขจัดเชื้อแบคทีเรียได้มากถึง 99.9% โดยหากใครที่ไม่ชอบกลิ่นฉุน ๆ ของไฮเตอร์สูตรเดิม สามารถใช้ขวดสีชมพู เพราะมีการเพิ่มน้ำหอม จึงมอบกลิ่นหอมสดชื่นให้กับเสื้อผ้า โดยซักร่วมกับผงซักฟอก หรือผสมกับน้ำสะอาดก็ได้ เพื่อให้ผ้าขาวของคุณ ๆสะอาดสดใสมากยิ่งขึ้น

3.ผงซักฟอก ATTACK 3D CLEAN ACTION (ราคาจำหน่าย 85 บาท)


ผงซักฟอก แอทแทค ทรีดี คลีน แอ็คชั่น เป็นสูตรที่เพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบฝังลึกได้ถึงเส้นใยของเนื้อผ้า พร้อมทั้งขจัดคราบเหงื่อไคล ไขมันต่าง ๆ คราบสกปรกบนคอเสื้อ หรือคราบดินโคลน จึงลดกลิ่นเหม็นที่มักติดบนเสื้อ สามารถใช้ได้ทั้งผ้าสีและผ้าขาว รวมไปถึงสามารถใช้ได้ทั้งซักมือและซักเครื่อง เพียงใช้ผลิตภัณฑ์ 1ช้อน สำหรับผ้า 20 - 25 ชิ้น แล้วซัก ก็จะทำให้ผ้าขาวของท่านสะอาดเหมือนเพิ่งซื้อมาใหม่แล้วค่ะ

4.เจลบอลซักผ้า DOWNY (ราคาจำหน่าย 149 บาท)


มาถึงผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่มาอยู่ในรูปแบบของเจลบอลกันบ้างค่ะทุกคน ซึ่งทำให้การซักผ้าของท่านเป็นเรื่องสะดวกมากขึ้นอีกขั้น ซึ่งมาพร้อมกับกลิ่น ซันไรท์ เฟรช พลัส จึงมอบความหอมสดชื่นติดทน และกระจายตัวตลอดการซัก รวมไปถึงยังทำให้การซักของท่านสะดวกขึ้นด้วย 4in1 ด้วยเหตุว่าทั้งซักผ้าได้สะอาด ขจัดคราบฝังแน่น มอบกลิ่นสะอาดสดชื่น และช่วยลดกลิ่นอับได้อย่างดีเยี่ยม โดยใส่ลงไปถังซักผ้าคุณ ๆก็จะได้ผ้าทั้งหอมและสะอาด สามารถใช้ได้ทั้งผ้าขาวและผ้าสี จึงมอบความสดใสและถนอมเนื้อผ้าให้เสื้อตัวโปรดของท่าน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP0701

826


จัดเป็นอุปกรณ์จำเป็นอย่างที่สุดสำหรับผู้ชาย นั่นคือ การใช้งานมีดโกนหนวด ทว่าบางคนอาจไม่รู้จริง ๆ ว่าควรเลือกลักษณะมีดชนิดไหน อย่างไร และเพื่อให้การใช้งานเป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงอยากบอกต่อความรู้นี้ให้กับคุณผู้ชายอย่างละเอียด และถ้าอยากรู้กันแล้วก็ตามมาได้เลย
ขั้นตอนการเลือกมีดโกนหนวดที่คุณผู้ชายควรรู้
1. เพื่อความประหยัดให้เลือกแบบใช้แล้วทิ้ง
การเลือกใช้แบบใช้แล้วทิ้งนั้นมีราคาถูก และช่วยให้การใช้งานปลอดภัยจากสิ่งสกปรกสะสม แนะนำใช้ได้ใบละไม่เกิน 5 ครั้ง มากกว่า 5 ครั้งใบมีดจะทื่อได้ และถ้าทื่อขึ้นมาใช้งานซ้ำ ๆ โอกาสเกิดแผลได้ กรณีเลือกซื้อเลือกหาแบบนี้มาใช้ควรเป็นแบบแพ็กหลายชิ้นไปเลย จะได้ไม่ต้องซื้อบ่อย ๆ

2. อยากได้ความเกลี้ยงเกลาเลือกใบมีดสองคม
เผื่อบางคนอยากจะได้ความเกลี้ยงเหลาของหนวด แนะนำว่าให้เลือกใช้แบบใบมีด 2 คมไปเลย โดยสามารถใช้งานได้ 5 ครั้ง แล้วเปลี่ยนใบใหม่ดีที่สุด โดยที่มีดสองคมจะคมมากให้โกนตามแนวขนไปเลยหลาย ๆ รอบ แต่ถ้าไม่ถนัดแนะนำซื้อด้ามจับแยกต่างหาก

  3. เลือกแบบซ้อนใบมีดโกนหนวดสะดวกขึ้น
หรือถ้าท่านใดจะเลือกแบบที่เป็นใบซ้อนก็น่าสนใจ เนื่องจากจะมีที่จับมาให้ด้วย โดยจะเป็นการใช้แล้วทิ้ง มีราคาถูกและคงทนมากกว่า สามารถใช้งานได้ประมาณ 50 วัน หรือ 1 เดือนครึ่งต่อหนึ่งชิ้น (หรือส่วนใหญ่ใช้ 2 อาทิตย์เปลี่ยนก็ได้)

แต่กระนั้นบางคนอาจจะไม่ถนัดการใช้มีด จริง ๆ แล้วก็ยังมีเป็น
แบบที่โกนหนวดไฟฟ้าอยู่ด้วย ซึ่งค่อนข้างใช้งานง่าย เพราะแค่เปิดเครื่องก็สามารถไถบนหนวดให้ใบมีดด้านในจัดการโกนจนเรียบร้อย บางเครื่องก็ปรับความแรงของการโกน ไม่ต้องซื้อใหม่บ่อย เพราะสามารถชาร์ตแบตเตอรี่ได้ การชาร์ตก็ไม่เกิน 1 ชม. สามารถนำมาใช้ต่อได้ทันที

โดยปัจจุบันเครื่องโกนหนวดไฟฟ้ามีให้เลือกหลากหลายยี่ห้ออย่าง FLYCO รุ่น FS0002, ENCHEN BLACKSTONE 3D, REMINGTON รุ่น MB-4200 เป็นต้น กระนั้นแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นก็จะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ควรเรียนรู้วิธีการใช้งานก่อนเสมอ

มีดโกนหนวดสามารถจัดการหนวดที่อยู่บนใบหน้าได้เต็มที่ ประหยัด และลดความเสี่ยงสะสมสิ่งสกปรก แต่ถ้าจะให้สะดวกสบายขึ้นอยากแนะนำเป็นเครื่องโกนแบบไฟฟ้าไปเลย มีใบมีดอยู่ด้านในแต่ไม่ต้องมาจับโกนเอง หวังว่าจะช่วยให้คุณผู้ชายเลือกกำจัดหนวดได้ตอบโจทย์มากขึ้น แต่ถ้าเลือกแบบเครื่องโกนไฟฟ้าอย่าลืมศึกษาร้านที่เลือกซื้อก่อนด้วย เอาที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ อาจดูรีวิวจากผู้เคยใช้งานมาก่อนก็ได้อีกเช่นกันเพิ่มความมั่นอกมั่นใจ

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP160201

827


ในยุคที่หลายท่านอยากอยู่กับตัวเองและมีมือถือ 1 เครื่อง Smalltalk 1 ชุดก็พร้อมเข้าสู่ห้วงอารมณ์โลกส่วนตัวแล้ว แต่การเลือกใช้ต้องยกให้กับประเภทหูฟังไร้สายกำลังเป็นที่นิยมอย่างที่สุด ทว่าการใช้งานก็ควรต้องอยู่บนพื้นฐานความพอดีด้วย เพื่อความปลอดภัยทางการได้ยิน ไม่เกิดปัญหารุนแรงตามมาภายหลัง ซึ่งบทความนี้ก็จะมานำเสนอการใช้งานที่เหมาะสม

ข้อดี – จุดด้อยของอุปกรณ์แต่ละประเภท
- แบบไร้สาย ก็จะเป็นตัวอุปกรณ์เสีบกับรูหูได้เลย ซึ่งปัจจุบันนิยมใช้งานมาก เหตุเพราะไม่ต้องมีสายห้อยเกะกะ แต่กระนั้นก็อาจจะมีปัญหาร่วงหลุดออกจากหูได้ง่าย เผลอ ๆ โดนทับ โดนเหยียบ หรือพอกระแทกพื้นก็อาจเสียหายได้
- หูฟังเกมมิ่ง จะเป็นลักษณะของที่ครอบหูทั้งสองข้าง โดยมีไมโครโฟนให้เราสามารถสื่อสารได้ แต่ก็จะต้องต่อสายเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊กด้วย และบางคนก็อาจไม่ชอบความหนักที่มี
- แบบมีสายก็คงจะคุ้นเคยกันดี เพราะเราสามารถเสียบใส่รูหูของเรา รวมถึงใส่อุปกรณ์ที่จะฟังเสียง แต่ชนิดนี้จะไม่สามารถป้องกันเสียงจากภายนอกได้ ก็อาจต้องเปิดเสียงดังกลบ

หูฟังทุกประเภท มีผลต่อการได้ยินอย่างไร?
ปกติแล้วคนเราจะสามารถฟังเสียงดังได้ราวๆ 85 เดซิเบลเท่านั้น ซึ่งหากการฟังเสียงที่ดังเกิน 90 เดซิเบล แบบนี้ไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน เพราะจะส่งผลกระทบต่อการได้ยิน โดยทั่วไปควรปรับระดับเสียงให้อยู่ที่ 70% ของการเปิดระดับเสียงได้เท่านั้น หากเปิดเกินไปจนถึง 104 เดซิเบล เมื่อได้ฟังติดต่อกันนาน ๆ ก็มีความเสี่ยงที่จะส่งผลถึงประสาทหูเสื่อมจากเสียง และสูญเสียการได้ยินหรือหูหนวกในที่สุด ซึ่งหากพบว่าตัวเองมีความผิดปกติ อย่างได้ยืนเสียงหวีด หรือหึ่ง ๆ ดังก้อง มีอาการหูอื้อ เสียงที่ได้ยืนเบาผิดเพี้ยนไปควรรีบพบคุณหมอ

แล้ววิธีการใช้งานที่ถูกต้องล่ะ?
การใช้งานหูฟังให้ปลอดภัยนั้นควรปรับระดับเสียงได้ไม่เกิน 60% ของระดับการได้ยินที่ปรับได้ดังที่สุด และไม่ควรเสียบ 2 หูพร้อมกันนานเกินกว่า 1 ชม. ควรหยุดใช้งาน 5 นาที แล้วเริ่มใช้งานใหม่ ทั้งนี้ อยากแนะนำให้เลือกหูฟังที่สามารถช่วยป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกด้วย ทั้งนี้เพราะผู้ใช้งานจะได้ไม่จำเป็นต้องปรับระดับเพิ่มให้ดังเพื่อกลบนั่นเอง

หลังจากนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะให้ความสำคัญกับการใช้หูฟังทุกประเภทอย่างดี พยายามปรับระดับเสียงให้อยู่บนมาตรฐานความปลอดภัย นอกจากนี้ หลังการใช้งานควรทำความสะอาดสม่ำเสมอด้วย ทั้งนี้เพราะอย่างน้อย ๆ อุปกรณ์ที่สะอาดก็ไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อตนเองในอนาคต

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA10

828


ด้วยความที่ปัจจุบันมีทั้งเรื่องฝุ่น PM 2.5 รวมทั้งโรคระบาดโควิด - 19 ทำให้ทุกคนต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต จะไปไหนมาไหนก็ต้องพึ่งพาหน้ากากอนามัยเสมอ กระนั้นหากลองพิจารณาให้ดีก็จะพบกับนวัตกรรมใหม่ที่คิดค้นอย่าง หน้ากากฟอกอากาศ แต่นั่นก็กลายเป็นความสนใจของคนจำนวนมากว่าแท้จริงจะช่วยป้องกันฝุ่น + เชื้อโควิด - 19 จริงหรือ? มาศึกษารายละเอียดกันได้เลย

ฝุ่น PM 2.5 + เชื้อโควิด - 19 มีการทำปฏิกิริยาต่อร่างกายเราอย่างไร
ก่อนที่จะไปกล่าวถึงรายละเอียดของการป้องกันฝุ่น PM 2.5 + เชื้อโควิด - 19 ของหน้ากากที่ช่วยฟอกอากาศ ก็ขออธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับการทำปฏิกิริยาต่อร่างกายเรา โดยที่ถ้าเป็นฝุ่น PM 2.5 ก็จะสามารถเข้าสู่ร่างกายก่อให้เกิดปัญหาการหายใจได้ด้วยการหายใจเข้าไป ซึ่งฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมาก หน้ากากผ้าคือป้องกันไม่ได้แน่นอน หรือถ้าเป็นหน้ากากทางการแพทย์ก็ป้องกันได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น

ส่วนเชื้อโควิด - 19 เรามีจะเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่ามาจากการอยู่ใกล้ผู้ติดเชื้อในระยะประชิด การสัมผัสบนพื้นผิว แล้วมาแตะหน้า ปาก จมูก ก่อนจะแพร่เข้าสู่ร่างกายโดยที่เราไม่รู้ตัว รวมถึงการที่ออกมาจากพฤติกรรมไอ จาม ตะโกน พูดคุย หรือร้องเพลง

“หน้ากากฟอกอากาศ” ช่วยป้องกันฝุ่น + เชื้อโควิด - 19 จริงหรือ?
ความจริงแล้วไม่ว่าจะเครื่องฟอกอากาศพกพา หรือหน้ากากที่ช่วยฟอกอากาศใด ๆ ก็ตาม จะมีระบบแผ่นกรอง อย่าง HEPA ที่โดยมากจะผลิตมาจากใยสังเคราะห์ ที่ช่วยเพิ่มประจุไฟฟ้าสถิตไว้บนเส้นใยด้วย เพื่อให้สามารถดักจับอนุภาคได้ดี มีความสามารถในการตรวจจับเชื้อไวรัสมากแม้จะมีขนาดเล็กแค่ไหนก็ตาม ซึ่งพร้อมช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 และเชื้อไวรัสโควิด - 19 ได้ เพราะขนาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19 นั้น จะมีขนาดเล็ก 0.06 - 0.14 ไมครอน หรือแม้แต่ไวรัสที่เล็กที่สุดก็มีขนาด 0.02 ไมครอนแต่ก็ยังสามารถป้องกันไว้ได้ ยกตัวอย่าง หน้ากาก LG ที่ก็มีระบบกรอง HEPA ที่พร้อมช่วยป้องกันได้ดี

ถึงอย่างไร แม้จะพูดว่าหน้ากากฟอกอากาศสามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 รวมถึงเชื้อโควิด - 19 ได้ก็ตาม แต่เราก็ควรต้องป้องกันตัวเอง และใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ นอกจากหน้ากากที่ต้องสวมใส่กันแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะพกเจล / สเปรย์แอลกอฮอล์ไว้ด้วย หลังจากจับ หรือสัมผัสไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามจะต้องล้างมือในทันที ทั้งนี้ ไม่ควรอยู่ในพื้นที่แออัด คนเยอะ ควรอยู่ห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1 - 2 เมตร แล้วถ้าใครกลับมาจากนอกบ้านก็ต้องรีบอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง และคนในบ้าน

