การดื่มกาแฟสดมีเสน่ห์ในแบบที่กาแฟสำเร็จรูปไม่มี คอกาแฟหลาย ๆ คนก็จะรู้ได้เลยว่าให้รสชาติและกลิ่นหอมที่แตกต่างทั้งความนุ่มลึก ความเข้มข้น และรสชาติติดปลายลิ้นอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชนิดกาแฟ ทั้งยังให้
ประโยชน์กาแฟอย่างเต็มที่ ซึ่งความหอมและความเข้มของกาแฟนั้นเราดูได้จาก ระดับการคั่วกาแฟ ซึ่งควรรู้จักไว้ก่อน เวลาไปสั่งกาแฟสดจะได้เลือกความเข้มได้ถูกใจ สัมผัสสุนทรียะในการดื่มกาแฟได้มากกว่าที่เคย
ระดับความเข้มของกาแฟ วัดได้จากการคั่ว
แน่นอนว่ากาแฟสดที่ก่อนจะนำมาชงดื่มกันนี้ต้องผ่านกรรมวิธีตากแห้งและคั่วบดมาก่อนทั้งนั้น ซึ่งการคั่วเมล็ดกาแฟนั้นจะให้สีและกลิ่นที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ซึ่ง
ระดับการคั่วของกาแฟ หลัก ๆ แล้วก็จะมีทั้งหมด 3 ระดับด้วยกัน
ระดับ 1 คั่วอ่อน
การคั่วอ่อนจะเป็นการนำเมล็ดกาแฟมาคั่วที่อุณหภูมิระหว่าง 180-205 องศาเซลเซียส ในระยะเวลาสั้น ๆ จะคงกลิ่นและรสชาติของเมล็ดกาแฟแบบดั้งเดิมไว้มากที่สุด คือ มีความเป็นผลไม้ มีกลิ่นไปทางธัญพืช มีความอมเปรี้ยวอยู่เล็กน้อย สีของเมล็ดกาแฟจะเป็นน้ำตาลอ่อนและแทบจะไม่มีมีน้ำมันเคลือบผิว ไม่เหมาะจะนำไปชงเมนูกาแฟผสมนมอย่างมอคค่า ลาเต้ เพราะจะอมเปรี้ยวนิดหน่อย นิยมไปชงเป็นเมนูกาแฟดำมากกว่า
ระดับ 2 คั่วกลาง
การคั่วกลางจะใช้ความร้อนที่อุณหภูมิ 210-230 องศาเซลเซียส ใช้เวลาในการคั่วที่นานขึ้น เมล็ดกาแฟจะมีความหอมเข้มขึ้น ผิวมีสีน้ำตาลที่เข้มขึ้น เป็น ระดับความเข้มของกาแฟ ที่นิยมกันมาก และนำไปชงเมนูกาแฟได้หลากหลายเมนูทั้งเมนูกาแฟดำอย่างเอสเพรสโซ่ อเมริกาโน่ และเมนู
ถ้วยใส่กาแฟนมอย่าง ลาเต้ มอคค่า คาปูชิโน่ เป็นต้น ให้รสที่กลมกล่อมหอมกำลังดี
ระดับ 3 คั่วเข้ม
เป็นระดับการคั่วสูงสุด ใช้อุณหภูมิ 240-250 องศาเซลเซียส และใช้เวลาในการคั่วนานที่สุด เมล็ดกาแฟมันวาวมีสีน้ำตาลเข้มเหมือนช็อกโกแลต จะมีกลิ่นหอมไหม้อ่อน ๆ และมีรสชาติที่ขม รสชาติของกาแฟแบบดั้งเดิมหายไป เหมาะกับคอกาแฟที่ชอบความเข้มสูงสุด ชงได้ทั้งเมนูกาแฟดำ และกาแฟผสมนมที่ต้องการกลิ่นและความเข้มอย่างมอคค่า คาปูชิโน่ และมัคคิอาโต้ กลิ่นไหม้อ่อน ๆ จะไปได้ดีกับฟองนมนุ่ม ๆ หอม ๆ
รู้แล้วว่า ระดับการคั่วกาแฟ มีกี่แบบกันแล้วทีนี้เวลาไปสั่งกาแฟก็จะได้แจ้งบอกบาริสต้าได้ถูก รับรองว่าดูโปรขึ้น ได้ดื่มกาแฟที่ถูกจริตและตรงใจขึ้นแน่นอน