2.7K
20 กันยายน 2557
ซุปเปอร์เคฯ เขย่าแฟชั่นเอาท์เลท 200 แบรนด์เกาหลีดัมพ์ราคา/ผุดแฟรนไชส์ทั่วปท.


"ซุปเปอร์เค เอาท์เลท" ยกทัพ 200 แบรนด์ดังจากห้างเกาหลีเขย่าตลาดแฟชั่นเอาต์เลต ด้วยจุดแข็งราคายั่วใจ-ส่งแบบใหม่ดูดลูกค้าทุกอาทิตย์ เตรียมส่งโมเดลแฟรนไชส์สปีดสาขาตั้งเป้า 5 ปี 300 แห่ง ทุ่มงบฯตลาดเร่งกิจกรรมโรดโชว์-อัดโปรโมชั่นสร้างชื่อ พร้อมแตกไลน์มัลติแบรนด์เอาท์เลทเด็กปีหน้า

ความน่าสนใจของ ธุรกิจแฟชั่นในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ค้าปลีก พฤติกรรมการบริโภค หรือกำลังซื้อที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นปัจจัยที่ดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าจะเต็มไปด้วยการแข่งขันที่รุนแรง แต่ผู้ประกอบการก็พยายามหาช่องว่างใหม่ ๆ ในการเข้ามาเติมเต็มความต้องการในเซ็กเมนต์หรือกลุ่มที่ยังขาดหาย เพื่อสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นในตลาดแฟชั่น เอาต์เลต จากเดิมมีผู้เล่นตลาดเพียง 2 รายหลัก ๆ แต่ในช่วง 1-2 ปีนี้

"ซุป เปอร์เค เอาท์เลท" ผู้ประกอบการจากแดนกิมจิได้รุกคืบเข้ามาทำตลาดขยายตัวแบบซุ่มเงียบในปี 2555 จนกระทั่งปัจจุบันเปิดไปแล้ว 21 สาขาทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ครอบคลุมทั้งโลเกชั่นในศูนย์การค้าและย่านชุมชน แตกต่างจากกลยุทธ์ของ "เอาท์เลท" เดิม ๆ ที่มักไปตั้งอยู่ในพื้นที่รอบกรุงเทพฯและเมืองท่องเที่ยว


สินค้ามือ 1 ราคายั่วใจ

นางสาวสุภกัญญ์ญา เกษชุมพล กรรมการผู้จัดการ บริษัท นภา ซันไชน์ จำกัด ผู้จำหน่ายสินค้าแฟชั่นมัลติแบรนด์ ซุปเปอร์เค เอาท์เลท เปิดเผยว่า บริษัทเล็งเห็นถึงความน่าสนใจในตลาดแฟชั่นที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะยังมีช่องว่างในกลุ่มแฟชั่นเอาต์เลตที่มีคู่แข่งไม่มาก และยังไม่มีรายใดที่มีสินค้าแบบมัลติแบรนด์ จึงมีความสนใจที่จะรวบรวมแบรนด์ในห้างสรรพสินค้าเกาหลี อาทิ ลอตเต้, ซินเซแก, ฮุนได และแกลเลอเรีย เข้ามาจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ซุปเปอร์เค เอาท์เลท

โดยมีจุดแข็งในเรื่องของราคาและความหลากหลายซึ่งสินค้าภายในร้านจะครอบคลุม เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หมวก แว่นตา เครื่องประดับ ฯลฯ ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และเด็ก รวมทั้งสิ้นกว่า 200 แบรนด์ รองรับทุกไลฟ์สไตล์การแต่งตัว มีการจัดโปรโมชั่นลดราคา 70-95% ทุกวัน หรือมีสินค้าราคาเริ่มต้นที่ 99 บาทไปจนถึง 1,599 บาท และจัดโปรโมชั่นเคลียร์สต๊อกทุกเดือน เริ่มต้นที่ราคา 10 บาท เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อและลดต้นทุนการจัดเก็บ โดยจะมีการหมุนเวียนสินค้าใหม่เข้ามาในร้านทุก ๆ 1 อาทิตย์

"สินค้าของเราเป็นมือ 1 แต่ที่สามารถขายในราคาเท่านี้ได้เพราะเวลาซื้อมาแต่ละครั้งเราซื้อเป็นจำนวนมาก ลอตละไม่ต่ำกว่า 1 แสนชิ้น"


อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ในการบริหารสินค้าและราคาจะแบ่งตามกลุ่มเป้าหมายของพื้นที่ในแต่ละ สาขา หากเป็นในห้างสรรพสินค้าก็จะคัดเลือกแบรนด์คุณภาพดีเข้าไปจำหน่าย ส่วนในซูเปอร์มาร์เก็ตก็จะเป็นแบรนด์ที่จับลูกค้ากลุ่มชนชั้นกลาง หรือตลาด/ย่านชุมชนก็จะเป็นแบรนด์ระดับกลาง

