3.0K
16 มีนาคม 2551
แบรนด์ 'เชียร์ไทย' ธุรกิจแฟรนไชส์ที่มาจาก...ความศรัทธา
 
 

ไม่ว่าจะไปที่ไหนกองเชียร์ของคนไทยยังสร้างความประทับใจ เรียกรอยยิ้ม พร้อมกับความสนุกสนานทั้งในเวทีระดับโลก เอเชีย มาไม่รู้กี่เวที และระหว่างการแข่งขันเสียงเชียร์จะดังกระหึ่มอย่างไม่หยุดหย่อน... 
 
นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ทัพนักกีฬามีจิตใจที่ฮึกเหิมมากขึ้นจากที่กำลังจะพ่ายแพ้ กลับเอาชนะได้อย่างง่ายดายราวกับปาฏิหาริย์ แต่ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาในรูปแบบใด โดยเฉพาะกีฬาอันดับต้นๆ ที่คนไทยสนใจอย่างเกมลูกหนังอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่สำหรับกองเชียร์ทีมไทยในหัวใจไม่มีคำว่าพ่ายแพ้ เพราะมีสโลแกนที่ว่า "ฟุตบอลเป็นเรื่องเล็ก ประเทศชาติเป็นเรื่องใหญ่" 
 
 
 
 
จุดประกายแบรนด์ "เชียร์ไทย" 
 
พินิจ งามพริ้ง จีเอ็ม แบรนด์ "เชียร์ไทย" และประธานชมรมเชียร์ไทย ได้เล่าที่มาก่อนที่จะมาทำธุรกิจนี้ ว่า "เริ่มจากตัวเองจะไปเชียร์ฟุตบอลที่ข้างสนามก็อยากมีอุปกรณ์ แต่ไม่มีคนทำ ส่วนคนที่ไปส่วนใหญ่จะใส่เสื้อสโมสรต่างประเทศกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นพวกสปอนเซอร์ สื่อมวลชน มาคิดถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรบางอย่าง จึงตัดสินใจทำแบรนด์ "เชียร์ไทย" ติดธงชาติไทยที่หน้าอกเสื้อ ซึ่งปกติจะไม่เคยเห็นนอกจากนักเตะเท่านั้น" 
 
จากนั้นพอได้ไอเดียก็เริ่มทำ แรกๆ ขายเสื้อให้สมาชิกในเว็บไซต์ก่อนจากนั้นจึงพัฒนามาเรื่อย เพราะมีคนชอบจึงนำไปขายที่สนามด้วย ตรงนี้จึงเป็นจุดประกายความคิดที่จะทำขึ้นเป็นจริงเป็นจัง ขณะเดียวกันก็ต้องแพร่กระจายความคิดนี้ให้กว้างขวางขึ้น 
 
 

"ช่วงที่ทำประมาณปี 2000 ขณะนั้นฟุตบอลไทยก็เรื่อยๆ ไม่มีอะไรตื่นเต้น แข่งลุ่มๆ ดอนๆ แต่เราเชียร์ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเราคิดว่าถ้าคนไทยไม่เชียร์แล้วใครจะเชียร์ ทำไมเราเชียร์ฟุตบอลต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นแมนฯยูฯ ลิเวอร์พูล อาร์เซนอล สัปดาห์นี้แพ้สัปดาห์หน้าค่อยเชียร์ใหม่ แต่ทำไมทีมชาติ พอแพ้ ทุกคนหันหลังให้หมดเลย เราต้องการที่จะสวนความคิดตรงนี้" 
 
อีกอย่างคนไทยชอบไปเชิดชู และเทิดทูนความสำเร็จที่เราไม่ได้เป็นคนสร้างมากจนเกินไป ซึ่งสะท้อนได้ทุกเรื่องไม่ใช่เฉพาะเรื่องฟุตบอลเพียงอย่างเดียว อย่างแบรนด์นอกที่ไหลทะลักเข้ามาบอกเท่ ราคาขายเท่าไรก็ได้ แพงกว่า 300-400% ก็ยังขายได้ แต่แบรนด์ไทยบอกห่วย กระจอกก็ไม่ต่างจากฟุตบอล ดังนั้นเราจึงมีความคิดปลูกฝังตั้งแต่เป็นชมรมเล็ก เพียงไม่กี่คนจนปัจจุบันเป็นพันคนแล้ว ภายใต้สโลแกนที่ว่า "ฟุตบอลเป็นเรื่องเล็ก ประเทศชาติเป็นเรื่องใหญ่" 
 
 
 

จากแรงศรัทธา เริ่มเป็นธุรกิจ
 
หลังจากที่มีคนจำนวนมากให้ความสนใจ จึงตัดสินใจเปิดหน้าต่างบานนี้ให้คนทั่วไปได้รับรู้มากขึ้น ด้วยการเปิดร้านที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สาขาลาดพร้าว เนื่องจากเป็นศูนย์ใจกลางสำหรับสนามฟุตบอลต่างๆ ที่จะมารวมตัวนัดหมายกันที่นี่ แล้วเดินทางไปเชียร์ข้างขอบสนามด้วยกัน 
 
