DITP ปั้น ผปก. ส่งออกรุ่นใหม่โกอินเตอร์กว่า 107 รายภายใต้โครงการความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก
กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) โชว์ผลสำเร็จจากการดำเนินโครงการความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก รุ่นที่ 141 ภายใต้วิสัยทัศน์และการกำหนดนโยบายของ ท่านจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการสนับสนุนผู้ประกอบการก้าวสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการมากกว่า 107 ราย โดยในปีนี้เป็นการดำเนินการโครงการในรูปแบบ Virtual Training and Workshop ผ่านระบบ Zoom meeting ซึ่งโครงการอบรมอัดแน่นด้วยองค์ความรู้และเทคนิคการส่งออก พร้อมตั้งเป้าผลักดันผู้ประกอบการส่งออกรุ่นใหม่จากโครงการความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก ในปี 2566 เพิ่มอีก
นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า “กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางการค้าของประเทศให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการด้านการค้าระหว่างประเทศ การบ่มเพาะความรู้พื้นฐานด้านการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก ตลอดจนสนองนโยบาย Local to Global ของกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้วิสัยทัศน์และการกำหนดนโยบายของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในการสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกระดับให้มีโอกาสได้เข้าถึงองค์ความรู้เชิงลึก ที่จะสามารถพาผู้ประกอบการไทยก้าวสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อช่วยผลักดันให้มูลค่าการส่งออกในภาพรวมเพิ่มขึ้น และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย รวมทั้งยังช่วยเปิดตลาดให้สินค้าอีกหลายประเภทได้มีโอกาสสร้างชื่อในเวทีสากล อีกด้วย
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้มอบหมายให้สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ดำเนินโครงการความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก รุ่นที่ 141 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทย ให้ได้มีองค์ความรู้ขั้นพื้นฐานด้านการส่งออกเชิงลึก ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนจนถึงการส่งออกจริง และสามารถนำความรู้พื้นฐานด้านการส่งออกไปปรับใช้ในธุรกิจการค้าระหว่างประเทศในยุคดิจิทัลได้ในอนาคต นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังสามารถนำแนวคิดหรือข้อแนะนำของวิทยากรในการให้ความเห็นด้านการเขียนแผนธุรกิจ เพื่อนำไปพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้ตรงกับความต้องการของตลาดมากยิ่งขึ้น
โดยในปีนี้ โครงการดังกล่าว ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการที่ให้ความสนใจถึง 107 ราย โดยแบ่งเป็น นิติบุคคล 48 ราย และบุคคลธรรมดา 59 ราย แบ่งเป็นรายภูมิภาคจากภาคกลาง 62 ราย ภาคเหนือ 17 ราย ภาคใต้ 13 ราย ภาคตะวันออก 9 ราย ภาคตะวันตก 2 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 ราย และแบ่งเป็นรายสินค้าสินค้าเกษตร และอาหารแปรรูป 49.22 % สินค้าเครื่องสำอาง และสมุนไพร 16.05 % และอื่นๆ โดยดำเนินการโครงการเป็นระยะเวลา 5 วัน ประกอบด้วย การบรรยายหลักสูตร อาทิ การเตรียมความพร้อมธุรกิจให้เป็นผู้ส่งออก เทคนิคการต่อรองและข้อควรระวังในการอ่านใจคู่ค้าต่างประเทศ ขั้นตอนการดำเนินธุรกิจนำเข้า-ออก การจัดการ Logistic Update ข้อมูลในตลาดจีน การเตรียมความพร้อมสำหรับเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในแพลทฟอร์มจีนชื่อดัง สิทธิประโยชน์ด้านภาษีและพิธีการศุลการ การพัฒนาบรรจุภัณฑ์สำหรับการส่งออก Cross-border E-Commerce จีน ตลาด CLMV การทำ BMC and Value proposition 2022 การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก การทำ BCG Model การคำนวณต้นทุนเพื่อการส่งออก เอกสารและการเงินเพื่อธุรกิจระหว่างประเทศ และการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมกลุ่มย่อยและการประกวดการเขียนแผนธุรกิจ โดยมีผู้เชี่ยวชาญร่วมออกความเห็นในการนำเสนอแผนธุรกิจของผู้เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้และปรับปรุงต่อไปในอนาคต และพิธีปิดโครงการความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก รุ่นที่ 141 การมอบรางวัล ให้แก่ผู้ชนะประกวดเขียนแผนธุรกิจ ได้รับรางวัลสัมภาษณ์บทความลงสื่อภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยผู้ชนะ คือ สุภมาศ เตชะโรจนทรัพย์ บริษัท วี อินสไปร์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดผงชงดื่ม จากแบรนด์ Game-on (เกม-ออน) ซึ่งจะเห็นได้ว่า ผู้ประกอบการที่เข้าร่ว มโครงการ ได้พัฒนาศักยภาพ ให้มีทักษะ ความรู้ ความสามารถด้านการส่งออกสินค้าไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศมากยิ่งขึ้น ประกอบกับเป็นการช่วยทำให้มูลค่าการส่งออกในภาพรวมเพิ่มขึ้น และสามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอนาคตต่อไป
สำหรับโครงการความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออก รุ่นที่ 142 ยังคงดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยจะจัดขึ้นอีกครั้งในปี 2566 ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารความคืบหน้าของโครงการ และความรู้ดีดีสำหรับผู้ประกอบการไทยได้ที่
www.nea.ditp.go.th หรือ Facebook.com/nea.ditp
ที่มา : MGRonline.com