แฟรนไชส์ญี่ปุ่นรุกไทยพุ่ง 3 เท่า
น.ส.มาซามิ ทาจิมะ ประธาน บริษัท แฟรนไชส์ แอ๊ดวานซ์ คอร์ปอเรชั่นส์ หรือเอฟซีเอ ผู้ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาธุรกิจแฟรนไชส์ จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า จากปัญหาการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ ยังไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากการชุมนุมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ไม่มีความรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นดังกล่าวส่งผลให้คาดการณ์ว่าภาพรวมนักธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนในประเทศไทยในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 2-3 เท่าตัว ซึ่งธุรกิจที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ ร้านอาหาร ค้าปลีก แฟชั่น และสินค้าตกแต่งบ้าน
สำหรับปัจจัยความสนใจของการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ในมุมมองของนักธุรกิจญี่ปุ่นแบ่งออกเป็น 3 เหตุผลคือ 1.คนไทยและญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน 2.คนไทยมีน้ำใจ และ 3.ประเทศไทยเหมาะสำหรับเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน
“การเข้ามาลงทุนในประเทศไทยนักธุรกิจญี่ปุ่นไม่ได้มองโอกาสแค่การเข้ามาขยายธุรกิจในกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่สนใจการลงทุนในจังหวัดต่างๆ ของไทยด้วย เนื่องจากหลายจังหวัดมีธุรกิจค้าปลีกเข้าไปขยายตัวเป็นจำนวนมาก นักธุรกิจญี่ปุ่นจึงเล็งเห็นโอกาสดังกล่าว”น.ส.มาซามิ กล่าว
นอกจากนี้ การที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 ถือเป็นอีกโอกาสในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เพราะไทยถือเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และมีความเหมาะสมในการใช้เป็นศูนย์กลางขยายธุรกิจไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งประเทศต่อไปที่นักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจนอกเหนือจากประเทศไทย คือ อินโดนีเซีย และเวียดนาม
น.ส.มาซามิ กล่าวอีกว่า จากศักยภาพที่ดีของไทย ส่งผลให้วันที่ 9-14 ม.ค.นี้ บริษัทในฐานะเป็นบริษัทที่ปรึกษาธุรกิจแฟรนไชส์จากประเทศญี่ปุ่น จึงได้จัดงาน คูล เจแปน ไทยแลนด์ 2014 ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับคู่ค้าทางธุรกิจ ซึ่งช่วงที่จัดงานดังกล่าวคาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นคน และในอีก 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะเกิดการร่วมมือทางธุรกิจในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 50 บริษัท
อ้างอิงจาก โพสต์ทูเดย์