ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


3 ความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับวิธีรักษา อาการโคลิค

   อาการโคลิค (Colic) หรือเป็นอาการที่ลูกจะร้องไห้เป็นเวลานานติดต่อกันหลายชั่วโมง อาจจะดูเหมือนไม่ได้น่าลัวอะไร เพราะเป็นเรื่องที่เด็กทารกจะร้องไห้ แต่หาก ลูกร้องไม่หยุดโดยไม่มีสาเหตุ เป็นอาการที่ควรจับตาทารกเลย ด้วยเหตุนี้พ่อแม่หลายคนที่ขาดความเข้าใจในเรื่องของโคลิค จึงมักทำการรักษาตามความเชื่อที่สืบทอดกันมา เพราะทำแล้วคิดว่าน่าจะดี ตอนเด็ก ๆ ตนเองก็เคยถูกรักษาแบบนี้เช่นกัน เป็นวิธีใดบ้างนั้นต้องอ่าน!

1.   ใช้เหล้าขาวทาท้อง
ทารกร้องไห้ โคลิค ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเกิดขึ้นจากสาเหตุใด แต่ส่วนใหญ่จะเกิดจากความผิดปกติของระบบลำไส้ อาหารไม่ย่อย ไม่ได้เรอ พอตกค่ำ เจ้าตัวเล็กเริ่มงอแง ปู่ย่าตายายก็มักจะเอาเหล้าขาวมาทาบริเวณท้อง เพราะเชื่อว่าเหล้าขาวเมื่อทาแล้วจะทำให้ท้องของทารกหายบวม หายปวด เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง หากไม่แน่ใจว่าทารกร้องไห้เพราะสาเหตุใดแนะนำให้ไปพบกุมารแพทย์จะดีที่สุด
2.   ผูกข้อไม้ข้อมือ
เรื่องของผีสางเทวดาเป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่มีในไทยมาแต่โบราณ รวมถึงปัจจุบัน หลายครั้งที่ เด็กร้องไห้แบบหาสาเหตุไม่ได้ โดยเฉพาะตอนหัวค่ำ ก็มักจะมีการทำพิธีเรียกขวัญ ผูกข้อไม้ข้อมือเพื่อให้เด็กปลอดภัยจากสิ่งรบกวนที่มองไม่เห็น ให้เติบโตแข็งแรงไม่เจ็บไม่ป่วย แม้ว่าจะเป็นวิธีรักษาที่ไม่ถูกต้องแต่ก็อาจจะช่วยให้พ่อแม่ ครอบครัวรู้สึกสบายใจได้ อย่างไรก็ควรพบแพทย์เพื่อได้รับคำปรึกษาจะดีที่สุด
3.   ป้อนกล้วย ป้อนกระเทียม
อาการโคลิคที่เด็กจะร้องไห้ ตอนหัวค่ำอาจเกิดจากอาการหิว เพราะกินนมอย่างเดียวไม่อยู่ท้อง ด้วยความปรารถนาดี คุณปู่คุณย่าก็มักจะป้อนกล้วยให้หลานกิน บางทีก็ป้อนกระเทียมเพื่อจะช่วยให้ทารกหลับสบาย ท้องไม่อืดไม่เฟ้อ ฆ่าพยาธิได้ดี แต่ที่จริงแล้วอันตรายอย่างมากเพราะการย่อยอาหารของเด็กยังไม่ดี อาจจะทำให้เด็กเสยชีวิตได้
3 ข้อที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุด ทางออกที่ดีที่สุดคือการพบแพทย์เพื่อได้รับคำแนะนำในการดูแลเด็ก โดยส่วนใหญ่แพทย์มักจะแนะนำให้การให้เด็กรับประทานนมที่มีโปรไบโอติค ซึ่งมีแบคทีเรียชนิดดีที่จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารของลูกน้อยดีขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดการร้องไห้แบบโคลิค และต้องทำความเข้าใจว่า อาการร้องไห้ไม่หยุดนั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับทารกทุกคน โดยเมื่อเด็กอายุได้ 4 -  6 เดือนแล้วอาการโคลิคจะหายไปเอง