ส่ง "แฟรนไชส์" สปีดสาขา

นาง สาวสุภกัญญ์ญากล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันซุปเปอร์เคฯมีสาขาทั้งสิ้น 21 สาขา ประกอบไปด้วยพื้นที่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยทิศทางต่อจากนี้ต้องการโฟกัสไปที่การขยายในรูปแบบแฟรนไชส์ เพื่อเร่งให้มีสาขามากขึ้น โดยตั้งเป้าที่จะมี 300 สาขาภายใน 5 ปี ซึ่งจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลต่อจำนวนการนำเข้าสินค้า ทำให้สามารถประหยัดจากขนาด (Economy of Scale) เอื้อต่อการหมุนเวียนและกระจายสินค้า


โดยการลงทุนต่อสาขาที่รวมค่า แฟรนไชส์ ค่ามัดจำ และค่าก่อสร้างแล้วจะอยู่ที่ 1.55 ล้านบาท สำหรับพื้นที่ 100 ตร.ม. ใช้งบฯ 4.55 ล้านบาท สำหรับพื้นที่ 400 ตร.ม. และ 10.5 ล้านบาท สำหรับพื้นที่ 1,000 ตร.ม. ซึ่งการแบ่งผลประโยชน์จากรายได้ (Revenue Sharing) ให้กับบริษัทในสัดส่วน 55% และผู้ร่วมลงทุน 45% ทุก ๆ 2 ครั้งต่อเดือน

โดยมีระยะเวลาของสัญญา 10 ปี (ต่อเมื่อครบ 5 ปี) ซึ่งบริษัทจะเข้าไปสนับสนุนในเรื่องของการตลาด การสร้างแบรนด์ ประชาสัมพันธ์สินค้าและโปรโมชั่น รวมถึงฝึกอบรมพนักงาน และระบบบริการ ณ จุดขาย โดยการันตีการคืนทุนภายใน 3 ปี


 
"สำหรับงบฯการตลาดเฉลี่ยจะใช้ ประมาณ 10% ของยอดขาย โดยเน้นไปที่การโรดโชว์หรือออกบูทตั้งร้าน เพื่อสร้างการรับรู้ รวมถึงใช้ในการทำโปรโมชั่น และประชาสัมพันธ์ในสื่อ อาทิ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ฯลฯ รวมไปถึงสื่อออนไลน์"

แตกไลน์ขยายฐานกลุ่มเด็ก

ผู้บริหารซุปเปอร์เคฯระบุว่า บริษัทยังมองว่าตลาดแฟชั่นเด็กมีความน่าสนใจ เนื่องจากคู่แข่งยังมีไม่มาก โดยจะแตกแบรนด์ใหม่ในชื่อซุปเปอร์ คิดส์ เพื่อเป็นร้านมัลติแบรนด์ที่รวบรวมแฟชั่นสำหรับเด็กโดยเฉพาะ คาดว่าจะเปิดสาขาแรกในเซ็นทรัลเวิลด์ ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า

รวม ถึงจะขยายไลน์สินค้าไปสู่กลุ่มเครื่องสำอาง และเครื่องใช้ขนาดเล็กภายในบ้านในปีหน้า โดยปัจจุบันได้เจรจากับแบรนด์เดอะแซม และเนเจอร์ รีพับบลิคแล้ว นอกจากนี้ยังวางแผนที่จะเข้าไปยังช่องทางออนไลน์ โดยเบื้องต้นคาดว่าจะจับมือกับพันธมิตร เช่น เอ็นโซโก้ เพื่อให้เป็นช่องทางจำน่ายก่อนที่จะพัฒนาเว็บไซต์ของตัวเองขึ้นในอนาคต


 
สำหรับการดำเนินงานภายในปีนี้มองว่าจะสามารถขยายสาขาได้ครบ 30 สาขา คิดเป็นรายได้ 300 ล้านบาท โดยในปีหน้าคาดว่าจะขยายได้ประมาณ 60 สาขา มีรายได้ 600 ล้านบาท

ทั้งนี้ ซุปเปอร์เค เอาท์เลท เป็นธุรกิจของนายซัง ลี ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส โดยอดีตเคยทำธุรกิจเสื้อผ้า ค้าปลีก และออร์แกไนเซอร์ในประเทศเกาหลี และย้ายมาอยู่ประเทศไทยเมื่อปี 2552

โดยเริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้าอีกครั้ง ภายใต้แบรนด์ เคที พาวเวอร์ เอาต์เลต แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากยังไม่รู้จักตลาดประเทศไทยดีนัก จนกระทั่งปี 2554 ได้มีแนวคิดในการเปิดซุปเปอร์เคฯขึ้น โดยใช้เวลาวางแผน 1 ปี และได้เปิดตัวสาขาชั่วคราวแห่งแรกขึ้นที่เออร์เบิน สเปซ พื้นที่ระหว่างเกษรพลาซ่าและโรงแรมอโนมา

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
อากิโกะที เปิด 2 สาขาใ..
5,884
สเต็กเด็กแนว สร้างรายไ..
2,712
ซอห์น ฟู้ด จัดโปรแรง! ..
1,184
ก๋วยเตี๋ยวเรือปัญจะรส ..
779
“THE GRAND MALL” ทำเลด..
638
ธงไชย ผัดไทย ร่วมกับคน..
620
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด