ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


งานไมเนอร์ กรุ๊ฟ ในประเทศไทย minor food Thailand

งานไมเนอร์ กรุ๊ฟ ในประเทศไทย minor food Thailand
« เมื่อ: กันยายน 23, 2019, 03:30:42 AM »
Minor food Thailand ทำธุรกิจในบ้านเรามาเป็นเวลานาน มีประวัติความเป็นมาที่เรียกว่าประวัติ ไมเนอร์ ฟู้ดที่ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ร้านอาหารของประเทศไทย เนื่องจากแบรนด์ ไมเนอร์ ฟู้ด จะได้เป็นที่รู้จักของคนรุ่นหลังว่างาน ไมเนอร์ ฟู้ดนั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน ไมเนอร์ ฟู้ดมีการขยายธุรกิจอย่างมาก และรวดเร็ว โดยการเข้าซื้อกิจการร้านอาหาร ที่มีชื่อเสียง และมีผลประกอบการที่ดี เช่น ร้านอาหารในต่างประเทศ แล้วนำมาพัฒนาเพื่อให้เป็นร้านอาหารในประเทศไทย หรือแม้แต่การซื้อแล้วเปิดทำการหรือดำเนินการในต่างประเทศก็มี แต่ส่วนใหญ่ก็จะนำเข้ามาบริหารในประเทศไทย เช่น ร้านเบเกอร์ คิงส์ ร้านแฮมเบเกอร์ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นร้านแฮมเบเกอร์ที่ใช้เนื้อที่ปรุงแฮมเบเกอร์ที่แตกต่างจากร้ายแฮมเบเกอร์อื่น ๆ ซึ่งเมื่อเข้ามาเปิดตลาดในบ้านเราแล้วทำให้ขายดีเป็นอย่างมาก นอกนั้นก็มีร้านอาหารในบ้านเราซึ่งอาจมีการเจรจากันยังไม่เรียบร้อย เช่น
MINOR FOOD THAILAND ทุ่มทุน 5 พันล้านเพื่อต้องการเทคโอเวอร์ ร้านเอส แอนด์ พี ของตระกูล ศิลาอ่อน-ไรวา ซึ่งยังไม่มีข่าวคืบหน้า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2554 บริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ร้านอาหารชั้นนำ อาทิเช่น เดอะ พิซซ่า คอมปะนี, สเวนเซนส์, ซิซซ์เล่อร์, แดรี่ ควีน, เบอร์เกอร์ คิง และเดอะ คอฟฟี่ คลับ ได้ทำการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ไทยว่าที่ประชุมคณะกรรมการของ บริษัทไมเนอร์ กรุ๊ฟ เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2554 ได้มีมติอนุมัติให้ไมเนอร์ กรุ๊ฟ ทำคำเสนอเพื่อการซื้อหุ้นทั้งหมดของ S&P รวมจำนวนหุ้นทั้งหมดจำนวน 72,302,773 หุ้น โดยไม่รวมหุ้นซื้อคืน (Treasury Stock) และหุ้นที่ไมเนอร์ ฟู๊ด ถืออยู่ ในราคาหุ้นละ 70 บาท คิดเป็นเงินทั้งสิ้น 5,061.19 ล้านบาท โดยไมเนอร์ ฟู๊ด คาดว่าจะยื่นแบบประกาศเจตนาดังกล่าวในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการเบ็ตเสร็จ และคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 247 - 4) ภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2554 และวันที่ 8 กันยายน 2554 ตามลำดับ
ทั้งนี้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขและวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2554
ภายหลังจากที่บริษัทได้รับแบบ 247-3 และ/หรือแบบ 247-4 จากไมเนอร์ ฟู๊ด แล้วบริษัทจะแจ้งความคืบหน้าต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไป ทั้งนี้บริษัทได้รับแจ้งจากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่คือ กลุ่มครอบครัวศิลาอ่อนและครอบครัวไรวาว่าจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทต่อไป และจะไม่ขายหุ้นที่ถืออยู่ในการทำคำเสนอซื้อสำหรับครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันไมเนอร์ ฟู้ด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในเอสแอนด์พีจำนวน 25.7 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.62%  ขณะที่ตระกูลศิลาอ่อนและไรวาถือหุ้นกระจายกัน แต่เมื่อรวมกันแล้วคิดเป็นสัดส่วนประมาณ42-43%
MINOR และ S&P ออกมาร่วมกันสยบข่าว ไม่มีการซื้อ-ขาย แต่กิจการจะมีความแนบแน่นกว่าเดิม ธุรกิจร้านอาหารขณะนี้ถือว่ามีความเคลื่อนไหวไปในทางที่ดี และน่าจับตามอง แต่ที่ฮือฮาที่สุดในช่วงปลายสัปดาห์ ที่ผ่านมาเห็นจะเป็นข่าวที่ว่าไมเนอร์ หรือ MINT ประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นของ "เอส แอนด์ พี" กลุ่มธุรกิจร้านอาหารของตระกูลศิลาอ่อน และไรวา หรือพูดง่าย ๆ ก็คือการทำการเทกโอเวอร์นั่นเอง แต่ไม่มีการตกลงกัน กลับเป็นว่าทั้งสองฝ่ายออกมาปฏิเสธ แต่ยังรักษามิตรภาพกันอย่างดีต่อไป