ปัญหาด้านทรงผมเป็นเรื่องความสวยความงามที่ไม่อาจมองข้ามได้ และคนที่มีผมบาง ศีรษะล้าน จนต้องได้รับการรักษาสามารถเลือกวิธี
ปลูกผมหลายวิธีด้วยกันไม่ว่าจะการปลูกผมถาวร หรือการปลูกผมธรรมชาติ โดยการเลือกวิธีแบบผ่าตัดหนังศีรษะเป็นวิธีที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทั้งนี้จะต้องดำเนินการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ
วิธีปลูกผมถาวรด้วยการผ่าตัด จะเริ่มด้วยการทำความสะอาดหนังศีรษะ และฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการปลูกผมใหม่ จากนั้นแพทย์จะโกนผมเพื่อให้เห็นหนังศีรษะที่ชัดเจน จากนั้นจึงผ่าตัดหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยมาปลูกบริเวณที่ไม่มีผม จากนั้นเย็บปิดแผล การปลูกผมยังมีอีกหลายวิธี ซึ่งคุณสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีตามที่คุณต้องการ ปลูกผมที่ไหนดี ทำง่ายไหม ปลูกผมธรรมชาติเป็นอย่างไร เราไปหาคำตอบกัน
ทำความรู้จัก การปลูกผมการปลูกผม (Hair Transplant) เป็นวิธีการปลูกผมถาวรที่ใช้ศัลยกรรมปลูกผมแก้ปัญหาศีรษะล้าน โดยแพทย์จะมีวิธีการปลูกผมโดยการนำเอาผมของเจ้าตัวมาใช้ในการปลูกในบริเวณที่มีปัญหาศีรษะล้าน ซึ่งจะต้องดำเนินการภายใต้การดำเนินงานของแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ มีความเป็นมืออาชีพ และทำในสถานพยาบาลที่มีความปลอดภัยได้รับการรับรองมาตรฐาน ที่จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าจะมีโอกาสประสบผลสำเร็จสูง
ปลูกผม มีกี่วิธี แต่ละวิธีเหมาะกับใครในอดีตคุณอาจจะปลูกผมถาวรได้วิธีเดียวคือการผ่าตัด แต่ในปัจจุบันโชคดีกว่ามากที่มีการปลูกผมเพิ่มมาหลายวิธี ทั้งวิธี Strip FUT และวิธี FUE ซึ่งทั้งสองแบบเป็นการปลูกผมไม่ต้องผ่าตัดช่วยประหยัดเวลา เจ็บน้อย และได้ผลดี ปลูกผมไม่ต้องโกนผม มีผลข้างเคียงน้อย ทั้งสองแบบมีวิธีที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนดังนี้
วิธีปลูกผม Strip FUTจุดเด่นของการปลูกผมด้วยวิธี Strip FUT คือปลูกผมไม่ต้องผ่าตัด โดยแพทย์จะทำการตัดหนังศีรษะชั้นบนบางส่วนจากท้ายทอย เพื่อนำรากผมออกมา และนำหนังศีรษะนั้นไปแยกกอรากผม โดยใช้กล้องจุลทรรศน์กำลังขยายสูงในการคัดเลือกรากผม จะได้รากผมที่สมบูรณ์ ติดง่าย แต่ก็มีผลที่ทำให้เกิดแผลหลังผ่าตัด
วิธีปลูกผม FUEการปลูกผมด้วยวิธี FUE เป็นวิธีเจาะรากผมออกมาโดยเครื่องมือพิเศษที่ทำให้ได้รากผมออกมาทั้งกอ โดยไม่มีเนื้อเยื่อรอบ ๆ ติดออกมา ทำให้เกิดแผลขนาดเล็กมาก วิธีนี้ปลูกผมไม่ต้องโกนผมอวดหนังศีรษะได้สบาย แต่ก็มีข้อเสียที่ผมบริเวณท้ายทอยจะบางลง กอรากผมที่ขุดไปอาจได้รับความเสียหาย จนทำให้ปลูกผมไม่ขึ้น
การปลูกผมถาวร ข้อดีและข้อจำกัด แน่นอนว่าปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้านเป็นเรื่องหนักอกของคนอยากมีผม และการปลูกผมถาวรจะช่วยแก้ปัญหาทำให้คุณเกิดความมั่นใจได้มากขึ้น ได้มีผมหนา ดกดำอีกครั้ง ข้อดีของการปลูกผมมีอะไรบ้าง เราได้รวบรวมข้อมูลไว้ดังนี้
ข้อดีของการปลูกผมถาวรการปลูกผมถาวรจะมีโอกาสประสบผลสำเร็จมากกว่าการปลูกผมธรรมชาติ โดยมีข้อดีที่ผมจะอยู่บนหนังศีรษะไปตลอด ไม่หลุดร่วงง่าย จนทำให้ผมกลับไปบางลงอีก ทำให้คุณมั่นใจ ได้ผมที่สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ เป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป
ข้อจำกัดของการปลูกผมถาวรข้อจำกัดของการปลูกผมถาวรก็คือผมที่อยู่บริเวณท้ายทอยจะต้องมีความสมบูรณ์เพียงพอต่อการปลูกผม และผมบริเวณท้ายทอยต้องมีจำนวนมากพอที่จะ
ทำการปลูกผมได้ ผ่าตัดแล้วต้องใช้เวลาการพักฟื้นอย่างน้อย 1 วัน และสำหรับการปลูกด้วยวิธี FUT หนังศีรษะจะต้องมีความยืดหยุ่นได้ดี
ขั้นตอนและวิธีการปลูกผมถาวร หลังจากได้ทราบรายละเอียดการปลูกผมมาพอสมควรแล้ว ทีนี้เรามาลองดูกันว่าขั้นตอนของการศัลยกรรมปลูกผมมีอะไรบ้าง เหมือนปลูกผมธรรมชาติหรือไม่เพื่อที่คุณจะได้เตรียมพร้อมก่อนเข้ารับการรักษา โดยขั้นตอนและวิธีการปลูกผมถาวรมีดังนี้
- พบแพทย์เพื่อประเมินการรักษาว่าจะปลูกผมบริเวณไหน ออกแบบให้ตรงใจกับผู้ต้องการปลูกผม
- หลังจากกำหนดวิธีปลูกผมแล้ว แพทย์จะเตรียมการผ่าตัดศัลยกรรมปลูกผมโดยโกนผมส่วนที่จะนำไปปลูก โดยเลือกเฉพาะบางส่วน
- แพทย์จะฉีดยานอนหลับ หลังจากยาออกฤทธิ์ก็จะฉีดยาชารอบบริเวณที่ต้องการนำรากผมออกมา
- หลังจากยาชาออกฤทธิ์ แพทย์จะนำรากผมออกมา โดยวิธี FUE จะเจาะแล้วแช่น้ำยารักษารากผมก่อนปลูก ส่วน FUT จะคัดเลือกรากผมแยกกอก่อนค่อยไปปลูก
- เมื่อได้รากผมที่ต้องการแพทย์จะฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการปลูกผม แล้วใช้ Implanter ค่อย ๆ ปลูกผมทีละเส้นตามทิศทางที่ได้วางแผนไว้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผมขึ้นสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ
ผลลัพธ์ของการปลูกผมถาวร ขึ้นอยู่ที่การเตรียมตัวการปลูกผมถาวรอาจไม่ประสบผลสำเร็จทุกคน ขึ้นอยู่กับวิธีการดูแลตนเองและปัจจัยอื่น ๆ ของแต่ละบุคคล ซึ่งหากคุณปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะประสบผลสำเร็จในการปลูกผมสูง วิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดปลูกผมมีความสำคัญที่คุณไม่อาจมองข้ามซึ่งประกอบด้วย
- ควรหยุดยาหรืออาหารเสริมต่าง ๆ ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, วิตามิน และน้ำมันปลา เป็นต้น
- แจ้งแพทย์เสมอหากมีโรคประจำตัว หรือกำลังรับประทานยาประจำ
- ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะยา Beta Blocker มีผลต่อการผ่าตัดปลูกผม
- ไม่ควรรับประทานยา Rogaine หรือ Minoxidil ก่อนการปลูกผมอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ไม่ควรย้อมผมก่อนการผ่าตัดปลูกผม หากต้องการทำให้ทำก่อนวันผ่าตัด 1 - 2 วัน
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ก่อนและหลังผ่าตัดอย่างน้อย 48 ชั่วโมง
- งดดื่มชา กาแฟ ก่อนวันผ่าตัด
- นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพออย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง
- ควรสระผมด้วย Betadine scrub หรือ Hibitane scrub ในคืนวันก่อนผ่าตัด
- สวมเสื้อผ่าหน้าในการมาทำศัลยกรรมปลูกผม เพื่อสะดวกในการถอดเสื้อ
- ควรพาผู้ดูแลติดตามมาด้วย เพราะหากใช้ยานอนหลับอาจทำให้ผู้ปลูกผมสะลึมสะลือไม่อาจขับรถกลับบ้านได้เอง
มีวิธีการปลูกผมแบบไหนอีกบ้าง หากไม่ทำศัลยกรรมการปลูกผมการปลูกผมธรรมชาติเหมาะสำหรับผู้ต้องการปลูกผมแต่ไม่อยากผ่าตัดหรือศัลยกรรมปลูกผม การแก้ปัญหาผมร่วงมีหลายวิธีให้คุณเลือก อาทิเช่น การใช้ยาปลูกผม ซึ่งยาบางชนิดสามารถช่วยลดระดับฮอร์โมน DHT (Dihydrotestosterone) ต้นเหตุของการเกิดปัญหาผมร่วง และยังมีเซรั่มปลูกผมที่ใช้งานง่ายเพียงหยดลงบนหนังศีรษะ รวมถึงแชมพูสระผมที่ช่วยลดผมขาด หลุดร่วงอีกมากมาย โดยไม่ต้องปลูกผมถาวร
ผลข้างเคียงหรืออาการข้างเคียงหลังการปลูกผม หลังจากปลูกผมถาวรอาจมีอาการผิดปกติ ซึ่งคุณควรจะสังเกตตัวเองและรีบพบแพทย์อย่างเร่งด่วน ศัลยกรรมปลูกผมแบบ FUT และการปลูกผมแบบ FUE จะมีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย เพราะเป็นการผ่าตัดขนาดเล็กที่ทำให้ไม่เกิดรอยแผลที่ส่งผลให้คุณเจ็บปวดมาก แต่ก็ยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงได้แก่
- เลือดออกมากกว่าผิดปกติ
- เกิดการติดเชื้อจากบาดแผลบนหนังศีรษะ
- หนังศีรษะเกิดการบวมช้ำ
- พบรอยช้ำบริเวณรอบดวงตา
- รู้สึกชา หรือไม่มีความรู้บริเวณที่ปลูกผมถาวร
- มีอาการคันบาดแผล
- เกิดแผลตกสะเก็ด หรือมีน้ำเหลืองบริเวณที่ปลูกผม
- เกิดอาการอักเสบ หรือติดเชื้อที่ต่อมรูขุมขน
- มีแผลเป็นบนหนังศีรษะจากการปลูกผม
สรุปการปลูกผมถาวรเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากกว่าการปลูกผมธรรมชาติ เพราะได้ผลรวดเร็วทันใจ มีให้เลือกหลายวิธีทั้งวิธีปลูกผมแบบ FUT และแบบ FUE ซึ่งเป็นการศัลยกรรมปลูกผมที่กำลังมาแรง และได้รับความนิยมมาก ใช้เวลาการผ่าตัดไม่นาน เจ็บน้อย หายเร็ว มีผลลัพธ์การปลูกที่น่าพอใจ ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นที่น่าเกลียด ช่วยแก้ปัญหาศีรษะล้านอย่างได้ผล