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0203

829


กระติกน้ำแข็งยังคงเป็นที่ต้องการใช้งานของบุคคลทั่วไปก็เพื่อเก็บกักความเย็นให้กับเครื่องดื่ม หรืออาหารทั้งของแห้งและของสด แต่กระนั้นปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลาย รวมถึงวัสดุที่ใช้ทำก็เยอะมากเช่นกัน การทำความสะอาดที่เหมาะสมจึงควรต้องศึกษาอย่างที่สุด เพื่อให้เกิดความสะอาด สามารถใช้งานสบายใจ และยาวนาน

ประเภทของกระติกน้ำแข็งที่ควรรู้จัก
ปกติแล้วกระติก หรือถังไว้ใส่น้ำแข็งนั้นจะมีการผลิตด้วยกันหลากหลายวัสดุ ไม่ว่าการทำจากพลาสติกที่มีความหนา สามารถกักเก็บความเย็นได้ในระดับหนึ่ง หรือเป็นแบบตู้แช่พกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก ทำจากพลาสติก Polyethylene (PE) สามารถเก็บความเย็นได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมงเลยก็มี
บางรุ่นผลิตด้วยฉนวนความร้อน และมียางซีลป้องกันความเย็นรั่วไหล หรือถ้าท่านไหนไม่ชอบรอยต่อบางรุ่นก็ผลิตแบบไร้รอบต่อไปอีก ซึ่งจำเป็นต้องล้างทำความสะอาดด้วย เพื่อจุลินทรีย์ที่อาจปนเปื้อนอยู่จางหาย ไม่ทำให้ป่วย

การล้างทำความสะอาดกระติก หรือถังใส่น้ำแข็งที่ถูกวิธี
1. เตรียมฟองน้ำ และน้ำยาทำความสะอาดให้พร้อม จากนั้นนำกระติก หรือถังน้ำดื่มของเราไปล้างด้วยน้ำเปล่าก่อน 1 ครั้ง เพื่อเอาสิ่งสกปรกเป็นชิ้นที่เห็นได้ชัดออกไปจากถัง
2. บีบน้ำยาทำความสะอาด ลงบนฟองน้ำ แล้วนำไปถูด้านในตัวถัง โดยการถูควรต้องไล่จากด้านในมุมทั้ง 4 โดยใช้นิ้วสอดเข้าไป ล้างรอบตัวถัง ไม่ควรลืมล้างที่ด้านในฝาถังด้วยเพราะด้านในฝาก็เป็นตัวปิดที่อาจเปื้อนได้
3. เสร็จแล้วก็มาล้างที่นอกถังต่อ ซึ่งถังเก็บความเย็นโดยทั่วไปแล้วจะมีลักษณะเป็นได้ทั้งพลาสติกหนา หรือบางปกติ การล้างข้างนอกก็ควรทำอย่างระมัดระวัง ไม่แนะนำให้ใช้ฝอยขัด เพราะว่าจะทำให้เกิดรอยได้
4. เมื่อล้างจนทั่วทั้งข้างนอกและข้างใน สุดท้ายก็ล้างเอาน้ำยาต่าง ๆ ออกจากตัวถัง โดยฉีดน้ำสะอาดให้ทั่วจนหมดฟอง ไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว สุดท้ายก็นำไปจากแดดให้แห้งได้เลย แต่ถ้าเป็นถังพลาสติกธรรมดา แนะนำว่าให้ตากไว้ที่พื้นที่ถ่ายเทพอ เพราะถ้าเอาไปตากแดดจัด ๆ มีโอกาสที่ถังจะเสื่อมสภาพไว

เป็นอย่างไรกันบ้าง? กับรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับถังหรือกระติกใส่น้ำแข็งขั้นตอนการล้างไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิดเลยใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่าใครที่อยากซื้อก็ลองเปรียบเทียบดูรุ่น ดูขนาด และลักษณะถังให้รอบคอบ และเมื่อนำมาใช้งานแล้วก็ต้องล้างทำความสะอาดทุกครั้ง ย้ำว่าทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยทางสุขลักษณะร่างกาย ได้แช่เครื่องดื่ม อาหารเย็น ๆ คงความสดใหม่ สดชื่นให้ได้ตลอดวัน ไม่เป็นอันตรายตามมาภายหลัง

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/KIT030501

830


สมัยนี้เชื่อว่าคุณ ๆ หลายคนต้องมีที่ม้วนผมติดบ้านและมักจะเอามาใช้งานกันแทบทุกวัน แต่กับบางท่านอาจเพิ่งเคยซื้อมาใช้งาน และพยายามหาสิ่งที่ดีที่สุด ทว่าของบางอย่างจำเป็นต้องศึกษาเกี่ยวกับข้อควรระวังก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเพื่อความปลอดภัย และตอบสนองความต้องการอย่างที่สุด ซึ่งการเลือกซื้อที่ม้วนเส้นผมนี้ก็เช่นกัน

ข้อควรระวังเมื่อต้องซื้อใช้งานที่ม้วนผม
1. ตัวแผ่นทำความร้อนเครื่องเป็นอย่างไร?
ในเครื่องสำหรับม้วนผมจะมีแผ่นทำความร้อนที่ทำจากเซรามิค หรือทัวร์มาลีน ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยให้เส้นผมได้รับการป้องกันความร้อน ไม่ทำให้ผมขาดหลุดร่วงได้ง่าย ๆ จึงควรต้องพิจารณาตัวแผ่นที่มีของเครื่องว่าเป็นอย่างไร ไม่ทำให้ผมมีปัญหาเมื่อต้องใช้บ่อย ๆ

2. ตัวสายไฟปลายขั้วสามารถหมุนได้หรือไม่?
จำเป็นต้องสังเกตตัวสายไฟตรงปลายขั้วด้วยว่าสามารถหมุนได้หรือไม่ ถ้าเลือกซื้อแบบที่สามารถจัดการหมุนได้ 360 องศา ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้เพราะจะมีความคล่องตัวในการใช้งานมากกว่าแบบที่หมุนให้ไม่ได้นั่นเอง

3. ปรับอุณหภูมิได้หรือเปล่า มากน้อยเพียงใด?
ผู้ใช้ควรเลือกเครื่องม้วนผมที่สามารถปรับอุณหภูมิได้หลายระดับ เพื่อให้ผมของตนเองสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งการที่ไม่สามารถปรับระดับได้ ถ้าแรงเกินไปก็จะทำให้ผมเสีย แต่ถ้าความร้อนช้าก็จะทำให้เสียเวลาไปอีก

4. ดูที่แผ่น Floating Plate เป็นอย่างไร?
แผ่นที่เป็น Floating plate ช่วยลดการดึงของเส้นผมเมื่อต้องใช้ไฟฟ้า ส่งผลให้ผมขาดหลุดร่วงออกมาได้ โดยที่คุณต้องพิจารณาให้ดีว่ามีมากน้อยขนาดไหน หรือบางเครื่องก็อาจไม่มีเลย และยังช่วยให้มีทรงผมสวยตามความต้องการอีกด้วย

5. มีระบบไอออนิคอยู่ด้วยหรือไม่?
การที่เครื่องม้วน เครื่องหนีบ หรือแม้แต่โรลม้วนผมมีระบบไอออนิคก็เพื่อช่วยให้เส้นผมได้รับการดูแล และถูกถนอมให้คงอยู่อย่างสวยงาม รักษาระดับความชุ่มชื้นของเส้นผมได้ดี ไม่ทำให้ผมแห้งเกิน หรือเกิดเป็นไฟฟ้าสถิต

อีกเรื่องที่สำคัญเช่นกันและควรต้องพิจารณาหากตกลงใจจะเลือกซื้ออุปกรณ์ชนิดนี้ก็คืออาการโดยรวม ไม่ควรมีรอยแตก หัก หรือรอยรั่วใด ๆ เกิดขึ้น เพื่อให้การใช้งานของเครื่องเป็นไปอย่างปลอดภัย การเลือกซื้อจึงควรเป็นร้านที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพ มี มอก. ที่ผ่านการตรวจสอบมาแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ใครที่จะใช้งานเครื่องเหล่านี้กับเส้นผมก็คงจะเลือกได้ตอบโจทย์ และไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเส้นผมของตนเอง แอบบอกว่าเส้นผมก็ควรได้รับการบำรุงดูแลต่างหากด้วยนะ

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP160104

831


หากลองสังเกตให้ดีจะพบว่าหลายท่านเลือกใช้งานไฟกระพริบ หรือไฟเส้นแบบ LED มากขึ้น แต่กระนั้นหากท่านก็เป็นอีกคนที่มีความสนใจอยากใช้แล้วเกิดสงสัยในหลาย ๆ เรื่องต้องการคำอธิบายที่เป็นประโยชน์ ข้อมูลที่ได้รวบรวมเพื่อมามากบอกต่อทั้งหมดนี้จะช่วยให้การตกลงใจใช้งานเป็นไปอย่างตอบโจทย์ และได้ประโยชน์มากที่สุด ว่าแล้วก็ไปติดตามกันเลย

ไฟกระพริบคืออะไร แล้วดียังไง?
ก่อนอื่นเรามาเรียนรู้กันเล็กน้อย ว่าไฟที่กระพริบเป็นเส้น LED นั้นปัจจุบันนิยมอย่างมาก โดยที่จะมีค่า IP หลากหลาย ไม่ว่าจะ IP20 – IP68 โดยเฉพาะในงานที่ต้องตกแต่งประดับประดาไฟให้มีสีสวยงามทั้งภายในและภายนอกอาคาร หรือแม้แต่การติดตั้งใต้น้ำที่ค่อนข้างนิยมไม่แพ้กัน โดยที่มีฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลายทั้งแบบกระพริบเป็นจังหวะ หรือเปิดสว่างตลอดเวลาไม่กระพริบ โดยสามารถซ่อนสายตาจากผู้คนได้อย่างดีหากเป็นการซ่อนใต้ฝ้า เพดาน หรือขอบหน้าต่าง ประตู
ถามว่าดีอย่างไร? ก็ต้องบอกว่าไฟประเภทนี้จะเป็นเส้นยาวขึ้นอยู่กับร้านกำหนดขาย โดยไฟกระพริบ LED สามารถบิดงอองศาได้ตามความต้องการอย่างอิสระไปตามส่วนต่าง ๆ ที่อยากติดตั้ง จะบิดงอขนาดไหนได้เลยไม่มีปัญหา สามารถติดตั้งได้แม้ในพื้นที่แคบ แถมยังทำให้สว่างแบบไม่เกิดเงาต่อเนื่องอีกด้วย ซึ่งนี่ทำให้ไฟแบบเส้น LED มีความน่าสนใจมากกว่าเดิม และถูกเลือกใช้งานในทุก ๆ พื้นที่โดยเฉพาะตามเทศกาลต่าง ๆ ที่ศูนย์การค้า หรือสถานบริการต่าง ๆ จะประดับให้สวยงาม คุณสมบัติการป้องกันน้ำและฝุ่นของไฟแบบเส้น LED

อย่างที่ได้บอกกันไปว่าค่า IP ของไฟเส้น LED นี้มีอยู่เยอะพอควร โดยนั่นถือเป็นการบอกค่าคุณสมบัติและการป้องกันฝุ่นและน้ำได้ดีอย่าง IP20 จะเหมาะกับการใช้งานภายในที่ไม่มีคุณสมบัติกันน้ำ ต้องปิดไฟ IP65 สามารถโดนน้ำฝนได้ แต่ไม่สามารถเอาไปแช่ไว้ในน้ำได้ตลอด ส่วน IP67 / IP68 สามารถแช่น้ำได้ แต่ต้องไม่ให้น้ำเข้าจุดเชื่อมต่อ ไม่อย่างนั้นความเสียหายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ถึงอย่างไร ผู้ใช้งานจำเป็นต้องเลือกซื้อเลือกหาไฟกระพริบแบบ LED นี้ให้เหมาะสมด้วย โดยคำนึงถึงพื้นที่การใข้งานมาเป็นอันดับแรกว่าจะเอาไปใช้ที่ไหนบ้าง อย่างเช่น พื้นที่แห้งในอาคาร พื้นที่ชื้นจากเครื่องปรับอากาศ พื้นที่นอกอาคารโดนแดด โดนฝน หรือพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดน้ำขังได้ เป็นต้น จะช่วยให้เลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม เพิ่มอายุการใช้งานไปยาว ๆ ไม่ต้องมาเสียเงินเสียทองซื้อใหม่บ่อย ๆ หวังว่าการเลือกใช้งานของทุก ๆ คนจะเป็นเรื่องง่ายมากขึ้น และใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีค่ำคืนอันแสนสวยงามได้ทุกวัน

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/LIG0407

832


หากท่านเป็นคนหนึ่งที่มีความสนอกสนใจอยากทำเบเกอรี่แล้วกำลังคิดซื้อเครื่องตีแป้ง แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่เพิ่งเลือกครั้งแรกก็อาจไม่ทราบว่าเลือกอย่างไรดี เอาเป็นว่าใครสายหวาน อยากได้อุปกรณ์ดี ๆ แบบนี้เอาไว้ใช้งาน ขอจัดเต็มคุณสมบัติของเครื่องช่วยตีแป้งที่ควรทราบมานำเสนอ รับรองว่าการใช้งานทำเบเกอรี่ได้อย่างใจปรารถนา ออกมาน่ากินสุด ๆ

5 คุณสมบัติเครื่องตีแป้ง ที่คนอยากทำเบเกอรี่ให้ปังควรรู้
1. สามารถปรับระดับความเร็วได้
เป็นสรรพคุณแรกที่ต้องรู้ หากท่านเคยใช้เครื่องตีแป้งมือถือมาก่อนจะเข้าใจเลยว่าแรงมือ แรงแขนของเราเป็นตัวกำกับ และต้องใช้เวลานานกว่าแป้งจะเข้าที่ตามต้องการ ซึ่งเครื่องใช้ตีแป้งที่มาบรรเทาแรงคนก็ต้องมีความสามารถในการปรับระดับได้อย่างน้อย 3 - 4 ระดับ เพื่อให้แป้งเข้าที่เร็วขึ้น สะดวกขึ้น ไม่ต้องเมื่อยมือ เมื่อยแขนอีกต่อไป

2. ควรมีหัวตีเปลี่ยนให้
ทั้งนี้เพราะหัวตีเป็นสิ่งที่จะช่วยให้จัดการผสมแป้งได้อย่างลงตัวมากขึ้น บางครั้งหัวตีอาจทำให้แป้งแตกตัวละเอียด หรือหยาบได้ เป็นปัจจัยสำคัญต่อเนื้อแป้งที่จะไปกลายเป็นเบเกอรี่ต่อไป อย่างนั้น ยิ่งเครื่องที่มีหัวเปลี่ยนให้มากก็เท่ากับเราได้ความคุ้มค่านั่นเอง

3. วัสดุเครื่องต้องแข็งแรง ทนทาน
ใครว่าวัสดุตัวเครื่องไม่สำคัญ เราจำเป็นต้องเลือกเครื่องที่ทำจากวัสดุที่แข็งแรง และทนทานด้วย อาจเป็นวัสดุที่ทำจากพลาสติกพิเศษ BPA Free หรืออื่น ๆ ที่จะทำให้เราใช้งานกันได้ยาวนาน ไม่ใช่ใช้ตีไป 3 - 4 ครั้งเครื่องร้าว แตก แบบนี้ไม่ไหวแน่นอน ซื้อใหม่ไม่รู้จบสิ้น

