นายวุฒิชัยกล่าวว่า บริษัทได้ปรับรายได้ปีนี้ลดลงจาก 600 ล้านบาท เป็น 550 ล้านบาท และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งปีจาก 1.5 ล้านคน เป็น 1.4 ล้านคน เนื่องมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยกลุ่มวอล์กอินลดลงประมาณ 10-15% จากเดิมสัดส่วน 90% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้คนลดการใช้จ่ายด้านบันเทิง ซึ่งเริ่มสะท้อนมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 และชัดเจนในไตรมาส 3 แต่ได้กลุ่มลูกค้าทัวร์ต่างประเทศ อาทิ รัสเซีย ฮ่องกง ตะวันออกกลาง เป็นต้น เพิ่มขึ้นมาจากเดิม 10% เป็น 20% ทำให้รายได้และกำไรของบริษัทยังคงเติบโต ทั้งนี้ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยว 1.7-2 ล้านคน มีรายได้เติบโต 20-30% ที่ 750 ล้านบาท
นายวุฒิชัยกล่าวว่า สำหรับการดำเนินธุรกิจบริษัทมีแผนระยะยาว 10 ปี ลงทุนมูลค่ารวมกว่า 800 ล้านบาท โดย 3 ปีแรกจะลงทุน 120-150 ล้านบาท ขยายพื้นที่เพิ่มอีกประมาณ 15 ไร่ และเพิ่มเครื่องเล่นปีละ 1 เครื่อง ปีนี้จะเปิดตัวเครื่องเล่นใหม่ในเดือนตุลาคมนี้ คือ Take Off เครื่องเล่นแบบหมุนเหวี่ยง มูลค่า 40 ล้านบาท และระยะต่อไปอยู่ระหว่างการพูดคุยกับบริษัทออกแบบ เพื่อปรับปรุงพื้นที่เพิ่มเติมอีก 20-30 ไร่ คาดว่าจะลงทุนประมาณ 400 ล้านบาท
และมีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ โดยการสร้างสวนน้ำพื้นที่ประมาณ 10-20 ไร่ โดยมองไว้ 3 โซน คือ ภาคอีสานโซนเหนือ หนองคาย-อุดรธานี ภาคอีสานโซนใต้ อุบลราชธานี-มุกดาหาร-บุรีรัมย์ และพิษณุโลก แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงทุนเองทั้งหมด หรือร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่น หรือขายแฟรนไชส์
นอกจากนี้ บริษัทได้รับเชิญให้ไปลงทุนในต่างประเทศ ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ และพม่า แต่ต้องศึกษาก่อนเพราะยังไม่มีความชำนาญ
อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