เครื่องชงกาแฟแคปซูล 5 อันดับน่าใช้ที่คอกาแฟไม่ควรพลาดมีติดบ้านไว้

[อัญณา]

การจะได้กาแฟดีๆ สักแก้วมีปัจจัยหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องของกรรมวิธีในการชง ซึ่ง เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ถือว่ามีบทบาทหลัก ทั้งการทำความร้อน วิธีการชงกาแฟ ระยะเวลาการชงกาแฟและอีกหลาย ๆ องค์ประกอบที่จะช่วยให้ได้กาแฟที่มีเนื้อสัมผัสและรสชาติที่ดี ใครที่กำลังมองหาเครื่องชงกาแฟอยู่วันนี้เรามี 5 รุ่นมาแนะนำกัน

อันดับที่หนึ่ง คือ เครื่องชงกาแฟแคปซูล แบรนด์ Nespresso รุ่น INISSIA C40 มีดีไซน์สวยทันสมัย มาในขนาดกะทัดรัดเพียง 12 X 30 X 23 เซนติเมตร มีน้ำหนักเพียง 2.4 กิโลกรัม จึงเคลื่อนย้ายง่ายและยังสามารถพกพาง่าย และยังประหยัดพื้นที่เหมาะกับคนที่มีพื้นที่ในโซนนั้นน้อยๆ อีกด้วย สำหรับเครื่องรุ่นนี้มีโปรแกรมการชงกาแฟอัตโนมัติ 2 เมนู ได้แก่ เอสเพรสโซ่และลุงโก้ ด้วยแรงดันน้ำ 19 บาร์ ส่วนความจุของแท็งก์น้ำอยู่ที่ 0.7 ลิตร สามารถบรรจุแคปซูลที่ใช้แล้วได้ถึง 11 แคปซูล สามารถทำความร้อนได้ภายในนาทีเดียว

อันดับที่สอง คือ เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ESSENZA MINI จาก Nespresso ที่มีดีไซน์น่ารักทันสมัยในสไตล์มินิมอล สามารถตกแต่งห้องได้ ด้วยขนาด 11 X 32.5 X 20.5 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัมไม่กินพื้นที่มากนััก มีแรงดันน้ำ 19 บาร์ แท็งก์บรรจุน้ำได้ 0.6 ลิตร ซึ่งตัวแท็งก์น้ำของเครื่องชงกาแฟสามารถถอดออกและทำความสะอาดได้ง่าย สำหรับเครื่องรุ่นนี้มีโปรแกรมอัตโนมัติในการชงเมนูกาแฟเอสเพรสโซ่และลุงโก้ได้ โดยสามารถเก็บแคปซูลที่ใช้แล้วได้ถึง  6 แคปซูล นอกจากนั้นตัวเครื่องมีระบบช่วยประหยัดพลังงานและยังมีระบบปิดเครื่องอัตโนมัติหากไม่มีการใช้งานเครื่องนานเกิน 9 นาที

อันดับที่สาม คือ เครื่องชง กาแฟแคปซูล รุ่น PIXIE ELECTRIC จาก Nespresso มีดีไซน์สวย เพรียวบางและมีความสมาร์ท กระทัดรัดด้วยขนาด 11.1 X 32.6 X 23.5 เซนติเมตร น้ำหนัก 2.8 กิโลกรัม มาพร้อม 2 โปรแกรมการชงกาแฟเอสเพรสโซ่และลุงโก้แบบอัตโนมัติ ด้วยแรงดันน้ำ 19 บาร์ ทำความร้อนได้รวดเร็ว สำหรับเครื่องรุ่นนี้มีแท็งก์บรรจุน้ำได้ 0.7 ลิตร สามารถเก็บแคปซูลที่ใช้แล้วได้ 10 แคปซูล ถาดรองแก้วสามารถพับเก็บได้อย่างสะดวก เหมาะสำหรับการเตรียมชงกาแฟร้อนและกาแฟเย็น ทั้งยังมีระบบปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งานจึงช่วยในการประหยัดพลังงานได้

อันดับที่สี่ คือ เครื่องชงกาแฟแคปซูล รุ่น LATTISSIMA ONE ของแบรนด์ Nespresso มีดีไซน์หรูหราดูดีมีระดับ โดยมี 2 สีให้เลือก ได้แก่ สี Mocha Brown และ Silky White ทั้งยังใช้วัสดุที่มีคุณภาพอย่างโครเมี่ยมจึงทำให้เครื่องชงกาแฟมีความแข็งแรงคงทน มาพร้อมระบบทำฟองนมในตัวด้วยการกดปุ่มสั่งงานเพียงปุ่มเดียว ช่วยให้นอกจากจะชงกาแฟเอสเพรสโซ่และลุงโก้ได้แล้ว ยังสามารถชงกาแฟคาปูชิโน่และลาเต้มัคคิอาโต้ได้แบบง่าย ๆ สำหรับเครื่องรุ่นนี้มีน้ำหนัก 4.2 กิโลกรัม ขนาด 15.4 X 32.4 X 25.6 เซนติเมตร มีแรงดันน้ำ 19 บาร์ แท็งก์ใส่น้ำมีความจุ 1 ลิตร แท็งก์ใส่นมมีความจุ 0.12 ลิตร ซึ่งถูกออกแบบมาให้เหมาะสมและพอดีกับการชงเมนูกาแฟนม 1 แก้ว ทั้งยังสะดวกสบายด้วยระบบการแจ้งเตือนเมื่อต้องขจัดคราบตะกรันและระบบการปิดเครื่องอัตโนมัติหากไม่ได้ใช้งานนานเกิน 9 นาที

อันดับที่ห้า คือ เครื่องชง กาแฟแคปซูล รุ่น ATELIER จาก Nespresso ดีไซน์สวยทั้งรูปทรง โทนสีและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ประกอบรวมในเครื่อง ช่วยให้เมื่อนำไปจัดวางในมุมไหนของบ้านก็ลงตัวและดูสวยงาม ตัวเครื่องมีขนาด 11.9 X 43.4 X 27.9 เซนติเมตร น้ำหนัก 3.92 กิโลกรัม มาพร้อมก้านปั่นฟองนมที่สามารถทำฟองนมร้อนและฟองนมเย็นได้ ทั้งยังมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยให้ทำฟองนมได้จากนมหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นนมวัว นมแพะ นมถั่วเหลืองหรือนมอัลมอนด์ เครื่องรุ่นนี้จึงสามารถชงได้ทั้งกาแฟดำและกาแฟผสมนมด้วย 9 ปุ่มกดฟังก์ชันการชง โดยใช้แรงดันน้ำ 19 บาร์  ผสานกับระบบทำความร้อนเร็ว จึงชงกาแฟได้ภายในเวลาไม่กี่นาที สำหรับความจุของแท็งก์น้ำอยู่ที่ 1 ลิตร สามารถบรรจุแคปซูลที่ใช้แล้วได้ถึง 13 แคปซูล และมีระบบแจ้งเตือนการขจัดคราบตะกรันด้วย

สำหรับเครื่องทำกาแฟสดใช้ในบ้าน pantip ได้มีรีวิวไว้มากมายหลายกระทู้ พร้อมทั้งยกให้ 5 อันดับเครื่องชงกาแฟดำ   ข้างต้นนี้เป็นเครื่องชงกาแฟที่คอกาแฟไม่ควรพลาดมีติดบ้านไว้  ดูเพิ่มเติม https://cooking.kapook.com/view241135.html