VPN คืออะไร? Virtual Private Network มีประโยชน์อย่างไรบ้าง?

[พรสัก ส่องแสง]

ปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตยังคงเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของทุกคน ที่ต้องใช้ในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ จากทั่วโลก ความปลอดภัยในโลกออนไลน์ หรือ cybersecurity จึงถือเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก VPN คือเทคโนโลยีที่มีส่วนช่วยในการสร้างเครือข่ายส่วนตัวเสมือนระหว่างอุปกรณ์ของเรา เข้ากับอินเทอร์เน็ต เหมือนกับอุโมงลับที่ช่วยปกป้องข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตของเราจากการถูกสอดแนม บทความนี้จะมาตอบข้อสงสัยว่า VPN คืออะไร? รวมถึงวิธีการเลือกผู้ให้บริการอย่างปลอดภัย

VPN คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร?

VPN คือ เทคโนโลยีที่ย่อมาจาก Virtual Private Network หรือเรียกในภาษาไทยว่า "เครือข่ายส่วนตัวเสมือน" เป็นระบบที่สร้างการเชื่อมต่อแบบเข้ารหัสระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้งานกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ผ่านอินเทอร์เน็ต

โดยการทำงานของ VPN คือการสร้างอุโมงค์ส่วนตัวที่ปกป้องข้อมูลของคุณระหว่างการใช้งานออนไลน์ เมื่อคุณเชื่อมต่อผ่าน private VPN ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเข้ารหัสและถูกส่งผ่าน VPN IP ของเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือก ทำให้ตำแหน่งที่อยู่จริงและข้อมูลการใช้งานของคุณถูกปกปิดจากบุคคลที่สาม ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แฮกเกอร์ หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่คุณเข้าใช้งาน

ประโยชน์ของ VPN มีอะไรบ้าง?

การใช้ VPN ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การรักษาความปลอดภัยข้อมูลเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์หลากหลายด้านที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในยุคดิจิทัล เมื่อเราเชื่อมต่อผ่านระบบ VPN จะได้รับประโยชน์ เช่น

- การปกป้องความเป็นส่วนตัวออนไลน์ โดย VPN จะเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดที่รับส่งผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้แฮกเกอร์ไม่สามารถขโมยข้อมูลสำคัญของเราได้
- การมุด VPN คือฟีเจอร์ที่จะช่วยให้เราสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกบล็อกที่มีการจำกัดการเข้าถึงได้ เช่น บริการสตรีมมิ่งต่างประเทศ หรือเว็บไซต์ที่ถูกจำกัดการเข้าถึงในบางพื้นที่
- ช่วยหลีกเลี่ยงการถูกติดตามพฤติกรรมออนไลน์จากบริษัทโฆษณาและผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
- นอกจากนี้ SSL VPN ยังเป็นที่นิยมในองค์กรธุรกิจ เพราะช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงระบบเครือข่ายภายในองค์กรได้อย่างปลอดภัยแม้จะทำงานจากที่บ้านหรือสถานที่อื่น

รูปแบบของ VPN ที่นิยมใช้
VPN สามารถแบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ได้ 3 รูปแบบตามลักษณะการใช้งาน ดังนี้
- Remote Access VPN เป็นประเภทที่ใช้งานกันทั่วไปที่สุด โดยผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับ private VPN จากระยะไกลผ่านอินเทอร์เน็ต เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการความปลอดภัยในการท่องเว็บ
- Site-to-Site VPN คือรูปแบบของ VPN ที่นิยมใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีสำนักงานหลายแห่ง เพื่อเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสาขาเข้าด้วยกัน
- SSL VPN คือ VPN ที่ใช้โปรโตคอล Secure Sockets Layer ในการเข้ารหัสข้อมูล มักใช้ในการเข้าถึงระบบเครือข่ายขององค์กรผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์เพิ่มเติม ทำให้สะดวกและปลอดภัยสำหรับการทำงานระยะไกล

VPN มีวิธีเลือกผู้ให้บริการอย่างไร ให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

การเลือกผู้ให้บริการที่เหมาะสมสำหรับการใช้ VPN คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การใช้งานเครือข่ายส่วนตัวเสมือนมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาอันดับแรกคือนโยบายความเป็นส่วนตัว ควรเลือกผู้ให้บริการที่ไม่เก็บบันทึกข้อมูลการใช้งาน (No-logs Policy) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

ปัจจัยที่สองคือความเร็วและเสถียรภาพของเซิร์ฟเวอร์ VPN ควรมีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกหลากหลายประเทศและมีความเร็วที่เพียงพอสำหรับการใช้งาน

และปัจจัยสุดท้ายที่สำคัญคือระบบรักษาความปลอดภัย ควรรองรับการเข้ารหัสมาตรฐานสูงและมีฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น Kill Switch ที่จะตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทันทีหาก VPN หลุด นอกจากนี้ ควรพิจารณาราคาค่าบริการ การรองรับอุปกรณ์หลากหลายแพลตฟอร์ม และคุณภาพของการให้บริการลูกค้าประกอบการตัดสินใจด้วย

สรุป VPN มีประโยชน์อย่างไรในชีวิตประจำวัน?
ในยุคที่ภัยคุกคามด้าน cybersecurity มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การใช้ VPN คือเครื่องมือที่สำคัญในการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และเป็นการรักษาความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าเราจะใช้ VPN เพื่อจุดประสงค์ในการท่องเว็บ การทำธุรกรรมออนไลน์ หรือการเข้าถึงระบบเครือข่ายขององค์กร การเลือกใช้ผู้ให้บริการ VPN ที่เหมาะสม และเรียนรู้วิธีการใช้งานที่ถูกต้อง จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