1
เครื่องใช้ไฟฟ้า | Electric Equipment / เลือกน้ำยาแอร์ยี่ห้อไหนดี เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่มีวัตถุไวไฟ
« เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2022, 12:15:02 PM »น้ำยาแอร์หรือสารทำความเย็นเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบปรับอากาศและระบบทำความเย็นมาอย่างยาวนาน นอกเหนือจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงเกิดความท้าทายในอุตสาหกรรมการผลิตน้ำยาแอร์ให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้งานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งน้ำยาแอร์แต่ละประเภทล้วนมีคุณสมบัติทางเคมีที่ต่างกันและเหมาะสมกับเครื่องปรับอากาศที่แตกต่างกันไป
จะต้องเติมน้ำยาแอร์เมื่อไหร่
- เมื่อมีการติดตั้งแอร์สิ่งที่จำเป็นมาก ๆ ในการช่วยให้แอร์ทำงานได้โดยที่ยังมีอากาศที่เย็นฉ่ำอยู่เสมอก็คือน้ำยาแอร์ ซึ่งจะมีระยะเวลาการสังเกตว่าควรจะต้องเติมเมือไหร่ โดยเจ้าของบ้านก็สามารถจะเช็คได้ด้วยตัวเอง
เมื่อมีการติดตั้งแอร์ไม่ถึง 1 ปี ก็อาจจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องเติมน้ำยาแอร์ ยกเว้นหากมีกรณีที่มีการรั่วซึม ซึ่งก็จะต้องมีการแก้ไขจุดที่รั่วนั้นด้วย เพื่อที่จะเป็นการซ่อมบำรุงและสามารถที่จะใช้งานได้นานเป็นปกติต่อการเติมน้ำยาแอร์แต่ละครั้ง
- แอร์ที่มีการติดตั้งมาแล้วมากว่า 1 ปีเมื่อมีการใช้งานมากขึ้น อาจจะมีการรั่วซึมเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมีการเติมน้ำยาแอร์บ่อย ก็อาจจะต้องมีการหาจุดที่รั่วซึมเพื่อช่วยให้การใช้งานในแต่ละครั้งที่เติมน้ำยาแอร์มีการใช้งานได้นาน ทำให้ไม่สิ้นเปลืองได้อีกด้วย
- แอร์ที่มีมีการติดตั้งมาแล้วมากกว่า 5 ปี แน่นอนว่าเมื่อมีการใช้งานนานมากขึ้น จะต้องมีการรั่วซึมหรือปริมาณการเติมน้ำยาแอร์จะถี่ขึ้น ซึ่งก็อาจจะกลายเป็นเรื่องปกติ แต่หากแอร์ไม่มีความเย็นเลยก็อาจจะต้องเช็คอย่างละเอียดอีกครั้ง
วิธีการเลือกน้ำยาแอร์
การเลือกน้ำยาแอร์มีข้อพิจารณาอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นประเภทของน้ำยาแอร์ สเปกของเครื่องปรับอากาศ รวมถึงองค์ประกอบทางเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยผู้ใช้งานควรศึกษาและทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ให้ดีก่อนซื้อเพื่อให้ได้น้ำยาแอร์ที่เหมาะสมที่สุด
น้ำยาแอร์แบ่งออกเป็น 3 ประเภทให้เลือกใช้
ปัจจุบันจะมีน้ำยาแอร์ให้ได้เลือกใช้กันหลากหลาย และยังมีการคิดค้นและพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้ใช้งานและเพื่อที่จะช่วยให้ระบบของเครื่องปรับอากาศได้มีประสิทธิภาพในการทำงานได้มากขึ้น อีกทั้งยังสามารถจะยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นไปอีกด้วยโดยน้ำยาแอร์จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. R22 จะมีคุณสมบัติพิเศษ คือไม่มีพิษ ไม่มีกลิ่น และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เรียกได้ว่าเป็นน้ำยาที่นิยมใช้เติมในเครื่องปรับอากาศในปัจจุบันเป็นหลัก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดตรงที่เป็นสารที่จะทำลายโอโซนในอากาศมากกว่า R410A และ R32 และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกอยู่ในทุกวันนี้
2. R410A เป็นน้ำยาแอร์ที่มีการคิดค้นมาเพื่อนำมาทดแทน R22 ซึ่งก็จะต้องมีข้อดีคือช่วยประหยัดพลังงานและลดการเกิดก๊าซเรือนกระจก แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่จะราคาที่สูงกว่า R22 และในกรณีที่จะต้องมีการเติมน้ำยา จะต้องถ่ายน้ำยาเก่าออกให้หมดก่อนจึงจะสามารถเติมน้ำยาแอร์ใหม่เข้าไปได้
3. R32 สำหรับน้ำยาแอร์ตัวนี้จำไม่ทำลายชั้นโอโซน และกรณีที่จะต้องมีการเติมน้ำยาก็สามารถจะเติมเข้าไปได้เลยโดยที่ไม่ต้องมีการถ่ายน้ำยาเก่าออก และยังช่วยประหยัดพลังงานจึงเหมาะที่จะใช้กับแอร์บ้านที่มีขนาดเล็กต่ำกว่า 24000 บีทียู แต่ก็ยังมีราคาแพงกว่าน้ำยาแอร์ชนิด R22 ส่วนข้อจำกัดคือ มีราคาสูงกว่าสารทำความเย็นชนิด R22
เลือกจากระบบของแอร์
การเลือกน้ำยาให้เหมาะสมกับเครื่องปรับอากาศเป็นอีกเงื่อนไขที่สำคัญในการเลือกซื้อ เนื่องจากการเติมน้ำยาแอร์คนละประเภทจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ได้ โดยระบบแอร์ในปัจจุบันมีการใช้ประเภทน้ำยาแอร์ที่หลากหลายตามรายละเอียด ดังนี้
1. แอร์ Fix Speed คือ เครื่องปรับอากาศที่มีการทำความเย็นแบบเต็มกำลัง โดยจะทำความเย็นตามที่เรากำหนดอุณหภูมิไว้แบบเต็มกำลัง และตัดการทำงานเมื่อความเย็นภายในห้องเท่ากับที่เรากำหนดไว้ ข้อจำกัดของระบบแบบนี้คือคอมเพรซเซอร์ต้องทำงานบ่อย ๆ อุณหภูมิภายในห้องที่ไม่คงที่ และระบบที่ส่งเสียงดังขณะทำงาน ซึ่งแอร์ประเภทนี้สามารถเลือกประเภทน้ำยาแอร์ตามคุณสมบัติของรุ่นนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น R22 R410A หรือ R32
2. แอร์ Inverter คือ เครื่องปรับอากาศที่ทำความเย็นอย่างสม่ำเสมอ โดยคอมเพรสเซอร์สามารถปรับระดับการทำงานให้สอดคล้องกับอุณหภูมิได้ เมื่ออุณหภูมิภายในห้องมีความเย็นถึงอุณหภูมิที่เราตั้งแล้ว คอมเพรสเซอร์จะไม่ตัดการทำงานแต่จะรักษาความเย็นคงที่อย่างสม่ำเสมอ จึงไม่ต้องเริ่มการทำงานใหม่ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานได้เป็นอย่างดี โดยแอร์ประเภทนี้มักจะใช้น้ำยาแอร์ประเภท R32 ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย
เลือกน้ำยาแอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
น้ำยาแอร์ที่สามารถจะแบ่งออกตามประเภทของสารเคมีจะมีด้วยกัน 4 ประเภท โดยในแต่ละประเภทจะมีผลทางเคมีต่อสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน
1. คลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC) จะมีคลอรีนเป็นส่วนประกอบหลักซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแน่นอน โดยประเภทน้ำยาแอร์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ R11 R12 และ R115
2. ไฮโดรคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (HCFC) เป็นสารที่ถูกนำมาใช้ทดแทนกลุ่ม CFC โดย HCFCs มีคลอรีนน้อยกว่า CFCs ก็จริงแต่ก็ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ โดยประเภทน้ำยาแอร์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ ได้แก่ R22 R123 และ R124
3. ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFC) ถูกนำมาใช้ทดแทนสารทำความเย็นแบบที่มีคลอลีนและมีการใช้งานกันมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากไม่มีคลอรีนและไม่เป็นอันตรายต่อชั้นบรรยากาศ ประเภทน้ำยาแอร์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ เช่น R32 R125 R404A A407C R410A เป็นต้น
4. ไฮโดรคาร์บอน (HC) อยู่ในกลุ่มทางเลือก ซึ่งไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่จะเป็นสารไวไฟและมีอันตราย หากมีการรั่วไหล อาจจะเกิดไฟไหม้ หรือมีการระเบิดขึ้นได้โดยน้ำยาแอร์ที่อยู่ในกลุ่มนี้ เช่น R290 R600a เป็นต้น
วิธีล้างแอร์ด้วยตัวเอง
การล้างแอร์ด้วยตัวเองจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแต่จะต้องเตรียมอุปกรณ์หรือเครื่องมือให้พร้อม โดยสิ่งที่จะต้องเตรียมก็จะมี ไขควง ปืนฉีดน้ำแบบสั้นและสายต่อ สายยาง โบลวเวอร์ ถุงพลาสติกหรือแผ่นผ้าใบ ถังพลาสติก ให้พร้อม
ขั้นตอนกับวิธีล้างแอร์ด้วยตัวเอง
1. ก่อนอื่นให้ทำการเปิดหน้ากากแอร์ออกก่อน จากนั้นให้ดึงแผ่นกรองอากาศออกมาเพื่อล้าง
2. ให้ทำการขันสกรูที่ยึดตัวรับสัญญาณรีโมตคอนโทรลเครื่องปรับอาการออกจากหน้ากากแอร์
3. จากนั้นขันสกรูที่ยึดหน้ากากแอร์ และค่อยๆ ถอดออกมาและถอดฝาครอบกลางออก
4. ให้ทำการขันสกรูที่ล็อคถาดน้ำทิ้ง และถอดมอเตอร์สวิงออกและดึงถาดน้ำทิ้งดึงออกมาทำความสะอาด
5. จากนั้นจึงถอดแผ่นเกล็ดกระจายลมและปิดฝาครอบวงจรไฟฟ้าและใช้ถุงพลาสติกครอบให้มิดชิด
6. ทำการขึงผ้าใบคลุมใต้แอร์ให้พาดลงมาในถังพลาสติก เพื่อไม่ให้น้ำที่ล้างแอร์ไหลลงพื้นหนือกระเด็นขึ้นกำแพง
7. จากนั้นให้ทำการฉีดล้างด้วยปั๊มน้ำแรงดันสูงให้ทั่วแผงคอยล์เย็น จากนั้นใช้โบลวเวอร์เป่าแผงคอยล์และแผงไฟฟ้าให้แห้งสนิท
8. จากนั้นให้ฉีดน้ำล้างและใช้แปรงกับผงซักฟอกขัดแผ่นกรองอากาศ ถาดน้ำทิ้ง หน้ากากฝาครอบกลางและแผ่นเกร็ดกระจายลม จากนั้นเป่าให้แห้ง
9. นำชิ้นส่วนทั้งหมดมาประกอบกลับเข้าที่ จนครบ และกลับไปฉีดล้างคอยล์ร้อน (Condensing Unit) ให้สะอาดโดยไม่ต้องถอดชิ้นส่วนออก
10. เมื่อล้างเสร็จเรียบร้อย ก็ให้ลองเปิดแอร์เพื่อทดสอบว่าระบบต่างๆ ยังทำงานแกติหรือไม่ โดยให้เปิดแอร์ทิ้งไว้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
สิ่งที่จะต้องระวังอย่างมาก ในกรณีที่มีการล้างแอร์ด้วยตัวเอง หรือแม้แต่ช่างผู้เชี่ยวชาญ ก็จะต้องมีการสับคัทเอาท์เพื่อตัดไฟก่อน เป็นการป้องกันการโดนไฟดูด ไฟช๊อตนั่นเอง
Photo Credit: Shopee
น้ำยาแอร์ R600a ยี่ห้อ Veolet
สำหรับน้ำยาแอร์ Veolet ประเภท R600a จัดอยู่ในกลุ่มไฮโดรคาร์บอน เป็นองค์ประกอบที่ไม่ทำลายชั้นโอโซนและยังปราศจากสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยจะมาในรูปแบบของกระป๋องขนาด 480 กรัมพกพาได้สะดวกสำหรับ ช่างที่ต้องการพกพาไปติดตั้งนอกสถานที่ พร้อมทั้งวาล์วเปิด-ปิด ซึ่งจะเหมาะสำหรับใช้เติมในครั้งเดียว ทั้งนี้การเติมน้ำยาควรจะต้องมีการชั่งน้ำหนักปริมาณน้ำยาก่อนเติมอยู่เสมอเพื่อให้ได้ปริมาณที่เหมาะสมกับสเปกของเครื่องปรับอากาศด้วยนั่นเอง
Photo Credit: Shopee
น้ำยาแอร์ R32 ยี่ห้อ SP
น้ำยาแอร์ R32 ยี่ห้อ SP เป็นแบบถังขนาด 3 กิโลกรัมจะเป็นน้ำยาแอร์เกรดพรีเมียมที่ผ่านการรับรองด้านคุณภาพว่าเป็นสารทำความเย็นที่มีความบริสุทธิ์ถึง 99.9% อีกทั้งยังมีการควบคุมคุณภาพในกระบวนการผลิตเป็นอย่างดี และยังสามารถจะนำไปใช้กับอุปกรณ์ทำความเย็นได้หลากหลาย ทั้งเครื่องปรับอากาศในบ้าน ตู้เย็นต่าง ๆ หลากหลายขนาด แอร์รถยนต์ เป็นต้น และที่สำคัญยังเป็นน้ำยาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศที่เป็นต้นเหตุของภาวะโลกร้อน
Photo Credit: Shopee
น้ำยาแอร์ R410A ยี่ห้อ DBB
น้ำยาแอร์ R410A ยี่ห้อ DBB จะมาในขนาด 3 กิโลกรัม จุดเด่นของน้ำยาประเภทนี้คือค่า ODP เป็นศูนย์ที่เป็นสาเหตุการทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศก็จริง แต่ยังมีค่า GWP ที่สูงพอที่จะมีโอกาสที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้ และยังมีข้อจำกัดในการเติมน้ำยาซึ่งจะต้องมีการถ่ายน้ำยาแอร์เก่าออกให้หมดก่อนจึงจะเติมน้ำยาแอร์ใหม่เพิ่มเข้าไปได้ อาจจะมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและยังจะทำให้เสียเวลาพอสมควรหากเทียบกับน้ำยาแอร์ยี่ห้อื่น
Photo Credit: Shopee
น้ำยาแอร์ R404A ยี่ห้อ Orafon
น้ำยาแอร์ R404A ยี่ห้อ Orafon อยู่ในกลุ่มไฮโดรฟลูออโรคาร์บอนที่มาแทนน้ำยาแอร์กลุ่มไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน ซึ่งเป็นน้ำยาแอร์ที่ปราศจากคลอรีนและแน่นอนจะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนกับน้ำยาแอร์ R410A สามารถใช้งานได้หลากหลายทั้งเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นหลายขนาด น้ำยาจะถูกบรรจุอยู่ในถังขนาด 10 กิโลกรัม หากใช้เติมกับเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กสามารถเติมได้หลายครั้ง และเพียงพอต่อการเติม 1 ครั้งสำหรับเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่
Photo Credit: Shopee
น้ำยาแอร์ R290 ยี่ห้อ BPI
สำหรับน้ำยาแอร์ R290 ยี่ห้อ BPI จัดเป็นกลุ่มไฮโดรคาร์บอนอยู่ในกลุ่มทำความเย็นทางเลือกซึ่งแน่นอนจะต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากมีค่า OPD และ GWP ที่ต่ำ และยังมาในรูปแบบของกระป๋องที่พกพาได้ง่ายใช้งานสะดวก มาพร้อมกับหัววาล์วเปิดปิดน้ำยาแอร์ เหมาะสำหรับเครื่องปรับอากาศทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ส่วนข้อจำกัดของสารกลุ่มนี้คือเป็นสารไวไฟ อาจก่อให้เกิดไฟไหม้ได้หากมีจุดที่รั่วไหลของน้ำยาแอร์ ดังนั้นหากมีการใช้งานจะต้องสังเกตหาจุดรั่วซึมและซ่อมแซม
Photo Credit: Shopee
น้ำยาแอร์ R600A ยี่ห้อ KSP
น้ำยา R600A จัดว่าเป็นสารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับปานกลาง เนื่องจากเป็นการเป็นประเภทใหม่ที่ถูกพัฒนามาเพื่อตอบสนองด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก อีกทั้งยังสามารถจะนำไปใช้ได้กับเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศหลายประเภท และหลายขนาดด้วยกัน อีกทั้งมีวาล์วสำหรับเปิด-ปิดน้ำยาได้อย่างสะดวก แต่ก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่องการใช้งานเพราะเป็นสารที่ไวไฟจึงต้องมีการเก็บรักษาอย่างเหมาะสม รวมถึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้หรือระเบิดขึ้นหากมีจุดรั่วซึมของน้ำยาแอร์
Photo Credit: Shopee
น้ำยาแอร์ R22 ยี่ห้อ Bitop
สำหรับน้ำยาแอร์น้ำยาแอร์ R22 ยี่ห้อ Bitop จะมีขนาด 1000 กรัม และมาพร้อมกับหัววาล์วซึ่งจะง่ายต่อการพกพาและก็ใช้งานง่าย หลายคนอาจจะมีปัญหาที่ไม่แน่ใจว่าแอร์ยี่ห้อไหนดีควรจะใช้น้ำยาแอร์แบบใด จะหมดปัญหาไปได้เลย เพราะน้ำยารุ่นนี้สามารถใช้กับเครื่องปรับอากาศได้หลายรุ่น ไม่มีพิษและไม่มีกลิ่น และที่สะดวกมากขึ้นคือสามารถเติมน้ำยาได้โดยไม่ต้องถ่ายน้ำยาเก่าออก เพียงแค่จะต้องเติมน้ำยาแอร์ให้พอดีกับสเปกของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งจะมีระบุไว้ในคู่มือ เนื่องจากการเติมน้ำยาแอร์ที่มากเกินที่กำหนดจะทำให้เกิด Over Charge ที่จะส่งผลให้ลมที่ออกมาไม่เย็นนั่นเอง
Photo Credit: Shopee
น้ำยาแอร์ R410A ยี่ห้อ AEKBOY2010
น้ำยาแอร์ R410A ขนาด 650 กรัม เป็นสารมีค่า ODP เป็นศูนย์และค่า GWP ที่ต่ำซึ่งจะทำความเย็นได้โดยที่จะไม่ทำลายชั้นบรรยากาศ สำหรับการเติมน้ำยาแอร์ชนิดนี้จะทำการถ่ายน้ำยาแอร์ตัวเดิมออกให้หมดก่อน เพื่อที่จะได้ให้น้ำยาแอร์ที่เติมเข้าไปมีสัดส่วนที่สมดุล และยังจะต้องมีการชั่งน้ำหนักของน้ำยาให้มีน้ำหนักที่เหมาะสมกับตัวเครื่องปรับอากาศอีกด้วย
สำหรับการเลือกใช้น้ำยาแอร์ยี่ห้อไหนดีนั้นสิ่งสำคัญในการเลือกใช้ในปัจจุบันนี้ก็คงจะเป็นในเรื่องของน้ำยาแอร์ที่จะต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด ไม่มีสารอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและมีการใช้งานง่าย ซึ่งสามารถจะใช้ได้กับเครื่องทำความเย็นหลายชนิดแต่ก็ยอมรับว่าน้ำยาแอร์แต่ละประเภทจะมีราคาที่แตกต่างกันนั่นเอง
อ้างอิงข้อมูล baanlaesuan / mybest