อิฐมวลเบา ได้มีการพัฒนาคุณสมบัติเหมาะกับการใช้งานในสภาพภูมิอากาศ และ สภาพแวดล้อมปัจจุบัน เนื่องจากคุณสมบัติของอิฐมวลเบาไม่อมความร้อน และรักษาอุณหภูมิภายในบ้านได้เป็นอย่างดี ถ้าหากใครที่กำลังวางแผนก่อผนัง หรือสร้างกำแพงด้วยอิฐมวลเบา วันนี้ทาง MTcement จะมาบอกเกี่ยวกับคุณสมบัติ รวมถึงวิธีการคำนวณ เพื่อให้คุณได้ข้อมูลอย่างครบถ้วนก่อนเลือกใช้งาน
อิฐมวลเบา คืออะไร?
"อิฐมวลเบา" ถือเป็นผลิตภัณฑ์คอนกรีตชนิดใหม่ ที่ผลิตขึ้นจากส่วนผสมธรรมชาติ ลักษณะโดยรวมคล้ายกับอิฐบล็อก แต่อิฐมวลเบาจะมีน้ำหนักเบากว่า และเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี ซึ่งประเภทที่นิยมใช้โดยทั่วไปแบ่งตามกระบวนการผลิตได้เป็น 2 แบบ ดังนี้
1. อิฐมวลเบาที่ไม่ผ่านกระบวนการอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง (Non – Autoclaved System)- ประเภทที่ 1 ใช้วัสดุเบากว่ามาทดแทน อย่างเช่น ขี้เลื่อย ขี้เถ้า ชานอ้อย หรือเม็ดโฟม วัสดุเหล่านี้จะทำให้คอนกรีตมีน้ำหนักเบาขึ้น แต่ข้อเสียคือ มีอายุการใช้งานสั้น และเสื่อมสภาพเร็ว
- ประเภทที่ 2 ใช้สารเคมี (Circular Lightweight Concrete) เพื่อให้เนื้อคอนกรีตฟู และแข็งตัวเร็ว มีการหดตัวมากกว่าประเภทแรก ข้อเสียคือ ไม่แข็งแรง และทำให้ปูนฉาบแตกร้าวได้ง่าย
2. อิฐมวลเบาระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูง (Autoclaved System)- ประเภทที่ 1 ใช้ปูนขาว (Lime Base) มาเป็นส่วนผสมหลักในการผลิต ขั้นตอนในการผลิตควบคุมได้ยาก ทำให้คุณภาพของคอนกรีตที่ได้ไม่สม่ำเสมอ และมีการดูดซึมน้ำในปริมาณที่สูงมาก
- ประเภทที่ 2 ใช้ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ (Cement Base) มาเป็นส่วนผสมหลักในการผลิต ทำให้เนื้อคอนกรีตที่ได้นั้นมีความแข็งแรง ทนทาน มากกว่าการผลิตด้วยระบบอื่น
คุณสมบัติของอิฐมวลเบา มีอะไรบ้าง
หากพูดถึงอิฐมวลเบา แน่นอนว่าต้องมีจุดเด่นมากมายที่ทำให้อิฐชนิดนี้เป็นที่นิยม แต่เมื่อมีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสียเช่นเดียวกัน ซึ่งในหัวข้อนี้ทางเราได้นำข้อดี และ ข้อเสีย มาสรุปให้ทุกคนได้ทำความเข้าใจก่อนเลือกใช้งาน
ข้อดีของอิฐมวลเบา
1. ไม่อมความร้อน เนื่องจากอิฐมวลเบามีรูพรุนในเนื้อคอนกรีต จึงทำให้สามารถกันความร้อนได้ดีกว่าอิฐทั่วไปถึง 8-11 เท่า และช่วยรักษาอุณหภูมิภายในบ้านได้เป็นอย่างดี
2. ช่วยประหยัดโครงสร้าง ด้วยขนาดและน้ำหนักมีความเบา จึงไม่เป็นปัญหาต่อการรับน้ำหนักของคาน เสา ตอม่อ และรากฐาน ทำให้สามารถช่วยประหยัดโครงสร้างได้
3. ดูดซับเสียงได้ดี เนื่องจากโครงสร้างของอิฐมวลเบามีฟองอากาศอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก จึงสามารถลดการสะท้อนของเสียงได้ดีกว่าอิฐทั่วไป
4. ได้มาตรฐานการผลิต อิฐมวลเบามีขนาดที่ได้มาตรฐานตามการผลิต เมื่อมีการใช้งานกับพื้นที่ อิฐมวลเบาจะถูกออกแบบมาให้พอดีกับพื้นที่ใช้งาน สามารถขึ้นรูป และปรับแต่งได้ง่าย
