กระบวนการทำ SEO on-page และ off-page เป็นวิธีพื้นฐานในการทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับ แต่ก็มีคนทำเว็บไซต์จำนวนไม่น้อยที่พบว่าเว็บไซต์ไม่สามารถเลื่อนอันดับได้แม้ว่าจะพยายามฝากลิงก์หรือจัดระบบภายในเว็บไซต์ โดยการทำ Search Engine Optimization ให้สำเร็จนั้นประกอบไปด้วย
1. on-page seo เป็นการจัดระบบภายในเว็บไซต์ที่ควบคุมได้ด้วยเจ้าของเว็บไซต์เอง โดยเริ่มตั้งแต่การตั้งชื่อเว็บไซต์ การตั้งชื่อบทความ การเขียนคำอธิบายเว็บไซต์ (meta tag seo) การเขียนบทความ การตั้งชื่อไฟล์ภาพ ซึ่งทั้งหมดต้องมีการแทรก Keyword ที่มีจำนวนกลุ่มเป้าหมายในปริมาณมากแต่การแข่งขันน้อย
2. seo off – page เป็นการทำให้เว็บไซต์มีปริมาณการเข้าถึงเพิ่มสูงขึ้น โดยการทำ backlink (การฝากลิงก์บนเว็บไซต์อื่นที่มีเนื้อหาหรือเป็นเว็บไซต์ประเภทเดียวกัน)
- ส่วนหนึ่งของปัญหาเว็บไซต์ไม่สามารถเลื่อนอันดับเพื่อขึ้นสู่หน้าแรกบน Search Engine ได้เป็นเพราะมองข้ามความสำคัญของการ เช็คความเร็วเว็บ (คลืกดูเพิ่มเติมที่:
https://www.iprospect-th.com/digital-knowledge/4-ways-to-check-page-load-speed/) เนื่องจากการแสดงผลเว็บไซต์ที่รวดเร็วย่อมลดการกดออกจากเว็บไซต์ได้มากกว่าโดยวิธี ทดสอบความเร็วเว็บ สามารถทำได้ 3 วิธี ดังนี้
1. Thai Web Speed Test เป็นเว็บไซต์ที่บอกถึงระยะเวลาที่ใช้ในการแสดงผลข้อมูล เพราะสามารถบอกถึงระยะเวลาในการแสดงผลขององค์ประกอบทั้งหมดบนหน้าเว็บไซต์ได้และใช้งานง่าย
2. Google PageSpeed Insights เป็นเครื่องมือเช็กความเร็วของเว็บไซต์ที่ได้มาตรฐานเพราะถูกพัฒนาโดย Search Engine ระดับโลก ซึ่งจะแสดงรายละเอียดเป็นภาษาไทยทำให้ง่ายต่อการนำไปปรับแก้เว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และบอกระยะเวลาในการแสดงผลบนสมาร์ทโฟนได้ด้วย
3. Google Chrome Audits เป็นปลั๊กอินที่ช่วยบอกระยะเวลาของ pagespeed ได้เหมือนกับ Google PageSpeed Insights และยังอธิบายการปรับคอนเทนต์และแนะนำการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยสามารถติดตั้งปลั๊กอินนี้ผ่าน Chrome browser เวอร์ชัน 6.0 ขึ้นไป
หากทำ Search Engine on – page และหมั่นตรวจสอบความเร็วในการแสดงผลของหน้าเว็บไซต์ผ่านเครื่องมือทดสอบความเร็วเว็บเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งอยู่เสมอ การติดอันดับบนหน้าแรกของ Search Engine ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
|
โปรโมชั่นแฟรนไชส์
| ร้านหนังสือออนไลน์
| สนใจลงโฆษณา
0 ตอบ
728 อ่าน
แชร์