ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ลูซี่ โฮล์ม

หน้า: [1]
1

น้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็นเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็นมาอย่างยาวนาน นอกเหนือจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงเกิดความท้าทายในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำยาแอร์ให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งน้ำยาแอร์แต่ละประเภทล้วนมีคุณสมบัติทางเคมีที่ต่างกันและเหมาะสมกับเครื่องปรับอากาศที่แตกต่างกันไป


จะต้องเติมน้ำยาแอร์เมื่อไหร่
- เมื่อมีการติดตั้งแอร์สิ่งที่จำเป็นมาก ๆ ในการช่วยให้แอร์ทำงานได้โดยที่ยังมีอากาศที่เย็นฉ่ำอยู่เสมอก็คือน้ำยาแอร์ ซึ่งจะมีระยะเวลาการสังเกตว่าควรจะต้องเติมเมือไหร่ โดยเจ้าของบ้านก็สามารถจะเช็คได้ด้วยตัวเอง
เมื่อมีการติดตั้งแอร์ไม่ถึง 1 ปี ก็อาจจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องเติมน้ำยาแอร์ ยกเว้นหากมีกรณีที่มีการรั่วซึม ซึ่งก็จะต้องมีการแก้ไขจุดที่รั่วนั้นด้วย เพื่อที่จะเป็นการซ่อมบำรุงและสามารถที่จะใช้งานได้นานเป็นปกติต่อการเติมน้ำยาแอร์แต่ละครั้ง

- แอร์ที่มีการติดตั้งมาแล้วมากว่า 1 ปีเมื่อมีการใช้งานมากขึ้น อาจจะมีการรั่วซึมเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการเติมน้ำยาแอร์บ่อย ก็อาจจะต้องมีการหาจุดที่รั่วซึมเพื่อช่วยให้การใช้งานในแต่ละครั้งที่เติมน้ำยาแอร์มีการใช้งานได้นาน ทำให้ไม่สิ้นเปลืองได้อีกด้วย

- แอร์ที่มีมีการติดตั้งมาแล้วมากกว่า 5 ปี แน่นอนว่าเมื่อมีการใช้งานนานมากขึ้น จะต้องมีการรั่วซึมหรือปริมาณการเติมน้ำยาแอร์จะถี่ขึ้น ซึ่งก็อาจจะกลายเป็นเรื่องปกติ แต่หากแอร์ไม่มีความเย็นเลยก็อาจจะต้องเช็คอย่างละเอียดอีกครั้ง


วิธีการเลือกน้ำยาแอร์
การเลือกน้ำยาแอร์มีข้อพิจารณาอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นประเภทของน้ำยาแอร์ สเปกของเครื่องปรับอากาศ รวมถึงองค์ประกอบทางเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผู้ใช้งานควรศึกษาและทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ให้ดีก่อนซื้อเพื่อให้ได้น้ำยาแอร์ที่เหมาะสมที่สุด


น้ำยาแอร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทให้เลือกใช้
ปัจจุบันจะมีน้ำยาแอร์ให้ได้เลือกใช้กันหลากหลาย และยังมีการคิดค้นและพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้งานและเพื่อที่จะช่วยให้ระบบของเครื่องปรับอากาศได้มีประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถจะยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นไปอีกด้วยโดยน้ำยาแอร์จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. R22  จะมีคุณสมบัติพิเศษ คือไม่มีพิษ ไม่มีกลิ่น และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เรียกได้ว่าเป็นน้ำยาที่นิยมใช้เติมในเครื่องปรับอากาศในปัจจุบันเป็นหลัก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดตรงที่เป็นสารที่จะทำลายโอโซนในอากาศมากกว่า R410A และ R32 และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกอยู่ในทุกวันนี้

