นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ชะลอแผนการเปิดสาขาลักษณะแฟรนไชส์ในต่างประเทศออกไป 2-3 ปี จากเดิมมีแผนจะเริ่มได้กลางปีนี้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาจากราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเงินเฟ้อสูง
“ที่ผ่านมามีนักลงทุนต่างประเทศหลายรายสนใจที่จะร่วมลงทุนใน รูปแบบแฟรนไชส์ ไม่ว่าจะเป็นจีน อินเดีย เวียดนาม ดูไบ โดยเฉพาะในเวียดนามที่เดิมจะเริ่มได้ในกลางปีนี้ ต้องเลื่อนออกไป เพราะพาร์ต เนอร์ทางธุรกิจยังไม่พร้อมและหาสถานที่เปิดศูนย์ไม่ได้” นายกิจจา กล่าว
นายขวัญชัย กิจก้องขจรชัย รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทหันมาให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าผู้ดำเนินธุรกิจเอสเอ็มอี โดยก่อนหน้านี้ได้เจรจากับพาร์ต เนอร์ทางธุรกิจ คือ ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล ในการตกแต่งร้านเสริมสวยที่ใช้สินค้าของลอรีอัลในการ ตกแต่งร้านให้เป็นรูปแบบเดียวกัน
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างการเจรจากับธุรกิจประเภทร้านกาแฟ และเสื้อผ้า รวมถึงการเจรจากับธนาคาร เพื่อหาสินเชื่อพิเศษให้กับ ผู้ที่จะประกอบธุรกิจเอสเอ็มอี โดยจะเลือกแบรนด์หลักเพียงรายเดียวที่คาดว่าจะได้ขอสรุปภายใน 2 เดือน ข้างหน้า
นายขวัญชัย กล่าวว่า ปัจจุบันราคาไม้ กาว และเหล็ก ยังปรับขึ้น แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับลงแล้วก็ตาม โดยเฉลี่ยต้นทุนการผลิตสูง ขึ้น 15-25% แต่ช่วงเดือน มิ.ย. ได้ปรับราคาขายขึ้น 5-10% ซึ่งยัง ไม่ครอบคลุมกับต้นทุนที่ปรับขึ้น แต่บริษัทยังไม่มีแผนที่จะปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด
สำหรับแผนการตลาด บริษัท ตั้งเป้าเปิดสาขาในประเทศปีละอย่างน้อย 2 สาขา โดยในปีหน้า มีแผนจะเปิดสาขาบางนา ขณะเดียวกันได้ซื้อที่ดินย่านรามอินทราเพื่อเปิดสาขาใหม่ ล่าสุดบริษัท เปิดสาขา 17 ที่ จ.ขอนแก่น โดยใช้งบลงทุน 550 ล้านบาท เนื่องจากสาขาดังกล่าวมีศักยภาพ รองรับกำลังซื้อพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ จ.เลย หนองบัวลำภู บุรีรัมย์ กาฬสินธุ์ เป็นต้น คาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายในเวลา 7 ปี
ปัจจุบันบริษัทมีช่องทางจำหน่ายสินค้า 3 รูปแบบ ประกอบด้วย
1.ค้าปลีก ที่สร้างยอดขาย 80%
2.ค้าส่งและดีลเลอร์ สร้างยอดขาย 15%
3.ขายผ่านโครงการและธุรกิจเอสเอ็มอี สร้างยอดขาย 5% ตั้งเป้ายอดขายปีนี้อยู่ที่ 7,500 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีก่อน 15% ใช้งบการตลาด 220 ล้านบาท
ที่มา : โพสต์ทูเดย์