|
|
|
|
12 กุมภาพันธ์ 2555 |
‘หมอยาพลาซ่า’ เปิด‘KARMART’ บุกตลาดเครื่องสำอางนำเข้า ธุรกิจความงามเติบโต
ค้าปลีกท้องถิ่น ‘หมอยาพลาซ่า’ ทุ่มเงินลงทุน ๑.๕ ล้าน ซื้อแฟรนไชส์เครื่องสำอางสไตล์เกาหลีนำเข้าจากทั่วเอเชีย เปิด “KARMART SHOP” หน้าย่าโม เป็นสาขาแรกของภาคอีสาน หลังศึกษาตลาดให้การตอบรับดี มองโอกาสการทำธุรกิจความสวยความงามกำลังเติบโต ขณะที่ธุรกิจค้าปลีก-โชวห่วยถูกกลืนกินจากโมเดิร์นเทรด พร้อมเล็งขยายไปทุกสาขาของร้านหมอยาพลาซ่า และขึ้นห้างของคนไทย ใช้เงินลงทุนเพิ่มอีก ๑๐ ล้าน
นายจักริน เชิดฉาย เจ้าของร้านหมอยาพลาซ่า ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยกับโคราชคนอีสาน ถึงการเปิด “KARMART SHOP” สาขาหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(ย่าโม) ถนนราชดำเนิน ซึ่งเป็นเครื่องสำอางนำเข้าจากทั่วเอเชีย หลังจาก “หมอยาพลาซ่า” เป็นร้านค้าปลีกท้องถิ่น
ซึ่งปรับตัวเพื่อการแข่งขันกับธุรกิจค้าปลีกรายใหญ่ โดยมีทั้งหมด ๗ สาขาในเขตอำเภอเมืองนครราชสีมา ได้แก่ สาขาหนองไผ่ล้อม, สาขาจอหอ ๒ สาขา, สาขาการเคหะแห่งชาติ ๒ สาขา, สาขาหน้าวัดกองพระทราย(อัมพวัน) และสาขาหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(ย่าโม) เป็นรูปแบบ Convenience Store หรือร้านสะดวกซื้อตลอด ๒๔ ชั่วโมง ด้วยการจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน รวมทั้งเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมสวย และเสริมความงาม มาวางจำหน่ายนอกจากยาแผนปัจจุบัน เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น
นายจักริน เชิดฉาย เจ้าของหมอยาพลาซ่า ผู้ได้สิทธิ์ในการทำแฟรนไชส์ KARMART SHOP เปิดเผยว่า KARMART เป็นบริษัทของคนไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นแบรนด์สินค้าเครื่องสำอางดูแลผิวพรรณและผิวหน้าสไตล์เกาหลี ใช้ได้ทั้งสุภาพสตรี และสุภาพบุรุษ แต่เน้นทำตลาดเพื่อสุภาพสตรีมากกว่า
โดย KARMART นำเข้าจากหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี ฮ่องกง ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอีกหลายประเทศในเอเชีย แต่ไม่ได้ผลิตในประเทศไทย ที่ผ่านมาร้านหมอยาพลาซ่าเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ KARMART โดยนำมาวางจำหน่ายภายในร้านหมอยาพลาซ่า หลังจากนำมาจำหน่ายและทดลองตลาดประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะราคาไม่สูงมากนักสำหรับชาวโคราช ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินค้าได้ง่าย จึงตัดสินใจซื้อแฟรนไชส์เปิดเป็นรูปแบบ KARMART SHOP เป็นแห่งแรกในจังหวัดนครราชสีมา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นายจักริน กล่าวต่อไปว่า การเปิดร้านขายยา และสินค้าอุปโภค-บริโภค สู้กับ Modern Trade (ห้างค้าปลีกสมัยใหม่) อย่างโลตัสค่อนข้างเหนื่อย ส่งผลต่ออัตราการเติบโตของร้านหมอยาพลาซ่าไม่เติบโตเท่าที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะ ๔ ทำเลของร้านหมอยาพลาซาต้องเผชิญการแข่งขันกับ Modern Trade ตัวเลขที่น่าจะเติบโตก็ไม่เติบโตมากนัก
ผมจึงมองหาโอกาสในการทำธุรกิจที่ไม่ต้องชนกับ Modern Trade ด้วยการแตกไลน์มาเป็น KARMART SHOP ธุรกิจด้านความสวยความงาม เพราะปีนี้มีการออกมาพยากรณ์ว่า เป็นปีที่ธุรกิจค้าปลีกของท้องถิ่น หรือโชวห่วย ไม่น่าจะมีโอกาสในการทำธุรกิจหรือเป็นดาวร่วง แต่ธุรกิจเครื่องสำอางพยากรณ์ว่าจะเป็นธุรกิจดาวรุ่งในปีนี้ เพราะคนรักสวยรักงามกันมากขึ้น ดังนั้น ถ้าผมไม่สู้ไม่ปรับตัวคงอยู่รอดยาก เพราะธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่น โดยเฉพาะโชวห่วยถูกกลืนกินไปเรื่อยๆ
สำหรับการเปิด KARMART SHOP สาขาหน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี(ย่าโม) ถนนราชดำเนิน โดยแบ่งพื้นที่จากร้านหมอยาพลาซ่าที่เปิดให้บริการอยู่นั้น นายจักริน กล่าวว่า “ใช้เงินลงทุนประมาณ ๑.๕ ล้านบาท ในการซื้อแฟรนไชส์และรับสินค้ามาจำหน่าย ซึ่งตามมาตรฐานการทำแฟรนไชส์ของ KARMART ต้องมีขนาดพื้นที่จำหน่ายสินค้าขั้นต่ำประมาณ ๒๐-๓๐ ตารางเมตร
แต่สาขาหน้าย่าโมเป็นสาขาใหญ่ของ KARMART ในจังหวัดนครราชสีมา และเป็นสาขาแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นรูปแบบ KARMART SHOP ก่อนหน้านี้มีผู้ประกอบการบางรายเคยซื้อสินค้า KARMART ไปจำหน่ายและทำร้านเอง แต่ที่ผมดำเนินการเป็นรูปแบบมาตรฐานของ KARTMART มีสินค้าให้เลือกเกือบ ๕๐๐ รายการ”
นายจักริน กล่าวเสริมถึงจุดเด่นของ KARMART ว่า เป็นสินค้าคุณภาพที่อยู่ในกระแสความนิยมของวัยรุ่น เพราะเป็นเครื่องสำอางสไตล์เกาหลี และเป็นเครื่องสำอางที่มีคุณภาพดี ราคาปานกลาง ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ง่าย
เมื่อมีกระแสความนิยมการใช้สินค้าของ KARMART ทำให้มีการผลิตสินค้าปลอมและเลียนแบบออกมาวางจำหน่ายในท้องตลาดจำนวนมาก ผมจึงเปิดเป็น KARMART SHOP เพื่อให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่นว่าเป็นสินค้าของแท้จริงๆ ภายใต้แบรนด์ KARMART
ส่วนแผนการขยายสาขาในอนาคตที่ตั้งเป้าหมายไว้ นายจักริน ผู้ได้สิทธิ์ในการทำแฟรนไชส์ KARMART SHOP กล่าวในท้ายสุดว่า “หากการเปิดตัว KARMART SHOP สาขาหน้าย่าโม ได้รับการตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จ ผมมีแผนจะขยายสาขา KARMART SHOP อีกประมาณ ๔-๕ สาขา
โดยมีความเป็นไปที่จะขยายสาขาไปยังร้านหมอยาพลาซ่าทุกสาขา โดยเฉพาะสาขาหนองไผ่ล้อม และสาขาหน้าวัดกองพระทราย(อัมพวัน) ซึ่งมีพื้นที่ขนาดใหญ่เพียงพอที่จะสามารถแบ่งเป็น KARMART SHOP ได้ รวมทั้งมีความคิดที่จะขยายสาขาไปเปิดภายในห้างสรรพสินค้าอีกด้วย แต่มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นห้างของคนไทย ซึ่งคงต้องซื้อแฟรนไชส์เพิ่ม คาดว่าต้องใช้เงินลงทุนอีกประมาณ ๑๐ ล้านบาท”
อ้างอิงจาก โคราชคนอีสาน
|
|
|
