แฟรนไชส์กูรู    คุณสมจิตร ลิขิตสถาพร
6.6K

เจาะใจ! วิสัยทัศน์สมาคมแฟรนไชส์ไทย (TFA) โดยคุณสมจิตร ลิขิตสถาพร

 

: อยากทราบวิสัยทัศน์ของสมาคมธุรกิจแฟรนไชส์และไลเซ็นส์ (คร่าวๆนะครับ)

: วิสัยทัศน์ของนายกสมาคม TFA ได้แก่

  • สมาคมแฟรนไชส์ไทย ทำมานานเป็น 10 ปีแล้ว แต่ถ้าพูดถึงบทบาท  เมื่อก่อนนี้ มันก็แตกต่างกัน คือสมัยก่อนเป็นการให้ความรู้กับประชาชน ซึ่งถือว่า ประชาชนรู้จักคำว่าแฟรนไชส์จากทางเรา จนถึงทุกวันนี้ เราเชื่อว่ามีปะรชาชนเกิน 50% ที่รู้จัก ระบบแฟรนไชส์ รู้ถึงประโยชน์ของแฟรนไชส์ ซึ่งนี่คือบทบาทที่ผ่าน ๆ มา  ส่วนในช่วงกลาง ๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายนัก จนมาถึงวันนี้  ซึ้งในตอนเริ่มต้น พี่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเลขาของสมาคม ซึ่งในช่วงกลาง ๆ ไม่ได้ดูแลอะไร จนมาถึงช่วงนี้ นายกสมาคมคนเก่าไม่ต้องการดำรงตำแหน่งแล้ว พี่จึงมารับช่วงต่อแท

: ตอนที่เข้ามารับตำแหน่ง นี่เป็นช่วงไหนครับ?

ก็ช่วงปีนี้  แล้วทีนี้ ก็คือว่า ที่มารับตำแหน่งเนื่องจากพี่เห็นว่า มีการเติบโตของแฟรนไชส์ ในลักษณะแฟรนไชส์ซี มันโอเค มีจำนวนมาก  โดยประมาณการเฉลี่ย ปีนึงมันเติบโตประมาณ 25% และผู้ที่สนใจแฟรนไชส์เติบโตค่อนข้างดี แต่ว่าการเติบโตในกลุ่มของแฟรนไชส์ซอร์มันต่ำมาก ในแต่ละปีจะมีคนที่ทำธุรกิจแฟรนไชส์น้อย สมมุติ ปีนึง มีคนประกาศตัวออกมาประมาณ 20 บริษัท ว่าจะทำเป็นแฟรนไชส์  แต่ว่าจำนวนที่จะเติบโตขึ้นไป อยู่ไปถึง 5 ปี หรือไปเรื่อย ๆ และมั่นคง มีน้อย พี่คิดว่ามีประมาณไม่ถึง 5 บริษัท

 

: จาก 20 จะเหลือไม่ถึง 5

: ถึงแม้ว่าปีนึง จะมีเพิ่มเพียง 5 บริษัทก็จริง  แต่ 5 บริษัทนี้ ก็สามารถที่จะสร้าง ผู้ประกอบการใหม่ ได้จำนวนมาก แต่ว่า ดีมานด์ กับ ซัพพลาย ไม่สอดคล้องกัน  ความต้องการที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจ  ความต้องการอยากจะลงทุน มันมีมาก แต่ว่าตัวเลือก มันมีน้อย และถ้าหากเรามีการ พัฒนาในส่วนของ แฟรนไชส์ซอร์ ขึ้นมาได้ มันก็จะมีผลดีต่อระบบธุรกิจ

พี่จึงคิดว่า ทำยังไงให้มีกลุ่มของธุรกิจแฟรนไชส์ มากขึ้น
  1. ในแง่ของความเข้มแข็งของธุรกิจ
  2. ในแง่ของปริมาณ
สำหรับพี่อยากจะบอกว่า จำนวนแฟรนไชส์ ประมาณ 200-300 บริษัทถึงจะดี


: อันนี้หมายถึงในส่วนของแฟรนไชส์ซอร์ หรือเจ้าของแฟรนไชส์ ใช่ไหมครับ ?

ใช่ บริษัทที่เป็นแฟรนไชส์  เพราะพี่จะไม่นับบริษัท ที่หายไป พี่จะนับเฉพาะที่ Active อยู่  ถ้าไม่ Active แล้ว เราตัดทิ้งไปเลย ก็อยู่ในช่วงประมาณ 200-300 ในช่วงประมาณนี้  ก็เท่ากับว่า มี 10% เท่านั้น เพราะปีนึงมีประมาณ 3 บริษัท ที่เป็นแฟรนไชส์ และยังดำเนินกิจการต่อไป  พี่คิดว่าประมาณ 10% เท่านั้น ก็คิดว่า ทำอย่างไรถึงจะมีแฟรนไชส์ เกิดขึ้นได้มากกว่านี้ ก็คือ อยากจะมีบทบาทในส่วนนี้



: ตอนนี้ มีสมาชิกในสมาคมจำนวนเท่าไร?

:  เกี่ยวกับสมาชิกในสมาคมนี้  มีสมาชิกเดิมอยู่หลายร้อยคน แต่พี่ก็ไม่ทราบแน่ชัด ว่าทั้งหมดยัง Active อยู่ไหม เพราะเพิ่งมารับช่วงต่อ แต่พี่อยากจะ ล้าง แล้วเริ่มใหม่เลย
 


: คือพี่ต้องการจะล้างแล้วเน้นเพิ่มใหม่เลย

: คือจะให้สมัครใหม่ แต่การที่พี่เคยผ่านงานสมาคมมาแล้ว  พี่กลัวพวกปัญหาต่าง ๆ  ก็แบบว่าบางคน สมัครมาก็เหมือนไม่ได้อะไรเลย เหมือนว่าเค้าข้องใจ เค้าจ่ายเงินมาแล้วไม่เก็นมีกิจกรรมอะไรเลย ก็คือว่าอยากให้มีความชัดเจน ก็คืออยากให้ผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิก มีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับแฟรนไชส์ เป็นลำดับแรก  เหมือนกับบังคับเรียน ว่าควรจะต้องรู้อะไรบ้าง เกี่ยวกับแฟรนไชส์  
 


: ในส่วนนี้ก็เหมือนเป็นเกณฑ์ ที่ทางสมาคมตั้งไว้ระดับนึง ว่าสมาชิกควรมีความรู้เรื่องแฟรนไชส์ด้วย ใช่ไหมครับ?

: ใช่ แต่จะมีสองส่วน คือ สมาชิกทั่วไป ที่มารับข่าวสาร มาเข้าร่วมกิจกรรม  กับ สมาชิกอีกกลุ่ม คือ บริษัท ซึ่งถ้าเป็นกลุ่มบริษัท เราจะมีการจัดกิจกรรมสัมพันธ์เป็นประจำทุก ๆ เดือน อะไรแบบนี้  และจะมีคุณแมททิว เค้าจะดูแลในด้านกลุ่มสัมพันธ์ ของสมาชิกที่เป็นบริษัทต่าง ๆ จะมีกิจกรรมให้พบปะ และเกื้อหนุนกัน และมีเชิญมาบรรยายเพื่อให้ความรู้กัน  ก็ตั้งใจไว้อย่างนั้น  และงานแรกที่ทำจัดร่วมกับ Seven Eleven ก็เป็นสมาชิกในแฟรนไชส์ไทย ก็เพื่อที่จัดกิจกรรมให้กับสมาชิก โดยให้แฟรนไชส์ที่ดีที่สุดของประเทศ มาให้ความรู้ อย่างกว้างขวางแก่บุคคลทั่วไป


: ก็คือจะเป็นงาน Key Success the best franchise 2010

: ใช่ค่ะ คนที่เชิญมาก็เป็น The Best ทั้งหมด  เช่น Seven Eleven , Black canyon , ไมเนอร์ มาบรรยาย ก็เป็นกิจกรรม ที่ 1 ซึ่งก็คงจะมีต่อไปอีก


: ต่อเนื่องไปอีกเรื่อย ๆ  และกลุ่มที่เชิญมานี้ก็เป็นสมาชิกสมาคมทั้งหมด ใช่ไหมครับ?

: อ๋อ ไม่ ๆ ไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิก ขอแค่เป็นผู้รู้ จริง ๆ เราท่าน ๆ ทั้งหลาย เราไม่ได้เป็นสมาชิกนะ เราชวนมาเป็นที่ปรึกษา อย่างท่านที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เค้าก็คงไม่มาเป็นสมาชิกหรอก  ก็จะเชิญเป็นที่ปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ


: อยากให้พี่สมจิตรแสดงความคิดเห็นนิดนึงครับ เกี่ยวกับสถาณการณ์แฟรนไชส์ไทยในปัจจุบันนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ ?

: จริง ๆ แล้วก็ถือว่า ดีขึ้นเรื่อย ๆ นะ ถ้ามองในแง่ที่พี่ทำเซอร์เวย์ เป็นประจำ แต่ในความเห็นของแฟรนไชส์ซี  ซึ่งสมัยก่อน คนที่ทำแฟรนไชส์นั้น มีความพึงพอใจน้อย  คือ 60%  ในสมัยแรก ๆ ซึ่งพี่จะทำทุก ๆ 4 ปี   แต่พอมาช่วงหลัง เมื่อ 2 ปีก่อน พี่สัมภาษณ์แฟรนไชส์ซี ความพอใจนั้นมี 80% ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดีขึ้น  โดยรวมดีขึ้น และยังมีแฟรนไชส์ ที่ทำมาเป็น 10 ๆ ปี อยู่เยอะ  ซึ่งคนส่วนมากจะเห็นแต่ข่าวในแง่ลบ เช่นแฟรนไชส์โกหก หลอกลวง ถามว่ามีมั้ย ก็มีแต่มันจะอยู่ใน 5% หรือ 10%  แต่ถ้าเรามองโดยภาพรวมแล้ว มันดีขึ้น ในความเห็นพี่นะ เพราะระบบแฟรนไชส์มันดี เป็นการสอนอีกรูปบบนึงสู่ใครก็ได้ ซึ่งสมัยก่อนธุรกิจจะเป็นการถ่ายทอดแบบ รุ่นสู่รุ่น แต่แฟรนไชส์มันเป็นการถ่ายทอดสู่ใครก็ได้ จึงไม่อยากให้คนมองไม่ดี เพียงแต่มันมีจุดบอดของมันอยู่ ซึ่งช่วงหลัง ๆ ก็มีรัฐบาลเข้ามาด้วย ซึ่งเมื่อก่อนไม่มีเลย


: แล้วโดยรวมภาครัฐเข้ามาช่วยเหลืออะไรบ้าง หรือทางสมาคมต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง?

: ณ ตอนนี้ยังไม่มีการประสารงานอะไรมาก ก็มีเชิญไปบรรยายบ้าง อบรมบ้าง แต่ในทางรูปธรรมยังไม่มีเลย  แต่ในอนาคตก็ยังไม่รู้ เพราะมันเพิ่งเริ่ม และตอนไปจัดสัมนา ท่านอลงกรณ์ ก็ได้ให้เกียรติมาเป็นประธานเปิดงาน  นี่ก็เป็นกิจกรรมระหว่างภาครัฐกระทวงพานิชณ์กับสมาคมแฟรนไชส์ไทย และเป็นกิจกรรมแรก และในส่วนอื่นๆ ก็ยังไม่มีโครงการอะไรออกมา



: นอกเหนือจากงานที่ใกล้จะถึงนี้ คืองาน สัมมนา  ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อีกหรือเปล่า หรือแพลน ที่จะทำ ให้มันเกิดขึ้น ที่สมาคมวางเป้าไว้
: จริง ๆ อยากเน้นเรื่อง การเรียนการสอนแฟรนไชส์ ไม่ผูกขาด เพราะแต่ละคนความถนัดไม่เท่ากัน  อยากให้เปิดกว้างในการพัฒนามากกว่านี้


: ก็หมือนจะเป็นอีกทางเลือกนึง และอีกหน่อยอาจจะมาเรียนกับทางสมคมก็ได้ ใช่ไหมครับ?
: มาเรียนกับสมาคมก็ยากนะ เพราะต้องเสียเงิน จึงไม่กล้าทำ เพราะถ้าทำ ก้จะต้องเก็บเงิน อาจจะทำให้คนน้อยลง และมันค่อนข้างซับซ้อน


: ในส่วนนี้คือ พี่ก็อยากจะทำ เหมือนกันใช่ไหมครับ?
: ก็ใช่นะ แต่ มันซ้ำซ้อน จึงอยากจะทำอย่างอื่นที่เห็นผลชัดเจนมากกว่านี้ก่อน


: แล้วนอกเหนือจากการให้องค์ความรู้แล้ว ยังมีส่วนอื่น ๆ ที่สมาคมอยากจะทำอีกไหมครับ?
: ปีนี้ทางสมาคมจะเน้น ส่งเสริมให้มี แฟรนไชส์ซอร์ มากกว่า 10% นี่คือนโยบายหลัก  แต่เรื่องเล็ก ๆ เราจะยังไม่ทำ เพราะเวลามันน้อย


: ก้าวต่อไปของสมาคมแฟรนไชส์ไทย ในเวทีโลก ท่านวางแผนไว้อย่างไร?

: ตอนนี้ยังไม่มี  แต่ถ้าจะทำก็เป็นคุณ แมททิว ที่จะเป็นคนประสานงาน กับสมาคมอื่น  แต่ ณ เวลานี้ ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร  จริง ๆ แล้ว สมาคมแฟรนไชส์ไทยเคยเป็น สมาชิกของ  สมาคม International ของ อเมริกา แต่นานมากแล้ว   เป็นสมาชิกของ IFA ( International Franchise Association ) แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังคงสถานะ อยู่ไหม


: จะผลักดันออกไปใช่ไหมครับ ?

: ก็คงไม่ถึงผลักดัน แต่เราแค่จะติดตามดูว่ายังเป็นสมาชิกอยู่หรือเปล่า และเราจะเป็นสื่อกลาง สำหรับบริษัทที่ต้องการจะขายแฟรนไชส์สู่ต่างประเทศ เราจะช่วยประสานกับกรมส่งออก ซึ่งโดยส่วนตัวพี่ก็ทำอยู่แล้ว   เช่นไปออกงานที่ สิงคโปร์ เวียดนาม


: ช่วยฝากข้อคิดเห็น หรือ คำแนะนำ สำหรับผู้สนใจธุรกิจแฟรนไชส์ หรือ บรรดาแฟรนไชส์ซอร์ทั้งหลายในประเทศ

: สำหรับแฟรนไชส์ซี เวลาที่เค้าต้องการจะซื้อแฟรนไชส์ เค้าก็ควรจะต้องไปศึกษาแฟรนไชส์นั้น ๆ อย่างที่พี่เคยเจอก็คือ คุยแค่ 2-3 ครั้ง ก็ซื้อแฟรนไชส์แล้ว ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะถ้าเราต้องการจะทำธุรกิจ เราควรจะวิจัย-ศึกษา การตลาด และอื่น ๆ   อย่างเช่นเราจะซื้อแฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยว เราก็ต้องไปศึกษา ไปดูร้านที่เค้าเปิด ตั้งคำถามต่าง ๆ   ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องยาก ที่เราจะรู้ว่าแฟรนไชส์นี้ดีหรือไม่ ซึ่งคนไทยส่วนมากไม่ค่อยทำ และส่วนแฟรนไชส์ซอร์ คือ มีความเชื่อมั่นมากเกินไป ว่าเราประสบความสำเร็จในธุรกิจแล้ว เราจะเปิดแฟรนไชส์ก็ต้องสำเร็จด้วยเช่นกัน ซึ่งมันไม่จริงเสมอไป  แต่จริง ๆ แล้ว คนที่มาขายแฟรนไชส์โดยที่ไม่รู้ข้อมูลแท้จริง  ไม่รู้ว่าแฟรนไชส์คืออะไร หัวใจของความสำเร็จในธุรกิจแฟรนไชส์อยู่ตรงไหน ทั้งมาตรฐาน / การมีคู่มือแฟรนไชส์  ซึ่งการรู้ไม่จริง แล้วจะทำให้สำเร็จมันเป็นไปได้ยาก


: ได้รับความรู้มากมาย ก็ขอขอบคุณมากครับ แล้วพี่สมจิตร อยู่ในวงการแฟรนไชส์กี่ปีแล้วครับ ?
: 20 ปี ได้แล้ว ตั้งแต่เป็นนักข่าว ก็นานมากทีเดียว 




บทความนี้เป็นลิขสิทธิ์ © ของThaiFranchiseCenter.com