5. มีอายุการใช้งานยาวนาน เนื่องจากอิฐมวลเบาผลิตจากส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีคุณภาพ จึงทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถรับน้ำหนักและแรงกดได้ดีกว่าอิฐชนิดอื่นๆ
ข้อเสียของอิฐมวลเบา
1. สามารถนำไปปรับแต่งได้น้อย เนื่องจากอิฐมวลมีขนาดใหญ่ และถ้าหากต้องการนำไปประยุกต์ทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่ผนัง อาจจะปรับแต่งได้ค่อนข้างยาก
2. มีผลต่อความชื้น ด้วยลักษณะภายในเนื้อวัสดุมีรูพรุน จึงทำให้อิฐมวลเบาดูดซับน้ำมาก ซึ่งมีผลต่อความชื้น ไม่นิยมนำมาใช้งานภายในห้องน้ำหรือห้องครัว
3. ต้องใช้อุปกรณ์ติดตั้งเฉพาะ ถ้าหากต้องเจาะผนังเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ ต้องใช้พุกที่ออกแบบมาเพื่ออิฐมวลเบาเท่านั้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
4.มีราคาสูงกว่า หากเปรียบเทียบราคาเฉพาะค่าวัสดุ อิฐมวลเบาจะมีราคาสูงกว่าอิฐมอญ แต่ถ้าหากนำค่าวัสดุมารวมกับค่าแรงของช่างก่อสร้างแล้ว อิฐทั้ง 2 ชนิดนี้จะมีต้นทุนที่ใกล้เคียงกัน
เมื่ออ่านคุณสมบัติเหล่านี้จะเห็นได้ว่าอิฐมวลเบามีทั้งข้อดี และข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าหากคิดค่าใช้จ่ายทั้งระบบแล้ว อิฐมวลเบาจะใช้ปูนก่อที่น้อยกว่า และประหยัดเวลาในการทำได้มากกว่า หวังว่าเหตุผลเหล่านี้จะเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจให้กับคุณได้
วิธีการเลือกใช้อิฐมวลเบา ในงานแต่ละประเภท
เมื่อเราทำความรู้จักกับคุณสมบัติของอิฐมวลเบากันไปแล้ว ในหัวข้อนี้เราจะพาคุณไปเรียนรู้วิธีการเลือกใช้อิฐมวลเบาขนาดต่างๆ ให้เหมาะสมกับงานแต่ละประเภท โดยอิงขนาดอิฐมวลเบาตามมาตรฐานที่จำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป อยู่ที่ 20 x 60 x 7.5 – 20 x 60 x 25 เซนติเมตร ในเนื้อหาต่อไปนี้จะมาอธิบายถึงความเหมาะสมในการใช้งานของอิฐมวลเบา ซึ่งแต่ละแบบจะมีวิธีการเลือกใช้งานอย่างไรบ้างไปดูกันเลย!
- สร้างผนังกั้นห้องไม่มีบานเปิด ควรเลือกขนาดที่บางและเบา อิฐมวลเบาในปัจจุบันจะมีขนาดความหนาเริ่มต้นอยู่ที่ 7.5 เซนติเมตร ถือว่าเป็นสเปคต่ำสุด เหมาะกับใช้งานร่วมกับผนังภายในบ้าน หรือใช้กั้นห้องที่ไม่มีบานเปิด
- สร้างผนังห้องมีบานเปิด เลือกที่มีความแข็งแรง หากผนังไม่ได้รับการติดตั้งอย่างถูกวิธี เมื่อเปิดหรือปิดจะเกิดแรงกระแทกกลับ แนะนำให้เลือกอิฐมวลเบาที่มีขนาดความหนา 10 เซนติเมตรขึ้นไป โดยขนาดดังกล่าวจะมีความทนทาน และไม่จำเป็นต้องใช้งานร่วมกับเสาคานเอ็น
- เลือกปิดมุมเสาด้วยอิฐมวลเบาขนาด 20 เซนติเมตร ถ้าหากเป็นบ้าน 1-2 ชั้น โดยทั่วไปจะมีขนาดเสาอยูที่ 20 เซนติเมตร ควรเลือกใช้อิฐมวลเบาที่มีขนาด 20 เซนติเมตรเช่นกัน เพราะจะช่วยให้ผนังห้องต่างๆ มีขนาดเท่ากับเสาพอดี ทำให้ไม่มีมุมเสามาเป็นจุดรบกวนสายตา
- ทิศใต้ ทิศตะวันตก ยิ่งสร้างผนังหนา ยิ่งกันความร้อนได้ดี ตามหลักภูมิประเทศแล้วทิศใต้ และทิศตะวันตกจะได้รับผลกระทบจากแสงแดดในยามบ่าย หากต้องการให้บ้านเย็นสบายการเลือกใช้วัสดุกันความร้อนกับทิศทางที่กล่าวไปนี้ จึงควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
โดยขนาดของอิฐมวลเบาก่อผนังที่ใช้ในทิศใต้ และทิศตะวันตก ควรมีความหนาอยู่ที่ 10-20 เซนติเมตร ยิ่งมีความหนามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพในการกันความร้อนได้มากขึ้นเท่านั้น
วิธีการคำนวณ พื้นที่ใช้งาน
ถ้าหากคุณต้องการเลือกใช้วัสดุในการก่อสร้างผนัง หรือ กำแพงด้วยอิฐมวลเบา วันนี้ทางเราจะมาแนะนำสูตรคำนวณอย่างง่าย ในการใช้อิฐมวลเบาสำหรับงานก่อสร้างให้เพียงพอต่อพื้นที่ก่อสร้างอย่างเหมาะสม
วิธีที่ 1 คำนวณหาปริมาณอิฐที่ใช้ตามขนาดพื้นที่
โดยจำนวนและขนาดความหนาของอิฐมวลเบา ค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่ 8.33 ก้อน/ตารางเมตร คือ ขนาดพื้นที่ (ตารางเมตร) x 8.33 = ปริมาณอิฐที่ใช้งาน
ยกตัวอย่างเช่น ขนาดพื้นที่มีความสูง 3 เมตร กว้าง 2.5 เมตร (3 x 2.5 = 7.5) จะได้พื้นทั้งหมด 7.5 ตารางเมตร โดยพื้นที่ขนาด 1 ตารางเมตร จะใช้อิฐมวลเบา จำนวน 8.33 ก้อน (7.5 x 8.33 = 62.47) ดังนั้นผนังขนาด 7.5 ตารางเมตร จะต้องใช้อิฐจำนวน 63 ก้อน
วิธีที่ 2 การคำนวณปูนก่อและฉาบอิฐมวลเบา
วิธีการคำนวณปูนก่อและฉาบอิฐมวลเบา ในการคำนวณวัสดุจะยึดการก่อฉาบผนังหนา 10 เซนติเมตร โดยจะต้องคำนวณพื้นที่ของผนัง = ความสูงผนัง x ความยาวผนัง โดยปูนก่ออิฐมวลเบาสำเร็จรูป 1 ถุง เท่ากับ 50 กิโลกรัม ก่อได้ 38-40 ตารางเมตร (ก่อปูนหนา 3 มิลลิเมตร) และสำหรับปูนฉาบอิฐมวลเบาสำเร็จรูป 1 ถุง เท่ากับ 50 กิโลกรัม จะฉาบได้ 2-2.5 ตารางเมตร (ฉาบหนา 1-1.5 เซนติเมตร)
มองหาอิฐมวลเบาคุณภาพดี ต้องที่ MTcement
สำหรับใครที่กำลังมองหาหนึ่งในตัวเลือกที่ใช้ในการก่ออย่าง "อิฐมวลเบา" ขอแนะนำ MTcement ธุรกิจจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ทั้งค้าส่ง และค้าปลีกในระยะเวลายาวนานกว่า 40 ปี เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้ารายสำคัญของผู้ผลิตชั้นนำหลายแห่ง มีความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีกับผู้ผลิต ส่งผลให้เรามีอำนาจในการต่อรองราคา และสามารถจำหน่ายสินค้าในราคา
”กันเอง”หากลูกค้าท่านใดที่ต้องการใช้สินค้าเป็นจำนวนมาก ทางเราสามารถต่อรองกับบริษัทผู้ผลิตเพื่อนำเสนอ
“ราคาพิเศษ” ที่สำคัญมีทีมขนส่งเกือบทุกประเภทจากทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพ และ ปริมณฑล เพื่อให้ได้รับการบริการที่ทั่วถึง เพราะทางเราใส่ใจความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า เพื่อให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
ติดต่อสอบถามข้อมูล และข้อสงสัยต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ เพิ่มเติมได้ที่นี่
Facebook: คอนกรีตผสมเสร็จ โดย เมืองไทยซีเมนต์E-mail: info@mtcement.comLine: @mtcementTel: 088 – 554 – 1555, 02 – 328 – 0684