เดิมทีธุรกิจจัดเลี้ยงจะอยู่ในโรงแรม เนื่องจากสถานที่จัดงานประชุม สัมมนา หรืออีเวนต์ ต่างเกิดขึ้นในโรงแรมเป็นหลัก แต่หลังจากการเติบโตของการจัดงานรูปแบบต่างๆ ที่ขยายตัวไปนอกโรงแรม ส่งผลให้ธุรกิจจัดเลี้ยง มองเห็นโอกาสในการขยายตัวสู่ช่องทางนั้น 

 

หากกล่าวถึงเจ้าแห่งธุรกิจจัดเลี้ยง คงต้องการกล่าวถึง "เคเธอร์แมน" จากทาง "เอสแอนด์พี" หนึ่งในผู้นำตลาด ส่วนคู่แข่งหลักก็อยู่ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารที่ขยายบริการมาในทิศทางนี้เช่นเดียวกัน อาทิ โอบองแปง ซึ่งแข็งแรงอยู่ในธุรกิจนี้เช่นกัน 
 
 

ปัจจุบันตลาดธุรกิจจัดเลี้ยงมีมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง จากผู้เล่นที่เข้ามาในธุรกิจนี้เป็นจำนวน มาก โดยเอสแอนด์พี ถือว่าเป็นแบรนด์ผู้นำตลาดที่มีความครบวงจรในธุรกิจดังกล่าว สามารถจัดเลี้ยงหลากหลายรูปแบบทั้งการบริการแบบ Sit-down Dinner, Buffet, Cocktail, Snack Box, Food Station และ Theme Event Party

อาทิ งานวันเกิด งานแต่งงาน งานหมั้น งานปาร์ตี้ส่วนตัวภายในบ้าน รวมจนถึงงานพิธีทางศาสนาต่างๆ ซึ่งสามารถให้บริการได้ตั้งแต่งานระดับเล็กไปจนถึงงานระดับใหญ่ที่ต้องรองรับ ผู้ร่วมงานกว่า 2,000 คน 

 

ในปีนี้ "อิชิตัน กรุ๊ป" เป็นอีกเจ้าที่ออกมาประกาศบุกธุรกิจจัดเลี้ยง หลังจากปรับโครงสร้างใหม่ โดยแยกธุรกิจน้ำ และ ธุรกิจอาหารออกจากกัน

พร้อมตั้ง บริษัท "กินกับตัน" จำกัด เพื่อดูแลธุรกิจอาหาร และเปิดธุรกิจ "เคเทอริ่ง บาย กินกับตัน" (Catering by KinKabTan) ภายใต้แนวคิด "Good Taste Comes with Great Mood" ธุรกิจบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่ครบวงจร มุ่งเน้นจับกลุ่มเป้าหมายได้แก่ นักธุรกิจ การจัดงานประชุม และงานอีเวนต์ 

ล่าสุด ร้านติ่มซำแบรนด์ไทยอย่าง "โชคดี ติ่มซำ" ก็ออกมาประกาศบุกธุรกิจจัดเลี้ยง ด้วยเช่นกัน โดย "ธีรภพ ศิรประภาธรรม" กรรมการผู้จัดการ บริษัท โชคดี เรสเตอรองค์ จำกัด เปิดเผย "สยามธุรกิจ" ว่า หลังจากวางรากฐานของธุรกิจร้านโชคดีติ่มซำมาถึง 13 ปี จนมีความแข็งแกร่งและพร้อมที่จะสร้างการเติบโตที่เร็วขึ้น ล่าสุด ได้ขยายธุรกิจสู่การจัดเลี้ยงนอกสถานที่ เพื่อเสริมรายได้ให้กับบริษัทอีกทางหนึ่ง

 

"โชคดี แคทเทอริ่ง" (Chokedee Catering) บริการรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ในโอกาสต่างๆ รวมทั้งการขยายตลาดสู่การจัดเลี้ยงในงานฌาปนกิจศพ ถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของการจัดเลี้ยงในงานศพ

เนื่องจากแต่เดิม จะมีเพียงอาหารง่ายๆอย่างข้าวต้ม กระเพาะปลา ก๋วยจั๊บ หรือเบเกอรี่ แต่โชคดีติ่มซำ นำเสนอทางเลือกของบริการติ่มซำในรูปแบบใหม่ ยกทีมงานไปนึ่งติ่มซำร้อนๆ ให้ถึงที่ ทั้งนี้รับจัดงานตามจำนวนคนตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป สามารถเลือกเมนูเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ
 
 

รูปแบบของโชคดี แคทเทอริ่ง จะมีให้เลือก 4 ไซส์ตามจำนวนของผู้เข้าร่วมงาน ตั้งแต่ไซส์ S สำหรับแขก 50 ท่าน ไปจนถึง ไซส์ XL รองรับแขก 150 ท่าน หลังจากเปิดตัวมีลูกค้าเลือกใช้บริการประมาณ 10-20 งาน 

 

นายธีรภพ กล่าวว่า ปัจจุบันโชคดี ติ่มซำ เปิดให้บริการ 24 สาขา 24 ชั่วโมง เป็นร้านของบริษัท 6 สาขา และร้านแฟรนไชส์ 18 สาขา โดยต่อจากนี้ไปมีแผนการขยายแฟรนไชส์ และรูปแบบใหม่ของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

นอกเหนือจากการบุกตลาดการจัดเลี้ยงแล้ว โชคดี ติ่มซำ ยังมีแผนการพัฒนารูปแบบธุรกิจขนาดย่อมในลักษณะของรถติ่มซำเคลื่อนที่ ที่จะจำหน่ายสินค้าไม่กี่รายการ แต่สามารถตระเวนไปยังแหล่งชุมชนหรือสถานที่ต่างๆ เพื่อเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้ง่ายขึ้น โดยจะเริ่มทดลองตลาดในเร็วๆ นี้ 

 

"ติ่มซำไม่ใช่อาหารแฟชั่น และเป็นอาหารที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่เราสามารถขยายตลาดได้อีกมาก แต่ติ่มซำเป็นอาหารที่มีข้อจำกัดว่าจะต้องอุ่นร้อนและรับประทานทันที" 
 

 
 

บริษัทยังให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งเป็นแบรนด์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ เนื่องจากเดิมทีลูกค้าของโชคดี ติ่มซำ เป็นกลุ่มผู้ใหญ่หรือกลุ่มครอบครัวเป็นหลัก แต่หลังจากที่ลูกค้าทั่วไปเริ่มรับรู้แบรนด์ อีกทั้งเป็นร้านที่เปิด 24 ชั่วโมง ทำให้กลุ่มวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่ เข้ามาเป็นกลุ่มลูกค้า หลักในปัจจุบัน

ล่าสุด บริษัทมีแผนการสร้างแมสคอตสำหรับร้านโชคดี ติ่มซำ เพื่อเป็นตัวแทนในการสื่อสารกับลูกค้าต่อไป รวมทั้งการสานความสัมพันธ์กับลูกค้าผ่านบัตร "โชคดีการ์ด" ปัจจุบันมีฐานสมาชิก 30,000 ราย 

 

แผนธุรกิจอีกด้านหนึ่งคือ การปรับตัวเพื่อขยายตลาดในกลุ่มมุสลิม โดยเริ่มเตรียมการเพื่อขอรับรองฮาลาล ซึ่งมีขั้นตอนที่ต้องปฏิบัติเพื่อเตรียมความพร้อมอีกหลายด้าน 

 

กล่าวได้ว่าเส้นทางที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาของการวางรากฐานของธุรกิจ เพื่อสร้างความมั่นคงและความเชื่อมั่นให้กับพนักงานและแฟรนไชส์ หลังจากนี้โชคดี ติ่มซำ จะมีกิจกรรมและการสื่อสารผ่านสื่อมากขึ้น 

 

ในส่วนของการขยายสาขา ในปีนี้ยังคงตั้งเป้าหมาย 2-4 สาขา รวมทั้งสาขาในประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มจากเมียนมาร์ โดยความร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นในลักษณะ มาสเตอร์แฟรนไชส์ คาดว่าจะเปิดได้ 3 สาขาภายใน 2 ปี

โดยจะใช้ต้นแบบนี้ในการขยายตลาดในประเทศอื่นๆ ต่อไป โดยประเทศที่น่าสนใจ คือ กัมพูชา และฟิลิปปินส์ รวมทั้งอินโดนีเซีย หากดำเนินการเรื่องการขอรับรองฮาลาลได้แล้ว 
 

 

อย่างไรก็ตาม ตลาดติ่มซำในประเทศไทยนับว่ามีความหลากหลายอย่างมาก ทั้งแบบแช่แข็งในซูเปอร์มาร์เก็ต ติ่มซำในภัตตาคารจีน ติ่มซำในร้านอาหารทั่วไป

แต่โชคดี ติ่มซำ ถือเป็นร้านติ่มซำโดยเฉพาะที่มีเมนูอาหารอีกหลากหลายราว 70 เมนูต่อเดือน แม้จะมีร้านติ่มซำเกิดขึ้นมากในช่วง 2-3 ปีมานี้ แต่ไม่ใช่ร้านที่มีการสร้างมาตรฐานและขยายแฟรนไชส์ จึงนับได้ว่า ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรงด้านแบรนด์ แต่คู่แข่งก็จะอยู่ในทำเลที่ตั้งของแต่ละสาขา 

 

 

ด้วยการขยายธุรกิจทั้งกลุ่มจัดเลี้ยง และการขยายสาขา คาดว่าจะส่งผลต่อภาพรวมรายได้ที่เติบโตขึ้นกว่า 10% ในปีนี้ และจะเห็นการเติบโตที่มากขึ้นอย่างชัดเจนในปีต่อๆ ไป 

 

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจจัดเลี้ยงถือว่ายังมีโอกาสเติบโตสูงมาก เนื่องจากพฤติกรรมของคนในปัจจุบันนิยมลดภาระขั้นตอนในการจัดเตรียมอาหารด้วยตัวเอง

อีกทั้งงานอีเวนต์ต่างๆ ก็มีจำนวนมากขึ้น ส่วนการจัดเลี้ยงในงานศพ ถือเป็นอีกแนวทางในการสร้างโอกาส เนื่องจากเป็นที่ทราบว่า การจัดเลี้ยงในงานเหล่านี้ตกอยู่กับพ่อค้าแม่ค้าที่ผูกขาดกับการจัดเลี้ยงมานานแสนนาน

อ้างอิงจาก สยามธุรกิจ