เมื่อต้องการกู้เงินเพื่อที่จะซื้อบ้านกับสถาบันการเงินต่าง ๆ สิ่งที่ตามมาอย่างขาดเสียไม่ได้ก็คือเรื่องของดอกเบี้ย โดยการขอสินเชื่อเพื่อทำการซื้อโครงการบ้านนั้นมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่แตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของผู้กู้แต่ละคน ซึ่งหลายคนอาจประสบกับปัญหาที่ไม่เข้าใจในคำศัพท์เกี่ยวข้องที่มีอยู่มากมาย แต่ในวันนี้เราจะขอนำเสนอ 3 คำศัพท์ที่ต้องพบบ่อย ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการที่จะขอสินเชื่อเพื่อทำการซื้อโครงการบ้านเดี่ยวหรือโครงการบ้านจัดสรรแบบอื่น ๆ มาดูกันว่าความหมายของดอกเบี้ยแบบ mrr, mlr และ mor คือ อะไร?
- Minimum Overdraft Rate หรือ mor คืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ ที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี ซึ่งการกู้เงินประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการกู้เงินระยะสั้น เพื่อให้เกิดสภาพคล่องทางเศรษฐกิจ แต่ทางธนาคารอาจกำหนดสินเชื่อที่ใช้
mor คืออัตราอ้างอิงได้ เช่น สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการจัดสรรที่ดินพร้อมอาคาร เป็นต้น
- Minimum Loan Rate หรือ mlr คืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารกำหนดเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี โดยต้องมีประวัติทางการเงินดี และมีหลักทรัพย์ที่ใช้ในการค้ำประกันมากพอ ส่วนมากจะใช้กับการขอสินเชื่อระยะยาวที่มีกำหนดเวลาแน่นอน เช่น สินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ เป็นต้น แต่ในบางครั้งธนาคารอาจกำหนดให้ mlr คืออัตราอ้างอิงสำหรับผู้กู้ทั่วไปที่ไม่ใช่รายใหญ่ แต่ต้องเป็นการกู้ที่เป็นระยะยาวและมีกำหนดเวลาแน่นอนเช่นเดียวกัน
- Minimum Retail Rate หรือ mrr คืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำ ที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี ซึ่ง mrr คืออัตราดอกเบี้ยที่ผู้กู้เพื่อซื้อบ้านใหม่ ส่วนใหญ่จะถูกกำหนดให้ใช้เป็นอัตราอ้างอิงโดยธนาคาร ซึ่งนอกจากสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านจัดสรรแล้ว หลาย ๆ ธนาคารยังกำหนดให้ mrr คือ อัตราอ้างอิงในสินเชื่อประเภทอื่นที่เป็นการกู้แบบชำระเงินต้นจนหมด โดยไม่มีกำหนดเวลาแน่นอนอีกด้วย เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อบุคคล เป็นต้น อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ mrr คืออะไร คลิกที่นี่เลย
https://www.sansiri.com/thai/คำแนะนำ/3-คำศัพท์ดอกเบี้ยบ้าน เมื่อเทียบกันในอัตราดอกเบี้ยแต่ละแบบ
mlr คืออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุด เพิ่มขึ้นมาก็คือดอกเบี้ย mor เพราะคิดจากการกู้ของผู้กู้รายใหญ่ ซึ่งธนาคารนั้นถือว่าดอกเบี้ยกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่ำ และดอกเบี้ยแบบ mrr นั้นมีอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุด เนื่องจากผู้กู้รายย่อยนั้นถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงที่มากกว่า โดยในการคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในแต่ละครั้ง ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในรูปของเปอร์เซนต์ที่ลดลงของ mrr หรือ mlr เช่น mrr-2% และ mlr-1.5% เป็นต้น โดยจะต้องนำค่า mrr หรือ mlr ของแต่ละธนาคารมาลบออกด้วย เพื่อที่จะเห็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ชัดเจนมากขึ้น