2. R410A เป็นน้ำยาแอร์ที่มีการคิดค้นมาเพื่อนำมาทดแทน R22 ซึ่งก็จะต้องมีข้อดีคือช่วยประหยัดพลังงานและลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่จะราคาที่สูงกว่า R22 และในกรณีที่จะต้องมีการเติมน้ำยา จะต้องถ่ายน้ำยาเก่าออกให้หมดก่อนจึงจะสามารถเติมน้ำยาแอร์ใหม่เข้าไปได้

3. R32 สำหรับน้ำยาแอร์ตัวนี้จำไม่ทำลายชั้นโอโซน และกรณีที่จะต้องมีการเติมน้ำยาก็สามารถจะเติมเข้าไปได้เลยโดยที่ไม่ต้องมีการถ่ายน้ำยาเก่าออก และยังช่วยประหยัดพลังงานจึงเหมาะที่จะใช้กับแอร์บ้านที่มีขนาดเล็กต่ำกว่า 24000 บีทียู แต่ก็ยังมีราคาแพงกว่าน้ำยาแอร์ชนิด R22 ส่วนข้อจำกัดคือ มีราคาสูงกว่าสารทำความเย็นชนิด R22


เลือกจากระบบของแอร์
การเลือกน้ำยาให้เหมาะสมกับเครื่องปรับอากาศเป็นอีกเงื่อนไขที่สำคัญในการเลือกซื้อ เนื่องจากการเติมน้ำยาแอร์คนละประเภทจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ได้ โดยระบบแอร์ในปัจจุบันมีการใช้ประเภทน้ำยาแอร์ที่หลากหลายตามรายละเอียด ดังนี้

1. แอร์ Fix Speed คือ เครื่องปรับอากาศที่มีการทำความเย็นแบบเต็มกำลัง โดยจะทำความเย็นตามที่เรากำหนดอุณหภูมิไว้แบบเต็มกำลัง และตัดการทำงานเมื่อความเย็นภายในห้องเท่ากับที่เรากำหนดไว้ ข้อจำกัดของระบบแบบนี้คือคอมเพรซเซอร์ต้องทำงานบ่อย ๆ อุณหภูมิภายในห้องที่ไม่คงที่ และระบบที่ส่งเสียงดังขณะทำงาน ซึ่งแอร์ประเภทนี้สามารถเลือกประเภทน้ำยาแอร์ตามคุณสมบัติของรุ่นนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น R22 R410A หรือ R32

2. แอร์ Inverter คือ เครื่องปรับอากาศที่ทำความเย็นอย่างสม่ำเสมอ โดยคอมเพรสเซอร์สามารถปรับระดับการทำงานให้สอดคล้องกับอุณหภูมิได้ เมื่ออุณหภูมิภายในห้องมีความเย็นถึงอุณหภูมิที่เราตั้งแล้ว คอมเพรสเซอร์จะไม่ตัดการทำงานแต่จะรักษาความเย็นคงที่อย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ต้องเริ่มการทำงานใหม่ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี โดยแอร์ประเภทนี้มักจะใช้น้ำยาแอร์ประเภท R32 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย


เลือกน้ำยาแอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
น้ำยาแอร์ที่สามารถจะแบ่งออกตามประเภทของสารเคมีจะมีด้วยกัน 4 ประเภท โดยในแต่ละประเภทจะมีผลทางเคมีต่อสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน

1. คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) จะมีคลอรีนเป็นส่วนประกอบหลักซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแน่นอน โดยประเภทน้ำยาแอร์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ R11 R12 และ R115

2. ไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFC) เป็นสารที่ถูกนำมาใช้ทดแทนกลุ่ม CFC โดย HCFCs มีคลอรีนน้อยกว่า CFCs ก็จริงแต่ก็ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ โดยประเภทน้ำยาแอร์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ R22 R123 และ R124

3. ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC) ถูกนำมาใช้ทดแทนสารทำความเย็นแบบที่มีคลอลีนและมีการใช้งานกันมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากไม่มีคลอรีนและไม่เป็นอันตรายต่อชั้นบรรยากาศ ประเภทน้ำยาแอร์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ เช่น R32 R125 R404A A407C R410A  เป็นต้น

4. ไฮโดรคาร์บอน (HC) อยู่ในกลุ่มทางเลือก ซึ่งไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่จะเป็นสารไวไฟและมีอันตราย หากมีการรั่วไหล อาจจะเกิดไฟไหม้ หรือมีการระเบิดขึ้นได้โดยน้ำยาแอร์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ เช่น R290 R600a เป็นต้น


วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเอง
การล้างแอร์ด้วยตัวเองจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแต่จะต้องเตรียมอุปกรณ์หรือเครื่องมือให้พร้อม โดยสิ่งที่จะต้องเตรียมก็จะมี ไขควง ปืนฉีดน้ำแบบสั้นและสายต่อ สายยาง โบลวเวอร์  ถุงพลาสติกหรือแผ่นผ้าใบ ถังพลาสติก ให้พร้อม

ขั้นตอนกับวิธีล้างแอร์ด้วยตัวเอง

1. ก่อนอื่นให้ทำการเปิดหน้ากากแอร์ออกก่อน จากนั้นให้ดึงแผ่นกรองอากาศออกมาเพื่อล้าง

2. ให้ทำการขันสกรูที่ยึดตัวรับสัญญาณรีโมตคอนโทรลเครื่องปรับอาการออกจากหน้ากากแอร์

3. จากนั้นขันสกรูที่ยึดหน้ากากแอร์ และค่อยๆ ถอดออกมาและถอดฝาครอบกลางออก

4. ให้ทำการขันสกรูที่ล็อคถาดน้ำทิ้ง และถอดมอเตอร์สวิงออกและดึงถาดน้ำทิ้งดึงออกมาทำความสะอาด

5. จากนั้นจึงถอดแผ่นเกล็ดกระจายลมและปิดฝาครอบวงจรไฟฟ้าและใช้ถุงพลาสติกครอบให้มิดชิด

6. ทำการขึงผ้าใบคลุมใต้แอร์ให้พาดลงมาในถังพลาสติก เพื่อไม่ให้น้ำที่ล้างแอร์ไหลลงพื้นหนือกระเด็นขึ้นกำแพง

7. จากนั้นให้ทำการฉีดล้างด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูงให้ทั่วแผงคอยล์เย็น จากนั้นใช้โบลวเวอร์เป่าแผงคอยล์และแผงไฟฟ้าให้แห้งสนิท

8. จากนั้นให้ฉีดน้ำล้างและใช้แปรงกับผงซักฟอกขัดแผ่นกรองอากาศ ถาดน้ำทิ้ง หน้ากากฝาครอบกลางและแผ่นเกร็ดกระจายลม จากนั้นเป่าให้แห้ง

9. นำชิ้นส่วนทั้งหมดมาประกอบกลับเข้าที่ จนครบ และกลับไปฉีดล้างคอยล์ร้อน (Condensing Unit) ให้สะอาดโดยไม่ต้องถอดชิ้นส่วนออก

10. เมื่อล้างเสร็จเรียบร้อย ก็ให้ลองเปิดแอร์เพื่อทดสอบว่าระบบต่างๆ ยังทำงานแกติหรือไม่ โดยให้เปิดแอร์ทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง

สิ่งที่จะต้องระวังอย่างมาก ในกรณีที่มีการล้างแอร์ด้วยตัวเอง หรือแม้แต่ช่างผู้เชี่ยวชาญ ก็จะต้องมีการสับคัทเอาท์เพื่อตัดไฟก่อน เป็นการป้องกันการโดนไฟดูด ไฟช๊อตนั่นเอง


