นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)(PTT) กล่าวถึงโครงการสนับสนุนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. : OTOP by PTT ว่า โครงการดังกล่าวสอดคล้องกับพันธกิจของ ปตท. ในการร่วมสร้างชุมชนให้มีความเข้มแข็ง เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน 

โดย ปตท. จะสนับสนุนผู้ประกอบการ OTOP ในระดับท้องถิ่นและชุมชนให้มีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้นผ่านร้าน "สถานีของฝาก" ที่จัดตั้งขึ้นภายในสถานีบริการน้ำมันในโครงการนำร่อง ปตท. และยังคัดเลือกสถานีบริการที่มียอดจำหน่ายน้ำมันสูง และตั้งอยู่ในทำเลที่ประชาชนสัญจรเชื่อมผ่านไปยังแหล่งท่องเที่ยวและจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ อีก 50 สถานี เป็นสถานีนำร่องในระยะแรกเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP ตั้งแต่เดือนมิถุนายน - ธันวาคม 2556 รวมระยะเวลา 7 เดือน จากนั้นจึงจะวางแผนและพัฒนาต่อยอดโครงการในระยะที่ 2 ต่อไป

 

"โครงการสนับสนุนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP นี้ เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจของ ปตท. เพื่อช่วยเพิ่มพื้นที่ในการจำหน่ายสินค้า OTOP ให้กับชุมชนในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ได้มีอาชีพ มีรายได้ อันเป็นรากฐานและเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้เกิดขึ้นในแต่ละชุมชน"นายไพรินทร์ กล่าว

 

ทั้งนี้สถานีบรืการ ปตท. กว่า 1.3 พันแห่งทั้งประเทศจะมีส่วนช่วยชุมชนในการกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภค ซึ่งภายใน 1 เดือนแรก ได้ตั้งเป้ายอดขายสินค้า OTOP ไว้ที่ 10 ล้านบาท รวม ทั้งจะร่วมมือกับท้องถิ่นคัดเลือก และพัฒนาสินค้า การบรรจุหีบห่อให้มีคุณภาพสูงขึ้น โดยสินค้าที่นำเข้ามาขายจะยึงกับพื้นที่ที่ใกล้กับสถานีบริการมากที่สุด และในอนาคตจะขยายร้านค้า OTOP ไปยังสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. ในต่างประเทศอีกด้วย
 

 
 

ในปี 2556 จะจำหน่ายสินค้า OTOP ผ่าน 50 สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศ โดยจะเริ่มในสถานีบริการที่มียอดขายสูง และมีเส้นทางเชื่อมยังแหล่งท่องเที่ยวจังหวัดต่างๆ ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ 15 สถานี สถานีบริการน้ำมันที่บริหารโดยตัวแทนจำหน่าย 19 สถานี สถานีบริการน้ำมันของปตท. 15 สถานี และตั้งสถานีของฝากในสถานีบริการปตท.แหลมฉบังขาออก 1 สถานี ซึ่งในระยะแรกคาดว่าร้านสถานีของฝากที่แหลมฉบังจะมียอดขายเริ่มต้นที่ 4 หมื่นบาท/วัน และถ้าประชาชนรับรู้แล้วรายได้คามว่าจะทะลุ 6-7 หมื่นบาท/วัน หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท/เดือน

 

ส่วนในปี 2557 จะขยายเพิ่มอีก 50 แห่ง โดยจะเป็นสถานีของฝากเต็มรูปแบบ 2 แห่ง ในบริเวณมอเตอร์เวย์ขาเข้าและออก ใช้เงินลงทุนแห่งละ 5 ล้านบาท โดยสินค้าที่นำเข้ามาขายจะผ่านการคัดเลือกจากกระพัฒนาชุมชน ซึ่งคีอ็อกขนาดเล็กที่กระจานในสถานีจังหวัดต่างๆนั้น คาดว่าจะมียาดขายวันละกว่า 1 พันบาท รายได้ทั้งหมดจะเข้าสู่ชุมชนทั้งหมด เพราะการเข้ามาขายในโครงการนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

อ้างอิงจาก กรุงเทพธุรกิจ