โดยภายในร้านจะเป็นการตกแต่งแบบง่ายๆ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกกลิ่นอายของความรักชาติตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้าน ด้วยสีธงชาติ และข้อความทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษอ่านแล้วรู้สึกขนลุก น้ำตาซึม หวนนึกถึงบรรพบุรุษของไทยที่กว่าจะกอบกู้เอกราช มีคนตายไปแล้วกี่แสน กี่ล้านคน แต่เวลานี้คนไทยมัวไปทำอะไรกันอยู่ หันมาพัฒนาประเทศชาติกันจริงหรือยัง ดังข้อความต่อไปนี้ 
 
"ด้านหน้าของตัวเสื้อ อาทิ "ไทยแลนด์ ฟอร์ไลฟ์" , "เชียร์ไทย" , "บีเลิฟ ไทยแลนด์" แปลตรงก็คือประเทศไทยสุดที่รัก ขณะเดียวกันก็จะสอดแทรกลายสกรีนเล็กๆ น้อยๆ ด้านหลัง อย่างอาทิ "จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง" , "รักเธอประเทศไทย ", "เมืองไทยใครๆ ก็รัก",

"หากสยาม พินาศลงไทยอยู่ได้ฤๅ" , "บอลโลกแค่สะใจ บอลไทยอยู่ในสายเลือด " ,"โลกทั้งใบเชียร์ไทยทีมเดียว"เป็นต้น ถ้าจะว่าแรงก็แรงนะ แต่ดีไซน์จะเป็นลายสวยๆ อักษรไม่เชย เด็กแนวเห็นแล้วชอบ แต่ก็จะแฝงด้วยความคิด รับรองเลือดรักชาติพุ่งปรี๊ด อย่างน้อยมั่นใจว่ามีคนกลุ่มหนึ่งรักอยู่แล้ว จึงต้องเปิดหน้าต่างให้คนอื่นได้รับรู้ บางคนเดินผ่านมาชี้ชวนกันดู ว่ามีแบบนี้ด้วยหรือ ผมคิดว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ดี" 
 
 
 
 
 
ไฮไลต์สินค้าภายในร้าน 
 
ถ้ามองในแง่ธุรกิจ ฟุตบอลไทยไม่ได้แข่งบ่อย จะมีเตะเดือนหนึ่ง หรือสองเดือนครั้ง ก็ไม่เป็นไร เพราะเรามีสินค้าอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ อย่างแรก เป็นเสื้อผ้า และอุปกรณ์เชียร์ ที่แสดงความเป็นไทยจ๋า คือ สีเหลือง และสีธงชาติ ,หมวก, ผ้าพันคอ, แตร, แว่นตา นอกจากนั้นอยากทำอย่างอื่นๆ ด้วย แต่ว่าด้วยข้อจำกัดร้านไม่ใหญ่ 
 
 

ส่วนที่สอง เป็นกลุ่มใหม่ คือ กลุ่มวัยรุ่น ที่เข้ามาดูฟุตบอลไทยโดยไม่เคอะเขิน จะทำเสื้อยืดรักชาติให้มีส่วนผสมของแฟชั่น และการแสดงออกในเรื่องของความรักชาติ เข้ามาผสมอยู่ด้วยกันสารพัดสีใส่ได้ทุกวัน ดีไซน์ จะมีความแรงอยู่บ้างตรงข้อความ ขณะที่ดีไซน์เป็นสากล อาจจะเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาไทย ออกแบบแล้วดูดี เสื้อคุณภาพแบรนด์ต่างประเทศได้ เพราะผู้ผลิตเป็นเจ้าเดียวกับที่ผลิตเสื้อให้แบรนด์เพลย์บอย เพลย์เกิร์ล ฉะนั้นมั่นใจได้ 
 
 
 
"ส่วนราคาจะประมาณกลาง เพราะถ้าขายถูกมาก เราอยู่ไม่ได้ เริ่มต้นประมาณ 200 -300 บาท ส่วนเสื้อยืดคอโปโล ราคา 350-400 บาท ถามว่าคุ้มทุนไหม อยู่ได้ แต่ไม่คุ้ม ขณะเดียวกันก็เห็นว่ามีอนาคต เพราะถ้าทำตลาดได้ จะเป็นตลาดที่ใหญ่มาก เพราะยังไม่มีใครทำมาก่อน อย่างบางคนเห็นปุ๊บหยุดดูประมาณ นาที 2 นาที ไม่กล้าเข้าร้าน แล้วก็ได้ยินเขาคุยกับเพื่อนว่า 'ดีนะ' แค่เราได้ยิน จึงรู้สึกภูมิใจที่มีร้านแบบนี้ และรู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่น่ารัก ตรงผู้บริโภคและผู้ขายอยู่ฝั่งเดียวกัน เริ่มจากเป็นคนที่ทำก่อน เราศรัทธาในสิ่งหนึ่ง มีคนศรัทธาเหมือนเรา และศรัทธาในสิ่งที่เราทำ"
 