Photo Credit: Shopee

น้ำยาแอร์ R600a ยี่ห้อ Veolet
สำหรับน้ำยาแอร์ Veolet ประเภท R600a จัดอยู่ในกลุ่มไฮโดรคาร์บอน เป็นองค์ประกอบที่ไม่ทำลายชั้นโอโซนและยังปราศจากสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยจะมาในรูปแบบของกระป๋องขนาด 480 กรัมพกพาได้สะดวกสำหรับ ช่างที่ต้องการพกพาไปติดตั้งนอกสถานที่ พร้อมทั้งวาล์วเปิด-ปิด ซึ่งจะเหมาะสำหรับใช้เติมในครั้งเดียว ทั้งนี้การเติมน้ำยาควรจะต้องมีการชั่งน้ำหนักปริมาณน้ำยาก่อนเติมอยู่เสมอเพื่อให้ได้ปริมาณที่เหมาะสมกับสเปกของเครื่องปรับอากาศด้วยนั่นเอง


Photo Credit: Shopee

น้ำยาแอร์ R32 ยี่ห้อ SP
น้ำยาแอร์ R32 ยี่ห้อ SP เป็นแบบถังขนาด 3 กิโลกรัมจะเป็นน้ำยาแอร์เกรดพรีเมียมที่ผ่านการรับรองด้านคุณภาพว่าเป็นสารทำความเย็นที่มีความบริสุทธิ์ถึง 99.9% อีกทั้งยังมีการควบคุมคุณภาพในกระบวนการผลิตเป็นอย่างดี และยังสามารถจะนำไปใช้กับอุปกรณ์ทำความเย็นได้หลากหลาย ทั้งเครื่องปรับอากาศในบ้าน ตู้เย็นต่าง ๆ หลากหลายขนาด แอร์รถยนต์ เป็นต้น และที่สำคัญยังเป็นน้ำยาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศที่เป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน


Photo Credit: Shopee

น้ำยาแอร์ R410A ยี่ห้อ DBB
น้ำยาแอร์ R410A ยี่ห้อ DBB จะมาในขนาด 3 กิโลกรัม จุดเด่นของน้ำยาประเภทนี้คือค่า ODP เป็นศูนย์ที่เป็นสาเหตุการทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศก็จริง แต่ยังมีค่า GWP ที่สูงพอที่จะมีโอกาสที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้  และยังมีข้อจำกัดในการเติมน้ำยาซึ่งจะต้องมีการถ่ายน้ำยาแอร์เก่าออกให้หมดก่อนจึงจะเติมน้ำยาแอร์ใหม่เพิ่มเข้าไปได้ อาจจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและยังจะทำให้เสียเวลาพอสมควรหากเทียบกับน้ำยาแอร์ยี่ห้อื่น


Photo Credit: Shopee

น้ำยาแอร์ R404A ยี่ห้อ Orafon
น้ำยาแอร์ R404A ยี่ห้อ Orafon อยู่ในกลุ่มไฮโดรฟลูออโรคาร์บอนที่มาแทนน้ำยาแอร์กลุ่มไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน ซึ่งเป็นน้ำยาแอร์ที่ปราศจากคลอรีนและแน่นอนจะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนกับน้ำยาแอร์ R410A  สามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นหลายขนาด น้ำยาจะถูกบรรจุอยู่ในถังขนาด 10 กิโลกรัม หากใช้เติมกับเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กสามารถเติมได้หลายครั้ง และเพียงพอต่อการเติม 1 ครั้งสำหรับเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่


Photo Credit: Shopee

น้ำยาแอร์ R290 ยี่ห้อ BPI
สำหรับน้ำยาแอร์ R290 ยี่ห้อ BPI จัดเป็นกลุ่มไฮโดรคาร์บอนอยู่ในกลุ่มทำความเย็นทางเลือกซึ่งแน่นอนจะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากมีค่า OPD และ GWP ที่ต่ำ และยังมาในรูปแบบของกระป๋องที่พกพาได้ง่ายใช้งานสะดวก มาพร้อมกับหัววาล์วเปิดปิดน้ำยาแอร์ เหมาะสำหรับเครื่องปรับอากาศทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ส่วนข้อจำกัดของสารกลุ่มนี้คือเป็นสารไวไฟ อาจก่อให้เกิดไฟไหม้ได้หากมีจุดที่รั่วไหลของน้ำยาแอร์ ดังนั้นหากมีการใช้งานจะต้องสังเกตหาจุดรั่วซึมและซ่อมแซม


