แฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อ ดิ้นสู้แข่งดุสไตล์ปลาดิบ
สมรภูมิร้านสะดวกซื้อร้อนแรง ขึ้นมาทุกขณะ แม้การโค่นบัลลังก์แชมป์อย่างเซเว่นอีเลฟเว่นจะเป็นไปได้ยาก ด้วยจำนวนสาขาที่ห่างไกลกันหลายเท่าตัวนัก แต่การเข้ามาของผู้เล่นรายใหญ่ในเมืองไทย กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจว่า จุดแข็งและจุดขายที่แต่ละค่ายนำมาใช้ จะสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับเจ้าตลาดหรือร้านค้ารายย่อยอย่างโชห่วยอย่างไรบ้าง
รายงานจากสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ระบุว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 2.4 ล้านล้านบาท โดยครึ่งปีแรกของปีนี้ มีการเติบโตต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาระหนี้สินของครัวเรือนที่สูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละประเภทก็ยังเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มร้าน สะดวกซื้อ ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่เติบโตสูงสุด เนื่องจากปีนี้มีการก้าวมาบุกตลาดอย่างจริงจังจากทางเซ็นทรัลที่เข้ามาบริหาร แฟมิลี่มาร์ท และเครือสหพัฒน์ที่มีแบรนด์ "ลอว์สัน" เป็นตัวบุกตลาดต่อจากนี้
แม้ว่าปัจจุบัน ฝั่งเซเว่นอีเลฟเว่น จะกุมทำเลทองทั่วประเทศ พร้อมแผนการ ตลาดที่เข้มข้นจนเป็นแบรนด์แรกที่ผู้บริโภคเลือกใช้บริการมายาวนาน แต่แบรนด์อื่นๆก็ยังมองไปในทิศทางเดียว กันว่า ตลาดร้านสะดวกซื้อในประเทศไทย ยังมีโอกาส
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า ตลาดร้านสะดวกซื้อในประเทศไทยยังมีช่องว่างให้ขยายตัวอีกมาก เห็นได้จากจำนวนร้านโชห่วยที่มีกว่า 300,000 ร้าน ซึ่งสามารถปรับมาเป็นร้านสะดวกซื้อได้
ส่วนปัญหากำลังซื้อที่มีแนวโน้มลดลงนั้น เห็นว่าเป็นเพียงวงจรตามปกติของเศรษฐกิจที่มีการปรับตัวขึ้นลงในแต่ละช่วงเวลา โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ผ่านสภาพเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ซึ่งสามารถรับมือได้ด้วยการปรับความเร็วในการขยายตัว
ชุบชีวิต 108 ฮึดสู้ครั้งใหญ่
นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมาร้าน 108 ช็อปของบริษัทจะเป็นรองคู่แข่งในตลาดร้านสะดวกซื้อ แต่การร่วมมือกับบริษัท ลอว์สัน อิงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการร้านลอว์สัน ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อสร้าง แบรนด์ "ร้านลอว์สัน 108" จะช่วยเสริม ต้นทุนให้บริษัทมีความพร้อมในการแข่งขัน ทั้งในด้านเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้
ในขณะนี้บริษัทมีร้านลอว์สัน 108 จำนวน 15 สาขาในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการทดลองตลาด ซึ่งทยอยเปิดตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยนำร้านค้าของเครือสหพัฒน์มาปรับปรุง
หลังจากนี้บริษัทจะขยายสาขาในประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการ 50 สาขาในปีพ.ศ. 2556 และ 1,000 สาขาภายในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีทั้งการปรับปรุงร้าน 108 ช็อปและสร้างร้านใหม่ ด้วยเงินลงทุนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท
หาจุดต่างสร้างจุดขายให้ตัวเอง
สำหรับแผนการขยายสาขาของร้านลอว์สัน 108 นั้น บริษัทจะไม่แข่งขันในเรดโอเชียนหรือใช้การแข่งขันด้านราคา แต่จะใช้กลยุทธ์สร้างความแตกต่างของร้านด้วยสินค้าและบริการ เช่น การจำหน่ายสินค้าสุขภาพ อาหารสดและบริการอื่นๆ
โดยกลยุทธ์นี้เป็นกลยุทธ์ที่ลอว์สันใช้ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยการเปิด NA-TURAL LAWSON ซึ่งเน้นจำหน่ายสินค้า สุขภาพและความงามสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสาวออฟฟิศอายุ 20-30 ปี หรือ LAWSON STORE 100 ที่เน้นจำหน่ายอาหารสดเพื่อรองรับกลุ่มแม่บ้านและผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มาใช้บริการร้านแต่ละสาขาเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงรูปแบบสินค้าและการบริการ
"แม้จะมีรูปแบบหลากหลายให้เลือกใช้แต่ ยังไม่แน่ชัดว่ารูปแบบที่ประสบความสำเร็จในญี่ปุ่นจะประสบความสำเร็จในไทยด้วย จึงต้องมีการทดลองโดยตั้งสาขาในพื้นที่ต่างๆ เพื่อหารูปแบบที่เหมาะสมสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ดังนั้น อาจจะ มีรูปแบบร้านที่แตกต่างจากญี่ปุ่นด้วย" นายเวทิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 ปีนี้ บริษัทจะขยายสาขาในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนทั้งในเขตเศรษฐกิจและที่พักอาศัย ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการพูดคุยกับโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อดูลู่ทางสำหรับเปิดร้านในคอนโดมิเนียม
โชว์มุมอาหารรับประทานได้ทันที
อีกหนึ่งจุดเด่นของร้านลอว์สัน คือ สินค้าเฮาส์แบรนด์ในหมวดอาหาร ซึ่งมีหลากหลายทั้งอาหารทานเล่น อาหารปรุงสำเร็จและเบเกอรี่ ทั้งยังคัดสรรวัตถุดิบเกรดพรีเมี่ยมจาก ฮอกไกโด โดยในประเทศไทยมีการทดลองวางจำหน่ายหลายชนิด เช่น โรลเค้ก ข้าวปั้น อาหารทอด ข้าวราดแกงกะหรี่และข้าวหน้าเนื้อ เป็นต้น
สำหรับสัดส่วนสินค้าในร้านนั้น ยังคงเน้นสินค้าบริโภคหรืออาหารเป็นหลักที่ 70% ส่วนที่เหลือ 30% จะเป็นสินค้าอุปโภคหรือของใช้ที่ผลิตในประเทศไทย โดยสินค้าในกลุ่มอาหารจะทำการปรับ ปรุงรสชาติให้เหมาะกับคนไทยด้วย
ด้านการตกแต่งภายในร้าน จะใช้คอนเซปต์ สะดวกสบายและเป็นมิตร ต่อผู้ใช้บริการเป็นหลัก แต่จะมีการปรับให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายด้วย เช่น ร้านสาขาเอ็มโพริโอ เพลส ที่มีการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมมีที่นั่งสำหรับรับประทานอาหารในร้าน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ตอบโจทย์ของลูกค้าชาวญี่ปุ่นที่เป็นลูกค้าหลักของสาขา
"เราคาดว่ารูปแบบการตกแต่งร้าน จะช่วยกระตุ้นพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนมาใส่ใจความสะอาดมากขึ้น ทำให้ส่วนหนึ่งจะหันมาทานอาหารในร้านสะดวกซื้อ" นายเวทิต กล่าว
ในส่วนของร้าน 108 ช็อปนั้น ปัจจุบันมีจำนวน 600 สาขา เป็นของเครือสหพัฒน์เองประมาณ 300 สาขา ซึ่งจะโอนมาบริหารโดยบริษัท สห ลอว์สัน จำกัด ส่วนที่เหลือเป็นของพาร์ตเนอร์ซึ่งบริษัทจะให้การสนับสนุนเช่นเดิม และบริษัทจะยังคงแบรนด์ร้าน 108 ช็อปเอาไว้ แต่จะเปลี่ยนรูปแบบไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างทดลอง
หลังจากนี้บริษัทมีแผนที่จะปรับปรุงร้าน 108 ช็อปส่วนหนึ่งเป็นร้านลอว์สัน 108 โดยขึ้นอยู่กับความเหมาะสมด้าน ทำเลที่ตั้งและขนาดพื้นที่ที่มีอยู่เดิม
ลอว์สันหวังใช้ไทยก้าวสู่อาเซียน
นายทาเคชิ นินามิ ซีอีโอบริษัท ลอว์สัน อิงค์ จากประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า การร่วมมือกับเครือสหพัฒน์ในครั้งนี้ นอกจากกิจการร้านสะดวกซื้อแล้ว ยังเป็นการวางรากฐานให้ไทยเป็นศูนย์กลางของลอว์สันในการขยายธุรกิจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ พม่า ลาว และเวียดนาม รวมถึงเป็นศูนย์พัฒนาสินค้าสำหรับภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย
โดยบริษัทวางแผนที่จะสร้างศูนย์ฝึกอบรมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทักษะของพนักงานและส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้วัฒนธรรมในภูมิภาค ซึ่งขณะนี้ได้ใช้ส่วนหนึ่งของร้านสาขาที่เปิดทำการแล้วเป็นศูนย์ฝึกด้วย ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายสาขาในอาเซียนให้ได้ 5,000 สาขา ในปี 2566
แฟมิลี่มาร์ทลุยอาหารด้วย
ด้านความเคลื่อนไหวล่าสุดจากทางแฟมิลี่มาร์ท ก็ประกาศออกมาแล้วว่า แม้จะยังไม่เป็นที่ 1 ในวันนี้ แต่ก็มีที่ยืนในการแข่งขันได้
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล แฟมิลี่มาร์ท จำกัด เปิดเผยว่า แฟมิลี่มาร์ทได้ทดลองรูปแบบใหม่ เพื่อหาจุดต่างและเอกลักษณ์ ทั้งโมบายยูนิตหรือหน่วยรถขาย ซึ่งนำร่องที่สวนจตุจักร ตามมาด้วย พัทยา และภูเก็ตในสิ้นปี ส่วนรูปแบบคีออส ใช้พื้นที่ราว 20-30 ตร.ม. มี 5-6 สาขาตามโรงพยาบาล สวนสาธารณะ ชายหาด และสามารถเข้าไปเปิดในหน่วยงานต่างๆ ได้อีก
นอกจากนั้นยังใช้กลยุทธ์ด้านการพัฒนาสินค้าที่แตกต่าง เช่น "แฟมิลี่มาร์ท คอลเลคชั่น" อาทิ เฮลโล คิตตี้ ขนมจากญี่ปุ่น ผลไม้สด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีอาหารพร้อมรับประทานแบรนด์ "ควิกเสิร์ฟ" ที่พัฒนาร่วมกับพรานทะเล ซึ่งกลุ่ม สินค้าอาหารพร้อมรับประทานจะเป็นอีกกลยุทธ์หลัก โดยมุ่งเพิ่มสัดส่วนยอดขายเป็น 30% จาก 20% ในปัจจุบัน
ปัจจุบันแฟมิลี่มาร์ทมี 13 สาขา ปีนี้วาง แผนเปิด 240 สาขา งบฯลงทุน 1,000 ล้านบาท จะเป็น 1,000 สาขาสิ้นปี และอีก 4 ปีตั้งเป้าขยายเป็น 3,000 สาขา ทั้งนี้ ทิศทางปี 2557 มีนโยบายเพิ่มสัดส่วนร้านสาขาแฟรนไชส์มากขึ้น ปัจจุบันมีสัดส่วนแฟรนไชส์ 10% ต้องการขยับขึ้นเป็น 15%
นับเป็นการขยายแบบยืดหยุ่น ตามสภาพของแต่ละพื้นที่ ซึ่งแม้ว่าการขึ้นสู่อันดับ 1 จะเป็นเรื่องยาก เนื่องจากสาขาที่ยังตามห่าง แต่อันดับ 2 น่าจะเป็นสิ่งที่ไปถึงได้ไม่ยาก
จะเห็นได้ว่า การผสมผสานสินค้าหรือนำสไตล์ญี่ปุ่นเข้ามาเป็นเครื่องมือการแข่งขัน กลายเป็นทิศทางที่แฟมิลี่มาร์ทและลอว์สันต่างงัดขึ้นมาใช้ เนื่องจากเป็นสะดวกซื้อสายพันธุ์ปลาดิบเหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้คงไม่เล็ดลอดสายตายักษ์ใหญ่อย่างซีพีออลล์ เพราะก่อนหน้านี้ก็ออกมาระบุแล้วว่า ที่ผ่านมามีการศึกษาความสำเร็จของร้านเซเว่นอีเฟลเว่นในญี่ปุ่น เพื่อนำมาปรับใช้ในบ้านเรา เพื่อให้ครองความเป็นเจ้าตลาดที่ด้านสาขา นวัตกรรม หรือแม้แต่การมัดใจของลูกค้าแบบไม่ยอมให้เปลี่ยนใจ
อ้างอิงจาก สยามธุรกิจ