4. ต้องมีฟังก์ชันหลากหลาย
เครื่องใช้ตีแป้งบางรุ่นผลิตออกมาเป็นเครื่องผสมอาหารด้วย โดยการตีแบบนี้จะมีความคุ้มค่ามากกว่า แต่แลกราคาที่สูงกว่าเช่นกัน แนะนำว่าสรรพคุณที่เป็นฟังก์ชันพิเศษต้องมีให้หลากหลาย อย่างเช่น การนวดแป้งชิลล์ ๆ หรือการสับ ซอย หั่น บดก็ต้องมีด้วย เพื่อการประกอบอาหารที่หลากหลาย และคล่องตัวมากกว่าเดิม

เครื่องใช้ตีแป้งมีให้เลือกหลากหลายทั้งที่เป็นแก้วรองในตัว เคลื่อนย้ายตัวจับไม่ได้ หรือเป็นแบบมือถือแล้วกดปุ่มมอเตอร์ทำงานแยกจากถ้วยเคลื่อนย้ายได้สบาย ควรเลือกดูความเหมาะสม ตอบสนองกับตนเองมากที่สุด รวมทั้งดูในเรื่องงบประมาณที่มีด้วย งบพอแบบไหนก็ควรเลือกแบบนั้น ไม่ควรลืมศึกษาคู่มือการใช้งานก่อนใช้เสมอ และห้ามใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากมอเตอร์จะร้อน และชำรุดเสียหายได้ง่าย ๆ กรณีที่สายไฟถลอก หรือตัวเครื่องเสียหายขณะใช้งาน ให้รีบปิดเครื่องหยุดใช้งานทันที ถ้าทำที่เครื่องไม่ได้ ให้รีบไปดึงคัตเอาท์ลงหยุดการจ่ายไฟฟ้า เพื่อความปลอดภัย

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP080604

833


บทความนี้มีเหตุผลดี ๆ ที่พร้อมช่วยให้ท่านที่ต้องการแอร์สักเครื่องแล้วกำลังลังเลเรื่องการเลือกใช้แอร์พกพาให้มั่นใจพร้อมตัดสินใจได้ทันที ด้วยเหตุว่าความเย็นจะช่วยสร้างความสดชื่นในการใช้ชีวิตได้ไม่น้อย ยิ่งในช่วงหน้าร้อนของเมืองไทยที่เอาเรื่องแบบนี้ รับรองว่าคุณ ๆจะไม่ต้องหงุดหงิดกับเรื่องรอบตัวอีกต่อไป ว่าแล้วก็ไปติดตามกันเลยดีกว่า
4 เหตุผลที่บอกว่าท่านควรเลือกใช้แอร์พกพาช่วยดับความร้อน
1. มีหลายรุ่นให้เลือก
เหตุผลแรกเลยก็คือเรื่องของจำนวนรุ่น หรือแบรนด์ที่จะเลือกใช้ ไม่ต้องเป็นกังวลว่ามีให้เลือกน้อย เพราะแอร์ประเภทนี้มีรุ่นชนิดจัดเต็ม ๆ ได้มาตรฐาน น่าเชื่อถือ ผ่านการตรวจสอบด้านการใช้งานมาแล้ว อาทิ
- TCL TAC-12CPA/KV 12,000 บีทียู ที่มีมอเตอร์พัดลมคู่ ทำงานเงียบ มีโหมดทำความเย็นทั้งแบบ Fan, Dry หรือ Sleep ตามความเหมาะสม
- MIDEA MPPFA-09CRN1 9,000 บีทียู มีไออนประจุลบ กำจัดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสในอากาศ ความเย็นทั่วถึงติดตามได้ทุกที่ พร้อมดักจับฝุ่น สิ่งสกปรกขนาดเล็ก
-ASTINA AS122APB 12,000 บีทียู มีกำลังไฟ 1060 วัตต์ ปรับบานสวิงได้ ขึ้น – ลงอัตโนมัติ

2. สามารถย้ายได้ตามต้องการ
ประเด็นต่อมาที่ควรเลือกใช้แอร์เคลื่อนที่ จริง ๆ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเคลื่อนที่ ดังนั้น จุดดีจึงสามารถเคลื่อนย้ายได้ตามความต้องการ วันนี้อยากลมเย็น ๆ หน้าทีวี ก็เคลื่อนย้ายมา อีกวันอยากลมเย็น ๆ ที่โต๊ะกินข้าว ก็ย้ายตามสะดวก ซึ่งปกติแล้วจะมีล้อติดตั้งให้ด้วยช่วยให้เลื่อนได้สะดวกสบาย

3. มีความเย็นให้ไม่ต่างจากแอร์บ้าน
เรื่องความเย็นเป็นอีกเหตุผลที่ตอบโจทย์ เหตุเพราะแอร์ประเภทนี้ก็มีความเย็นให้เลือกได้ ซึ่งขนาดบีทียูนั้นจะมากน้อยขึ้นอยู่กับการใช้งานของห้องด้วย ห้องเล็กก็ควรใช้น้อย ห้องใหญ่ก็ต้องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แน่นอนว่าไม่ต้องกังวลใจ เพราะมีให้เลือกสูงสุด 18,000 บีทียูเลยเชียว (หรือบางรุ่นก็อาจมากกว่านี้)

4. ราคาถูกกว่าแอร์บ้าน
สุดท้ายแอร์เคลื่อนที่ราคาถูกมากกว่าแอร์บ้าน จะอยู่ที่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งช่วยให้เข้าถึงกับทุกกลุ่มคนที่อยากดับร้อนแต่ก็มีงบประมาณไม่มากพอที่จะซื้อแอร์บ้าน แถมแอร์บ้านก็ต้องมีการจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญมาช่วยติดตั้ง ส่วนแอร์ชนิดนี้แค่ซื้อมาวางไว้ในบ้าน เสียบปลั๊กก็ใช้งานได้เลยทันที

และทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดเหตุผลที่ควรเลือกแอร์ประเภทพกพาใช้งาน ใครที่ลังเลก็คงจะตัดสินใจได้แล้ว อย่าลืมพิจารณา BTU เครื่องก่อนตัดสินใจด้วย ขนาดเครื่องเล็ก ใหญ่ วางแล้วเกะกะไหม ที่สำคัญต้องได้มาตรฐานความปลอดภัย มี มอก. ตรวจสอบได้

แวะชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0104

834


ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภายในบ้านของทุกคนสามารถอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมง่าย ๆ แม้ช่วงเวลานั้นจะมีกลิ่นอาหาร กลิ่นเหม็นอับลอยคลุ้ง แค่เพียงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพิ่มความหอม ซึ่งหากลองดูแล้วก็มีให้ทั้ง “สเปรย์ – น้ำหอม – เจลปรับอากาศ” จะเลือกยี่ห้อไหน อย่างไร? นี่อาจเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ และก็พร้อมแนะนำอย่างละเอียดผ่านบทความนี้
แนะนำผลิตภัณฑ์ปรับอากาศเพิ่มความหอมในบ้านได้ง่าย ๆ
1. ผลิตภัณฑ์ประเภทเจล
ประเภทแรกขอแนะนำนั้นเป็นแบบเจลที่สามารถนำมาวางตั้งไว้เพื่อช่วยปรับอากาศภายในห้องนั้น ๆ แนะนำเป็น
- แบรนด์ GLADE รุ่น 170g ANGEL WHISPERS ที่พร้อมเพิ่มความหอมดูดีในทุก ๆ มุมบ้าน กลิ่นหอมเป็นแบบพิเศษ รูปทรงผลิตภัณฑ์สวยงาม สามารถกระจายความหอมได้ต่อเนื่อง
- แบรนด์ AMBIPUR รุ่น 180g LEMONGRASS เป็นวัสดุนำเข้าเกรดพรีเมี่ยม ความหอมมอบให้คุณ ๆแบบต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เหมาะกับการนำไปใช้ในพื้นที่ขนาดกลาง จนถึงขนาดเล็ก
- ยี่ห้อ OASIS รุ่น 180g FRESH ORANGE & MINT เป็นเจลน้ำหอมที่สกัดจากธรรมชาติ เสมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้หอมเบิกบาน ใช้ได้ต่อเนื่องได้ถึง 45 วัน พร้อมดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างยาวนาน

2. ผลิตภัณฑ์สเปรย์สำหรับปรับอากาศ
- ยี่ห้อ GLADE รุ่น 175 g. WHITE LILAC มีละอองสเปรย์ขนาดเล็ก สามารถกระจายตัวได้ดีมาก ๆ แม้อยู่ในพื้นที่กว้าง ช่วยขจัดกลิ่นอับ คงความหอมยาวนาน
- ยี่ห้อ POLAR รุ่น 280 มิลลิลิตร EUCALYPTUS สเปรย์ปรับอากาศที่กระจายความหอมแบบเย็นสดชื่น โล่งจมูกเบา ๆ พร้อมลดกลิ่นอับชื้นได้อย่างตรงจุด 
- ยี่ห้อ FARCENT รุ่น 320 ml. LAVENDER เป็นสเปรย์ที่พร้อมพ่นความหอมได้อย่างเต็มที่ ผ่านการรองรับมาตรฐานแล้ว สร้างบรรยากาศความหอมลงตัว หัวฉีดกระจายความหอมทั่วห้อง ตรงกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างดี

3. ผลิตภัณฑ์น้ำหอมสำหรับปรับอากาศ
- แบรนด์ FARCENT LES PARFUMS DE FARCENT รุ่น 120ml FLORAL BREEZE พร้อมสร้างความหอมอย่างลงตัว ที่ช่วยให้ทุกคนผ่อนคลาย ดีไซน์หรู สวยงาม ประดดับตกแต่งบ้านได้
- แบรนด์ SHALDAN รุ่น 400 มิลลิลิตร GRACE BEAUTE น้ำหอมปรับอากาศมาพร้อมเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น ที่สามารถใช้ได้ยาว ๆ 2 – 3 เดือน เพิ่มความหอมได้ตามต้องการ ช่วยจัดการกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี
- ยี่ห้อ AMBIPUR CAR รุ่น MINI 2.2 ml. SKY BREEZE น้ำหอมช่วยปรับอากาศในรถยนต์ สร้างความสดชื่นผ่อนคลายได้ดี สามารถขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ นานถึง 30 วัน แค่เสียบคลิปไว้กับช่องแอร์ ช่วยให้ทุกการเดินทางหอมสดชื่น

สิ่งเหล่านี้พร้อมช่วยให้เรารับความหอมสดชื่นแบบเต็ม ๆ แต่กระนั้นก็ต้องเลือกให้เหมาะสมตรงตามการใช้งานด้วย อย่างถ้าเป็นแบบเจล หรือน้ำหอมสามารถวางตั้งไว้ได้เลยอยู่กับที่ โดยกลิ่นจะอยู่สม่ำเสมอ แต่สเปรย์ฉีดพ่นระงับกลิ่นสามารถเลือกฉีดกี่ครั้งก็ได้ตามความต้องการ แต่กลิ่นอยู่ไม่นานมาก สะดวกใช้งานแบบไหนก็ซื้อแบบนั้นเลย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0101

835


อลิสา จณิน [ Alissa Janine ] หลังจากห่างหายจากเมืองไทย ไปศึกษาต่อที่ประเทศเยอรมนี ได้เดินทางกลับมาเมืองไทย เมื่อ2-3วันนี่เอง ได้ไปออกอากาศ ไลฟ์สด พบปะแฟนๆชาวไทย ผ่านคลื่น  MET 107 FM ณ อาคารปฏิบัติการวิทยุและโทรทัศน์ ช่อง9 อสมท. พร้อมกับการไลฟ์สด ผ่านเพจfacebook MET 107 FM โดยมี ดีเจ เต๋อ ดีเจบาส และทีมงานให้การต้อนรับอย่างดี บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ตามสไตล์2ดีเจอารมณ์ดี บวกกับความน่ารักอารมณ์ดีของน้อง จณิน





น้อง จณิน ได้กล่าวว่า " วันนี้มาสัมภาษณ์ met radio 107 fm  วันนี้คุยกันสนุกมากเลยค่ะ เป็นกันเองมากมากคะ กับดีเจพี่เต๋อแล้วก็ดีเจพี่บาส สัมภาษณ์แบบเป็นกันเองมากเลยค่ะ   สถานการณ์โควิดตอนนี้นะคะ ที่เบอร์ลินก็ไม่ค่อยดีเท่าไรคะ ก็ยังมีศิลปินหลายคนที่งานก็ต้องหยุดไปคะ แล้วก็การแสดงสดต่างๆก็งดไปก่อน  เพื่อความปลอดภัยของทุกๆคน ณินก็คิดว่าเป็นสิ่งที่ดีนะคะ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้น อะไรอะไรดีขึ้นมา เราก็จะกลับมาเหมือนเดิมค่ะ
ช่วงไปอยู่เมืองนอกก็คิดถึงแฟนแฟนชาวไทยมากๆเลยนะคะ คุยผ่านแฟนเพจfacebook ได้ ณินก็อ่านแล้วก็ตอบตลอดค่ะ ผลงานเพลงล่าสุดของจณินนะคะ เพลง press play ค่ะ เป็นเพลงสากลคะ เป็นเพลงป๊อปฟังง่ายแล้วก็เป็นแนว hyper pop คะ เป็นแนวป๊อปผสมอิเล็กทรอนิกส์ผสมฮิปฮอป เป็นเพลงใหม่สามารถรับชมรับฟังได้ผ่านทุกทุกช่องทาง  แล้วก็รับชม เอ็มวี ได้ผ่าน youtube ค่ะ
เพลงนี้แต่งเองนะคะ แล้วก็ทุกทุกเพลงที่ผ่านมาก็แต่งเองเช่นกันนะคะ ทั้งเนื้อเพลงแล้วก็ทํานองค่ะ ก็ฝากผลงานนินด้วยนะคะ ผ่าน เอ็มวี ต่างๆสามารถรับชมได้ทาง youtube นะคะ AlissaJanineVEVO ค่ะ แล้วก็ทาง spotify apple music ทุกทุก นะคะ joox ด้วยเช่นกันนะคะ สามารถรับชมเพลงMVของณินได้เช่นกันนะคะ ภายใต้ Alissa Janine ค่ะ"











อลิสา จณิน [ Alissa Janine ]นักร้องนักแสดงที่เป็นที่รู้จักจากเวทีไทยแลนด์ก็อททาเลนส์ หลังจากได้มีผลงานการแสดงรับบทนำในละครโทรทัศน์ค่ายทรูเรื่อง รักนิรมิต กำกับโดยพี่ต้อ มารุต วาโรวาทแสดงคู่กับพระเอกหนุ่ม ณัฎฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา และเพชร โบรานินทร์  อลิสา จณิน ก็ไปเรียนต่อต่างประเทศจนจบปริญญาตรีเกียรตินิยม สาขาการผลิตดนตรีและการแสดงจากUniversity of Saint Mark & Saint John (Marjon University) ประเทศอังกฤษ เมื่อปลายปีที่แล้ว พร้อมกับศึกษาระดับปริญญาโทต่อทันที เข้าเป็นนักศึกษาUniversity of Sussex, London, UK  สาขา Popular Music Practice   โดยคาดว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทปีหน้า พร้อมกันนั้นก็ทำเพลงและรับงานในวงการบันเทิงและนางแบบหน้าปกนิตยสารแฟชั่นไปด้วยในหลายประเทศรวมถึงสหรัฐอเมริกา แคนาดา รัสเซีย ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์

อลิสา จณิน เซ็นต์สัญญาเข้าสังกัดค่าย Riverman Records & Management, London ซึ่งเป็นค่ายเก่าแก่ของประเทศอังกฤษ มีศิลปินที่โด่งดังระดับโลกอยู่ในสังกัดเช่น Nirvana, Kurt Coban, Smashing Pumkin, Green Day และ Placebo โดยเจ้าตัวเป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดของค่ายและเป็นศิลปินชาวไทยเพียงคนเดียวที่เซ็นต์กับริเวอร์แมน โดยขณะนี้ก็ได้ออกซิงเกิ้ลที่ 4 แล้ว เป็นเพลงภาษาอังกฤษที่เจ้าตัวแต่งเนื้อร้องและทำนองเอง มีชื่อว่า "Press Play" หรือคำว่า ‘กดเล่น’ เสมือนในวีดีโอเกม เป็นผลงานเพลงประเภทใหม่เเนว Hyper Pop เป็นเเนวเพลงที่มีส่วนผสมของดนตรีเเร็พเเละ อิเล็กทรอนิกส์ ป๊อปที่เข้ากันอย่างลงตัว

นอกจากนี้เเล้ว ‘Press Play’ ยังประสานแนวคิดเรื่องการเสริมพลังความ มั่นใจในปี 2022 ตัวเนื้อเพลงส่งเสริมให้ทุกๆคนได้ก้าวไปข้างหน้าเเละเดินต่อไป คล้ายกับการกลับมาเล่น เกมต่อหลังจากหยุดไปนาน ซึ่งสำหรับหลายๆคนในช่วงเวลาการระบาดของโควิด หลายสิ่งหลายอย่างก็ต้องหยุดชะงักลง แต่เพลง ‘Press Play‘ ก็อยากสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟัง ให้มีพลังใจพลังกายที่จะกลับมาเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้ง





ส่วนงานผลิตดนตรีนั้น เจ้าตัวบอกว่า กลับมาอยู่ไทยหนึ่งเดือนในครั้งนี้ จะมาถ่ายทำเอ็มวีซิงเกิ้ลใหม่ ที่จะออกในเดือนเมษายนและมาอัดเพลงใหม่ด้วยอีกหนี่งเพลง ในเดือนเมษา ก็มีงานผลิตเพลงร่วมกับ Stefan Olsdal ศิลปินชื่อดังระดับโลก หัวหน้าวง Placebo โดยเป็นการเขียนเพลงร่วมกัน ร้อง และอัดเสียงในสตูดิโอที่กรุงลอนดอน และในเดือนตุลาคมจะมีงานถ่ายทำภาพยนตร์อังกฤษที่ลอนดอนอีกเช่นกัน ตอนนี้ยังบอกรายละเอียดไม่ได้ รอให้เปิดกล้องก่อนจึงจะเปิดแถลงข่าว



ติดตามผลงาน อลิสา จณิน [ Alissa Janine ] ได้ทาง
Facebook : aliissajanine
Instagram : alissajanine
MV เพลง   ‘Press Play‘ ได้ที่ https://m.youtube.com/watch?v=WKMP_vvgSOA
คลิปสัมภาษณ์  อลิสา จณิน
https://www.youtube.com/watch?v=5DRq-m_Op5U

836
สำหรับท่านไหนที่ยังตกลงใจไม่ถูกว่าจะเลือกซื้อพัดลมไอเย็นหรือพัดลมไอน้ำมาใช้งานกันดี ในวันนี้เราก็จะพาคุณมาทำความรู้จักกับพัดลมไอเย็นและพัดลมไอน้ำพร้อมทั้งข้อดีข้อเสียของพัดลมแต่ละแบบ รวมไปถึงแนะนำพัดลมไอเย็น Hatari รุ่นที่น่าสนใจในราคาไม่เกิน 5000 บาทมาฝากกัน

พัดลมไอเย็นคืออะไร
พัดลมไอเย็นจะเป็นพัดลมที่มีระบบการทำงานแบบ Evaporative Cooling Systems เป็นการดึงเอาความร้อนจากอากาศด้านนอกเข้ามาสู่แผ่นความเย็นภายในตัวเครื่อง เมื่อความร้อนและความเย็นมาเจอกันก็ทำให้เกิดการระเหยเป็นไอเย็นออกมาจากตัวพัดลม จุดแข็งของพัดลมไอเย็นก็คือช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องแบบปิดที่มีขนาดไม่ใหญ่ได้ดี เคลื่อนย้ายง่าย ใช้งานสะดวก ประหยัดพลังงาน แต่จุดด้อยก็คือจะต้องนำแผ่นความเย็นไปแช่แข็งก่อนนำมาใช้งาน รวมไปถึงจะต้องเช็คระดับน้ำภายในเครื่องและทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันกลิ่นอับชื้น

พัดลมไอน้ำคืออะไร
พัดลมไอน้ำจะมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า Mist Fan หลักการทำงานก็จะเป็นการพ่นเอาไอน้ำออกมาคล้ายกับหมอก สามารถใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกอาคารเพื่อช่วยลดอุณหภูมิความร้อนในอากาศ เพิ่มความเย็นสบาย เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่เปิดและห้องที่มีขนาดใหญ่ ข้อเสียของพัดลมประเภทนี้ก็คือจำเป็นจะต้องเติมน้ำอยู่บ่อย ๆ นอกจากนี้การใช้งานในห้องปิดไม่มีอากาศถ่ายเทก็จะทำให้เกิดความอับชื้นจนทำให้หายใจไม่สะดวกและเป็นอันตรายกับสัตว์เลี้ยงได้

พัดลมไอเย็น Hatari  ราคาไม่เกิน 5,000 บาทรุ่นที่น่าสนใจ
1. พัดลมไอเย็น HATARI AC Pro สีขาว (ราคาจำหน่าย 3,998 บาท)

พัดลมไอเย็นที่มาพร้อมคุณสมบัติปรับแรงลมได้ถึง 5 ระดับ เพิ่มพลังลมเย็นด้วยระบบ COOL  และยังสามารถตั้งเวลาเปิด ปิดอัตโนมัติได้นานสูงสุดถึง 8 ชั่วโมง ความจุถังน้ำ 12 ลิตร มีระบบไฟเตือนให้เติมน้ำเมื่อระดับน้ำในถังต่ำกว่ากำหนด มั่นใจได้ถึงคุณภาพด้วยมาตรฐาน ISO 9001 และมาตรฐาน มอก.934-2558 พร้อมระบบ ELCB และระบบตัดไฟอัตโนมัติ THERMAL FUSE และมอบการใช้งานที่ทนทานยิ่งกว่าด้วยระบบรองลื่นบอล แบริง มอเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง

2. พัดลมไอเย็น HATARI AC Classic1 8 ลิตร สีขาว (2,998 บาท)

พัดลมไอเย็นที่สามารถเพิ่มพลังลมเย็นยิ่งกว่าด้วยระบบ COOL สามารถปรับระดับความแรงลมได้ถึง 4 ระดับ มีระบบลดความชื้นสะสมที่ตัวเครื่อง มาพร้อมกับระบบตัดการทำงาน Cooling อัตโนมัติ ตั้งเวลาเปิดและปิดได้นานสูงสุดถึง 8 ช.ม. ถังน้ำสามารถจุน้ำได้ 8 ลิตร ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย มอก.934-2558 และผ่านกระบวนการผลิตที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001

ติดต่อสอบถามได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0507

837
สำหรับท่านไหนที่เพิ่งซื้อหม้อทอดไร้น้ำมัน tefal หรือหม้อทอดไร้น้ำมัน philips มาใช้งานกัน ก็อาจจะกำลังคิดไม่ออกว่าจะลองทำเมนูไหนดีที่อร่อยและไม่ซับซ้อนจนเกินไปเพื่อลองประเดิมเจิมหม้อทอดครั้งแรกเอาฤกษ์เอาชัยกันก่อน ครั้งนี้เราจึงมี 2 เมนูคาวหวานยอดฮิตสำหรับประเดิมหม้อทอดไร้น้ำมันมาฝากกัน



1. หมูกรอบจากหม้อทอดไร้น้ำมัน

พูดเลยว่าเป็นเมนูที่ใครมีหม้อทอดไร้น้ำมันต้องได้ทำกันสักครั้ง และยังเป็นเมนูที่ทำให้หลาย ๆ คนตกลงใจซื้อหม้อทอดไร้น้ำมันมาใช้งานกันเลยทีเดียว โดยหนึ่งในสูตรที่บอกได้เลยว่าง่ายมาก ๆ ก็คือ ให้นำเนื้อหมูสามชั้นไปต้มให้พอสุก ใส่เกลือเล็กน้อย โดยให้ฝั่งที่เป็นหนังหมูอยู่ด้านล่าง จากนั้นให้ทำการจิ้มหนังหมูให้ทั่ว ซึ่งอาจจะใช้ส้อม ไม้เสียบลูกชิ้น หรือส้อมสำหรับจิ้มเนื้อโดยเฉพาะก็ได้ เมื่อจิ้มหนังหมูทั่วแล้วก็ให้นำไปแช่ลงในน้ำส้มสายชูโดยคว่ำเอาด้านที่เป็นหนังไว้ด้านล่างราวๆ 15 นาที จากนั้นนำมาทาเกลือบาง ๆ ให้ทั่ว แล้วนำไปเข้าหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส โดยให้ทำการคว่ำด้านที่เป็นหนังหมูลงไปด้านล่างก่อน 20 นาที ต่อจากนั้นจึงกลับพลิกด้านอีก 20 นาที ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ทำน้ำจิ้มรอได้เลย

2. ชีสเค้กหน้าไหม้ (Burnt Basque cheesecake) จากหม้อทอดไร้น้ำมัน
สำหรับสูตรนี้ก็ถูกแบ่งปันโดย Kamerr inter แขมร อินเตอร์ เริมแรกก็ให้เตรียมส่วนผสม ได้แก่
● ครีมชีส 200 กรัม
● น้ำตาลทราย 70 g.
● ไข่แดง 1 ฟอง
● ไข่ไก่ 100 g.
● วิปปิ้งครีม 115 มิลลิลิตร
● แป้งข้าวโพด 5 กรัม

วิธีทำก็ให้เทน้ำตาลทรายป่นใส่ลงในครีมชีสแล้วตีให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายหมด ตามด้วยไข่แดง 1 ฟองผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นตอกไข่ใส่ถ้วยตีให้เข้ากันแล้วชั่งให้ได้น้ำหนัก 100 g. ค่อย ๆ เติมลงในส่วนผสมของครีมชีส ตามด้วยวิปปิ้งครีม คนให้เข้ากันดี แล้วจึงร่อนแป้งข้าวโพดใส่ลงไป ผสมให้เนื้อเนียนจนไม่เป็นเม็ดแป้ง นำไปเทใส่พิมพ์ที่รองด้วยกระดาษไข สูตรนี้จะได้ขนาดพิมพ์ประมาณ 1 ปอนด์ หลังจากนั้นก็ให้นำเข้าไปอบด้วยหม้อทอดไร้น้ำมันที่อุณหภูมิ 190-200 องศา ราวๆ 20-25 นาที สังเกตดูว่าหน้าขนมสีเข้มเกรียมสวยตามที่ต้องการแล้วหรือยัง ถ้าได้สีเข้มเป็นที่พอใจแล้วก็ให้นำออกมาพักไว้ให้เย็นสนิทแล้วคลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นประมาณ 1-2 ชั่วโมงก็สามารถนำออกมารับประทานได้

จัดว่าเป็นเมนูที่ทำได้ง่ายไม่ซับซ้อนและใช้อุปกรณ์ไม่มากเพียงแค่มีหม้อทอดไร้น้ำมันก็สามารถอิ่มอร่อยได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวานกันแล้ว แต่แนะนำว่าอย่าทำบ่อยจนเกินไป เพราะว่าทั้งสองเมนูนี้เรียกได้ว่าเป็นเมนูที่ช่วยเพิ่มน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP080503  

838
ปัจจุบันนี้ปัญหามลพิษในอากาศเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและมีผลกระทบต่อสุขภาพของเราพอประมาณเลยทีเดียว โดยเฉพาะในเรื่องของฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ เพราะฉะนั้นการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องกรองอากาศจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน ครั้งนี้เราก็ได้นำเอาเครื่องฟอกอากาศ Sharp ที่เหมาะกับการติดตั้งในห้องขนาดใหญ่ตั้งแต่ 50 ตร.มขึ้นไปมาแนะนำกันถึง 3 รุ่นด้วยกัน

1. เครื่องฟอกอากาศ SHARP FU- A80TA-W 62 ตารางเมตร (9,990 บาท)



เครื่องฟอกอากาศ Sharp สำหรับพื้นที่ห้องขนาด 62 ตารางเมตร มาพร้อมระบบพลาสม่าคลัสเตอร์เข้มข้น ที่สามารถฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมด้วยแผ่นกรอง HEPA ที่คอยดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ โดยสามารถดักจับฝุ่นได้ถึง 99.97% และสลายฤทธิ์สารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่น มีแผ่นกรองกลิ่นที่สามารถดักจับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ และยังช่วยสลายกลิ่นอับชื้น จึงทำให้ให้อากาศภายในห้องบริสุทธิ์ และสดชื่น โดยสามารถเลือกปรับความแรงของพัดลมในการทำงานได้ถึง 4 ระดับ (อัตโนมัติ, แรงสุด, ปานกลาง, เบา) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็วพร้อมระบบทำงานแบบ Clean ion shower ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ให้ห้องสะอาดปราศจาก เชื้อโรคได้มากยิ่งขึ้น

2. เครื่องฟอกอากาศ SHARP FP-J80TA-H 62 ตารางเมตร (20,690 บาท)


เครื่องฟอกอากาศ Sharp ที่เหมาะกับพื้นที่ห้องขนาด 62 ตารางเมตร มาพร้อมระบบพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น พร้อมแผ่นกรองฝุ่น HEPA ที่สามารถดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.97% และสามารถตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กได้มากถึง 2.5 ไมครอน (PM 2.5) พร้อมแผ่นกรองกลิ่น มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่น กลิ่นไม่ถึงประสงค์ และแสงสว่างภายในห้อง พร้อมไฟแสดงสภาวะความสะอาดของอากาศ ในขณะที่ระบบทำงานแบบ ION SHOWER ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ โดยสามารถปล่อยประจุบวก และลบสูงสุดถึง 25,000 ไอออน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยสลายกลิ่นอับชื้น ตลอดจนสลายฤทธิ์สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นที่ติดแน่นในห้อง ปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยโปรแกรมป้องกันเด็กเล่นเครื่อง (Child lock) และฟังก์ชั่นตั้งเวลาการทำงานทุกชั่วโมง ได้สูงสุด 12 ชั่วโมง

3. เครื่องฟอกอากาศ SHARP KI-J101B-W 76 ตารางเมตร (ราคา45,990 บาท)



เครื่องฟอกอากาศ Sharp ที่เหมาะสำหรับพื้นที่ห้องขนาด 76 ตารางเมตร มาพร้อมระบบความพลาสม่าคลัสเตอร์แบบเข้มข้น พ่นอนุภาคบวกและลบ สามารถฆ่าเชื้อโรค เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอากาศ สามารถวัดฝุ่นละออง PM2.5 และตรวจวัดกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีระบบทำความสะอาดของแผ่นกรองชั้นแรกโดยอัตโนมัติ พร้อมด้วยหน้าจอแสดงผลที่แสดง ระดับ PM2.5 ความชื้น อุณหภูมิ ตัวจับเวลาในการทำงาน มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวอัตโนมัติ โดยแผ่นกรองฝุ่น HEPA สามารถดักจับฝุ่นละอองต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.97% ในขณะที่แผ่นกรองกลิ่นก็สามารถกรองกลิ่นต่าง ๆ รวมไปถึงกลิ่นบุหรี่ได้อย่างสะอาดหมดจดด้วยการปล่อยประจุบวกและลบสูงสุดถึง 50,000 ไอออน เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น รองรับระบบ AIOT ที่สามารถควบควมการทำงานผ่าน Smart Phon ได้อย่างง่ายดาย พร้อมติดตั้งล้อหมุนเพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายตัวเครื่องได้อย่างสะดวก

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP02

839
ถ้าหากเลือกได้หลายท่านก็อยากจะได้ทีวีที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ให้ภาพคมชัดกันอยู่แล้ว แต่ก็ต้องบอกว่าราคา ทีวี จอใหญ่ ภาพชัด ฟังก์ชั่นจัดเต็มนั้นก็ค่อนข้างสูงพอสมควรเลยทีเดียว และที่สำคัญก็คือสำหรับห้องที่มีขนาดเล็ก การติดตั้ง tv ที่มีขนาดใหญ่เกินไปก็ทำให้กินพื้นที่ในการจัดวางมากจนทำให้ห้องคับแคบลงได้  ในวันนี้เราจึงมีรีวิวทีวีขนาดกำลังดีราคากำลังเหมาะสำหรับห้องขนาดเล็กมาฝากถึง 4 รุ่นด้วยกัน

1. คิวแอลอีดี ทีวี 32" SAMSUNG (Full HD, QLED, Smart, The Frame) QA32LS03TBKXXT (ราคา13,990 บาท)



ทีวีรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับดีไซน์แบบ Frame Design ที่มีทั้งความบางและสามารถเป็นมากกว่าแค่ทีวี โดยให้ท่านได้สนุกไปกับการเปลี่ยนกรอบทีวีให้เหมือนกรอบรูป โดยมีในส่วนของ Art Mode ซึ่งเป็นภาพงานศิลปะระดับโลกมาไว้ให้ในเครื่องเพื่อตกแต่งบ้านของคุณ เรียกได้ว่านอกจากจะเป็นทีวีแล้วก็ยังสามารถเป็นของแต่งบ้านภายในตัวได้อย่างกลมกลืน นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับ Multi-position stand ที่ให้คุณสามารถวางทีวีได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน พร้อมรับชมทั้งภาพและเสียงที่เต็มอิ่มด้วยเทคโนโลยี Quantum Dot Display ที่ให้สีสัน 1 พันล้านเฉดสี ที่ให้ภาพสีสวยเสมือนภาพจริงถึง 100% (Color volume) เทคโนโลยี HDR ช่วยปรับความชัดและแสงของภาพในสภาพแวดล้อมที่มีแสงแตกต่างกันให้ออกมามีมิติเสมือนจริงที่สุด และลำโพงพลังเสียงรวมถึง 20 วัตต์ ที่ให้เสียงกระหึ่มยิ่งขึ้นด้วยลำโพง 2 ช่องสัญญาณ

2. แอลอีดีทีวี 43" PHILIPS (Full HD) 43PFT5505 (ราคา10,490 บาท)



สำหรับทีวีรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับหลอดภาพ LED Full HD ขนาด 43 นิ้ว ที่มีความละเอียด 1920x1080 พิกเซล พร้อมเทคโนโลยี Pixel Plus HD ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพ ให้ภาพที่คมชัดและมีความเข้มของแสงที่สวยงามเสมือนจริง มีพอร์ต USB สำหรับการเล่นมัลติมีเดีย เพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับภาพถ่าย วิดีโอ และดนตรีได้ภายในเครื่องเดียว พร้อมเสียง กำลังขับ 12 วัตต์ เสียงคมฟังชัด เติมเต็มทุกความสุนทรีย์ได้อย่างลงตัว

3. แอลอีดี ทีวี 32" HISENSE (HD, Android) 32A4200G (ราคา8,190 บาท)



แอลอีดีทีวีสุดยอดหน้าจอบนความละเอียด 2 ล้านพิกเซล ในระดับ HD Ready (1366 x 768) เก็บทุกรายละเอียดให้ภาพสวยสมจริง ให้เสียงที่คมชัดด้วยเทคโนโลยี Motion Picture Enhancer รองรับ Digital TV ระบบดิจิทัล DVB-T2 พร้อมด้วยเทคโนโลยีไร้สาย Support casting based on Miracast, DLNA and Chrome Cast protocols และเอาใจคอเกมรวมไปถึงคอกีฬาด้วยฟังก์ชัน Game Mode/ Sport Mode ที่ให้ภาพที่เคลื่อนไหวที่สมจริงเต็มอิ่มทุกความบันเทิง โดยมาพร้อมรีโมท Voice Control Remote ที่รองรับการสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย รองรับการเชื่อมต่อได้หลายช่องทางไม่ว่าจะเป็น Bluetooth 5.0, Wi-Fi 2.4GHz, HDMI x 2 ช่อง และ USB x 2 ช่อง

4. แอลอีดี ทีวี 42" SHARP (Full HD, Android) 2T-C42BG1X (11,490 บาท)



สำหรับรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับหลอดภาพ LED Backlight ขนาด 42 นิ้ว ที่ให้ความละเอียดระดับ FHD (1,920 X 1,080 พิกเซล) พร้อมด้วย Android TV เวอร์ชั่น 9.0 ที่ออกแบบเพื่อใช้กับ TV โดยเฉพาะ รองรับการใช้งานไม่ว่าจะเป็น Netflix, Google Play, Youtube รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth เวอร์ชั่น 5.0 และรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ผ่าน USBx1 ช่องต่อ และ HDMIx2 เพื่อตอบโจทย์ได้ทั้งการรับชมไฟล์ภาพยนตร์ เพลง และภาพได้อย่างครอบคลุม มี Wi-Fi Built-in เพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบไร้สายและตัวรับสัญญาณ Digital ในตัว และให้คุณได้มั่นใจได้ถึงคุณภาพด้วย 7 Shields มาตฐานรับรองคุณภาพสินค้าของชาร์ป 7 ประการ

ติดต่อสอบถามได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA07

840
สำหรับประเทศในเขตร้อนอย่างบ้านเมืองเรานั้น การติดตั้งแอร์หรือเครื่องปรับอากาศก็นับว่าเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการคลายร้อนได้เป็นอย่างดี ซึ่งราคา แอร์ ก็จะมีความแตกต่างกันไปตามขนาด BTU รวมไปถึงฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้องนั้นก็จะช่วยทำให้ห้องมีความเย็นที่พอดีและช่วยประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี ในคราวนี้เราจึงมีวิธีการดี ๆ สำหรับเลือกเครื่องปรับอากาศมาฝากกัน



วิธีการเลือกซื้อเลือกหาเครื่องปรับอากาศ
ในการเลือกเครื่องปรับอากาศก็มีข้อที่ควรจะพินิจพิจารณาหลัก ๆ ดังนี้ก็คือ
1. ขนาดของห้อง
ขนาดของห้องมีผลโดยตรงต่อการเลือกเครื่องปรับอากาศ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ของห้องด้วย ไม่ว่าจะเป็น ห้องมีแสงแดดส่อง มีการเข้าออกห้องเป็นประจำ ห้องมีการติดตั้งกระจกเป็นส่วนใหญ่ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งถ้าหากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกิน หรือถ้าหากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี  BTU มากเกินไป ก็จะทำให้เป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุและยังส่งผลให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานน้อยเกินไปจนทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานต่ำได้ ทางที่ดีควรปรึกษาผู้ที่มีความรู้หรือผู้เชี่ยวชาญให้ช่วยคำนวณและประเมินห้องที่จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมจะเป็นการดีที่สุด

2. ความประหยัดไฟ
ต้องบอกว่าเครื่องปรับอากาศนั้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ค่อนข้างเปลืองพลังงานไฟฟ้าพอสมควรเลยทีเดียว  ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 และอีกจุดหนึ่งที่ควรสังเกตในฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็คือรายละเอียดอื่น ๆ ได้แก่ หน่วยพลังงานที่ใช้ต่อปี และค่าประสิทธิภาพ (ยิ่งมากยิ่งดี)

3. โปรโมชั่น บริการหลังการขาย และการรับประกัน
ในการซื้อเครื่องปรับอากาศมือ 1 ควรเลือกซื้อเลือกหาจากร้านที่เชื่อถือได้ มีบริการหลังการขายรวมไปถึงการรับประกัน นอกจากนี้ก็ควรดูโปรโมชั่นของทางร้านว่าน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน เพื่อประกอบการพิจารณาในการซื้อเครื่องปรับอากาศ

4. เปรียบเทียบราคาและฟังก์ชั่นการใช้งาน
ในบางครั้งแอร์ที่มี BTU เท่ากันก็มีราคาที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นจึงควรพิจารณาราคาแอร์เทียบกับฟังก์ชันที่ได้รับ เหตุเพราะหลายยี่ห้อต่างก็มีการนำเอาเทคโนโลยีต่าง ๆ ใส่เข้ามาเพื่อเป็นจุดขาย อย่างเช่นการทำงานที่เงียบ มีระบบฟอกอากาศในตัว รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน รวมไปถึงดีไซน์ที่สวยงาม เป็นต้น

5. เลือกแบรนด์ที่ไว้ใจได้
ในท้องตลาดปัจจุบันนี้ก็มีเครื่องปรับอากาศออกมาให้เราได้เลือกซื้อกันหลากหลายยี่ห้อเลยทีเดียว แต่เพื่อความมั่นใจทั้งในเรื่องของคุณภาพและบริการหลังการขายรวมไปถึงการซ่อมแซม ก็แนะนำให้เลือกยี่ห้อของเครื่องปรับอากาศที่มีชื่อเสียงและใช้กันอย่างแพร่หลายจะดีกว่า

และทั้งหมดนี้ก็คือข้อควรรู้ก่อนตกลงใจเลือกซื้อเลือกหาเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมสำหรับบ้านของท่าน เพื่อให้แอร์นั้นสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ให้ความเย็นที่เหมาะสมและประหยัดพลังงานได้มากกว่านั่นเอง

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP01

841
เวลานี้หลายท่านก็หันมาใช้เครื่องอบผ้ากันมากขึ้น ซึ่งในคราวนี้เราก็จะพามาดูจุดเด่นของเครื่องอบผ้าว่ามีแล้วดียังไง พร้อมแนะนำเครื่องอบผ้า electrolux เครื่องอบผ้า ราคาดีมีโปรโมชั่นผ่อนชำระที่ท่านสามารถเป็นเจ้าของได้ไม่ยากมาฝากกัน

จุดเด่นของเครื่องอบผ้า
● ช่วยประหยัดเวลาและแรงงาน การใช้เครื่องอบผ้านั้นสามารถทำให้ผ้าแห้งได้เร็วไวภายในเวลาแค่เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น และยังประหยัดเวลารวมไปถึงแรงงานในการตากผ้าอีกด้วย
● ผ้าที่ได้มีความหอมและนุ่มฟู เครื่องอบผ้าสามารถทำให้ผ้าแห้งได้ในเวลาเพียง 1 ช.ม.เท่านั้น จึงยังคงความหอมและคุณสมบัติของน้ำยาปรับผ้านุ่มเอาไว้ที่เนื้อผ้าได้เป็นอย่างดี
● ช่วยลดฝุ่น สิ่งสกปรกขนาดเล็ก และขุยที่ติดอยู่บนผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในเครื่องอบผ้าจะมีแผ่นกรองขุยผ้าที่ช่วยดูดกรองฝุ่นออกจากเนื้อผ้าจึงทำให้ผ้าที่ได้นั้นสะอาดและไม่มีฝุ่นติดอยู่ รวมไปถึงช่วยกำจัดขนสัตว์ที่ติดตามเนื้อผ้าได้เป็นอย่างดี
● ผ้าสะอาดปราศจากเชื้อโรค เครื่องอบผ้านั้นจะใช้ความร้อนในการอบผ้าแห้ง จึงช่วยลดการเกิดเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดภูมิแพ้รวมไปถึงกลิ่นอับ แต่ถ้ามีเครื่องอบผ้าก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้อีกต่อไป
● ต้องการซักผ้าเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าหากคุณมีเครื่องอบผ้า เมื่อซักผ้าแล้วเพียงแค่นำผ้าเข้ามาอบก็เป็นอันเสร็จ ไม่จำเป็นต้องสนใจสภาพอากาศเมื่อต้องทำการซักผ้าอีกต่อไป
● เพิ่มพื้นที่การใช้สอย ถ้าหากมีเครื่องอบผ้าก็ทำให้คุณไม่ต้องเว้นพื้นที่สำหรับการตากผ้าให้แห้งอีกต่อไป สามารถนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้

แนะนำเครื่องอบผ้า electrolux ลดราคา
1. เครื่องอบผ้า ELECTROLUX EDC804CEWA 8 Kg.



เครื่องอบผ้าแห้ง electrolux ขนาด 8 กิโลกรัม จากราคา 31,990 บาท เหลือเพียง29,990 บาท พร้อมโปรโมชั่นผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน มาพร้อมระบบ SensiCare ให้เสื้อผ้าคงความสวยงามเหมือนใหม่ พร้อมระบบอินเวอร์เตอร์เทคโนโลยี ลดการสั่นสะเทือน เพื่อการอบผ้าที่เงียบ และประหยัดพลังงานมากขึ้น แต่ไม่ลดประสิทธิภาพการทำงาน และ Delicate Drying โปรแกรมอบแห้งผ้าเนื้อบาง เพื่อตอบโจทย์การอบผ้าในทุกรูปแบบ

2. เครื่องอบผ้าฝาหน้า ELECTROLUX EDH903BEWA 9 กก.



