ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


Keyword คืออะไร? ทำไมคนทำ SEO ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างแรก

เคยสงสัยไหมว่าทำไมเวลาเราค้นหาอะไรใน Google แล้วเว็บไซต์บางอันถึงขึ้นมาอยู่หน้าแรกเสมอ? นั่นแหละคือพลังของการทำ SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งเป็นการปรับปรุงเว็บไซต์ให้ปรากฏในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหาใน Google ผ่านการพิมพ์ Keyword ซึ่งแปลว่าคำหลักที่เป็นเสมือนกุญแจสำคัญในการทำ SEO ผ่านการใช้ Keyword ในการค้นหาข้อมูล เพื่อสื่อสารกับ Google ว่าเว็บไซต์ของเรานั้นเกี่ยวกับอะไรบ้าง และเมื่อมีคนค้นหาคำเหล่านี้ เว็บไซต์ของคุณก็มีโอกาสที่จะขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกของผลการค้นหาได้นั่นเอง



Keyword คืออะไร?
Keyword คือคำหรือวลีที่คนอื่นใช้ในการค้นหาข้อมูลบนเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Bing หรือ Yahoo คำเหล่านี้เป็นคำที่เชื่อมโยงกับเนื้อหาหรือสินค้าบริการที่ผู้ใช้ต้องการค้นหา คีย์เวิร์ดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของเราเป็นที่รู้จักและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยการเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสมในการทำ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏในผลการค้นหาของผู้ที่สนใจในสิ่งที่คุณนำเสนอ



ประเภทของ Keyword ในการทำ SEO มีอะไรบ้าง ?

Keyword มีกี่ประเภท? ประเภทของ Keyword มีความแตกต่างกันไปในแง่ของความกว้าง ความเฉพาะเจาะจง และปริมาณการค้นหา โดยแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

Mass keyword หรือ Head Terms
Mass Keyword คือคำสั้น ๆ ที่มีความหมายกว้างและครอบคลุม คำเหล่านี้มักจะเป็นคำค้นหาที่มีปริมาณการค้นหาสูง (high search volume) แต่ก็มีการแข่งขันสูง (high competition) เช่นกัน เนื่องจากมีหลายธุรกิจพยายามใช้คำเหล่านี้ในการทำ SEO ตัวอย่างคำว่า “กล้อง” ซึ่งสามารถหมายถึงกล้องหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูป กล้องวิดีโอ หรือกล้องวงจรปิด

Niche keyword หรือ Body Keywords
Niche Keyword คือคำที่มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นกว่าคำแบบ Mass Keywords แต่ยังคงกว้างพอที่จะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง คำเหล่านี้มักจะมีปริมาณการค้นหาปานกลางและมีการแข่งขันระดับปานกลางเช่นกัน ตัวอย่างคำว่า “กล้องถ่ายรูปกันน้ำ” ซึ่งเป็นคำที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมายที่มองหากล้องที่มีคุณสมบัติกันน้ำได้

Long-tail keyword
Long-tail Keyword คือคำหรือวลีที่มีความยาวและเจาะจงมากที่สุด คำเหล่านี้มักจะมีปริมาณการค้นหาต่ำ (low search volume) แต่ก็มีการแข่งขันต่ำด้วย (low competition) และมักจะมี Conversion Rate สูง เพราะผู้ที่ค้นหาด้วยคำเหล่านี้มักจะมีความต้องการที่ชัดเจนและพร้อมที่จะทำการตัดสินใจซื้อ ตัวอย่างคำว่า “ร้านขายกล้องถ่ายรูปกันน้ำในกรุงเทพราคาถูก” ซึ่งจะดึงดูดผู้ที่ต้องการซื้อกล้องประเภทนี้โดยเฉพาะ

หมายเหตุ: การเลือกใช้คีย์เวิร์ดให้เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายและลักษณะของธุรกิจของคุณ หากคุณต้องการดึงดูดลูกค้าจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น คุณอาจจะเลือกใช้ Mass Keyword หรือ Niche Keyword แต่หากคุณต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะเจาะจงและมีโอกาสในการแปลงเป็นลูกค้าสูง คุณอาจจะเลือกใช้ Long-tail Keyword



Keyword มีความสำคัญต่อการทำ SEO อย่างไร

ทำไมการทำ SEO และ Keyword ถึงสำคัญขนาดนั้น?

- เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์: ยิ่งเว็บไซต์ของคุณติดอันดับสูงในผลการค้นหาเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีคนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นเท่านั้น
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์: เว็บไซต์ที่ติดอันดับต้น ๆ มักจะถูกมองว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ ผู้คนจึงมักจะเลือกเข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากเว็บไซต์เหล่านี้
- เพิ่มยอดขายและผลกำไร: เมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น โอกาสในการขายสินค้าหรือบริการของคุณก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
- เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด: คุณสามารถเลือกใช้คำหลักที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ ทำให้คุณสามารถสื่อสารกับลูกค้าที่ต้องการสินค้าหรือบริการของคุณได้อย่างตรงจุด



แนะนำเครื่องมือสำหรับการค้นหา Keyword สำหรับการทำ SEO

ในการทำ SEO หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญมากที่สุดคือการค้นหาคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมหรือ Keyword Research  ปัจจุบันมีเครื่องมือ (Keyword Research tools) มากมายที่สามารถช่วยในการทำ Keyword Research ได้ โดยมีเว็บค้นหา Keyword ทั้งแบบฟรีและแบบเสียเงิน แม้เครื่องมือที่มีค่าใช้จ่ายมักจะมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมมากกว่า แต่ก็ยังมีเครื่องมือฟรีหลายตัวที่มีประสิทธิภาพสูงและสามารถช่วยในการค้นหาคีย์เวิร์ดได้อย่างดีสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำ SEO หรือมีงบประมาณจำกัด

Google Keyword Planner
Google Keyword Planner เป็นเครื่องมือหา Keyword ฟรีจาก Google ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยนักการตลาดในการวางแผนและปรับแต่งแคมเปญโฆษณา Google Ads อย่างไรก็ตาม มันยังเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการค้นหาคีย์เวิร์ดในการทำ SEO โดยที่คุณสามารถค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ โดยดูข้อมูลเชิงลึก เช่น ปริมาณการค้นหา (Search Volume) ระดับการแข่งขัน (Competition Level) และการเสนอราคาสำหรับการโฆษณา (Bid Estimates)

Ahrefs
Ahrefs เป็นหนึ่งในเครื่องมือ SEO ที่ทรงพลังที่สุดที่มีอยู่ มันเป็นเครื่องมือที่ครอบคลุมในการทำ SEO ทั้งในส่วนของการวิเคราะห์คีย์เวิร์ด วิเคราะห์คู่แข่ง และตรวจสอบ Backlink แถมยังมีฟีเจอร์ Keyword Explorer ที่ช่วยให้คุณค้นหาคีย์เวิร์ดที่มีศักยภาพสูง โดยมีข้อมูลเชิงลึกอย่างละเอียด เช่น ปริมาณการค้นหา ความยากในการติดอันดับ (Keyword Difficulty) และคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลที่ได้นั้นมีความละเอียดแม่นยำสูง อย่างไรก็ตาม Ahrefs เป็นเครื่องมือที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่อาจมีช่วงทดลองให้ใช้งานฟรี

SEMRush
SEMrush เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ SEO ที่มีความสามารถรอบด้าน เหมาะสำหรับการทำ Keyword Research, วิเคราะห์คู่แข่ง และวางแผนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ โดยมีฟีเจอร์ Keyword Magic Tool ที่ช่วยในการค้นหาคีย์เวิร์ด พร้อมกับแสดงข้อมูลเชิงลึกต่าง ๆ เช่น ปริมาณการค้นหา ความยาก และแนวโน้มการค้นหาในช่วงเวลา (Search Trends) เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำ SEO อย่างจริงจัง แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่เสียค่าใช้จ่าย แต่ SEMrush เปิดให้ทดลองใช้งานฟรีเป็นเวลา 7 วัน



สรุป

SEO กับ Keyword เปรียบเสมือนแผนที่ที่นำทางเว็บไซต์ของคุณไปสู่ความสำเร็จ หากคุณต้องการให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จในโลกออนไลน์ สมมติว่าคุณมีร้านขายเสื้อผ้า คุณสามารถทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้น ๆ โดยผ่านวิธีหา Keyword อย่างละเอียดมาแล้ว เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำว่า "เสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง" หรือ "ร้านขายเสื้อผ้าราคาถูก" เมื่อผู้คนค้นหาคำเหล่านี้ เว็บไซต์ของคุณก็จะปรากฏขึ้นในผลการค้นหา และมีโอกาสที่ผู้คนจะคลิกเข้ามาดูสินค้าของคุณมากขึ้น

สรุปแล้ว SEO เป็นเครื่องมือที่สำคัญมากสำหรับธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ การทำ SEO และการเลือกใช้ Keyword ที่เหมาะสม จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น