7.0K
10 ตุลาคม 2555
เปิดช็อปเขย่าราคา แรงสะเทือน H&M

 
เปิดช็อปอย่างเป็นทางการก็สร้างปรากฏการณ์ทอล์กออฟเดอะทาวน์ สำหรับ "เอชแอนด์เอ็ม" แบรนด์จากสวีเดนที่วางแผนเข้ามาเปิดตลาดในไทยได้อย่างแยบยล
 
ตั้งแต่สร้างกระแสซึมลึกด้วยการเปิดสตูดิโอที่เซ็นทรัลเวิลด์ ให้บรรณาธิการแฟชั่นนิตยสารหยิบยืมสินค้าไปถ่ายภาพ รวมถึงสร้างแฟนเพจในเฟซบุ๊กปลุกเร้าความสนใจจุดกระแสก่อนล่วงหน้าเปิดร้านสองเดือน จนยอดแฟนเพจพุ่งต่อเนื่องจาก 76,000 เป็นกว่า 1 แสนคน 
 
กระทั่งถึงวันแกรนด์โอเพนนิ่งที่สยามพารากอน กับช็อปขนาดสองชั้น 3,200 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ความแรงก็เป็นดังที่บริษัท เอชไทย (ประเทศไทย) คาดไว้ เพราะมีผู้คนที่ได้รับเชิญเป็นแขกวี.ไอ.พี.กว่า 2,000 คน ถือการ์ดเก๋เข้าร่วมงาน พร้อมโกยสินค้ากลับบ้านกันชนิดที่สต๊อกแทบเกลี้ยง หลังโปรยเสน่ห์ด้วยกลยุทธ์จูงใจ ลดราคา 20% (เฉพาะวันนั้น)
 
บริษัทเอชไทย ในฐานะแฟรนไชซีผู้นำเข้ามาตลาดในไทยและอินโดนีเซีย มีซีอีโอชาวสิงคโปร์ "แจ๊กเดฟ ซิงห์ กิลล์" และ "อรอุมา ชวลิตธำรง" เป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ซึ่งในวันเปิดตัวยังมี "พาร์ ดาร์จ" ผู้ดูแลด้านการลงทุนและธุรกิจแฟรนไชส์ บริษัท เอชแอนด์เอ็ม มาร่วมยืนมองความสำเร็จที่น่าจะต่อเนื่องยาวนานไปถึงการเปิดสาขาสองที่เดอะมอลล์ บางกะปิ วันที่ 10 ตุลาคม
 
 
 
พาร์ ดาร์จ กล่าวว่า "เราทึ่งแฟนเพจในเฟซบุ๊กเอชแอนด์เอ็มไทยมาก ขนาดยังไม่มีช็อปสักร้านก็มีคนมาเป็นแฟนเพจกว่าแสนคน อีกทั้งยังมีคนที่สนใจแบรนด์ถึงขนาดมาเข้าคิวรอวันแรกที่เปิดขาย" เพราะหลากหลายการใช้กลยุทธ์ยังรวมถึงโฆษณาผ่านช่องทางสื่อสารต่าง ๆ ทั้งบีทีเอส, สิ่งพิมพ์ ประกอบกับการนำเสนอป้ายราคา ณ จุดขายชัดเจน ที่มัดใจลูกค้าอยู่หมัดเพราะราคาใกล้เคียงกับทั่วโลก"ไอเดียธุรกิจคือคุณภาพในราคาที่ดีที่สุด มีปัจจัยสามอย่างคือ แฟชั่น คุณภาพ และราคา ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ว่าซื้อที่ไหนก็ได้ราคาที่เหมาะสม"
 
 
ด้วยความแรงของแบรนด์น้องใหม่ ทำให้รายเก่าหลายแบรนด์ต้องสร้างความเคลื่อนไหวกระตุ้นความสนใจลูกค้าทั้งซาร่า ที่แม้จะยังคงราคาเดิมแต่ก็ปรับปรุงร้านสาขาพารากอนใหม่ ขณะที่ยูนิโคล่ กระหน่ำโปรโมชั่นลดราคาต่อเนื่อง เฉพาะเดนิมยีนปรับลดจาก 1,490 บาทเป็น 1,290 บาท ขณะที่ท็อปช็อป จัดงานใหญ่เปิดคอลเล็กชั่นให้หลังงานเอชแอนด์เอ็มหนึ่งวัน ซึ่งใช้กลยุทธ์ลดราคาวันงาน 20% เช่นกัน "เราเข้ามาเพื่อทำหน้าที่เติมเต็มแฟชั่นในไทย ซึ่งการที่แบรนด์อินเตอร์อย่างเรามีราคาจับต้องได้ ตรงนี้ถือเป็นสิ่งใหม่ของตลาด"
 