เครื่องอบผ้าฝาหน้าขนาด 9 กิโลกรัม จากจากเดิม 47,990 บาท ลดเหลือ 45,990 บาทเท่านั้น พร้อมโปร ผ่อนชำระ 0% นาน 6 เดือน มาพร้อมระบบ DelicateCare System ทำให้ผ้าไม่เสียรูปทรงโดย รักษาคุณภาพของเนื้อผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ ระบบ Heat Pump System ช่วยประหยัดพลังงานและทำให้ผ้าสดใสเหมือนใหม่อยู่เสมอ พร้อมด้วยอินเวอร์เตอร์เทคโนโลยี ลดการสั่นสะเทือน เพื่อการอบผ้าที่เงียบ และประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP1302

842
สำหรับท่านใดที่กำลังอยากได้เครื่องซักผ้าก็อาจจะลังเลระหว่างเครื่องซักผ้าฝาบนและเครื่องซักผ้าฝาหน้าว่าจะเลือกแบบไหนดี ทั้งนี้เพราะถ้าหากให้พูดถึงเรื่องราคาก็ต้องบอกว่าเครื่องซักผ้าฝาหน้านั้นค่อนข้างมีราคาสูงพอสมควรเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับเครื่องซักผ้าแบบฝาบน ในคราวนี้เราจึงมีข้อดีของเครื่องซักผ้าฝาหน้าเอามาฝากกัน พร้อมทั้งแนะนำเครื่องซักผ้าฝาหน้า electrolux และเครื่องซักผ้าฝาหน้า lg ที่น่าสนใจมาให้คุณได้ลองพิจารณาเลือกซื้อกันดู

ข้อดีของเครื่องซักผ้าฝาหน้า
1. ประหยัดน้ำ เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้านั้นจะทำงานในแนวดิ่งและหมุนในแนวตามแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้ไม่ต้องรอจนน้ำเต็มถังท่วมผ้า จึงสามารถประหยัดน้ำได้มากกว่าเครื่องซักผ้าฝาบนในการซักแต่ละครั้ง

2. ถนอมเนื้อผ้า ในการหมุนปั่นผ้าเนื่องจากเป็นการหมุนตามแรงโน้มถ่วงของโลกจึงทำให้แรงกระทบของผ้านั้นมีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการหมุนของเครื่องซักผ้าฝาบน จึงช่วยถนอมเนื้อผ้าได้มากกว่า

3. ซักได้สะอาด ข้อนี้ถือได้ว่าเป็นจุดเด่นของเครื่องซักผ้าฝาหน้ากันเลยทีเดียว เพราะด้วยการหมุนในแนวดิ่งและไม่รุนแรงจนเกินไป เมื่อผ้าถูกหมุนขึ้นไปด้านบนตะแกรงก็จะตกลงมาด้านล่างใหม่ทำให้คล้ายกับการขยี้ด้วยมือ จึงทำให้สามารถซักให้สะอาดกว่าและถนอมเนื้อผ้าได้ดีกว่า

4. เสื้อผ้าไม่พันกัน เนื่องจากลักษณะการหมุนในแนวดิ่งก็คือเมื่อหมุนขึ้นไปด้านบนสุดของตะแกรงก็จะตกลงมาที่ด้านล่าง ไม่ได้เป็นการหมุนวนแบบเครื่องซักผ้าฝาบน จึงทำให้เสื้อผ้าไม่พันกันนั่นเอง

5. มีระบบซักด้วยน้ำร้อน ถึงแม้ในเวลานี้เครื่องซักผ้าฝาบนบางรุ่นก็มีระบบซักด้วยน้ำร้อนกันแล้ว แต่เครื่องซักผ้าฝาหน้าทุกรุ่นสามารถซักด้วยน้ำร้อนได้ และยังถนอมเนื้อผ้ามากกว่าอีกด้วย

6. มีฟังก์ชั่นอบผ้าแห้ง เครื่องซักผ้าฝาหน้าหลายรุ่นนอกจากมีฟังก์ชันในการปั่นแห้งแล้วก็ยังมีโปรแกรมสำหรับอบผ้าแห้งด้วยไอร้อนอีกด้วย จึงสามารถซักผ้าได้แบบไม่ง้อแดดและไม่ต้องเสียเวลาตากผ้า สามารถนำออกมารีดเข้าตู้ได้ทันที

เครื่องซักผ้าฝาหน้าลดราคาที่น่าสนใจ
1. เครื่องซักผ้าฝาหน้า LG FV1450S4W 10.5 Kg. 1400RPM อินเวอร์เตอร์



สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า LG  รุ่นนี้ก็ลดราคาลงถึง 23% จากราคาขาย 34,900 บาท ลดเหลือเพียง 26,800 บาท โดยเป็นเครื่องซักผ้าขนาด 10.5 กิโลกรัม รอบปั่น 1400 รอบ/นาที มาพร้อมเทคโนโลยี AI DD ระบบถนอมเนื้อผ้าอัจฉริยะ ระบบ 6 Motion Direct Drive ซักสะอาดยิ่งกว่า พร้อมด้วยระบบซักด้วยน้ำร้อน ระบบตรวจสอบปัญหาอัจฉริยะ ออกแบบตัวเครื่องให้มีดีไซน์สวยงามแข็งแรงทนทาน ด้วยถังซักแบบสแตนเลสทั้งถังและประตูเครื่องเป็นกระจกนิรภัย  และรองรับการควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน Smart ThinQ

    2. เครื่องซักผ้าฝาหน้า ELECTROLUX EWF1141AEWA 11 กก. อินเวอร์เตอร์ พร้อมขาตั้ง



สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า Electrolux รุ่นนี้ก็ลดราคาลงมาถึง 16 %  36,990 บาท ลดเหลือ 30,990 บาทเท่านั้น มาพร้อมกับคุณสมบัติ Eco Inverter ที่เพิ่มประสิทธิภาพการซักพร้อมทั้งประหยัดพลังงานได้ดีกว่า มีเซ็นเซอร์ตรวจจับความสะอาดของเสื้อผ้า SensorWash และ Load Sensor ระบบซักด้วยน้ำร้อน  โปรแกรม Stain สำหรับซักคราบสกปรกมาก นอกจากนี้ก็ยังมีระบบ Add Clothes ที่สามารถเพิ่มผ้าในระหว่างการซัก และสามารถซักผ้าขนสัตว์ได้โดยผ่านการรับรองจากสถาบัน Woolmark

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP130301

843
หากท่านใดกำลังมองหาเครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแรงทนทาน บอกได้เลยว่าเครื่องซักผ้า lg ต้องอยู่ในอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่นิยมนำไปใช้เป็นเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญกันตามหอพักต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย เชื่อมั่นได้ถึงความทนทานใช้งานสะดวก และที่สำคัญก็คือมีราคาไม่แพงจนเกินไปอีกด้วย ในครั้งนี้เราจึงมีเครื่องซักผ้า lg ขนาดใหญ่ พร้อมราคา เครื่องซักผ้า มารีวิวให้เลือกกันถึง 3 รุ่นเลยทีเดียว

1. เครื่องซักผ้าฝาบน LG TH2723SSAV 23 กก. อินเวอร์เตอร์



เครื่องซักผ้าขนาดใหญ่ 23 Kg. Inverter Direct Drive ลดราคาลงมาถึง 23% จากราคา 33,900 บาท เหลือเพียงแค่ 25,900 บาท มาพร้อมระบบ TurboWash 3DTM ผสานเทคโนโลยีการซักผ้าเพื่อความสะอาดล้ำลึก ระบบการซัก 6 Motion Hand Wash ถังซักเคลื่อนที่ 6 ทิศทาง สะอาดเหมือนซักมือ มี Heater ในตัว พร้อมโปรแกรม Allergy Care ซักผ้าด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส และโปรแกรม Auto Pre Wash เพื่อช่วยขจัดคราบฝังลึก ยิ่งไปกว่านี้ก็ยังมีระบบ Auto Restart ตัวช่วยเมื่อเครื่องซักผ้าหยุดทำงานเนื่องจากไฟดับ และให้คุณ ๆสั่งงานได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นด้วยการสั่งงานผ่านแอพพลิเคชัน LG ThinQ บนสมาร์ทโฟน

2. เครื่องซักผ้าฝาบน LG TH2725SSAK 25 กก. อินเวอร์เตอร์



เครื่องซักผ้าฝาบนขนาด 25 กก. ระบบอินเวอร์เตอร์ ที่ลดราคาลงมา 13% จากราคาขายปกติ 36,900 บาท เหลือเพียง 31,900 บาท มาพร้อมกับเทคโนโลยีการซักแบบสเปรย์น้ำ (Turbo Short) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการล้างผงซักฟอกได้สะอาดหมดจดมากยิ่งขึ้น ซักสะอาดโดยที่ไม่ทำร้ายเนื้อผ้าด้วยเทคโนโลยี 6 Motion Direct Drive ทำงานเงียบนิ่งไม่ส่งเสียงรบกวนและทนทานมากยิ่งขึ้นด้วยมอเตอร์ต่อตรง Hight Efficiency Direct Drive มีโปรแกรมการซักด้วยน้ำอุ่น และสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องซักผ้าผ่าน Smart ThinQTM บนสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดายทุกที่ทุกเวลา

3. เครื่องซักผ้าฝาบน LG T2518VSAS 18 กก. อินเวอร์เตอร์



เครื่องซักผ้าฝาบนขนาดใหญ่กำลังดีที่ 18 กิโลกรัม ลดราคาลงมาถึง 17% จากปกติราคา 19,990 บาท เหลือเพียงแค่ 16,490 บาท ช่วยยกระดับการซักผ้า พร้อมถนอมเนื้อผ้าได้อย่างเหนือชั้น ด้วยระบบมอเตอร์ Smart Inverter ทำให้ประหยัดพลังงาน และทนทานมากขึ้น Smart Motion ออกแบบการหมุนของถังซักไปในหลายทิศทาง เพื่อประสิทธิภาพการซักและการถนอมผ้าได้ดียิ่งกว่า พร้อม TurboDrum ที่ช่วยซักและขจัดคราบฝังลึกด้วยน้ำวนอันทรงพลัง และซักผ้าได้อย่างสะอาดล้ำลึกแม้คราบฝังแน่นด้วย Auto Pre Wash และระบบ Side Waterfall ช่วยให้ผงซักฟอกกระจายเข้าสู่เนื้อผ้าได้เร็ว และทั่วถึงกว่าเดิม มีระบบตรวจสอบปัญหาอัจฉริยะ Smart Diag nosis ที่ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบปัญหาของเครื่องได้ง่าย ๆ ด้วยตัวคุณเอง และสะดวกมากยิ่งขึ้นด้วยแผงควบคุมระบบสัมผัสและจอแสดงผล LED เพิ่มความสะดวกต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP1303

844
ท่านใดที่กำลังมองหาตู้เย็น 2 ประตูมาไว้ใช้งานในบ้าน แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าจะใช้ตู้เย็น 2 ประตูยี่ห้อไหนดี ในครั้งนี้เรามีวิธีเลือกตู้เย็น 2 ประตูให้เหมาะสมสำหรับครอบครัว พร้อมราคาตู้เย็น 2 ประตูที่น่าสนใจมาแนะนำกัน

การเลือกตู้เย็น 2 ประตูให้เหมาะสำหรับบ้านของท่าน
ต้องบอกว่าตู้เย็น 2 ประตูนั้นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักค่อนข้างมาก รวมไปถึงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อใช้งานอยู่ตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอายุการใช้งานค่อนข้างยาวนาน ไม่ใช่ของที่จะทำการเปลี่ยนหรือหาซื้อใหม่ได้บ่อย ๆ ด้วยเหตุนั้นก่อนที่จะเลือกซื้อเลือกหาตู้เย็น 2 ประตูก็ควรพินิจพิจารณาดังต่อไปนี้
ขนาดของตู้เย็น 2 ประตู
ในการเลือกซื้อตู้เย็น 2 ประตูก็ควรดูที่จำนวนคิวว่ามากน้อยขนาดไหน ถ้าหากมีสมาชิกในบ้านไม่เกิน 3 คน ก็อาจจะใช้ตู้เย็น 2 ประตูอยู่ที่ประมาณ 7-13 คิวก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากมีสมาชิกในบ้านอยู่กันเยอะ ก็ควรที่จะเลือกตู้เย็น 2 ประตูที่มีขนาดใหญ่เพื่อให้สามารถเก็บวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารให้เพียงพอสำหรับทุกคนในครอบครัว
พื้นที่การจัดวาง
   แน่นอนว่าตู้เย็น 2 ประตูที่มีจำนวนคิวมากก็จะมีขนาดใหญ่ตามไปด้วย เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะซื้อตู้เย็น 2 ประตูขนาดกี่คิว ก็ควรที่จะทำการวัดพื้นที่สำหรับการจัดวางเสียก่อนว่าสามารถวางตู้เย็น 2 ประตูที่เลือกเอาไว้ได้หรือไม่
ฟังก์ชั่นการใช้งาน
ตู้เย็น 2 ประตูบางรุ่นก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานพิเศษที่เพิ่มเติมเข้ามาเพื่อให้สามารถใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่นฟังก์ชันการทำน้ำแข็งอัตโนมัติเพียงแค่เติมน้ำใส่เอาไว้ในช่อง ที่กดน้ำด้านนอกประตูตู้เย็น  หรือสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Smart Home ได้ เป็นต้น
พื้นที่การจัดเก็บภายใน
ต้องดูว่าภายในตู้เย็นนั้นเน้นพื้นที่ในส่วนไหนเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นในช่องฟรีซ ช่องธรรมดารวมไปถึงช่องแช่ผัก และดูว่าเราต้องการจะใช้ตู้เย็นในการแช่วัตถุดิบอะไรเป็นหลัก เพื่อที่จะได้พินิจพิจารณาได้ถูกว่าควรเลือกตู้เย็น 2 ประตูที่มีชั้นวางภายในแบบไหนถึงจะเหมาะ
ความประหยัดไฟ
เพราะตู้เย็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จะต้องมีการเสียบปลั๊กเอาไว้ใช้งานอยู่ตลอด 24 ช.ม. ด้วยเหตุนั้นจึงควรเลือกตู้เย็นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 รวมไปถึงใช้คอมเพรสเซอร์เป็นระบบ Inverter  เพราะว่าสามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากกว่า

รีวิวตู้เย็น 2 ประตูลดราคาที่น่าสนใจ
1. ตู้เย็น 2 ประตู SAMSUNG RT43K6230S8/ST 15.6 คิว สีเงิน



ตู้เย็นสำหรับครอบครัวขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ ลดราคาลงมาให้ถึง  30% จากราคาปกติ 22,990 บาท เหลือเพียง 15,990 บาทเท่านั้น มาพร้อมระบบทำความเย็นแยกอิสระ Twin Cooling 442 L ที่สามารถแปลงโฉม 5 แบบได้ตามต้องการ ระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ No Frost ชั้นวางของแบบ easy Slide ที่สามารถเลื่อนเข้า-ออกได้ สะดวก และยังช่วยรักษาอาหารให้สดใหม่ได้เพิ่มมากถึง 70%

2. ตู้เย็น 2ประตู SHARP SJ-X330TC-SL 11.6คิว สีเงิน



ตู้เย็น 2ประตู SHARP ตู้เย็น 2ประตู SHARP SJ-X330TC-SL 11.6 คิว สีเงิน ลดราคาลงมาให้ถึง 20% จากราคาเดิม 14,990 บาท เหลือเพียง 11,990 บาทเท่านั้น มาพร้อมระบบ J-TECH INVERTER ส่งความเย็นได้อย่างทั่วถึง EXTRA ECO MODE ช่วยประหยัดพลังงานเป็นพิเศษ และ 2Ways Frest Room ออกแบบใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถเก็บอาหารสดได้หลากหลายช่วยมอบความสดใหม่ ไร้กลิ่นตกค้างด้วยระบบกำจัดกลิ่น AG CU Nano Deodorizer พร้อมช่องจัดเก็บที่เป็นสัดส่วน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์เพื่อคงคุณค่ารักษาสารอาหารต่าง ๆ ให้ได้นานยิ่งขึ่น

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0905

845
สำหรับคนโสดหรือใครที่พักอาศัยอยู่ตามลำพัง ส่วนมากแล้วพื้นที่ของห้องหรือที่พักก็มักจะมีขนาดที่ค่อนข้างกระทัดรัดเหมาะกับการอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ตู้เย็นสำหรับเก็บเสบียงก็ไม่ควรที่จะเลือกซื้อตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่มากจนเกินไปก็เพราะว่าจะทำให้ห้องของคุณนั้นดูแคบลงมาอีก แล้วจะเลือกตู้เย็นยี่ห้อไหนดี ในวันนี้เราจึงมีตู้เย็นสำหรับที่พักอาศัยขนาดเล็ก พร้อมราคาตู้เย็นมาแนะนำกันถึง 4 รุ่นเลยทีเดียว

1. ตู้เย็น 2 ประตูSHARP SJ-X230TC-SL 7.9 คิว สีเงิน (8,890 บาท)



ตู้เย็นขนาดกำลังดีที่ 7.9 คิว มาพร้อมระบบ J-TECH INVERTER สามารถส่งความเย็นได้อย่างทั่วถึง ได้รับฉลากประหยัดไปเบอร์ 5 จาก กฟผ. ประหยัดไฟยิ่งขึ้นด้วยโหมดประหยัดพลังงานพิเศษ EXTRA ECO MODE พร้อมช่อง 2Ways Frest Room ที่ถูกออกแบบใหม่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จึงสามารถเก็บอากหารสดได้อย่างหลากหลาย มีระบบกำจัดกลิ่น AG CU Nano Deodorizer ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรีย มีการออกแบบที่สวยหรู แข็งแรงด้วยชั้นกระจกใสนิรภัย สามารถรองรับน้ำหนัดได้มากถึง 100 Kg.

