ในการทำธุรกิจเครื่องมือที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คงหนีไม่พ้นการวางแผนการตลาด (marketing) ให้ดี ซึ่งเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาด เช่นการแบ่งส่วนการตลาด เลือกกลุ่มเป้าหมาย และวางตำแหน่งสินค้า สำหรับนักธุรกิจที่อยากวางแผนการตลอดต้องรู้จักกับ
Market segmentation คือตัวช่วยวางแผ่นธุรกิจที่ดีให้กับคุณได้
ปฏิเสธไม่ได้ว่าการขายสินค้าผู้ซื้อคือส่วนสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ แต่จำนวนไม่ใช่คนที่จะสนใจสินค้าของเราทั้งหมด ดังนั้นการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายที่สนใจในตัวสินค้าของเราจริง ๆ คือใครกันแน่รวมถึงกลุ่มลูกค้าในอนาคตด้วย หากคุณต้องการทำการตลาดต้องเข้าใจเกี่ยวกับ Market Segmentation คืออะไร หาคำตอบได้ที่นี่ค่ะ
Market Segmentation คืออะไร?Market Segmentation คือการแบ่งส่วนตลาดเป็นส่วนย่อย ๆ ที่มีลักษณะหรือข้อมูลที่คล้ายคลึงกันของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำข้อมูลที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายนำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด เนื่องจากลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายจะมีลักษณะที่คล้ายกันบางประการและคือกลุ่มลูกค้าที่สนใจสินค้าและบริการของเราโดยแท้จริง
ทำความรู้จัก STP – Segmentation, Targeting, Positioningการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปหากคุณเข้าใจถึง segmentation คืออะไร และทำการวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างเป็นขั้นตอน รวมถึงรู้จักลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย และจะขาด 3 สิ่งที่ช่วยวิเคราะห์การตลาดไม่ได้คือ segmentation targeting positioning คืออะไรมีรายละเอียดในลำดับถัดไป
ก่อนอื่นต้องรู้จักกับ Stp ก่อนที่จะเข้าใจเรื่องของ segmentation targeting positioning คืออะไร ซึ่ง stp marketing คือ คำย่อมาจาก targeting positioning segmentation คือเครื่องมือวิเคราะห์การตลาดที่สามารถกำหนดเป้าหมาย จัดทิศทาง และวางแผนกลยุทธ์การตลาด เพื่อให้ธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่เป้าหมาย
1. Segmentationการแบ่งส่วนตลาด segmentation คือ กระบวนการแบ่งกลุ่มลูกค้าดออกเป็นกลุ่มย่อย ๆ เพื่อทำการวิเคราะห์แบ่งส่วนตลาดดูว่าภาพรวมทั้งหมดมีส่วนไหนของตลาดที่สร้างยอดขายหรือสร้างกำไรมากที่สุด และตลาดส่วนไหนที่ทำให้ขาดทุน รวมถึงสามารถแบ่งลูกค้าที่มีลักษณะหรือพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน เช่น อายุ, เพศ, รายได้, พฤติกรรมการซื้อสินค้า เป็นต้น
2. TargetingTargeting หรือกลุ่มเป้าหมายเป็นอีกส่วนสำคัญถัดจาก segmentation คือการเลือกกลุ่มเป้าหมายว่าสินค้าและบริการนี้จะขายให้กับใครซึ่งสามารถดูข้อมูลจาก segmentation ที่รวบรวมไว้และการเลือกกลุ่มเป้าหมายควรคำนึงถึงความเหมาะสมกับสินค้าและบริการนั้นเป็นหลัก
โดยทั่วไปสามารถแยก Targeting ที่เหมาะกับรูปแบบขนาดตลาดได้ 4 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่เลือกตลาดใหญ่ที่ครอบคลุมทุก Segmentation ลูกค้าทุกกลุ่ม , เลือกตลาดเฉพาะกลุ่ม , เลือกลูกค้ากลุ่มเดียวหรือบางกลุ่ม และเลือกตลาดลูกค้ากลุ่มย่อยให้เหมาะสมกับรสนิยมของบุคคล
3. PositioningPositioning คือการกำหนดตำแหน่งของสินค้าให้ตรงกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายหรือเรียกว่า การสร้างจุดขายให้กับสินค้าและบริการของเรานั่นเอง อย่างเช่นสินค้าของคุณมีจุดเด่นอย่างไรบ้างเมื่อเทียบกับคู่แข่ง หรือสินค้าและบริการของคุณมีข้อแตกต่างจากเจ้าอื่นอย่างไร ฯลฯ ถึงอย่างไรก็ตามการนำเสนอ Positioning ต้องคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายเป็นหลักจึงจะชนะใจของลูกค้าได้
ประเภทของ Segmentationsegmentation คือการแบ่งกลุ่มตลาดของลักษณะการซื้อของลูกค้าที่ละเอียดและเจาะลึก ซึ่งจะเป็นการหาว่าลูกค้าของสินค้านั้น ๆ หรือบริการคือใคร ยกตัวอย่าง Segmentation ที่สำคัญ 5 แบบได้แก่ Demographic , Geographic , Behavioral , Benefit Segmentation ,และ Psychographic มีรายละเอียดดังนี้
1. demographic segmentationdemographic segmentation คือ (การแบ่งกลุ่มตามลักษณะประชากร) เป็นการแบ่งกลุ่มของลูกค้าตามลักษณะทางด้านประชากร โดยข้อมูลที่ทำการกำหมดส่วนตลาดได้แก่ เพศ อายุ อาชีพ รายได้ การศึกษา สถานะภาพ เป็นต้น
2. behavioral segmentationbehavioral segmentation คือ(การแบ่งกลุ่มตามพฤติกรรมการซื้อ) คือการรวบรวมข้อมูลหรือพฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือบริการในตลาดของผู้ใช้งาน ซึ่ง behavioral segmentation ตัวอย่างข้อมูลที่รวบรวมได้แก่ ความถี่ อัตราการใช้ ฯลฯ
3. Geographic segmentationGeographic segmentation คือ (การแบ่งกลุ่มตามลักษณะทางภูมิศาสตร์) เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่ของกลุ่มเป้าหมายว่าพื้นที่ไหนเหมาะแก่ทำการตลาดหรือขายสินค้าและบริการ ข้อมูลที่รวบรวมได้แก่ ประเทศ จังหวัด ภูมิภาค ฯลฯ
4. Psychographic segmentationPsychographic segmentation คือ(การแบ่งกลุ่มตามลักษณะทางจิตวิทยา) การแบ่งกลุ่มตามจิตวิทยาของผู้ใช้ในตลาดที่เป็นข้อมูลที่จำเป็นในการตัดสินใจซื้อ โดยต้องใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้แก่ ความนิยม รูปแบบ ไลฟ์สไตล์ ความเชื่อมั่น เป็นต้น
5. Benefit SegmentationBenefit Segmentation คือ (การแบ่งกลุ่มตามประโยชน์) การแบ่งกลุ่มลูกค้าตามประโยชน์หรือคุณสมบัติที่ลูกค้าจำเป็นต้องซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการ เช่น ประโยชน์ทางสุขภาพ ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ประโยชน์ต่อความสะดวกสบาย เป็นต้น
ขั้นตอนการกำหนด Segmentationการใช้งาน Segmentation คือเป็นตัวช่วยสำคัญกับธุรกิจที่สามารถจัดทำกลยุทธ์การตลาดที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการและความสนใจของกลุ่มลูกค้าในตลาดทั้งความนิยม ไลฟ์สไตล์ หรืออื่น ๆ จึงช่วยเพิ่มโอกาสและลดความเสี่ยงไปด้วย ซึ่งขั้นตอนการกำหนด Segmentation มีดังนี้
วิเคราะห์การตลาดใช้เครื่องมือ segmentation targeting positioning เพื่อวิเคราะห์การตลาดเพราะทั้ง STP เป็นส่วนช่วยกำหนดเป้าหมาย จัดทิศทาง และวางแผนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าในตลาดได้ดีที่สุด
แบ่งกลุ่มตลาดตามลักษณะเฉพาะsegmentation คือการแบ่งกลุ่มตลาดของลักษณะการซื้อของลูกค้าที่ละเอียดและเจาะลึก จึงควรรวบรวมข้อมูลในตลาด ในส่วนของลักษณะพิเศษหรือลักษณะเฉพาะของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจมีการใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ร่วมด้วยเช่น กราฟ สถิติ เป็นต้น
วิเคราะห์ข้อมูลที่น่าสนใจเมื่อทำการการสำรวจลูกค้า วิเคราะห์การตลาด และแบ่งกลุ่มตลาดตามลักษณะเฉพาะจะได้ข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำพร้อมนำไปใช้เช่นลูกค้าสนใจสินค้าแบบไหน รูปแบบ ไลฟ์สไตล์ เป็นต้น นำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลทั้งหมด
การกำหนดกลุ่มลูกค้าเมื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูลที่น่าสนใจเรียบร้อยแล้วจะเห็นได้ว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มไหนสนใจและคาดว่าจะเป็นลูกค้าของสินค้าและบริการของเรามากที่สุด เป็นเลือกประเภทของ Targeting ที่เหมาะกับรูปแบบขนาดตลาด แล้วทำการสร้างจุดขายให้กับสินค้าในลำดับถัดไป
ปรับกลยุทธ์ตลาดและประเมินผลขั้นตอนทั้งหมดได้แก่ วิเคราะห์การตลาด แบ่งกลุ่มตลาดตามลักษณะเฉพาะ วิเคราะห์ข้อมูลที่น่าสนใจ และการกำหนดกลุ่มลูกค้า ล้วนเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการนำมาปรับกลยุทธ์ตลาดเพื่อวางแผนให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายรวมถึงการประเมินผลด้วย
ข้อดี ข้อจำกัดในการทำ Segmentation ต่อธุรกิจ การกำหนด segmentation คือขั้นตอนสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์ทางตลาด อีกทั้งยังช่วยให้สินค้าและบริการมีการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้ามากยิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้การทำ Segmentation ต่อธุรกิจมีข้อดีหลายข้อแต่ก็มีข้อจำกัดด้วยเช่นก่อน ดังนี้
ข้อดีของในการทำ Segmentation ต่อธุรกิจแน่นอนว่าหากผู้ประกอบการทราบข้อมูลของตลาดแล้วทำการแบ่งแยกส่วนตลาดเป็นส่วนย่อย ๆ ทำให้ได้ข้อมูลลักษณะการซื้อของลูกค้าที่ละเอียดและถูกต้อง จึงทำให้ทำ segmentation คือส่งผลดีต่อธุรกิจทั้งเรื่องปรับแต่งกลยุทธ์ตลาดให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม และยังช่วยปรับแผนการตลาดเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ข้อจำกัดในการทำ Segmentation ต่อธุรกิจการทำ segmentation คือการเจาะลึกเพื่อการแบ่งกลุ่มตลาดของลักษณะการซื้อของลูกค้าที่ละเอียด แต่หากข้อมูลที่ได้ไม่เพียงพอที่อาจเกิดได้จากข้อมูลที่ระบุไม่ครบถ้วนหรือข้อมูลที่มีไม่ถูกต้อง อาจทำให้การทำ Segmentation ไม่ประสบความสำเร็จได้
ตัวอย่างการทำ Segmentationการทำ segmentation คือการทำให้ให้ธุรกิจสามารถสร้างกลยุทธ์ตลาดที่เหมาะสมสำหรับกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่ม เราจึงยกตัวอย่างการทำ Segmentation ของสินค้าเวย์โปรตีนเพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยใช้ประเภทของ Segmentation มาแบ่งส่วนตลาดซึ่งข้อมูลสามารถเพิ่มได้ตามต้องการ
1. demographic segmentation คือ (การแบ่งประชากร)
- อายุอายุระหว่าง 25-40 ปีที่มีรายได้กลางปานกลาง
2. behavioral segmentation คือ(การแบ่งพฤติกรรม)
- สนใจอาหารสุขภาพ/ออกกำลังกาย
3. Geographic segmentation คือ (การแบ่งภูมิศาสตร์)
- กลุ่มลูกค้าในพื้นที่ในเมืองใกล้เคียงกับฟิตเนส
4. Psychographic segmentation คือ(การแบ่งกลุ่มจิตวิทยา)
- กลุ่มลูกค้าที่สนใจสุขภาพและการดูแลตนเอง
5. Benefit Segmentation คือ (การแบ่งกลุ่มประโยชน์)
- ประโยชน์ทางสุขภาพ/ทานง่ายมีหลายรสชาติ
ข้อสรุปดังนั้น Market Segmentation คือการแบ่งกลุ่มตลาดตามลักษณะเฉพาะ ที่สามารถนำข้อมูลที่ได้มาปรับใช้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการได้อย่างเหมาะสม และตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่นสินค้าหนึ่งอย่างจะแบ่งข้อมูลลูกค้าได้คือ อายุ เพศ รายได้ ฯลฯ และ Market Segmentation คือส่วนที่รวมอยู่กับ STP ที่มีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 อย่างได้แก่ Segmentation Targeting Positioning ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดด้วย