“ตดหมูตดหมา” สมุนไทยที่มีสรรพคุณใช้เป็น
ยาเบาหวานได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้ชื่อจะฟังดูตลกไปหน่อย แต่ก็ช่วยลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณแก้ปวดเมื่อยอีกด้วย ซึ่งตดหมูตดหมา หรือกระพังโหมที่คนไทยชอบเรียกกัน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Paederia linearis Hook. f.
และนอกเหนือจากสรรพคุณในการใช้ทานเป็น
ยาเบาหวานและแก้ปวดเมื่อยแล้ว หมอยาพื้นบ้านยังใช้ตดหมูตดหมาเป็นส่วนผสมของยาอายุวัฒนะเช่นเดียวกัน เพราะด้วยความเชื่อที่ว่า หากรับประทานเป็นประจำจะสามารถเพิ่มพละกำลังให้แก่ร่างกาย ไปจนถึงการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยให้กระดูกที่หักติดกันได้ง่าย และสรรพคุณในด้านอื่น ๆ
ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี หนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับใช้เป็นยาเบาหวานสารสกัดจาก
ใบตดหมูตดหมาใช้เป็นยาเบาหวานได้ เนื่องจากสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ และยังมีมีสรรพคุณเพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลิน (insulin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสำคัญที่คอยควบคุมและลดระดับน้ำตาลในกระแสเลือด
จากการนำไปใช้เป็น
ยาเบาหวานให้กับหนูทดลอง ผลปรากฏว่า สารสกัดจากใบตดหมูตดหมานั้น มีผลทำให้ HbA1C ในกระแสเลือดลดจำนวนลง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติพิเศษของสุมนไพรตดหมูตดหมา ในการช่วยลดระดับน้ำตาลให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
นอกเหนือจากใช้เป็นยาเบาหวานแล้ว ตดหมูตดหมายมีสรรพคุณอะไรอีกนอกเหนือจากการใช้เป็น
ยาเบาหวานได้อย่างมีคุณภาพแล้ว ตดหมูตดหมายังมีสรรพคุณที่โดดเด่นอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น แก้ปวดเมื่อย ขับลม ขับ
ปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อน ๆ ขับน้ำนม แก้อาการปวดที่เกิดจากพยาธิ ซึ่งหมอยาพื้นบ้านจะนิยมใช้ตดหมูตดหมามาต้มรวมกับสมุนไพรไทยชนิดอื่น ๆ ในการรักษาโรคและอาการเหล่านี้ ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีให้เห็นกันอยู่
จะหาซื้อตดหมูตดหมา มากินเป็นยาเบาหวานได้อย่างไรด้วยสรรพคุณที่นำมาใช้เป็นยาของ
สมุนไพรไทยอย่าง “ตดหมูตดหมา” ทำให้ผู้ป่วยและใครหลายคนอยากได้มันมาครอบครอง แต่ทว่า ในประเทศไทยยังไม่มีการพัฒนาสมุนไพรตดหมูตดหมาเป็นยาอย่างเป็นทางการ เนื่องจากติดข้อกฎหมายหลายประการ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่สามารถหาซื้อตดหมูตดหมาเป็น
ยาเบาหวานแบบแคปซูลมารับประทานได้ แต่ก็ยังดีที่หาต้นตดหมูตดหมาสด ๆ มาทานได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะสมุนไพรชนิดนี้ มีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี เข้ากับดินในประเทศไทยได้แทบทุกชนิด แต่ส่วนใหญ่จะชอบดินร่วนซุย แสงแดดจัด เป็นพิเศษ อีกทั้งยังทนความแห้งแล้งได้ดี จึงพบเห็นได้ทั่วไปตามที่รกร้าง ในป่าธรรมชาติ เช่น ตามป่าผสมผลัดใบ ป่าเต็งรัง เป็นต้น.