2. ตู้เย็น 2 ประตู SAMSUNG RT22FGRADB1/ST 8.4 คิว (8,990 บาท ซื้อออนไลน์ รับส่วนลดเพิ่ม 400 บาท)



ตู้เย็น 2 ประตู ขนาด 8.4 คิว ดีไซน์เรียบหรูตามแบบฉบับของ Samsung มาพร้อมระบบความเย็นแบบแยกส่วน มีระบบอินเวอร์เตอร์คอมเพรสเซอร์แบบดิจิตอลที่ช่วยรักษาอุณหภูมิให้คงที่พร้อมระบบมัลติโฟลว์ (Multi Flow) ช่วยกระจายลมเย็นได้อย่างทั่วถึง สม่ำเสมอในทุกชั้นวาง มีชั้นวาง Easy Slide ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บ และชั้นวางของแบบ Big Guard บริเวณประตูสำหรับการจัดเก็บเครื่องดื่มชนิดต่างๆ พร้อมรักษาความสดใหม่ของอาหารให้ยาวนานขึ้นด้วยช่อง Moist Fresh Zone ยิ่งไปกว่านี้ก็ยังมี Cool Pack ที่จะช่วยทำให้ช่องแช่แข็งสามารถอยู่ได้นานถึง 8 ชั่วโมงแม้ไฟดับ พร้อมแผ่นกรองขจัดกลิ่นทำจาก Activated Carbon ที่ช่วยลดกลิ่นเหม็นและรักษารสชาติของอาหารให้คงอยู่ได้อย่างยาวนาน

   3. ตู้เย็น 2 ประตู TOSHIBA GR-A28KU (UK) 8.3 คิว สีดำ (ราคา8,490 บาท)



ตู้เย็น 2 ประตู 8.3 คิว สีดำ ดีไซน์เรียบหรูแบบ Luxury Inspire Design ไม่เหมือนใครด้วยวัสดุ Uni-Glass (High Gloss) พร้อมด้วยระบบ Inverter Compressor ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยน้ำยาทำความเย็น R600a มีระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ Bio Deodorizer ที่สามารถยับยั้งการเจริญเติมโตของแบคทีเรียจึงช่วยให้อาหารของคุณคงความสดได้นานยิ่งขึ้น มีกล่องใส่ผักและผลไม้เอนกประสงค์ ขนาดความจุ 13 ลิตร พร้อม Multi-Shelf Slots ชั้นวางแบบกระจกนิรภัยที่สามารถปรับความสูงได้อย่างหลากหลาย ตอบสนองการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น

4. ตู้เย็น 2 ประตู MITSUBISHI MR-FC23EP/SSL 7.7 คิว (ราคา8,290 บาท ซื้อออนไลน์ ลดเพิ่ม 400 บาท)



ตู้เย็นขนาดกำลังดี 7.7 คิวที่นำคุณสู่อีกระดับของตู้เย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานด้วยระบบโนฟรอสต์ ไร้สาร CFC ไม่ทำลายชั้นโอโซนและไม่มีส่วนทำให้เกิดภาวะโลกร้อน มาพร้อมไมโครชิพอัจฉริยะที่ช่วยควบคุมการทำงานและกระจายความเย็นของตู้เย็นให้มีประสิทธิภาพสูงสุด มีการเรียนรู้และจดจำลักษณะการใช้งานของผู้ใช้แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปประมวลผลรายการสั่งควบคุมระบบการทำงานของตู้เย็นให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ได้อย่างตรงจุด มาพร้อมดีไซน์ล้ำสมัยแบบ FLAT DESIGN ที่มีความดันเรียบแสงไว้ซึ่งความแข็งแกร่งหรูหรา พร้อมฟังก์ชันและช่องจัดเก็บที่ตอบสนองสำหรับทุกการใช้งาน

เข้าชมเว็บไซต์ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP09

846
งานล้างห้องน้ำ คืองานบ้านที่ต้องใส่ใจ เพราะว่าไม่ว่าห้องน้ำท่านจะสวยแค่ไหน ถ้าเลือกใช้น้ำยาล้างห้องน้ำให้เหมาะกับการใช้งาน ห้องน้ำสวยปังก็อาจพังได้ในพริบตา ซึ่ง น้ำยาล้างห้องน้ำ ที่จริงแล้วมีหลายแบบถูกแยกย่อยออกตามการใช้งานและวัสดุที่ใช้ในห้องน้ำ ในวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกน้ำยาล้างห้องน้ำให้เหมาะกับการใช้งานกันค่ะ



น้ำยาล้างห้องน้ำมีกี่แบบ
น้ำยาล้างห้องน้ำแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
1. น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรด จะเป็นน้ำยาที่ผลิตจากสารเคมีประเภทกรด ที่มีกลิ่นสารเคมีค่อนข้างฉุน เมื่อเทลงบนพื้นจะมีลักษณะฟู มีคุณสมบัติในการขจัดคราบสกปรกได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคราบสนิมที่เกิดจากน้ำ
2. น้ำยาล้างห้องน้ำแบบแชมพู เป็นน้ำยาล้างห้องน้ำที่ไม่มีส่วนผสมของกรด สามารถใช้ได้ทุกวัน แต่ไม่เป็นที่นิยมนักเพราะว่าไม่สามารถขจัดคราบได้ดีพอ

โถสุขภัณฑ์ พื้นกระเบื้อง
สามารถใช้กับน้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง  เพราะว่าเป็นจุดที่มักจะเกิดคราบฝังแน่น คราบเชื้อราต่างๆ ได้ง่าย  รวมถึงราดำที่เกิดตามยาแนวต่างๆ สามารถใช้น้ำยาล้างห้องน้ำสูตรขจัดคราบฝังแน่นที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง แต่มีข้อควรระวัง คือ ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์เป็นกรดกับอ่างล้างหน้า อ่างอาบน้ำ พื้นผิวที่เป็นหินอ่อน หินขัด และพื้นผิวโลหะ โดยเด็ดขาดเพราะกรดในน้ำยาล้างห้องน้ำเหล่านี้จะทำให้พื้นผิวเสียหาย

อ่างล้างหน้า และอ่างอาบน้ำ
เป็นบริเวณที่มีอุปกรณ์เป็นโครเมียมหรือโลหะ และยังเป็นพื้นที่ที่ต้องสัมผัสกับร่างกายของเราโดยตรง จึงไม่ควรใช้น้ำยาล้างห้องน้ำที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูง ก็เพราะว่าจะทำให้พื้นผิวเสื่อมสภาพหรือเกิดรอยด่างได้ ควรใช้น้ำยาล้างห้องน้ำแบบแชมพู หรือน้ำยาล้างจาน เพื่อทำความสะอาดล้างคราบสบู่ คราบยาสีฟัน หรือคราบมันต่างๆ ก็เพียงพอแล้ว



กระจกในห้องน้ำ
กระจกในห้องน้ำ หรือ กระจกกั้นห้องอาบน้ำ เป็นอีกจุดที่ไม่ควรมองข้าม เพราะว่าพื้นผิวของกระจกต้องเจอกับคราบน้ำ คราบสบู่ คราบไขมัน ฝุ่นละออง รวมถึงแร่ธาตุในน้ำที่รวมกันจนเกิดเป็นสารที่มีความเป็นด่างสูง ทำให้เกิดเป็นคราบสีขาวที่เช็ดยังไงก็เช็ดไม่ออก หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ เข้าพื้นผิวกระจกจะถูกัดกร่อนควรหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ แต่ถ้าหากเกิดคราบขาวที่ไม่สามารถเช็ดออกไปได้ แนะนำให้เลือกใช้น้ำยาขจัดคราบน้ำบนกระจก จะช่วยทำให้กระจกกลับมาใสเหมือนใหม่ได้อีกครั้ง

ห้ามใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ +น้ำยาซักผ้าขาว
เนื่องด้วยในน้ำยาซักผ้าขาวมักจะมีสารเคมีที่ชื่อว่า “โซเดียมไฮโปคลอไรต์” เป็นส่วนผสม เมื่อมาเจอกับ กรดไฮโดรคลอริก ที่อยู่ในน้ำยาล้างห้องน้ำ จะเกิดก๊าซคลอรีน ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย หากสูดดมเข้าไปมากๆ อาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากต้องการฆ่าเชื้อโรคไปพร้อมๆ กับการทำความสะอาด แนะนำให้ใช้ น้ำยาล้างห้องน้ำเป็ด ที่นอกจากจะสามารถขจัดคราบสกปรกฝังแน่น อาทิ คราบสนิม คราบหินปูน ตะกรัน คราบสบู่ ของเสีย สารซักล้าง แชมพู ได้แล้ว ยังสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และไวรัสหวัดH1N1ได้อีกด้วย

การเลือกใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เราต้องคำนึงถึงพื้นผิวของวัสดุที่เราจะทำความสะอาด เหตุเพราะมีวัสดุหลายๆ ประเภทที่ไม่สามารถใช้น้ำยาล้างห้องน้ำทั่วไปเพื่อทำความสะอาดได้ แนะนำให้อ่านฉลากหลังขวดก่อนเลือกซื้อน้ำยาล้างห้องน้ำนะคะ

ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0610

847
จากรายงานของ Rocket Media Lab ในปี 2021 คนกรุงเทพฯ สูดเอาฝุ่น PM 2.5 เข้าไป เท่ากับปริมาณการสูบบุหรี่ถึง 1,261 มวนต่อคน เป็นที่ทราบกันดีว่า ฝุ่น PM 2.5 คือ ฝุ่นพิษที่มีลักษณะเป็นฝุ่นละอองเล็กๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน

ซึ่งความอันตรายของ PM 2.5 ที่นอกจากจะมีขนาดเล็กจนสามารถผ่านการกรองของขนจมูกผ่านหลอดลมไปจนถึงถุงลมปอด แล้ว PM 2.5 ยังสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือด และสร้างผลร้ายให้กับร่างกายมาก ไม่ว่าจะเป็นอาการระคายเคืองเยื่อบุต่างๆ ทำให้เรามีอาการแสบจมูก แสบตา เจ็บคอแล้ว ในผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ โรคทางเดินหายใจเจ้า PM 2.5 จะเป็นตัวกระตุ้นให้อาการของโรคกำเริบได้ง่าย และนอกจากนี้ PM 2.5 ยังก่อให้เกิดอาหารระคายเคืองบนผิวหนัง เป็นผื่น คัน รวมถึงทำให้เกิดสิว และยังมีผลเสียอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเจ้าฝุ่นพิษ PM 2.5 ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเราตลอดเวลา แต่เราสามารถกำจัดเจ้าฝุ่นตัวร้ายได้ชั่วคราวด้วยการใช้เครื่องฟอกอากาศ แต่เครื่องฟอกอาการแบบไหนที่สามารถจัดการกับ PM 2.5 ได้บ้าง มาดูกันค่ะ



1. เครื่องกรองอากาศที่มีแผ่นกรองอากาศ HEPA
แผ่นกรองอากาศ HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) เป็นแผ่นกรองอากาศที่ได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพสูง ผลิตจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส มีคุณสมบัติในการดักจับฝุ่นละออง หรืออนุภาคที่มีใหญ่กว่า 0.3 ไมครอน ขึ้นไป และแน่นอนว่าสามารถดักจับฝุ่น PM 2.5 ที่มีขนาด 2.5 ไมครอนได้ อย่างเช่นใน เครื่องฟอกอากาศ philips ที่มีแผ่นกรอง HEPA สามารถดักจับฝุ่น PM 2.5 เกสรดอกไม้ ขนสัตว์ แบคทีเรีย และไวรัส ได้สูงถึง 99.9%  พร้อมโหมดฟอกอากาศอัตโนมัติแบบอัจฉริยะ ที่ฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

2. ค่า CADR ยิ่งสูงยิ่งดี
CADR (Clean Air Delivery Rate) หรือ ค่าตัวเลขที่ได้จากการวัดปริมาณอากาศดี ที่ระบบฟอกอากาศสามารถฟอกเอาสิ่งปนเปื้อน อย่าง PM 2.5 ควันบุหรี่ เกสรดอกไม้ ฯลฯ ออกไปได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ยิ่งค่า CADR สูงเท่าไหร่ ก็หมายความว่าประสิทธิภาพในการฟอกอากาศของเครื่องฟอกอากาศยิ่งดีขึ้นเท่าไหร่นั้น

3. ระดับเสียง ไม่ควรเกิน 30-35 เดซิเบล
ยิ่งทำงานเงียบ ยิ่งดี เนื่องจากเสียงเครื่องฟอกอากาศที่ดังเวลาใช้งาน ก็เป็นสิ่งกวนใจ และรบกวนการนอนหลับอยู่ไม่น้อย



4. มีระบบฆ่าเชื้อช่วยเพิ่มความปลอดภัย
เป็นอีกฟังก์ชั่นที่ไม่ควรมองข้ามในยุคโควิด-19 เนื่องมาจากนอกจากจะช่วยให้เราปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 แล้ว ระบบฆ่าเชื้อจะช่วยให้เราห่างไกลจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียต่างๆ อย่าง เครื่องฟอกอากาศ sharp ที่นอกจากจะสามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้แล้ว ยังมีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ เอกสิทธิ์แบบเฉพาะของ Sharp ปล่อยประจุบวกและลบ เพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนในอากาศ เชื้อรา แบคทีเรีย และเชื้อไวรัส รวมถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย



5. ระบบเซ็นเซอร์ช่วยตรวจจับอนุภาคในอากาศ
เป็นอีกระบบที่เครื่องฟอกอากาศหลายแบรนด์เลือกที่จะใส่เพิ่มเข้ามาเพื่อตรวจจับฝุ่นละออง และอนุภาคแปลกปลอมที่ลอยอยู่ในอากาศเพื่อให้ทั้งห้องของเรามีอากาศที่สะอาดและมีสิ่งปนเปื้อนให้น้อยที่สุด ซึ่ง เครื่องฟอกอากาศ xiaomi มี PM Laser เป็นเซ็นเซอร์ที่ดักจับอนุภาคของฝุ่นขนาดเล็กได้แม่นยำสูงช่วยแจ้งค่า PM แสดงผลมาที่หน้าจอเพื่อให้ทราบว่าอากาศสะอาดเพียงพอหรือไม่ และยังสามารถควบคุมการใช้งานเครื่องฟอกอาการผ่านแอพพลิเคชั่น Mi Home บนสมาร์ทโฟนได้ด้วย

แม้ว่าเราจะควบคุมปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ลอยอยู่ทั่วไปไม่ได้ แต่ภายในบ้านของเรา เราสามารถเลือกใช้เครื่องฟอกอากาศเป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพของเราและคนที่เรารัก เพียงมีเครื่องฟอกอากาศดีๆ สักเครื่อง เพื่อให้เราได้สูดอากาศที่สะอาด ก็ถือว่าเป็นความคุ้มค่าที่น่าลงทุนไม่น้อยเลยนะคะ

