|
|
8 พฤศจิกายน 2557 |
ซูกิชิ ส่งร้านอาหารบุกอินโดจีน แตก 3 แบรนด์ใหม่รับดีมานด์โต
"ซูกิชิ" ระดม 3 แบรนด์ใหม่ รุกร้านอาหารเกาหลีรับเทรนด์ตลาดโตต่อเนื่อง อัดโปรโมชั่นราคา-ลุ้นรางวัลท่องเที่ยว รับกำลังซื้อฟื้น พร้อมปูพรม "กิมจิ โก โก" ต่อยอดเกาหลีฟีเวอร์ เผยแผนเตรียมสยายปีกบุกเมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม
นายนพดล จิรวราพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซูกิชิ อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ผู้บริหารร้านอาหารเกาหลี "ซูกิชิ" กล่าวว่า จากกระแสอาหารเกาหลีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากการมีแบรนด์ร้านอาหารเกาหลีใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีอาหารเกาหลีประเภทต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เช่น ต๊อกป๊อกกี หรือบูเด (สุกี้เกาหลี) จากเดิมที่จะรู้จักและคุ้นเคยเฉพาะอาหารประเภทปิ้งย่าง ซึ่งทำให้ในแต่ละปีตลาดร้านอาหารเกาหลีจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% และปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5-6 พันล้านบาท
ปัจจุบัน ร้านอาหารเกาหลียังเป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก และเพื่อรองรับโอกาสดังกล่าว บริษัทจะเพิ่มการลงทุนเพื่อขยายสาขาเพิ่ม โดยจะใช้ "ซูกิชิ โคเรียน ชาร์โคล กริลล์" เป็นแบรนด์หลักในการเจาะกลุ่มลูกค้าครอบครัวแล้ว นอกจากนี้ ยังมีแผนจะเปิดตัวร้านอาหารเกาหลีเพิ่มอีก 3 แบรนด์ ในจำนวนนี้จะเป็นแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นเอง 2 แบรนด์ และอีก 1 แบรนด์ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์จากเกาหลี เพื่อขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มใหม่ ๆ และเป็นการเสริมธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น จากปัจจุบันที่มีแบรนด์ร้านอาหารเกาหลีและร้านอาหารญี่ปุ่นรวม 7 แบรนด์ อาทิ ซูกิชิ โคเรียน ชาร์โคล กริลล์, ซูกิชิ โตเกียว บุฟเฟ่ต์, โซลกริลล์, วาวาชา เป็นต้น
"ที่ผ่านมาได้ทุ่มงบฯเกือบ 1 พันล้านบาท สร้างระบบครัวกลางขึ้นมาเพื่อรองรับการขยายสาขาและการเติบโตของธุรกิจใน อนาคต ล่าสุดได้ผลิตกิมจิพร้อมทาน ภายใต้แบรนด์ "กิมจิ โก โก" ออกมาจำหน่ายใน 8 สาขาของร้านซูกิชิในกรุงเทพฯ และจะทยอยวางจำหน่ายให้ครบทุกสาขาภายในสิ้นปีนี้ และขยายไปตามซูเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ"
นายนพดลกล่าวว่า นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายสาขาไปประเทศเพื่อนบ้าน ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม เบื้องต้นจะใช้แบรนด์ซูกิชิ โคเรียน ชาร์โคล กริลล์เป็นหลัก โดยรูปแบบอาจจะเป็นทั้งการลงทุนเอง การร่วมมือกับพันธมิตรและแฟรนไชส์ คาดว่าเร็วที่สุดจะสามารถเปิดสาขาแรกได้ภายในปลายปีหน้า
สำหรับแนวทางการทำการตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้าย นอกจากเมนูอาหารใหม่ที่จะออกมาในทุก ๆ 2 เดือน ยังจะมีการทำโปรโมชั่นส่วนลด การลุ้นรางวัลท่องเที่ยวเกาหลี การแจกสินค้าพรีเมี่ยม ลิขสิทธิ์ "โพโรโระ" ตัวการ์ตูนนกเพนกวินและผองเพื่อนที่ได้รับความนิยมจากเกาหลี อาทิ ตุ๊กตา แก้วมัค เป็นต้น รวมทั้งจะมีการใช้สื่อประชาสัมพันธ์ที่ครอบคลุมทุกช่องทาง
"ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ด้วยสภาพเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่เอื้อ ทำให้การขยายสาขาไม่เป็นไปตามเป้า ขณะเดียวกัน ก็ได้ปรับลดงบฯทางการตลาดของร้านอาหารในเครือทั้งหมดเหลือเพียง 100 ล้านบาท จากเดิมที่ใช้ประมาณ 200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โดยรวมที่คลี่คลายขึ้น กำลังซื้อที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว ประกอบกับเริ่มเข้าสู่เทศกาลปลายปี คาดว่าจะช่วยให้ยอดขายรวมปีนี้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 2,200 ล้านบาท" นายนพดลกล่าว
อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
|
|
|