ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


เลือกเครื่องฟอกอากาศให้ดี ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 วายร้ายกวนใจปอด



การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศในปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมสูงเพราะปริมาณฝุ่น PM 2.5 มีมากขึ้นเรื่อย ๆ และหากปล่อยไว้คงไม่เป็นผลดีต่อปอดแน่นอน ทว่าท่านใดที่กำลังจะเลือกซื้อเลือกหาอาจเกิดความสับสน สงสัย และไม่รู้ว่าจะเลือกอย่างไร เราไม่รอช้าที่จะพาไปทำความเข้าใจอย่างละเอียด ซึ่งจะเป็นอย่างไรนั้นไปติดตามกันได้

เลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสม เพื่อการป้องกัน PM 2.5 อย่างดี
1. เลือกให้เหมาะสำหรับพื้นที่ห้อง
อย่างแรกที่มองข้ามไม่ได้ก็คือขนาดพื้นที่ห้องที่ใช้งาน ไม่ว่าจะห้องนอน ห้องรับแขกใด ๆ แล้วนั้นต้องมีขนาดเครื่องที่พอดีกับขนาดห้อง ดังนั้น เราจึงต้องทราบและคำนวณพื้นที่ห้องเสมอ ยิ่งเลือกครอบคลุมพื้นที่ได้ดีก็ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ไม่เสียเงินเปล่า

2. ค่า CADR
ที่เรียกอีกอย่างว่าค่าตัวเลขที่จะวัดปริมาณอากาศจากระบบฟอกอากาศเป็นความสามารถในการทำความสะอาดที่ปนเปื้อน ตัวอย่างเช่น ฝุ่นละออง ควันบุหรี่ เกสรดอกไม้ ฝุ่น PM 2.5 ฯลฯ ยิ่งเลขมากประสิทธิภาพการกรองก็ดีมากตามไปด้วย ช่วยให้เรานั้นตัดสินใจได้ง่าย หากเครื่องมีแผ่นกรองที่คุณภาพดี เราก็ดูค่า CADR ได้ตามคู่มือเครื่อง หรือข้อมูลผลิตภัณฑ์

3. ไส้กรอง หรือระบบกรองอากาศ
ที่แต่ละแบรนด์ก็จะมีแตกต่างกัน อย่างเช่น เครื่องฟอกอากาศ Philips หรืออื่น ๆ ที่หากเป็นแบบ HEPA ก็จะสามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็ก 0.3 ไมครอนได้ดี ทำให้บ้านสดชื่น ไม่เป็นภูมิแพ้ ไม่เกิดปัญหาระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งควรมีฟังก์ชันอื่น ๆ ด้วย อาทิเช่น ตรวจสอบการทำงานผ่านแอป หรือสั่งการผ่านแอปได้ แจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรอง ฯลฯ กระนั้นสนนราคาก็จะต่างกันออกไปตามฟังก์ชันที่มี

4. ระดับเสียงเมื่อทำงาน
เรื่องเสียงของเครื่องนั้นก็สำคัญ โดยที่หากนำไปวางตั้งแล้วเปิดเครื่องก็ควรจะมีระดับเสียงที่ต่ำ หรือไม่มีเสียงรบกวนเลยยิ่งดี โดยเฉพาะการไปวางในห้องนอน ซึ่งเสียงที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 30 – 35 เดซิเบล เพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนขณะนอนหลับ อย่าง เครื่องฟอกอากาศ sharp ก็มีเสียงที่เบามาก

5. ค่า Air Volume หรือ Airflow
ที่จะเป็นค่าความเร็วลมจากปริมาณในอากาศดูดเอาเข้าไปและปล่อยที่บริสุทธิ์ออกมา หากมีค่า Airflow มากยิ่งทำให้ประสิทธิภาพการฟอกอากาศเร็วตามไปด้วย เท่ากับว่าเราจะได้เครื่องที่ทำอากาศบริสุทธิ์ไว ดูค่า Airflow ได้จากข้อมูลพื้นฐานเครื่องได้เลย ใครใช้กับห้องใหญ่ ๆ พิจารณาค่านี้ไว้เป็นพิเศษดีเลย

ด้วยความที่สภาพอากาศในเมืองไทยปัจจุบันค่อนข้างน่ากลัวไม่น้อย ด้วยฝุ่นควัน มลพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงอยู่ตลอด และการใช้งานเครื่องฟอกอากาศจึงกลายเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดหมดห่วงวายร้ายทำลายปอดไปได้ ซึ่งเราก็หวังว่าต่อจากนี้การเลือกซื้อเลือกหาของทุก ๆ คนจะมีประสิทธิภาพ เหมาะกับการใช้งานในห้องได้อย่างดี

ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0201