ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ร้อยไหมก้างปลา คืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไร ? ต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร ?

ร้อยไหมก้างปลา คืออะไร ? ช่วยเรื่องอะไร ? ต่างจากไหมชนิดอื่นอย่างไร ?


“ร้อยไหมก้างปลา” เป็นเทคนิคการยกกระชับใบหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัดด้วยการใช้เส้นไหมสอดเข้าไปใต้ชั้นผิว เพื่อยกหน้าพร้อมกับกระตุ้นคอลลาเจน เห็นผลได้ทันที เหมาะสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้า ให้ดูเรียว วีเชฟขึ้น อย่างเร่งด่วน

สำหรับใครที่สนใจ อยากรู้ว่าร้อยไหมก้างปลา คืออะไร ? ช่วยอะไร ? เหมาะ-ไม่เหมาะกับใคร ? ราคาเท่าไหร่ ? ร้อยไหมก้างปลา VS ร้อยไหมชนิดต่าง ๆ แตกต่างกันอย่างไร ? อาการและปัญหาที่ควรรู้ หลังร้อยไหมก้างปลา มีอะไรบ้าง ? สามารถศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจทำ ในบทความนี้ได้ค่ะ

ร้อยไหม คืออะไร ?


ร้อยไหม (Thread lift) คือ เทคนิคการยกกระชับใบหน้า หรือ การปรับรูปหน้า โดยใช้เส้นไหมเล็ก ๆ หลายเส้น สอดเข้าไปใต้ชั้นผิว เพื่อยกและยืดผิวหนัง รวมถึงกระตุ้นคอลลาเจนในผิวบริเวณที่ต้องการ แก้ไขปัญหาผิว เช่น ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ยกแก้มหย่อน ลดริ้วรอย ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องผ่าตัด สามารถทำได้ง่าย มีความปลอดภัยสูง

ร้อยไหมก้างปลา คืออะไร ?


ร้อยไหมก้างปลา คือการร้อยไหมเงี่ยงที่มีลักษณะคล้ายก้างปลา ร้อยเข้าไปในชั้นผิวโดยการใช้เข็มนำเส้นไหม เพื่อให้ไหมเกี่ยวผิวให้ยกกระชับ และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน รวมถึงเส้นใยอีลาสตินขึ้นใหม่เพื่อช่วยประคองผิวให้ตึงกระชับเข้ารูป ปรับหน้าเรียว รวมถึงลดความหย่อนคล้อย

ลักษณะไหมก้างปลา


นอกจากนี้การร้อยไหมเงี่ยง ยังมีชื่อเรียกอื่น ๆ  เช่น ไหมก้างปลา, ไหมเงี่ยงกุหลาบ,ไหมก้างปลา 8D, ไหม Rose, ไหมฟันฉลาม, ไหมจระเข้, ไหมปิรันย่า, ไหมล็อค,ไหมค็อก ฯลฯ ขึ้นอยู่กับการตั้งชื่อของแต่ละคลินิก เพื่อความแตกต่างทางการค้า

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้การร้อยไหมเงี่ยงจะมีหลายชื่อ แต่ประเภทเส้นไหมทั้งหมดล้วนเป็นไหม bidirectional barbed thread ด้วยกันทั้งหมด แตกต่างกันเพียงแค่วัสดุที่ใช้ผลิตเส้นไหมค่ะ

วัสดุที่ใช้ ในการร้อยไหมก้างปลา

วัสดุที่ใช้ในการร้อยไหมก้างปลา จะเป็นไหมละลายที่ใช้ในทางการแพทย์  มีความปลอดภัยสูง สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้าง ผลิตมาจากวัสดุ 3 ชนิด ที่ผ่านการรับรองจาก FDA ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ว่ามีความปลอดภัยในการเย็บแผลหรือนำมาใช้ทางการแพทย์

วัสดุ 3 ชนิดที่ใช้ในการผลิตไหมก้างปลา

ขอบคุณภาพ : V Square Clinic

- วัสดุไหม PCL (Polycaprolactone) เป็นไหมสีขาว รุ่นใหม่ล่าสุด มีความยืดหยุ่นสูง แข็งทน ไม่เปราะหักง่าย อยู่ได้นานที่สุด มักถูกนำมาผสมกับไหม PLLA + PCL เพื่อให้ไหมสามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ดี และคงอยู่ได้นานขึ้น
- วัสดุไหม PLLA (Poly-L-Lactic Acid) เป็นไหมสีขาว ที่ถูกพัฒนามาจาก PDO กระตุ้นคอลลาเจนได้ดี แต่ไม่ค่อยยืดหยุ่น บาง เปราะ หักง่าย จึงไม่เป็นที่นิยม
- วัสดุไหม PDO (Polydioxanone) เป็นไหมสีน้ำเงิน มีความยืดหยุ่นปานกลาง นิ่ม ไม่เปราะ ร้อยง่าย บวมน้อย ยืดหยุ่นสูงสุดในวัสดุ 3 ชนิด

ร้อยไหมก้างปลา ช่วยอะไร ?

- ช่วยยกกระชับผิว เพิ่มความชัดให้กรอบหน้า และปรับรูปหน้าให้เรียวเล็ก
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
- ช่วยแก้ไขปัญหาผิวหย่อนคล้อย แก้มหย่อน
- ช่วยลดแก้มตอบ เพิ่มเนื้อแก้มตอบให้ดูเต็ม
- ช่วยเสริมจมูกให้โด่งสวย รับกับใบหน้า
- ช่วยลดริ้วรอย ให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น

รีวิวก่อนทำ-หลังทำ
ร้อยไหมหน้าเรียว ยกกระชับหน้าหย่อนคล้อย





ร้อยไหมก้างปลา บริเวณไหนได้บ้าง ?


การร้อยไหมก้างปลา สามารถนำไปร้อยได้หลายจุดบนใบหน้า ดังนี้
จมูก : เพื่อช่วยปรับทรงสันจมูกให้ดูโด่งขึ้น มีเนื้อเพิ่มขึ้น ให้ผลลัพธ์คล้ายการเสริมซิลิโคน
ร่องแก้ม : เพื่อช่วยยกแก้มให้ตึงกระชับ แก้ปัญหาแก้มตก แก้มห้อย หรือร้อยไหมเพื่อปรับรูปหน้าให้ดูเรียว V Shape
หน้าผาก : เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยหน้าผาก  หน้าผากหย่อนคล้อย แต่ไม่ค่อยนิยม เพราะไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาตรงจุด แนะนำฉีดโบท็อกลดริ้วรอย จะเห็นผลดีและตรงจุดมากกว่าค่ะ
หางตา : เพื่อช่วยยกหางตา แก้ปัญหาหนังตาตก คิ้วตก ให้ดูเฉี่ยวคมแบบ foxy eyes
มุมปาก : แก้ปัญหามุมปากตก ปากคว่ำ ตำแหน่งนี้ไม่ค่อยนิยมเช่นกัน เพราะไม่ได้ช่วยยกมุมปากได้โดยตรง เสี่ยงไหมขาดได้ง่าย ช่วยยกมุมปากได้นิดหน่อยเท่านั้น

ร้อยไหมก้างปลา เหมาะกับใคร ?

- ผู้ที่มีปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ผิวไม่กระชับ แก้มหย่อนคล้อย แก้มตก แก้มห้อย
- ผู้ที่มีปัญหาแก้มดูตอบจากความหย่อนคล้อย ผิวขาดคอลลาเจน ไขมันเนื้อแก้มน้อย หลังร้อยไหมเนื้อเยื่อจะมีการกระตุ้นคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ทำให้ดูเต่งตึงขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหาหน้าบาน หน้าใหญ่ ต้องการปรับหน้าเรียววีเชฟแบบเห็นผลเร่งด่วน

ร้อยไหมก้างปลา ไม่เหมาะกับใคร ?

- ผู้ที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบ ติดเชื้อ หรือเป็นแผล บริเวณที่จะร้อยไหม
- ผู้ที่มีไขมันสะสมบนหน้าเยอะเกินไป (แนะนำให้ฉีดเมโสแฟตก่อน)
- ผู้ที่มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด (Bleeding Disorder)
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยา หรือแพ้วัสดุไหม

ร้อยไหมก้างปลา VS ร้อยไหมชนิดต่าง ๆ แตกต่างกันอย่างไร ?

