8.9K
23 กุมภาพันธ์ 2557
จัดทัพ! ยึดตลาดไทยเทศ "แม็คกรุ๊ป" ลุ้นแบรนด์ยีนส์อันดับ 1 อาเซียน


 
“แม็คกรุ๊ป” จัดทัพลุยเข้มตลาด ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อหวังดัน “แม็คยีนส์” ขึ้นเป็นแบรนด์ยีนส์อันดับ 1 ในอาเซียนใน 5 ปี
 
นางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนปี 2557 นี้ บริษัทจะรุกขยายธุรกิจขยายตลาด และช่องทางการจัดจำหน่ายยีนส์ในกลุ่มแม็คกรุ๊ป ที่ปัจจุบันมี 7 แบรนด์ อาทิ แม็คยีนส์, แม็คมินิ, แม็คมี, แม็คเลดี้, แม็คพิงค์, แม็ค แม็ค และเดอะบลูบราเธอร์ ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศเต็มสูบ รวมถึงขยายรถ “แม็ค โมบายยูนิต” เพิ่ม เพื่อเจาะตรงถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และรองรับลูกค้าที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

หลังพบว่าปัจจุบันคนไทยสวมใส่ยีนส์ในทุกโอกาสมากขึ้น ไม่ใช่เฉพาะช่วงวันหยุด และต่อคนมีกางเกงยีนส์ในตู้เสื้อผ้าเพิ่มขึ้นเป็น 6-8 ตัว จากเดิมที่มีเพียง 4-6 ตัว ขณะที่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียน คนก็หันมาสวมใส่กางเกงยีนส์มากขึ้น แม้แต่ประเทศพม่าที่นุ่งโสร่ง
 
นอกจากนี้ยังต้องการรักษาความเป็นเจ้าตลาดยีนส์เมืองไทยด้วย ที่ปัจจุบันแม็คกรุ๊ป มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 38-39% และคาดว่าจะแตะ 40% ในปีนี้ ขณะที่อันดับ 2 คือ ลีวายส์ มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 28-29% อันดับ 3 คือ ยีนส์ลี (Lee) มีส่วนแบ่งตลาดต่ำกว่า 20% ปัจจุบันมูลค่าตลาดรวมยีนส์ในช่องทางดีพาร์ตเม้นต์สโตร์มีกว่า 6,000 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องปีละ 10% ซึ่งปีนี้ก็คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10%
 

 
“เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำให้แม็คกรุ๊ป ยังคงรักษาแชมป์เจ้าตลาดยีนส์เมืองไทย ทั้งที่เป็นแบรนด์ของคนไทย เพราะคุณภาพสินค้าที่มีไม่แพ้อินเตอร์แบรนด์ และความหลากหลายของสินค้าที่ปัจจุบันมีมากถึง 7 แบรนด์ เจาะตรงทุกความต้องการและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของลูกค้าในทุกกลุ่ม โดยแม็คยีนส์ เจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปทั้งผู้ชายและผู้หญิง อายุ 25-40 ปี, แม็คมินิ เจาะกลุ่มเด็กอายุ 6-12 ปี, แม็คมี เจาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 20-35 ปีที่ต้องการเก็บกระชับทรงและส่วนเกิน, แม็คเลดี้ เจาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 15-25 ปี, แม็คพิงค์ เจาะกลุ่มแฟชั่นผู้หญิง ที่เป็นวัยรุ่น คนรุ่นใหม่, แม็ค แม็ค เจาะกลุ่มแฟชั่นยีนส์ที่ราคาไม่สูงมาก และเดอะบลูบราเธอร์ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบน ที่ต้องการความแตกต่างไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังมีนาฬิกาแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลก ของบริษัท ไทม์ เดคโค่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่มีกว่า 23 แบรนด์ อาทิ Diesel, DKNY, Emporio Armani, Burberry, Coach และ Kenneth Cole New York เป็นต้น ที่บริษัทนำเข้ามาจำหน่ายในร้านเครือข่ายแม็คด้วย”

