ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ฉีดโบท็อกไมเกรน แนวทางใหม่ในการรักษาไมเกรนที่เห็นผลจริง

โบท็อกไมเกรน

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเจอปัญหาอาการปวดหัวเพราะไมเกรนอย่างต่อเนื่อง รักษาอย่างไรก็ไม่หาย เราขอแนะนำอีกหนึ่งทางเลือก นั่นคือ การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน แล้วโบท็อกไมเกรนคืออะไร มีวิธีการฉีดอย่างไร มีความปลอดภัยหรือมีผลข้างเคียงที่จะตามมาหรือไม่ วันนี้ เรารวบรวมข้อมูลและสถานพยาบาลดี ๆ มาแนะนำให้คุณแล้ว

ฉีดโบท็อกไมเกรนแล้ว มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
สำหรับการฉีดโบท็อกไมเกรนจะมีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย และมีความปลอดภัยสูง เพราะ Botulinum toxin ไมเกรน ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาและองค์การอาหารและยาของไทย ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกาย แต่ในบางรายก็อาจจะเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น
  • อาการบวมแดง มีจุดรอยช้ำหรือรอยนูนจากเข็ม อาการจะหายไปใน 1-2 วัน
  • อาการบวมแดงอันเกิดจากการแพ้ เจ็บบริเวณที่ฉีด หรือการติดเชื้อ
  • ผลข้างเคียงลักษณะแบบชั่วคราว เช่น หนังตาตก รูปหน้าเบี้ยว เป็นต้น

แต่กรณีดังกล่าว ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ถ้าหากใช้โบท็อกไมเกรนที่เป็นของแท้ ฉีดถูกตำแหน่ง และรับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ก็สามารถมั่นใจได้ว่า ปลอดภัยและลดโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงเหล่านี้ได้

เราควรเลือกฉีดโบท็อกไมเกรนที่ไหนดี

โรงงานผลิตครีมทาผิว

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะฉีดโบท็อกไมเกรนแล้ว คำถามถัดมา คือ รักษาไมเกรนที่ไหนดี เราได้สรุปแนวทางการเลือกไว้ ดังนี้
1.สถานพยาบาลต้องได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ ภายในสถานพยาบาลมีความสะอาด ครบครันด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ บรรยากาศรอบ ๆ มีความปลอดภัย และที่สำคัญ จะต้องสามารถเดินทางได้สะดวก
2.แพทย์จะต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพราะการฉีดโบท็อกไมเกรน เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และเฉพาะจุด ดังนั้น แพทย์จึงต้องมีความเชี่ยวชาญและแม่นยำในการรักษา
3.ใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกที่เป็นของแท้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับการรักษา

โดยเราขอแนะนำ BTX Migraine Center ซึ่งเป็นศูนย์รักษาไมเกรนโดยแพทย์เฉพาะทาง ที่รักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางระบบสมอง ช่วยรักษาไมเกรนเรื้อรัง อาการออฟฟิศซินโดรม ลดอาการปวดและการใช้ยารับประทานได้กว่า 90%

ซึ่งทาง BTX Migraine Center ให้บริการอย่างรอบด้าน ทั้งตรวจไมเกรน รักษาไมเกรน โบท็อกไมเกรน และโบท็อกออฟฟิศซินโดรม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบท็อกไมเกรน ราคาที่สมเหตุสมผล และการันตีด้วยรีวิวของผู้ที่เข้ารับการรักษาจริง ว่ามีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แล้วโบท็อกไมเกรน คืออะไร?

 โบท็อกไมเกรน คืออะไร

ก่อนอื่น เราต้องมาทำความรู้จักเกี่ยวกับโรคไมเกรนกันก่อน ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อย ซึ่งสามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยจะพบมากในเพศหญิง โดยเฉพาะช่วงอายุ 25 – 55 ปี และเมื่อเข้ารับการตรวจไมเกรน ก็มักได้รับการวินิจฉัยที่ผิดพลาด