น่าคิดอีกอย่างก็คือ การเปิดร้านสองสาขาในเวลาไล่เลี่ยกันและต่างทำเล เพราะหนึ่งสาขาคือใจกลางเมือง อีกหนึ่งคือทำเลชานเมือง"สองโลเกชั่นค่อนข้างต่างกัน พารากอน มีทั้งนักท่องเที่ยวและคนไทย ส่วนเดอะมอลล์บางกะปิมีลูกค้าคนไทย นับเป็นการทดลองว่าในโลเกชั่นคนไทยจะเป็นอย่างไร และต้องใช้วิธีเลือกสินค้าที่เหมาะกับทำเลด้วย"
 
 
 
หากโมเดลบางกะปิสำเร็จด้วยดี "พาร์ ดาร์จ" มองว่า อาจมองทำเลอื่น แต่ที่แน่ ๆ ว่าจะเปิดสาขาสามที่ใจกลางเมืองก่อน นั่นคือ "เซ็นทรัลเวิลด์" กำหนดเปิดในกันยายนปีหน้า"ปีนี้เปิดไปแล้ว 300 สาขาทั่วโลก เหมือนเปิดเกือบทุกวัน"

เฉพาะอย่างยิ่งในแถบเอเชียที่เอชแอนด์เอ็มเดินหน้าบุกตลาดอย่างหนัก สอดคล้องกับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเอเชียในระดับ 10-15% ซึ่งภูมิภาคนี้มีกว่า 150 สโตร์แล้ว ไม่ว่าจะเป็น 100 แห่งในเมืองใหญ่ของจีน, 12 สาขาในฮ่องกง, 2 สาขาในสิงคโปร์, 2 สาขาในมาเลเซีย, 22 สาขาในญี่ปุ่น และ 10 สาขาในเกาหลี ซึ่งถ้ารวมทั้งหมดทั่วโลกมีอยู่ 2,600 สาขา
 
 
การเติบโตยังมีปัจจัยด้านสินค้าที่ตอบโจทย์ ด้วยทีมดีไซเนอร์กว่า 150 คนจากหลายเชื้อชาติ ทำหน้าที่ออกแบบให้ตรงความต้องการที่หลากหลาย และยังสร้างภาพลักษณ์ให้แตะ "ลักเซอรี่" ด้วยคอลเล็กชั่นพิเศษร่วมกับดีไซเนอร์หรูและคนดังอยู่ตลอด สำหรับไทยจะมีการนำคอลเล็กชั่นที่ทำกับ ADR แอนนา เดอรารุสโซ บก.โว้ก ญี่ปุ่น มาจำหน่ายในเดือนตุลาคม ส่วนพฤศจิกายนนำผลงานที่ทำร่วมกับ Maison Martin Margiela เอชแอนด์เอ็มจึงมีความเคลื่อนไหวให้คนตามติดอย่างต่อเนื่อง
 
ไม่แปลกหากในแง่ความเป็นโกลบอลแบรนด์ แบรนด์นี้จะอยู่อันดับที่ 21 ตามหลังลักเซอรี่ "หลุยส์ วิตตอง" ที่อยู่ในอันดับ 16 ไม่เท่าไหร่
 
พาร์ ดาร์จ ทิ้งท้ายว่า "ขณะที่ยุโรปเติบโตค่อนข้างช้า เรารู้สึกว่าเอเชียเป็นโอกาสที่ดีมาก โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้"

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
อากิโกะที เปิด 2 สาขาใ..
5,892
สเต็กเด็กแนว สร้างรายไ..
2,712
ซอห์น ฟู้ด จัดโปรแรง! ..
1,184
ก๋วยเตี๋ยวเรือปัญจะรส ..
779
“THE GRAND MALL” ทำเลด..
638
ธงไชย ผัดไทย ร่วมกับคน..
620
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด