กรณีการก่อสร้างโครงการ “เซ็นทรัล วิลเลจ” รุกล้ำพื้นที่สนามบิน จนเกิดข้อพิพาทระหว่าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอ็น เจ้าของโครงการฯ ที่มีกำหนดเปิดตัววันที่ 31 สิงหาคม 2562 กับเจ้าของสถานที่คนสำคัญอย่างการท่าอากาศยาน หรือ ทอท. โดยบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)

 

ล่าสุด เหตุการณ์ลุกลามขึ้นมาไม่รู้จะจบอย่างไร เมื่อทอท.บอกว่า “เซ็นทรัล วิลเลจ” รุกล้ำพื้นที่สนามบิน สร้างทางเข้าเชื่อมโครงการเพื่อการพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต แถมนำแท่งแบริเออร์ กางเต้นท์ปิดทางเข้า จนเกิดความโกลาหล เนื่องจากผู้คนไม่สามารถเข้าไปตกแต่งสถานที่ภายใน ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จจนต้องเดินทางเท้ารถติดหลายกิโลเมตร

 

วันนี้ www.ThaiFranchiseCenter.com จะนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ของโครงการ “เซ็นทรัล วิลเลจ” ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อนกับ 10 เรื่องจริง! “เซ็นทรัล วิลเลจ” โครงการที่กำลังมีปัญหากับทอท.เจ้าของพื้นที่สนามบิน

 

ภาพจาก bit.ly/2Ug70ue

เซ็นทรัล วิลเลจ โครงการค้าปลีกรูปแบบใหม่ของกลุ่มเซ็นทรัลฯ โดยวางรูปแบบโครงการเป็น The First International Luxury Outlet ที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งแรกในประเทศไทย มีมูลค่าลงทุนทั้งโครงการรวม 5,000 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพสูง ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ประตูสู่ภาคตะวันออก กำหนดเปิดไตรมาสที่ 3 ปี 2562 หรือ 31 สิงหาคม 2562 

 

ภาพจาก bit.ly/2Ug70ue

 

ตัวโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ตั้งอยู่บนทำเลใกล้กับสนามบินสุวรรณภูมิ (ทิศใต้) และยังติด ถ.บางนา-ตราด ด้วยพื้นที่โครงการกว่า 100 ไร่ พื้นที่ใช้งาน (GLA) กว่า 40,000 ตร.ม. เดินทางสะดวก “10 นาทีถึงสนามบิน และ 45 นาทีจากในเมือง”

 

ภาพจาก Thairath

 

แน่นอนว่า เซ็นทรัล วิลเลจ อยู่ติดสนามบิน เพื่อที่จะรองรับการเดินทางมาพักผ่อน ท่องเที่ยว เหมือนกับแหล่งช้อปปิ้งในโตเกียว ที่ชิบูย่า กินซ่า จนกระเป๋าแฟบ แต่ก่อนกลับก็ยังมีที่โกเทมบะ หรือ ชิซุย เอาต์เล็ต ก่อนจะไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน

 

เซ็นทรัล วิลเลจ ก็ด่านสุดท้ายให้นักท่องเที่ยวได้รูดบัตร ควักเงินในกระเป๋าใช้จ่ายเช่นกัน รวมถึงนักช้อปชาวไทยเอง ก็ยังสามารถเดินทางไปช้อปสินค้าแบรนด์เนมลดราคา แบรนด์ที่ชอบแบรนด์ที่ใช่ ได้สะดวกเช่นกัน เพราะ CPN ได้วางกลยุทธ์ล่อใจขาช้อปลดราคา 30-75% กันแบบตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอฤดูการ SALE หรือบินไปต่างประเทศเพื่อซื้อสินค้าแบรนด์ให้เสียเวลา

 

ภาพจาก bit.ly/2Ug70ue

 

เซ็นทรัล วิลเลจ เป็นศูนย์รวมแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 235 ร้านค้า ครอบคลุมสินค้าหลากหลาย ตอบสนองความต้องการทุกเพศทุกวัยทุกสัญชาติ ราคาที่มาพร้อมส่วนลด 35-70% ในทุกวัน อาทิ Polo Ralph Lauren, Kenzo, Vivienne Westwood, CK Jeans, Adidas , Guess, Converse, Superdry, Rip Curl, Roxy, Quiksilver, Samsonite ฯลฯ

 

นอกจากนี้ ยังมีบริการหลากหลายครบวงจรเทียบเท่าศูนย์การค้า รวมถึง facility ที่ครบครัน อาทิ ร้านอาหาร, จุดบริการนักท่องเที่ยว, playground, โรงแรม, และซูเปอร์มาร์เก็ต

 

ภาพจาก bit.ly/2Ug70ue

 

เซ็นทรัล วิลเลจ วางเป้ากลุ่มลูกค้าหลัก คือ คนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยทั่วประเทศ ที่เป็น Brand Lover Shoppers โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ Frequent Visitors คนกรุงเทพ และ ปริมณฑล (สมุทรปราการ, นนทบุรี ปทุมธานี) ที่ชอบสินค้าแบรนด์เนมในราคาที่คุ้มค่า Occasional Shoppers คนจากจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศไทยที่มาเป็นครั้งคราว

 

รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็น International Tourists โดยเน้นไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยว ที่ชอบสินค้าแบรนด์เนมในราคาที่คุ้มค่า รวมถึงเป็น A Must Visit Shopping Destination to Complete your Trip จุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวต้องแวะช้อปทุกครั้ง ก่อนเข้าเมืองหรือก่อนเดินทางกลับเข้าสนามบิน

 

ภาพจาก bit.ly/2Ug70ue

 

โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ยังได้ทีมที่ปรึกษาเป็นบริษัทบริหารเอาท์เล็ตระดับโลกอย่าง The Outlet Company (TOC) ผนวกกับความเชี่ยวชาญของ CPN โดยคอนเซ็ปต์ดีไซน์และการออกแบบ ได้ใช้สีสันที่นำมาใช้ในโครงการเป็นโทนสีคอปเปอร์หรือทองแดง เพื่อสื่อถึงความหรูหราและความงามตามธรรมชาติ (Luxury, Natural, Prestige) ผสมผสานกับสีเทาเงิน เพื่อสื่อถึงความทันสมัย (Modernization, Sophistication, Innovative) ของคนยุคใหม่

 

ภาพจาก bit.ly/2PpUGJo

 

ปัญหาการไม่ลงรอยของ 2 ยักษ์ใหญ่ “เซ็นทรัล-ทอท.” ในครั้งนี้ หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปรกติ มีบางสิ่งไม่ชอบมาพากลหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา ทอท.เพิ่งอนุมัติให้ ‘“คิง เพาเวอร์” เป็นผู้คว้าสัมปทานดิวตี้ฟรีทั้ง 3 สนามบินภูมิภาคได้แก่ “ภูเก็ต-เชียงใหม่-หาดใหญ่” เป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์หลังจากที่มีจำนวนผู้ยื่นซองหลายราย 

 

ที่สำคัญ ทอท.น่าจะกังวลในเรื่องผลกระทบจากเซ็นทรัล วิลเลจ ต่อธุรกิจค้าปลีก ที่มีกลุ่มผู้โดยสารเครื่องบินเป็นเป้าหมายของตน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจสินค้าแบรนด์เนม เครื่องสำอางมากกว่า

 

ภาพจาก bit.ly/2LbrrpD

 

โครงการ เซ็นทรัล วิลเลจ เริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 หลังจากตรวจสอบแบบก่อสร้างแล้วว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อแนวร่อนในพื้นที่เขตปลอดภัยในการเดินทางอากาศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพราะอาคารในโครงการมีความสูงจากระดับพื้นดิน 23 เมตร ในขณะที่ระเบียบความปลอดภัยด้านการบิน จำกัดให้สร้างอาคารสูงในพื้นที่ดังกล่าวไม่เกิน 36 เมตร

 

ภาพจาก bit.ly/2Zt2WMz

 

สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยในการบิน จะเข้ามาทำการตรวจสอบโครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ในส่วนทาวเวอร์เครนที่ถูกร้องเรียนว่า อาจสูงเกินแนวร่อน กพท.จะเข้าไปตรวจสอบ หากสูงเกินก็ลดลงมา และทาวเวอร์เครนเป็นเครื่องจักรกลสำหรับงานก่อสร้างที่ติดตั้งชั่วคราว ไม่ได้สิ่งปลูกสร้างถาวร 

 

เป็นอันว่า โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ได้รับคำรับรองจากหน่วยงานที่กำกับดูแล เรื่องการบินว่า ก่อสร้างถูกต้อง ไม่มีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเครื่องบินที่บินขึ้นลง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ

 

ภาพจาก bit.ly/2LfA6G8

 

โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ในระยะแรกๆ จะประกอบด้วยโรงแรมขนาด 200 ห้อง และ “เอาท์เลต” หรือร้านค้าปลีกที่จำหน่ายสินค้าจากผู้ผลิตโดยตรง เป็นสินค้าแบรนด์เนมจากทั่วโลก 235 ร้าน ในจำนวนนี้มี 65 แบรนด์ที่ได้เซ็นสัญญาเป็นเอกซ์คลูซีฟเอาท์เลต กล่าวคือจะเปิดร้านที่เซ็นทรัล วิลเลจ เพียงที่เดียวในประเทศไทยเท่านั้น

 

สรุปก็คือ โครงการเซ็นทรัล วิลเลจ ถือเป็นด่านดูดเงินออกจากกระเป๋านักท่องเที่ยวชั้นดี และกลายเป็นความเสี่ยงทางธุรกิจของ ทอท.ที่จะต้องสกัดกั้นหยุดยั้ง ห้ามไม่ให้เกิดขึ้น เพราะแม้ว่าไม่ได้อยู่ในสนามบิน ก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้การเปิดตัวเซ็นทรัล วิลเลจ สะดุดด้วยเรื่องน่ารำคาญเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องทำ ถือเป็นการสกัดดาวรุ่งตั้งแต่เนิ่นๆ แม้จะไม่เป็นแต่ก็ต้องทำ 

 

คุณผู้อ่านสามารถติดตามข่าวสาร ทุกความเคลื่อนไหวธุรกิจแฟรนไชส์และ SMEs รวดเร็ว รอบด้าน
 

นักเขียน

คุณมนตรี ศรีวงษ์ (อ๊อฟ)