พลังลับ พลังฮีโร่ (Project Power)

[ซิลเวอร์ คอร์นเนอร์]

พลังลับ พลังฮีโร่ (Project Power)
บทวิจารณ์
มีบางอย่างที่ทำให้ท้อใจเกี่ยวกับหลักฐานที่สูญเปล่า หากต้องการดูภาพยนตร์หรือซีรีส์ให้ใช้ความคิดที่ดีและเกือบจะตั้งใจเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกับ “ Project Power”  อย่างใดก็เจ็บมากกว่าแค่เห็นแนวคิดบาง ๆ ที่เปิดเผยว่าไม่เพียงพอที่จะพกพาภาพยนตร์สารคดี ในแง่ของการเล่าเรื่องและซับเท็กซ์จริงมีหลายสิ่งที่ผู้สร้าง "Project Power" สามารถทำได้ แต่พวกเขาเลือกเส้นทางที่มีการต่อต้านน้อยที่สุดเปลี่ยนเรื่องราวของการควบคุมที่ถูกยึดคืนและฝังความแข็งแกร่งของมนุษย์ให้กลายเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นที่น่าเบื่อซึ่งมีเพียง ได้รับจากเสน่ห์ของดวงดาวและความรวดเร็วในการสร้างภาพยนตร์ เกือบจะเหมือนกับว่าพวกเขากลัวที่จะปลดปล่อยพลังภายในโครงการของตัวเอง

ลองนึกดูว่ามียาที่สามารถทำให้คุณเป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้สักห้านาทีหรือไม่ คุณไม่รู้ว่าพลังอะไรจะถูกปลดปล่อยออกมาจนกว่าคุณจะได้รับมันในครั้งแรก คุณอาจลุกเป็นไฟที่ไม่ทำร้ายคุณ แต่จุดไฟทุกอย่างรอบตัวคุณ คุณอาจจะอยู่ยงคงกระพัน คุณอาจจะระเบิด คุณจะลองไหม โครงสร้างอำนาจของสังคมจะทำอย่างไรกับความสามารถนี้ในการสร้างซูเปอร์ฮีโร่ทันที (และ supervillains) และที่น่าสนใจกว่านั้นมันจะทำอะไรกับชุมชนของผู้คนที่มีอำนาจที่ถูกปลดออกจากพวกเขามาหลายชั่วอายุคน

สถานที่แห่งหนึ่งที่โศกนาฏกรรมอธิบายโครงสร้างอำนาจได้อย่างชัดเจนคือนิวออร์ลีนส์สถานที่สำหรับ "Project Power" มีคนปล่อยยานี้ไปยังชุมชนที่ยากจนซึ่งยังคงถูกกวาดล้างจากพายุเฮอริเคนแคทรีนาและนำไปสู่ความโกลาหลโดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่นอาชญากรที่ค้นพบว่าการเสพยาทำให้เขากลายเป็นกิ้งก่าพลังสูงคนที่สามารถผสมผสานเข้ากับสภาพแวดล้อมใด ๆ และโดยพื้นฐานแล้วจะกลายเป็นโจรปล้นธนาคารที่มองไม่เห็น ในเนื้อหาฉากแอ็คชั่นที่ดีที่สุดของภาพยนตร์เจ้าหน้าที่ NOPD ชื่อ Frank ( Joseph Gordon-Levitt) ไล่ตามชายที่มองไม่เห็นสมัยใหม่คนนี้ไปตามถนนที่แออัดในขณะที่เป้าหมายของเขาผสมผสานเข้ากับทุกสิ่งรอบตัวเขา (เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่มีคนเห็นรายงานงบประมาณมูลค่า 85 ล้านดอลลาร์ที่นี่) เขาเป็นตำรวจที่ไม่เพียง แต่เต็มใจที่จะลองผลิตภัณฑ์ที่ฉีกขาดจากชุมชนของเขาเท่านั้น แต่ยังเพิกเฉยต่อคำสั่งซื้อจากหัวหน้าของเขาเพื่อไปสู่จุดสูงสุดของสายการผลิต และเสื้อเชียร์ของ Saints แสดงให้เห็นว่าเขารักเมืองของเขามากแค่ไหน (กลีสันแน่นอน)     ขอขอบคุณบทความคุณภาพ จาก ดูหนังออนไลน์