 

เปิดขายในรูปแบบแฟรนไชซี
 
"เปิดร้านช่วงปีใหม่พอดี ปรากฏว่าขายดีมากๆ บางคนมาซื้อเป็นของขวัญ ฝากญาติที่ต่างประเทศ หรือคนไทยที่อยู่ต่างประเทศก็มาซื้อกันเยอะขนไป 10 ตัว บางคนกลับมาซื้อกลับไปฝากอีก 10-20 ตัว เพราะมีบางคนที่กระหายการแสดงออกถึงความรักชาติ ซึ่งคาดว่ามีอีกเยอะ แต่ไม่รู้แหล่งที่จะหาซื้อ เพราะสมัยก่อนไม่มีแหล่งผลิตสินค้าแบบนี้ ปัจจุบัน 3 เดือนแล้วก็ถือว่าโอเคสำหรับธุรกิจนี้ " 
 
 

ส่วนเสื้อทีมชาติไทยจริงๆ นั้นยังไม่มีขาย เพราะไนกี้ไม่ได้เปิดตัวชุดแข่งที่เป็นทางการ ปัจจุบันเสื้อที่แข่ง จะนำเสื้อคอลเลกชันที่มีอยู่แล้วมาติดธงชาติ ดังนั้นถ้าใครอยากได้เสื้อนักเตะทีมชาติที่เป็นของจริงก็ต้องถามไปที่ไนกี้ เพราะถ้าไนกี้ไม่ทำก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ส่วนเสื้อสโมสรต่างๆ ในไทยนั้นเขาก็ไม่ได้ผลิตกัน จะทำเฉพาะนักเตะเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วถ้าสโมสรต่างๆ ผลิตขึ้นมาผมว่าขายได้ และสามารถช่วยหล่อเลี้ยงสโมสรได้เลย เพราะลูกค้าเข้ามาถามเหมือนกัน แต่เราไม่มี 
 
ปัจจุบันมีแฟรนไชซีแล้วอยู่ที่ร้านค้าสหกรณ์ ซอยอารีย์ฯ จะมีการตกแต่งร้านที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่ได้คิดค่าอะไรเป็นพิเศษ เหมือนแฟรนไชส์เจ้าอื่นๆ ส่วนขนาดพื้นที่ไม่ควรจะน้อยกว่า 16 ตร.ม. แล้วจะมาช่วยดูเรื่องทำเล แต่ถ้าประเมินผู้ลงทุนที่จะมาทำธุรกิจนี้น่าจะมีเงินลงทุนอย่างน้อยประมาณ 600,000 บาท แบ่งออกเป็นค่าเช่า สถานที่นั้นๆ การตกแต่ง สินค้าในร้าน รวมเงินทุนหมุนเวียน 
 
ตั้งเป้าเป็นแบรนด์ สำหรับคนไทย
 
"สำหรับตรงนี้เป็นเรื่องของแนวความคิด ที่ยังมีการต่อยอด ถามว่าเสื้อผ้าก็ไม่ใช่ธุรกิจใหม่ มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว แต่เราอยากให้เชียร์ไทย เป็นแบรนด์สำหรับคนไทย เสื้อผ้าสำหรับคนไทยที่ทุกคนสามารถใส่ได้ และภาคภูมิใจ แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ทุกวัน เพราะความรักชาติที่แสดงออกมาไม่ใช่เรื่องที่น่าอาย อยากให้คนไทยมองว่ามีความเท่ และแสดงความจริงใจ ที่สื่อออกไป ส่วนใครที่สนใจอยากจะลงทุน สอบถามได้ที่ 08-1989-3749" 
 
 
และนี่เป็นคำทิ้งท้ายของเจ้าของแบรนด์เชียร์ไทย น้องใหม่ที่จะเข้ามากระหึ่มในหัวใจคนไทยหรือไม่นั้นต้องคอยติดตาม 
 
 
 
 
อ้างอิงจาก : ฐานเศรษฐกิจ 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ฉลองขึ้นปีที่ 9 ธงไชยผ..
919
เปิดให้บริการแล้ว! แฟร..
723
“จง ชง ดี” ร่วมกับ Pas..
689
พบบูธโทกิวอช หมายเลข A..
639
โอจังชานมไข่มุก เปิดแพ..
590
งาน “แฟรนไชส์เอสเอ็มอี..
584
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด