หากเป็นคุณแม่มือใหม่ การจะสังเกตว่าเมื่อทารกมีอาการท้องเสียจะเป็นอย่างไร ลักษณะอุจจาระของเด็กทารกแบบไหนคืออาการท้องเสีย อาจแยกไม่ออกเนื่องจากทารกดื่มแต่น้ำนมแม่ทำให้อุจจาระมีลักษณะนิ่มเหลวเป็นปกติอยูแล้ว และ
ทารกท้องเสียก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อย คุณแม่ที่มีประสบการณ์แล้วต้องเคยผ่านการดูแลลูกน้อยที่มีอาการดังกล่าวมาแล้ว แต่สำหรับคุณแม่มือใหม่อาจเป็นเรื่องยากและมีความกังวลใจ วันนี้เรามีคำแนะนำและวิธีการดูแลลูกน้อยเมื่อมีอาการท้องเสียมาฝากคุณแม่กัน
อาการที่บ่งบอกว่าท้องเสีย
โดยปกติแล้วทุกวันคุณแม่อาจรู้จากการสังเกตว่าลักษณะอุจจาระของลูกแบบปกติมีลักษณะเป็นอย่างไร แต่ถ้าลูกมีลักษณะอุจจาระต่างจากเดิมรวมกับอาการเหล่านี้คือ ลูกมีอาการถ่ายอุจจาระบ่อย มากกว่า 3 ครั้งต่อวัน ถ่ายอุจจาระทุก ๆ 2 หรือ 3 ชั่วโมง งอแงผิดปกติ ไม่ยอมนอน อาเจียน ไม่ยอมกินนม ริมฝีปากแห้ง มีความอ่อนเพลียกว่าปกติ ไปจนถึงปัสสาวะน้อย สิ่งเหล่านี้คืออาการที่บ่งบอกว่าทารกท้องเสียที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากผู้ปกครอง
การดูแลลูกน้อยด้วยตัวเองเบื้องต้น
เมื่อคุณแม่สังเกตได้แล้วว่าลุฏมีออาการป่วยท้องเสียแน่ ๆ วิธีการดูแลเบื้องต้นคือให้ลูกดื่มน้ำผสมเกลือแร่สำหรับทารกโดยเฉพาะ ควบคู่ไปกับการดื่มนมแม่หลังการถ่ายอุจจาระ บางคนอาจจะคิดว่าลูกไม่ควรดื่มนม เพราะกลัวว่าจะไปกระตุ้นให้มีการขับถ่ายยิ่งกว่าเดิม แต่ในน้ำนมของคุณแม่มีจุลินทรีย์ที่ชื่อ LPR ที่ช่วยลดโอกาสการเกิดอาการท้องเสีย และมีสารอาหารที่ช่วยฟื้นฟูให้ระบบการขับถ่ายและลำไส้ ถ้าหากทำตามวิธีการดังกล่าวแล้วลูกยังไม่ดีขึ้น ไม่ยอมกินไม่ยอมนอน การพบแพทย์จึงเป็นเรื่องสำคัญทันที
การป้องกันไม่ให้เกิดอาการท้องเสีย
คุณแม่ควรรู้เช่นกันว่าการป้องกันไม่ให้ทารกท้องเสียตั้งแต่ต้นเหตุทำอย่างไรบ้าง เนื่องจากสาเหตุของอาการท้องเสียคือเชื้อโรคและแบคทีเรีย รวมถึงอาการแพ้เฉพาะในตัวเด็กแต่ละคน เช่น แพ้โปรตีนในนมวัว คุณแม่จึงควรให้ความสำคัญสุขอนามัยในการกินของลูกน้อย หมั่นทำความสะอาดล้างมือและของใช้ก่อนทานอาหารหรือหยิบของเข้าปากทุกครั้ง หากจำเป็นต้องดื่มนมผง อย่าชงนมให้จางลง และเมื่อลูกอยู่ในวัยที่รับประทานอาหารได้แล้ว ไม่ควรให้ทานอาหารที่มีกากใยตามธรรมชาติ เช่น ผลไม้ ผัก มากจนเกินไป หลีกเลี่ยงน้ำหวานมากเกินพอดี เน้นการรับประทานอาหารย่อยง่าย เช่น ข้าวบด โจ๊กที่มีโปรตีน เป็นหลัก
เราเชื่อว่าคุณแม่มีความเอาใจใส่ต่อลูก และสังเกตอาการผิดปกติของลูกอยู่เสมอ เมื่อรู้วิธีการสังเกตความผิดปกติและอาการของทารกท้องเสียแล้ว ก็จะช่วยให้คุณแม่ระมัดระวังและดูแลลูกได้อย่างถูกวิธีมากขึ้น แต่หากมีความจำเป็นต้องพบแพทย์ก็อย่ารอช้า นอกจากนี้ การป้องกันตั้งแต่เริ่มต้นด้วยการดูแลสุขอนามัยอย่างถูกวิธีก็จะช่วยให้คุณแม่และลูกน้อยมีเวลาอยู่ร่วมกันอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น โดยไม่มีอาการท้องเสีย