3.0K
18 ธันวาคม 2555
หวั่นพิษค่าแรง 300 บาท ฉุดSMEลงเหว


 
ผู้บริหารธนาคารกรุงเทพห่วงค่าแรง 300 บาท กระทบเอสเอ็มอีต่างจังหวัดพื้นที่ไกลปืนเที่ยง  ย้ำคาถาอยู่รอดต้องเร่งปรับตัวและมีความพร้อม เตือนหากช้าอาจล้มเลิกกิจการไม่เป็นท่า เล็งแตกไลน์ธุรกิจรายย่อยเพิ่มรายได้-กระจายความเสี่ยง พร้อมเดินหน้าขยายรายใหญ่ต่อเนื่อง 
 
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. ธนาคารกรุงเทพ  เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จะต้องเริ่มปรับตัวอย่างจริงจัง เพื่อรองรับการแข่งขันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนด้านต่างๆ ที่เร่งตัว เช่น ต้นทุนด้านค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันที่จะปรับขึ้นอีกครั้งในต้นปี 2556
 
ทั้งนี้จากการสำรวจผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ พบว่าผู้ประกอบการในเขตกรุงเทพฯ  และในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมีความสามารถในการปรับตัวค่อนข้างสูง  แต่ก็มีความเป็นห่วงผู้ประกอบการต่างจังหวัดที่มีเขตพื้นที่ตั้งค่อนข้าง ห่างไกล  เพราะจะได้รับข้อมูลข่าวสารที่ไม่เพียงพอ  

อีกทั้งยังไม่มีความสามารถและความพร้อมเพียงพอที่จะออกไปขยายการลงทุนยัง ต่างประเทศได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานสูง เช่น กลุ่มสิ่งทอ เป็นต้น  อย่างไรก็ดี โดยส่วนตัวไม่ห่วงผลที่จะกระทบต่อการชำระหนี้ของลูกค้า  เพราะลูกค้าที่จะได้รับผลกระทบมากจะเป็นลูกค้ารายเล็กและมีมูลค่าหนี้รวมไม่ มาก  แต่ห่วงเรื่องความอยู่รอดของผู้ประกอบการเป็นสำคัญ
 
 
 
"การปรับตัวถือเป็นสิ่งที่ธนาคารตอกย้ำมาโดยตลอด แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องเริ่มทำ  เพราะคนที่ปรับตัวไปก่อนหน้าจะสามารถบริหารจัดการกับปัญหาต่างๆ ได้ดีกว่าคนที่ไม่ขยับตัวทำอะไรเลย  และหากไม่หยุดนิ่งยังมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าจะสามารถอยู่รอดได้ ภายใต้การแข่งขันที่จะสูงขึ้นหลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)"
 
สำหรับการปรับตัวที่จำเป็นนั้น เช่น การปรับปรุงการบริหารจัดการภายใน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการใช้แรงงาน ประหยัดพลังงาน การเสริมสร้างความรู้ความสามารถ หรือกระทั่งการเพิ่มนวัตกรรม โดยส่วนตัวยังมองว่าภาพรวมผู้ประกอบการไทยยังสามารถปรับตัวได้ทัน เพราะคาถาความอยู่รอดตอนนี้คือการปรับตัวและความพร้อม
 
"ภาพรวมการขยายตัวของสินเชื่อในปีหน้าน่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 6-7% ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 4-5%"

ด้านนายสุวรรณ  แทนสถิต  กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ปัญหาค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้นอีกรอบในวันที่ 1 มกราคม 2556 จะส่งผลกระทบโดยตรงกับผู้ประกอบการที่สายป่านสั้น  และใช้แรงงานสูง  เนื่องจากมีโอกาสที่ทำให้ผู้ประกอบการบางรายล้มเลิกกิจการลงได้  แม้เชื่อว่าจะยังอยู่ในวงจำกัด  คือมีปริมาณไม่มากก็ตาม อีกทั้งยังไม่สามารถบอกจำนวนที่แน่ชัดได้ เนื่องจากสำรวจได้ไม่ง่ายนัก ทั้งนี้หากลูกค้าของธนาคารประสบกับปัญหา ธนาคารจะพิจารณาให้การช่วยเหลือเป็นรายกรณีตามความเหมาะสมกับความต้องการ
 
นอกจากนี้ธนาคารยังยืนยันที่จะขยายธุรกิจไปยังกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น  เพราะปัจจุบันธนาคารเข้าไปลงเล่นเพียงตลาดสินเชื่อบ้านเท่านั้น ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ต้องเร่งปรับปรุง  เพื่อขยายธุรกิจ  รวมถึงกระจายความเสี่ยงในอนาคต  และรองรับการแข่งขันที่จะรุนแรงขึ้นภายหลังการเปิดเออีซี  ด้านสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ในปัจจุบันยังมีสัดส่วนคงที่  แม้มูลค่าจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณสินเชื่อเพิ่มขึ้นก็ตาม
 
 
 
ขณะที่นายชาญศักดิ์  เฟื่องฟู  กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า สินเชื่อรายใหญ่ของธนาคารปีนี้เติบโตสูงกว่าเป้าหมายจากระดับ 5-6% เป็น 8% จากสินเชื่อที่มีระยะเวลามากกว่าสินเชื่อหมุนเวียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดิวที่คุยกันมาต่อเนื่องและสะดุดลงในช่วงน้ำท่วม  ขณะที่ปีหน้ามองว่าการเติบโตของสินเชื่อจะมีความต่อเนื่อง จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ทั้งโครงการรถไฟฟ้า ถนน 3จี เป็นต้น

อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
มูฟ อีวี เอกซ์ แฟรนไชส..
2,042
ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ทรา..
1,007
สาขาใหม่มาแล้ว! #แฟรนไ..
642
แฟรนไชส์สะดวกล้างมาแรง..
631
อยากรวยเชิญทางนี้! ธงไ..
599
“โมโม่เชค” แฟรนไชส์ชาน..
588
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด