ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ออมเงินด้วยกองทุน หรือ ประกันออมทรัพย์ แบบไหนดีกว่ากัน




เมื่อเข้าสู่วัยทำงานแล้วสิ่งที่เหล่ามนุษย์เงินเดือนจะเริ่มทำกันก็คือ การออมเงิน ซึ่งการออมเงินนั้นเป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ มีรายได้มากหรือน้อย ทุกคนก็ควรออมเงินและวางแผนการเงินเอาไว้แต่เนิ่นๆ ส่วนวิธีการออมเงินนั้นมีมากมายหลายวิธี ซึ่งวิธีที่นำมาฝากในวันนี้คือการออมด้วย การซื้อกองทุน และการออมด้วยการทำประกันออมทรัพย์ ประกันลดหย่อนภาษี

กองทุนรวม
สำหรับหนึ่งในวิธีการออมเงินที่หลายคนโดยเฉพาะคนในวัยทำงานนิยมเลือกก็คือ การลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งมีด้วยกัน 2 ประเภท ดังนี้

1.  กองทุนรวมเพื่อการออม Super Saving Fund (SSF)
เป็นกองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว ข้อดีของกองทุนประเภทนี้คือสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภททั้งแบบจ่ายและไม่จ่ายเงินปันผล มีระดับความเสียงให้เลือกตั้งแต่ระดับต่ำ – สูงมาก ไม่กำหนดขั้นต่ำในการซื้อ ไม่จำเป็นต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี และที่พิเศษกว่ากองทุนรวมทั่วไปคือกองทุน SSF เป็นกองทุนที่รัฐบาลอนุญาตให้สามารถนำจำนวนเงินที่ซื้อกองทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นไป โดยจะลดหย่อนแบบปีต่อปี เราซื้อปีไหน ก็ลดหย่อนในปีนั้น ในช่วงระยะเวลาตั้งแต่ปี 2563-2567

2. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ Retirement Mutual Fund (RMF)
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ เป็นกองทุนที่ส่งเสริมเกิดการออมเงินในระยะยาวไว้สำหรับใช้จ่ายยามเกษียณ โดยจะเป็นการออมแบบบังคับให้ลงทุนยาว ๆ ด้วยเงื่อนไขหลักคือ ต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง หรืออย่างน้อยที่สุดคือปีเว้นปี ถ้าเว้นมากกว่าหนึ่งปีจะถือว่าทำผิดเงื่อนไข และจะต้องมีอายุครบ 55 ปี จึงจะสามารถขายคืนหน่วยลงทุนมาใช้ได้ โดยกองทุนประเภทนี้มีข้อดีที่จะไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำต่อปี และปัจจุบันยังเพิ่มการลดหย่อนภาษีจากเดิมที่ 15% เป็นไม่เกิน 30% ของเงินได้อีกด้วย

 

ข้อดี ข้อเสีย ของการออมเงินด้วยกองทุน

ข้อดีของการออมเงินด้วยกองทุน
ข้อดี คือ ผู้ออมจะได้รับกำไรเป็นภาษีที่ได้รับการลดหย่อนตามหน่วยเงินที่ได้ลงทุนไป และเมื่อครบกำหนดระยะเวลาของการลงทุนในกองทุนก็สามารถขายหน่วยกองทุนที่เราซื้อไว้คืนเป็นเงินกลับมาได้ด้วย ประกันควบการลงทุน

ข้อเสียของการออมเงินด้วยกองทุน
ข้อเสีย คือ เป็นการลงทุนที่มีอัตราความเสี่ยงเพิ่มเข้ามา อาจเกิดปัญหาขาดทุน และเนื่องจากมีระยะเวลากำหนดในการซื้อกองทุนเป็นระยะเวลานานไม่น้อยกว่า 5 ปี จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่รีบใช้เงิน และต้องแน่ใจว่าเงินที่ลงทุนไปนั้นเป็นเงินเย็นจริง ๆ

ประกันออมทรัพย์
ประกันออมทรัพย์เป็นประกันที่เน้นการออมเงิน คล้ายกับการนำเงินไปฝากธนาคาร แต่สิ่งที่เราจะได้เพิ่มขึ้นจากผลตอบแทนแล้วยังได้รับความคุ้มครองตามมาด้วย โดยการออมเงินในแบบของประกันชีวิตสะสมทรัพย์จะมีทั้งแบบระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ที่มีอายุตั้งแต่ 3-5 ปี หรือยาวไปจนถึง 25-30 ปี เลยทีเดียว โดยมักจะกำหนดเป็นระยะเวลา 5/10 7/15 15/25 1/30 20/20 เป็นต้น ซึ่งตัวเลขเหล่านั้นจะบ่งบอกถึงจำนวนปีที่ชำระเบี้ยประกัน และจำนวนปีที่คุ้มครอง เช่น ประกันชีวิต แบบออมทรัพย์ 5/10 หมายถึง ระยะเวลาจ่ายชำระเบี้ย 5 ปี ให้ความคุ้มครองชีวิต 10 ปี โดยเมื่อครบกำหนดอายุกรมธรรม์ ก็จะได้รับเงินออมและผลประโยชน์ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ที่กำหนดไว้ เป็นต้น

 

ข้อดี ข้อเสีย ของการออมเงินด้วยประกันออมทรัพย์

ข้อดีของการออมเงินด้วยประกันออมทรัพย์
ข้อดีของประกันออมทรัพย์นั้นส่งเสริมการออมในระยะยาวจึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือออมเงินเพื่อไว้ใช้ยามชรา หรือออมไว้เพื่อเก็บเป็นทุนการศึกษาของบุตรหลานได้ และยังมีข้อดีที่ได้ทั้งเงินออม ผลตอบแทน พร้อมกับการคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมา นอกจากนี้แล้วยังมีข้อดีทั้งการไม่เสียภาษีและการลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย

ข้อเสียของการออมเงินด้วยประกันออมทรัพย์
คือ ด้วยการออมประเภทนี้เป็นการออมที่ทุนประกันไม่ค่อยสูง เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับแบบประกันประเภทอื่นๆ หากเทียบกับการออมประเภทที่ต้องจ่ายเบี้ยประกันที่เท่ากัน และประกันออมทรัพย์ยังค่อนข้างจะมีสภาพคล่องต่ำเมื่อเทียบกับการออมประเภทอื่นๆ ที่สามารถถอน หรือแปลงเป็นเงินสดได้ เป็นต้น