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/APP02

848
วิถี  New Normal ที่บังคับให้พวกเราอยู่บ้านกันมากขึ้น การเข้าถึงสื่อบันเทิงต่างๆ เปลี่ยนไปจากที่เดิมทุกคนต้องไปโรงภาพยนตร์ แต่ทุกวันนี้เราสามารถอยู่บ้านเปิดทีวีแล้วชมภาพยนตร์เรื่องดัง ซีรี่ส์ยอดฮิต ได้จากมินิโฮมเธียร์เตอร์ภายในบ้านของเรา ด้วยแอลอีดี ทีวีที่มาพร้อมภาพที่คมชัดและระบบเสียงชั้นเยี่ยม และแอลอีดี ทีวี ยังมีขนาดที่บางสวย ทำให้ดูกลมกลืนกับบ้านได้ไม่ยาก



ทำความรู้จักกับ แอลอีดี ทีวี
แอลอีดี ทีวี - LED TV (Light Emitting Diode) คือ เทคโนโลยีที่ต่อยอดมาจาก LCD TV (Liquid Crystal Display) โดยเปลี่ยนจากหลอดไฟ CCFL เป็นหลอดไฟ LED 3 สี (แดง,น้ำเงิน และเขียว) เป็นตัวให้กำเนิดแสงแทน ซึ่งหลอดไฟ LED 3 สี กินไฟน้อยกว่า แต่สามารถให้แสงสว่างได้มากกว่าหลอดไฟ CCFL และยังมีขนาดที่เล็กกว่า จึงทำให้จอทีวี LED มีขนาดบางกว่าจอทีวี LCD ค่อนข้างมาก

วิธีการเลือกซื้อเลือกหา แอลอีดี ทีวี
ถ้าท่านไหนอยู่บ้านอยากได้แอลอีดี ทีวีดีๆ ซักเครื่องเอาไว้ เล่นเกม ดูซีรี่ส์ ดูหนัง เปิดข่าวฟังเพลินๆ หรืออยากทำเป็นมินิโฮมเธียร์เตอร์ภายในบ้าน เรามีวิธีเลือกซื้อเลือกหามาแนะนำค่ะ

1. เลือกขนาดหน้าจอ ให้พอดีกับจุดที่วาง
เพราะบ้านหรือคอนโดมีเนียมของแต่ละคนมีพื้นที่ที่จะตั้งหรือติดตั้งไม่เท่ากัน ด้วยเหตุนั้นประการแรกที่เราต้องคำนึงถึงคือ พื้นที่ที่เราจะติดตั้งรองรับจอได้สูงสุดที่ขนาดเท่าไหร่  นอกจากนี้ระยะห่างในการรับชมก็มีผล เนื่องมาจากยิ่งนั่งห่างมากยิ่งต้องใช้จอที่ใหญ่มากขึ้น

2. เลือกความละเอียดของหน้าจอ
แอลอีดี ทีวี เป็นจอทีวีที่ให้สีสันสดใส สมจริง แต่ความละเอียดของหน้าจอทีวีก็เป็นอีกส่วนที่ช่วยให้ภาพคมชัดมากขึ้น ถ้าเราต้องการแค่ดูข่าวดูรายการทั่วไป ความละเอียดแบบ HD 1366 x 768 ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากต้องการดูหนัง เล่นเกม ดู Netflix ที่ต้องการความสมจริงมากๆ แนะนำให้เลือก ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 อย่างเช่น ทีวี LG เทคโนโลยีภาพแบบ Full HD พร้อมการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทผ่าน Smart TV การดู Youtube, Netflix หรือท่องเว็บได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว

3. เลือกระบบเสียง
ระบบเสียงจัดเป็นอรรถรสที่ขาดไม่ได้ในการดูหนัง ฟังเพลง และการเล่นเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครที่อยากจะทำมินิโฮมเธียร์เตอร์ไว้ในบ้าน ไม่ควรมองข้ามระบบเสียงที่ติดมากับทีวี ซึ่งแต่ละแบรนด์ได้ให้ความใส่ใจกับระบบเสี่ยงเป็นอย่างมาก เช่น ทีวี Samsung ที่นอกจากจะโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีด้านภาพแล้ว เทคโนโลยีด้านระบบเสียง Object Tracking Sound Lite (OTS Lite) ที่สามารถจำลองเสียงจากทิศทางด้านบนได้สมจริงยิ่งขึ้นพร้อมเพิ่มความชัดเจนด้วยทิศทางเสียง 2.0 CH ให้เสียงที่ได้มีมิติ สมจริงไม่แพ้งานภาพ

4. เลือกวิธีการเชื่อมต่อที่หลากหลาย
เพราะในปัจจุบันทีวีรุ่นใหม่ๆ เกือบทุกรุ่นได้กลายเป็น Smart TV ที่ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งดูหนังฟังเพลง ดูซีรี่ส์ เล่นเกม และท่องโลกอินเตอร์เน็ต ดังนั้นพอร์ตต่างๆ ที่มีให้มาควรรองรับการเชื่อมที่เราต้องการ เช่นว่าการเชื่อมต่อผ่าน USB, HDMI, AV ที่ต้องมีเป็นช่องพื้นฐาน แต่สิ่งที่ควรมองหาเพิ่ม คือการเชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเกมต่างๆ เช่น Playstation ในกรณีที่เราเป็นเกมเมอร์ การเชื่อมต่อด้วย WiFi ที่ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อการใช้งานอื่นได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ทีวี sharp สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับทีวี ผ่าน WiFi Router เพื่อฉายภาพในโทรศัพท์บนจอทีวีได้ เป็นต้น

5. เลือกการรับประกันและบริการหลังการขาย

ควรตรวจสอบเงื่อนไข ศูนย์บริการ และการให้คำแนะนำช่วยเหลือในกรณีที่พบปัญหาระหว่างการใช้งาน การรับประสินค้าและการเปลี่ยน หรือคืน เป็นสิ่งที่ควรตรวจสอบให้มั่นใจก่อนซื้อ

การอยู่บ้านในยุค New Normal จะไม่เหงาอีกต่อไป แค่เรามี แอลอีดี ทีวี ดีๆ ซักเครื่อง เอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง ดูซีรี่ส์ หรือเล่นเกมโปรด ก็ช่วยให้เราเพลินลืมความเบื่อไปได้ไม่มากก็น้อยนะคะ

ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/TVA07

849
เครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้าม หรือที่หลาย ๆ ท่านแอบเรียกว่า ไม้กวาดไฟฟ้า เป็นเครื่องดูดฝุ่นที่เราเคยเห็นกันมานาน แต่เริ่มมาเป็นที่นิยมในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ที่เราทุกคนต้องกักตัว Work From Home จนกำเนิดคุณพ่อบ้านแม่บ้านมือหนึ่งขึ้นเป็นแถว ซึ่งอุปกรณ์เก็บกวาดอันดับหนึ่งที่โดนใจคุณพ่อบ้านแม่บ้านในช่วงกักตัวก็คือเจ้าเครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับที่มีข้อดีมากมาย ทั้งในด้านการใช้งานและราคา ซึ่งถ้าท่านอยากจะเป็นเจ้าของเครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับกับเขาบ้างวิธีการเลือกซื้อก็ไม่ยากแค่เลือกตามนี้



1. เลือกแบบที่น้ำหนักเบาเคลื่อนย้ายสะดวก
เหตุเพราะเครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับจะใช้มือของเรารับน้ำหนักระหว่างการใช้งาน แนะนำให้เน้นไปที่เครื่องน้ำหนักเบา ใช้งานนานๆ ได้โดยไม่เมื่อยมือ

2. เลือกแบบไร้สายหรือมีสายต่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน
เครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับแบบมีสายไฟ
จุดแข็ง - สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีสายไฟค่อนข้างยาวติดมากับตัวเครื่อง จุดด้อย - สายค่อนข้างเกะกะ และบางทีพื้นที่ที่เรานำไปใช้งานอาจไม่สามารถเสียบปลั๊กไฟได้

เครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับแบบไร้สาย
จุดดี - สามารถใช้งานได้ทุกที่แม้กระทั่งจุดที่เข้าถึงยาก หรือไม่มีปลั๊กไฟให้เสียบ  จุดอ่อน - ใช้เวลาชาร์จไฟฟ้านานหลายชั่วโมง แต่กลับใช้งานได้ไม่นานหรือมีกำลังดูดต่ำ ทำให้ เครื่องดูดฝุ่น electrolux ได้พัฒนาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประสิทธิภาพเยี่ยม ให้กำลังดูดสูง สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 35 นาที ซึ่งเพียงพอที่จะทำความสะอาดในแต่ละครั้ง

3. เลือกที่มีถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่
ถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่มีข้อดีตรงที่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องคอยเคาะเอาเศษฝุ่นออกบ่อยๆ แต่ข้อเสียคือจะทำให้น้ำหนักของตัวเครื่องเพิ่มขึ้น



4. เลือกเครื่องดูดฝุ่นที่ใช้งานได้หลากหลาย
เครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับ จะสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น เครื่องดูดฝุ่น dyson มีหัวดูด Hair Screw ด้วยแกนขนแปรงทรงกรวยป้องกันการพันกัน ทำให้ดูดผมเส้นยาวและขนสัตว์ได้อย่างรวดเร็ว และยังสามารถดูดฝุ่นบนที่นอนหรือภายในตัวรถยนต์ได้อีกด้วย



5. เลือกที่ดีไซน์ที่ชอบ
การออกแบบเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญเนื่องจากหลายคนมักวางหรือแขวนเครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้ามจับไว้ในจุดที่หยิบใช้สะดวก การเลือกเครื่องดูดฝุ่นที่มีการออกแบบสวยกลมกลืนกับการตกแต่งบ้านได้ทุกสไตล์ จะกลายเป็นของแต่งบ้านที่โชว์ความชิค ความเก๋ และความเป็นคนรักความสะอาดของคุณ ซึ่งเราของแนะนำ เครื่องดูดฝุ่น xiaomi เครื่องดูดฝุ่นไร้สายสไตล์มินิมอล ยอดนิยม ที่มีน้ำหนักเบา ใช้งานง่าย ราคาไม่แพง แต่มีดีไซน์มินิมอลสุดเก๋ที่วางไว้ตรงไหนก็ดูดีไปหมด

เครื่องดูดฝุ่นแบบมีด้าม เป็นอีกเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้งานเก็บกวาดกลายเป็นเรื่องง่ายๆ และยังสามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้งในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้นห้อง ผ้าม่าน โซฟา เตียงนอน และยังสามารถนำไปใช้ดูดฝุ่นภายในรถยนต์ เรียกว่าเป็นอุปกรณ์เอนกประสงค์ที่คุณแม่บ้านควรมีไว้ติดบ้าน

สั่งซื้อสินค้าได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP12

850
การล้างจานอาจไม่ใช่เรื่องลำบากลำบนสำหรับใครหลาย ๆ ท่าน แต่ในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบของใครหลาย ๆ คนการล้างจานเป็นอีกหนึ่งงานบ้านที่หลายคนเหนื่อยที่จะต้องทำ บางคนทำงานมาเหนื่อยๆ กินข้าวเสร็จก็เผลอหลับไป ลืมล้างจาน ตื่นเช้ามาก็ต้องรีบออกจากบ้านไปทำงาน การแช่จานทิ้งไว้ในอ่างล้างจานนอกจากจะทำให้มีกลิ่นไม่พึงประสงค์แล้วยังเป็นการเรียกแมลงต่างๆ ให้บุกขึ้นมาอีกต่างหาก และแน่นอนว่าในโลกเทคโนโลยีเมื่อมีปัญหาย่อมมีการประดิษฐ์คิดค้นเพื่อช่วยแก้ปัญหา “เครื่องล้างจาน” อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่กลายมาเป็นไอเท็มคู่ใจของพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่ ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องการล้างจาน ด้วย 3 ข้อดี ที่ช่วยให้ชีวิตของเราง่ายขึ้น



1. ล้างจานได้สะอาดหมดจด
ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องล้างจานจะล้างไม่สะอาด เหตุเพราะเครื่องล้างจานจะใช้น้ำร้อนที่มีอุณหภูมิประมาณ 60 องศา เพื่อช่วยขจัดคราบสกปรกที่ติดแน่น และยังช่วยฆ่าเชื้อโรคที่ติดอยู่บนภาชนะ เรียกได้ว่าล้างได้สะอาดล้ำลึกกว่าการล้างจานด้วยมือ ซึ่งในเครื่องล้านจานแต่ละยี่ห้อจะมีการออกแบบก้านสเปรย์ฉีดน้ำที่ช่วยในการทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง เช่นว่า เครื่องล้างจาน electrolux  ที่มีเทคโนโลยี ก้านฉีดน้ำ SatelliteClean สเปรย์ฉีดน้ำที่ช่วยกระจายน้ำให้ทั่วถึงทุกมุมภายในเครื่องล้างจาน

2. ลดภาระ ประหยัดเวลา
แม้ว่าเครื่องล้างจานจะต้องใช้ระยะเวลาในการล้างจานอยู่พอสมควร แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา ทั้งนี้เพราะเราสามารถปล่อยให้เครื่องล้างจานทำงานอัตโนมัติ และเอาเวลาไปทำงานอย่างอื่น หรือนั่งพักผ่อนได้อย่างสบายใจ ยิ่งไปกว่านี้ในบางรุ่นยังสามารถตั้งเวลา หรือ สั่งงานผ่านแอปพลิเคชั่นได้อีกด้วย



3. ปลอดภัยจากเชื้อโรค
การแช่จานไว้ในอ่างล้างจานเป็นสิ่งที่ไม่ถูกสุขลักษณะ เพราะว่ายิ่งวางทิ้งไว้นานเท่าไหร่เชื้อโรค แบคทีเรียต่างๆ ก็ยิ่งเจริญเติบโตมากขึ้น ทำให้เกิดทั้งกลิ่นรบกวน และเป็นตัวล่อแมลงชั้นเยี่ยม ซึ่งเครื่องล้างจานนอกจากจะช่วยลดภาระเรื่องเวลาและการล้านจานแล้ว ยังช่วยฆ่าเชื้อโรคให้จานชามของเราสะอาดปลอดภัย ซึ่งเครื่องล้างจาน xiaomi มีโหมดการล้างแบบทำความสะอาดล้ำลึกด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิสูงสุดถึง 75 องศาเซลเซียส สามารถกำจัดแบคทีเรียได้ถึง 99.9% พร้อมหน้าจอทัชสกรีนใช้งานได้ง่าย

เครื่องล้างจานยังมีความสามารถต่างๆ อีกมากมายที่แต่ละแบรนด์ได้เพิ่มฟังก์ชั่นเพื่อตอบสนองความต้องการและช่วยแก้ปัญหาให้กับพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่ ช่วยลดภาระงานบ้าน เพื่อให้ท่านได้มีเวลาพักผ่อนและจัดการงานอื่นๆ เพิ่มขึ้น จึงไม่แปลกใจที่ไม่ว่าใครได้ลองใช้เครื่องล้างจานต่างก็ต้องยกให้เป็นไอเท็มคู่ใจของพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่กันเลยทีเดียว

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/KIT0403

หน้า: 1 ... 12 13 14 15 16 [17] 18 19 20 21 22 ... 25