ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ยาปรับฮอร์โมน กินแล้วผิวใส ไม่อ้วน? เรื่องต้องรู้สำหรับสาวมือใหม่

โลกแห่งความทันสมัย สิ่งต่าง ๆ ก็ถูกพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ อย่างเรื่องของยาคุมกำเนิดที่ไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดเท่านั้น แต่ยังพัฒนาสูตรเป็นยาคุมปรับฮอร์โมนให้คุณสาว ๆ มือใหม่ได้ใช้โดยปราศจากความกังวลถึงผลข้างเคียงอย่างที่เคยเป็นมา บ้างก็เชื่อว่ากินยาคุมแล้วจะทำให้อ้วน หรือแพ้ยาคุมจนสิวเห่อเต็มหน้า ล่าสุดเราได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ ยาปรับฮอร์โมน นี้ว่าแท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ทำไมจึงกลายเป็นกระแสความเชื่อเรื่องยาคุมช่วยหน้าใส แถมยังไม่อ้วนอีกต่างหาก แน่นอนว่าเป็นเรื่องต้องรู้สำหรับคุณสาว ๆ มือใหม่ ซึ่งข้อเท็จจริงที่น่ารู้ของ ยาปรับฮอร์โมน มีดังต่อไปนี้
1)   ยาคุมปรับฮอร์โมนต่ำที่ช่วยให้หน้าใส ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ลดผิวมัน สาเหตุของการเกิดสิว และไม่ทำให้อ้วน ปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาโดยเภสัชกรเป็นผู้จำหน่าย มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ แต่ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหน นำเข้าจากประเทศใด ให้สังเกตที่สัดส่วนของยา นั่นคือ EE หรือ Ethinyl estradiol (ฮอร์โมนเอสโตรเจน) ในปริมาณ 30 mcg บวกกับ Drospirenone 3 mg ในปริมาณที่เท่ากันทุกเม็ด ส่วนใหญ่จะมี 21 เม็ด นอกจากจะช่วยลดในเรื่องสิวฮอร์โมนแล้ว ยังช่วยทำให้ไม่บวมน้ำอีกด้วย
2)   หากคุณสาว ๆ รู้จัก วิธีกินยาคุม โดยกินอย่างถูกต้องสม่ำเสมอก็จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้สูงถึง 99.7 เปอร์เซ็นต์ แต่หากไม่ปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง โอกาสที่จะตั้งครรภ์เพราะความผิดพลาดในการกินยาคุม มีความเป็นไปได้ตั้งแต่ 0.03 จนถึง 9 เปอร์เซ็นต์
3)   ยาคุมปรับฮอร์โมน ชนิดฮอร์โมนไม่เท่ากัน อาจแบ่งการทำงานต่างกันเป็น 2-3 ระยะใน 1 แผง เช่น ยาคุมชนิด 2 ระยะประกอบด้วยฮอร์โมนโปรเจสตินและเอสโตรเจนในปริมาณที่ต่างกัน เพื่อเลียนแบบกระบวนการหลั่งฮอร์โมนที่แตกต่างกันในช่วงแรกของการมีรอบเดือนที่ปริมาณเอสโตรเจนจะสูงกว่าโปรเจสเตอโรน และในช่วงท้ายของการมีรอบเดือน ปริมาณเอสโตรเจนจะต่ำกว่าโปรเจสเตอโรน โดยทำเป็น 2 สี จำนวน 7 เม็ด หรือ 15 เม็ด เป็นต้น สำหรับยาคุมชนิด 3 ระยะ แบ่งเป็นสีเลียนแบบปริมาณฮอร์โมนตามระยะของการหลั่งของร่างกาย โดยจะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำใน 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงแรกและช่วงท้ายของการมีประจำเดือน แต่ในช่วงกลางนั้นปริมาณเอสโตรเจนจะเพิ่มมากที่สุด ซึ่ง วิธีกินยาคุม โดยการไล่กินทีละสีเรียงกันไปตั้งแต่วันแรกของการมีรอบเดือน เช่น ยาคุมมี 3 สี จำนวนสีแรก 6 เม็ด สีที่สอง 5 เม็ด และสีที่3 จำนวน 10 เม็ด รวมทั้งสิ้น 1 แผงจะมี 21 เม็ด ทั้งนี้ สาว ๆ หลายท่านมักสงสัยว่าจะต้องเลือก ยาคุมยี่ห้อไหนดี ก็สามารถปรึกษากับเภสัชกรเพิ่มเติมในรายละเอียดได้ เพราะแต่ละคนก็มีปัจจัยและความต้องการเรื่องการคุมกำเนิดที่ต่างกันไป
4)   ปริมาณฮอร์โมนที่ปรับลดลง มีส่วนช่วยในการลดการกระตุ้นการผลิตไขมันที่ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ ทั้งยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย โดยเฉพาะความอวบอิ่มเปล่งปลั่ง ค่อนไปทางอ้วน ซึ่งเกิดจากกลไกการสะสมน้ำและอาหารของร่างกายตามธรรมชาติ เพื่อเตรียมพร้อมตัวในการเป็นเพศแม่ผู้ให้กำเนิด แต่หากไม่มีการปฏิสนธิ ปริมาณสะสมต่าง ๆ เหล่านี้ก็จะกลับคืนสู่สภาวะปกติ แต่ในกรณีที่แพ้ยาคุมที่มีฮอร์โมนในระดับสูง ก็อาจพบอาการบวมน้ำเกิดขึ้นได้ และจะลดหายไปเองตามกลไกการปรับสมดุลของร่างกาย
อย่างไรก็ตาม เรื่องน่ารู้ที่นำมาฝากเหล่านี้เป็นเพียงข้อมูลประกอบการพิจารณาเท่านั้น เพราะแต่ละท่านแต่ละตัวยาก็ย่อมมีความต้องการในผลลัพธ์ที่ต่างกันไป แต่ข้อสำคัญ ควรต้องปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนการซื้อมารับประทาน โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวและมีความเสี่ยง ต้องอ่านรายละเอียดและกินยาคุมให้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงสุด
สามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://www.girlsallaround.com/ee30d-birth-control-pills-for-bright-face/