ร้อยไหมก้างปลา หรือ ร้อยไหมเงี่ยง


ไหมก้างปลา/ไหมกุหลาบ/ไหมเงี่ยง (Barbed threads/ Cog threads) เป็นไหมละลายที่มีเงี่ยงยื่นออกมา เมื่อสอดเข้าไปใต้ผิว จะช่วยเกี่ยวเนื้อเยื่อผิวให้ยกกระชับขึ้นได้ดี ใช้ในการยกกระชับแก้มที่หย่อน ลดแก้มตอบ เพิ่มความคมชัดให้กรอบหน้า และเป็นที่นิยมมากที่สุด มี 2 ขนาด คือไหมเงี่ยงใหญ่ และ ไหมเงี่ยงเล็ก

ร้อยไหมคอลลาเจน หรือ ร้อยไหมทับทิม



ไหมคอลลาเจน/ไหมเรียบ/ไหมทับทิม/ไหมโมโน (Mono threads) เป็นไหมละลายที่ไม่มีเงี่ยง ลักษณะจะเป็นเกลียวเส้นเล็ก ๆ ช่วยลดริ้วรอยได้ในบางจุด และกระตุ้นคอลลาเจนคล้าย ๆ กับฟิลเลอร์ แต่ไม่สามารถช่วยดึงยกกระชับผิวได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นไหมชนิดแรกๆ ที่นำมาใช้ แต่ปัจจุบันไม่นิยมใช้แล้ว

ร้อยไหมเทอร์โบ หรือ ร้อยไหมกรวยซิลลูเอท


ไหมเทอร์โบ หรือไหมกรวยซิลลูเอท (Silhouette Soft) เป็นไหมละลายที่มีปมติดตามเส้นไหมเป็นระยะ ๆ ลักษณะคล้ายโคนหรือกรวย ช่วยในการยกกระชับหน้า หลังทำเห็นผลทันที แต่มีโอกาสบวมช้ำสูง เพราะต้องใช้เข็มขนาดใหญ่ในการร้อย ต้องใช้เวลาพักฟิ้นนานกว่าไหมเงี่ยง

ร้อยไหมสปริง หรือ ร้อยไหมทอร์นาโด


ไหมสปริง/ไหมทอร์นาโด/ไหมเกลียว เป็นไหมละลายที่มีลักษณะเป็นเกลียว (Screw Threads /Tornado Threads) ทำจากวัสดุ PDO เส้นเรียบ 1-2 เส้น พันเป็นเกลียว ก่อนสอดเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นไหม ช่วยยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย หรือยุบเป็นแอ่ง ให้เรียบตึงขึ้น รวมถึงช่วยปรับรูปหน้า ยกแก้มส้ม สำหรับใครที่ต้องการร้อยไหมประเภทนี้ อาจต้องระวังเรื่องการบวมช้ำหลังร้อยไหม

ร้อยไหมมิ้นท์ (Mint Lift)


ไหมมิ้นท์ (Mint Lift) เป็นไหมละลายที่ถูกพัฒนาเพื่อช่วยในเรื่องการยกกระชับหน้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเส้นไหมจะมีลักษณะพิเศษคือมีเงี่ยงทั้ง 360 องศา เพื่อช่วยในการยึดเกาะเนื้อเยื่อได้หลายทิศทาง ตัวไหมแข็งแรง ไม่เปราะง่าย เห็นผลดีในการยกกระชับหน้า ผ่าน อย.

ร้อยไหมโครงตาข่าย (Tesslift Soft)


ไหมโครงตาข่าย (Tesslift Soft) เป็นไหมละลายที่มีเงี่ยงและปกคลุมด้วยตาข่ายด้านบน ทำให้มีคุณ สมบัติเด่นเรื่องความแข็งแรงของเส้นไหม ยึดเกาะเนื้อเยื่อได้หลายทิศทางช่วยในการยกกระชับและพยุงผิวที่หย่อนคล้อยได้ดี ผ่านการรับรองจาก CE Approved (European Conformity) สามารถทนแรงต้านได้ดีกว่าไหมทั่วไปถึง 80 เท่า เพราะการใช้ไหมโครงตาข่าย 1 เส้น เทียบเท่ากับการร้อยไหม 2 เส้น

ร้อยไหมก้างปลาดีไหม ?

การร้อยไหมก้างปลา ถือเป็นหัตถการที่ดี เทียบเท่ากับการทำศัลยกรรมดึงหน้าขนาดเล็ก สามารถยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึง หน้าเรียวขึ้น ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นผลชัดเจนทันทีหลังทำ  มีความปลอดภัย และไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน

ร้อยไหม แบบไหนดี ?

ในปัจจุบัน การร้อยไหมก้างปลา ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเส้นไหมสามารถยึดเกาะกับเนื้อเยื่่อผิวได้ดี หลังทำเห็นผลทันทีว่าผิวยกกระชับขึ้น และช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน

อย่างไรก็ตาม การร้อยไหมแบบไหนดี ? ไม่สามารถตอบได้อย่างแน่ชัด เนื่องจากไหมแต่ละชนิด แก้ไขปัญหาได้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการประเมินของแพทย์ ว่าจะเลือกใช้เส้นไหมชนิดใด ให้เหมาะสมกับการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันของคนไข้แต่ละเคส เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีและมีความปลอดภัยหลังร้อยไหม

ร้อยไหมก้างปลา กี่วันเห็นผล ?

หลังร้อยไหมก้างปลา สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรก และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่หลังผ่านไป 1 เดือน อาจมีอาการช้ำและบวม 14 วันหลังร้อยไหม แต่เป็นอาการหลังร้อยไหมทั่วไปที่สามารถหายได้เอง โดยไม่เป็นอันตราย สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

อาการและปัญหาที่ควรรู้ หลังร้อยไหมก้างปลา มีอะไรบ้าง ?


อาการที่อาจพบ หลังร้อยไหมก้างปลา

- หน้าบวม
หลังร้อยไหม ในช่วง 3-4 วันแรก จะมีอาการบวมมากถือเป็นเรื่องปกติ หลังจากนั้นอาการบวมจึงจะค่อย ๆ ยุบลง จนหน้าเรียวเข้าที่ใน 14 วัน

หากหลัง 4 วันอาการบวมไม่บรรเทาลง แต่กลับบวมแดงและปวดมากขึ้น ต้องรีบกลับมาพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ตรวจประเมิน และรับยากลับไปรับประทานเพิ่ม

ปัญหาที่อาจพบ หลังร้อยไหมก้างปลา

- อ้าปากได้น้อย ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพราะตึงไหมที่ร้อยเข้าไป
- หน้ามีรอยบุ๋ม รอยยุบ ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก แล้วจะหายไปได้เอง อาการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากไหมยังไม่เข้าที่ดี (ในกรณีนี้ มักมีโอกาสเกิดกับคนที่ผิวหย่อนคล้อยมาก ๆ)
- หน้าเป็นคลื่น ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ในกรณีมีเลือดออกมาก สามารถใช้ผ้ารัดใบหน้าได้ หากแพทย์แนะนำ
- เสียวไหม จะรู้สึกแปลบ ๆ จากเส้นไหมที่ร้อยเข้าไป ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เนื่องจากไหมเสียดสีบริเวณใบหน้า
- ไหมขาด มักเกิดจากการอ้าปากกว้าง ๆ หรือแสดงสีหน้ามากเกินไป รวมถึงแพทย์ที่เลือกใช้เส้นไหมไม่ได้คุณภาพ ใช้ไหมผิดประเภท
- เป็นก้อน ไต ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก เพราะเส้นไหมดึงผิวที่หย่อนคล้อยไปกองรวมกัน เมื่อไหมเข้าที่ ส่วนของใบหน้าที่เป็นก้อน ไต จะหายไปได้เอง
- รู้สึกว่าหน้าเบี้ยว ในช่วง 2 ชั่วโมงแรกหลังร้อยไหม ซึ่งเกิดจากการบวมยาชา หรือบวมแรงดึงของไหมที่ยกหน้าขึ้น เป็นอาการที่จะรู้สึกเพียงชั่วคราว จะสามารถกลับมาสู่สภาวะปกติได้เองเมื่อไหมเข้าที่

ร้อยไหมก้างปลา อยู่ได้นานแค่ไหน ?

ร้อยไหมก้างปลาอยู่ได้นาน ประมาณ 4-12 เดือน ขึ้นอยู่กับวัสดุไหมก้างปลา (PDO,PLLA,PCL)
ที่นำมาใช้ ซึ่งอายุของวัสดุแต่ละชนิด ได้แก่

- วัสดุไหม PDO อายุ 4-5 เดือน
- วัสดุไหม PLLA อายุ 12 เดือน
- วัสดุไหม PCL อายุ 12 เดือน

นอกจากนี้ ร้อยไหมก้างปลา อยู่ได้นานแค่ไหน ? ยังขึ้นอยู่กับคุณภาพผิวเดิมก่อนร้อยไหมก้างปลา และวิธีการดูแลตัวเองหลังร้อยไหมของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน

วิธีการดูแลตัวเอง หลังร้อยไหมก้างปลา

สิ่งที่ทำได้ หลังร้อยไหมก้างปลา
✔ สามารถล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน ๆ ได้ไม่เกิน 15 นาที
ตรงรอยเข็มที่ร้อยไหม หลังทำ  3 ชม.
✔  สามารถประคบเย็นด้วยความเบามือ หากมีจุดไหนที่ยังบวมมาก หลังทำ 6 ชม.
✔  สามารถออกกำลังกาย และ กินอาหารได้ปกติ  ถ้าหายจากการบวม หลังทำ 14 วัน
✔ นอนในห้องแอร์ที่อุณหภูมิ 18-23 °C
✔ นอนหัวสูงกว่าหน้าอกโดยการหนุนหมอนที่ศีรษะอย่างน้อย 2 ใบ

สิ่งที่ควรเลี่ยง หลังร้อยไหมก้างปลา
✖ ห้ามแกะ เกา หรือกดนวด บริเวณที่ร้อยไหม
✖ หลีกเลี่ยงการทาครีม อย่างน้อย 24 ชม.
✖ หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด และงดกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น ออกกำลังกายหนัก ๆ ตากแดด ลงสระว่ายน้ำ ดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 48 ชม.
✖ ไม่ควรนอนตะแคง หรือนอนคว่ำ
✖  ใน 1 เดือนแรก ไม่ควรแสดงสีหน้ามากเกินไป หรืออ้าปากกว้าง ๆ เช่น แปรงฟันแรง ๆ เพราะอาจทำให้ไหมขาด
✖  ใน 1 เดือนแรก งดเลเซอร์ ทำ RF thermage ทำทรีตเมนต์ นวดหน้า ขัดผิวหน้า
✖  ใน 1 เดือนแรก งดทำฟัน 

ร้อยไหมก้างปลา ราคาเท่าไหร่ ?

ราคาร้อยไหมก้างปลา ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมที่เลือกใช้ และจำนวนเส้นไหมที่ใช้ ดังนี้

ราคาร้อยไหมก้างปลา โดยประมาณ

ไหมก้างปลา PDO (อยู่ได้ 4-5 เดือน)
- ราคา 8,900-    | 6 เส้น
- ราคา 13,000-  | 10เส้น

ไหมก้างปลา PCL (อยู่ได้ 1 ปี)
- ราคา 14,000- | 4 เส้น
- ราคา 18,000- | 6 เส้น
- ราคา 25,000- | 10 เส้น

ไหม Mint Lift (อยู่ได้ 6-8 เดือน )
- ราคา 15,000- | 4 เส้น
- ราคา 25,000- | 8 เส้น
- ราคา 35,000.- | 12 เส้น

ไหม Tesslift Soft (อยู่ได้ 8-12 เดือน)
- ราคา 20,000- | 4 เส้น
- ราคา 28,000- | 6 เส้น
- ราคา 35,000- | 8 เส้น

ไหม Tesslift Foxy Eye แก้ตาตก (อยู่ได้ 4-5 เดือน)
- ราคา 25,000.- | 2 เส้น
- ราคา 40,000.- | 4 เส้น

ไหมก้างปลา PDO ร้อยจมูก (อยู่ได้ 6-8 เดือน)
- ราคา 9,900-   | 6 เส้น
- ราคา 15,000- | 10 เส้น

สรุป

ร้อยไหมก้างปลา เป็นเทคนิคที่ปลอดภัยและเห็นผลดีในการยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาเต่งตึงขึ้น แต่ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ ก่อนตัดสินใจทำ ควรเลือกคลินิกที่น่าเชื่อถือ ทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์สูง ใช้เส้นไหมคุณภาพ รวมถึงศึกษาวิธีการดูแลตัวเองหลังร้อยไหมอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาหลังร้อยไหม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 05, 2023, 09:20:34 AM โดย สมศิริ มั่งมีศรีสุข »