บุญรอดบริวเวอรี่ นั้นถือเป็นบริษัทของคนไทยรายแรกที่ยื่นขออนุญาตตั้งโรงกลั่นเบียร์ เพื่อผลิตเบียร์ออกจำหน่ายตั้งแต่ปี 2547 โดยผู้ที่เป็นคนก่อตั้ง บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด นั้นก็คือพระยาภิรมย์ภักดี
ในตอนแรกนั้น ทางบุญรอดก็ได้ผลิตเบียร์ออกมาจำหน่ายมากมายหลายแบรนด์ แต่แบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ เบียร์สิงห์
สิงห์สามารถครองความเป็นเจ้าตลาดมานานหลายสิบปี ก่อนที่จะถูกคู่แข่งขันที่ใช้กลยุทธ์ขายพ่วงมาแย่งตำแหน่งผู้นำตลาดเบียร์ไปในที่สุด
แต่สิงห์ก็ยังคงเป็นสิงห์
บุญรอดบริวเวอรี่ได้ใช้ความพยายามทุกวิถีทางค่อยๆแก้สถานการณ์ทีละเปลาะ จนในที่สุดกลุ่มสิงห์ ก็สามารถกลับขึ้นมาครองความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันในปัจจุบัน บุญรอดบริวเวอรี่ จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นสิงห์ คอร์ปอเรชั่น ตามความตั้งใจของคุณสันติ ภิรมย์ภักดี ที่ต้องการให้สิงห์ ก้าวขึ้นไปเป็น International Company
ปัจจุบันสินค้าของกลุ่มสิงห์ คอร์ปอเรชั่นที่ยังคงใช้เครื่องหมายการค้าภายใต้แบรนด์สิงห์ นั้น ประกอบไปด้วย เบียร์สิงห์, สิงห์ไลท์, น้ำดื่มตราสิงห์, โซดาสิงห์
แต่ถ้าจะแบ่งกลุ่มสินค้าตามหมวดหมู่ ก็พอจะแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่ม คือ
กลุ่มเบียร์ อันประกอบไปด้วย
สิงห์ ซึ่งถือเป็นแบรนด์พี่ใหญ่ของค่าย
สิงห์ไลท์ เป็นแบรนด์น้องใหม่ล่าสุดของค่าย ที่ออกมาจับตลาดนักดื่มที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่
ลีโอ เบียร์รสนุ่มในตลาดอีโคโนมี่ ที่ตอนนี้เป็นเบียร์ที่มียอดขายให้กับกลุ่มสิงห์เป็นอันดับหนึ่ง
ไทเบียร์ เบียร์รสชาติหนักแน่น แต่ราคานุ่มนวลที่ทางกลุ่มสิงห์วางหมากไว้เป็นเบียร์กันชนไม่ให้คู่แข่งมาสร้างปัญหาในการทำตลาดของเบียร์แบรนด์อื่นๆในกลุ่ม
ครอสเตอร์ เบียร์ตลาดพรีเมียมที่เจอะกลุ่มลูกค้าเฉพาะ
กลุ่มน้ำดื่มและโซดา อันประกอบไปด้วย
น้ำดื่มตราสิงห์
โซดาสิงห์
กลุ่มชาเขียว ที่มีชาเขียวโมชิเป็นหัวหอก
กลุ่มเครื่องดื่ม Lifestyle Functional Drink ที่มี B-ing เป็นเรือธง
ทางด้านการสื่อสารการตลาดของสิงห์ คอร์ปอเรชั่นนั้น ที่ผ่านมาสิงห์ก็มีใช้การสื่อสารทุกรูปแบบ ทั้ง Above the Line, Below the Line
ในส่วนของโฆษณาเชิงคอร์ปอเรท สิงห์ ได้มีการดึงเอาบุคคลสำคัญระดับโลกอย่าง นาตาลี เกลโบวา, วีเจย์ ซิง รวมไปถึงนักเทนนิสขวัญใจชาวไทยอย่างภราดร ศรีชาพันธุ์ มาเป็น Brand Ambassador เพื่อกรุยทางสู่ตลาดโลก
ขณะนี้กลุ่มสิงห์ คอร์ปอเรชั่น มีส่วนแบ่งในตลาดเบียร์ประมาณ 48% จากตลาดรวมประมาณ 90,000 ล้านบาท