ตลาดชานมไข่มุกในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 26,000 ล้านบาท!! แต่นั่นจะสำคัญอะไรเพราะคนที่อยากลงทุนหลักใหญ่ใจความคืออยากรู้แค่ว่า “ลงทุนแบบไหนแล้วจะขายดีที่สุด?”

ทุกวันนี้แฟรนไชส์ชานมไข่มุกมีให้เลือกเยอะมาก เกณฑ์ที่คนตัดสินใจจะเลือกเอาแบรนด์ไหนมาลงทุน ปัจจัยสำคัญสุดก็คือ “ยอดขาย + การดูแลของแฟรนไชส์ซอร์”

 

หนึ่งในแฟรนไชส์ชานมไข่มุกที่ตอบโจทย์ในเรื่องนี้ได้ดีคือ “มากะชา” เจ้าของแบรนด์คือคุณศศิวิมล แสนพันธ์ ที่ครั้งหนึ่งเคยทำงานประจำ แต่ก็เหมือนพนักงานประจำทั่วไปคืออยากมีรายได้เพิ่ม 

 

และก็เลือกทำร้านชานมไข่มุกด้วยใจรักด้วยความชอบและมองว่านี่คือธุรกิจที่ดีที่สุดแม้จะมีคู่แข่งเยอะก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะชานมไข่มุกจะกินตอนไหนยังไงก็ไม่มีเบื่อขายได้ดีทุกวัน การจะทำให้คนติดใจหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ “คุณภาพสินค้า” เป็นสำคัญมากกว่า

 

 

คิดได้แล้วต้องทำ! นี่คือเคล็ดลับสู่ความสำเร็จของคนที่ประสบความสำเร็จ ซึ่ง “มากะชา” ก็เช่นกัน หลังจากลองผิดลองถูกคิดสูตรเครื่องดื่มของตัวเอง ลองชง ลองชิม จนแน่ใจว่านี่แหละใช่เลย ก็ถึงเวลาเปิดร้าน

 

ชื่อ “มากะชา” ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากลูกทั้ง 2 ผนวกรวมกับความชอบในเรื่องชานมไข่มุก ก็ตั้งชื่อว่า “มากะชา” ซึ่งก็จำง่ายเรียกง่าย และกลายเป็นคำฮิตติดปากลูกค้าในตอนนี้อย่างมาก
 

 

ร้านแรกที่เปิดอยู่ที่วัดหลวงพ่อกรวย จังหวัดชัยนาท ทีแรกก็คิดว่าอยากเปิดหารายได้เพิ่ม แต่ตรงนี้ทำเลดีเกินคาดเพราะเป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญ มีลูกค้าแวะเวียนมาเยอะมาก และ เมนูของมากะชาคือกินแล้วว้าว อร่อยติดใจ ก็ขายดีมาก เฉลี่ยขายวันละ 100 แก้ว ในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์หรือเทศกาล ยอดขายก็มากขึ้นด้วย

 

และด้วยความที่ขายดี + อร่อยมาก หลังจากเปิดร้านได้ 2-3 เดือนก็มีคนสนใจเริ่มสอบถามว่า “ขายแฟรนไชส์ไหม??” ก็เป็นจุดเริ่มให้คิดต่อยอดว่า “เราน่าจะพัฒนาธุรกิจไปสู่แฟรนไชส์ได้!!!”

 

คิดค้นแพคเกจลงทุน วางโครงสร้างแฟรนไชส์ คนสนใจเยอะมาก 
 

เพราะได้คลุกคลีกับลูกค้า เปิดร้านเองขายเองมาก่อนรู้ว่าอะไรคือปัญหา? หรือว่าอะไรคือความต้องการ นำไปสู่การคิดแพคเกจลงทุน , การติดต่อโรงงานผลิตคีออส+ซุ้ม , การติดต่อโรงงานผลิตวัตถุดิบสูตรเฉพาะของมากะชา

 

แพคเกจลงทุนของมากะชามีด้วยกัน 4 แบบ คือ

ทุกแพคเกจมีอุปกรณ์ให้พร้อมเปิดร้าน (ตามแพคเกจที่เลือก) พร้อมฝึกสอนวิธีการทำเครื่องดื่มเมนูต่างๆ แถมช่วยโปรโมทร้าน ,อัพเดทเมนูใหม่ให้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้คำปรึกษาและดูแลคนลงทุนเป็นอย่างดี มีปัญหาตรงไหนไม่เข้าใจอะไรสอบถามได้ตลอด 24 ชม.

 

ตอนนี้มากะชามีทั้งหมด 6 สาขาซึ่งล้วนแต่ประสบความสำเร็จในการลงทุนอย่างมาก รายได้บอกเลยว่าดีกว่าทำงานประจำเยอะมาก

 

กำไรเฉลี่ยเดือนละ 45,000 บาท ทำเลดี ยิ่งขายดี!
 

การสอนและให้เทคนิคแก่ผู้ลงทุนแบบหมดเปลือกไม่มีกั๊กสอนทุกเทคนิค สอนทุกอย่าง เป็นปัจจัยแรกที่ทำให้คนลงทุนสนใจ แต่เหนือกว่านั้นคือ “รายได้” ที่ใครตั้งใจทำจริง การลงทุนกับมากะชาบอกได้คำเดียวว่า สุดยอดมาก!!

 

ยกตัวอย่างมากะชาสาขาก๋วยเตี๋ยวไก่มะระแยกหัวหวาย อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ซื้อแพคเกจ 29,000 บาท ออกแบบหน้าร้านเอง ด้วยความที่มีธุรกิจเดิมคือก๋วยเตี๋ยวไก่ แต่ลงทุนซื้อแฟรนไชส์มากะชามาเพิ่ม ปรากฏว่าขายดีมาก

 

ขายเฉลี่ยวันละ 100 แก้ว ราคาแก้วละ 30 บาท รายได้ต่อวันประมาณ 3,000 บาท ใน 1 เดือนรายได้กว่า 90,000 บาท หักลบต้นทุนทุกอย่าง มีกำไรเฉลี่ยเดือนละ 45,000 บาท นี่แค่กำไรในส่วนของเครื่องดื่มแฟรนไชส์มากะชาเท่านั้น ยิ่งถ้าคนลงทุนทำคู่กับธุรกิจอื่นก็จะยิ่งดีมีรายได้มากขึ้น 
 

 

ตัวอย่างนี้เห็นชัดเจนว่ากำไร 45,000 นี่คือดีมาก คิดเทียบกับคนทำงานประจำรายได้ 15,000 – 20,000 ยังไงก็ดีกว่า แต่การทำธุรกิจตัวเองก็ต้องแลกด้วยความตั้งใจทำ ต้องดูแลในทุกขั้นตอน ต้องรู้จักการทำตลาด ซึ่งมากะชาก็พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการให้คำปรึกษาและดูแลผู้ลงทุนทุกคนเป็นอย่างดี เพราะอยากให้คนลงทุนขายง่าย ขายกันได้เยอะๆ 

 

 

เพียงแค่ปีแรกของธุรกิจ “มากะชา” ก็ขยายสาขาได้ตามที่ตั้งใจ แต่ในปี 2567 เชื่อว่าสาขาจะมีมากขึ้นในอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ เพราะตอนนี้มีคนสอบถาม มีคนติดต่อเข้ามาเรียนรู้สูตร หลายคนมีแผนที่จะเปิดร้านของตัวเอง สิ่งที่ทำให้มากะชา เป็นแฟรนไชส์สร้างอาชีพยอดฮิตมีหลายปัจจัยเช่น

ภาพจาก แฟรนไชส์มากะชา

สิ่งเหล่านี้คือตัวแปรที่ทำให้คนตัดสินใจเลือกลงทุนแฟรนไชส์มากะชา สำคัญสุดคือควรมีทำเลที่ดีในการเปิดร้าน เช่นหน้าโรงเรียน โรงงาน ตลาดนัด ย่านชุมชน แหล่งคนพลุกพล่าน สถานที่ท่องเที่ยว นอกจากทำเลดีก็ควรมีการบริหารจัดการที่ดีร่วมด้วยเพื่อประโยชน์ในการลงทุนอย่างสูงสุด

 

และสำหรับใครที่กำลังมองหาแฟรนไชส์น่าลงทุน เพื่อเริ่มต้นสร้างธุรกิจให้ตัวเองในปีหน้า แฟรนไชส์มากะชาคือทางเลือกที่น่าสนใจ มีจุดเด่นหลายอย่างที่เอื้อประโยชน์ต่อคนลงทุนโดยเฉพาะกำไรของธุรกิจคือดีมาก สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากทางแฟรนไชส์ได้

 

 

นักเขียน

คุณรัตนชัย ม่วงงาม (เปี๊ยก)