นางสาวสุณี กล่าวว่า ปี 2557 บริษัทตั้งเป้าดันยอดรายได้รวมทะลุ 4,400 ล้านบาท เติบโต 20% ซึ่งเป็นการเติบโตจากการขยายแบรนด์ใหม่ๆ และช่องทางการจัดจำหน่ายใหม่ๆ รวมถึงขยายธุรกิจนำเข้ายีนส์ “อินเตอร์แบรนด์” จากต่างประเทศเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ผ่านร้าน “เดอะบลูบราเธอร์” เพิ่มขึ้น โดยปีนี้ได้เตรียมเงินลงทุนไว้ 340 ล้านบาท ในการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศใช้ประมาณ 40 ล้านบาท ภายในประเทศใช้ 300 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายช่องทางจำหน่ายเป็นหลัก และขยายเพิ่มอีก 1 แบรนด์ คือ “แม็ค แม็ค” (Mc Mc) ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 3

สำหรับ “เดอะบลูบราเธอร์” ร้านแบบมัลติแบรนด์สาขาแรก บริษัท ได้เปิดแล้วที่ “เควิลเลจ” โดยจำหน่ายสินค้า 4 แบรนด์นำเข้า อาทิ K.O.I., KUICHI, DSTREZZED และแบรนด์บลูบราเธอร์ ซึ่งก็มีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 2-3 ช็อปในเร็วๆนี้ ส่วนร้าน “แม็ค โมบายยูนิต” ในรูปของรถบัสจำหน่ายสินค้าเคลื่อนที่ ที่ขณะนี้มี 1 คัน เน้นเจาะขายในชุมชน และนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วประเทศ ปีนี้ก็มีแผนขยายเพิ่มอีก 4 คัน รวมเป็น 5 คัน ใช้เงินลงทุนคันละประมาณ 3 ล้านบาท เพื่อรองรับลูกค้าที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีแผนนำรถตู้และรถกระบะ มาทำเป็นรถจำหน่ายสินค้าเคลื่อนที่ “แม็ค โมบายยูนิต” ด้วย
 

 
“รถจำหน่ายสินค้าเคลื่อนที่ “แม็ค โมบายยูนิต”  อาจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ ที่บริษัทจะนำเข้าไปบุกขยายตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยจะไปทั้งในรูปแบบของการร่วมทุน และขายแฟรนไชส์ เพราะเชื่อว่ามีโอกาสในการทำตลาดสูง”

ปีนี้บริษัทจะรุกขยายตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง พร้อมตั้งทีมดูแลตลาดอาเซียน และปรับองค์กรใหม่ เพื่อเตรียมบุก โดยจะเน้น 3 ประเทศหลัก คือ มาเลเซีย ซึ่งเริ่มเข้าไปทำตลาดแล้ว เป็นการจับมือกับพันธมิตรด้านเสื้อผ้าแฟชั่น ส่วนเวียดนาม จะเปิด 2 สาขาที่ฮานอย และไซ่ง่อน ซึ่งเป็นการเปิดสาขาไปกับศูนย์การค้าโรบินสัน ที่จะเข้าไปลงทุนที่นั่น และอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจา แต่อย่างไรก็ตาม การเข้าไปบุกเบิกตลาดยีนส์ ของแม็คกรุ๊ป ได้เข้าไปเปิดตลาดบ้างแล้ว ในประเทศพม่าและลาว ซึ่งได้ผลตอบรับดีเกินคาดทั้ง 2 ตลาด “ตั้งเป้าภายใน 5 ปี แม็คกรุ๊ปจะก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ยีนส์อันดับ 1 ในอาเซียน หรือมีสัดส่วนยอดขายไม่ต่ำกว่า 20-25% ของรายได้รวมบริษัท จากปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากตลาดต่างประเทศมีไม่ถึง 10%”

อ้างอิงจาก ไทยรัฐออนไลน์
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
อากิโกะที เปิด 2 สาขาใ..
3,565
สเต็กเด็กแนว สร้างรายไ..
1,623
ซอห์น ฟู้ด จัดโปรแรง! ..
822
ก๋วยเตี๋ยวเรือปัญจะรส ..
714
“THE GRAND MALL” ทำเลด..
570
โรบอท สเตชัน คลับ จัดโ..
548
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด