ตลาดที่กำลังได้รับความสนใจสูงสุดอยู่ในขณะนี้ก็คือ การถ่ายภาพแฟชั่น สำหรับวัยรุ่นผู้หญิง ซึ่งแต่ละวัน ร้านเหล่านี้ รับลูกค้าจำนวนหลายร้อยคน หรืออาจถึงพันคนต่อวัน เป็นตลาดที่น่าสนใจ รายได้ดี 

ณัฐวุฒิ พีระบูล ผู้จัดการฝ่ายแฟรนไชส์ของ ยู สไมล์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำตลาดดิจิตอลวัยรุ่น กล่าวว่า "ถ้าถามผมว่าทำไมจึงควรเลือกทำธุรกิจดิจิตอล ก็เพราะคนเอเชียชอบถ่ายรูปกันเยอะ ลูกค้าของเราส่วนใหญ่ เป็นวัยรุ่นคนที่อำนาจจับจ่ายสูงสุดตอนนี้ก็คือ วัยรุ่น 12-25 ปี จึงเน้นมาที่การถ่ายรูปเป็นสำคัญ การถ่ายรูปกับวัยรุ่น มีมานาน 8 - 9 ปีแล้ว คือเคาน์เตอร์สติ๊กเกอร์

ปัจจุบันมีอยู่แต่ไม่มาก จุดเด่นคือ เร็ว ง่าย ข้อเสียคือ ไม่ชัด คุณภาพไม่ดี งานถ่ายรูปนอกเหนือจากเคาน์เตอร์สติ๊กเกอร์ก็มี เวดดิ้งสตูดิโอ ข้อดีคือ ชัด ข้อเสียคือ เหมือนโดนบังคับให้ไปถ่าย เราก็มองว่าปัจจุบันคนใช้ดิจิตอลกันมากขึ้น พอเราเอาสินค้าของสติ๊กเกอร์ และเวดดิ้งสตูดิโอมารวมกันถ่ายแบบสตูดิโอ แล้วรอรับภาพได้เลย นี่คือสิ่งที่เรามองเห็นตลาดที่ว่างอยู่" 
 

"สาขาแรกของยู สไมล์ เปิดที่สยามสแควร์ เพื่อขายวัยรุ่น วันแรกที่เปิดร้านเรามีลูกค้าแค่รายเดียว โดยการ ถ่ายฟรี วันที่สองได้สองรายแต่ไม่ได้เงิน หลังจากนั้นสองอาทิตย์ได้สอบงาน ได้เงินประมาณ 2,000 กว่าบาท เดือนที่สองเราต้องไปขอเช่าชั้นสาม และชั้นสี่ สามารถรับลูกค้าได้วันละประมาณ 50-70 ราย วันเสาร์ 300 ราย ที่ประสบความสำเร็จมาได้จากประสบการณ์ 8-9 ปี จากการทำงานตู้สติ๊กเกอร์มาก่อน คนที่มาทำตลาดตรงนี้อย่างแรก ต้องรู้จักตัวเองและลูกค้า อย่างที่สองคือ หัวใจด้านการบริการ ตลาดดิจิตอลไม่ใช่หมู แต่ก็ได้เงินเยอะ" 
 

ยู สไมล์ โฟโต้ เริ่มขายแฟรนไชส์เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว สาขาแรกที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า วันแรกได้แค่ 50 ราย ปัจจุบันขยายอีก 120 ตารางเมตร และกำลังจะเปิดสาขาแฟรนไชส์ต่างจังหวัดแห่งแรกที่ขอนแก่น

 

ซี อิมเมจ ดิจิตอล
 

"จริง ๆ หลายคนอาจข้องใจว่า ธุรกิจดิจิตอลโฟโต้ หรือการทำธุรกิจถ่ายภาพแนวใหม่เกี่ยวกับระบบดิจิตอล ที่มา มาจากไหนในธุรกิจถ่ายภาพจริง ๆ ถ้าคุณคิดว่าจะลงทุนต้องมีพื้นฐานความรักที่อยากจะทำ อยากพบผู้คน สมัยก่อน วิธีการทำธุรกิจถ่ายภาพมี 2 วิธี วิธีแรกก็คือ คุณเดินไปหาค่ายใหญ่ ๆ โกดัก ฟูจิ อั๊กฟ่า โคนิก้า ในยุคแรกเริ่ม ของการทำธุรกิจ พวกนี้จะมาจากคนที่ทำธุรกิจถ่ายภาพจริง ๆ เป็นห้องภาพ ถ่ายภาพเป็นหลัก และเริ่มประยุกต์มาเป็น เครื่องมินิแล็ป เพื่อให้บริการพริ้นท์ภาพ ยุคแรกเริ่มไม่มีใครมีเครื่องอัดขยายภาพ ต่อมามีการนำเครื่องมินิแล็ป เข้ามา เวลาคุณเข้าไปคุยกับค่ายใหญ่ ๆ เขาจะเรียกว่าจิ้มละบาท ใน 1 ฟิล์ม มี 36 จิ้ม หนึ่งจิ้มได้หนึ่งบาท นี่คือช่วงเริ่มต้น" สุรเดช เลาหะมณฑลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีอิมเมจ ดิจิตอล จำกัด 

เมื่อดิจิตอลเข้ามาในตลาด สุรเดชกล่าวว่า "สิ่งแรกที่เราทำก็คือ การเรียนรู้งาน สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็คือ เราอยากทำธุรกิจอีกตัวหนึ่ง มันมีทางเลือกไหม สตูดิโอถ่ายภาพยุคนั้นที่ทำเงินได้ดีที่สุดก็คือ ถ่ายภาพบุคคลที่ลงบน ผืนผ้าใบ ดูแล้วคล้ายภาพวาด ตลาดนี้มีช่องว่างเยอะ เพราะคนไทยฝีมือไม่ถึงที่จะทำ ตลาดใหญ่อยู่กับชาวต่างชาติ คือ อังกฤษ ภาพพอทเทรท เกิดขึ้นมาจากตรงนี้ และยังมีคู่แข่งน้อย แต่สิ่งที่เราคิดก็คือ จะขายอะไรได้มากกว่านั้นหรือ ไม่เพราะตามสถิติแล้วคนไทยจะถ่ายภาพ 3 ปีครั้ง ถ้าเป็นชาวอเมริกัน ญี่ปุ่น เกาหลีจะถ่ายประมาณปีละครั้ง
 

"สำหรับดิจิตอล ตลาดจะขยายตัวรุนแรง ตอนที่สติ๊กเกอร์เข้ามา ความตื่นตัวของการถ่ายภาพมีสูงมาก เปลี่ยนจากฟิล์มมาเป็นดิจิตอล กระบวนการเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง ปัจจุบันก็ยังใช้ฟิล์มในการถ่ายภาพได้ และก็ยังมี ตลาดดิจิตอลเป็นเรื่องของความทันสมัย ลูกค้าก็ต้องเลือกระหว่างความถูกกับความแพง ดิจิตอลก็จะแพงกว่าฟิล์ม ธรรมดา เพราะสามารถตกแต่งได้" 
 

สุรเดชให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำธุรกิจการถ่ายภาพดิจิตอลไว้ว่า ธุรกิจนี้ปัจจุบันขยายตัวไปได้มาก ปัจจุบันทางบริษัทฯ ได้เปิดศูนย์ในแบรนด์เนมของ "เอ็ปสัน" ซึ่งเป็นโอกาสธุรกิจ สำหรับคนที่มีใจรัก ในงานบริการ ถ่ายภาพ และต้องการลงทุนธุรกิจถ่ายภาพที่ใช้เงินลงทุนต่ำ

 

ริโซ่กราฟ
 

คุณวีระพล ลือตระกูล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ริโซ่กราฟ จำกัด 

ขอเริ่มก่อนว่าธุรกิจของริโซ่เป็นอย่างไร คำถามแรกที่คนไม่เคยรู้จักมาก่อนว่าริโซ่คืออะไร ริโซ่คือ เครื่องพิมพ์สำเนาระบบดิจิตอล ในโลกนี้การทำสำเนาทั้งหมดมี 3 วิธี เครื่องโรเนียว เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ คุณสมบัติหลัก ๆ ของเครื่องริโซ่แตกต่างจากการถ่าย เอกสารทั่วไป คือ ถูก เร็ว และดี ก็เป็นเครื่องมือที่คุณจะใช้ เอาไปคิดทำธุรกิจโรงพิมพ์ได้ สามารถพิมพ์งานได้ทุกอย่างโดยการพิมพ์ 2 สี คือการพิมพ์ทีละสี เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ สามารถรับพิมพ์งานต่างจังหวัด งานแต่งงาน งานบวช หรือลูกค้าที่ต้องการพิมพ์ซองได้ พิมพ์หัวจดหมาย นามบัตร รับพิมพ์หนังสือ ใบปลิวแผ่นพับ

เราจินตนาการเพื่อให้เห็นได้ชัดเจนว่าริโซ่ก็คือแท่นพิมพ์ดี ๆ นั่นเอง ถ้าทำธุรกิจศูนย์ ถ่ายต้องรู้ทางด้านการตลาดว่าธุรกิจนี้เป็นงานด้านบริการ ต้องรู้ว่าทำธุรกิจขายให้ใคร แต่ธุรกิจนี้ไม่จำเป้นต้องมีหน้า ร้านเหมือนศูนย์ถ่าย จะออกไปรับงานข้างนอก แต่ที่สำคัญก็คือโปรโมชั่น ถ้าการแข่งขันสูงก็ต้องมีการส่งเสริมการขาย โดยการทำไดเร็กเมลล์และจะต้องทำงานหนักเพื่อหาลูกค้าให้ได้

สำหรับคุณสมบัติของผู้ทำธุรกิจคอมพิวเตอร์อันนี้ จำเป็น การลงทุนในช่วงแรก ๆ แค่ 3 แสนบาท ต้องมีความรู้ความตั้งใจผมไม่เชื่อว่าอะไรได้มาง่าย ๆ ทุกคนต้อง ศึกษาไม่ใช่ว่าลงทุนแค่ 3 แสนบาท แล้วทำได้เลย ต้องรู้ว่าลูกค้าเราอยู่ที่ไหน เป็นใคร ถ้าเราหางานได้เฉลี่ยต่อเดือน 5 หมื่นบาท ต้องการกำไรที่ 40% รายรับสุทธิประมาณ 20,000 บาท แต่อยากจะบอกว่าธุรกิจนี้ไม่ยาก แต่ไม่ง่าย แต่ถ้ามีการเปิดเป็นร้านศูนย์ถ่ายก็จะมีค่าตกแต่งไม่เกิน 150,000 บาท สำหรับพื้นที่ที่ไม่เกิน 20 ตารางเมตร ไม่รวม โครงสร้าง อุปกรณ์ ค่าถ่ายเอกสาร เครื่องเข้าเล่ม เครื่องเคลือบบัตร เครื่องคอมพิวเตอร์ ประมาณ 200,000 บาท สินค้าคงคลังประมาณ 50,000 บาท เงินทุนหมุนเวียน 50,000 บาท เบ็ดเสร็จก็ประมาณ 500,000 บาท ถ้าอยาก จะทำอุปกรณ์อื่น เครื่องทำตรายาง อีกประมาณ 10,000 บาท

ผลตอบแทนในภาพกว้างของงานพิมพ์มี 2 อย่าง กระดาษส่วนใหญ่กำไรไม่น้อยกว่า 50% ค่าบริการพิมพ์ กำไรส่วนมากแล้ว 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ตัวเลขมาจากค่าเฉลี่ย จำนวนแผ่นที่ออกมากับตัวหมึกรวมทั้งค่าใช้จ่ายในการพิมพ์อยู่ที่ 16-17% เฉลี่ยแล้วกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 73% ตัวอย่าง การทำนามบัตรกระดาษ 50% 
 

การทำศูนย์ถ่ายหรือร้านพริ้นท์ช้อปหรือ โฟโต้พริ้นท์ก็ดีค่อนข้างจะต้องระวังการตีราคางานพิมพ์ คือ ถ้าตีราคา ผิดอาจจะไม่ได้กำไรเลยก็ได้หรืออาจจะขาดทุน ถ้าเราควบคุมกำไรไม่ถึง กำไรจะเหลือน้อยลงอาจจะ 20-30%

 

อ้างอิงจาก: นิตยสารโอกาสธุรกิจ&แฟรนไชส์