Photo Credit: Shopee

น้ำยาแอร์ R600A ยี่ห้อ KSP
น้ำยา R600A จัดว่าเป็นสารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับปานกลาง เนื่องจากเป็นการเป็นประเภทใหม่ที่ถูกพัฒนามาเพื่อตอบสนองด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจะนำไปใช้ได้กับเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศหลายประเภท และหลายขนาดด้วยกัน อีกทั้งมีวาล์วสำหรับเปิด-ปิดน้ำยาได้อย่างสะดวก  แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องการใช้งานเพราะเป็นสารที่ไวไฟจึงต้องมีการเก็บรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้หรือระเบิดขึ้นหากมีจุดรั่วซึมของน้ำยาแอร์


Photo Credit: Shopee

น้ำยาแอร์ R22 ยี่ห้อ Bitop
สำหรับน้ำยาแอร์น้ำยาแอร์ R22 ยี่ห้อ Bitop จะมีขนาด 1000 กรัม และมาพร้อมกับหัววาล์วซึ่งจะง่ายต่อการพกพาและก็ใช้งานง่าย หลายคนอาจจะมีปัญหาที่ไม่แน่ใจว่าแอร์ยี่ห้อไหนดีควรจะใช้น้ำยาแอร์แบบใด จะหมดปัญหาไปได้เลย เพราะน้ำยารุ่นนี้สามารถใช้กับเครื่องปรับอากาศได้หลายรุ่น ไม่มีพิษและไม่มีกลิ่น และที่สะดวกมากขึ้นคือสามารถเติมน้ำยาได้โดยไม่ต้องถ่ายน้ำยาเก่าออก เพียงแค่จะต้องเติมน้ำยาแอร์ให้พอดีกับสเปกของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งจะมีระบุไว้ในคู่มือ เนื่องจากการเติมน้ำยาแอร์ที่มากเกินที่กำหนดจะทำให้เกิด Over Charge ที่จะส่งผลให้ลมที่ออกมาไม่เย็นนั่นเอง


Photo Credit: Shopee

น้ำยาแอร์ R410A ยี่ห้อ AEKBOY2010
น้ำยาแอร์  R410A ขนาด 650 กรัม เป็นสารมีค่า ODP เป็นศูนย์และค่า GWP ที่ต่ำซึ่งจะทำความเย็นได้โดยที่จะไม่ทำลายชั้นบรรยากาศ สำหรับการเติมน้ำยาแอร์ชนิดนี้จะทำการถ่ายน้ำยาแอร์ตัวเดิมออกให้หมดก่อน เพื่อที่จะได้ให้น้ำยาแอร์ที่เติมเข้าไปมีสัดส่วนที่สมดุล และยังจะต้องมีการชั่งน้ำหนักของน้ำยาให้มีน้ำหนักที่เหมาะสมกับตัวเครื่องปรับอากาศอีกด้วย
สำหรับการเลือกใช้น้ำยาแอร์ยี่ห้อไหนดีนั้นสิ่งสำคัญในการเลือกใช้ในปัจจุบันนี้ก็คงจะเป็นในเรื่องของน้ำยาแอร์ที่จะต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด ไม่มีสารอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและมีการใช้งานง่าย ซึ่งสามารถจะใช้ได้กับเครื่องทำความเย็นหลายชนิดแต่ก็ยอมรับว่าน้ำยาแอร์แต่ละประเภทจะมีราคาที่แตกต่างกันนั่นเอง

