3.9K
2 ตุลาคม 2557
ไดโซ ขยายแฟรนไชส์รุกอาเซียน ปักธง"เมียนมาร์"รับเทรนด์ตลาดร้าน 60 บาทบูม


 ร้าน ไดโซ 60 บาท เผยแผนรุกข้ามชายแดนหลังปักธงเมียนมาร์ 6 สาขา เล็งขยายต่ออาเซียนปีหน้า พร้อมปรับโฉมร้านในประเทศเน้นสีหวาน-ขนม-ความงามดึงลูกค้าวัยรุ่น มั่นใจสิ้นปีเปิดครบ 100 สาขารับไฮซีซั่น

นางสาวรัสรินทร์ สุรพัฒนไพศาล รองประธาน บริษัท ไดโซ ซังเกียว (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์ร้านสินค้า 60 บาท ไดโซ ซังเกียว กล่าวว่า ขณะนี้นอกจากสาขาในประเทศไทยแล้ว บริษัทยังได้เริ่มขายแฟรนไชส์ไปยังประเทศเพื่อนบ้านด้วยโดยปัจจุบันมีร้านได โซในเมียนมาร์จำนวน 6 สาขา ตั้งราคาขายสินค้าที่ 1,800 จ๊าต หรือเท่ากับประมาณ 60 บาทไทย

ซึ่งได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ต่อจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะขยายไปยังประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียนด้วยเช่น กัน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างพูดคุยกับทางประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะสามารถเปิดเผยได้ในปีหน้า

ด้านธุรกิจในประเทศไทย ล่าสุดบริษัทมีร้านสาขารวมทั้งสิ้น 93 สาขา แบ่งเป็นแฟรนไชส์ 31 สาขา และบริหารเอง 62 สาขา โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถขยายร้านได้ครบ 100 สาขาอย่างแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีอัตราการเปิดสาขาปีละ 15-20 สาขามาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสามารถรักษาอัตรานี้ได้ต่อไป

ใน ส่วนของโมเดลการเปิดร้านนั้น บริษัทยังไม่มีแผนที่จะมุ่งเน้นด้านใดด้านหนึ่งแต่จะมองความเหมาะสมในแต่ละ กรณีเป็นหลัก โดยขนาดพื้นที่ที่เหมาะสมจะต้องไม่น้อยกว่า 150 ตร.ม. เพื่อให้จำนวนและปริมาณสินค้าในร้านมีความหลากหลายเพียงพอ

อย่างไร ก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มปรับปรุงร้านสาขาเดิมให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นเพื่อดึง ดูดลูกค้าวัยรุ่นเข้ามาเพิ่มจากเดิมที่กลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มแม่บ้าน ครอบครัว และคนทำงาน ด้วยการตกแต่งร้านในธีมสีชมพู เพิ่มขนาดร้านและสินค้าในแต่ละหมวดให้มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าใช้ เวลาเลือกชมสินค้าในร้านนานกว่าเดิม รวมถึงเพิ่มสินค้าหมวดขนมและความงามซึ่งตรงความต้องการของวัยรุ่นเข้ามา

โดยหลังจากการปรับปรุงดังกล่าวพบว่าลูกค้ามีจำนวนการซื้อต่อบิลเพิ่มขึ้น 20% หรือจากค่าเฉลี่ยเดิม 3 ชิ้น เป็น 4 ชิ้นต่อบิล ขณะนี้บริษัทปรับปรุงไปแล้ว 40% ของสาขาทั้งหมด และคาดว่าจะแล้วเสร็จครบ 100% ในปีหน้า


 
ในส่วนของการแข่งขันนั้น นางสาวรัสรินทร์กล่าวว่า ในตลาดมีการแข่งขันสูงขึ้นจากแบรนด์ร้านสินค้าราคาเดียวของญี่ปุ่นที่มีผู้ ซื้อแฟรนไชส์เข้ามา แต่เชื่อว่าไดโซที่เป็นการร่วมทุนกับญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่งและทำตลาดมานาน จะยังคงมีความได้เปรียบ โดยปัจจุบันตลาดแข่งขันกันในด้านคุณภาพและความหลากหลายของสินค้า ซึ่งบริษัทเองยังมีสินค้าอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้นำเข้ามาขาย เช่น กลุ่มความงามที่จะทยอยนำเข้ามาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

"สำหรับร้าน สินค้า 20 บาทที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นนั้น แม้ลูกค้าบางส่วนจะถูกดึงไปบ้าง แต่เชื่อว่าด้วยความแตกต่างของคุณภาพสินค้าจะทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่หันกลับมา ซื้อสินค้าจากไดโซเช่นเดิม"

ด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค นางสาวรัสรินทร์อธิบายว่า ที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยช่วงความไม่สงบมีเพียงสาขาในพื้นที่ชุมนุมเท่านั้นที่มีปัญหาจนเห็นได้ ชัด เช่น สาขาสยามสแควร์และสีลม ส่วนสาขาในพื้นที่อื่น ๆ กระทบเพียงเล็กน้อย

ส่วนสภาพเศรษฐกิจและค่าครองชีพที่มีปัญหานั้น กลับเป็นโอกาสที่ทำให้ร้านสินค้าราคาเดียวได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมาก ขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีส่วนช่วยขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เข้ามา ทั้งนี้ไตรมาส 4 ที่จะถึงนี้คาดว่ากำลังซื้อจะดีขึ้นแน่นอน ทั้งจากปัญหาต่าง ๆ ที่คลี่คลายลง และการเป็นช่วงไฮซีซั่นของการจับจ่ายใช้สอยอยู่แล้ว

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
อากิโกะที เปิด 2 สาขาใ..
3,681
สเต็กเด็กแนว สร้างรายไ..
1,667
ซอห์น ฟู้ด จัดโปรแรง! ..
924
ก๋วยเตี๋ยวเรือปัญจะรส ..
718
“THE GRAND MALL” ทำเลด..
573
โรบอท สเตชัน คลับ จัดโ..
549
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด