|
|
5 กรกฎาคม 2558 |
ญี่ปุ่นเชื่อมั่นเตรียมตั้งสำนักงานส่งเสริม SMEs รองรับ AEC ในไทย
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เผยรัฐบาลญี่ปุ่นเตรียมตั้งศูนย์ส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว ประจำประเทศไทย หรือ Tokyo SME Support Center ณ กรุงเทพฯ มุ่งให้บริการด้านบริหารจัดการแก่ SMEs ญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนกับนักธุรกิจอุตสาหกรรมไทย
โดยเฉพาะ SMEs ไทย รวมทั้งพัฒนารูปแบบการให้บริการด้านบริหารจัดการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มผลิตภาพของ SMEs ไทย ให้มีขีดความสามารถรองรับการเปิดเสรีใน AEC ด้วยงบประมาณส่งเสริม SMEs ปี 2558 (1 เม.ย. 58 –31 มี.ค.59) ของมหานครโตเกียว (ไม่รวมเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง) เป็นเงินประมาณ 1.90 ล้านล้านบาท ขณะที่งบประมาณปี 2558 ของไทยเป็นเงิน 2.57 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กสอ.และประเทศญี่ปุ่น โดยรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น โดยได้ร่วมลงนาม MOU ความร่วมมือทางเทคนิควิชาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ไปแล้วทั้งสิ้น 14 หน่วยงาน อาทิ จังหวัดไซตามะ จังหวัดยามานะชิ จังหวัดชิมาเน่ SMEs Support Center (หน่วยงานของรัฐบาลกลาง) จังหวัดฟุกุอิ หน่วยงาน Tokyo Metropolitan Industrial Technology Research Institute (หน่วยงานท้องถิ่นของมหานครโตเกียว) เป็นต้น เพื่อให้ยังคงบทบาทด้านการค้า การลงทุน และการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยต่อไป
สำหรับการจัดตั้งสำนักงานฯ ณ กรุงเทพฯ ดังกล่าว กสอ.ได้เดินทางไปเจรจาความร่วมมือทางเทคนิควิชาการด้านการส่งเสริม SMEs และ OTOP กับ Tokyo SME Support Center เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ มหานครโตเกียวประเทศญี่ปุ่น
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้เดินทางไปเจรจาความร่วมมือทางเทคนิควิชาการด้านการส่งเสริม SMEs และ OTOP กับ Tokyo SME Support Center ซึ่งเป็นหน่วยงานให้บริการ SMEs ของมหานครโตเกียวโดยได้ลงนาม MOU กับนายยูจิ อิซาว่า ประธาน Tokyo SME Support Center ณ ศาลาว่าการกรุงโตเกียว โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองการให้บริการกับ SMEs ทั้งของญี่ปุ่นและไทย รวมทั้งพัฒนารูปแบบการให้บริการด้านบริหารจัดการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ SMEs ให้มีขีดความสามารถรองรับการเปิดเสรี AEC
นายอาทิตย์กล่าวต่อว่า ในโอกาสเดินทางไปมหานครโตเกียวครั้งนี้ ยังได้เข้าเยี่ยมและหารือแนวทางความร่วมมือกับนายมาเอดะ โนบิฮิโระ รองผู้ว่าราชการมหานครโตเกียว และนายทาคาชิมะ นาโอกิ ประธานสภามหานครโตเกียว
ซึ่งทั้ง 2 ท่าน ให้ความเห็นว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และเป็นประเทศที่นักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสำคัญในการลงทุนธุรกิจอุตสาหกรรมมายาวนาน และปัจจุบันยังมีศักยภาพสูงที่จะเป็นฐานเศรษฐกิจที่ธุรกิจอุตสาหกรรมของนักลงทุนญี่ปุ่น รวมทั้งธุรกิจอุตสาหกรรมที่ร่วมลงทุนกับนักลงทุนไทยจะได้ขยายไปสู่ภูมิภาคดังกล่าวได้อีกด้วย
ทั้งนี้เดือนเมษายน 2558 ที่ผ่านมา ได้มาตั้งสำนักงาน Tokyo Metropolitan Industrial Technology Research Institute สาขากรุงเทพฯ ที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ศูนย์บริการกล้วยน้ำไท)
ซึ่งเป็นหน่วยงานให้บริการด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และคาดว่าช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน 2558 ก็จะเข้ามาตั้งศูนย์ส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งมหานครโตเกียว ประจำประเทศไทย หรือ Tokyo SME Support Center เพิ่มที่กรุงเทพฯ อีก 1 สำนักงาน เพื่อให้บริการด้านการบริหารจัดการ และได้จัดกิจกรรมความร่วมมือต่าง ๆ เช่น การสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการ การจับคู่ธุรกิจ การศึกษาดูงานเป็นต้น
นายอาทิตย์กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเทศญี่ปุ่นมีบทบาทหลักต่อภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยทั้งด้านการค้าและการลงทุน กสอ.จึงได้ให้ความสำคัญและร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ยังคงบทบาทด้านการค้า การลงทุน และการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยต่อไป
รวมทั้งเพื่อเป็นฐานเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จึงได้สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานของญี่ปุ่นทั้งจากรัฐบาลกลาง และรัฐบาลท้องถิ่น โดยเฉพาะรัฐบาลท้องถิ่นที่แต่ละท้องถิ่นจะมีจุดเด่นของเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน
อย่างไรก็ตามขณะนี้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ลงนาม MOU ความร่วมมือทางเทคนิควิชาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ไปแล้วทั้งสิ้น 14 หน่วยงาน ได้แก่
- จังหวัดไซตามะ
- จังหวัดยามานะชิ
- จังหวัดอะคิตะ
- จังหวัดโทโทริ
- จังหวัดชิมาเน่
- SMEs Support Center (หน่วยงานของรัฐบาลกลาง)
- จังหวัดไอจิ
- เมืองคาวาซากิ
- จังหวัดฟุกุอิ
- หน่วยงาน Tokyo Metropolitan Industrial Technology Research Institute (หน่วยงานท้องถิ่นของมหานครโตเกียว)
- จังหวัดโทยาม่า
- เมืองมินะมิโบโซ
- จังหวัดฟูกุโอกะ และ
- Tokyo SMEs Support Center (หน่วยงานท้องถิ่นของมหานครโตเกียว เพิ่งลงนามเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2558)
นอกจากนี้ประธานสภามหานครโตเกียวได้แจ้งว่า ในปี 2563 (ค.ศ.2020) มหานครโตเกียวได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโอลิมปิคอีกครั้งหนึ่ง ขณะนี้ได้ดำเนินการในการเตรียมการต่าง ๆ โดยเฉพาะการก่อสร้างสนามแข่งขัน ที่พักนักกีฬา รวมทั้งโครงสร้างสาธารณูปโภค สาธารณูปการต่าง ๆ เชื่อว่าจะเป็นตัวจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจของญี่ปุ่นให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ซึ่งจะส่งอานิสงส์แก่ SMEs ของมหานครโตเกียวซึ่งมีจำนวนกว่า 400,000 ราย และส่งผลดีต่อประเทศที่เป็นคู่ค้าของญี่ปุ่นรวมทั้งประเทศไทย ทั้งนี้งบประมาณปี 2558 (1 เม.ย. 58 –31 มี.ค.59) ของมหานครโตเกียว (ไม่รวมเงินอุดหนุนจากรัฐบาลกลาง) เป็นเงินประมาณ 1.90 ล้านล้านบาท ขณะที่งบประมาณปี 2558 ของไทยเป็นเงิน 2.57 ล้านล้านบาท นายอาทิตย์กล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
|
|
|
|