นายบุญ ยงสกุล กรรมการบริหาร บริษัท โบ๊ท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ภูเก็ต โบ๊ท ลากูน จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตโดยภาพรวมไม่ดี เป็นตลาดของผู้ซื้อ โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมยังมีภาวะโอเวอร์ซัพพลาย ขณะที่โครงการแนวราบหรือบ้านเดี่ยวยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะราคาที่ดินในเมืองภูเก็ตค่อนข้างสูงโดยเฉพาะย่านธุรกิจ เฉลี่ยไร่ละเกือบ 10 ล้านบาท ทำให้หาที่ดินเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบได้ค่อนข้างยาก จึงมีซัพพลายบ้านเดี่ยวหรือทาวน์เฮาส์เปิดขายค่อนข้างน้อย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ผู้ประกอบการหลายรายต้องหันไปพัฒนาทาวน์เฮาส์ในพื้นที่นอกเมือง เช่นที่อำเภอถลาง เพราะราคาที่ดินค่อนข้างถูกกว่า ส่วนโบ๊ท ดีเวลลอปเมนท์ค่อนข้างโชคดีที่บริษัทในเครือมีที่ดินเก่าสะสมไว้จำนวนมากรวมกว่า 2 พันไร่ ทำให้ที่ดินพัฒนาโครงการในต้นทุนที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่น โดยเฉพาะบริษัทชั้นนำจากส่วนกลาง

 

ด้านนายภาณุพงศ์ กริชจนรัช กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด กล่าวเสริมถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯว่า เน้นพัฒนาโครงการแนวราบ มีทั้งที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ โฮมออฟฟิศ และคอมมูนิตี้มอลล์ แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยประมาณ 70% – 80% และโครงการเชิงพาณิชย์ประมาณ 20% – 30% โดยกลยุทธ์การพัฒนาโครงการของบริษัทฯ จะสร้างชุมชนครบวงจร เริ่มด้วยโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ และโฮมออฟฟิศ ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนภูเก็ต จากนั้นจึงพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อสร้างความคึกคักให้กับชุมชน เช่น โครงการแกรนด์ โบ๊ท พลาซ่า, โบ๊ท พลาซ่า คอมมูนิตี้มอลล์, โบ๊ท อเวนิว และบายพาส บิซทาวน์ ทำให้โครงการของบริษัทฯมีความแตกต่างจากบริษัทอื่น

 

โดยเฉพาะโครงการบายพาส บิซทาวน์ ได้ศูนย์เฟอร์นิเจอร์และสินค้าตกแต่งบ้านชื่อดังระดับโลกอย่าง อิเกีย มาเปิดบริการ นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรระดับโลกรายอื่นอีก เช่น ผลิตภัณฑ์สุขภัณฑ์และเครื่องครัวแบรนด์ดังเช่าพื้นที่โครงการ ทำให้บายพาส บิซทาวน์กลายเป็นศูนย์รวมธุรกิจ ด้านดีไซน์เซ็นเตอร์ ในอนาคตจะพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งนี้ บริษัทในเครือของนายบุญ มีที่ดินห่างจากถนนบายพาสอีกประมาณ 200 ไร่

 

สำหรับปีนี้บริษัทฯ เปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ คือ โบ๊ท อเวนิว เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ในโครงการลากูน่า, บายพาส บิซทาวน์ เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ และไฮด์เวย์ พาร์ค ปัจจุบันมีพื้นที่ขายเหลือประมาณ 10% ด้านยอดขายรวมปีนี้มีประมาณ 400 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 50% สำหรับปี 2559 วางแผนเตรียมลงทุนโครงการใหม่อีก 2-3 โครงการ ตั้งเป้าการเติบโตในระดับเดียวกัน หรือมียอดขาย 600 ล้านบาท

 

โดยต้นปีหน้าจะเปิดตัวโครงการใหม่ ไฮด์ อะเวย์ วัลเล่ย์ ฉลอง อยู่ทางด้านใต้ของเกาะภูเก็ต ทำเลที่ตั้งอยู่บนภูเขาห่างจากวัดฉลองประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นโครงการบ้านเดี่ยวในลักษณะวิลล่าอยู่ท่ามกลางหุบเขา ราคาเริ่มต้นหลังละประมาณ 5 ล้านบาท จนถึงกว่า 10 ล้านบาท โดยวิลล่าหลังใหญ่จะมีสระว่ายน้ำให้ทุกหลัง มีจำนวน 60 หลัง มูลค่าโครงการ 400 ล้านบาท สำหรับกลุ่มลูกค้ามีทั้งคนไทยและต่างชาติ วางแผนเปิดตัววันที่ 16 มกราคม 2559 แต่ขณะนี้ได้ติดตั้งป้ายโครงการแล้ว มีลูกค้าสนใจติดต่อสอบถามเข้ามาพอสมควร

 

อ้างอิงจาก  ฐานเศรษฐกิจ