นางศิริจิตต์ กาญจนบัตร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คาร์แลค (ไทย-เยอรมัน) จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาสีรถยนต์ "คาร์แลค 68" จากประเทศเยอรมนี และคาร์แคร์แฟรนไชส์ ภายใต้ชื่อ "โมลีแคร์" เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดศูนย์บริการคาร์แคร์ในปีที่ผ่านมาไม่ดีเท่าที่ควร เป็นไปตามทิศทางเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งมีผลต่อลูกค้าทั้งกลุ่มผู้ที่เคยสนใจลงทุนทำธุรกิจคาร์แคร์ชะลอแผนออกไป ส่วนศูนย์คาร์แคร์เดิมก็มียอดสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถน้อยลง

 

โดยในปีที่ผ่านมาพบว่ายอดลูกค้าที่เข้ามารับบริการในสาขาที่บริษัทลงทุนเองลดลง10%จากเดิมที่มีลูกค้าเข้ามารับบริการทั่วไป 800-1,000 คันต่อเดือนต่อสาขา ก็ลดลงเหลือ 700-800 คัน ขณะที่สาขาในห้างสรรพสินค้าก็ลดลงเช่นกันจาก 1,500 คัน เหลือ 1,200 คันต่อเดือน

 

 

จากทิศทางตลาดในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน บริษัทจึงได้เริ่มขยายธุรกิจไปต่างประเทศ โดยได้เริ่มเปิดแฟรนไชส์ "โมลีแคร์" ที่กัมพูชา 2 สาขา ลาว 3 สาขา และพม่าอีก 1 สาขา เนื่องจากทั้งสามประเทศดังกล่าวเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีโอกาสที่จะเติบโต โดยตลาดที่มีศักยภาพเรียงจากมากที่สุดคือ กัมพูชา พม่า และลาว

 

อย่างไรก็ตามสำหรับปีนี้ ตลาดลาวมีแนวโน้มการเติบโตชัดเจน เนื่องจากบริษัทได้จับมือกับบริษัท ปิโตร เทรดดิ่ง ลาว จำกัด หรือ พลัส (Plus) เพื่อเปิดศูนย์บริการโมลีแคร์ ในสถานีบริการน้ำมันพลัส

 

โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถเปิดได้ถึง 80 สาขา ซึ่งจะเริ่มเปิดสาขาแรกที่เวียงจันทน์ 2 แห่ง นอกจากนี้ยังมีแผนขยายการลงทุนไปประเทศเวียดนามเพิ่มเติมด้วย

 

ขณะที่ในประเทศปีนี้จะมีการขยายแฟรนไชส์เพิ่มเติมอีก 5 แห่ง รวมกับสาขาเดิมเป็น 60 สาขา โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 2-3 ล้านบาท หากต้องลงทุนใหม่ทั้งหมด แต่หากเปิดในสถานีบริการน้ำมันค่าใช้จ่ายก็จะลดลง

 

 

 

ส่วนประเด็นที่คาร์แคร์สัญชาติมาเลเซียจะเข้ามาบุกตลาดไทย โดยเริ่มมีการนำเข้าสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลรักษารถยนต์เข้ามาทำตลาดแล้ว นางศิริจิตต์กล่าวว่า ผู้ประกอบการไทยก็ต้องเริ่มปรับตัว ซึ่งบริษัทก็มีแผนจะรีแบรนด์ สินค้าแบรนด์คาร์แลค 68 ทั้งการเปลี่ยนโลโก้ และแพ็กเกจจิ้งใหม่ทั้งหมด รวมถึงมีกลุ่มสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาเติมเต็มตลาดด้วย

 

ล่าสุดบริษัทได้ขยายธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์แท้ "ลิควิ โมลี" ซึ่งจะเจาะตลาดทั้งกลุ่มรถยนต์และจักรยานยนต์บิ๊กไบก์ โดยใช้ช่องทางการจำหน่ายเดียวกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่เดิมคือ กลุ่มผลิตภัณฑ์สารเพิ่มประสิทธิภาพในเครื่องยนต์ที่จำหน่ายผ่านทั้งทาง บี-ควิก, ออโตแบคส์,ร้านค้าทั่วไป และอู่ต่าง ๆ รวมกว่า 200 แห่งทั่วประเทศ

 

นางศิริจิตต์กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2558 ประมาณ 100 ล้านบาท หรือเติบโต 20% หลังจากปีที่ผ่านมามียอดขาย 80 ล้านบาท โดยในปี 2558 จะเน้นการทำกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตมากขึ้น เพื่อสร้างการรับรู้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายโดยตรง และตั้งเป้าภายใน 5 ปี ยอดขายของทั้ง 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์จะอยู่ที่ 500 ล้านบาท

อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