ไมเกรนจะมีอาการคล้ายปวดหัวทั่ว ๆ ไป มีลักษณะเหมือนมีอะไรมาบีบ หรือว่ามากดมารัดบริเวณรอบ ๆ เบ้าตา ขมับ 2 ข้างไปจนถึงท้ายทอย โดยบางรายก็จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ไม่อยากเห็นแสงจ้า และไม่อยากได้ยินเสียงดัง ส่วนบางคนอาจมีอาการปวดบ่อยครั้งขึ้น รุนแรงขึ้น และยาวนานขึ้น จนกลายเป็นอาการ “ปวดหัวเรื้อรัง” ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น นอนไม่หลับ ขับรถหรือทำงานไม่ได้ เป็นต้น

แต่บางครั้งอาการปวดหัวที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ใช่อาการไมเกรน แต่อาจเป็นอาการปวดหัวจากโรคอื่น เช่น มีเนื้องอกซ่อนอยู่ มีเลือดออกในสมอง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะสิ่งใด การปล่อยไว้ก็อาจส่งผลอันตรายได้ หรือหากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง การซื้อยาทานเองบ่อย ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดภาวะปวดหัวจากการใช้ยาแทน ซึ่งจะมีความรุนแรงมากกว่าและรักษาได้ยากกว่า

โดยไมเกรนนี้ เกิดจากระบบรับความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณใบหน้ามีความไวมากกว่าปกติ เมื่อเจอสิ่งกระตุ้น ก็จะทำให้ปวดหัวขึ้นมาได้ ทำให้สมองไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ รวมถึงเกิดจากการอักเสบของเส้นเลือด สมอง และเส้นประสาท ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือยีนก็เป็นได้

สิ่งที่เป็นการกระตุ้นให้เกิดไมเกรนมีมากมายหลายประเภท เช่น
  • การพักผ่อนน้อย
  • ความเครียดทุกชนิด เช่น งานที่รีบเร่ง หรือต้องใช้สมาธิ ก็จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดอาการปวดหัวจากความเครียดได้
  • แสงสว่างจ้า การจ้องจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือแสงข้างนอกจ้า ๆ
  • อากาศที่ร้อนจัด หรือเย็นจัด ก็สามารถกระตุ้นไมเกรนได้
  • กลิ่นบางอย่าง เช่น ควันบุหรี่ ควันรถยนต์ กลิ่นน้ำหอมแรง ๆ
  • อาหารบางอย่าง เช่น ชา กาแฟ ชีส ช็อกโกแลต อาหารที่มีผงชูรส
  • ผู้หญิงช่วงที่มีประจำเดือน

ส่วนอาการของไมเกรนที่สามารถสังเกตได้หลัก ๆ คือ
  • ปวดหัวนาน 4 - 72 ชั่วโมง (ไม่ได้รับยา)
  • ปวดหัวข้างเดียว คือ ปวดหัวข้างซ้าย หรือ ปวดหัวข้างขวา (พบการปวด 2 ข้างประมาณ 40-50%)
  • มีอาการปวดตุบ ๆ เหมือนเส้นเลือดเต้น หรือปวดแบบหนัก ๆ บีบ ๆ
  • ปวดหัวรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก
  • ปวดมากขึ้น เมื่อมีการเคลื่อนไหวศีรษะหรือร่างกาย
  • มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือไวกับแสง/เสียง
  • บางรายอาจมีอาการนำมาก่อนการปวดศีรษะ

สำหรับการรักษาไมเกรน ก็มีทางเลือกให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การไม่ใช้ยา หรือการใช้วิธีป้องกัน ดังนี้
  • การรักษาแบบใช้ยา โดยใช้ยาแก้ปวดไมเกรน ประเภทยากลุ่มอาการชัก ยาต้านซึมเศร้า ยายับยั้งตัวจับแคลเซียม ยายับยั้งตัวรับเบต้า เป็นต้น ต้องรับประทานยาทุกวันติดต่อกันประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี โดยยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากรับประทานประมาณ 2 สัปดาห์ ช่วยลดความรุนแรงของอาการไมเกรน ลดความถี่ ทำให้ยาแก้ปวดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น
  • การรักษาแบบไม่ใช้ยา  เช่น การทำกายภาพบำบัด การฝังเข็มไมเกรน การกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การบำบัดโดยการปรับพฤติกรรมและความคิด การฝึกการผ่อนคลาย ไบโอฟีดแบค (Biofeedback) และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
  • การป้องกันไมเกรน โดยการใช้วิตามินและเกลือแร่ อย่างแมกนีเซียม (Magnesium) วิตามินบี 2 (Riboflavin) โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) ค็อกเทลรักษาอาการปวดศีรษะ (Headache Cocktail) เป็นต้น

แต่ในปัจจุบัน มีวิธีการรักษาไมเกรนมีตัวเลือกมากขึ้น คือ การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน แม้ว่า หลาย ๆ คนจะคุ้นเคยกับการฉีดโบท็อกเพื่อเสริมความงาม ลดริ้วรอย แต่อีกหนึ่งประโยชน์ของโบท็อกก็คือ ช่วยรักษาอาการไมเกรนได้

ด้วยอาการปวดหัวจากไมเกรนเกิดจากการตึงตัวของกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอ ทำให้รบกวนระบบการไหลเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เกิดอาการตึงและปวด และตามมาด้วยอาการของเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ เห็นแสงระยิบระยับ เวียนหัว และคลื่นไส้อาเจียน

โดยโบท็อกจะเข้ายับยั้งสารอะเซทธิลโคลีน (Acethyl Choline) ที่ถูกปล่อยออกมาจับกับตัวรับที่อยู่ในกล้ามเนื้อเส้นประสาท ทำให้เกิดการสั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัว ซึ่งโบท็อกจะยับยั้งไม่ให้เกิดการส่งสารสื่อประสาท กล้ามเนื้อจึงไม่หดตัวนั่นเอง และนอกจากนี้ ยังยับยั้งสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดการอักเสบได้ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดลดลงได้ และช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น เป็นการรักษาอาการปวดไมเกรนที่ต้นเหตุ

ซึ่งการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นไมเกรนเรื้อรัง (Chronic Migraine) คือ ปวดหัวอย่างน้อย 15 วันต่อเดือน หรือผู้ที่มีอาการปวดหัวรุนแรง ปวดหัวบ่อย ปวดหัวโดยที่รับประทานยาแก้ปวดไม่หาย ปวดหัวจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป

ดังนั้น การฉีดโบท็อกไมเกรน จึงช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดหัว อีกทั้งยาที่ฉีดก็มีความปลอดภัยสูง โดยจะต้องฉีดในทุก ๆ 3 เดือน และมีตำแหน่งการฉีดเฉพาะ เราจึงจำเป็นต้องได้รับการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมการฉีด เพื่อลดอาการไมเกรนโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นก็อาจไม่ได้ผล

วิธีในการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนเป็นอย่างไร

วิธีในการฉีดโบท็อกไมเกรน

อย่างที่เราทราบแล้วว่า เราสามารถฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนได้ โดยโบท็อกที่เลือกใช้จะเป็นโบท็อกชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในด้านความงาม เพียงแต่ในการรักษาไมเกรน แพทย์จะฉีดโบท็อกที่ใบหน้าระหว่างคิ้ว หน้าผาก ท้ายทอย ต้นคอ และบ่า จำนวน 31 จุด ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสม

โดยการฉีดโบท็อกช่วยไมเกรนนี้ เป็นวิธีที่ปลอดภัย จากการวิจัยพบว่า สามารถลดอาการปวดลงได้ 60 – 70% มีผลอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน โดยยาจะไม่ออกฤทธิ์ทันที แต่ต้องใช้เวลา 3 – 4 วัน และจะออกฤทธิ์สูงสุดในสัปดาห์ที่ 2 จะอยู่ได้ 2 – 3 เดือน แล้วค่อย ๆ หมดฤทธิ์ลง

สรุป
การฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคไมเกรนที่หลายคนกำลังประสบปัญหานี้ เพราะไมเกรนส่งผลต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก โดยทาง BTX Migraine Center ก็พร้อมให้บริการ ซึ่งเราสามารถแอดไลน์ เพื่อขอคำปรึกษาและนัดวันเข้ารับการรักษาได้อย่างสะดวก