อ้างอิงข้อมูล baanlaesuan / mybest

2

ใครว่าเป็นแม่ค้าออนไลน์แล้วจะสบาย? บอกเลยว่าไม่จริงอย่างแน่นอน! โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นก่อสร้างแบรนด์ที่แต่ละวันแทบจะหัวหมุนกันเลยทีเดียว เพราะไม่เพียงแต่ต้องอัปเดทสินค้าใหม่ๆ วางแผนการตลาด และจัดทำโปรโมชันเพียงเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดยิบย่อยอีกมากมายไม่ว่าจะเป็นการจัดการออเดอร์ การส่งของให้ลูกค้า การแจ้งเลขพัสดุ การเช็กจำนวนสินค้าในสต๊อก และการทำบัญชีต่างๆ ซึ่งภาระที่มากมายขนาดนี้นอกจากจะทำให้เหนื่อยแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการจัดการร้านค้าอีกด้วย ซึ่งถ้าหากใครอยากมีตัวช่วย วันนี้เรามี 3 ระบบหลังบ้าน ที่แม่ค้าออนไลน์ยุค 2021 ต้องมีมาบอกต่อกัน มาดูกันเลยว่าจะมีบริการไหนที่น่าสนใจบ้าง

1. ZORT

เริ่มต้นกันด้วย ZORT บริการระบบหลังบ้านตัวช่วยแม่ค้าออนไลน์แบบครบวงจร ที่ช่วยให้คุณสามารถบริหารระบบร้านค้าออนไลน์แบบมืออาชีพได้อย่างง่ายๆ ในที่เดียว ด้วยฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครัน เช่น ระบบจัดการออเดอร์ที่สามารถเชื่อมต่อได้กับทุกแพลตฟอร์ม Marketplace ไม่ว่าจะเป็น Lazada Shopee หรือ JD Central รวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ต้องกังวลว่าออเดอร์จะตกหล่นแม้จะมีออเดอร์เข้ามาเยอะ นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายทั้งการจัดการสต๊อก รายงานและบัญชี รวมถึงการส่งสินค้า ที่ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมลดค่าใช้จ่ายในเวลาเดียวกัน สำหรับใครที่สนใจตอนนี้ทาง Zort ยังมีบริการระบบหลังบ้านให้แม่ค้าออนไลน์ทดลองใช้งานได้ฟรี 15 วันทุกฟีเจอร์อีกด้วย

2. Fillgoods

ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการขายของออนไลน์อย่างแน่นอนกับ Fillgoods ระบบหลังบ้านสำหรับแม่ค้าออนไลน์ที่จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์และปัญหาที่ร้านค้าออนไลน์ต้องเจอเป็นประจำ จึงมั่นใจได้ว่าการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จะช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างตรงจุดอย่างแน่นอน โดยมีฟีเจอร์ที่น่าสนใจเริ่มตั้งแต่การจัดการคลังสินค้า การสร้างออเดอร์
การแพ็คออเดอร์ ไปจนถึงการขนส่งอย่างคล่องตัว โดยทาง Fillgoods เป็นพาร์ทเนอร์กับขนส่งชั้นนำของประเทศ เช่น ไปรษณีย์ไทย Flas Express และ Ninja Van จึงมั่นใจได้ว่าของไม่หายและถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็วอย่างแน่นอน

3. Shipnify

ปิดท้ายด้วย Shipnify ระบบหลังบ้านสำหรับแม่ค้าออนไลน์ที่จะช่วยให้คุณสนุกกับการขายมากยิ่งขึ้น โดยระบบถูกออกแบบมาเพื่อร้านค้าออนไลน์โดยเฉพาะ ด้วยตัวช่วยดูแลระบบหลังร้านที่ตอบโจทย์ครบวงจร ตั้งแต่การจัดออเดอร์พร้อมเก็บประวัติทั้งหมดอย่างเป็นระบบ การพิมพ์ชื่อ ที่อยู่ และใบเสร็จ รวมไปถึงการทำบัญชี และรายงานสถิติที่น่าสนใจ เรียกได้ว่าให้คุณเห็นภาพรวมของธุรกิจและช่วยให้ร้านของคุณเติบโตอย่างมั่นคง

3
ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาว่าจะลงขายบ้านเดี่ยวมือสองยังไงดี หลังจากที่หาเว็บไซต์สำหรับลงประกาศขายได้แล้วนั่นเอง หลายคนอาจจะกังวลอยู่ว่าควรที่จะต้องเตรียมตัวยังไงบ้างก่อนตัดสินใจลงประกาศขายให้ออกไว สิ่งสำคัญเลยก็คือเรื่องของข้อมูลที่ครบถ้วน ภาพชัดเจน เป็นต้น สำหรับใครที่ยังไม่เคยขายบ้านเดี่ยวมือสองมาก่อน วันนี้เราก็เลยจะพาทุกคนไปดูกันว่า มีรายละเอียดอะไรบ้างที่ต้องรู้ก่อนที่จะลงประกาศขาย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามมาดูกันเลยว่าจะมีรายละเอียดอะไรบ้าง


ข้อมูลของบ้านต้องครบถ้วน
รายละเอียดของข้อมูลในการประกาศขายบ้านเดี่ยวมือสองต้องครบถ้วน ทั้งรายละเอียดของเนื้อที่บ้าน พื้นที่ใช้สอย จำนวนห้องน้ำ จำนวนห้องนอน จำนวนชั้น ประตูทางเข้าออก ไปจนถึงเรื่องของเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ว่ามีการขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์หรือไม่ รวมไปถึงการบอกรายละเอียดของวัสดุที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ให้ครบ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจได้ว่าสนใจบ้านของคุณหรือไม่

ข้อมูลของผู้ติดต่อต้องชัดเจน
เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้สนใจ การบอกรายละเอียดของผู้ขายต้องชัดเจน ทั้งชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ไปจนถึงช่องทางการติดต่อต่างๆ อย่าง LINE ID หรือจะเป็น Facebook เป็นต้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเข้ามาหาคุณได้อย่างง่ายดาย และเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อได้มากที่สุด

แจ้งทำเลที่ตั้งให้ละเอียด
เรื่องของทำเลที่ตั้งของบ้านเดี่ยวมือสองก็ถือเป็นสิ่งสำคัญนั่นเอง เพราะว่าเรื่องของทำเลที่ตั้งจะส่งผลกับเรื่องของสถานที่ใกล้เคียง อย่างถนน ทางด่วน รถไฟฟ้า โรงเรียน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ไปจนถึงแหล่งอุปโภค บริโภค เป็นต้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า คุณ ในฐานะผู้ขาย จำเป็นจะต้องแจ้งที่ตั้งให้ชัดเจน ถ้าหากมีแผนที่ประกอบด้วย ก็ยิ่งดี

มีภาพประกอบของบ้าน
เรื่องของภาพประกอบของบ้านเดี่ยวมือสองก็คือสิ่งที่ควรจะต้องแจ้งเอาไว้ตั้งแต่แรก โดยไม่หมกเม็ดหรือซ่อนความเสียหายของบ้านเอาไว้ เพราะว่าผู้ซื้อหลายๆ คนอาจจะไม่สบายใจหากจะมีการย้อมแมวขาย หรือถูกซ่อนความเสียหายเอาไว้ก่อนทำการขาย นี่ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากก่อนที่จะตัดสินใจลงประกาศขายบ้านเดี่ยวมือสองนั่นเอง เพราะคงไม่มีใครที่อยากจะซื้อบ้านไปแต่ต้องมาซ่อมแซมเองจนเสียเงินมากกว่าเด่าอย่างแน่นอน

นอกจากรายละเอียดข้างต้นนี้ สิ่งที่จำเป็นจะต้องพิจารณาเลยก็คือเรื่องของเว็บไซต์ที่จะเลือกในการลงประกาศนั่นเอง ที่จะต้องเลือกเว็บที่มีความน่าเชื่อถือ มีผู้สนใจจำนวนมาก ประกาศที่ลงก็จะต้องมาพร้อมกับรายละเอียดที่ชัดเจน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการขายของคุณให้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง และสิ่งสำคัญเลยก็คือเรื่องของบทสนทนาและต้องปิดการขายให้ดีนั่นเอง

หน้า: [1]