ทุกวันนี้มีเรื่องให้ปวดหัวได้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นมาจากเรื่องการงาน ครอบครัวหรือแม้แต่สภาพแวดล้อมต่างๆ ส่งผลกระทบต่อจิตใจคุณได้ตลอดเวลา หากคุณเริ่มปวดหัวตุบๆ ตลอดเวลา รับประทานยาแก้ปวดไมเกรนก็แล้ว นอนพักผ่อนก็แล้ว ฝังเข็มไมเกรนแต่อาการปวดก็ยังไม่ดีขึ้น คุณอาจจะกำลังปวดหัวจากโรคไมเกรน
ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ได้มีนวัตกรรรมการรักษาอาการปวดหัวเรื่องรังได้ด้วย
โบท็อกไมเกรน สำหรับใครที่สนใจอยากรักษาด้วยฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับโบท็อกไมเกรนให้มากขึ้น
การโบท็อกไมเกรน คืออะไรหลายคนอาจจะคิดว่าการฉีดโบท็อกสามารถใช้ได้แค่ในวงการความงามเท่านั้น แต่ทุกวันนี้เราได้มีเทคโนโลยีมากมายทำให้โบท็อกนำมาใช้รักษาโรคอื่นๆ ได้ ซึ่งสำหรับใครที่มักมีอาการปวดหัวจากความเครียด หรือมีอาการปวดหัวบ่อยๆ โบท็อกไมเกรนสามารถช่วยลดอาการปวดให้กับคุณได้
ฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน มีวิธีอย่างไรบ้างถึงแม้ว่าการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนเป็นการนำโบท็อกที่ใช้ในความสวยความงาม แต่จะต่างกันตรงที่คุณหมอจะนำมาฉีดเพื่อรักษาผู้ที่มีอาการปวดไมเกรน เพราะในตัวยาจะเป็น Botulinum toxin ที่ใช้ในการรักษาไมเกรนโดยเฉพาะ
ซึ่งนอกจากจะใช้รักษาอาการปวดหัวเรื้อรังได้แล้วโบท็อกไมเกรนยังสามารถรักษาอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อแข็งและเกร็ง อีกทั้งยังสามารถใช้รักษาผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย ซึ่งคุณควรฉีดในปริมาณ 100 ยูนิต หรือใช้ในปริมาณที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
หลังจากโบท็อกไมเกรนมีผลข้างเคียงอย่างไรเมื่อคุณได้รับการรักษาด้วยการฉีดโบท็อกไมเกรนแล้ว คุณอาจจะมีอาการข้างเคียงได้โดยจะขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล โดยอาการแพ้ Botulinum toxin ไมเกรนจะมีอาการแพ้ ได้แก่ อาการปวด คันในบริเวณที่ฉีด นอกจากนี้อาจจะมีบวมช้ำเกิดขึ้นได้หรือบางคนอาจจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
แต่อาการเหล่าสามารถหากได้เองและมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ถ้าหากผ่านไปหลายสัปดาห์แล้วอาการแพ้ของคุณยังไม่ดีขึ้นเราแนะนำให้คุณควรรีบไปพบแพทย์
หลังจากฉีดโบท็อกไมเกรนควรดูแลตัวเองแบบไหนการฉีดโบท็อกไมเกรนเสร็จถึงแม้ว่าคุณจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยหลังจากฉีดโบท็อกไมเกรนคุณจะต้องปฏิบัติตามดังต่อไปนี้
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- ลดการดื่มเครื่องดื่มพวกชา กาแฟ เนื่องจากในเครื่องดื่มเหล่านี้มีคาเฟอีน ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
- คุณควรแบ่งเวลานอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อที่จะได้ฝึกนิสัยการนอนให้เป็นเวลามากขึ้น
- พยายามลดความเครียดและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะกระตุ้นให้เกิดความเครียด
- หลีกเลี่ยงในสถานที่ที่มีเสียงดังและที่มีแสงจ้ามากเกินไป เพราะสภาพแวดล้อมเหล่านี้สามารถกระตุ้นการให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
อีกหนึ่งกิจกรรมที่คุณควรปฏิบัติหลังจากฉีดโบท็อกไมเกรนคือ คุณควรออกกำลังอย่างเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายจะทำให้เลือกสูบฉีดแล้วเมื่อเลือดสูบฉีดมากๆ ก็จะส่งผลไปเลี้ยงสมองได้ดี
นอกจากนี้การออกกำลังกายยังเป็นอีกหนึ่งวิธีการป้องกันโรคสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงานและการทำกิจกรมต่างๆ
ควรฉีดโบท็อกไมเกรนที่ไหนดีสำหรับใครที่ต้องการรักษาอาการปวดหัวเรื้อรังด้วยโบท็อกไมเกรน แต่ยังไม่ทราบว่าเราจะมีวิธีการเลือกฉีดโบท็อกไมเกรนกับคลินิกที่ไหนดี หรือจะเดินทางไปรักษาไมเกรนที่ไหนดี โดยเราก็มีแนวทางให้คุณดังต่อไปนี้
คลินิกที่ให้บริการจะต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีความน่าเชื่อถือ เครื่องมือมีความสะอาดปลอดภัย ทันสมัยได้รับมาตรฐาน นอกจากนี้สถานที่ที่คลินิกที่คุณไปรักษานั้นจะต้องเดินทางไปได้อย่างสะดวก เพราะถ้าคุณเกิดอาการข้างเคียงตามมาภายหลังจะได้เดินทางไปพบแพทย์ได้ทันเวลา
ซึ่งคลินิกที่เราอยากจะมาแนะนำคุณเดินทางไปรักษาไมเกรนคือ BTX Migraine Center เป็นคลินิกที่ให้บริการฉีดโบท็อกไมเกรนอย่างมีมาตรฐานสากล มีความสะอาดและทันสมัย อีกทั้งคุณยังสามารถเดินทางมาพบแพทย์ของเราได้สะดวก เพราะคุณสามารถเดินทางมาโดยการขึ้น MRT จากนั้นลงที่สถานีพหลโยธิน และเดินเท้าต่อเพียง 5 นาที คุณก็จะถึงคลินิกของเรา
สรุปการปวดหัวไมเกรนนั้นสามารถเกิดได้กับทุกคน สำหรับใครที่พยายามรักษาการปวดหัวไมเกรนด้วยวิธีการรับประทานยาแก้ปวดแล้วอาการยังไม่บรรเทา แต่การฉีดโบท็อกไมเกรนสามารถบรรเทาอาการปวดหัวของคุณได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
โดยคุณสามารถเดินทางมาฉีดโบท็อกไมเกรนได้กับ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ อุปกรณ์พร้อมครอบครัว และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย หากคุณสนใจต้องการใช้บริการฉีดโบท็อกไมเกรน หรือหากมีคำถามสงสัยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกไมเกรน โดยคุณสามารถติดต่อมาได้ที่ Line: @ayaclinic