ในขณะที่แฟรงก์หาทางลงจากเครือข่ายยาเสพติดเขาได้ข้ามเส้นทางกับอาร์ท ( เจมี่ฟ็อกซ์ ) คนที่มีความผูกพันส่วนตัวอย่างชัดเจนกับอุตสาหกรรมสามานย์ หลังจากการเสียชีวิตของดีลเลอร์ Art จบลงด้วยการร่วมมือกับหญิงสาวชื่อ Robin ( Dominique Fishback ) ในขณะที่ร่างวายร้ายนามว่า Biggie ( Rodrigo Santoro ) แฝงตัวอยู่เบื้องหลัง คุณจะเห็นว่ายาดังกล่าวได้รับการขัดเกลาโดยพลังที่อยู่ในชุมชนที่ยากจนทั่วประเทศซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์ของประเทศนี้ด้วยการดูแลสุขภาพและการทดลอง แต่Mattson Tomlinนักเขียนไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากผิวเผิน วายร้ายใน“ Project Power” - Amy Landeckerเข้าใจผิดอย่างน่าอนาถ แสดงให้เห็นถึงแสงจ้าในฉากสุดท้าย – เป็นรูปแบบแอ็คชั่นคลาสสิก

ทุกครั้งที่“ Project Power” คุกคามว่าจะกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจและน่าสนใจยิ่งขึ้นมันก็ดึงกลับมาจากขอบนั้น มีอะไรบางอย่างที่ขับเคลื่อนในการแสดงของ Foxx ที่อยู่ในภาพยนตร์ที่ดีกว่า - เขาทำที่นี่ได้มากโดยมีน้อยมากและมีพลังงานสำหรับทิศทางของHenry Joost & Ariel Schulmanที่เปลี่ยนไปมาระหว่างแรงผลักดันและความสิ้นหวัง มันเป็นภาพยนตร์ที่สามารถใช้งานได้ถ้ามันหลุดออกไปนอกขอบเหมือนภาคต่อของ“ Crank” และมีหลายครั้งที่รู้สึกว่ากำลังจะทำเช่นนั้นเช่นในฉากแอ็คชั่นไร้สาระที่ถ่ายจาก POV ที่ไม่คาดคิด แต่แล้ว หยุดตัวเอง ใช่แล้วเรามีเงิน Netflix จำนวนมากในการทำงานที่นี่เราไม่ควรรับความเสี่ยงใด ๆ

และการขาดความเสี่ยงนี้ขยายไปถึงธีมและตัวละคร ตำรวจที่ต้องกินยาเพื่อให้รู้สึกปลอดภัย ชายผิวดำที่ครอบครัวของเขาถูกแยกออกจากกันหลังจากที่เขารับใช้ชาติ - นี่คือพื้นเพอันอุดมสมบูรณ์ ... ที่ไม่มีการปลูกอะไร มันเหมือนกับว่ามีคนเทไอเดียดีๆออกมาบนโต๊ะในห้องของนักเขียนจากนั้นทีมงานก็พยายามสร้างสรรค์สิ่งนั้นให้กลายเป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นทั่วไปที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้ฉันบิด เล่าเรื่องที่ไม่คาดคิดให้ฉันฟัง ให้ฉันเป็นคนเลว ให้สิ่งที่หนาแน่นตามหัวข้อ อะไรก็ได้!

ในช่วงฤดูร้อนปกติ“ Project Power” อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับภาพยนตร์ราคาประหยัดที่เล่นในโรงมัลติเพล็กซ์ทั่วประเทศ ตามที่เป็นอยู่เราไม่ได้รับภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่องใหญ่ในปีนี้และน่าจะเป็นโอเอซิสมากกว่าที่เคยเป็นมา ใครไม่ต้องการการหลบหนีแบบหวือหวาในเดือนสิงหาคม 2020 อย่างไรก็ตามเมื่อพลังของโครงการนี้หมดไปให้ถามตัวเองว่าคุณสามารถทำอะไรได้บ้างกับแนวคิดนักแสดงและงบประมาณ ท้ายที่สุดแล้วพลังที่แท้จริงอยู่ที่วิธีที่คุณใช้